คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #50 : ผู้ดูแลคนใหม่
หลังจากอยู่จัดการเรื่องนาเกลือกว่าสองอาทิตย์
พื้นที่นาเกลือก็เริ่มเป็นรูปร่าง และมีหลายพื้นที่ที่สูบน้ำเข้ามาในบ่อ มีเพียงแค่ช่วงนี้ยังอยู่ในฤดูหนาว
จึงทำให้พวกเขายังไม่เห็นผลจากการทำนาเกลือและต้องรอไปยังหน้าร้อนจึงน่าจะได้เกลือรอบแรก
เมื่อห่างไกลจากหญิงที่รักมานานเกือบเดือน จึงทำให้ฉินหลิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคิดถึงถานอวี้จี้
เพราะอย่างไรเธอก็เป็นหญิงสาวที่เขาตัดสินใจอยู่ด้วยทั้งชีวิต และเกิดความรู้สึกกังวลเรื่องราวของเธออย่างช่วยไม่ได้
ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามามากมายประกอบกับความรู้สึกอ้างว้างที่ต้องอยู่คนเดียวในโลกที่ไม่คุ้นเคย
ทำให้ภายในใจเขาเคว้งควาง ราวกับว่าเขาเป็นคนเดียวที่อาศัยอยู่ในโลกที่มืดมิดโดยไม่มีสีสันอันใดอยู่เลย
จึงทำให้เขาใจสั่นด้วยความหวาดกลัว
บรรยากาศที่มืดมิดจากคืนเดือนมืดทำให้เห็นแสงจากดวงดาวได้อย่างชัดเจน
หากเป็นในเมืองใหญ่เขาคงไม่มีโอกาสสัมผัสบรรยากาศเช่นนี้ และเสียงสายลมที่พัดออกมาอย่างแผ่วเบาจากท้องทะเลห่างไกล
ก่อให้เกิดความรู้สึกพิศวงอย่างหนึ่งราวกับตัวเขาเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติรอบกาย
เขารู้สึกเหมือนตัวเขาไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นต้นไม้ต้นหนึ่งที่เติบโตอยู่ในป่าใหญ่ที่ไม่มีมนุษย์คนใดเข้าไปเยือนได้
ในขณะที่ฉินหลิงกำลังเข้าสู่สภาวะพิเศษบ้างอย่าง
เสียงเดินดังขึ้นมาปลุกสติที่รู้สึกเหมือนถูกหล่อหลอมให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติให้ตื่นขึ้นมา
ก่อนจะมองไปบริเวณที่เสียงดังขึ้นด้วยสีหน้ามึนงงราวกับพึ่งตื่นจากนิทราอันยาวนาน
“ บะ...บ่าวมารบกวนท่านรึไม่เจ้าคะ ” เสียงสั่นเทาของสตรีผู้หนึ่งที่สวมเสื้อผ้าสีเทาเนื้อหยาบขัดกับใบหน้าที่งดงามอย่างหญิงชนชั้นสูงซึ่งเธอคือหนึ่งในทาสที่ฉินหลิงได้มาจากร้านค้าทาส
หลังจากฉินหลิงฟื้นสติได้เล็กน้อยจึงสังเกตได้ถึงผู้มายืนที่ยืนห่างจากเขาไม่ไกล
ซึ่งเป็นสตรีรูปร่างสวยงามที่มีฟิวพรรณขาวเนียนกับใบหน้าที่งดงามกำลังยืนสั่น “ไม่หรอก
แล้วเจ้ามีอะไรเช่นนั้นรึ ”
ทาสสาวก้มหัวเล็กน้อยพลางเอ่ย “ บ่าวเห็นนายท่านนั่งอยู่คนเดียว
บ่าวเลยยกสุรามารินให้เจ้าคะ”
“เอาสิ ในเมื่ออีกไม่กี่วันข้าก็จะกลับแล้ว
วันนี้ขอดื่มหน่อยก็แล้วกัน ส่วนเจ้าก็มานั่งดื่มกับข้าเถอะ ” ฉินหลิงเอ่ยอย่างสบายๆแต่ในแววตาปรากฏความรู้สึกซับซ้อนบางอย่าง
ทาสสาวที่ได้ยินคำชวนของฉินหลิงก็ส่ายหัวไปมาอย่างรุนแรง
“ มิได้เจ้าคะ บ่าวเป็นเพียงทาสต่ำต่อย มิอาจนั่งดื่มกับท่านได้ ”
“ ข้าบอกให้มานั่งก็มาเถอะ”
ทาสสาวสวยก็เดินไปนั่งเบื้องหน้าฉินหลิงอย่างช้าๆ
ก่อนจะหยิบไหสุราแล้วรินใส่จอกสุราใบใหญ่และส่งให้ฉินหลิงด้วยท่าทีประหม่า
ฉินหลิงรับจอกมาด้วยท่าทีเป็นกันเอง
ก่อนจะดื่มรวดเดียวกลบความรู้สึกเหงาและว้าเหว่ที่เกิดขึ้นในใจ
“ ท่านไม่คิดว่าบ่าวจะวางยาพิษท่านบ้างรึเจ้าคะ ”
เสียงอ่อนหวานจากหญิงสาวเบื้องหน้าดังขึ้นเพื่อถามชายตรงหน้าด้วยสีหน้าสงสัย
ฉินหลิงหัวเราะออกมาพร้อมกับใบหน้าที่แดงเล็กน้อย
“ นั้นสินะ อาจจะเป็นเพราะว่าข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ได้หวังร้ายกับข้าก็ได้กระมัง แต่หากข้าต้องตายเพราะหญิงงามเช่นเจ้าก็ไม่เลวทีเดียว
”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของชายหนุ่มเบื้องหน้า
ทาสสาวก็เบิกตากว้างมองดูชายหนุ่มผู้นี้ที่พูดออกมาราวกับไม่สนใจในชีวิตของตัวเอง ก็ทำให้เธอนึกถึงช่วงเวลาที่เธอโดนจับมาเป็นทาส
มันเป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าการตกนรกเสียอีก แต่เธอที่หวาดกลัวความตายจึงทำได้เพียงจำนนต่อโชคชะตาและใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยมา
ซึ่งแตกต่างจากคนผู้นี้ที่มีความคิดราวกับว่าความตายก็ไม่ใช่เรื่องของตนเอง
หลังจากฉินหลิงดื่มสุราไปหลายจอกโดยไม่หยุดพัก
เขาก็จ้องหน้าทาสสาวตรงแล้วเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่แดงกล่ำจากฤทธิ์สุรา “ ด้วยรูปร่างหน้าตาและกริยาท่าทาง เจ้าคงเป็นขุนนางหรือหญิงสาวจากตระกูลร่ำรวยที่โดนจับมาเป็นทาสสินะ ”
ทาสสาวพยักหน้าเบาๆ “ ในอดีตบ้านข้าเป็นครอบครัวทหารของแคว้นต้าชิงที่ดูแลอยู่เมืองชายแดน
หลังจากแพ้สงครามและท่านพ่อสิ้นชีพไป ครอบครัวข้าก็โดนจับมาเป็นทาส
แต่ไม่มีใครเลือกยอมจำนนและเลือกความตายแทนที่จะต้องอยู่อย่างอัปยศ แต่เป็นข้าเพียงคนเดียวที่หวาดกลัวต่อความตาย ยามเมื่อเห็นเลือดของมารดาและเหล่าพี่น้องที่หลั่งไหลออกมา
มือข้าสั่นจนไม่มีแม้แต่แรงปลิดชีพตนเอง สุดท้ายจึงถูกจับมาเป็นทาสและได้มาพบเจอกับนายท่านเจ้าคะ
”
ฉินหลิงเหม่อมองไปบนฟ้าแล้วเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ บางครั้งการมีชีวิตอยู่อาจจะทรมานยิ่งกว่าความตายก็เป็นได้
เจ้าอดทนได้ขนาดนี้ช่างยอดเยี่ยมแล้ว แม้แต่ข้าเองหากต้องเจอแบบเดียวกันกับเจ้าก็คงไม่สามารถอดกลั้นได้เช่นเจ้า
มีผู้คนมากมายเท่าไหร่แล้วที่ยึดถือกับคำว่าเชื่อเสียงเกียรติยศจนพินาศไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
เพียงแค่เจ้ากล้าละทิ้งเกียรติยศยศกับชื่อเสียงได้
เพียงเท่านี้ก็สามารถแสวงหาความสุขให้กับตัวเองได้แล้ว ”
หยดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่โตของหญิงสาวเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง
เพราะความรู้สึกผิดที่เก็บสะสมไว้ในใจซึ่งเก็บสะสมไว้และไม่อาจระบายออกไป ได้ถูกชายตรงหน้าปลอบประโลมความเศร้าหมองที่มีอยู่นี้ไปจนหมดสิ้น
“ ใครบอกให้เจ้านำสุรามาให้ข้างั้นรึ ”
ฉินหลิงเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะเขาเองก็อยากรู้ว่าเป็นใครที่ใช้ให้ทาสสาวสวยผู้นี้นำสุราเข้ามาให้เขา
หญิงสาวเอ่ยด้วยความตกใจ “ ท่านรู้ ?”
“ ค่ำคืนดึกดื่น บริเวณบ้านพักข้าห่างไกลจากที่พักของพวกเจ้ามากอยู่
แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าจะบังเอิญเดินเข้ามาพร้อมสุรา ข้าเองก็ไม่ได้ละเลือนขนาดนั้น
”
หญิงสาวยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วคารวะชายตรงหน้า “ ข้าน้อยขอคารวะให้ท่าน
แกล้งโง่ให้ถูกเวลาจึงนับได้ว่าเป็นยอดคน เหมือนกับท่านที่หลอกลวงโลกหล้าได้อย่างแนบเนียนอย่างยิ่ง
ชื่อเสียงที่ร้ายกาจของฉินหลิง ทายาทตระกูลแม่ทัพใหญ่โด่งดังจนแม้แต่คนในแคว้นต้าชิงยังรู้จักท่าน
แต่หากผู้คนได้มารู้จักตัวตนที่แท้จริงของท่านคงรู้สึกประหลาดใจเป็นแน่
ส่วนที่ข้าบังเอิญมาหาท่านได้เพราะนายท่านอวี้เป็นคนสั่งให้ข้า..มาอุ่นเตียงให้ท่านเจ้าคะ
” เอ่ยจบใบหน้าหญิงสาวก็แดงกล่ำพลางก้มหลบสายตาชายตรงหน้า
ฉินหลิงยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่ในแววตาไม่ปรากฏความหื่นกามแม้แต่น้อย
“ เจ้ายินยอมที่จะเสียสละตัวเองเพื่อข้าอย่างนั้นรึ ”
หญิงสางตรงหน้าฉินหลิงสั่นออกมาเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ายืนยัน
“ เช่นนั้นถ้าหากข้าให้โอกาสเจ้าได้เลือกอีกครั้ง
เจ้ายังเลือกเป็นสาวอุ่นเตียงของข้าอีกรึไม่ ”
เมื่อได้ยินคำถามจากชายตรงหน้าเธอก็ตกตะลึง
เพราะเธอไม่คิดว่าชายตรงหน้าจะปฏิเสธและคำว่าโอกาส มันคือโอกาสอะไร แต่ภายในใจเธอมีเพียงความรู้สึกนับถือชายเบื้องหน้าเท่านั้น
และไม่ได้มีความรักเข้ามาเกี่ยวขข้อง ดังนั้นหากเธอมีโอกาสอีกครั้งที่จะใช้ชีวิตใหม่ คงดีกว่าที่จะต้องมาเป็นสาวอุ่นเตียงให้กับชายที่ไม่ได้รัก
ทาสสาวกัดฟันพูด “ ข้าขอโอกาสท่านสักครั้งหนึ่ง ข้าไม่ต้องการเป็นสตรีที่อ่อนแอแบบเดิมอีกแล้ว
ข้าอยากเข็มเข็งขึ้น ”
พอได้ยินคำตอบจากหญิงสาว
ใบหน้าที่แดงกล่ำของฉินหลิงเผยความรู้สึกยินดีออกมา “ ดี ทุกสิ่งจะไม่เกิดหากเราไม่รู้จักเริ่ม ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปข้าจะให้เจ้าเป็นคนดูแลการค้าแทนข้า
”
ในระหว่างร่ำสุรา ฉินหลิงก็ได้สังเกตนิสัยและความคิดของหญิงสาวเบื้องหน้า
จึงมีความคิดที่ให้เธอเป็นคนคอยดูแลสินค้าของเขา เพราะอย่างไรเธอก็เคยเป็นหญิงสาวจากตระกูลใหญ่โตมาก่อน
ดังนั้นความคิดต่างๆก็ย่อมไม่ธรรมดาและการช่วยเหลือเธอในยามสิ้นหวัง ย่อมดีกว่าการยื่นทองให้ในเวลาที่เธอมั่งคั่ง
และตัวเขาเองก็ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนพลังยุทธจึงจำเป็นต้องหาคนมาเป็นเบื้องหน้าคอยจัดการเกี่ยวกับสินค้าจี้หลิงที่เขาผลิตขึ้น
เมื่อได้ยินคำตอบจากชายตรงหน้า
หญิงสาวก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะเธอคิดไม่ถึงเลยว่าทำไมชายหนุ่มผู้นี้จะไว้ใจเธอขนาดที่จะให้เธอเป็นคนจัดการดูแลการค้าของเขา
โดยเฉพาะเธอที่เป็นเพียงทาสซึ่งจับได้จากแคว้นศัตรูจึงทำให้เธอเอ่ยถาม “ ท่านไม่กลัวข้าจะทรยศท่านรึ
ถึงอย่างไรข้าก็เป็นคนของแคว้นต้าชิง การที่ท่านให้ข้าเป็นคนดูแลทรัพย์สินของท่าน
ไม่กลัวว่าข้าจะหลอกเอาเงินหนีไปหรอกรึ ”
ฉินหลิงก็หัวเราะออกมา “ แคว้นต้าชิงงั้นรึ หากพวกเขาเป็นกังวลเรื่องของพวกเจ้าจริง
เขาคงไม่ปล่อยให้บุตรหลานตระกูลทหารต้องฆ่าตัวตายเช่นนี้หรอก ข้าว่าต่อให้เจ้าหนีกลับไปได้
เจ้าก็คงไม่มีคุณค่าอะไร นอกจากไปเป็นนางบำเรอให้ทหารแก่พวกนั้นหรือถ้าโชคร้ายยิ่งกว่านั้นเจ้าอาจจะถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับก็เป็นได้
ดังนั้นตอนนี้เจ้าไม่มีทางให้ไปไหนอีกแล้ว ”
ฉินหลิงเอ่ยออกมาด้วยจุดประสงค์เพื่อต้องการให้นางคิดให้รอบคอบ
เพราะเขาเองก็รู้ว่ามันอาจจะมีกรณีที่แคว้นต้าชิงรู้สึกผิดจริงๆและชดเชยให้กับหญิงสาวเบื้องหน้าก็เป็นได้
ซึ่งแตกต่างจากหญิงสาวที่ตอนนี้ขมวดคิ้วแน่นเพราะเหตุการณ์ที่ชายตรงหน้าเอ่ยขึ้นก็มีจริงๆและในอดีตบิดาเธอเองก็เป็นถึงรองแม่ทัพจึงทำให้เธอได้เห็นว่ามีหญิงสาวมากมายที่ต้องถูกบังคับให้เป็นนางบำเรอเพราะไม่เช่นนั้นจะถูกกล่าวอ้างว่าเป็นสายจากแคว้นศัตรู
เมื่อเห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างจริงจัง ฉินหลิงก็เอ่ยออกมา “ ข้าให้เวลาเจ้าคิดให้ละเอียดอีกหนึ่งวัน
”
ทาสสาวกำหมัดแน่นก่อนมองฉินหลิงอย่างจริงจัง “ ไม่ต้องเจ้าคะ
ต่อจากนี้ข้าจะทำงานให้ท่านทั้งกายและใจ ”
ฉินหลิงพยักหน้าพอใจ “ เยี่ยมมาก
ถือว่าเจ้าตัดสินใจได้ดี
ต่อจากนี้เจ้าจะไม่ได้มีสถานะทาสอีกแล้ว แต่จะเป็นผู้ดูแลสินค้าจี้หลิงจำไว้
เตรียมตัวเก็บของอีกสองวันข้าจะเดินทางกลับเมืองไผ่เขียว
”
หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างสดใสพลางเอ่ยตอบรับ “รับทราบแล้วเจ้าคะ
เจ้านาย”
“ใช่แล้วข้ายังไม่รู้จักชื่อของเจ้าเลย”
“ข้ามีชื่อว่าซูเยว่เจ้าคะ”
ฉินหลิงพยักหน้าเบาๆ “ ต่อจากนี้ก็รบกวนเจ้าด้วย
ผู้ดูแลซู ”
หลังจากได้ผู้ดูแลคนใหม่ก็ผ่านมาสองวัน ซึ่งเป็นเวลาที่เขาเตรียมตัวจะกลับเมืองไผ่เขียวแล้ว
“นายน้อยฉิน ท่านไม่ต้องกังวล
ข้าจัดการเรื่องราวที่นี้ได้ รบกวนท่านดูแลหอการค้าตะวันฉายให้ข้าด้วย”
อวี้ฟานซือกล่าวกับฉินหลิงด้วยความกังวล
ฉินหลิงเอามือตบบ่าชายร่างอ้วนเบาๆ “ ท่านไม่ต้องห่วง
ข้าจะดูแลหอการค้าและบุตรชายให้ท่านเอง ”
เมื่อได้ยินคำยืนยันจากนายน้อยฉิน
อวี้ฟานซือก็ใจชื่นขึ้นมาก่อนจะเอ่อยขอบคุณอีกหลายครั้งและมองดูชายหนุ่มเดินขึ้นมาไป
หลังจากชายหนุ่มขึ้นมาไป เจ้าของหอการค้าตะวันฉายก็มองไปยังสาวสวยที่เดินขึ้นรถม้าตามหลังฉินหลิงแล้วถอนหายใจออกมา
พลางคิดในใจ “ ข้าเห็นเธอสวยงามกว่าใครจึงตัดสินใจส่งหญิงผู้นี้ไปอุ่นเตียงให้นายน้อยฉิน
เพียงแค่คืนเดียวเธอกลับทำได้ดีจนนายน้อยยกให้เธอเป็นคนดูแลการค้าจี้หลิง พูดไปแล้วก็ทำให้ข้านึกอิจฉายิ่งนัก ”
ความคิดเห็น