ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #153 : เรื่องนี้แม่ขอ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.41K
      350
      18 ม.ค. 61

         



                   จักรพรรดิ์ทมิฬซึ่งมีชื่อเสียงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วกลับใช้ชีวิตอย่างสุขสบายภายในตระกูลบุสโซ่ของตนเอง "ลิลลี่ อาการของน้องชายเจ้าน่ะต้องใช้เวลาในการรักษา เนื่องจากว่าแขนและขาของเขาไม่ได้ใช้การมาเป็นเวลานานแล้วกล้ามเนื้อในส่วนนี้จึงเสื่อมสภาพลง" กาเล็ทบอกกล่าวอธิบายขณะที่ตรวจดูอาการน้องชายของลิลลี่

    ได้ฟังคำบอกกล่าวของกาเล็ทสีหน้าของลิลลี่ก็เศร้าหมองลง

    "นี่ข้ายังกล่าวไม่ทันจบ อาการของน้องชายเจ้าน่ะทุเลาหายดีแล้วแต่ที่ยังไม่สามารถลุกขึ้นมาเดินเหินได้อย่างคนปกติในจุดนี้คือส่วนที่ข้าบอกว่าต้องใช้เวลา นับจากนี้ในแต่ละวันให้เจ้าแบ่งเวลาสักวันละหนึ่งถึงสองชั่วโมงมาช่วยเขาทำกายบริหาร" กาเล็ทเอ่ยอธิบายต่อ

    "กายบริหารหรือเจ้าคะนายน้อย?" ลิลลี่ที่มีสีหน้าดีขึ้นเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

    "ข้าหมายถึงให้เจ้าแบ่งเวลามาช่วยเขาหัดเดินพร้อมทั้งใช้แขนขาของตนเองใหม่ ช่วงระยะเวลานี้อาจจะยากลำบากอยู่บ้างแต่ก็อย่าได้ย่อท้อ มันอาจจะกินเวลาหลายอาทิตย์หรืออาจจะหลายเดือนเรื่องนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับกำลังใจของน้องชายเจ้าเองด้วยแต่ข้ารับรองว่าหากพยายามล่ะก็น้องชายของเจ้าจะต้องกลับมาเดินเหินได้อย่างคนปกติแน่นอน" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าว

    ลิลลี่ได้ฟังเช่นนั้นก็เผยรอยยิ้มแห่งความปิติยินดีออกมา "เครตันได้ยินแล้วนะ" ลิลลี่ก้มลงไปเอ่ยกล่าวกับผู้เป็นน้องชายด้วยน้ำตา

    "อ..ออบคุณฮับ" เครตันผู้เป็นน้องชายของลิลลี่พยายามเค้นเสียงออกมาอย่างยากเย็นเพื่อเอ่ยกล่าวคำขอบคุณกับกาเล็ท

    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ยื่นมือไปลูบหัวเครตันอย่างเอ็นดู "จากนี้เครตันต้องพยายามด้วยตนเองแล้วนะ ไม่ว่าจะลำบากยังไงก็ต้องสู้เข้าใจไหม ไว้เมื่อหายดีแล้วพี่ชายจะสอนวิชาให้เครตันจะได้ใช้ปกป้องพี่ลิลลี่ไง" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าว

    "ฮับ" เครคันเอ่ยกล่าวตอบรับกับกาเล็ทด้วยน้ำเสียงที่ฟังได้ไม่ชัด ชั่วระยะเวลาที่ผ่านมานี้ลิลลี่นั้นได้ใช้เวลาเล่าเรื่องวีรกรรมความกล้าหาญและความเก่งกาจของกาเล็ทให้แก่เครตันฟังไม่น้อยดังนั้นในตอนนี้กาเล็ทจึงถือได้ว่าเป็นวีรบุรุษในจิตใจของเด็กชายผู้นี้เลยก็ว่าได้

    "เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน พอดีวันนี้ข้าได้นัดหมายกับนายช่างที่จะมาออกแบบทำตราประจำตระกูลของเราไว้น่ะ" กาเล็ทเอ่ยกล่าวเพื่อขอตัวไปทำธุระของตนเอง

    ลิลลี่ได้ฟังเช่นนั้นก็ลุกขึ้นย่อกายลงแสดงออกถึงความเคารพและซาบซึ้งสุดหัวใจต่อกาเล็ทพร้อมกับใช้แววตาของตนเองมองดูแผ่นหลังของผู้เป็นนายน้อยของตนเองที่ค่อยๆเคลื่อนจากไป ผู้ใดจะทราบได้ว่าในวันหนึ่งชีวิตของตนเองกลับพลิกผันอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ได้ น้องชายที่เคยคิดว่าไร้หนทางเยียวยารักษาแล้วกลับมีโอกาสที่จะเติบใหญ่และกลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง ยังมีเมื่อครู่ผู้เป็นนายน้อยยังเอ่ยปากเป็นมั่นเหมาะว่าเมื่อผู้เป็นน้องชายหายจากอาการป่วยแล้วตัวเขาจะช่วยฝึกฝนผู้เป็นน้องชายให้ "หากว่าผู้เป็นน้องชายของตนเองมีความสามารถได้เพียงสัก 1/10 ของผู้เป็นนายน้อยแต่เพียงนั้นก็ไม่ทราบว่าจะวิเศษถึงเพียงไหนแล้ว" เมื่อผู้เป็นนายน้อยอย่างกาเล็ทยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าอาการของผู้เป็นน้องชายสามารถเยียวยารักษาได้ ตัวของลินลี่เองนั้นก็ไม่เกิความรู้สึกสงสัยกังขาอีก


    ในห้องรับแขกนั้นบัดนี้กาเล็ทกำลังจับร่างของมิร่าซึ่งอยู่ในร่างของมังกรน้อยสีดำให้อยู่นิ่งขณะที่ตัวนางนั้นพยายามพลิกตัวไปมาอยู่บนโต๊ะอย่างเริงร่า "นี่ อย่าได้ซุกซนอยู่นิ่งๆท่านลุงเขาจะได้รีบวาดภาพเหมือนของหนูให้แล้วเสร็จ" กาเล็ทเอ่ยเอ็ดมิร่าซึ่งกลิ้งพลิกตัวไปมาหลังจากที่ตนเองปล่อยมือออกจากร่างของนางแล้ว ได้ฟังเช่นนั้นมิร่าก็พลิกตัวใช้ดวงตากระจ่างสุกใสดั่งไข่มุกจ้องมองมาที่ผู้เป็นบิดา "ถ้ายังซุกซนอีกปะป๋าจะไม่พาไปเที่ยวด้วยแล้วนะ" กาเล็ทเอ่ยออกมา

    ได้ฟังเช่นนั้นมิร่าก็ส่งเสียงร้องออกมาคราหนึ่งจะนั้นจึงแน่นิ่งไปกลายเป็นแบบให้กับนายช่างผู้ออกแบบตราประจำตระกูลขีดเขียนอย่างว่าง่าย ในช่วงหลายวันที่อยู่ว่างมานี้จะกล่าวไปแล้วกาเล็ทนั้นตามอกตามใจมิร่าขึ้นไม่น้อย ไม่เพียงแต่กาเล็ทยังมีทุกผู้คนทั้งซิลเวีย แชลเทีย เบลล่า นีน่า เทลเล่อ ต่างเอาอกเอาใจและแสดงความสนิทสนมกลมเกลียวขึ้นกับมิร่าอย่างถ้วนหน้า

    ได้เห็นท่าทีซึ่งดูน่ารักน่าชังของมิร่าทั้งเทลเล่อ นีน่า ซิลเวีย แชลเทียและเบลล่าซึ่งอยู่ภายในห้องรับแขกอย่างพร้อมหน้าก็เผยรอยยิ้มเอ็นดูออกมา

    ตัวของกาเล็ทนั้นมีความคิดที่ว่าอยากจะให้มิร่ากลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวบุสโซ่อย่างแท้จริงเพื่อให้ตัวนางนั้นมีความรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้แปลกแยกจากพวกตนที่เป็นมนุษย์มากนักดังนั้นกาเล็ทจึงเอาเรื่องนี้ไปพูดคุยปรึกษาหารือกับเทลเล่อและทั้งหมด ผลสรุปที่ได้ออกมาก็เลยกลายเป็นเช่นนี้คือจะนำเอาตัวตนของมิร่าที่เป็นมังกรนั้นมาเป็นตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลบุสโซ่

    "กาเล็ทไว้เสร็จจากเรื่องนี้แล้วแม่ขอคุยด้วยหน่อยนะลูก" นีน่าเอ่ยกล่าวขึ้น

    "ครับท่านแม่" ถึงจะเอ่ยตอบรับไปเช่นนั้นทว่าตัวของกาเล็ทเองก็เกิดความรู้สึกสงสัยใจไม่น้อย ไม่ทราบว่าผู้เป็นมารดาต้องการเอ่ยกล่าวอันใดกับตนเอง?

    ตัวของเบลล่าซึ่งกำลังจ้องมองดูมิร่าอยู่ด้วยสายตารักเอ็นดูเมื่อได้ยินคำเอ่ยกล่าวของนีน่าก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย

    "ท่านลุงโบตันข้าขอรบกวนท่านลุงด้วยนะ" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขึ้นขณะที่ออกมาส่งนายชั่งซึ่งทำหน้าที่ออกแบบตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลให้แก่ตระกูลบุสโซ่ด้วยตนเอง

    "ขอรับท่านมาร์ควิสไม่ต้องเป็นห่วงไป ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถ" โบตันเอ่ยกล่าว ในจิตใจของมันก็รู้สึกแปลกประหลาดใจไม่น้อย แรกเริ่มเดิมทีที่ได้รับการติดต่อให้มาวาดรูปออกแบบตราสัญลักษณ์ให้แก่ตระกูลบุสโซ่ ในจิตใจของมันก็เฝ้าหวาดหวั่นพรั่นพรึงว่าหากตนเองนั้นกระทำได้ไม่ถูกใจหรือกระทำสิ่งใดผิดพลาดไปใช่ชีวิตของตนเองนี้จะต้องจบสิ้นลงแล้วหรือไม่? แต่เมื่อได้มาทำงานและได้พบเจอกับบรรยากาศที่แตกต่างไปจากในความนึกคิดของตนเองพร้อมทั้งกับท่าทีที่ดูเป็นกันเองของมาร์ควิสบุสโซ่ซึ่งไม่ถือเนื้อถือตัวเลยแม้แต่น้อยก็ทำให้ความคิดของโบตันที่เคยมีต่อตระกูลบุสโซ่เปลี่ยนไปอย่างมาก หากว่าไม่มีคำยืนยันเป็นมั่นเหมาะจากผู้คนโดยรอบแล้วตนเองนั้นแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าของตนเองผู้นี้นั้นเป็นผู้ที่ลงมือสังหารจักรพรรดิ์แดงตำนานของทวีปลงกับมือทั้งยังเป็นผู้ที่มีอำนาจสามารถสั่นคลอนทั่วทั้งทวีปตะวันออกแห่งนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว

    หลังจากส่งโบตันกลับไปแล้วกาเล็ทก็กลับเข้ามายังภายในตัวของปราสาท เมื่อกลับเข้ามากาเล็ทก็พบว่าในห้องรับแขกนั้นเหลืออยู่แต่เพียงเทลเล่อกับนีน่าเท่านั้น "ท่านแม่มีเรื่องใดจะพูดคุยกับข้าหรือ" กาเล็ทเอ่ยถามขึ้น

    นีน่าได้ฟังเช่นนั้นก็ยกมือขึ้นตบลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งข้างกายของตนเอง "นั่งก่อนสิลูก"

    กาเล็ทย่างเท้าเข้าไปพร้อมทั้งหย่อนก้นนั่งลง ภายในจิตใจก็เฝ้าสงสัยว่าผู้เป็นมารดามีเรื่องใดกันแน่

    "กาเล็ท ลูกเห็นว่าหนูเบลล่าเป็นอย่างไรบ้าง" นีน่าเอ่ยกล่าวขึ้น

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกว่ามีสิ่งใดผิดปกติขึ้น "ก็ดีท่านแม่ นางนั้นนับว่าเป็นสตรีที่น่าชื่นชมผู้หนึ่งตั้งแต่ที่ได้รับรู้เรื่องราวของนางจากซิลเวียข้ารู้สึกชื่นชมนางเสมอมา" กาเล็ทเอ่ยบอกความรู้สึกที่มีของตนเองต่อเจ้าหญิงแห่งโรฮานผู้นี้ออกไปตามตรงพร้อมทั้งยกถ้วยชาที่นีน่าเทน้ำชาให้แก่ตนเองขึ้นมาจิบ

    นีน่าได้ฟังคำเอ่ยกล่าวเช่นนี้ของบุตรชายก็ผงกหัวอย่างเข้าใจ เทลเล่อที่นั่งรับฟังอยู่ไม่ไกลก็แสดงอาการไม่ต่างกัน "เช่นนี้ก็ไม่สมควรมีปัญหาใด" เทลเล่อเอ่ยกล่าวขึ้น

    ยังไม่ทันที่กาเล็ทจะเอ่ยถามคำใดต่อไปนีน่าก็เอ่ยกล่าวขึ้น "แม่ต้องการหนูเบลล่าเข้ามาเป็นสะใภ้ของตระกูลบุสโซ่เรา"

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็แทบที่จะพ่นน้ำชาที่ตนเองพึ่งจะจิบเข้าปากไปออกมา "ค๊อกๆ ท่านแม่ ท่านว่าอะไรนะ" กาเล็ทส่งเสียงสำลักออกมาพร้อมทั้งเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจว่าตนเองไม่ได้ฟังผิดไปอีกครั้ง

    "แม่บอกว่าแม่ต้องการหนูเบลล่าเข้ามาเป็นสะใภ้ของตระกูลบุสโซ่เราอีกคน นี่นับว่าเป็นเรื่องดีนะลูกที่ยังไม่ได้จัดงานหมั้นหมายกับหนูซิลเวียและหนูแชลเทียเช่นนี้จะได้จัดงาดรวดเดียวสามคนไปเลย" นีน่าเอ่ยกล่าวขึ้น

    "ท..ท่านแม่ จะได้อย่างไร ท่านแม่คงไม่ทราบว่าองค์หญิงเบลล่านั้นไม่ได้ชอบขี้หน้าข้าเท่าใดนัก" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขึ้น บุคคลที่ผู้คนต่างให้ฉายาว่าจักรพรรดิ์ทมิฬกลับกำลังเอ่ยถ้อยคำอย่างตะกุกตะกักทำตัวไม่ถูกอยู่

    "ใช่เรื่องเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นหรือเปล่าลูก" นีน่าเอ่ยถาม

    "ท่านแม่ทราบเรื่องแล้ว?" กาเล็ทเอ่ยถามอย่างฉงนใจเมื่อเห็นว่าผู้เป็นมาดารู้เรื่องนี้ด้วย

    "ถ้าเป็นเรื่องนั้นน่ะไม่ได้เป็นแบบกาเล็ทคิดหรอกนะ หนูเบลล่าน่ะไม่ได้ไม่ชอบอะไรกาเล็ทเลยตรงกันข้ามกับไม่ชอบเลยด้วยซ้ำไป" นีน่าเอ่ยกล่าว

    ได้ฟังเช่นนั้นกาเล็ทก็ยกมือขึ้นเกาหัว ทุกครั้งคราที่กาเล็ทรู้สึกทำอะไรไม่ถูกก็มักจะแสดงอาการเช่นนี้ออกมา "ท่านแม่ เรื่องนี้.. องค์หญิงนั้นเป็นพี่สาวของซิลเวียโดยตรง ก..เกรงว่า.." กาเล็ทยังคงมีท่าทีอิดออดไม่ทราบว่าตนเองจะต้องเอ่ยกล่าวเช่นไรดี

    "เป็นถึงบรุษกลับพิรี้พิไรอยู่ได้ กลัวนั่นเกรงนี่ช่างน่าขัดลูกตานัก ผู้อื่นต่างแข่งขันแทบเป็นแทบตายเพื่อจะได้ครอบครองสตรีที่มีความงดงามปาจจะล่มเมืองดังเช่นองค์หญิงเบลล่าแต่เจ้านี่มันยังไงกัน" เทลเล่อเอ่ยกล่าวขึ้นเมื่อเห็นอาการของผู้เป็นลูกศิษย์

    "กาเล็ท ตั้งแต่เล็กจนโตแม่ก็ยังไม่เคยขออะไรกับกาเล็ทเป็นชิ้นเป็นอันสักครั้งเลยนะลูก เรื่องนี้ถือว่าแม่ขอได้ไหมลูก" นีน่าเอ่ย

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็ได้แต่แอบถอดถอนใจออกมาคราหนึ่ง ในโลกแห่งหนึ่งนั้นกลับมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นด้วย? หากว่าเป็นโลกก่อนของตนเองนั้นการจะเกิดเรื่องราวเช่นที่ตนเองกำลังประสบพบเจออยู่นี้นั้นคงจะสามารถพบเจอได้แต่เพียงในความฝันของเหล่าชายชาติเท่านั้นแล้ว ถึงแม้ว่าตนเองจะได้มาใช้ชีวิตอยู่ยังโลกยูยานแห่งนี้นานนับปีแล้วแต่จะอย่างไรตนเองก็ยังไม่คุ้นชินกับค่านิยมและตรรกะเรื่องหลายภรรยาของโลกแห่งนี้อยู่ดี "ท่านแม่ เรื่องนี้ข้าเกรงว่าหากซิลเวียกับแชลเทียล่วงรู้เข้าพวกนางคงรู้.."

    กาเล็ทเอ่ยกล่าวยังไม่ทันจบประโยคนีน่าก็เอ่ยกล่าวขึ้น "ทั้งหนูซิลเวียและหนูแชลนั้นต่างต้องการให้หนูเบลล่าเข้ามาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน เรื่องนี้กาเล็ทไม่ต้องเป็นห่วงไป" นีน่าเอ่ยแทรกขึ้นเพื่อปิดทางถอยของผู้เป็นบุตรชาย

    ได้ยินเช่นนั้นกาเล็ทก็อับจนถ้อยคำจะกล่าวอีก กล่าวไปแล้วจะมีบรุษใดที่ไม่นิยมความงามของสตรี? มีบรุษใดที่ไม่เจ้าชู้กรุ้มกริ่ม ? กาเล็ทเองก็ย่อมไม่ใช่ข้อยกเว้นของเรื่องเช่นนี้ทว่าที่กาเล็ทนั้นมีท่าทีรีรอลังเลก็เพราะจิตสำนึกจากโลกก่อนของตนเองนั้นคอยบอกกล่าวย้ำเตือนเสมอมาว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เป็นเรื่องที่ไม่สมควร แต่เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปตนเองก็เสมือนว่าจะถูกหลอมกลืนเข้าสู่ค่านิยมของผู้คนในโลกแห่งนี้ทีละเล็กทีละน้อย ดังนั้นแล้วเมื่อรู้ว่าไม่มีหนทางจะปฎิเสธหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ได้อีกกาเล็ทก็คงได้แต่ยิ้มรับชะตามกรรมที่เปี่ยมสุขซึ่งบรุษทุกผู้คนถวิลหานี้แล้ว



    ปล.ขอชี้แจงข้อผิดพลาดพร้อมกับสปอยเนื้อหาในอนาคตนิดๆนะครับ ชื่อของหญิงรับใช้ที่น้องชายป่วยจริงๆคือลิลลี่นะครับไม่ใช่ไอช่า หลายสิบตอนก่อนฉากที่ไอช่าก้มขอร้องกาเล็ทจริงๆแล้วเป็นลิลลี่ผมจำผิดเองตรงส่วนนี้จะแก้ไขในต้นฉบับ Ebook ครับ ตอนนี้ลง 3 เว็บถ้าจะแก้มันคงนานและยากลำบากต้องรอดีเลเนื่องจากถือว่าเป็นรายละเอียดที่ไม่ส่งผลกับเนื้อเรื่องเลยขอชี้แจงจุดนี้

    ส่วนสองสำหรับกับผู้อ่านที่มีความคิดในการตำหนิการกระทำของนีน่าขอให้อ่านเหตุผลที่ผมจะชี้แจงก่อนนะครับ สำหรับกับโลกแห่งนี้อย่าเอาค่านิยมของเราตอนนี้ไปวัด มันต่างกันมากๆครับกับโลกของเรา การมีหลายเมียเป็นเรื่องปกติในโลกแห่งนี้ ทั้งนีน่าเองก็เห็นว่า ซิลเวีย เบลล่านั้นมีรูปโฉมที่งดงามทั้งกริยายนิสัยใจคอก็ดีเยี่ยมจึงรู้สึกรักเอ็นดูเมื่อได้อยู่ร่วมกันจึงมีความคิดที่ว่าต่อให้เอามาเป็นสะใภ้ฝ่ายลูกชายก็มีแต่ได้กับได้ไม่เสียหาย ซึ่งในจุดนี้กาเล็ทเองก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเบลล่านะครับ พระเอกเราใจอ่อนกับผู้หญิงอยู่แล้ว ยิ่งผู้หญิงสวยนี่ไม่ต้องพูดถึง หลายครั้งพระเอกเราก็ตกตะลึงในความสวยของเบลล่าที่ได้เห็นอยู่เช่นกันเพียงแต่จิตสำนึกที่มีติดมาจากโลกก่อนมันเป็นกำแพงขั้นกลางไว้เลยทำให้ทีท่าทีอิดออดแค่นั้นเอง จริงๆมันก็เหมือนเสือที่พร้อมกระโจนเข้าใส่อาหารแหละครับ << ดังนั้นบอกเลยว่าไม่ต้องไปสงสารมันที่โดนบังคับ ต่อไปคือสปอย ผู้อ่านหลายคนคงสงสัยว่าเฮ้ยเมียสามแล้วนะเว้ยสรุปมึงจะมีขนาดไหน ขอบอกเลยนะครับตอนนี้ที่ยืนยันตามพลอตแล้วคือ 5 คน แต่แจกบททั่วถึงไม่ทิ้งขว้างแต่ละคนต้องคุณภาพคับถุงไม่จืดจางแน่นอน ส่วนอีกสองคนที่เหลือจะเป็นใครก็รอลุ้นเอาครับ บอกก่อนนะครับว่านิยายของผมจะไม่ให้รักกันง่ายเกินไปความรู้สึกแต่ละอย่างต้องมีที่มาที่ไปครับผม
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×