ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #139 : รอดศูนย์ตายสิบ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.22K
      365
      10 ม.ค. 61




    "โรสเจ้าเข้าไปคัดเลือกทหารมานำนวนหนึ่งและเข้าไปในเมืองหลวงเพื่อขอยืมเรือเหาะจากหน่วยงานที่ดูแลจากนั้นมุ่งไปยังเขตปกครองของตระกูลเกรย์แจ้งต่อพวกมันว่าองค์ราชาเบรุทมีคำสั่งให้จับกุมตัวของผู้นำและคนที่มีเชื้อสายตรงตระกูลเกรย์กลับเข้าเมืองหลวงข้อหาคิดคดกบฎล้มล้างราชบัลลังก์" กาเล็ทเอ่ยสั่งการ

    "นายน้อยโดยปกติด้วยชื่อของตระกูลบุสโซ่การขอหยิบยืมเรือเหาะคงไม่ใช่ปัญหา แต่สถาณการณ์ตอนนี้อาจจะไม่ราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็นเช่นนั้นหากว่าหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวข้องไม่ยินยอมให้ข้าหยิบยืมเล่า นายน้อยท่านจะให้ทำอย่างไร" โรสเอ่ยถามเผื่อไว้ก่อน

    "ถ้าโดยปกติสมควรให้ยืม ถ้าไม่ให้ยืมก็แสดงว่าไม่ปกติ เช่นนั้นเจ้าก็ลงมือทำให้พวกมันได้รู้ว่าทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว และในส่วนของตระกูลเกรย์หากขัดขืนการจับกุมก็ให้เจ้าลงมือได้อย่างเต็มทีแต่ให้พยายามหลีกเลี่ยงการฆ่าซึ่งไม่จำเป็นไว้ข้าต้องการคนของตระกูลเกรย์แบบเป็นๆเพื่อที่จะมาลงโทษเป็นเยี่ยงอย่างไม่ให้ผู้ใดเดินตามรอยของพวกมัน" กาเล็ทเอ่ยจากนั้นจึงหันไปเอ่ยสั่งการเจฟ

    "เจฟเจ้าไปที่ตระกูลเรนเดล แจ้งต่อพ่อตาของข้าว่าให้เตรียมตัวไว้ให้พร้อม อีกสักครู่ข้าจะเข้าไปหาจากนั้นให้เข้าวังไปแจ้งต่อองค์ราชากับองค์หญิงทั้งสองว่าถึงเวลากวาดล้างแล้วไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งดัดอีกต่อไป" กาเล็ทสั่งการ

    "มาร์ตินเจ้านำคนของเราไปยังตระกูลขุนนางที่มีรายชื่อตามนี้ภายในเมืองหลวงจากนั้นก็กวาดต้อนจับผู้นำของพวกมันมาให้หมดสิ้น" กาเล็ทเอ่ยสั่งการพร้อมกับนำกระดาษที่จดรายชื่อยื่นให้แก่มาร์ติน

    กระดาษใบนี้นั้นย่อมเป็นรายชื่อของผู้ที่เข้าร่วมกับดยุคแพทริค ในสี่ตระกูลใหญ่เมื่อแรกเริ่มก่อตั้งโรฮานนั้นมีแต่เพียงตระกูลเกรย์ที่เข้าร่วมกับดยุคแพทริคอย่างโจ่งแจ้งตระกูลอื่นทั้งสามล้วนแล้วแต่ทำตัวเสมือนต้นไผ่ที่ลู่ไปตามแรงลมผู้ใดให้ผลประโยชน์ตนเองมากกว่าก็หันเหไปเข้ากับฝั่งนั้นและนี่คือจุดอ่อนใหญ่หลวงที่จะทำให้โรฮานล่มสลายได้ซึ่งกาเล็ทสามารถมองเห็นได้

    "เรน่าไปแจ้งต่อคนของเราทั้งหมดให้กลับสู่สภาพปกติจากนั้นเจ้าก็นำคนของเราออกไปช่วยมาร์ตินจับกุมผู้คนอีกแรงหนึ่ง" กาเล็ทหันไปสั่งการกับเรน่า

    "ให้มิร่าทำอะไร"มิร่าเอ่ยถามอย่างกระตือรือล้น

    "ให้มิร่าน้อยจับหัวหน้าโจรดีหรือเปล่า" กาเล็ทเอ่ยถามหยอกล้อกับผู้เป็นบุตรสาว

    "ดี หัวหน้าโจรเหมือนเจ้าผมแดง มิร่าจะจัดการให้เหมือนเจ้าผมแดงเลย" มิร่าเอ่ยอย่างกระตือรือร้นสนุกสนานเหมือนดั่งว่าเรื่องนี้เป็นเพียงการละเล่นอย่างหนึ่งสำหรับกับนาง


    ขณะที่โรสเดินออกไปเพื่อที่จะเร่งรีบกระทำภารกิจที่กาเล็ทมอบหมายให้ก็พบเข้ากับทหารยามซึ่งวิ่งเข้ามายังส่วนชั้นในของตระกูลบุสโซ่ตามโถงทางเดิน "เจ้าช้าๆหน่อยไม่ทราบว่าจะรีบร้อนเช่นนี้ไปเพื่อเหตุใด นี่มันเขตชั้นในหากเจ้าวิ่งเสียงดังเช่นนี้จะเป็นการรบกวนนายหญิงซึ่งกำลังพักผ่อนอยู่เข้าใจหรือไม่" โรสเอ่ยตักเตือนทหารยามที่วิ่งเข้ามาภายในเขตปราสาท

    "โอ๊ะท่านหัวหน้าโรส ไม่เจอนานเลยนะขอรับ" ทหารยามนั้นหยุดลงทักทายโรส

    "มีเรื่องด่วนอะไรถึงได้รีบร้อนวิ่งเพ่นพล่านเช่นนี้" โรสเอ่ยถาม

    "คือก็มีขุนนางมาจากเมืองหลวงน่ะขอรับ หลายวันที่ผ่านมานี้เจ้าผู้นี้พาลูกน้อยมาหลายสิบคนเดินสำรวจรอบบริเวณหมู่บ้านของเราอยู่หลายรอบแต่วันนี้ท่าทีของมันดูแปลกไปไม่รู้ว่านึกอะไรกลับอยากเข้ามาสำรวจเขตภายใน ข้าเลยรีบเร่งเข้ามาเพื่อจะรายงานและสอบถามท่านพ่อบ้านกับท่านผู้พิทักษ์ว่าจะให้เข้ามาได้หรือไม่" ทหารยามเอ่ยรายงาน

    โรสได้ฟังคำรายงานก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ "สำรวจเขตภายใน?"

    "ใช่แล้วขอรับปกติก็ทำท่าทางหยิ่งยโสเดินตรวจโดยรอบพื้นที่ของเราอย่างกับว่าเป็นที่ดินของตนก็มิปาน แต่วันนี้มันกลับต้องการเข้ามาสำรวจเขตชั้นใน" ทหารยามตอบยืนยัน

    "เหลวไรยิ่งนัก ตระกูลบุสโซ่เราใช่ที่เดินเล่นหรือยิ่งเขตชั้นในนั้นเป็นที่อยู่ของนายน้อยและนายหญิงใหญ่อีกทั้งยังมีสตรีอาศัยอยู่มากมายจะปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาเดินเพ่นพล่านได้อย่างไร ไม่ต้องตามหาท่านพ่อบ้านกับท่านผู้พิทักษ์แล้ว เจ้ากลับไปบอกต่อมันว่าตระกูลบุสโซ่ไม่ใช่สถานที่เดินเล่น" โรสเอ่ยอย่างไม่พอใจ

    "ท่านหัวหน้าโรส ข้าก็บอกไปเช่นนั้นว่าช่วงนี้ตระกูลเราไม่รับแขก แต่มันดึงดันจะเข้ามาให้ได้พร้อมบอกว่าการที่มันขออนุญาตก่อนนี่นับว่าไว้หน้าตระกูลบุสโซ่ของเรามากแล้วถ้ายังขืนชักช้ามันจะบุกเข้ามา ข้าเห็นว่านายน้อยออกคำสั่งไว้ให้พวกเราอดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุดังนั้นข้าเลยไม่กล้าตัดสินใจ" ทหารยามเอ่ยอย่างหมดหนทาง

    "คำสั่งยกเลิกแล้ว ตามข้ามา" โรสกล่าวอย่างโมโหจากนั้นจึงเดินนำออกไป

    บริเวณปากทางเข้าเขตชั้นในของตระกูลบุสโซ่

    "หลีกไป ข้าไม่รอแล้วชักช้าเสียจริง"ไวน์เคานต์บัลลาตเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

    "เขตชั้นในของตระกูลเราเป็นที่อยู่ของนายหญิงและนายน้อยจะเข้าไปต้องได้รับอนุญาติ หากพวกท่านยังดึงดันแข็งขืนข้าก็คงต้องเสียมารยาทลงมือแล้ว" แม้จะเหลืออยู่เพียงคนเดียวแต่ทหารยามผู้ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูก็กล่าวอย่างไม่หวั่นเกรงพร้อมทั้งยกชูหอกในมือขึ้นเตรียมพร้อมต่อสู้

    ขณะที่ลูกน้องของบัลลาตกำลังจะกรูกันเข้ามาจัดการทหารยามก็ได้ยินเสียงหญิงสาวตวาดมาว่า "หยุดมือ"

    คนของตระกูลบุสโซ่รอบนอกที่ทำงานของตนอยู่เห็นเหตุผิดปกติต่างก็ทยอยเดินเข้ามาดูว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่

    "เป็นผู้ใดกล้ามาก่อกวนในเขตปกครองของตระกูลบุสโซ่" โรสเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

    "เฮอะเหล่าข้าทาสที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ข้าคือคนที่กำลังจะเป็นเจ้าของพื้นที่เขตนี้ยังไงล่ะ..." บัลลาตกล่าวอย่างถือดี

    โรสยังไม่ทันตอบคำก็ปรากฎเสียงระฆังสัญญาณดังขึ้น เสียงนี้ย่อมเป็นเสียงแจ้งเหตุด่วนหรือเรียกประชุมด่วนสำหรับคนของตระกูลบุสโซ่ กับโรสแล้วย่อมรู้ดีว่าเป็นเรื่องราวใดแต่บัลลาตและลูกน้องหาได้ล่วงรู้ด้วยไม่

    "ชั่งประจวบเหมาะแท้ เสียงระฆังแจ้งเหตุฉุกเฉินเช่นนี้หรือว่าเด็กน้อยตระกูลบุสโซ่นั่นสิ้นใจแล้ว?" บัลลาตคาดเดาถึงต้นเหตุของเสียงระฆังในใจ

    "โรสเกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงได้มีผู้คนมากมายเช่นนี้มาอออยู่หน้าทางเข้ากันและคนกลุ่มนี้เป็นใคร?" เจฟและมาร์ตินที่ติดตามมาทีหลังเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นบัลลาตและผู้ติดตามหลายสิบ

    "ข้าหรือ? ข้าคือผู้ที่จะได้เป็นเจ้าของเขตบุสโซ่คนใหม่ยังไงล่ะและข้าผู้นี้ก็จะเป็นนายใหม่ของพวกเจ้า" บัลลาตเอ่ยอย่างเหลืออดด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงการวางอำนาจถือดี

    สีหน้าของทั้งสามเมื่อได้ยินคำกล่าวของบัลลาตต่างเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    มาร์ตินเมื่อได้ฟังก็ก้าวเท้ายาวๆออกมา บัดนี้มันยืนอยู่ที่ด้านหน้าของไวน์เคานต์บัลลาตและผู้ติดตามแล้ว ด้วยร่างกายที่กำยำใหญ่โตสูงกว่าสองเมตรของมาร์ตินนั้นขู่ขวัญของบัลลาตและผู้ติดตามจนต้องเซถอยหลังไปสองก้าว

    "เจ้าบอกว่าเจ้าจะเป็นผู้ครอบครองที่ดินของตระกูลบุสโซ่และเป็นนายใหม่ของพวกข้า?" มาร์ตินถลึงตาจ้องมองบัลลาตอย่างดุร้าย

    "ตอนนี้ยังแต่อีกไม่นานที่ดินแถบนี้และคนของตระกูลบุสโซ่จะต้องมาอยู่ภายใต้การปกครองของข้า" บัลลาตกล่าวออกมาเมื่อตั้งสติได้

    "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า อย่างเจ้านี่หรือ? เจ้ากำลังละเมอเพ้อฝันอยู่หรือ" มาร์ตินกลับหัวเราะจนตัวงอกับเจ้าคนที่เอ่ยคำพูดไม่รู้ความผู้นี้


    "บัดซบ! ข้าทาสเช่นพวกเจ้ายังไม่รู้สำนึกกลับกล้าเสียมารยาทต่อท่านไวน์เคานต์บัลลาต พวกเจ้ายังคิดว่าตระกูลบุสโซ่ของเจ้ายิ่งใหญ่อยู่เหมือนกาลก่อนอีกหรือ? เสียงระฆังเมื่อครู่มิใช่เป็นสัญญาณว่านายน้อยของพวกเจ้าผู้เป็นเสาหลักของตระกูลบุสโซ่ตกตายแล้วหรือ? เฮอะ" ผู้ติดตามคนหนึ่งของบัลลาตเดินออกมาชี้หน้าด่าใส่กลุ่มของโรส

    "โจเซพ เป็นเจ้าหรือ?" โรสเอ่ยทักขึ้นด้วยความประหลาดใจ

    "ใช่เป็นข้าเองต้องขอบคุณเจ้าที่ให้บทเรียนแก่ข้าในวันนั้นข้าจึงมีวันนี้ได้" โจเซพขานตอบและยิ้มเยาะใส่โรส

    "บทเรียน ?" โรสเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

    "วันนั้นในตลาดเจ้าแสดงให้ข้าเห็นว่าบางครั้งคราคนเราหากอยากที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนเองอาจที่จะต้องเลือกจะเสี่ยงบ้าง ทำให้ข้าตัดสินใจเข้าร่วมกับท่านไวเคานต์บัลลาตและตอนนี้ในขณะที่ชะตาของเจ้ากำลังจะตกต่ำลงบัดนี้เป็นโอกาสของข้าบ้างแล้วที่จะทะยานขึ้นอยู่เหนือเจ้า" โจเซพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

    โรสได้ฟังเช่นนั้นก็หัวเราะขำออกมาอย่างอดไม่ได้

    "เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ?" โจเซพเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

    "เจ้าคงเพี้ยนไปแล้วล่ะโจเซพ จริงอยู่คนเราบางทีก็ต้องเสี่ยงบ้างแต่การเสี่ยงข้องเจ้าในครั้งนี้มันคือการเสี่ยงที่รอดศูนย์ตายสิบ !!!!" โรสเอ่ย

    "อ๊อก อ ปล่อยข้า เจ้าข้าทาส จ เจ้าจะทำอะไร" บัลลาตที่บัดนี้ถูกมือใหญ่ยักษ์ของมาร์ตินคว้าหมับเข้าให้ที่ลำคอเอ่ยออกมาอย่างยากเย็น มือของมาร์ตินที่คว้าลำคอของบัลลาตอยู่ตอนนี้นั้นเปรียบเสมือนคีมเหล็กที่แข็งแกร่งซึ่งหนีบเข้าใส่ลำคอของมัน แม้ว่าบัลลาตจะเป็นผู้ฝึกตนระดับ 7 แต่มันกลับไม่สามารถต่อต้านแข็งขืนได้เลย

    "เป็นเจ้านี่เองไวน์เคานค์บัลลาต" มาร์ตินเอ่ยขึ้นขณะยกชูร่างของไวน์เคานต์บัลลาตขึ้น

    "ป ปล่อยข้า เมื่อเจ้ารู้ว่าข้าเป็นใครก็ปล่อยข้าได้แล้ว" บัลลาตเค้นเสียงกล่าวออกมาอย่างยากเย็น


    "ย่อมรู้ ชื่อของเจ้าอยู่ในอันดับต้นๆที่ข้าต้องจับกุม รายชื่อของกบฎที่มีโทษสถานหนักถึงขั้นประหาร!!" มาร์ตินเอ่ยเสียงเหี้ยม

    "ปล่อยท่านไวน์เคานต์นะ" ผู้ติดตามของบัลลาตทำท่าจะเข้ามาช่วยเหลือ

    ผลัก เสียงกระแทกจากร่างของบัลลาตที่ถูกมาร์ตินโยนเข้าใส่กลุ่มผู้ติดตามของตัวมันเองดังขึ้น กลุ่มลูกน้องของบัลลาตตอนนี้กลับล้มระเนระนาดไม่เป็นท่า

    โรสเดินเข้าไปย่อตัวลงข้างกายโจเซพที่ล้มอยู่จากนั้นจึงเอ่ยอย่างแผ่วเบา "เจ้านี่มันโง่เง่ากว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก จริงอย่างที่นายน้อยข้าเคยกล่าวไว้ว่าคนบางคนอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลยยังดีเสียกว่าที่จะลงมือกระทำ" เว้นไปสักพักโรสจึงเอ่ยต่อ "บอกต่อเจ้าวันที่นายน้อยของข้าสังหารจักรพรรดิ์แดงอันที่จริงแล้วบนร่างของเขาไม่มีรอยขีดข่วนแม้สักรอยเดียว!" จากนั้นโรสจึงลุกขึ้นสั่งการคนของตระกูลบุสโซ่ที่มุงดูเข้ามา "มองอะไรอยู่เข้ามาจับมัดพวกมันไว้เสียสิและระวังให้ดีอย่าพลั้งมือทำให้พวกมันต้องตกตายก่อนเวลาอันควร นายน้อยของพวกเราต้องการจับเป็นพวกกบฎ"

    ทหารของตระกูลบุสโซ่นั้นมีความรู้สึกที่ไม่สู้ดีต่อกลุ่มของบัลลาตอยู่ก่อนแล้วแต่ด้วยคำสั่งของกาเล็ทจึงทำได้แต่เพียงอดทนอดกลั้น ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของโรสเหล่าทหารจึงกรูกันเข้ามาด้วยความยินดีหมายที่จะระบายใส่คนกลุ่มนี้คนละหนึ่งเท้า



         ปล.ท่านผู้อ่านช่างเคี่ยวกรำนักเขียนหรือเกิน 555 เห็นแก่ยอดขายที่พุ่งกระฉูดลงให้อีกสักหน่อยละกัน แจ้งว่าอีกไม่นานจะเขียนตอนพิเศษการผจษภัยของมิร่ามาให้อ่าน << เก็บเงินนะเออ หิวเงิน 5555 5-8 บาทเองไม่แพง



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×