ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #130 : เมฆหมอกที่จางหาย [รีไรท์]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.02K
      340
      5 ม.ค. 61






    "นี่เล่ามาได้แล้วว่าที่แท้เกิดเรื่องใดขึ้นในมิติเทพเจ้า เจ้าเอาชนะจักรพรรดิ์แดงนั่นได้อย่างไร" แชลเทียเอ่ยปากถามขึ้นกับกาเล็ทชายคนรักที่บัดนี้กำลังนอนหนุนตักของตนเองอยู่

    "ก็ไม่มีอะไรมาก จักรพรรดิ์แดงนั้นมาเยือนด้วยความมั่นใจและเขาประมาทจนเกินไปก็เท่านั้น" กาเล็ทเอ่ยบอก

    เมื่อได้ฟังคำกล่าวอธิบายของกาเล็ททั้งซิลเวีย แชลเทีย และเบลล่าต่างก็ฉงนใจอยากจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยไวจากปากของกาเล็ท

    "ประมาทหรือ?" แชลเทียเอ่ยย้ำ

    "ใช่ เขามั่นใจในพลังและความสามารถของตนเองจนเกินไปทำให้เขาไม่สืบหาข้อมูลเกี่ยวกับพวกเรามาแม้แต่น้อยเป็นเหตุให้จักรพรรดิ์แดงนำพาแต่เพียงสี่เทพผู้คุ้มครองร่วมทางมาด้วยซึ่งนั่นถือว่าเป็นเงื่อนไขที่เหมาะเจาะที่สุดสำหรับกับข้า" กาเล็ทเอ่ยพร้อมทั้งเผยรอยยิ้มออกมา

    "เขาใช่เก่งกล้าสามารถดั่งคำล่ำลือหรือไม่กาเล็ท" ซิลเวียเอ่ยถามขึ้น

    "ย่อมนับว่าเก่งกล้าสามารถ หากให้กล่าวตามตรงในความคิดของข้าจักรพรรดิ์แดงสมควรที่จะแข็งแกร่งที่สุดในระดับจักรพรรดิ์ที่มีอยู่ในดินแดนยูยานแห่งนี้" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าวความนึกคิดของตนเองออกไป

    ได้ฟังคำกล่าวของกาเล็ททำให้ทั้งสามยิ่งรู้สึกแปลกประหลาดใจมากกว่าเดิม "หากว่าเป็นเช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงยังเอาชนะเขามาได้เล่า"

    "เพราะเขาประมาทยังไงล่ะ เขามาเยือนโรฮานโดยคิดแต่เพียงว่าด้วยพลังที่เหนือล้ำกว่าอย่างเทียบไม่ติดเขาจะสามารถบดขยี้ทำลายโรฮานได้โดยง่าย ข้าได้อาศัยในจุดนั้นชักนำเขาเข้าสู่มิติเทพเจ้าไป เมื่อถูกชักนำเข้าสู่มิติเทพเจ้าแล้วจักรพรรดิ์แดงก็หลงเหลืออยู่แต่เพียงแพ้หรือเสมอตัว" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าว

    ได้ฟังคำกล่าวของกาเล็ททั้งสามที่ฟังอยู่ก็ผงกหัวตามอย่างเข้าใจได้ "เพราะมิติประหลาดนั้นเองหรือ" แชลเทียเอ่ยขึ้นอย่างได้คิด

    "อีกประการหากว่าจะกล่าวไปแล้วจักรพรรดิ์แดงสมควรที่จะมีพลังเหนือกว่าทั้งข้าและมิร่าอยู่ส่วนหนึ่งหลังจากที่ใช้พลังจากแก่นจิตวิญญาณเทียมแล้ว" กาเล็ทเอ่ย

    "แก่นจิตวิญญาณเทียม?" ซิลเวียเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

    กาเล็ทได้ฟังก็ยิ้มและอธิบายให้คนรักของตนเองเข้าใจ "เป็นวิชาลับของจักรพรรดิ์แดงที่เขาแอบซุ่มเก็บตัวฝึกฝนมานานปี แก่นจิตวิญญาณเทียมนี้จะจำลองแก่นจิตวิญญาณขึ้นมาอีกดวงหนึ่งภายในร่างของผู้ฝึกฝนส่งผลให้ผู้ซึ่งฝึกฝนวิชาเช่นนี้จะมีพลังมากกว่าปกติถึงสองเท่าทว่าวิชานี้นับได้ว่าเป็นวิชานอกรีต การฝึกฝนนั้นไม่สามารถจะกระทำได้ตามแนวทางปกติ การที่จะฝึกฝนวิชานี้ได้นั้นจำเป็นที่จะต้องใช้แก่นจิตวิญญาณของสัตว์อสูรระดับสูงหรือมนุษย์ด้วยกันที่มีพลังระดับราชาขึ้นไปมาเพื่อดูดซัพพลังจากแก่นจิตวิญญาณเหล่านั้นเข้าสู่แก่นจิตวิญญาณเทียมหนำซ้ำเมื่อผู้ใช้ดึงพลังงานจากแก่นจิตวิญญาณเทียมออกมาใช้แล้วการจะเติมเต็มมันให้กลับมาดังเดิมก็ต้องใช้พลังงานจากแก่นจิตวิญญาณของผู้อื่นหรือจากสัตว์อสูรอีกเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมาจักรพรรดิ์แดงไล่ล่าสังหารผู้คนไปเป็นจำนวนมากเพื่อแย่งชิงเอาแก่นจิตวิญญาณ"

    "ช่างชั่วร้ายนัก" แชลเทียและซิลเวียอุทานออกมาอย่างไม่ชอบใจกับการกระทำของจักรพรรดิ์แดง แม้แต่เบลล่าที่รับฟังอยู่ด้านข้างก็แสดงออกถึงสีหน้ารังเกียจออกมาวูบหนึ่ง

    "ถึงจะเป็นเช่นนั้นมิใช่ยังต้องพ่ายแพ้ให้แก่กาเล็ทหรอกหรือ" ซิลเวียเอ่ยด้วยน้ำเสียงชื่นชมยินดี

    กาเล็ทได้ฟังก็ยิ้มอย่างเต็มฝืนออกมา "จะกล่าวไปแล้วชัยชนะครั้งนี้สำหรับกับข้าหาได้เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิ หนึ่งนั้นเกิดจากการกลุ้มลุมของข้าและมิร่าน้อยทำให้สามารถชิงเป็นฝ่ายมีเปรียบไม่เปิดช่องให้จักรพรรดิ์แดงสามารถตีโต้กลับคืนได้ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งที่เป็นปัจจัยหลักแห่งความพ่ายแพ้ของเขาก็คือเขายังใช้พลังจากแก่นจิตวิญญาณเทียมได้ไม่ชำนาญ" กาเล็ทเอ่ยอธิบายถึงสาเหตุแห่งชัยชนะของตนเอง สำหรับกับกาเล็ทนั้นเพื่อที่จะปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนเองรักไว้ กาเล็ทเต็มใจที่จะละทิ้งศักดิ์ศรีและกฎเกณฑ์ต่างๆทิ้งไป หากว่าไม่สามารถปกป้องสิ่งสำคัญไว้ได้ยังจะต้องเอ่ยกล่าวถึงศักดิ์ศรีอันใดอีก? หากว่าต้องทนเห็นคนที่รักตกตายลงต่อหน้าเช่นนั้นแล้วมันคุ้มกันหรือกับคำว่าศักดิ์ศรี? สำหรับกับกาเล็ทคำตอบนั้นคือกาเล็ทจะไม่ยินยอมให้ผู้ใดมาพรากสิ่งสำคัญของตนเองไปแม้ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตามกาเล็ทก็จะหยุดยั้งคนผู้นั้นไว้ให้จงได้

    ทั้งซิลเวียและแชลเทียที่ได้ฟังคำกล่าวของชายคนรักก็รู้สึกสั่นสะท้านในจิตใจเช่นกัน สาเหตุก็เพราะชายคนรักกลับทิ้งศักดิ์ศรีความทรนงของนักรบไปเพื่อที่จะปกป้องผู้คนจากการถูกทำลายล้างฆ่าฟัน "กาเล็ท" ทั้งซิลเวียและแชลเทียที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกหม่นหมองเล็กๆที่อยู่ในน้ำเสียงของกาเล็ทเอ่ยกล่าวขึ้นเสมือนว่าจะเป็นการปลอบใจชายคนรัก

    "เช่นนั้นแล้วสำหรับกับข้าต้องได้รางวัลแห่งความพยายาม" กาเล็ทพลันเปลี่ยนท่าทีและน้ำเสียงเป็นสดใสร่าเริงขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน "รู้สึกคอแห้งอยากดื่มน้ำจริงๆ" เอ่ยกล่าวถึงจุดนี้กาเล็ทก็ใช้พลังของตนเองยกเหยือกน้ำผลไม้ขึ้นเทใส่แก้วเล็กจากนั้นจึงใช้พลังของตนเองยกแก้วทั้งสองใบมาที่เบื้องหน้าของทั้งซิลเวียและแชลเทีย

    เห็นเช่นนั้นทั้งซิลเวียและแชลเทียก็หน้าแดงสดใสขึ้นมา มีหรือที่นางจะไม่เข้าใจความต้องการของชายคนรักแต่ว่านั่นจะได้อย่างไรตอนนี้เบลล่าคอยเฝ้ามองอยู่จะให้พวกตนกระทำเรื่องน่าอายเช่นนั้นต่อหน้าเบลล่าได้หรือ? "ก.กาเล็ท แบบนี้ไม่ได้" ซิลเวียเอ่ยกล่าวขึ้นทว่ากลับสบเข้ากับสายตาอ้อนวอนร้องขอของชายคนรักเข้า

    "รู้หรือไม่ว่าตอนต่อสู้เสี่ยงชีวิตกับจักรพรรดิ์แดงเพียงลำพัง มีครั้งหนึ่งที่ข้าเกือบที่จะพลาดพลั้งเสียทีจนเกือบถูกฟันร่างขาดออกเป็นสอง ในชั่ววินาทีนั้นข้ากลับคิดถึงพวกเจ้า คิดว่าหากจะไม่ได้มีโอกาสอยู่ร่วมกับพวกเจ้าอีกแล้วช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายนัก" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขึ้น

    ได้ฟังเช่นนั้นจิตใจของซิลเวียก็อ่อนยวบลงเมื่อนางหวนคิดถึงว่าชีวิตผู้คนนั้นแสนสั้นนักอาจบางทีต้องจากกันไปอย่างไม่รู้ตัว เรื่องที่ไม่กระทำในวันนี้ตนเองอาจจะรู้สึกสำนึกเสียใจในวันหน้าก็เป็นได้ อีกทั้งเขายังทั้งต่อสู้เสี่ยงชีวิตเพื่อพวกตนมาหลายครั้งคราแล้วสำหรับกับตนเองเพียงเรื่องเท่านี้หากไม่สามารถกระทำให้แก่เขาได้มิใช่จะเป็นการเกินเลยไปหรือ? สรุปได้ดังนั้นนางก็ข่มความอับอายไว้และดื่มน้ำผลไม้จากแก้วที่ลอยอยู่เข้าไปจากนั้นจึงโน้มตัวลงจุมพิตกับชายคนรักเพื่อป้อนน้ำผลไม้อันหอมหวานที่สุดให้กับกาเล็ทผ่านทางปากของตนเอง

    เบลล่าซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างและได้เห็นการกระทำของผู้เป็นน้องสาวก็เบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจกับการกระทำนี้ของซิลเวีย "จ..เจ้าทำอะไร" เบลล่าส่งเสียงออกมา

    ซิลเวียที่เงยหน้าขึ้นมาด้วยใบหน้าที่แดงสดใส่ก็เอ่ยบอกกล่าวขึ้น "ห...ให้รางวัลแก่เขา"

    แชลเทียเองที่เห็นว่าซิลเวียเพื่อนสาวของตนเองยินยอมที่จะกระทำเช่นนั้นก็ไม่ลังเลอิดออดอีกต่อไปกระทำเช่นเดียวกันกับซิลเวียเมื่อครู่ ทำให้กาเล็ทที่นอนหนุนตักนางอยู่เผยรอยยิ้มแห่งความสุขสมออกมา

    "รู้สึกอ่อนเพลียเหลือเกินคงเพราะว่าข้าได้ใช้พลังไปเป็นจำนวนมาก เช่นนั้นข้าขอนอนหลับพักผ่อนสักครู่ได้หรือไม่" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขึ้นเมื่อได้สมดั่งปราถนาที่ตนเองคาดหวังไว้แล้ว

    แชลเทียที่ได้ฟังเช่นนั้นก็ใช้ฝ่ามือเรียวงามของตนเองลูบไล้ผมของชายคนรักอย่างอ่อนโยน

    เวลาผ่านไปไม่นานลมหายใจของกาเล็ทก็สม่ำเสมอขึ้นแสดงออกว่าบัดนี้ชายผู้ซึ่งสังหารจักรพรรดิ์แดงตำนานแห่งทวีปได้หลับไหลแล้ว

    "พวกเจ้าชั่งเหลวไหลนัก กลับกล้ากระทำเรื่องน่าอายเช่นนั้นได้อย่างไร" เบลล่าเอ่ยกล่าวขึ้นแม้แต่ตัวของนางเองหากสังเกตุให้ดีใบหน้าของเจ้าหญิงลำดับที่หนึ่งของโรฮานตอนนี้ก็ปรากฎสีแดงระเรื่ออยู่เช่นกัน

    "ท่านพี่ ในสายตาของท่านพี่ ข้าอาจจะดูเป็นสตรีที่ไม่รักษาเนื้อรักษาตัวแต่ท่านพี่ใช่คิดหรือไม่ว่าภายใต้รอยยิ้มที่เขาเผยออกมาให้พวกเราได้เห็น สิ่งที่เขานั้นต้องแบกรับอยู่ใต้บ่าจะหนักหนาสาหัสถึงเพียงไหน หากว่าการทำเช่นนี้สามารถทำให้เขาผ่อนคลายมีความสุขขึ้นมาได้บ้าง ข.ข้าก็ยินดีที่จะข่มความอับอายกระทำให้แก่เขา" ซิลเวียเอ่ย

    เบลล่าได้ฟังก็หวนนึกคิดย้อนกลับไปเมื่อไม่นานมานี้ รอยยิ้มของกาเล็ทที่ยิ้มให้แก่ตนเองก่อนที่จะจากไปรับศึกกับจักรพรรดิ์แดง รอยยิ้มนั้นที่ปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อให้ตนเองซึ่งกำลังรู้สึกกังวลใจอยู่สบายใจขึ้น เมื่อหวนนึกคิดถึงรอยยิ้มเช่นนั้นหัวใจของเบลล่าก็เต้นถี่เร็วขึ้นอย่างไม่อาจที่จะควบคุมได้เลย

    "องค์หญิงได้โปรดอย่าโทษว่าตำหนิพวกข้าที่ไม่รักษาเนื้อรักษาตัวและอย่าได้โทษว่าตำหนิเขา เขาหาได้เป็นดั่งเช่นบุรุษทั่วไป เรื่องนี้ข้าคิดว่าแม้แต่องค์หญิงก็คงจะรู้สึกได้เช่นกัน สายตาของเขายามเมื่อจ้องมองดูมาที่พวกเรานั้นแตกต่างจากบุรุษอื่น สายตาของเขานั้นปราศจากความหื่นกระหายและไม่มีความหยาบคายดั่งเช่นที่บุรุษอื่นกระทำต่อพวกเราเหล่าสตรี สายตาของเขาที่จ้องมองมาข้าเห็นแต่เพียงสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความห่วงใย ยามที่เขาต้องแบกรับทุกสิ่งที่หนักอึ้งไว้เพียงลำพังตัวข้านั้นไม่สามารถที่จะช่วยแบ่งเบาเขาได้เลยแม้แต่น้อย หากว่าพอมีเรื่องที่ข้าสามารถที่จะกระทำเพื่อเขาได้ ข้าก็ยินดีที่จะกระทำให้แก่เขา" แชลเทียเอ่ย

    เบล่าที่ได้ฟังคำบอกกล่าวความรู้สึกภายในจิตใจจากทั้งซิลเวียน้องสาวและแชลเทียก็หันมองไปยังบรุษซึ่งตนเองไม่เข้าใจตลอดมา บรุษซึ่งตนเองไม่สามารถคาดเดาถึงเหตุผลในการกระทำเรื่องราวของเขาได้ซึ่งกำลังนอนหลับอยู่ที่เบื้องหน้า ใบหน้ายามนอนหลับของเขากลับไม่คล้ายเหมือนบรุษซึ่งทั่วทั้งเมืองหลวงต่างหวาดกลัวในความสามารถ ไม่คล้ายเหมือนบรุษที่ครอบครองพลังสุดจะหยั่งที่สามารถสั่นคลอนไปได้ทั้งทวีปทว่าใบหน้าของเขายามหลับไหลกลับเสมือนเด็กหนุ่มปกติธรรมดาผู้หนึ่ง

    "ท่านพี่ลองดูยามที่เขาหลับไหลเขาก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง พวกเราอย่าได้ถูกความสามารถที่สูงล้ำและการแสดงออกของเขาหลอกลวงเอา แม้ว่าเขาจะดูพึ่งพาได้ แม้ว่าเขาจะไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาให้พวกเราได้เห็นเลยแต่ท่านพี่รู้หรือไม่ว่าทุกครั้งคราที่เขาต้องลงมือเข่นฆ่าผู้ใดแล้วลึกๆในจิตใจของเขานั้นจะรู้สึกเจ็บปวดยิ่งและแม้ว่าเขาจะไม่บอกกล่าวสิ่งนี้ออกมาแต่ว่าข้านั้นรู้สึกได้ ท่านลองดูเมื่อครู่เขามิใช่แสดงออกถึงความรู้สึกหม่นหมองหรอกหรือ? ทั้งๆที่สามารถสังหารจักรพรรดิ์แดงแห่งทวีปได้เขากลับไม่ได้รู้สึกภาคภูมิใจอย่างที่ควรจะเป็น อันที่จริงแล้วเขาก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่มีความต้องการทั่วไปดั่งเช่นผู้อื่น" ซิลเวียเอ่ย

    "เขามักจะคิดถึงผู้อื่นก่อนตนเองเสมอ เขามักจะคิดถึงจิตใจของผู้อื่น องค์หญิงรู้หรือไม่ว่าเมื่อยามที่ท่านป้านีน่าป่วยหนักและต้องการความช่วยเหลือ เขากลับเรียกเหล่าหญิงรับใช้มาและเอ่ยบอกกล่าวเรื่องราวพร้อมทั้งเอ่ยร้องขอต่อพวกนางความจริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลยก็ได้ ความจริงแล้วเขาเพียงแต่ออกคำสั่งต่อเหล่าหญิงรับใช้ทว่าเขากลับไม่ทำเช่นนั้น เขากลับเลือกหนทางที่ยุ่งยากและลำบากกว่าสาเหตุก็เพียงเพราะเขาเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเป็นอย่างดี" แชลเทียเอ่ยกล่าว

    ได้ฟังถึงจุดนี้ร่างของเบลล่าก็สั่นสะท้านขึ้นมาคราหนึ่ง นางหวนนึกคิดกลับไป ภาพความทรงจำที่ลางเลือนค่อยๆปรากฎแจ่มชัดขึ้นมา ภาพของสตรีที่ดูงดงามกำลังโอบกอดเด็กหญิงตัวน้อยไว้ในอ้อมอก "เบลล่าต้องจำไว้นะลูก การจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ต้องรู้จักเข้าใจจิตใจของคนอื่นด้วยนะลูก" สตรีผู้งดงามนั้นเอ่ยกล่าวกับเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมอก "ค่ะท่านแม่ เมื่อโตขึ้นเบลล่าจะเป็นเจ้าหญิงที่ดี เจ้าหญิงที่งดงามเหมือนกับท่านแม่" เด็กหญิงตัวน้อยเอ่ยกล่าว

    ด้วยความทรงจำในวัยเด็กที่หวนกลับมาทำให้เบลล่ายื่นมือออกไปอย่างไม่รู้ตัว ยื่นมือออกไปเพื่อสัมผัสถึงใบหน้าของเด็กหนุ่มที่นอนหลับไหลอยู่ เมื่อมือของตนเองสัมผัสไปที่ใบหน้าของเขาความรู้สึกไม่เข้าใจที่เคยมีมาก็เสมือนว่าจะมลายหายไปสิ้น ตนเองเฝ้าแต่นึกคิดหาเหตุผลว่าเหตุใดเขาจึงต้องทำเช่นนั้น ทำเช่นนี้ คิดแต่เพียงว่าเขาทำไปแล้วจะได้สิ่งใดกลับมา? ตนเองคิดแต่เพียงนั้น ตนเองได้แต่เพียงใช้อคติที่มีต่อบุรุษมาตัดสินชี้วันการกระทำของเขา แต่อันที่จริงแล้วเขามิใช่ว่าดูออกง่ายยิ่งหรอกหรือ? เขาเพียงแต่เป็นคนที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่นกว่าใคร เขาเพียงแต่เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์คนหนึ่งดั่งเช่นที่มารดาผู้ล่วงลับเคยพร่ำสอนแก่ตนเองก็เท่านั้น รู้ได้เช่นนั้นแล้วดวงตาของเบลล่าก็ปรากฎน้ำใสเอ่อล้นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

    ซิลเวียและแชลเทียซึ่งเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่หันไปสบตากันอย่างแปลกประหลาดใจที่อยู่ๆเบลล่ากลับแสดงอาการเช่นนี้ออกมา



    ปล.ประโยค การจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ต้องรู้จักเข้าอกเข้าใจหัวอกของคนอื่น << นำมาจากการ์ตูนโดเรม่อนฉากที่ย่าของโนบิตะพูดสอนโนบิตะครับผม ประทับใจมากเลยเอามาใส่ในนิยาย

    ปล.ผมก็พึ่งไปอ่านกฎของการเขียนนิยายมา พึ่งรู้ว่าการเอาประโยคหรือสุนทรพจน์ของคนอื่นมาใส่ในนิยายเพียงเล็กน้อยโดยไม่ให้เครดิตถือว่าเป็นการขโมยไอเดียแล้วถ้ามีเวลาผมจะกลับไปแก้ไขสิ่งที่ผมไม่ได้ให้เครดิตไว้ซึ่งอาจมีตกหล่นในนิยายบ้างครับผม เรื่องความรักอาจจะดูเวิ่นเว้อไปบ้างนะครับผู้ก็แค่ต้องการจะปูถึงความสัมพันว่าก่อนที่ตัวละครจะมารักกันได้นั้นต้องมีที่มาของความรู้สึกคนอ่านจะได้อินนิดๆ 5555 อินหรือเปล่าหว่าใครแอบน้ำตาซึมก็บอกด้วยนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×