ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #161 : ความทรงจำที่ล้ำค่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.16K
      392
      30 ม.ค. 61




    "กลิ่นคาวเลือดช่างคละคลุ้งนัก" กาเล็ทคิดกับตนเองในใจ จากนั้นจึงเดินถึงเบื้องหน้าของซากศพราชสีห์หางงูซึ่งถูกมิร่าตัดให้แยกออกเป็นสี่สวน

    กาเล็ทใช้เวลาควานหาแก่นจิตวิญญาณของราชสีห์หางงูอยู่ครู่หนึ่ง โดยปกติแล้วแก่นจิตวิญญาณของสัตว์อสูรจะอยู่บริเวณสมองของพวกมัน สุดท้ายอย่างยากเย็นกาเล็ทก็สามารถที่จะควานหาแก่นจิตวิญญาณระดับราชาขั้นกลางของราชสีห์หางงูออกมาจากสมองใหญ่ของมันจนได้ แครก แครก แครก ไอเย็นค่อยๆก่อตัวขึ้นบริเวณพื้นดินจากนั้นจึงแผ่ขยายออกไปเพื่อแช่เข็งเศษซากของราชสีห์หางงูไว้

    ย่อมเป็นกาเล็ทที่ใช้พลังของตนเองสร้างเป็นไอเย็นเพื่อแช่แข็งเศษซากของราชสีห์หางงูไว้ ที่กาเล็ททำเช่นนี้หนึ่งนั้นก็เพราะเพื่อลดกลิ่นคาวเลือดที่ส่งออกมาจากเศษซากของราชสีห์หางงูและอีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะเนื้อของสัตว์อสูรนั้นถือได้ว่าอุดมไปด้วยสารอาหารมากกว่าเนื้อของสัตว์ปกติทั่วไป ถึงแม้ว่าการปรุงแต่งจะนับว่ายากกว่าการปรุงเนื้อสัตว์ปกติทั่วไปอยู่มากแต่ว่าหากว่าได้ผู้ชำนาญการลงมือแล้วล่ะก็เนื้อของราชสีห์หางงูตัวนี้จะถือว่าสามารถช่วยเสริมสร้างร่างกายของผู้คนให้แข็งแรงเหมาะกับเหล่าทหารนักบู๊ของตระกูลบุสโซ่ยิ่งนัก กาเล็ทจึงคิดที่จะเก็บเนื้อของมันไว้และนำกลับไปตระกูลบุสโซ่ด้วย

    กาเล็ทอุ้มมิร่าที่กำลังคลอเคลียกับตนเองอยู่เดินเข้าไปยังบริเวณถ้ำซึ่งตนเองแทบจะเคยเอาชีวิตไม่รอดเมื่อครั้งพบเจอกับนางครั้งแรก น่าแปลกที่มิร่านั้นไม่มีความกระตือรือล้นสนใจต่อแก่นจิตวิญญาณของราชสีห์หางเงินเลยแม้แต่น้อย

    "นี่สำหรับหนู" กาเล็ทเอ่ยกับมิร่าพร้อมทั้งยื่นแก่นจิตวิญญาณของราชสีห์หางงูไปยังเบื้องหน้าของมิร่า เห็นเช่นนั้นมิร่าจึงค่อยละจากการถูไถใบหน้าของตนเองกับร่างกายของกาเล็ทและหันมาให้ความสนใจกับแก่นจิตวิญญาณที่ผู้เป็นบิดายื่นส่งมาถึงเบื้องหน้า มิร่าอ้าปากกลืนกินแก่นจิตวิญญาณนั้นลงไปอย่างว่าง่าย กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ลูบเลือนขนของนางคราหนึ่งอย่างอ่อนโยนการกระทำของกาเล็ทนี้ส่งผลให้มิร่าหลับตาพริ้มลงอย่างมีความสุข ทุกครั้งคราที่ตนเองนั้นเหลียวมองดูไปยังมิร่าในจิตใจก็จะเกิดความสู้สึกอบอุ่นมีความสุขขึ้นมาอย่างยากที่จะอธิบายได้ แม้ว่าในจริงๆแล้วเวลาที่ตนเองได้พบเจอกับมิร่าและได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับนางนั้นจะเป็นเพียงช่วงเวลาไม่กี่เดือน ทว่ากาเล็ทกลับรู้สึกว่ามิร่านั้นเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของตนเองไปแล้ว มิร่าคือสาเหตุให้ตนเองมีทุนรอนมากพอที่จะต่อกรกับขุมกำลังยักษ์ใหญ่ของโลกยูยานแห่งนี้ นางเป็นทั้งเพื่อนที่จะช่วยสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับตนเอง นางเป็นทั้งบุตรสาวที่น่ารัก ในทุกครั้งที่กาเล็ทรู้สึกตึงเครียดกับการทำงานเพียงแค่ได้ละเล่นหยอกล้อกับมิร่าความรู้สึกตึงเครียดนั้นก็เสมือนว่าจะมลายหายไปอย่างง่ายดาย มิร่านั้นมีความรักให้กับตนเองอย่างไร้เงื่อนไข แม้แต่แก่นจิตวิญญาณที่มีค่ามหาศาลสำหรับกับทั้งสัตว์อสูรและมนุษย์นางก็หาได้สนใจและยอมมอบให้กับตนเองอย่างไม่มีข้อเรียกร้อง เมื่อได้เห็นว่านางกลืนกินแก่นจิตวิญญาณของราชสีห์หางงูลงไปในจิตใจของกาเล็ทก็มีความรู้สึกเปี่ยมสุขขึ้น

    ตอนนี้ระดับแก่นจิตวิญญาณของมิร่าอยู่ในระดับจักรพรรดิ์ขั้นกลาง อีกทั้งตัวนางยังได้กลืนกินแก่นจิตวิญญาณของจักรพรรดิ์แดงพร้อมทั้งแก่นจิตวิญญาณระดับราชาที่ตนเองมีหลงเหลืออยู่ไปหลายชิ้นและมาในวันนี้นางยังได้กลืนกินแก่นจิตวิญญาณระดับราชาขั้นกลางของราชสีห์หางงูเข้าไปอีก ด้วยเหตุนี้กาเล็ทคาดการณ์ว่าอีกไม่นานระดับพลังของนางต้องเกิดการเพิ่มพูนเปลี่ยนแปลงแน่นอน การมายังหุบเขาอสูรฟ้าในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะเสาะหาสมุนไพรหายากต่างๆอย่างจริงจังเพื่อจะปลุงยาวิเศษต่างๆที่หลากหลายซึ่งตนเองจดจำมาจากความรู้ในมิติประหลาดนั่น

    "มิร่าน้อยจำได้ไหม นี่คือที่ซึ่งพวกเราพบกันครั้งแรก" กาเล็ทเอ่ยขึ้น

    ได้ฟังคำกล่าวของกาเล็ท ดวงตาของมิร่าซึ่งกำลังพริ้มหลับอย่างมีความสุขอยู่ก็เปิดขึ้นทว่าในแววตาของนางกลับไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกยินดีปรีดาหากแต่ปรากฎเค้าลางของความกังวลและไม่สบายใจขึ้น "มิร่าไม่อยากจำ มิร่าทำร้ายปะป๋า มิร่าไม่อยากจำ" เสียงของมิร่าดังขึ้นในห้วงสมองของกาเล็ทพร้อมกับเสียงร้องอย่างหดหู่ของมิร่าซึ่งตนเองอุ้มอยู่ก็ดังขึ้น

    "ความทรงจำน่ะมีทั้งเรื่องที่น่ายินดีและน่าเจ็บปวดแต่ถึงจะเป็นแบบนั้นพวกมันล้วนมีค่า สิ่งเหล่านั้นหล่อหลอมให้พวกเราเป็นตัวเราในปัจจุบัน หากว่าในวันนั้นปะป๋าไม่มายังหุบเขาอสูรฟ้า หากในวันนั้นปะป๋าไม่ได้เข้ามาสำรวจยังถ้าแห่งนี้ และมิร่าไม่ได้ลงมือทำร้ายปะป๋าจากการเข้าใจผิดพวกเราก็คงจะไม่ได้พบเจอกันและไม่ได้อยู่ร่วมกันอย่างเช่นทุกวันนี้เข้าใจหรือไม่ดังนั้นมิร่าไม่จำเป็นที่จะต้องไปรู้สึกผิดหรือเศร้าเสียใจกับเรื่องในอดีต" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งยกร่างของนางขึ้นมาสบตากับตนเองจากนั้นจึงเดินไปยังบริเวณที่มิร่าปรากฎตัวขึ้นครั้งแรกในความทรงจำของตนเอง "ที่ตรงนี้เป็นที่ซึ่งเด็กหญิงตัวน้อยปรากฎตัวขึ้น" กล่าวจบกาเล็ทก็ก้มลงหอมจมูกนางคราหนึ่ง

    "กรู๊ร" มิร่าส่งเสียงขานรับ

    "ถ้ำแห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งล้ำค่า ล้ำค่าสำหรับกับพวกเราสองคนเพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นของการพบเจอและอยู่ร่วมของพวกเรา" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมหันกายเหลียวมองดูถ้าที่รกร้างว่างเปล่าและมืดมิด

    "เจ้าสิ่งโตน่าโง่นั่นสมควรตายแล้ว สมน้ำหน้า มาทำให้สถานที่ซึ่งมิร่ากับปะป๋าได้พบกันแปดเปื้อน" เสียงของมิร่าดังขึ้นในห้วงสมองของกาเล็ท

    "อยากอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยจังเลยนะ" กาเล็ทเอ่ยขึ้น

    ได้ฟังเช่นนั้นมิร่าก็เปลี่ยนร่างกลับไปเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่น่ารักน่าชังผู้หนึ่งทันที "ขี่คอ ขอขี่คอปะป๋า" มิร่าซึ่งถูกกาเล็ทอุ้มไว้อยู่เอ่ยกล่าวขึ้น

    ได้ฟังเช่นนั้นกาเล็ทก็ไม่รีรอที่จะอุ้มร่างเล็กจ้อยของมิร่าขึ้นไปนั่งยังบ่าของตนเอง

    "ฮี ฮี่" เมื่อได้สมใจอยากแล้วมิร่าก็ส่งเสียงหัวเราะชอบใจออกมา

    "นับจากนี้พวกเราแวะเวียนมายังหุบเขาอสูรฟ้าบ่อยๆดีหรือไม่มิร่าน้อย? จะได้ไม่มีสัตว์อสูรตนไหนมาแย่งชิงถ้ำล้ำค่านี้ของพวกเราไปอีก" กาเล็ทเอ่ย

    "ดี ดี มาแค่ปะป๋ากับมิร่านะ" มิร่าเอ่ยขึ้น

    สำรวจตรวจดูรอบถ้ำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจำนี้อยู่อีกสักพักกาเล็ทก็เอ่ยขึ้น "นี่ก็ใกล้เวลารุ่งเช้าแล้วพวกเรากลับไปหาท่านลุงเทลเล่อกันเถอะ" กาเล็ทเอ่ย

    "กลับไปหาลุงหัวล้าน" มิร่าเอ่ยอย่างเริงร่า ไม่ทราบว่าหากเทลเล่อมาได้ยินสรรพนามซึ่งมิร่าเอ่ยเรียกขานตนเองซึ่งนางไม่ได้ใช้เรียกตนมานานแล้วเพราะรอบเดือนที่ผ่านมานางแถบจะอยู่แต่ในร่างของมังกรจะแสดงสีหน้าเช่นไรออกมา?


    ทางด้านเทลเล่อและผู้คนของตระกูลบุสโซ่ก็หาได้รอคอยอย่างอยู่ว่าง เนื่องจากการปลดปล่อยกลิ่นอายระดับจักรพรรดิ์ของมิร่าออกมาทำให้สัตว์อสูรบริเวณโดยรอบแตกตื่นเตลิดเปิดหนีออกจากทั่วทั้งบริเวณ บ้างหนีขึ้นทางเหนือ บ้างหนีขึ้นทิศใต้ และมีไม่น้อยที่เตลิดเปิดหนีมายังทิศทางซึ่งเรือเหาะตั้งอยู่

    "หากว่าเป็นเมื่อก่อนถ้าต้องมาประสบพบเจอกับสัตว์อสูรเช่นนี้ผลลัพธ์ที่ออกมาคงไม่สวยหรูเช่นนี้เป็นแน่ ฺฮ่า ฮ่า" มาร์ตินเอ่ยกล่าวขึ้นขณะที่ถือค้อนวิเศษคู่ใจพาดบ่าเหยียบยืนอยู่บนศพของหมีดำสัตว์อสูรระดับที่ 8

    "ตัวโง่งมอย่าได้ร่ำร้องวุ่นวายมาช่วยทางนี้หากว่าพวกมันหลุดลอดหนีไปได้ข้าจะบอกแก่นายน้อยว่าเป็นเพราะเจ้าเอาแต่หัวเราะดูว่านายน้อยจะเตะก้นใหญ่โตของเจ้าหรือไม่" เรน่าตะโกนก้องขึ้นขณะที่กำลังตีวงล้อมฝูงของหมาป่าขนแดงร่วมกับเจฟ โรส และเทลเล่อ หมาป่าขนแดงนี้นับว่าเป็นสัตว์อสูรระดับ 5-6 เท่านั้นแต่ว่าที่ทั้งหมดต้องยุ่งยากถึงเพียงนี้ก็เพราะมีความต้องการจะจับเป็นพวกมันและไม่ต้องการให้พวกมันได้รับบาดเจ็บ

    "ฮือออออ กรรร ฮืออออ" หมาป่าขนแดงตัวที่ดูเหมือนว่าจะเป็นจ่าฝูงใช้ดวงตาดุร้ายจ้องมองไปยังโรสที่เบื้องหน้าของมันอย่างหวาดระแวงพร้อมทั้งจิกกงเล็บแกร่งของตนเองลงพื้นและส่งเสียงขู่คำรามออกมา

    "ท่านผู้พิทักษ์จะทำเช่นไรดี หากว่าให้สังหารพวกมันคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรแต่หากกล่าวว่าจะให้จับเป็นพวกมันโดยไม่ให้พวกมันได้รับบาดเจ็บนั้นนับว่าเป็นเรื่องลำบากเอาการอยู่" โรสเอ่ยถามกับเทลเล่อด้วยน้ำเสียงกังวลใจ

    "คงต้องล้อมพวกมันไว้เช่นนี้ก่อน อีกไม่นานกาเล็ทคงจะกลับมาแล้วรอให้เขากลับมาจัดการเถอะ" สำหรับกับเทลเล่อเอ่ยแม้ว่าจะมีระดับพลังถึงขั้นราชาระดับสูงแล้วแต่การควบคุมพลังนั้นยังไม่แม่นยำมั่นคงเท่ากับกาเล็ท ด้วยเกรงกลัวว่าตนเองจะพลั้งมือทำร้ายหมาป่าขนแดงฝูงนี้จึงยังไม่ได้ลงมือ แต่แล้วอยู่ๆท่าทีของหมาป่าขนแดงทั้งฝูงก็เปลี่ยนไปจากเสียงขู่คำรามของมันและความดุร้ายที่แสดงออกมาก็แปรเปลี่ยนไปเป็นหมอบราบกับพื้นดินหางของพวกมันลู่ต่ำลง

    "มิร่าน้อยสยบพวกมันได้หรือไม่ ปะป๋าต้องการจับเป็น" กาเล็ทเอ่ยกับมิร่า

    "ฮิ ฮิ ง่ายมากเลยปะป๋าไม่ต้องเป็นห่วง" กล่าวจบมิร่าก็พริ้วกายไปยืนอยู่เบื้องหน้าของโรสและจ้องมองไปยังเหล่าหมาป่าครู่หนึ่งจากนั้นหมาป่าหัวหน้าฝูงก็ส่งเสียงร้องหงิงๆออกมา ท่าทีของหมาป่าขนแดงซึ่งมีขนาดตัวที่ใหญ่โตกว่าม้าพ่วงพีเกือบเท่าตัวซึ่งกำลังหมอบศฺิโรราบและส่งเสียงร้องออกมาอย่างเชื่องเชื่ออยู่เบื้องหน้าของเด็กหญิงตัวน้อยดูไปน่าแปลกประหลาดนัก

    "เรียบร้อยแล้วปะป๋า" มิร่าหันไปหากาเล็ท

    กาเล็ทค่อยๆลดระดับของตนเองลงและไปยืนอยู่ที่ข้างกายของเทลเล่อ "ท่านอาจารย์สร้างความลำบากแก่ท่านแล้ว"

    "หาได้ลำบากอันใด เกรงแต่ว่าจะพลาดพลั้งทำร้ายพวกมันบาดเจ็บ พอดีข้าเห็นว่าพวกมันมีความเมหาะสมกับสัตว์อสูรที่เจ้าต้องการพอดีเลยล้อมกักพวกมันไว้" เทลเล่อเอ่ย

    "ข้าไม่นึกว่ามิร่าน้อยจะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย หากว่าเป็นเช่นนี้สิ่งที่ข้าวางแผนไว้คงสามารถดำเนินการได้โดยง่าย" กาเล็ทเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม

    "เจ้าคิดทำสิ่งใด?" เทลเล่อเอ่ยถาม

    "เพาะพันธ์ุพวกมันคาดว่าใช้เวลาไม่น่าจะเกิน 2-3 ปีทหารนักบู๊ของตระกูลบุสโซ่เราคงจะมีหมาป่าขนแดงนี้เป็นสัตว์พาหนะอย่างทั่วถึงแล้ว" กาเล็ทเอ่ยขึ้นด้วยความมั่นใจ

    "ปะป๋า มิร่าเก่งไหม" มิร่าพลันวิ่งร่าเข้ามากระโจนกอดกาเล็ทเพื่อร้องขอเอารางวัลสำหรับความดีความชอบที่ตัวนางพึ่งได้กระทำ

    "ลูกสาวตัวน้อยของปะป๋าเก่งที่สุดเลย" กาเล็ทกล่าวพร้อมทั้งอุ้มนางขึ้นมาหอมแก้มฟอดหนึ่ง

    "มิร่าน้อยมานี่ มาให้ลุงเทลเล่อหอมแก้มด้วยมา" เทลเล่อเผยรอยยิ้มรักเอ็นดูขึ้น สองถึงสามเดือนที่ผ่านมานี้ซึ่งตนเองได้พักอาศัยอยู่ที่ตระกูลบุสโซ่ทำให้เทลเล่อรู้สึกมีความผูกพันอย่างลึกล้ำกลับตระกูลบุสโซ่ประหนึ่งว่าตระกูลบุสโซ่นั้นคือครอบครัวของตนเองไปแล้ว ความรู้สึกเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกลับเทลเล่อซึ่งมีอายุอยู่มานับร้อยปีมาก่อน

    กาเล็ทยกส่งร่างของมิร่าให้แก่เทลเล่อ "มิร่าน้อยว่าแต่หนูทำอย่างไรถึงสยบพวกหมาป่าขนแดงนั้นได้อย่างง่ายดายแบบนี้ล่ะ" กาเล็ทเอ่ยถามขึ้น

    "ฺฮี่ มิร่าก็แค่คุยกับพวกมันว่าถ้ายอมติดตามมิร่าติดตามปะป๋าแต่โดยดี มิร่ากับปะป๋าจะช่วยเหลือดูแลพวกมันแต่ถ้าขัดขืนต่อต้านก็ต้องตาย" มิร่าเอ่ยบอก

    ได้ฟังเช่นนั้นกาเล็ทกลับนึกรู้สึกแปลกประหลาดใจ "ตัววิเศษน้อยนี่มีความสามารถพูดคุยสื่อสารกับสัตว์อสูรได้ด้วย?"




    ปล.ขออภัยหายไปสองสามวันจะลงซ่อมให้ครับ คือทั้งงานเลี้ยงรุ่น งานแต่งเพื่อน เลยไม่มีเวลาครับ sry ช่วงนี้เขียนบทของมิร่าเยอะจริงๆ 55 ก็อย่างที่เคยบอกกับผู้อ่านทุกคนไปให้สมมุติว่ามีมิร่าอยู่ด้วยแล้วจะทำยังไง ถ้าเป็นผมในแต่ละวันคงใช้เวลาเล่นกับมิร่าไปแล้วครึ่งวันแน่ๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×