ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝืนลิขิตฟ้า ท้าสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #44 : ความหวัง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 17.82K
      1.42K
      2 ก.ค. 62


    “ข้าขออยู่คนเดียวสักครู่ รบกวนท่านช่วยไปตรวจดูพวกทาสเหล่านั้นให้ข้าด้วย” เสียงแผ่วเบาของฉินหลิงเอ่ยกับหมิงฮ่าวให้เขาไปจัดการเรื่องราวต่างๆภายในร้านค้าทาส เพราะหากพวกทาสรู้ว่าเจ้าของร้านร่างอ้วนหนีไปแล้วอาจจะก่อความวุ่นวายขึ้นมาได้

     

    หมิงฮ่าวมองไปยังเบื้องหลังของเด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีที่กำหมัดแน่นและกำลังเดินสั่นเข้าไปยังภายในห้องส่วนตัวของเจ้าของร้านผู้นั้นด้วยอารมณ์ผิดปกติ  เมื่อประตูในห้องที่ฉินหลิงเข้าไปปิดลง เขาจึงละสายตาออกมาแล้วเดินไปยังด้านหลังร้าน ซึ่งเป็นที่พักของเหล่าทาส เพื่อจะได้จัดแบ่งประเภทของทาสเพื่อให้ฉินหลิงได้ตรวจสอบอีกครา

     

    ทางด้านฉินหลิงหลังจากเขาเข้ามายังภายในห้อง เขาก็ทรุดตัวลงบนเก้าอี้หนังตัวใหญ่ทันที ร่างกายที่ตอนแรกสั่นเบาๆก็สั่นสะท้านขึ้นจนเขาควบคุมไม่ได้ ก่อนจะหลับตาแล้วเอามือกุมหัวแน่น

     

    ความรู้สึกผิดปกติเช่นนี้เกิดหลังจากเขาสั่งให้อดีตครูฝึกที่เขารู้อยู่นานแล้วว่ายังคอยเฝ้าดูแลเขาอยู่ตลอดไปสังหารชายทั้งห้าและชายร่างอ้วนที่เคยเป็นเจ้าของโรงค้าทาสแห่งนี้  ถึงแม้เขาไม่ได้ลงมือด้วยตัวเองแต่ก็เป็นเขาเองที่ออกคำสั่งให้ลงมือฆ่าคนพวกนั้น

     

    การออกคำสั่งสังหารผู้คนครั้งแรกของฉินหลิงส่งผลกระทบต่อจิตใจเขาไม่น้อย เพราะถึงอย่างไรที่ๆเขาจากมาก็ไม่สามารถฆ่าคนได้ง่ายดายเพียงเท่านี้ แต่ตัวเขาเองก็ทราบอยู่ในใจเเล้วว่าหากเขาลงมือไม่เด็ดขาดพอ คนที่ต้องเจ็บก็ย่อมเป็นตัวเขาเอง เพราะหากชายร่างอ้วนหนีไปได้เขาย่อมต้องนำข่าวที่หลานชายตระกูลฉินมาหาเรื่องร้านค้าทาสของเขาเป็นแน่ และจากเรื่องราวนี้อาจส่งผลกระทบไปสู่ผู้เป็นปู่ของเขาก็เป็นได้ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องสั่งให้สังหารชายทั้งหกเพื่อป้องกันเรื่องราวยุ่งยากที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

     

    ผ่านไปไม่นาน ประตูร้านค้าทาสเปิดออกมา ตามมาด้วยเสียงก้าวเดินที่สม่ำเสมอและปรากฏชายหนุ่มร่างผอมที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับอยู่จนเป็นเอกลักษณ์

     

    “ข้าได้แยกพวกทาสเหล่านี้ไว้ตามเพศและอายุแล้วขอรับ”  หมิงฮ่าวเดินเข้าไปหาหมิงฮ่าวแล้วโค้งให้เล็กน้อยก่อนจะกล่าวบอกผู้เป็นเจ้านาย

     

    ฉินหลิงพยักหน้ารับแล้วหันไปมองกลุ่มคนที่มีอยู่ราวสองร้อยคนซึ่งมีสตรีเป็นส่วนมากซึ่งน่าจะเป็นเพราะลูกค้าที่มาซื้อส่วนมากล้วนต้องการทาสสาวไปเป็นนางบำเรอกามอารมณ์ ส่วนทาสชายที่เหลืออยู่ก็ดูแล้วค่อนข้างแข็งแรง  เพราะถึงอย่างไรร้านค้าทาสแห่งนี้ก็คงขายแต่ทาสที่มีคุณภาพ และทาสส่วนมากที่รูปร่างไม่ดีหรือผิดปกติมักจะถูกนำไปขุดเหมืองจนกว่าจะตายจากไป ดังนั้นทาสที่อยู่ภายในร้านล้วนแล้วแต่มีสุขภาพที่ดีเพราะต้องผ่านการคัดเลือกมาแล้วในระดับหนึ่ง

     

    ฉินหลิงมองเหล่าทาสที่ยืนกันเป็นกลุ่มๆแล้วจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย “ข้าขอทักทายพวกเจ้าทุกคนในที่แห่งนี้ ต่อแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าคือนายคนใหม่ของพวกเจ้าทุกคน”

     

    เหล่าทาสที่ได้ยินคำกล่าวของชายหนุ่มก็พลันสั่นเบาๆขึ้นมา เพราะอยู่ๆก็ต้องมาเปลี่ยนเจ้านายโดยฉับพลันเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าในอนาคตตนเองต้องโดนอะไรอีก โดยเฉพาะพวกเขาที่เป็นเพียงทาสซึ่งไม่มีสิทธิในการขัดขืนผู้เป็นนายได้เลยแม้แต่น้อย

     

    “ นายท่าน ไม่ใช่ว่าต้องการปล่อยพวกเขาไปหรอกรึขอรับ ? ”  หมิงฮ่าวเข้าไปประชิดชายหนุ่มแล้วกระซิบถามด้วยเสียงแผ่วเบา เพราะจนถึงตอนนี้เขาเข้าใจมาตลอดเลยว่าที่ฉินหลิงยอมหาเรื่องกับร้านค้าทาสแห่งนี้มีจุดประสงค์เพื่อปลดปล่อยพวกทาสเหล่านี้ให้เป็นอิสระ เฉกเช่นเจตจำนงของแม่ทัพใหญ่เป็นแน่ แต่ชายหนุ่มผู้นี้กลับเอ่ออกมาว่าต้องการเป็นเจ้านายของทาสพวกนี้เหมือนดังเช่นขุนนางที่น่ารังเกียจพวกนั้น จึงทำให้ผู้เป็นองครักษ์สับสนอย่างยิ่ง

     

    ฉินหลิงยิ้มออกมาราวกับไม่ใส่ใจคำถามขององครักษ์หนุ่มผู้นี้  “ ท่านคิดว่าหากข้าปล่อยพวกเขาทั้งหมดไปแล้ว พวกเขาจะอยู่กันยังไงกันรึ  เงินติดตัว ที่พักพิง ท่านคิดว่าข้าจะให้พวกเขาไปฟรีๆรึ ข้าไม่ได้เป็นโพธิสัตว์ที่สามารถสละทุกอย่างให้เพื่อผู้อื่นได้  นอกจากนี้ท่านคิดว่าท่านรู้จักพวกเขาดีทุกคนแล้วรึยัง  ท่านว่าในกลุ่มทาสเหล่านี้มีที่มาเช่นไร  ใช่  ข้าเองก็สงสารพวกเขาที่ต้องมาเป็นทาส แต่หากหนึ่งในกลุ่มครเหล่านี้เคยเป็นฆาตกรฆ่าคนมาก่อนละ  ท่านคิดว่าหากข้าปล่อยพวกเขาไป พวกเขาจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ต้าเหยียนอีกมากเท่าใดกัน ”

     

    หลังจากได้ยินคำกล่าวของฉินหลิง ความคิดต่างๆก็กระแทกเข้ามาในหัวหมิงฮ่าวมากมายพร้อมครุ่นคิดในใจ หรือว่าข้าคิดผิดมาตลอดว่าพวกทาสที่น่าสงสารเหล่านี้ไม่สมควรถูกทรมานอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้

     

     

    สีหน้าบิดเบี้ยวของหมิงฮ่าวก็ทำให้ฉินหลิงหัวเราะออกมาเล็กน้อย  “ ท่านไม่ต้องคิดมากไปหรอก  พวกทาสกลุ่มนี้ข้าจะดูแลเอง  หากเราสังเกตแล้วว่าทาสคนไหนไม่มีบุคลิกชั่วร้าย เราก็ค่อยปล่อยให้เป็นอิสระทีหลังก็ยังไม่สาย  และด้วยยามนี้เราเองก็ต้องการคนงานจำนวนมากในการผลิตสิค้าใหม่ของข้า  ดังนั้นเราสามารถก็ใช้งานทาสพวกเขาพร้อมกับให้ความหวังพวกเขายังไงละ ”

     

    “ ให้ความหวังอะไรรึขอรับ ” หมิงฮ่าวเอ่ยถามด้วยความงุนงง

     

    ฉินหลิงไม่เอ่ยตอบอะไรกับผู้เป็นองครักษ์แต่หันไปมองเหล่าทาสที่มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อเห็นพวกเขาสองคนคุยกัน  “ ข้ามีนามว่าฉินหลิง ใช่แล้ว แซ่ของข้าคือฉิน ฉินจากตระกูลแม่ทัพใหญ่ พวกเจ้าคงคิดว่าข้าจะปล่อยพวกเจ้าเป็นอิสระสินะ แต่ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าเป็นอิสระเป็นแน่ ”

     

    หนึ่งในทาสผู้ชายเอ่ยขึ้นมา  “ ไม่ใช่ว่าท่านแม่ทัพใหญ่ต่อต้านการค้าทาสหรอกรึขอรับ แล้วทำไมคุณชายไม่ปล่อยพวกข้าไป ? ”

     

    “ เจ้าคิดว่าหากข้าปล่อยเจ้าไป เจ้าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ต่อไปเช่นนั้นรึ เจ้ามีเงิน มี่พัก อาหารรึไม่ แล้วพวกเจ้าคิดว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไร  พอพวกเจ้าหมดทางเลือกพวกเจ้าก็หันไปเป็นโจรหรือขโมย  ต่อจากนั้นพวกเจ้าทุกคนที่ทำผิดก็ถูกทางการจับมาอีกครั้ง และครั้งนี้พวกเจ้าจะยังโชคดีพอที่จะได้มาเป็นทาสที่รอเจ้านายมาเลือกหรือต้องไปขุดเหมืองจนตายก็ยังไม่แน่  หากโชคร้ายอาจจะโดยทรมานตายไประหว่างถูกจำคุกก็ไม่อาจเรียกร้องอะไรได้เลย ”  เอ่ยจบฉินหลิงจึงหันไปมองกลุ่มทาสที่ใบหน้าขาวซีดแฝงไปด้วยความหวาดกลัว  “ ข้าพูดจบแล้ว หากพวกเจ้าอยากจะไปข้าก็ไม่ห้าม มาเอาใบสัญญาทาสไปจากข้าได้เลย ”

     

    กลุ่มทาสกว่าสองร้อยชีวิตเมื่อได้ยินเรื่องราวที่นายน้อยฉินผู้นี้เล่าออกมาต่างก็แสดงสีหน้าซีดเซียวและรู้แล้วว่าหากไม่มีคนคุ้มครอง พวกเขาก็ต้องย่อมกลับมาเป็นทาสอีกครั้ง หรืออาจจะโชคร้ายยิ่งกว่านั้นก็เป็นได้


    ผ่านไปชั่วครู่มีทาสหญิงคนหนึ่งคุกเข่าลงเสียงดัง จึงเป็นเหตุให้ทาสคนอื่นๆทำตามกัน จนทาสทุกคนที่อยู่ด้านหน้าร้านค้าทาสต่างคุกเข่าให้แก่ฉินหลิงทั้งสิ้น


    “นายน้อยได้โปรดอย่าทิ้งพวกข้าเลย!”

    “ข้าน้อยผิดไปแล้ว ต่อจากนี้ให้ข้าไปรับใช้ท่านเถิด”

    “ข้าไม่อยากอดตาย”

    “ข้าไม่ต้องการไปขุดเหมืองรอความตาย!!”

    “ยอมทุกอย่างแล้ว ท่าอย่าทิ้งพวกข้าเลยเจ้าคะ!”

     

    เสียงของกลุ่มทาสหลายร้อยคนดังขึ้น จนเป็นที่สนใจของเหล่าชาวบ้านภายในเมืองท่าชินโจว แต่เมื่อผู้คนหันมาดูจากไกลๆ ก็พบกลุ่มทาสกำลังคุกเข่าให้ชายหนุ่มผู้หนึ่ง แต่พวกชาวบ้านต่างก็รู้ดีว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คงไม่ธรรมดาเป็นแน่ ดังนั้นผู้คนจึงทำได้เพียงสังเกตุการณ์จากที่ไกลๆเท่านั้น

     

    “ เอาละๆ พอแล้ว ข้าจะเป็นดูแลเจ้าเอง ข้าขอให้สัญญาแก่พวกเจ้าไว้เลยว่าหากพวกเจ้าให้กำเนิดลูกขึ้นมา บุตรหลานพวกเจ้าทุกคนจะไม่มีสถานะเป็นทาสอีกต่อไป หากผู้ใดซื่อสัตย์และขยันทำงานให้แก่ข้าด้วยความจริงใจ ข้าจะปลดปล่อยพวกเจ้าออกจากสถานะทาสเอง แต่หากผู้ใดกล้าทรยศหักหลังข้าอย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยมก็แล้วกัน ”  เอ่ยจบฉินหลิงเดินเข้าภายในร้านค้าทาส ซึ่งตามมาด้วยเสียงร้องไห้และคำขอบคุณมากมายจากเหล่าทาสที่ดังมาจากเบื้องหลัง

     

    หมิงฮ่าวยิ้มเล็กน้อยให้กับนายท่านของตนเองก่อนจะหันไปมองทาสกลุ่มใหญ่  “ พวกเจ้าทุกคนได้ยินแล้วสินะต่อจากนี้นายน้อยฉินคือผู้เป็นนายเพียงผู้เดียวของเจ้า แล้วก็เข้าไปเตรียมสิ่งของสำหรับการเดินทางไกลด้วย  ของในร้านอะไรเอาไปได้ก็ขนไปให้หมด  ในอีกสองชั่วยามมาเจอกันที่นี้อีกครั้ง ”

     

    หมิงฮ่าวเดินตามฉินหลิงเข้ามาภายในห้องรับแขกที่ยามนี้ข้าวของพังไปไม่น้อยจากการปลดปล่อยพลังปราณของหมิงฮ่าว

     

    หมิงฮ่าวหันมองหน้าผู้เป็นนายที่กำลังนั่งลงบนเก้าอี้แล้วเอ่ยถามออกมา  “ นี้คือการให้ความหวังที่ท่านได้กล่าวออกมาสินะขอรับ ”

     

    เมื่อได้ยินคำถามของผู้เป็นองครักษ์ ฉินหลิงก็พยักหน้าเบาๆยืนยัน เพราะที่เขาวางแผนยึดร้านค้าแห่งนี้เป็นเพราะเขาต้องการแรงงานมาใช้ในการผลิตเกลือเท่านั้น ในคราแรกเขาก็คิดไว้แล้วว่าหากเขาซื้อที่ดินไว้ทำนาเกลืออาจจะทำให้จำนวนเงินที่เหลือไม่เพียงพอสำหรับการซื้อทาสมาเป็นแรงงานได้  แต่หลังจากเขาได้เข้ามาสำรวจภายในร้านค้าทาสและไม่พบภัยคุกคามเกินความสามารถของผู้เป็นองครักษ์เขาจึงคิดแผนนี้ขึ้นมาได้

     

    แต่อย่างไรก็ตามหากเขาได้ทาสมา แต่ไม่รู้จักวิธีซื้อใจคน  เมื่อเขาเริ่มทำการค้าเกลือออกไปคงต้องถูกผู้คนและหอการค้าต่างๆจับตามอง และหาทางซื้อตัวคนของเขาไปเป็นแน่ ดังนั้นในเมื่อมือของเขายังมีสัญญาทาสและบวกกับความหวังที่เขาได้ให้ไว้กับทาสทั้งสองร้อยคนนั้น ก็ย่อมไม่มีผู้ใดจะคิดทรยศกับเขาเป็นแน่

     

    “ พี่หมิง รบกวนท่านไปแจ้งนายท่านอวี้ให้ซื้อเสบียงมาเพิ่มสำหรับพวกทาสด้วย และเเวะไปยังจวนเจ้าเมืองเพื่อแจ้งเจ้าเมืองแห่งนี้ด้วยว่าข้าขอเข้าพบเป็นการส่วนตัว ทางที่ดีก็ขอพบภายในวันรุ่งขึ้น ”

     

    “ ท่านจะขอพบเจ้าเมืองนี้ทำไมรึขอรับ

     

    “ พวกเราเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม  เรามาทำค้าครั้งใหญ่ยังเมืองแห่งนี้หากไม่ไปทักทายผู้เป็นนายของเมืองแห่งนี้จะไม่เสียมารยาทไปหน่อยรึ และที่สำคัญที่แห่งนี้ก็ไม่ใช่เมืองไผ่เขียวที่ข้าสามารถก่อเรื่องอะไรได้อีกแล้ว ที่สำคัญเรื่องที่ข้าก่อที่ร้านค้าทาสแห่งนี้อีกไม่นานย่อมต้องไปถึงหูเจ้าเมืองผู้นี้เป็นแน่ แทนที่จะหลีกเลี่ยงสู้เราไม่ไปเผชิญหน้าตรงๆกันเลยดีกว่าละ ” ฉินหลิงนำมือลูบคางไปมาพลางครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยปากถามองครักษ์หมิงอีกครั้ง “ ท่านรู้รึไม่เจ้าเมืองผู้นี้มีนิสัยเป็นเช่นไร ข้าได้เตรียมตัวรับมือถูก ”

     

    หมิงฮ่าวยิ้มแห้งออกมา “ ข้าเองก็ไม่ได้รู้มากนัก เจ้าเมืองท่าชินโจวผู้นี้ แซ่หลิวเป็นจอมยุทธผู้หนึ่ง มีบุตรชายสองคนและลูกคนสุดท้องเป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง เห็นล้ำลือกันว่ามีหน้างดงามไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนนิสัยของเจ้าเมืองหลิวผู้นี้ค่อนข้างเก็บตัวทำให้ไม่ค่อยมีคนพบเห็นหน้าเท่าไหร่นัก เพราะอย่างไรเจ้าเมืองผู้นี้ก็สืบทอดตำแหน่งมาจากบิดาจึงถือได้ว่าเป็นเจ้าเมืองรุ่นสองก็ไม่ผิดนัก ”

     

    ฉินหลิงพยักหน้าเข้าใจ “ ท่านไปจัดการเรื่องราวที่ข้าบอกไว้เถอะ ”

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×