คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : ผลิตสินค้าใหม่ (1)
ถานอวีจี้มึนงงเล็กน้อยก่อนจะถามซ้ำ
“ท่านต้องการมาพักด้วย หมายความเช่นไรหรือเจ้าคะ”
ฉินหลิงพยักหน้ายืนยันเล็กน้อย “ข้าต้องการมาอาศัยอยู่กับเจ้าด้วยนะ”
หญิงงามก็เอ่ยถามออกไป
“ไม่ใช่ว่าท่านพักอยู่ในเมืองไผ่เขียวหรือเจ้าคะ ?”
ฉินหลิงได้แต่หัวเราะแห้งๆออกไปแล้วเอ่ย
“แหะๆ เมื่อก่อนนะใช่ เเต่ตอนนี้ข้าไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้ว”
เมื่อได้ยินว่าชายหนุ่มไม่มีที่พักก็ทำให้หญิงสาวเอามือปิดปากด้วยความตกใจ
“มีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับท่านรึ ?”
ฉินหลิงก็ส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วตอบอย่างอับอาย
“ไม่มีอะไรไม่ดีหรอก เพียงเเค่ข้าหนีออกมาจากบ้านเองนะ”
“เช่นนั้นเชิญเข้ามาก่อนเจ้าคะ
เดี๋ยวข้าไปเตรียมน้ำชาให้”
กล่าวจบถานอวี้จี้ก็หันไปมองชายอ้วนที่ยืนอยู่ด้านหลังฉินหลิงด้วยสีหน้าสงสัยเล็กน้อย
เพราะเธอไม่เคยเห็นบุรุษผู้นี้มาก่อนและเขาก็ไม่ใช่ลู่ชิงที่ติดตามนายน้อยฉินเป็นประจำอีกด้วย
เจ้าอ้วนอวี้หยวนที่กำลังอ้าปากค้างกับรูปโฉมที่งดงามของถานอวี้จี้ เเละทำให้เขารู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่าทำไมนายน้อยฉินผู้นี้ถึงขั้นยอมทะเลาะกับแม่ทัพใหญ่ผู้เป็นปู่ของตนเองเพื่อสตรีนางนี้
หากจะให้กล่าวคงไม่พ้นต้องใช้คำว่างามล้มเมืองจริงๆ หากเขาได้สตรีคนนี้มาเป็นภรรยาต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับใครเขาก็ยอมทั้งสิ้น
จากนั้นก็หันไปมองฉินหลิงพร้อมกับนับถือในใจกับความสามารถในการครอบครองสตรีที่งดงามเช่นนี้ได้
อวี้หยวนเดินเข้าไปกระซิบข้างหูของฉินหลิง
“นายน้อยฉิน ท่านสุดยอดไปเลยที่สามารถหาสาวงามขนาดนี้มาเป็นฮูหยินได้ ข้าน้อยนับถือ”
ครั้นได้ยินคำพูดของเจ้าอ้วนก็ทำให้ฉินหลิงพยักหน้าด้วยความพอใจในการประจบของอีกฝ่ายแล้วเดินเข้าไปบ้านและนั่งรอน้ำชาที่หญิงงามของเขากำลังไปเตรียมอยู่และไล่เจ้าอ้วนกลับไป
ก่อนจะหันไปมองเสี่ยวหลู่ที่กำลังเช็ดพื้นอย่างตั้งอกตั้งใจโดยไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเข้ามาในห้องแล้ว
ผ่านไปชั่วครู่เสี่ยวหลู่ที่รู้สึกว่ามีคนจ้องก็หันกลับมาแล้วพบฉินหลิงจึงยิ้มออกมาและกล่าวทักทาย
“อรุณสวัสดิ์เจ้าคะ นายน้อยฉินมาหาน้องถานหรือ”
“ใช่แล้ว
และข้าจะมาพักอยู่ที่นี้ด้วย รบกวนเจ้าช่วยเตรียมห้องให้ข้าด้วย”
เมื่อได้ยินคำร้องขอของชายหนุ่มก็ทำให้เสี่ยวหลู่ตกใจก่อนจะถามอย่างสงสัย
“ทำไมท่านถึงมาพักที่นี้ ไม่ใช่ว่าท่านพักอยู่ในจวนเจ้าเมืองจะสบายหรอเจ้าคะ ?”
“เจ้ามีอะไรไม่สะดวกรึเปล่า เช่นนั้นพวกเราไม่รบกวนบ้านพักแห่งนี้ก็ได้
” เสียงของสตรีอีกคนก็ดังขึ้นมา ซึ่งก็คือถานฮูหยินที่ยามนี้กำลังเดินออกมาพร้อมกับบุตรสาวที่กำลังถือกาน้ำชา และถามด้วยความสงสัยว่าทำไมชายหนุ่มผู้นี้ถึงต้องการมาพักกับพวกนางทั้งที่เขามีที่พักใหญ่โตในเมืองไผ่เขียว
ใครจะคิดเล่าว่าถานฮูหยินจะเอ่ยถามเขาก่อนเช่นนี้ เขาก็ได้แต่หัวเราะแห้งแล้วเอ่ยอธิบายถานฮูหยินไป “ข้าทะเลาะกับท่านปู่นิดหน่อย เลยหนีออกจากบ้าน ดังนั้นตอนนี้ข้าไม่มีที่พักและเงินทองมาเลยขอรับ”
ฉินหลิงจะกล้าพูดได้อย่างไรว่าเขาโดนบังคับจ่ายค่าออกจากเมืองถึงห้าตำลึงทองทำให้เขาไม่มีเงินเหลือเลย
“เจ้าทะเลาะกับท่านแม่ทัพเพราะเรื่องของบุตรสาวข้าใช่รึไม่ ?” ถานฮูหยินที่เป็นผู้ใหญ่ก็ตระหนักได้ว่านายน้อยเบื้องหน้าต้องมีเรื่องราวบางอย่างที่สำคัญถึงกับต้องออกมาจากจวนและไม่แน่อาจจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับบุตรสาวตนจึงทำให้เธอถามไปอย่างจริงจัง
หญิงสาวทั้งสองที่ได้ยินคำถามของถานฮูหยินก็เบิกกตาตกใจออกมาก่อนจะจ้องชายหนุ่มด้วยสายตาจริงจัง
ฉินหลิงที่เห็นหญิงทั้งสามจ้องเช่นนั้นเขาก็ทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่นออกมาเพราะเขาไม่ต้องการให้ผู้หญิงของเขามากังวลเรื่องนี้
และอาจจะทำให้นางเครียดยิ่งกว่าเดิม
ผ่านไปชั่วครู่ฉินหลิงก็พยักหน้าอย่างจนใจพร้อมเอ่ย
“ท่านปู่ต้องการให้ข้าไปพบองค์หญิงหลิงเหมย แต่ข้าไม่ต้องการไป
ดังนั้นพวกเราจึงทะเลาะกันและข้าก็เลยออกจากจวนเจ้าเมืองมา ไม่ต้องกังวลข้าเพียงขอพักชั่วคราว
ตอนนี้ข้าได้เริ่มทำการค้ากับหอการค้าตะวันฉายแล้ว คาดว่าอีกไม่นานก็คงได้เงินมาใช้จ่าย ดังนั้นช่วงนี้ต้องรบกวนทุกคนแล้ว”
ฉินหลิงที่กล่าวออกไปก็มองเห็นถานอวี้จี้วิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาตกใจและเตรียมจะลุกเดินตามไปแต่เสียงของถานฮูหยินขัดขึ้นมา
“นายน้อยฉิน ท่านปล่อยอวี้จี้ไปก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า ”
“ทำไมรึขอรับ ให้ข้าได้ไปอธิบายกับนางก่อนว่าไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล และข้าก็ไม่เคยคิดอะไรกับองค์หญิงผู้นั้นเลย
ข้าเชื่อว่านางต้องเข้าใจเป็นแน่”
ถานฮูหยินยิ้มให้กับชายหนุ่มเล็กน้อย “ข้าต้องขอบใจสำหรับทุกสิ่งที่เจ้าทำเพื่อบุตรสาวข้า แต่เจ้าก็ต้องเข้าใจด้วยว่าพวกเราตอนนี้เป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านที่ไม่ได้มีตระกูลใหญ่โตหนุนหลัง และเจ้าที่เป็นถึงหลานชายของแม่ทัพใหญ่ผู้ที่เป็นรองเพียงตระกูลเดียวและเหนือกว่าคนนับหมื่น ดังนั้นการที่เจ้าต้องการจะแต่งกับนาง มันถือว่าเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย และปู่ของเจ้าก็หวังดีต่อเจ้า ขอให้เจ้าจงเข้าใจด้วยว่าในโลกใบนี้ความแข็งแกร่งเป็นตัวกำหนดทุกอย่าง เจ้าจะทำอะไรตามใจไม่ได้หรอกนะ”
ยามได้ยินคำของสตรีตรงหน้าก็ต้องทำให้เขาครุ่นคิดอย่างหนักเพราะอย่างไรที่นี้ก็ไม่ใช่โลกที่เขาเคยอยู่
ความคิดและค่านิยมมันต่างกัน
เขาที่เคยทำอะไรตามใจได้เพราะมีท่านปู่คอยคุ้มครองแต่หากเขายังคงดื้อรั้นต่อไปก็มีแต่คนลำบากใจไม่ว่าจะเป็นท่านปู่หรือตัวถานอวี้จี้เอง
แต่เป็นความรู้สึกในใจของเขาเองที่ไม่ยินยอมให้ทำเช่นนั้น เขาไม่สามารถทนเห็นหญิงที่เขารักต้องมาดูเขาตบแต่งกับสตรีอื่น
ฉินหลิงที่ตัดสินได้แน่วแน่ก็หันไปมองมารดาของถานอวี้จี้อย่างจริงจังก่อนเอ่ย
“ขอบคุณสำหรับท่านแม่ที่หวังดี แต่ข้าได้ตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่ายังไงข้าจะแต่งกับอวี้จี้ให้จงได้
ต่อให้เส้นทางที่ข้าจะเดินเต็มไปขวางหนามแต่ข้าจะไม่ย่อท้อ
ได้โปรดอย่าขัดข้าอีกเลย”
คำพูดของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้ถานซงอวิ้นสั่นสะท้านขึ้นมาทันที
ด้วยความซื่อสัตย์ที่ชายหนุ่มมีให้ลูกสาวตน จนเธอเองก็ต้องยอมแพ้ที่จะกล่าวอะไรออกมาพลางเงยหน้ามองชายหนุ่ม
“ลูกข้าช่างโชคดีนัก ที่เจ้ารักนางมากมาย เช่นนั้นข้าไม่ขอก้าวก่ายเรื่องของพวกเจ้าทั้งสองอีก แต่จงจำให้ดีอย่าทำให้อวี้จี้เสียใจเป็นอันขาดไม่เช่นนั้นต่อให้ข้าจะต้องตาย
ข้าก็จะลากเจ้าไปตายด้วย”
เวลาผ่านไปฉินหลิงที่ยังไม่ได้สติจากการข่มขู่ของผู้เป็นแม่ยายที่เดินจากไปแล้ว
เสียงเสี่ยวหลู่เอ่ยทักขึ้นมาปลุกสติฉินหลิง “นายน้อย
ท่านเป็นอะไรรึไม่ ?”
ฉินหลิงส่ายหัวไปเล็กน้อยให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินออกนอกบ้าน
แล้วพบถานอวี้จี้ที่ยืนอย่างโดเดี่ยวอยู่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่กำลังสะบัดไปมาตามสายลม
ฉินหลิงสูดลมหายใจลึกก่อนจะเดินเข้าไปหาสาวงามเบื้องหน้า “ทำไมเจ้าถึงวิ่งหนีออกมาเช่นนั้นรึ”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไม่ได้ตอบอะไร
เขาก็เดินไปข้างหน้าอีกจนไหล่ชิดกัน ก่อนจะยิ้มเล็กน้อยแล้วหันหน้าไปมองบนฟ้า “หรือว่าเจ้ารังเกียจข้าที่ไม่ได้เป็นคุณชายน้อยตระกูลฉิน
และต้องการทิ้งข้าไปอย่างนั้นรึ ?”
เสียงสั่นเครือของสาวงามก็ดังขึ้น
“ไม่ใช่เจ้าคะ ข้าไม่เคยรังเกียจท่าน ไม่ว่าท่านจะเป็นใครหรืออะไร ดังเช่นยามที่ท่านสวมหน้ากากขาวใบนั้นข้าก็ยังคงรักท่านมากที่สุด
แต่แป็นเพราะข้า ข้าทำให้ท่านเดือดร้อน ข้าไม่ต้องการเช่นนี้เลย เช่นนั้นท่านได้โปรดไปพบองค์หญิงที่ท่านแม่ทัพต้องการเถิด
ข้ารู้ตัวดีว่าข้านั้นไม่อาจคู่ครองท่านได้
ข้าขอเพียงแค่ได้อยู่ดูแลท่านเพียงเท่านี้ข้าก็พอใจแล้ว”
ใครจะรู้ว่าคำตอบที่ได้ยินจากหญิงสาวผู้นี้จะทำให้เขาเจ็บปวดได้ขนาดนี้
ทั้งที่นางเคยเจ็บปวดเพราะตัวเขามามากแล้ว
นางยังต้องการเสียสละตัวเองเพื่อให้เขาไม่ต้องผิดใจกับผู้เป็นปู่อีก
ฉินหลิงเดินไปด้านหน้าแล้วหันหน้าจ้องดวงตาที่แดงกล่ำของหญิงสาวแล้วจับไหล่ทั้งสอง
“เจ้าถามใจเจ้าดูว่าเจ้าต้องการให้ข้าไปแต่งกับหญิงอื่นได้จริงๆรึ
ข้าขอให้เจ้าเห็นแก่ตัวมากกว่านี้ได้รึไม่อวี้จี้
อย่าได้คิดถึงเพียงแต่ข้า ให้ข้าได้ปกป้องเจ้าเถอะนะ”
กล่าวจบฉินหลิงคว้าหญิงสาวเบื้องหน้าเข้ามากอดทันควันโดยไม่ให้นางได้เอ่ยอะไรออกมามีเพียงเสียงร้องไห้เบาๆดังขึ้นบนอกของเขาเท่านั้น
ถานฮูหยินที่ยืนห่างออกไปมองสองชายหญิงที่กอดกันก็ยิ้มออกมาแต่ในตาปรากฏเพียงความโศกเศร้าและเงยขึ้นมองบนฟ้าก่อนพึมพำกับตัวเอง
“ท่านพี่ ท่านยังคงจดจำข้าได้อยู่รึไม่
ท่านจะรู้รึไม่ว่าพวกเรามีบุตรสาวด้วยกัน ตอนนั้นทำไมท่านถึงไม่มาช่วยข้า
หรือท่านต้องการให้ข้าสิ้นใจไปจริงๆ”
เช้าวันรุ่งขึ้น
หลังจากฉินหลิงได้พักอยู่ที่บ้านหลังใหม่ก็ทำให้เขาไม่ค่อยชินเท่าไหร่นักเพราะเขาต้องพักอยู่กับสตรีถึงสามคน จึงทำให้เขากระวนกะวายใจไม่น้อย
ส่วนเจ้าอ้วนอวี้หยวน เขาได้ใช้ให้ไปดูแลหอการค้าต่อเพราะถึงอย่างไรตอนนี้เจ้าอ้วนก็เป็นผู้สืบทอดหอการค้าของตะวันฉาย
ดังนั้นเขาเพียงแนะนำเทคนิคการขายบางอย่างไปให้เจ้าอ้วนเรียนรู้และลองใช้จริง นอกจากนั้นเขายังสั่งให้เจ้าอ้วนนำอาหารมาส่งทุกๆสามวัน
ดังนั้นเรื่องการกินเขาก็สบายใจไปได้
เหลือเพียงรออวี้ฟานซือกลับมาจากเมืองท่าเขาก็จะเริ่มทำการค้าเกลืออย่างจริงจัง
หลังจากทานอาหารเสร็จเขาก็เดินเข้ามาในครัวพร้อมกับเสี่ยวหลู่และถานอวี้จี้
“นายน้อยต้องการจะทำอะไรรึเจ้าคะ
ถึงได้แบกไขมันสัตว์มามากมายเพียงนี้”
ได้ยินคำถามของเสี่ยวหลู่ก็ทำให้ฉินหลิงยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ทำสินค้าชนิดใหม่ที่จะพลิกการค้าของแคว้นเราไงละ”
สองสาวได้ยินก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“แล้วเช่นนั้น ท่านจะทำอะไรรึเจ้าคะ”
ฉินหลิงพูดออกมาพร้อมยิ้ม
“เดี๋ยวพวกเจ้าก็เห็นเอง ส่วนเจ้าได้เตรียมขี้เถ้าไว้ให้ข้าแล้วใช่รึไม่ ?”
ได้ยินคำถามจากชายหนุ่ม
เสี่ยวหลู่ก็พยักหน้าอย่างงงๆเพราะเธอก็ยังไม่เข้าใจว่าไขมันสัตว์กับขี้เถ้าที่เหลือจากการเผาไม้จะทำอะไรได้
ฉินหลิงที่เคยเป็นตัวแทนขายสินค้ามามากมายหลากหลายชนิดจึงทำให้เขารู้ถึงองค์ประกอบต่างๆของสินค้าเป็นอย่างดี
เพราะเขาต้องมีความรู้มากพอไม่เช่นนั้นเวลาลูกค้าถามเขาจะตอบได้อย่างไรและหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เขาเคยจัดจำหน่ายก็มีสบู่อยู่ด้วย
ซึ่งเขาก็รู้ถึงส่วนผสมที่ซับซ้อนของมันอย่างดีแต่ด้วยในยุคสมัยนี้ทำให้เขาไม่อาจรวบรวมได้ส่วนประกอบที่ซับซ้อนได้ ดังนั้นสิ่งที่เขาคิดมีเพียงการนำไขมันสัตว์มาต้มรวมกับขี้เถ้า และจะทำให้เกิดก้อนสีขาวขึ้น
ซึ่งนั้นก็คือการทำสบู่ในสมัยโบราณ
หลังจากทดลองมาหลายรูปแบบของไขมันสัตว์ชนิดต่างๆฉินหลิงก็พบว่าใช้ไขมันแพะเหมาะสมที่สุดและคิดที่จะเพิ่มกลิ่นหอมโดยการสกัดน้ำหอมเข้าไป
แต่การทดลองของเขาก็ต้องหยุดชะงักลงก่อนเพราะขี้เถ้าจากไม้ที่เสี่ยวหลู่เตรียมไว้หมดลง
ดังนั้นเขาจึงต้องจำใจออกจากในครัวในสภาพมอมแมมและเป็นที่หัวเราะของหญิงสาวทั้งสอง
ความคิดเห็น