ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #165 : คำตัดพ้อของคลาร่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.11K
      496
      3 ก.พ. 61




    กาเล็ทเห็นท่าทีซึ่งดูเหมือนจะโอนอ่อนผ่อนตามคำพูดของตนเองที่เบลล่าแสดงออกมาก็ยิิ้มกริ่มขึ้น พร้อมกับคิดในจิตใจ "ประหลาดแท้กลับกลายเป็นนางที่โอนอ่อนผ่อนตามเราที่สุด"

    เบลล่าเดินเข้ามาใกล้กับกาเล็ทพร้อมทั้งแสดงท่าทีลังเลเล็กน้อย ไม่ปล่อยให้เจ้าหญิงผู้งดงามได้มีโอกาสเปลี่ยนใจกาเล็ทก็คว้าร่างของนางให้ล้มลงนั่งบนตักของตนเอง

    "ดูท่าน กลับทำลายข้าวของเพราะเรื่องเช่นนี้" เบลล่าไม่ทราบว่าจะกล่าวสิ่งใดดีจึงเลือกที่จะเอ่ยกล่าวตำหนิถึงเรื่องที่กาเล็ทกวาดพนักพิงแขนของเก้าอี้ทิ้งไป

    เมื่อร่างของเบลล่าล้มลงนั่งบนตักของตนเองสมใจหมายแล้วกาเล็ทก็ใช้มือทั้งสองของตนเองโอบรอบเอวอ้อนแอ้นของนางไว้และยื่นหน้าเข้าไปสูดดมกลิ่นกายของเบลล่า "หืมเจ้าใช้น้ำหอมด้วยหรือ" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขึ้นเมื่อสูดดมได้กลิ่นน้ำหอมจางๆจากร่างบางที่ตนเองโอบกอดอยู่

    เบลล่าได้ฟังคำถามก็เกิดความรู้สึกยินดีขึ้นที่กาเล็ทใส่ใจกับตัวนางจนสามารถสังเกตุออกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ "อืมม มีผู้คนเอามาให้เป็นของขวัญข้าเลยลองใช้ดูจะได้ไม่เสียน้ำใจของผู้มอบให้" เบลล่าเอ่ยบอกกล่าวเหตุผลที่ไม่ตรงกับใจออกไป หรือจะให้นางบอกกล่าวออกไปตามความจริงว่านางตั้งใจที่จะพรมน้ำหอมมาเพื่อให้ชายคนรักพอใจเป็นพิเศษ?

    ได้ฟังถึงคำตอบกาเล็ทก็โอบกอดร่างบางแนบแน่นขึ้น "ช่างเป็นความรู้สึกที่ให้ความผ่อนคลายเปี่ยมสุขนัก ไม่ทราบว่าในอีกชีวิตหนึ่งมีสิ่งใดบังตาข้าไว้กันแน่จึงได้ละเลยสิ่งเหล่านี้ไป" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพอเอ่ยมาถึงช่วงท้ายน้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยความรู้สึกตำหนิตนเอง

    "กาเล็ทอย่าได้เกิดความรู้สึกเช่นนั้น" เบลล่าพยายามเอ่ยกล่าวปลอบใจ

    "หากว่าจัดงานหมั้นพร้อมกันสามคนเจ้าคงไม่คิดว่านั่นทำให้เสื่อมเสียเกียรติกระมัง?" อยู่ๆกาเล็ทก็เอ่ยปากถามเปลี่ยนเรื่องขึ้น

    เบลล่าได้ฟังก็แนบใบหน้าของตนเองเข้ากับอ้อมอกของกาเล็ท "กาเล็ทข้ากลัวแต่ว่าตัวข้านั้นจะเป็นต้นเหตุให้กับตระกูลบุสโซ่เสื่อมเสียชื่อเสียงต้องถูกผู้ดูแคลน"

    "เสื่อมเสียชื่อเสียง?" กาเล็ทเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

    "กาเล็ทอย่าได้ลืมว่าข้านั้นเคยผ่านการหมั้นหมายมาแล้ว หากกล่าวตามตรงแล้วแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแต่ในนามแต่ย่อมถือว่าข้าเคยเป็นของผู้อื่นมาก่อน" เบลล่าเอ่ยกล่าว

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็คลายใจลงพร้อมทั้งยื่นมือของตนเองออกไปบีบดั้งจมูกเรียวงามของเบลล่าซึ่งกำลังซบอยู่กับอกของตนเอง "เด็กโง่ จะมีผู้ใดกล้าดูแคลนตระกูลบุสโซ่ของเรากันอีกทั้งต้องดูถึงสาเหตุด้วยว่าเป็นเรื่องใด หากว่ามีผู้ใดกล้าดูแคลนในเรื่องที่เจ้ากล่าวมาข้าจะจับพวกมันมาลงโทษให้หมดโทษฐานทรยศเนรคุณ" กล่าวมาถึงจุดนี้กาเล็ทก็ก้มลงหอมเรือนผมของเบลล่าคราหนึ่ง "อย่าได้เก็บเอาธรรมเนียมความเชื่อไร้สาระนั่นมาใส่ใจ มิใช่เอ่ยบอกกับซิลเวียว่าแม้แต่โอบกอดซาก้าอะไรนั่นก็ยังไม่เคยได้สัมผัสมิใช่หรือ" กาเล็ทเอ่ย

    "ยั..ยังไม่ เขาเพียงแต่เคยสัมผัสมือข้าเป็นบางครั้งเท่านั้น" ขณะที่เอ่ยบอกกล่าวเบลล่าก็เงยหน้าขึ้นเพื่อจ้องมองปฎิกริยาของกาเล็ทเป็นพิเศษแต่นางกลับมองเห็นได้แต่รอยยิ้มที่ทำให้ตัวนางนั้นรู้สึกผ่อนคลายสบายใจหาได้มีความรู้สึกขุ่นเคืองไม่พอใจปรากฎขึ้นบนใบหน้าของกาเล็ทแม้แต่น้อย

    "เห็นซิลเวียเอ่ยบอกว่าตอนอยู่ที่ไอออนผู้คนของไอออนนั้นสร้างความลำบากให้แก่เจ้าไม่น้อย? เล่าให้ข้ารับฟังได้หรือไม่" กาเล็ทเอ่ยถาม

    "มีเรื่องเช่นนั้น นางกำนัลภายในวังของไอออนมักจะใช้สายตาดูถูกดูแคลนมองมาที่ข้า ยังมีทหารนักรบต่างๆของไอออนก็ไม่ค่อยสุภาพอ่อนน้อมกับข้าเท่าใดนักแต่จะอย่างไรพวกเขาก็ไม่กล้าแสดงออกอย่าโจ่งแจ้งเท่าใดเพราะเจ้าชายซาก้า" เบลล่าหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เลวร้ายของตนเองพร้อมทั้งบอกกล่าวออกมา

    กาเล็ทได้ฟังก็หวนนึกถึงสายตาของทหารยามซึ่งประจำการอยู่ที่ไอออนที่ใช้มองมายังซิลเวียและแชลเทียขณะที่ตนเองเดินทางไปรับเบลล่ากลับมายังโรฮาน "วางใจเถอะข้าจะทวงความยุติธรรมให้แก่เจ้าหญิงเบลล่าเองผู้คนเหล่านั้นจะได้เข้าใจเสียทีว่าชาติกำเนิดหรือถิ่นที่อยู่หาใช่ตัวจะมาบ่งชี้วัดความสูงต่ำของผู้คน"

    แม้ว่าจะไม่เข้าใจความหมายในวาจาของชายคนรักเบลล่ายังคงเอ่ยคำตอบรับออกมาอย่างแผ่วเบา "อืม" ตอนนี้ตนเองกลับถูกเขาปฎิบัติด้วยเสมือนเด็กน้อยผู้หนึ่งทั้งๆที่ความจริงแล้วตนเองนั้นถือได้ว่ามีอายุมากกว่าเขาถึงสองปี

    "เบลล่าเจ้าลองดูนี่" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมกับนำผลไม้ประหลาดซึ่งตนเองพบเจอในหุบเขาอสูรฟ้าออกมาจากแหวนมิติพร้อมทั้งใช้พลังของตนเองบังคับให้มันล่องลอยอยู่ในอากาศ

    "นี่คือ?" เบลล่าเหลือบมองผลไม้ที่มีสีส้มซึ่งมีขนาดใหญ่โตเท่ากับฝ่ามือทั้งสองข้างของนางรวมกัน

    "ข้าค้นพบมันในหุบเขาอสูรฟ้านอกจากมันจะมีสรรพคุณช่วยฟื้นฟูความเหนื่อล้าของร่างกายแล้วมันยังสามารถช่วยเติมเต็มพลังจิตวิญญาณที่ผู้ฝึกตนสูญเสียไปให้กลับคืนมาได้อย่างรวดเร็วอีกทั้งรสชาติของมันยังนับว่าไม่เลวอีกด้วย" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งใช้พลังของตนเองตัดแบ่งผลไม้ประหลาดออกมาเป็นชิ้นขนาดพอดีคำสำหรับกับเบล่า

    "ดูท่านผู้นี้ จะมีผู้ใดใช้พลังวิเศษที่มีไปกับเรื่องไร้สาระเช่นนี้กัน" เบลล่าที่เห็นว่ากาเล็ทใช้พลังของตนเองตัดแบ่งผลไม้เอ่ยขึ้น

    "เจ้ากล่าวเช่นนี้นับว่าไม่ถูกต้อง การที่บรุษดูแลเอาใจใส่ว่าที่ภรรยาของตนเองหาใช่เรื่องไร้สาระไม่" กาเล็ทเอ่ย

    เบลล่าได้ฟังเช่นนั้นก็เผยรอยยิ้มนุ่มนวลอ่อนโยนออกมาด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ

    "ลองรับประทานดูว่าถูกปากเจ้าหญิงผู้งดงามของข้าหรือไม่" ตัดแบ่งผลไม้ออกมาเสร็จแล้วกาเล็ทก็ใช้มือของตนเองจับป้อนมันให้กับเบลล่าเสมือนกับที่เคยป้อนให้แก่มิร่าน้อย

    "กาเล็ท ข้ากินเองได้" เบลล่าเอ่ยอย่างเอียงอายที่ตนเองถูกปฎิบัติด้วยและถูกหยอกเย้าเสมือนเด็กน้อยผู้หนึ่ง

    "เรื่องนั้นข้ารู้" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งก้มลงหอมสูดดมเรือนผมสีฟ้าอ่อนของเบลล่า "มีคำกล่าวที่ว่าความผูกพันใกล้ชิดนั้นต้องเพียรสร้างขึ้นและการสร้างความผูกพันที่ดีที่สุดก็คือการสัมผัส ตัวเจ้าและข้าถือได้ว่าพึ่งเปิดใจให้กันและกันได้ไม่นานเช่นนั้นแล้วพวกเราต้องเร่งสร้างความรู้สึกผูกพันสนิทสนมกลมเกลียวกันให้มากไว้เข้าใจหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าวเหตุผลต่างๆที่ฟังดูคล้ายจะเข้าท่าออกมาเพื่อล่อลวงเบลล่า

    "อืม" เมื่อมีเหตุผลที่ฟังดูจะเข้าทีเบลล่าก็พร้อมที่จะปฎิบัติตามความต้องการของกาเล็ท กล่าวจบนางก็อ้าปากของนางเพื่อรับประทานชิ้นผลไม้ที่กาเล็ทส่งยื่นให้

    กาเล็ทเพ่งดูเจ้าหญิงผู้งดงามนางนี้ขบเคี้ยวอย่างเอียงความเอียงอายอยู่นาน จากนั้นจึงเอ่ยถามขึ้น "รสชาติถูกปากเจ้าหรือไม่"

    "อืม ก็ดีอยู่" เบลล่าเอ่ยตอบ

    ได้ฟังเช่นนั้นกาเล็ทก็ใช้มือของตนเองจับยกแก้วน้ำผลไม้ซึ่งเบลล่ายกมาให้แก่ตนเองส่งมอบแก่นาง

    เบลล่าเห็นเช่นนั้นก็เกิดความรู้สึกเอียงอายขึ้นอีกตนเองเป็นผู้ยกน้ำผลไม้แก้วนี้มาให้แก่เขาบัดนี้กลับกลายเป็นตนเองที่ดื่มกินมันเสียเอง

    "ให้ข้าเล่ารายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับหุบเขาอสูรฟ้าให้ฟังดีหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยขณะที่กระชับวงแขนของตนเองที่โอบเอวอ้อนแอ้นของเบลล่าซึ่งนั่งอยู่บนตักของตนเองให้แน่นขึ้น

    "อืม" เบลล่าตอบคำ

    การบอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยในหุบเขาอสูรฟ้าของตนเองต่อเบลล่าจึงเริ่มต้นขึ้นในลักษณะนี้ ดูไปช่างเป็นภาพบรรยากาศที่ชวนวาบหวามใจนัก



    ขณะที่กาเล็ทกำลังเอ่ยเล่าเหตุการณ์ให้แก่เบลล่าฟังอย่างมีความสุขเทลเล่อเองที่กลับมายังบ้านพักภายในสถาบันที่ฝึกตนของโรฮานซึ่งไม่ได้กลับมานานหลายเดือนแล้วก็กำลังเก็บข้าวของเตรียมที่จะย้ายไปอยู่ยังตระกูลบุสโซ่เป็นการถาวร

    "อะอึ้ม" เสียงไอขัดจังหว่ะของหญิงสาวดังขึ้นขณะที่เทลเล่อกำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมสิ่งที่ตนเองคิดว่าจำเป็น ได้ยินเช่นนั้นเทลเล่อก็ละจากการจัดเก็บข้าวของขึ้นมาเหลียวมองยังต้นกำเนิดของเสียงนั้น

    "นึกว่าเป็นผู้ใดที่แท้ก็ผู้อำนวยการคลาร่านี่เอง ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใด?" เทลเล่อเอ่ย

    เมื่อได้เห็นท่าทีของเทลเล่อ คลาร่ากลับไม่ตอบคำ นางได้แต่ใช้สายตาตำหนิติเตียนมองไปยังผู้พิทักษ์แห่งโรฮาน "เฮ้อช่างน่าสะท้อนใจนัก" อยู่ๆคลาร่าที่จ้องมองเทลเล่อก็ถอนหายใจออกมา

    "เจ้าถอนหายใจอันใด?" เทลเล่อเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

    "ข้าเพียงแต่ถอนหายใจให้แก่ความเป็นไปของโลกนี้ อันว่าร่วมทุกข์นั้นสามารถพบเจอได้ทุกแห่งหนแต่ทว่าร่วมทุกข์และร่วมสุขด้วยนั้นยากจะพบพานจริงๆใช่หรือไม่ท่านผู้พิทักษ์" คลาร่าเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อตำหนิ

    "จ ..เจ้ากล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่" เทลเล่อเอ่ยอย่างหวาดระแวง

    "หืม ท่านผู้พิทักษ์สมควรรู้ดีที่สุดมิใช่หรือ? จะกล่าวไปแล้วก็นับว่าเป็นเวลาไม่น้อยที่พวกเราร่วมทุกข์ช่วยกันสร้างดูแลสถานศึกษาแห่งนี้ขึ้นมาด้วยความเหนื่อยยากแต่บัดนี้ท่านผู้พิทักษ์กลับคิดจะจากไปโดยไม่ล่ำลาข้าสักคำ" คลาร่ายังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อตำหนิ

    "จากไปอันใด ข้าเพียงแต่จะย้ายไปอยู่ยังตระกูลบุสโซ่เพื่อช่วยงานกาเล็ทได้สะดวกขึ้นก็เท่านั้น ทุกสิ่งอย่างล้วนกระทำเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม" เทลเล่อเอ่ยตอบด้วยความรู้สึกหวาดระแวง

    คลาร่าได้ฟังเช่นนั้นก็ก้าวเดินเข้ามาใช้ตาหงส์สำรวจตรวจดูเทลเล่อรอบหนึ่ง "แม้แต่ระดับพลังของท่านก็เพิ่มพูดสูงขึ้นด้วยหรือ? แม้ว่าข้าจะสัมผัสแน่ชัดไม่ได้ทว่านับตั้งแต่ที่ท่านกับกาเล็ทบุสโซ่ไปมาหาสู่กันสัมผัสพลังที่ข้ารู้สึกได้จากในตัวท่านผู้พิทักษ์ก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเมื่อก่อนความรู้สึกที่ข้าสัมผัสได้จากท่านนั้นเสมือนว่ามีอยู่แต่พอเพ่งตรวจลึกลงไปดูให้แน่ใจแล้วที่แท้กลับกลายเป็นว่างเปล่าทว่าบัดนี้ความรู้สึกที่ข้าสัมผัสได้จากท่านนั้นแทบไม่ต่างจากกาเล็ทบุสโซ่เลยด้วยซ้ำนั่นคือหนักแน่นมั่นคงดั่งขุนเขา ที่แท้แล้วกาเล็ทบุสโซ่มีความลับใดซ่อนอยู่กันแน่?" คลาร่าเอ่ย

    "ความ.. ความลับอันใด อย่าได้กล่าวเหลวไหล" เทลเล่อเอ่ยกล่าวปฎิเสธจากนั้นจึงเอ่ยกล่าวต่อ "ผู้คนฝึกฝนพลังย่อมต้องมีการก้าวหน้าพัฒนาเป็นเรื่องธรรมดา"

    ได้ฟังเช่นนั้นคลาร่าก็พ่นลมหายออกมาคราหนึ่ง "โป้ปดได้ไม่แนบเนียนจริงๆ ข้าไว้ใจไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรือ? ตลอดหลายสิบปีที่เรารู้จักกันมาข้าเคยทำผิดต่อท่านผู้พิทักษ์หรือ? ถึงได้ต้องปิดบังความจริงไว้จากข้าด้วย?" พอเอ่ยกล่าวมาถึงช่วงท้ายคลาร่าก็เอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อต่อว่าอีกเช่นเคย

    เทลเล่อได้ฟังเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมา "ข้าไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น ในสายตาของข้าเจ้านับว่าเป็นบุคคลที่ไว้ใจได้"

    "เช่นนั้นท่านกับกาเล็ทบุสโซ่กำลังสุมหัวรวมกันทำอะไรอยู่กันแน่และตัวเขานั้นมีความลับใดซ่อนอยู่ ข้าไม่เชื่อว่าคนผู้หนึ่งจะสามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนั้น ไม่กี่เดือนก่อนระดับพลังของเขายังอยู่แต่เพียงระดับที่ 7 เท่านั้นข้าเชื่อว่าตัวท่านต้องรู้ถึงเงื่อนงำและสาเหตุแน่นอนหากยังเห็นว่าข้าเป็นเพื่อนอยู่ก็บอกกล่าวออกมาตามตรงอย่าได้ปิดบัง" คลาร่าเอ่ยวาจาบีบคั้นต่อเทลเล่อ

    "เรื่องนี้แม้จะเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากก็จริงอยู่แต่ที่ข้าสามารถยืนยันกับเจ้าได้นั่นคืออย่าได้เอาเขาไปเทียบเปรียบกับผู้อื่นที่เจ้ารู้จัก ตัวเขานั้นแตกต่างจากทุกผู้คนโดยสิ้นเชิง พรสวรรค์และความสามารถของเขาเป็นของจริงแท้ไม่แปลกปลอม" เทลเล่อเอ่ย

    คลาร่าซึ่งได้ฟังหรี่ตาคู่สวยลงเพื่อมองหาจับผิดในถ้อยคำของเพื่อนเช่นเทลเล่อที่รู้จักกันมานานแต่น่าแปลกที่นางกลับรู้สึกว่าคำกล่าวนี้ของเทลเล่อเป็นความจริง "เขาใช้วิธีใดถึงทำให้มีความสามารถถึงเพียงนั้นยังมีแม้แต่ท่านเองที่รู้จักกับเขาก็มีระดับพลังเพิ่มพูนขึ้นจนแม้แต่ข้าเองยังสัมผัสได้" คลาร่ายังคงเอ่ยถาม

    "เรื่องบางเรื่องแม้ตัวข้าจะเชื่อใจเจ้าแต่ก็ไม่สะดวกที่จะบอกกล่าว เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ให้เจ้าไปเอ่ยถามพูดคุยทำความเข้าใจกับตัวเขาเอง ข้าจะช่วยบอกกล่าวด้วยอีกแรงหนึ่ง" เทลเล่อเอ่ยกล่าวเสนอความเห็น จะอย่างไรคลาร่าก็ถือว่าเป็นบุคคลที่มากไปด้วยความสามารถและสามารถเชื่อใจได้คนหนึ่งยิ่งช่วงนี้กาเล็ทนั้นนับว่าขาดแคลนผู้ช่วยที่เข้มแข็งอยู่ด้วยดังนั้นการดึงคลาร่าเข้ามาช่วยเหลือจึงนับว่าเป็นสิ่งที่ไม่เสียหายอะไร

    "ฮึ ยังนับว่ามีมโนธรรมอยู่บ้าง เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปพบท่านที่ตระกูลบุสโซ่ ข้าก็อยากจะรู้เช่นกันว่าศิษย์กับอาจารย์จะไร้ซึ่งมโนธรรมเช่นกันหรือไม่" คลาร่าเอ่ย

    เทลเล่อได้ฟังก็ได้แต่ใช้สายตาที่หวาดระแวงมองสำรวจตรวจดูเพื่อนที่รู้จักกันมานานหลายสิบปีผู้นี้อย่างหนาวเหน็บ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×