ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝืนลิขิตฟ้า ท้าสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #50 : ผู้ดูแลคนใหม่

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 17.59K
      1.49K
      7 ก.ค. 62

    หลังจากอยู่จัดการเรื่องนาเกลือกว่าสองอาทิตย์ พื้นที่นาเกลือก็เริ่มเป็นรูปร่าง และมีหลายพื้นที่ที่สูบน้ำเข้ามาในบ่อ มีเพียงแค่ช่วงนี้ยังอยู่ในฤดูหนาว จึงทำให้พวกเขายังไม่เห็นผลจากการทำนาเกลือและต้องรอไปยังหน้าร้อนจึงน่าจะได้เกลือรอบแรก

     

    เมื่อห่างไกลจากหญิงที่รักมานานเกือบเดือน  จึงทำให้ฉินหลิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคิดถึงถานอวี้จี้ เพราะอย่างไรเธอก็เป็นหญิงสาวที่เขาตัดสินใจอยู่ด้วยทั้งชีวิต และเกิดความรู้สึกกังวลเรื่องราวของเธออย่างช่วยไม่ได้

     

    ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามามากมายประกอบกับความรู้สึกอ้างว้างที่ต้องอยู่คนเดียวในโลกที่ไม่คุ้นเคย ทำให้ภายในใจเขาเคว้งควาง ราวกับว่าเขาเป็นคนเดียวที่อาศัยอยู่ในโลกที่มืดมิดโดยไม่มีสีสันอันใดอยู่เลย จึงทำให้เขาใจสั่นด้วยความหวาดกลัว

     

    บรรยากาศที่มืดมิดจากคืนเดือนมืดทำให้เห็นแสงจากดวงดาวได้อย่างชัดเจน หากเป็นในเมืองใหญ่เขาคงไม่มีโอกาสสัมผัสบรรยากาศเช่นนี้ และเสียงสายลมที่พัดออกมาอย่างแผ่วเบาจากท้องทะเลห่างไกล ก่อให้เกิดความรู้สึกพิศวงอย่างหนึ่งราวกับตัวเขาเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติรอบกาย  เขารู้สึกเหมือนตัวเขาไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นต้นไม้ต้นหนึ่งที่เติบโตอยู่ในป่าใหญ่ที่ไม่มีมนุษย์คนใดเข้าไปเยือนได้

     

    ในขณะที่ฉินหลิงกำลังเข้าสู่สภาวะพิเศษบ้างอย่าง เสียงเดินดังขึ้นมาปลุกสติที่รู้สึกเหมือนถูกหล่อหลอมให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติให้ตื่นขึ้นมา ก่อนจะมองไปบริเวณที่เสียงดังขึ้นด้วยสีหน้ามึนงงราวกับพึ่งตื่นจากนิทราอันยาวนาน

     

    “ บะ...บ่าวมารบกวนท่านรึไม่เจ้าคะ ” เสียงสั่นเทาของสตรีผู้หนึ่งที่สวมเสื้อผ้าสีเทาเนื้อหยาบขัดกับใบหน้าที่งดงามอย่างหญิงชนชั้นสูงซึ่งเธอคือหนึ่งในทาสที่ฉินหลิงได้มาจากร้านค้าทาส

     

    หลังจากฉินหลิงฟื้นสติได้เล็กน้อยจึงสังเกตได้ถึงผู้มายืนที่ยืนห่างจากเขาไม่ไกล ซึ่งเป็นสตรีรูปร่างสวยงามที่มีฟิวพรรณขาวเนียนกับใบหน้าที่งดงามกำลังยืนสั่น “ไม่หรอก แล้วเจ้ามีอะไรเช่นนั้นรึ ”

     

    ทาสสาวก้มหัวเล็กน้อยพลางเอ่ย  “ บ่าวเห็นนายท่านนั่งอยู่คนเดียว บ่าวเลยยกสุรามารินให้เจ้าคะ”

     

    “เอาสิ ในเมื่ออีกไม่กี่วันข้าก็จะกลับแล้ว วันนี้ขอดื่มหน่อยก็แล้วกัน ส่วนเจ้าก็มานั่งดื่มกับข้าเถอะ ”  ฉินหลิงเอ่ยอย่างสบายๆแต่ในแววตาปรากฏความรู้สึกซับซ้อนบางอย่าง

     

    ทาสสาวที่ได้ยินคำชวนของฉินหลิงก็ส่ายหัวไปมาอย่างรุนแรง “ มิได้เจ้าคะ บ่าวเป็นเพียงทาสต่ำต่อย มิอาจนั่งดื่มกับท่านได้ ”

     

    “ ข้าบอกให้มานั่งก็มาเถอะ”

     

    ทาสสาวสวยก็เดินไปนั่งเบื้องหน้าฉินหลิงอย่างช้าๆ ก่อนจะหยิบไหสุราแล้วรินใส่จอกสุราใบใหญ่และส่งให้ฉินหลิงด้วยท่าทีประหม่า

     

    ฉินหลิงรับจอกมาด้วยท่าทีเป็นกันเอง ก่อนจะดื่มรวดเดียวกลบความรู้สึกเหงาและว้าเหว่ที่เกิดขึ้นในใจ

     

    “ ท่านไม่คิดว่าบ่าวจะวางยาพิษท่านบ้างรึเจ้าคะ ” เสียงอ่อนหวานจากหญิงสาวเบื้องหน้าดังขึ้นเพื่อถามชายตรงหน้าด้วยสีหน้าสงสัย

     

    ฉินหลิงหัวเราะออกมาพร้อมกับใบหน้าที่แดงเล็กน้อย “ นั้นสินะ อาจจะเป็นเพราะว่าข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ได้หวังร้ายกับข้าก็ได้กระมัง  แต่หากข้าต้องตายเพราะหญิงงามเช่นเจ้าก็ไม่เลวทีเดียว ”

     

    เมื่อได้ยินคำกล่าวของชายหนุ่มเบื้องหน้า ทาสสาวก็เบิกตากว้างมองดูชายหนุ่มผู้นี้ที่พูดออกมาราวกับไม่สนใจในชีวิตของตัวเอง ก็ทำให้เธอนึกถึงช่วงเวลาที่เธอโดนจับมาเป็นทาส มันเป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าการตกนรกเสียอีก แต่เธอที่หวาดกลัวความตายจึงทำได้เพียงจำนนต่อโชคชะตาและใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยมา ซึ่งแตกต่างจากคนผู้นี้ที่มีความคิดราวกับว่าความตายก็ไม่ใช่เรื่องของตนเอง

     

    หลังจากฉินหลิงดื่มสุราไปหลายจอกโดยไม่หยุดพัก เขาก็จ้องหน้าทาสสาวตรงแล้วเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่แดงกล่ำจากฤทธิ์สุรา  “ ด้วยรูปร่างหน้าตาและกริยาท่าทาง  เจ้าคงเป็นขุนนางหรือหญิงสาวจากตระกูลร่ำรวยที่โดนจับมาเป็นทาสสินะ 

     

    ทาสสาวพยักหน้าเบาๆ “ ในอดีตบ้านข้าเป็นครอบครัวทหารของแคว้นต้าชิงที่ดูแลอยู่เมืองชายแดน หลังจากแพ้สงครามและท่านพ่อสิ้นชีพไป  ครอบครัวข้าก็โดนจับมาเป็นทาส แต่ไม่มีใครเลือกยอมจำนนและเลือกความตายแทนที่จะต้องอยู่อย่างอัปยศ  แต่เป็นข้าเพียงคนเดียวที่หวาดกลัวต่อความตาย  ยามเมื่อเห็นเลือดของมารดาและเหล่าพี่น้องที่หลั่งไหลออกมา มือข้าสั่นจนไม่มีแม้แต่แรงปลิดชีพตนเอง สุดท้ายจึงถูกจับมาเป็นทาสและได้มาพบเจอกับนายท่านเจ้าคะ ”

     

    ฉินหลิงเหม่อมองไปบนฟ้าแล้วเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ บางครั้งการมีชีวิตอยู่อาจจะทรมานยิ่งกว่าความตายก็เป็นได้ เจ้าอดทนได้ขนาดนี้ช่างยอดเยี่ยมแล้ว แม้แต่ข้าเองหากต้องเจอแบบเดียวกันกับเจ้าก็คงไม่สามารถอดกลั้นได้เช่นเจ้า  มีผู้คนมากมายเท่าไหร่แล้วที่ยึดถือกับคำว่าเชื่อเสียงเกียรติยศจนพินาศไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่  เพียงแค่เจ้ากล้าละทิ้งเกียรติยศยศกับชื่อเสียงได้ เพียงเท่านี้ก็สามารถแสวงหาความสุขให้กับตัวเองได้แล้ว  

     

    หยดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่โตของหญิงสาวเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง เพราะความรู้สึกผิดที่เก็บสะสมไว้ในใจซึ่งเก็บสะสมไว้และไม่อาจระบายออกไป ได้ถูกชายตรงหน้าปลอบประโลมความเศร้าหมองที่มีอยู่นี้ไปจนหมดสิ้น

     

    “ ใครบอกให้เจ้านำสุรามาให้ข้างั้นรึ ” ฉินหลิงเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะเขาเองก็อยากรู้ว่าเป็นใครที่ใช้ให้ทาสสาวสวยผู้นี้นำสุราเข้ามาให้เขา

     

    หญิงสาวเอ่ยด้วยความตกใจ “ ท่านรู้ ?

     

    “ ค่ำคืนดึกดื่น บริเวณบ้านพักข้าห่างไกลจากที่พักของพวกเจ้ามากอยู่ แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าจะบังเอิญเดินเข้ามาพร้อมสุรา ข้าเองก็ไม่ได้ละเลือนขนาดนั้น ”

     

    หญิงสาวยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วคารวะชายตรงหน้า “ ข้าน้อยขอคารวะให้ท่าน แกล้งโง่ให้ถูกเวลาจึงนับได้ว่าเป็นยอดคน เหมือนกับท่านที่หลอกลวงโลกหล้าได้อย่างแนบเนียนอย่างยิ่ง ชื่อเสียงที่ร้ายกาจของฉินหลิง ทายาทตระกูลแม่ทัพใหญ่โด่งดังจนแม้แต่คนในแคว้นต้าชิงยังรู้จักท่าน  แต่หากผู้คนได้มารู้จักตัวตนที่แท้จริงของท่านคงรู้สึกประหลาดใจเป็นแน่  ส่วนที่ข้าบังเอิญมาหาท่านได้เพราะนายท่านอวี้เป็นคนสั่งให้ข้า..มาอุ่นเตียงให้ท่านเจ้าคะ  ” เอ่ยจบใบหน้าหญิงสาวก็แดงกล่ำพลางก้มหลบสายตาชายตรงหน้า

     

    ฉินหลิงยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่ในแววตาไม่ปรากฏความหื่นกามแม้แต่น้อย “ เจ้ายินยอมที่จะเสียสละตัวเองเพื่อข้าอย่างนั้นรึ ”

     

    หญิงสางตรงหน้าฉินหลิงสั่นออกมาเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ายืนยัน

     

    “ เช่นนั้นถ้าหากข้าให้โอกาสเจ้าได้เลือกอีกครั้ง เจ้ายังเลือกเป็นสาวอุ่นเตียงของข้าอีกรึไม่ ”

     

    เมื่อได้ยินคำถามจากชายตรงหน้าเธอก็ตกตะลึง เพราะเธอไม่คิดว่าชายตรงหน้าจะปฏิเสธและคำว่าโอกาส มันคือโอกาสอะไร แต่ภายในใจเธอมีเพียงความรู้สึกนับถือชายเบื้องหน้าเท่านั้น และไม่ได้มีความรักเข้ามาเกี่ยวขข้อง  ดังนั้นหากเธอมีโอกาสอีกครั้งที่จะใช้ชีวิตใหม่ คงดีกว่าที่จะต้องมาเป็นสาวอุ่นเตียงให้กับชายที่ไม่ได้รัก

     

    ทาสสาวกัดฟันพูด “ ข้าขอโอกาสท่านสักครั้งหนึ่ง  ข้าไม่ต้องการเป็นสตรีที่อ่อนแอแบบเดิมอีกแล้ว ข้าอยากเข็มเข็งขึ้น ”

     

    พอได้ยินคำตอบจากหญิงสาว ใบหน้าที่แดงกล่ำของฉินหลิงเผยความรู้สึกยินดีออกมา  “ ดี ทุกสิ่งจะไม่เกิดหากเราไม่รู้จักเริ่ม  ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปข้าจะให้เจ้าเป็นคนดูแลการค้าแทนข้า ”

     

    ในระหว่างร่ำสุรา ฉินหลิงก็ได้สังเกตนิสัยและความคิดของหญิงสาวเบื้องหน้า จึงมีความคิดที่ให้เธอเป็นคนคอยดูแลสินค้าของเขา เพราะอย่างไรเธอก็เคยเป็นหญิงสาวจากตระกูลใหญ่โตมาก่อน ดังนั้นความคิดต่างๆก็ย่อมไม่ธรรมดาและการช่วยเหลือเธอในยามสิ้นหวัง ย่อมดีกว่าการยื่นทองให้ในเวลาที่เธอมั่งคั่ง และตัวเขาเองก็ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนพลังยุทธจึงจำเป็นต้องหาคนมาเป็นเบื้องหน้าคอยจัดการเกี่ยวกับสินค้าจี้หลิงที่เขาผลิตขึ้น

     

    เมื่อได้ยินคำตอบจากชายตรงหน้า หญิงสาวก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะเธอคิดไม่ถึงเลยว่าทำไมชายหนุ่มผู้นี้จะไว้ใจเธอขนาดที่จะให้เธอเป็นคนจัดการดูแลการค้าของเขา โดยเฉพาะเธอที่เป็นเพียงทาสซึ่งจับได้จากแคว้นศัตรูจึงทำให้เธอเอ่ยถาม   ท่านไม่กลัวข้าจะทรยศท่านรึ ถึงอย่างไรข้าก็เป็นคนของแคว้นต้าชิง การที่ท่านให้ข้าเป็นคนดูแลทรัพย์สินของท่าน ไม่กลัวว่าข้าจะหลอกเอาเงินหนีไปหรอกรึ ”

     

    ฉินหลิงก็หัวเราะออกมา  “ แคว้นต้าชิงงั้นรึ หากพวกเขาเป็นกังวลเรื่องของพวกเจ้าจริง เขาคงไม่ปล่อยให้บุตรหลานตระกูลทหารต้องฆ่าตัวตายเช่นนี้หรอก ข้าว่าต่อให้เจ้าหนีกลับไปได้ เจ้าก็คงไม่มีคุณค่าอะไร นอกจากไปเป็นนางบำเรอให้ทหารแก่พวกนั้นหรือถ้าโชคร้ายยิ่งกว่านั้นเจ้าอาจจะถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับก็เป็นได้ ดังนั้นตอนนี้เจ้าไม่มีทางให้ไปไหนอีกแล้ว ”

     

    ฉินหลิงเอ่ยออกมาด้วยจุดประสงค์เพื่อต้องการให้นางคิดให้รอบคอบ เพราะเขาเองก็รู้ว่ามันอาจจะมีกรณีที่แคว้นต้าชิงรู้สึกผิดจริงๆและชดเชยให้กับหญิงสาวเบื้องหน้าก็เป็นได้  ซึ่งแตกต่างจากหญิงสาวที่ตอนนี้ขมวดคิ้วแน่นเพราะเหตุการณ์ที่ชายตรงหน้าเอ่ยขึ้นก็มีจริงๆและในอดีตบิดาเธอเองก็เป็นถึงรองแม่ทัพจึงทำให้เธอได้เห็นว่ามีหญิงสาวมากมายที่ต้องถูกบังคับให้เป็นนางบำเรอเพราะไม่เช่นนั้นจะถูกกล่าวอ้างว่าเป็นสายจากแคว้นศัตรู

     

    เมื่อเห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างจริงจัง  ฉินหลิงก็เอ่ยออกมา “ ข้าให้เวลาเจ้าคิดให้ละเอียดอีกหนึ่งวัน ”  

     

    ทาสสาวกำหมัดแน่นก่อนมองฉินหลิงอย่างจริงจัง “ ไม่ต้องเจ้าคะ ต่อจากนี้ข้าจะทำงานให้ท่านทั้งกายและใจ ”

     

    ฉินหลิงพยักหน้าพอใจ “ เยี่ยมมาก ถือว่าเจ้าตัดสินใจได้ดี  ต่อจากนี้เจ้าจะไม่ได้มีสถานะทาสอีกแล้ว แต่จะเป็นผู้ดูแลสินค้าจี้หลิงจำไว้  เตรียมตัวเก็บของอีกสองวันข้าจะเดินทางกลับเมืองไผ่เขียว ”

     

    หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างสดใสพลางเอ่ยตอบรับ “รับทราบแล้วเจ้าคะ เจ้านาย”

    “ใช่แล้วข้ายังไม่รู้จักชื่อของเจ้าเลย”

     

    “ข้ามีชื่อว่าซูเยว่เจ้าคะ”

     

    ฉินหลิงพยักหน้าเบาๆ “ ต่อจากนี้ก็รบกวนเจ้าด้วย ผู้ดูแลซู ”

     

    หลังจากได้ผู้ดูแลคนใหม่ก็ผ่านมาสองวัน ซึ่งเป็นเวลาที่เขาเตรียมตัวจะกลับเมืองไผ่เขียวแล้ว

     

    “นายน้อยฉิน ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจัดการเรื่องราวที่นี้ได้ รบกวนท่านดูแลหอการค้าตะวันฉายให้ข้าด้วย” อวี้ฟานซือกล่าวกับฉินหลิงด้วยความกังวล

     

    ฉินหลิงเอามือตบบ่าชายร่างอ้วนเบาๆ “ ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะดูแลหอการค้าและบุตรชายให้ท่านเอง ”

     

     เมื่อได้ยินคำยืนยันจากนายน้อยฉิน อวี้ฟานซือก็ใจชื่นขึ้นมาก่อนจะเอ่อยขอบคุณอีกหลายครั้งและมองดูชายหนุ่มเดินขึ้นมาไป

     

    หลังจากชายหนุ่มขึ้นมาไป เจ้าของหอการค้าตะวันฉายก็มองไปยังสาวสวยที่เดินขึ้นรถม้าตามหลังฉินหลิงแล้วถอนหายใจออกมา พลางคิดในใจ “ ข้าเห็นเธอสวยงามกว่าใครจึงตัดสินใจส่งหญิงผู้นี้ไปอุ่นเตียงให้นายน้อยฉิน เพียงแค่คืนเดียวเธอกลับทำได้ดีจนนายน้อยยกให้เธอเป็นคนดูแลการค้าจี้หลิง  พูดไปแล้วก็ทำให้ข้านึกอิจฉายิ่งนัก ”

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×