ลำดับตอนที่ #155
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #155 : คนไร้มโนธรรมนั่นกลับหลอกลวงเรา!
ทางกาเล็ทเมื่อได้ฟังคำตอบของเบลล่าก็เผยรอยยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกยินดีจากนั้นจึงกางแขนออกหมายจะโอบกอดเจ้าหญิงผู้งดงามนี้เป็นครั้งแรกทว่าเบลล่ากลับก้าวถอยหลังไป
"ด..เดี๋ยวก่อน" เบลล่าเอ่ยกล่าวด้วยอาการแตกตื่นตกใจ แม้ว่าตนเองจะมีความรู้สึกให้กับเขา แม้ว่าตนเองจะเคยแอบคิดจิตนาการถึงเขา ทว่าเมื่อเหตุการณ์ที่ตนเองเฝ้าคิดเสมอมาจะเกิดขึ้นกับตนเองจริงๆตัวนางกลับเกิดความรู้สึกประหม่าลนลานขึ้น
กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็ชงักท่าทีของตนเองไว้ด้วยความรู้สึกมึนงงสงสัย
"ร....เรื่องนี้ข้ามีเงื่อนไขอยู่" เบลล่าเอ่ยกล่าวโดยไม่สบสายตากับกาเล็ท
"เงื่อนไข?" กาเล็ทเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อตอบตกลงแล้วยังจะมีเงื่อนไขใดอีก?
"ต...ต่อหน้าผู้อื่นท่านต้องให้เกียรติข้าทว่า .. ทว่าหากว่าไม่มีผู้ใดอยู่ด้วยทุกสิ่งอย่างล้วนแล้วแต่ท่าน" เบลล่าเอ่ยกล่าวถึงเงื่อนไขที่ตนเองต้องการพอเอ่ยถึงช่วงท้ายน้ำเสียงก็แผ่วเบาลงพร้อมทั้งก้มหน้างุดไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาอีก
กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็เปลี่ยนจากสีหน้างุนงงเป็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มขึ้น "อืมอิสตรีบางคราก็มีสีหน้าที่บอบบางอยู่บ้าง เรื่องนี้คงต้องค่อยแก้ไขกันไป" กาเล็ทคิดในใจพลางเดินเข้าหาหมายจะโอบรั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมอกอีกครา
"ม..ไม่ได้ ที่นี่อยู่กลางแจ้ง ชายหญิงไม่สมควรชิดใกล้.." กล่าวยังไม่ทันจบประโยคร่างของเบลล่าก็ถูกกาเล็ทคว้าไว้ให้เข้ามาอยู่ในอ้อมอก สำหรับกับเบลล่าซึ่งยังไม่เคยถูกโอบกอดเช่นนี้มาก่อนเมื่อถูกโอบกอดเรี่ยวแรงของนางก็เสมือนว่าจะถูกสูบออกจากร่างไปจากนั้นจึงร่างอ่อนระทวยลงในอ้อมกอดของกาเล็ท
"อยู่กลางแจ้งก็หาได้มีผู้ใดสามารถมองเห็นได้ ข้าใช้พลังของข้าปิดกั้นการมองเห็นของผู้คนไว้แล้ว" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าว อันที่จริงแล้วกาเล็ทนั้นหาได้กระทำดั่งที่ตนเอ่ยบอกไม่ ในเมื่อตกลงยินยอมเป็นของกันและกันแล้วยังจะต้องสนใจอันใด? ในเมื่อนางนั้นยินยอมที่จะเข้ามาเป็นหนึ่ในสตรีของตนเองแล้วเหตุใดตนเองต้องทำตัวเสมือนว่าเป็นโจรลักกินโขมยกินสิ่งที่เป็นของตนเองอยู่แล้วด้วยเล่า?
"อืมมม" เบลล่าเอ่ยกล่าวออกมาอย่างยากเย็น ตัวนางที่ไม่เคยได้สัมผัสกับความรู้สึกเช่นนี้ ตัวนางที่ไม่เคยได้สัมผัสกับเรื่องราวของบรุษสตรีมาก่อน ครั้งเมื่อได้สำผัสถึงตนเองก็เปรียบเสมือนเด็กน้อยทารกแรกเกิดซึ่งพึ่งลืมตาขึ้นมาได้มองเห็นโลกกว้างเป็นครั้งแรก
"มิใช่พึ่งบอกกล่าวว่ายามไม่มีผู้ใดพบเห็นทุกสิ่งอย่างล้วนแล้วแต่ข้าหรอกหรือ?" กาเล็ทเอ่ยหยอกเย้า
"อืมม" เบลล่าเอ่ยตอบ ตอนนี้ตัวนางนั้นเสมือนว่ากำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความรักดังนั้นแล้วไม่ว่ากาเล็ทจะเอ่ยกล่าวสิ่งใดตัวนางในตอนนี้ล้วนแล้วแต่ยินยอมตอบรับทั้งสิ้น หญิงสาวผู้หนึ่งที่เคยปิดกั้นหัวใจของตนเองไว้ตลอดชีวิตของนาง เมื่อกำแพงที่ตนเองเคยก่อร่างสร้างไว้เพื่อปิดกั้นตนเองอยู่นั้นพังทลายลงก็เปรียบเสมือนเขื่อนทำนบที่กันน้ำอยู่แตกพังทลายออก ความรู้สึกและความโหยหาต้องการที่เก็บงำไว้ตลอดมาก็เสมือนว่าจะเคลื่อนไหลออกมาดังเช่นน้ำที่ไหลออกจากเขื่อน
"เช่นนั้นพวกเราต้องสนิทสนมกันให้มากไว้ดีหรือไม่" กาเล็ทเอ่ย เมื่อเหลียวมองดูร่างบางที่ตนเองโอบกอดไว้ ใบหน้าของนางที่ดูนุ่มนวลขึ้นจากเมื่อครั้งแรกพบเจออย่างกับเป็นคนละคนก็ทำให้จิตใจของกาเล็ทนั้นเต้นตูมตามขึ้นมา หากให้เปรียบเทียบความงามของหญิงสาวที่อยู่ใกล้ชิดกับตนเองที่สุดทั้งสามแล้วเบลล่านั้นนับว่ามีเสน่ห์และความดึงดูดมาเป็นอันดับที่หนึ่ง รูปร่างของนางที่นับได้ว่าเติบโตเต็มสาวแล้ว ส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายตามแบบที่สตรีพึงมี เอวที่คอดกิ่ว หน้าอกที่ตูมตั้ง ทุกอย่างล้วนประกอบเข้ากันอย่างลงตัว
"อืม" เบลล่าที่กำลังดื่มด่ำอยู่กับความรู้สึกเป็นสุขที่ถูกโอบกอด ความรู้สึกที่ตนเองได้ถูกผู้คนปกป้องอยู่เอ่ยตอบออกมา จวบจนที่ริ่มฝีปากของตนเองถูกกาเล็ทประทับจูบลงตัวนางถึงได้รู้สึกตัวว่าที่แท้แล้วเกิดเรื่องราวใดขึ้นกับตนเอง
รู้ตัวว่าตนเองพึ่งจะเสียจูบแรกให้กับเขาเบลล่าก็ก้มหน้างุดลงซบเข้ากับอ้อมอกของกาเล็ทไม่กล้าผละออกมาโดยเกรงกลัวว่าจะต้องพบเจอกับสายตานั้น สายตาที่ทำให้จิตใจของตนเองสั่นไหว
กาเล็ทซึ่งเห็นถึงอาการของเจ้าหญิงลำดับที่หนึ่งแห่งโรฮานที่เคยเย็นชาซึ่งแสดงออกมาในตอนนี้ในหัวใจก็เกิดความรู้สึกรักอยากปกป้องขึ้น นับแต่นี้ตัวนางถือว่าเป็นของตนเองอย่างไม่ต้องมีข้อสงสัยใดแล้ว นางเป็นสตรีของตนเองแล้ว สตรีที่เคยเย็นชาถือดีในวันนั้นกลับแสดงท่าทีโอนอ่อนผ่อนตามตนเองถึงเพียงนี้ออกมาย่อมหมายความว่าตัวนางนั้นมอบหัวใจและฝากชีวิตไว้กับตนเองเช่นนี้ตนเองย่อมไม่สามารถที่จะทำให้นางผิดหวัง "นับจากนี้ให้ข้าเรียกเจ้าว่าเบลล่าดีหรือไม่" กาเล็ทเอ่ย
"อืมม" เบลล่าเอ่ยตอบเสียงเบาขณะที่ยังซุกหน้าอยู่กับอ้อมอกของกาเล็ท
"เบลล่าเองก็เรียกข้าว่ากาเล็ทเถอะ ไม่จำเป็นที่จะต้องเอ่ยเรียกกันด้วยต่ำแหน่งเช่นกาลก่อนอีกดีหรือไม่?" กาเล็ทเอ่ยเสนอ
"อืมม" เบลล่ายังคงเอ่ยตอบคำถามของกาเล็ทเช่นเดิมออกมา บัดนี้นางเกิดความรู้สึกเอียงอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ตนเองที่เคยแสดงท่าทีถือดีกับเขา ตนเองเมื่อครั้งแรกพบกับเขายังคงวางตัวเป็นองค์หญิงผู้สุงศักดิ์พร้อมทั้งเอ่ยกล่าววาจาไม่ดีกับเขาในครั้งนั้นบัดนี้กับซุกอยู่กับอ้อมอกของเขา
"ต่อจากนี้ต้องยิ้มให้มากไว้เข้าใจหรือไม่ รู้หรือไม่ว่ายามที่เบลล่าแย้มยิ้มนั้นงดงามเพียงไร" กาเล็ทยังคงเฝ้าเอ่ยคำหวานไม่หยุดหย่อน
มีสตรีใดบ้างที่ไม่นิยมรับฟังคำหวานรื่นหูเช่นนี้? ยิ่งโดยเฉพาะจากบรุษที่นางมีใจให้แล้วยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง
เบลล่าข่มกลั้นความเอียงอายที่มีของตนเองไว้ผละออกจากอ้อมอกของกาเล็ทพร้อมทั้งใช้ดวงตาที่ใสกระจ่างสีฟ้าดั่งน้ำทะเลของนางจ้องมองไปยังใบหน้าของกาเล็ท จ้องมองไปได้สักพักกลับเป็นนางเองที่ก้มหน้าหลบสายตาลงสาเหตุก็เพราะนางนั้นพบว่าตัวเขาไม่คล้ายเหมือนผู้คนที่เอ่ยกล่าวคำโป้ปดหลอกลวงเพื่อเอาอกเอาใจนางแม้แต่น้อย
"ขอบใจเจ้าที่ให้โอกาสข้าได้ปกป้องดูแล" กาเล็ทเอ่ยกล่าวแต่ยังไม่ทันที่จะได้กระทำสิ่งใดต่อไปเสียงของมาร์ตินกับเจฟก็ดังขึ้น
"นายน้อย นายน้อย" ทั้งเจพและมาร์ตินเดินขึ้นเนินเขามาเพื่อมาตามตัวของกาเล็ทลงไปเนื่องจากงานเลี้ยงนั้นพร้อมที่จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ได้ยินเช่นนี้ร่างของเบลล่าก็สั่นสะท้านขึ้นพร้อมผละถอยออกห่างจากกาเล็ท
"ไม่ต้องแตกตื่นตกใจไป ข้าใช้พลังของข้าปิดบังอำพรางไว้แล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถมองเห็นเราได้" กล่าวถึงช่วงท้ายกาเล็ทดูท่าว่าจะเน้นในส่วนนี้เป็นพิเศษทว่าตัวโง่งมเช่นมาร์ตินหาเข้าใจถึงสถานการณ์ไม่
ขณะที่มาร์ตินกำลังจะเอ่ยปากกล่าว ว่ามองไม่เห็นอันใด? ตัวมันนั้นมองเห็นผู้เป็นนายน้อยซึ่งกำลังโอบกอดกับเจ้าหญิงเบลล่าอยู่อย่างถนัดชัดตา เจฟซึ่งมีปัญญาปราดเปรียวกว่ามาร์ตินก็คว้าแขนของมันไว้พร้อมทั้งเอ่ยกล่าวด้วยเสียงอันดัง "หืม หืม นายหญิงแชลเทียกับนายหญิงซิลเวียไม่ใช่เอ่ยบอกกล่าวว่านายน้อยอยู่บนเนินเขานี่หรอกหรือ? เหตุใดพวกเราจึงไม่พบเห็นแม้แต่เงากลับกันเถอะมาร์ติน" เจพทำทีเอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมทั้งคว้าหมับเข้าให้ที่ข้อมือใหญ่โตของมาร์ตินและฉุกลากดึงมันลงจากเนินเขาไป
เบลล่าเห็นเช่นนั้นก็คลายใจลง หากว่ามีผู้พบเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ไม่ทราบว่่าตนเองจะสามารถสู้หน้าผู้คนของตระกูลบุสโซ่ได้อย่างไร?
กาเล็ทเดินเข้าหาจัดแต่งปอยผมสีฟ้าที่ยาวประบ่าของนางซึ่งยุ่งเหยิงอยู่ให้เข้าที่ด้วยท่าทีเอาใจใส่ ตลอดระยะเวลาที่กาเล็ทยื่นมือออกจัดแต่งปอยผมให้กับนางเบลล่านั้นเฝ้าสังเกตุตรวจดูบรุษที่ตนเองเปิดหัวใจให้ผู้นี้ทุกการกระทำ สายตาและการกระทำของเขาซึ่งแสดงออกเสมือนว่ากำลังจัดแต่งดูแลสิ่งล้ำค่าของตนเองอยู่ชวนให้เบลล่าเกิดความรู้สึกเปี่ยมสุขขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
"ไปเถอะ ผู้คนที่เบื้องล่างคงรอพวกเราอยู่แล้ว ให้ผู้อื่นรอคอยอย่างเนิ่นนานนับว่าไม่ใช่เรื่องที่สมควร" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมเดินนำนางลงจากเนินเขาไป
เบลล่าที่เห็นว่ากาเล็ทไม่ได้เกาะกุมมือของตนเองไปก็รู้สึกทั้งโล่งใจทั้งเสียดายอยู่บ้าง อิสตรีมักกล่าวอย่างปากไม่ตรงกับใจอยู่บ้าง บางครั้งคราแม้นางจะเอ่ยบอกว่าไม่ต้องการที่แท้แล้วในจิตใจกลับแตกต่าง
"ท่านนนพี่!" เมื่อลงมาถึงยังลานที่จัดงาน ซิลเวียก็เข้ามาหาเบลล่าพร้อมทั้งเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูซุกซน ด้วยเหตุนี้เบลล่าจึงถูกผู้เป็นน้องสาวลากตัวไปสอบถามเป็นการใหญ่
"ท่านพี่เขาคุยเรื่องอะไรกับท่านพี่หรือ" ซิลเวียที่ลากผู้เป็นพี่สาวออกมายังบริเวณซึ่งดูปลอดผู้คนเอ่ยถามขึ้น
"ม...ไม่มีอะไร เพียงแต่ เพียงแต่" เบลล่าเอ่ยตอบอย่างตระกุกตระกักพร้อมทั้งกรอกตาคู่งามเพื่อนึกหาเหตุผลซึ่งฟังดูเข้าทีมาเอ่ยบอกต่อผู้เป็นน้องสาว หากไม่ทำเช่นนี้หรือจะให้นางเอ่ยบอกกล่าวว่าเมื่อครู่เขาเอ่ยตีแผ่ความในใจกับนาง? บอกว่าตัวนางตกลงเป็นสตรีของเขาแล้ว? นั่นมิใช่เป็นเรื่องที่น่าอับอายแทบตายจะให้บอกกล่าวแก่ผู้อื่นได้อย่างไร
"ฮิ ฮิ เขาใช่บอกรักท่านพี่หรือไม่ หืมมม" ซิลเวียเอ่ยกล่าวในน้ำเสียงแฝงแววหยอกล้อซุกซน
"ล..ล เหลวไหล จ..จะไปมีเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร" เบลล่ายังคงปากแข็งปฎิเสธไม่ยอมรับอย่างมีพิรุธ หญิงสาวที่ตกอยู่ในห้วงรักยิ่งพึ่งจะผ่านเหตุการณ์ที่เปี่ยมสุขเมื่อครู่มา มีหรือที่จะสามารถปกปิดเก็บอาการไว้ได้อย่างมิดชิด ยิ่งเบลล่าที่ไม่ชอบการโป้ปดย่อมไม่ต้องกล่าวถึง ใบหน้าที่ยิ้มแย้มปานจะปลิของนางเพียงนี้ก็เป็นคำตอบได้อย่างชัดเจนแล้วอย่าว่าแต่ทุกผู้คนที่อยู่เบื้องล่างนี้ขอเพียงเหลือบมองขึ้นไปบนเนินเขาก็จะสามารถเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนนั้นได้แน่นอน
"ท่านพี่ทราบหรือไม่ว่าท่านพี่ในตอนนี้นั้นเปรียบเสมือนโจรที่กำลังอุดหูขโมยกระดิ่งอยู่ ฮิ ฮิ" ซิลเวียยังคงกล่าวหยอกเย้าผู้เป็นพี่สาว
"จ..เจ้าหมายความว่าอย่างไร" เบลล่าเอ่ยถามอย่างตระกุกตระกัก
"เกิดสิ่งใดขึ้นบนเนินเขานั้นขอเพียงมีผู้คนเหลือบมองขึ้นไปย่อมสามารถมองเห็นได้ ทุกผู้คนของตระกูลบุสโซ่ต่างมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเนินเขานั่นจนหมดสิ้นแล้ว" ซิลเวียเอ่ยกล่าวเปิดเผยเรื่องราวออกมา
เบลล่าได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกอับอายจนแทบคิดจะแทรกแผ่นดินหนีไปเสียให้พ้นพร้อมกับครุ่นคิดในใจ "คนไร้มโนธรรมนั่นกลับหลอกลวงเรา!"
แม้พลังจิตวิญญาณจะสามารถแปรเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นหลายสิ่งหลายอย่างได้แต่ยังไม่มีบันทึกไว้มาก่อนว่าสามารถใช้พรางตาผู้คนได้ ดังนั้นแล้วแม้แต่กับกาเล็ทผู้ซึ่งถูกขนานนามว่าจักรพรรดิ์ทมิฬก็ไม่สามารถใช้พลังจิตวิญญาณบดบังสายตาของผู้คนได้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น