ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #147 : ตัวเลือกสองข้อ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.53K
      384
      14 ม.ค. 61




         ทางด้านกาเล็ทนั้นหลังจากจัดการทุกอย่างจนเริ่มเข้าร่องเข้าลอยแล้วก็ได้มอบหมายงานให้ เรน่า เจฟ และมาร์ตินทั้งสามเดินทางไปยังเขตปกครองของสามตระกูลใหญ่พร้อมทั้งตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายย้อนหลังไปเป็นเวลานานไม่เพียงแต่ตรวจสอบรายรับรายจ่ายเท่านั้นกาเล็ทยังให้ทั้งหมดตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดที่สามตระกูลใหญ่ครอบครองอยู่อีกด้วยเพื่อเตรียมยึดเข้าสู่ส่วนกลาง

    ตลอดระยะเวลาหลายวันของการจับกุมผู้คนมากมาย ทั่วทั้งเมืองหลวงนั้นวุ่นวายไปทั่ว เหล่าขุนนางต่างอกสั่นอกสั่นขวัญแขวนเกรงกลัวว่าจะมีผู้ใดฟ้องร้องความผิดเก่าก่อนของตนขึ้นไปหรือไม่ ทั่วทั้งเมืองกลับถูกปกคลุมไปด้วยความกลัว แต่ทว่าตระกูลบุสโซ่กลับแตกต่าง ขณะที่คนในเมืองหลวงกำลังอกสั่นขวัญแขวนผู้เป็นต้นเหตุแห่งความกลัวนั้นก็กำลังใช้ชีวิตอย่างสุขสบายภายในตระกูลบุสโซ่ของตนเอง

    "ข้าว่าเราหาเวลาเดินทางออกไปท่องเที่ยวภายนอกกันดีหรือไม่จะได้ถือเอาโอกาสนี้พาท่านแม่ของข้าออกไปท่องเที่ยวบ้าง" กาเล็ทเอ่ยถามซิลเวียขณะที่ก้าวเข้าไปโอบกอดรอบเอวอ้อนแอ้นของซิลเวียไว้จากทางด้านหลัง

    ซิลเวียซึ่งกำลังอยู่ภายในห้องครัวของตระกูลบุสโซ่เพื่อจัดเตรียมอาหารร่างสั่นทะท้านขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่ได้แสดงอาการขัดขืนแต่อย่างใด นางปล่อยให้คนรักของตนเองโอบกอดอย่างว่าง่าย หนึ่งเดือนที่ผ่านมาที่ไม่ได้พบกับกาเล็ททำให้นางโหยหา โหยหาอ้อมกอดจากคนรักเช่นกาเล็ท "กาเล็ทว่างหรอ?" ซิลเวียเอ่ยถามขณะที่ปล่อยให้กาเล็ทโอบกอดส่วนตนเองก็ยังคงลงมือจัดเตรียมอาหารต่อไป

    "เวลาสำหรับครอบครัวข้ามีให้เสมอ ข้าคิดว่าถ้าได้นั่งรถม้าท่องเที่ยวชมภูเขาแม่น้ำกับครอบครัวและคนรัก เช่นคนปกติธรรมดาบ้างคงจะมีความสุขไม่น้อย เรื่องวุ่นวายทั้งหลายข้าก็ได้มอบหมายให้ลูกท้องทั้งสี่จัดการแทนแล้วส่วนเรื่องราวภายในตระกูลก็มีท่านพ่อบ้านโจเซพและท่านอาจารย์อยู่ดังนั้นออกเดินทางท่องเที่ยวสักอาทิตย์สองอาทิตย์คงไม่มีปัญหา" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมสูดดมกลิ่นหอมกรุ่นจากพวงแก้มของซิลเวีย

    อันที่จริงภายในห้องครัวของปราสาทบุสโซ่ตอนนี้หาได้มีแต่เพียงกาเล็ทและซิลเวียไม่ยังมีเหล่าหญิงรับใช้ที่ทำงานอยู่อีกหลายคน พวกนางต่างชำเรืองมองดูมาทางซิลเวียกับกาเล็ทเป็นครั้งคราวด้วยสายตาที่อิจฉาเลื่อมใส เวลาว่างของพวกนางส่วนใหญ่แล้วก็มักจะจับกลุ่มพูดคุยสนทนากันและหัวข้อสนทนาหลักของเหล่าหญิงรับใช้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวนายของน้อยพวกนางทั้งสิ้น

    ส่วนกาเล็ทอย่าว่าแต่ข้ารับใช้ของตนเองเลยแม้แต่กับคนภายนอกตอนนี้ตัวกาเล็ทยังไม่ลังเลที่จะแสดงความรักความห่วงใยต่อคนใกล้ชิดให้ได้เห็นดังนั้นแล้วมีหรือที่จะอับอายกับคนของตนเอง?

    "กาเล็ทไม่ฝึกพลังแล้วหรอ" ซิลเวียเอ่ยถามเสียงเบา

    "การฝึกพลังจิตวิญญาณไม่อาจรีบร้อนไป พอถึงจุดหนึ่งก็ต้องให้เวลาร่างกายของเราปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแต่คาดว่าอีกไม่นานข้าคงสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับต่อไปได้เมื่อเวลานั้นมาถึงพวกเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเกรงกลัวใครอีกแม้แต่ทวีปกลางเองก็ตาม"กาเล็ทเอ่ยอย่างมั่นใจ

    "น นายน้อย นายหญิงแชลเทียมาถึงแล้วค่ะ" หญิงรับใช้คนหนึ่งเข้ามาภายในห้องครัวเพื่อรายงานแต่เมื่อเห็นภาพตรงหน้าของตนเองที่กาเล็ทกำลังโอบกอดซิลเวียอยู่ก็ถึงกับรายงานอย่างตะกุกตะกัก

    กาเล็ทหันมายิ้มให้และผงกหัวเป็นเชิงว่ารับรู้แล้ว จากนั้นก็หันมาหอมแก้มซิลเวียอีกครั้ง "เจ้าทำอาหารของเจ้าเถอะข้าไม่กวนแล้วข้าจะเฝ้ารออาหารที่เจ้าทำ"

    หลังจากกาเล็ทจากไปไม่นาน เสียงภายในห้องครัวก็ดังขึ้น

    "นายหญิงซิลเวีย นายน้อยช่างรักถนอมท่านนัก" หญิงรับใช้คนหนึ่งเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ปิดบังความอิจฉาไม่มิด

    "แชลเทียเจ้ามาแล้ว" กาเล็ทออกมาหาแชลเทียที่พึ่งเข้ามาภายโถงส่วนกลางของตระกูลบุสโซ่ กาเล็ทนั้นพบว่าที่ด้านหลังชองแชลเทียมีหญิงสาวอายุไล่เลี่ยกันอยู่คนหนึ่งดูไปมีท่าทางหวาดกลัวต่อตนเองอยู่

    แชลเทียเห็นว่ากาเล็ทมีสีหน้าสงสัยก็เริ่มเอ่ยอธิบาย "กาเล็ทนี่คือซาร่า" แชลเทียเอ่ยแนะนำ

    ซ่าร่าที่หลบอยู่หลังซิลเวียได้แต่เงยหน้าขึ้นมองกาเล็ทด้วยความรู้สึกหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจแต่เมื่อสบตาเข้ากับกาเล็ทตัวของซาร่านั้นก็มีความรู้สึกแปลกใจจนไม่สามารถปกปิดความรู้สึกนั้นที่แสดงออกมาในแววตาของตนเองเอาไว้ได้ "นี่หรือมาร์ควิสบุสโซ่?" กาเล็ทนั้นกลับไม่เหมือนภาพในห้วงสมองที่ตัวนางเองวาดไว้ บุคคลตรงหน้านางในตอนนี้กลับเป็นเด็กหนุ่มที่บรรยากาศรอบตัวดูเป็นมิตรผู้หนุ่งแถมยังมีรูปโฉมที่จัดได้ว่าหล่อเหลาเลยทีเดียว "เขากลับแตกต่างจากที่ข้าได้ยินมามากนัก" ซาร่าได้แต่แอบคิดเช่นนั้นอยู่ในใจ

    "กาเล็ท ซาร่ากลัวว่าบิดาของนางจะได้รับโทษทัณฑ์ที่ไม่เป็นธรรม เมื่อวันก่อนบิดาของนางถูกคนของตระกูลเราจับกุมตัวมา" แชลเทียเอ่ยมาถึงตอนนี้กลับสังเกตุเห็นว่ากาเล็ทยิ้มกว้างออกมา แรกเริ่มเดิมทีนางนั้นรู้สึกประหลาดใจว่าเหตุใดกาเล็ทชายคนรักจึงอยู่ๆถึงได้เผยรอยยิ้มประหลาดพิกลเช่นนี้ออกมาแต่เมื่อนางได้ฟังคำกล่าวของเขานางก็เข้าใจทันที

    "ของตระกูลเราหรือ?" กาเล็ทเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ

    ได้ฟังเช่นนั้นแชลเทียจึงรู้ว่าเป็นเรื่องราวใด "ยังจะเล่นอยู่อีกนี่ถือว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย กาเล็ทเจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าจับกุมตัวบิดาของซาร่ามาด้วยเรื่องใด" แชลเทียที่เริ่มหน้าแดงขึ้นยังคงพยายามกล่าวต่อ

    "ไม่ทราบว่าบิดาของคุณหนูมีนามว่าอะไร" กาเล็ทปั้นหน้าจริงจังหันไปถามซาร่าที่ยังคงก้มหน้าอยู่

    "ซ่าร่าเจ้าบอกต่อกาเล็ทเถอะ เจ้าไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวเขาหรอก เขาไม่ทำอะไรเจ้าแน่นอน" แชลเทียเอ่ยบอกกับอดีตเพื่อนของตนเอง

    "บิดาข้ามาจากตระกูลเอลฟอด มีนามว่าสเลน" ซาร่าเอ่ยบอกชื่อของบิดาตนออกไป

    กาเล็ทได้ฟังก็ครุ่นคิดอยู่สักพักจากนั้นจึงทำท่าทางว่านึกออกแล้ว "บิดาของท่านถูกผู้คนฟ้องร้องขึ้นมา ข้าจึงให้คนไปนำตัวมาสอบสวนความผิด"

    "ถ ถูกฟ้องร้องเรื่องใด บ บิดาข้ามิใช่คนโหดร้าย ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่นอน" ซาร่าเริ่มกล่าวถามอย่างร้อนรน

    "มีผู้ฟ้องร้องว่าบิดาท่านยักยอกเงินภาษีที่จัดเก็บได้ไว้" กล่าวจบขณะที่ซ่าร่ากำลังจะแก้ต่างให้กับบิดาอีกกาเล็ทก็กล่าวต่อ "บิดาท่านเองก็ยอมรับแล้ว"

    ซ่าร่าได้ยินเช่นนั้นดวงตาที่บวมเปล่งจากการร้องไห้อยู่แล้วก็เริ่มแดงก่ำขึ้นอีกครั้ง

    "คุณหนูท่านไม่ต้องตกใจไป แม้เขาจะทำความผิดจริงแต่ก็เป็นเพียงความผิดที่ไม่หนักหนาและถือว่าเป็นความผิดครั้งแรก องค์ราชาย่อมให้โอกาสผู้คนที่สำนึึกได้กลับตัวกลับใจแก้ไขความผิดพลาด" กาเล็ทเอ่ยกล่าวปลอบจากนั้นจึงหันมายิ้มให้กับแชลเทีย

    "พวกเจ้าไปนำตัวของเอิร์ลเอลฟอดมา" กาเล็ทหันไปสั่งการกับทหารที่ยืนยามอยู่ "คุณหนูซาร่าไม่ต้องตกใจไป พวกข้ากำลังจะรับประทานอาหารกันพอดี เช่นนั้นขอเชิญคุณหนูและบิดาท่านอยู่ทานร่วมกันเถอะ" กาเล็ทเอ่ยกับซาร่า

    "แชลเทียเจ้านำนางไปรอยังห้องรับรองเถอะ" กาเล็ทหันไปบอกกล่าวกับแชลเทีย

    อันที่จริงแล้วความผิดที่เอิร์ลเอลฟอดทำนั้นก็มิใช่ความผิดร้ายแรงและเมื่อตรวจสอบประวัติย้อนหลังไปกลับไม่พบว่ามันเคยทำความผิดใดมาก่อน การยักยอกเงินครั้งนี้คงเกิดจากความโลภที่บดบังตาของมันประกอบเข้ากับโอกาสที่โรฮานกำลังวุ่นวายมันจึงถือเอาเวลานี้ลงมือก่อเหตุแต่หลังจากถูกจับได้และถูกสอบสวนอยู่นาน กาเล็ทคาดว่าเอิร์ลเอลฟอดคงจะสำนึกหลาบจำแล้วแต่ถึงเป็นเช่นนั้นกาเล็ทยังคงไม่มีความคิดที่จะปลดปล่อยมันในเวลาอันใกล้ ที่กาเล็ทยอมปลดปล่อยมันออกมาในวันนี้ย่อมเห็นแก่หน้าของแชลเทียคนรักของตนเอง



    ภายในโต๊ะอาหารรูปทรงกลมนั้นมีอาหารมากมายที่จัดเตรียมไว้อย่างเพียบพร้อม ผู้ร่วมในโต๊ะอาหารโต๊ะนี้ประกอบไปด้วยบุคคลทั้งสิ้น 5 คน กาเล็ท ซิลเวีย แชลเทีย และ เอิร์ลเอลฟอดพร้อมทั้งซาร่าผู้เป็นบุตรสาวสำหรับเอิร์ลเอลฟอดนั้นกลับนั่งตัวแข็งเกร็งไม่กล้ากล่าวสิ่งใด ตัวมันนั้นยังไม่รู้ถึงชะตากรรมของตนเองว่าจะเป็นเช่นไรต่อไปในจิตใจของมันตอนนี้จึงกดดันยิ่ง

    "ท่านเอิร์ลเอลฟอด ข้าขอเอ่ยอะไรกับท่านหน่อยสักหลายประโยคไม่ทราบว่าท่านพร้อมจะรับฟังข้าหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยขึ้น

    "ช เชิญ ท่านมาร์ควิสบุสโซ่" เอิร์ลเอลฟอดกล่าวอย่างกล้าๆกลัวๆ

    ได้ฟังคำตอบรับของมันแล้วกาเล็ทจึงเริ่มเอ่ยกล่าว "ทรัพย์สินลาภยศนั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งนอกกาและชวนให้ผู้คนลุ่มหลงมัวเมาไปกับมันหากว่าผู้ใดติดบ่วงแห่งตัณหานี้ไปแล้วก็ยากที่ฟื้นคืนได้สติ ตัวท่านมีหน้าที่การงานและยังทำงานในตำแหน่งสำคัญของบ้านเมือง งานในตำแหน่งของท่านนั้นถือได้ว่าสลักสำคัญยิ่งอีกทั้งต้องใช้ความซื่อสัตย์สุจริตนำทางในการทำงาน ข้ามีตัวเลือกให้แก่ท่านเลือกสองข้อ" กาเล็ทเอ่ยกล่าวถึงตรงนี้ หัวใจของเอิร์ลเอลฟอดก็ตกวูบลง มันทั้งสงสัยใจที่เห็นบุตรสาวของตนอยู่ที่นี่แต่ทว่าตั้งแต่ตัวมันเข้ามาในห้องรับรองแห่งนี้บุตรสาวของมันกลับไม่ได้กล่าวบอกอันใดต่อมันแม้แต่น้อย ตัวเลือกที่มาร์ควิสบุสโซ่จะให้มันเลือกใช่จะเป็นวิธีการตายสำหรับตัวมันหรือไม่? เอิร์ลเอลฟอดอดที่จะคิดไปต่างๆนาๆมิได้

    "ตัวเลือกแรก ด้วยความผิดของท่านนั้นถือว่าเป็นความผิดที่ไม่ได้ร้ายแรงมีโทษถึงตายประกอบกับองค์ราชาของโรฮานผู้เป็นบิดาว่าที่ภรรยาของข้านั้นมีจิตใจโอบอ้อมอารีพร้อมที่จะให้โอกาสผู้คนกลับตัวกลับใจดังนั้นหลังจากที่ข้าปลดปล่อยท่านไปแล้วท่านอาจจะไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้และกลับไปทำงานตามเดิมพร้อมทั้งหาจังหวะโอกาสช่องทางเพื่อจะยักยอกเงินภาษีอีกเช่นเคย ยักยอกเงินที่ท่านไม่ทราบว่าจะเอามันไปทำอะไรด้วยซ้ำไป แต่หากท่านเลือกที่จะปฎิบัติเช่นนี้ ข้าขอเตื่อนท่านเลยว่าหากถูกจับได้เป็นคำรบสองโทษทัณฑ์ที่ท่านจะได้รับจะมิใช่เพียงการถูกคุมขัง 2-3 วันเป็นแน่" กาเล็ทเอ่ยจากนั้นก็ปล่อยให้เอิร์ลเอลฟอดครุ่นคิดสักครู่

    "ตัวเลือกที่สอง หลังจากข้าปลดปล่อยท่านเป็นอิสระท่านจะถือเอาความผิดพลาดนี้เป็นบทเรียนราคาแพงจากนั้นกลับตัวกลับใจทำงานของท่านด้วยความสื่อสัจสุจริตร่วมสร้างอาณาจักรโรฮานให้รุ่งเรื่องและเป็นกำลังสำคัญให้แก่องค์ราชากับข้าในการสร้างโรฮาน เมื่อโรฮานรุ่งเรื่อง ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศที่มั่นคงและยั่งยืนย่อมตามมาแก่ทุกผู้คน" กาเล็ทเอ่ยขึ้น

    เอิร์ลเอลฟอดไม่อาจอดทนอีกต่อไปหลังจากกาเล็ทกล่าวจบมันก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้จากนั้นจึงคุกเข่าลงร่ำร้อง "ตัวข้าสำนึกผิดแล้ว ตัวข้านั้นลุ่มหลงมัวเมากับชื่อเสียงลาถยศจอมปลอมข้าจะใช้โอกาสที่สองนี้สำนึกตนกลับตัวกลับใจและตั้งใจทำงานเพื่อโรฮาน"

    "ท่านพ่อ" ซาร่าที่เห็นบิดาของตนเองต้องคุกเข่าก็เอ่ยออกมาอย่างลำบากใจ

    "เอาล่ะท่านลุกขึ้นเถอะ เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป เรื่องร้ายๆให้จบลงเพียงเท่านี้ วันนี้ท่านถือว่าเป็นแขกของว่าที่ภรรยาของข้าแชลเทีย อาหารมื้อนี้เป็นองค์หญิงซิลเวียลงมือทำด้วยตนเองพวกเรามาเริ่มทานกันเถอะ" กาเล็ทลุกขึ้นเอ่ยเพื่อไว้หน้าแก่เอิร์ลเอลฟอด


    ปล. มุมมองของผู้เขียนนะครับเผื่อว่าใครจะสงสัยว่าเฮ้ยหญิงรับใช้แอบอิจฉาผู้เป็นนายเลว สำหรับกับผมความอิจฉามันเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนมีแหละครับ เช่นเห็นคนถูกหวย ถูกรางวัลที่ 1 เราก็ต้องคิดในใจแหละว่าถ้าเราถูกบ้างคงดีไม่น้อย อยากถูกบ้างจังอะไรแบบนี้แต่สำหรับกับผมที่ผิดคือการอิจฉาแล้วริษยา นั่นคืออิจฉาแล้วสาปแช่งด่าทอคนอื่นให้พบกับความวิบัติ << นี่ถึงเรียวว่าเลว 555


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×