ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #131 : ข่าวร้ายที่แพร่กระจาย [รีไรท์]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.08K
      366
      6 ม.ค. 61




    "ท่านพี่ท่านร้องไห้?" ซิลเวียเอ่ยกล่าวขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้เป็นพี่สาวแสดงอาการแปลกไป

    เบลล่าที่เริ่มรู้สึกตัวก็ชักมือของตนเองกลับคืนจากการลูบไล้ใบหน้าของกาเล็ท "ไม่มีอะไร ข้าเพียงแต่คิดถึงคำสอนของท่านแม่" เบลล่าเอ่ยบอกกล่าวขณะที่ใช้มือของตนเองปาดเช็ดคราบน้ำตา

    ซิลเวียได้ฟังเช่นนั้นก็หวนนึกไปถึงผู้เป็นมารดาเช่นกัน สำหรับกับตนเองนั้นเมื่อครั้งตอนผู้เป็นมารดาจากไปนางก็ยังเล็กอยู่ดังนั้นแล้วตัวนางจึงจำไม่ได้แม้แต่ใบหน้าของผู้เป็นมารดาด้วยซ้ำ "คำสอนของท่านแม่บอกว่าอย่างไร ท่านพี่ช่วยบอกกล่าวให้ข้าได้ฟังด้วยได้หรือไม่"

    เบลล่าได้ฟังเช่นนั้นก็หน้าแดงสดใสขึ้นมาคราหนึ่ง หากว่าตนเองบอกกล่าวออกมาผู้เป็นน้องสาวมิใช่ว่าจะสามารถคาดเดาความในใจของตนเองออกแล้ว? ดังนั้นนางจึงเอ่ยกล่าวว่า "เพียงแต่จำได้อย่างเลือนลางเท่านั้น"

    ซิลเวียได้ฟังเช่นนั้นก็ไม่คาดคั้นกับผู้เป็นพี่สาวอีก ดังนั้นแล้วพวกนางทั้งสามจึงได้แต่นั่งคุยสัพเพเหระกันไปอีกนานหลายชั่วโมง

    เมื่อเวลาผ่านไปประมาณสามชั่วโมงกาเล็ทก็ลืมตาตื่นขึ้นมา "ช่างเป็นการหลับไหลที่เต็มอิ่มนัก ไม่ทราบว่าข้าหลับไปเป็นเวลานานเท่าใด" กาเล็ทเอ่ยถามขึ้นขณะที่ยันตัวลุกขึ้นจากการนอนหนุนตักของแชลเทีย

    "เพียงประมาณสามชั่วโมงเท่านั้นเองกาเล็ท" แชลเทียเอ่ยบอกกล่าว

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็ทำสีหน้าตกใจออกมา "ลำบากเจ้าแล้วแชลเทีย ปวดเมื่อยหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

    แชลเทียได้ฟังเช่นนั้นก็เผยรอยยิ้มสดใสออกมา "ไม่ กาเล็ทองค์หญิงเบลล่ามีอะไรอยากจะบอกกับเจ้าน่ะ" แชลเทียเอ่ย

    ได้ฟังเช่นนั้นกาเล็ทก็หันมองไปทางเบลล่าอย่างสงสัยใจ ไม่ทราบว่าเจ้าหญิงแห่งโรฮานผู้นี้จะมีสิ่งใดบอกกล่าวต่อตนเอง

    เบลล่าที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเตรียมใจเมื่อต้องพบเจอกับสายตาของกาเล็ทที่จ้องมองมาก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย ชั่วเวลาสามชั่วโมงที่ผ่านมาทั้งซิลเวีย แชลเทีย และเบลล่าได้พูดคุยกันหลายเรื่องและหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องที่เบลล่าจะเอ่ยกล่าวขออภัยต่อกาเล็ท

    "ท.ท่านมาร์ควิส ข้าขออภัยต่อท่าน ขออภัยที่ข้าเคยเข้าใจท่านผิดไป" เบลล่าเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกัก

    กาเล็ทได้เห็นเช่นนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมา "ข้าไม่เคยถือโทษโกรธเคืองท่านองค์หญิง เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ" กาเล็ทเอ่ยบอก "ยังมีเรื่องที่ข้าต้องการให้ท่านช่วยเหลือ" กาเล็ทเอ่ย

    "เรื่องใดหรือ?" เบลล่าเอ่ยถาม

    "ข้าอยากที่จะให้ท่านไปเอ่ยปากพูดคุยกับบิดาของท่านให้ชัดเจน" กล่าวถึงตรงนี้กาเล็ทก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่งจากนั้นจึงกล่าวต่อ "แผนการที่ข้าวางไว้จะอย่างไรก็ต้องได้รับความร่วมมือจากพวกท่านและองค์ราชาเบรุทด้วย ด้วยนิสัยใจคอขององค์ราชาข้าเกรงว่าเขาอาจจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของข้า" กาเล็ทเอ่ย

    "กาเล็ทเรื่องนี้ข้าก็จะไปช่วยพูดกับท่านพ่ออีกแรงหนึ่ง เจ้ากระทำไปตามที่เจ้าเห็นสมควรเถอะ เรื่องนี้ท่านพ่อไม่อาจเห็นต่างได้ ข้าและท่านพี่จะจัดการเรื่องของท่านพ่อเอง" ซิลเวียเอ่ย

    ได้ฟังเช่นนั้นกาเล็ทก็รู้สึกคลายใจลง ด้วยนิสัยที่โลเลไม่หนักแน่นของราชาเบรุทอาจที่จะเป็นอุปสรรคต่อแผนการลูกโซ่ครั้งนี้ของตนเองได้

    "ซิลเวีย แชลเทีย เรื่องนี้จะอย่างไรต้องรบกวนพวกเจ้าแสดงละครสักครั้งแล้ว" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าว

    "แสดงละคร?" ทั้งซิลเวียและแชลเทียเอ่ยถามอย่างพร้อมเพรียง

    "ใช่แล้ว ทุกผู้คนในเมืองหลวงต่างรู้แล้วว่าซิลเวียและแชลเทียเจ้าหมั้นหมายอยู่กับข้าดังนั้นเมื่อมีข่าวลือว่าข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจที่จะเยียวยารักษาได้แล้วพวกเจ้าก็ต้องแสดงเป็นเศร้าสร้อยหดหู่ถึงจะนับว่าแนบเนียน" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าว

    ทั้งซิลเวียและแชลเทียเมื่อได้ฟังคำกล่าวอธิบายของชายคนรักก็ผงกหัวอย่างเข้าใจ

    "องค์หญิงขอให้ท่านกำชับต่อองค์ราชาว่าให้แสร้งทำเป็นป่วยหนักอาการยังไม่ทุเลาหายดีและช่วงนี้ให้งดเว้นการออกว่าราชการแผ่นดินไว้ก่อนและสิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวใดขึ้นก็อย่างได้ตื่นตกใจปล่อยให้มันเป็นไปอย่างเต็มที่" กาเล็ทหันไปเอ่ยกล่าวกับเบลล่า

    "อืมข้าเข้าใจแล้ว" เบลล่าเอ่ย

    กาเล็ทซึ่งเห็นท่าทีของเบลล่าก็รู้สึกฉงนใจไม่น้อย เจ้าหญิงผู้นี้กลับกลายเป็นว่าง่ายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด? "เมื่อรุ่งเช้ามาถึงข้าคาดการณ์ว่าเหล่าขุนนางน้อยใหญ่คงต้องตื่นตระหนกไม่น้อยและคงรอเพื่อไปหาคำตอบจากองค์ราชาเป็นแน่ เช่นนั้นข้าว่าซิลเวียเจ้าก็กลับไปบอกกล่าวเรื่องราวกับองค์ราชาพร้อมกับองค์หญิงเบลล่าเถอะ" กาเล็ทเอ่ย

    หลังจากพูดคุยตระเตรียมวางแผนกันแล้วกาเล็ทก็ไปส่งทั้งซิลเวียและเบลล่ากลับสู่วังหลวง

    ในช่วงเช้าเหล่าขุนนางต่างพากันมารออยู่ให้ห้องประชุมตั้งแต่เช้าสาเหตุก็เพราะความร้อนใจ พวกมันต้องการทราบว่าที่แท้แล้วเกิดเรื่องราวใดขึ้นกันแน่น ด้วยเหล่าขุนนางนั้นจะแตกต่างจากชาวบ้านทั่วไป เพราะมั่งมีด้วยเงินทองสามารถจัดซื้อหาตัวยาวิเศษราคาแพงให้แก่ตนเองและครอบครัวได้ดังนั้นลูกหลานตระกูลขุนนางส่วนใหญ่จึงเป็นผู้ฝึกตนที่สามารถใช้พลังจิตวิญญาณได้ และเมื่อคืนวานนั้นเสียงประกาศที่ดังก้องของจักรพรรดิ์แดงที่แฝงไปด้วยพลังอำนาจอย่างน่าตื่นกลัวประกอบกับลูกบอลไฟขนาดยักษ์ที่จู่ๆก็ปรากฎขึ้นและหายไปอย่างไร้ร่องรอยทำให้พวกมันรู้สึกหวั่นใจ เสีนงอันทรงพลังอำนาจนั่นจะใช่จักรพรรดิ์แดงจริงหรือไม่? ลูกบอลเพลิงที่มุ่งหวังทำลายล้างนั่นอยู่ๆเหตุใดจึงได้หายไป? ด้วยเหตุนี้เมื่อพวกมันสงบใจลงได้แล้วจากเหตุการที่เกิดขึ้นบ้างที่ยังมีขวัญกล้าอยู่ก็แต่งเนื้อแต่งตัวเดินทางเข้าสู่วังหลวงเพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารจากเพื่อนขุนนาง บ้างที่ขวัญอ่อนก็เก็บข้าวของมีค่าเร่งรีบเดินทางลี้ภัยออกจากเมืองแบรี่ไป

    "ท่านเอิร์ลสโตนเมื่อคืนวานนี้ท่านได้เห็นลูกบอลไฟที่อยู่ๆก็ปรากฎขึ้นเหนือเมืองแบรี่หรือไม่" เอิร์ลนอร์ตันเอ่ยถามเพื่อนขุนนางของตนเอง

    "ย่อมได้เห็นท่านเอิร์ลนอร์ตัน ยามเมื่อข้ามองขึ้นไปยังลูกบอลไฟใหญ่ยักษ์นั่นแม้ว่ามันจะยังอยู่ห่างออกไปมากนักยามที่ข้าเห็นมันทว่าในยามนั้นข้ากลับสัมผัสได้ถึงไอความร้อนที่แผ่พุ่งเข้ามาปะทะกับร่างกายของข้าและในตอนนี้ข้าก็ยังรู้สึกเสมือนว่าไอความร้อนที่น่ากลัวนั่นยังไม่จางหายไปเลยแม้แต่น้อย" เอิร์ลสโตนเอ่ยออกมาอย่างหวาดผวา ทั้งเอิร์ลสโตนและเอิร์ลนอร์ตันต่างเป็นผู้ฝึกตนที่มีระดับพลังขั้นที่ 5 ดังนั้นแล้วในฐานะของผู้ฝึกฝนพลังพวกมันล้วนสามารถเข้าใจถึงความน่าสะพรึงกลัวของลูกบอลไฟยักษ์นั่นและผู้ที่ให้กำเนิดมันเป็นอย่างดี

    "นับว่ายังโชคดีอยู่มากนักที่ลูกบอลไฟนั่นไม่ตกลงสู่เมืองแบรี่ หาไม่แล้วต้องมีผู้ได้รับเคราะห์กรรมจากมันเป็นจำนวนมากแน่นอน" เอิร์ลสโตนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความรู้สึกโล่งใจ

    "ไม่ทราบว่าเหตุใดอยู่ๆลูกบอลไฟที่น่ากลัวนั่นถึงได้ปรากฎขึ้น" เอิร์ลนอร์ตันเอ่ยขึ้นอย่างหวนนึก

    "พวกท่านไม่ได้ยินเสียงลึกลับที่ประกาศตนว่าเป็นจักรพรรดิ์แดงนั่นหรือ?" เอิร์ลบาร์ตันเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย

    "จักรพรรดิ์แดง !!" เอิร์ลทั้งสองเมื่อได้ฟังก็ส่งเสียงอุทานออกมาอย่างตกใจ

    "ใช่แล้วมันประกาศตนว่าเป็นจักรพรรดิ์แดงและจะทำลายโรฮานของเราให้สิ้นซาก" เอิร์ลบาร์ตันเอ่ย

    "เช่นนั้นแล้วเหตุใดพวกเราจึงยังอยู่รอดปลอดภัยไร้เรื่องราวกันอยู่เล่า?"

    เอิร์ลบาร์ตันได้ยินคำถามนี้มันก็แบมือทั้งสองข้างของมันออก "เรื่องนั้นข้าจะไปทราบได้อย่างไร ข้าถึงต้องมารออยู่ที่นี่ร่วมกับพวกท่านเพื่อฟังคำอธิบายเพิ่มเติมจากองค์ราชายังไงเล่า"

    เสียงพูดคุยภายในห้องโถงประชุมของวังลวงที่ดังระงมกลับเริ่มเงียบลงเพราะการปรากฎตัวของราชาเบรุท ซิลเวียและเบลล่า หากสังเกตุให้ดีจะพบว่าดวงตาของซิลเวียเจ้าหญิงลำดับที่สองของโรฮานบัดนี้กลับแดงก่ำและยังคงเหลือเค้าลางของคราบน้ำตาอยู่บนดวงตาคู่สวยนั่นแสดงออกว่านางได้ผ่านการร้องได้มาอย่างหนักหน่วง

    "แคก แคก ๆ" ราชาเบรุทส่งเสียงไอออกมาอย่างอ่อนแรงขณะที่บุตรสาวทั้งสองค่อยๆพยุงร่างของมันให้นั่งลงสู่เก้าอี้บัลลังก์ที่มันเคยรู้สึกหวงแหนยิ่งกว่าสิ่งใด ราชาเบรุทยกมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ที่กำลังส่งเสียงพูดคุยกันอยู่เงียบลง

    "อย่างที่พวกท่านน่าจะรู้กันอยู่แล้วว่าเมื่อคืนวานนี้โรฮานของเราได้เกิดเรื่องใหญ่ร้ายแรงขึ้น ร้างแรงถึงขนาดที่จะสามารถทำให้โรฮานของเราล่มสลายได้เลยทีเดียว แคก แคก" ราชาเบรุทเอ่ยกล่าว ขณะที่เอ่ยกล่าวสีหน้าของมันนั้นดูอิดโรยไร้เรี่ยวแรงยิ่งพอเอ่ยกล่าวถึงช่วงท้ายมันก็ยังส่งเสียงไออมโรคออกมา

    เหล่าขุนนางเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ทราบได้ทันทีว่าอาการของราชาเบรุทยังไม่ทุเลาหายดีจากเหตุแพร่พิษวางยา "องค์ราชาเสียงประหลาดนั่นประกาศตนว่าเป็นจักรพรรดิ์แดง ไม่ทราบว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่พะยะค่ะ" ขุนนางใหญ่ผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้นอย่างร้อนใจ

    "เป็นความจริงไม่แปลกปลอม ผู้ที่มาเยือนโรฮานของเราเมื่อคืนวานนี้คือจักรพรรดิ์แดง" ราชาเบรุทตอบคำ เมื่อสิ้นเสียงของราชาเบรุททั่วทั้งห้องโถงก็มีเสียงพูดคุยดังระงมขึ้นมาอีกคราหนึ่ง

    ราชาเบรุทเห็นเช่นนั้นก็ยกมือของตนขึ้นปรามเหล่าขุนนางที่กำลังส่งเสียงอย่างตื่นตระหนกขึ้นอีกครั้ง "พอแล้วอย่าได้แตกตื่นตกใจจนเกินไป แม้ว่าผู้มาเยือนจะเป็นจักรพรรดิ์แดงจริงทว่าภัยคุกคามที่เกิดขึ้นก็หมดสิ้นไปแล้ว เมื่อคืนวานมาร์ควิสบุสโซ่และท่านผู้พิทักษ์แห่งโรฮานได้เสี่ยงชีวิตเข้าต่อสู้เพื่อปกป้องโรฮานไว้สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็สามารถร่วมมือกันสังหารจักรพรรดิ์แดงได้เป็นผลสำเร็จ" ราชาเบรุทเอ่ย

    เมื่อได้ฟังคำกล่าวนี้ทั่วทั้งห้องโถงกลับเงียบสงัดลงทันใด

    "องค์ราชาเมื่อครู่นี้ท่านบอกว่าจักรพรรดิ์แดงถูกสังหารแล้วหรือพะยะค่ะ?" ตัวแทนของเหล่าขุนนางเอ่ยถามขึ้น

    "ใช่ถูกสังหารลงแล้ว หากไม่เป็นเช่นนั้นพวกเราจะยังสามารถยืนพูดคุยกันอยู่เช่นนี้ได้อีกหรือ?" ราชาเบรุทตอบคำ

    "ผู้ลงมือสังหารจักรพรรดิ์แดงคือมาร์ควิสบุสโซ่และท่านผู้พิทักษ์?" เหล่าขุนนางยังคงเอ่ยคำถามต่อไป

    ได้ฟังคำถามนี้ราชาเบรุทก็เหม่อมองไปที่ด้านนอกครู่หนึ่งจากนั้นจึงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน "ช่างน่าเสียดายนักสวรรค์ช่างเล่นตลกกับโรฮานของเรา สวรรค์ประทานผู้มีความสามารถสุดจะหยั่งมาให้แก่โรฮานหากแต่กลับพรากกลับคืนไปอย่างรวดเร็ว"

    "องค์ราชาหมายความว่าเช่นไรพะยะค่ะ" ขุนนางที่ได้ฟังคำเอ่ยกล่าวของราชาเบรุทเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

    "แม้ว่าจะต่อสู้ประสบชัยทว่ามาร์ควิสบุสโซ่กลับได้รับบาดเจ็บสาหัส" กล่าวถึงช่วงนี้ราชาเบรุทก็ถอนหายใจอีกคราหนึ่ง "ส่วนท่านผู้พิทักษ์นั้นได้พลีชีพในการต่อสู้เมื่อคืนวานกับจักรพรรดิ์"

    ได้ฟังคำบอกกล่าวนี้ของราชาเบรุทเหล่าขุนนางก็ยากที่จะสงบเสงี่ยมได้อีกต่อไปพวกมันต่างหันไปเอ่ยปากพูดคุยแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวที่พึ่งได้ทราบมานี้ บ้างรู้สึกเศร้าเสียใจที่โรฮานต้องสูญเสียผู้มีความสามารถไปเช่นนี้ บ้างรู้สึกสบใจกับคราเคราะห์ของผู้อื่น

    "พวกเจ้าวุ่นวายกันพอแล้วกระมัง แยกย้ายกลับกันไปได้แล้ว ท่านพ่อของข้ายังไม่หายจากอาการป่วยต้องการเวลาพักผ่อน" ซิลเวียเอ่ยตวาดใส่เหล่าขุนนางที่ไม่สำรวมท่าที

    เหล่าขุนนางเมื่อได้ฟังเช่นนั้นก็เงียบเสียงลงพร้อมกับลอบสังเกตุดูสีหน้าของเจ้าหญิงผู้นี้ เมื่อสังเกตุตรวจดูเหล่าขุนนางย่อมสามารถที่จะสังเกตุเห็นถึงดวงตาที่บวมเปล่งและคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่ของซิลเวียได้ไม่ยาก

    "แยกย้ายกันกลับไปทำหน้าที่ของพวกท่านตามเดิมเถอะ" ราชาเบรุทเอ่ยบอกกล่าวแก่เหล่าขุนนาง

    เมื่อเหล่าขุนนางต่างแยกย้ายกลับไปจนหมดสิ้นแล้ว ซิลเวียและเบลล่าซึ่งกำลังพยุงร่างของราชาเบรุทให้ก้าวเดินกลับไปยังห้องนอนอยู่อย่างยากลำบากกลับปล่อยมือของตนเองออกอย่างปัจจุบันทันด่วนทว่าร่างกายของราชาเบรุทที่ดูอิดโรยอ่อนแรงกลับไม่ได้ทรุดตัวล้มลงอย่างที่ควรจะเป็น "ท่านพ่อท่านแสดงได้แนบเนียนยิ่ง" ซิลเวียเอ่ยด้วยน้ำเสียงซุกซน

    ราชาเบรุทได้ฟังดังนั้นก็หันไปมองค้อนผู้เป็นบุตรสาวคนเล็กของตนเองคราหนึ่ง

    "ท่านพี่ข้ายังรู้สึกแสบตาอยู่เลย" ซิลเวียหันไปเอ่ยกล่าวกับเบลล่าที่ด้านข้างซึ่งกำลังหันมองมาที่ตนเอง
    "สมน้ำหน้า ผู้ใดบอกให้เจ้าลงทุนลงแรงถึงเพียงนั้นเล่า กลับเอาน้ำยาที่น่ากลัวเช่นนั้นป้ายใส่ตาตนเองเสียได้" เบลล่าเอ่ย

    "ไม่ดีหรือจะได้ดูแนบเนียนยิ่งกว่าเดิม ว่าแต่ท่านพี่ก็แสดงสีหน้าเศร้าหดหู่ได้ดีเช่นกันข้าไม่ใคร่รู้มาก่อนว่าท่านพี่ก็แสดงละครกับเขาเป็นด้วย" ซิลเวียยังคงเอ่ยหยอกล้อกับเบลล่า

    ราชาเบรุทเห็นเช่นนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ตัวมันนั้นได้คิดแล้ว มันรู้แล้วว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับกับมันหาใช้อำนาจวาสนาหรือบัลลังก์ที่มันเคยหวงแหนตลอดมาหากแต่เป็นบุตรสาวทั้งสองที่คอยอยู่ข้างกายของมันไม่ห่างยามที่มันล้มลงไร้ที่พึ่งพิง ในวันนั้นวันที่มันคิดว่าตนเองต้องตกตายจากพิษร้ายแน่นอนแล้วทำให้มันได้คิดว่าเมื่อตัวมันตกตายลงไม่ว่าทรัพย์สมบัติหรือยศฐาอำนาจใดมันก็ไม่สามารถนำติดตัวของมันไปได้เลย เหตุแพร่พิษวางยาในครั้งนั้นทำให้มันหันกลับมาให้ความสำคัญกับบุตรสาวทั้งสองของตนเองอีกครั้งหนึ่งด้วยสาเหตุนี้เมื่อยามที่บุตรสาวทั้งสองของมันกลับมาและเอ่ยหว่านล้อมตัวมันให้ปฎิบัติตามแผนการของมาร์ควิสบุสโซ่มันก็ไม่ขบคิดให้เสียเวลามากความและตอบตกลงอย่างทันที


    ปล.ตัดจบก่อนรอตอนต่อไป ขอแวบไปแอบพิมพ์เรื่องใหม่ก่อน 555 คิดพลอตไว้กลัวลืม โครตเซ็งเลยครับที่ด้านข้างแมร่งมาก่อสร้างไม่หยุดโครตไม่มีสมาธิเลย แมร่งตอกเสาเข็มทั้งวันตั้งแก่ก่อนปิดปีใหม่เปิดมาแมร่งก็ตอกต่อรวมๆนี่ ห้าวันละและดูท่าคงมีเสียงดังน่ารำคาญแบบนี้อีกหลายเดือนแน่
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×