ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #168 : สั่นสะเทือน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.66K
      486
      6 ก.พ. 61

    "กรู๊" มิร่าในร่างของมังกรซึ่งลืมตาตื่นขึ้นมาสับส่ายร่างกายของตนเองไปมาเพื่อเปลี่ยนอริยบทของร่างกายให้หน้าของตนเองหันเข้าหากาเล็ทจากนั้นมิร่าก็เริ่มตระกุยขาของตนเองเพื่อยื่นหน้าของตนเองเข้าไปโลมเลียใบหน้าของกาเล็ทเหมือนดั่งเช่นทุกครั้งคราที่นางกำลังรู้สึกลิงโลดยินดี หางของมิร่านั้นสั่นไหวไปมาอย่างไม่อาจที่จะควบคุมได้

    "อืม รู้แล้ว ปะป๋ารู้แล้ว รู้แล้วว่าหนูรัก" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งใช้สองมือของตนเองคว้าจับไปที่ร่างเล็กเจ้าปัญหาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือล้นในการพยายามโลมเลียใบหน้าของตนเอง

    แม้ว่าลำตัวของนางนั้นจะถูกคว้าจับไว้โดยมือทั้งคู่ของกาเล็ทและขยับออกให้ห่างออกจากตัวของผู้เป็นบิดาทว่านางยังคงสับส่ายแกว่งไกวหางของนางไปมาพร้อมทั้งใช้สายตาที่เป็นประกายจ้องมาไปที่กาเล็ทอย่างไม่วางตา

    ตอนนี้นั้นคลาร่าทำได้แต่จ้องมองไปยังภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ

    "พอแล้ว เห็นหรือไม่ว่าท่านผู้อำนวยการคลาร่าก็อยู่ด้วย" กาเล็ทเอ่ยขณะที่จับยกร่างของมิร่าเข้ามาเพื่อจูบไปที่จมูกของนางจากนั้นจึงพลิกร่างของมิร่าให้หันไปทางคลาร่า "นี่คือผู้อำนวยการคลาร่าเพื่อนของปะป๋าเอง" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าวกับมิร่าซึ่งตอนนี้กำลังใช้สายตาซึ่งแสดงออกถึงความรู้สึกไม่ชอบใจมองไปยังคลาร่า ตัวนางกลับถูกขัดจังหว่ะช่วงเวลาแห่งความสุขเช่นนี้จะให้ยินดีได้อย่างไร? หากว่าสตรีผู้นี้ไม่อยู่ด้วยปะป๋าของนางจะต้องโอบกอดและเล่นกับนางมากกว่านี้เป็นแน่คิดได้ดังนั้นมิร่าจึงเกิดความรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

    กาเล็ทที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกไม่เป็นมิตรที่มิร่าเผยออกมาก็จับยกร่างของนางขึ้น "หนูชื่อมิร่าเอง หนูเป็นลูกสาวบุญธรรมที่น่ารักของปะป๋ากาเล็ทค่ะ" กาเล็ทกลับดัดเสียงของตนเองให้เล็กเสมือนเด็กและเอ่ยกล่าวออกมาขณะที่เอ่ยกล่าวกาเล็ทยังคงใช้มือของตนเองขยับขาของมิร่าข้างหนึ่งไปมาอีกด้วย

    มิร่าที่สัมผัสได้ว่านี่เป็นการละเล่นอย่างหนึ่งที่ผู้เป็นบิดากำลังเล่นอยู่กับตนเองก็ผ่อนคลายขึ้น แววตาที่ดูไม่สบอารมณ์ของนางก็แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

    "มิร่าเป็นมังกรน้อยที่น่ารัก ท่านผู้อำนวยการไม่ต้องกลัวนะ มิร่าน่ะเป็นมิตรและไม่ทำร้ายใครก่อน" กาเล็ทยังคงเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งขยับร่างของมิร่าไปมา

    คลาร่าซึ่งเห็นถึงการแสดงออกที่แปลกประหลาดของกาเล็ทนี้ก็ไม่ทราบว่าตนเองต้องว่ากล่าวอย่างไรดี

    "มามิร่าน้อยมานี่มาให้ลุงเทลเล่อกอดหน่อยสิมา" เทลเล่อที่ยิ้มอย่างเอ็นดูอยู่ด้านข้างก็เอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมทั้งยื่นมือของตนเองออกไปเพื่อรับร่างของมิร่ามาจากกาเล็ท

    เสียงฝีเท้าที่ย่ำกับพื้นหินมากมายดังแว่วใกล้เข้ามา

    "น..นายน้อยเกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่านสบายดีหรือไม่" เจฟที่นำผู้คนของตระกูลบุสโซ่มาถึงก่อนใครเพื่อนวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้องรับแขกของตระกูลบุสและเอ่ยถามขึ้น

    "นายน้อยเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน" มาร์ตินที่ตามติดมาไม่ห่างจากเจฟถือค้อนใหญ่ยักษ์ของมันเข้ามาภายในห้องพร้อมทั้งเอ่ยถามขึ้นเช่นกัน

    กาเล็ทเห็นว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปผู้คนของตระกูลบุสโซ่คงต้องถลาเข้ามาในห้องรับแขกจนแออัดแน่นอนจึงเอ่ยกล่าวขึ้น "เจ้าถืออาวุธเข้ามาทำอะไรมาร์ติน! อย่าได้แตกตื่นตกใจไป เมื่อครู่เป็นมิร่าน้อยที่บรรลุพลังระดับจักรพรรดิ์ขั้นสูงเลยก่อให้เกิดการกระเพื่อมของกระแสจิตวิญญาณขนาดใหญ่ แรงสั่นสะเทือนเมื่อครู่ก็เกิดจากตัวนางเองอย่าได้นำผู้คนมากมายเข้ามาในห้องรับแขกอีกแล้ว อืมขากลับออกไปก็อย่าลืมไปบอกกล่าวกับเหล่าหญิงรับใช้ให้เข้ามาเก็บกวาดข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่และไปแจ้งต่อท่านแม่ของข้าและผู้คนอื่นๆด้วยว่าไม่ต้องแตกตื่น" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าวกับลูกน้องของตนเอง

    ได้ฟังดังนั้นทั้งเจฟและมาร์ตินก็รู้สึกคลายใจลง

    "ท่านผู้อำนวยการข้าคิดว่าเราย้ายที่ไปนั่งพูดคุยกันต่อที่สวนดีหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขึ้น

    ได้ยินคำถามของกาเล็ทนี้จึงทำให้สติของคลาร่ากลับคืนมาเข้าสู่ร่าง "อืมม"

    เมื่อนำพาคลาร่ามายังบริเวณสวนซึ่งเป็นพื้นที่เปิดภายในปราสาทบุสโซ่แล้วกาเล็ทก็รับร่างของมิร่ากลับคืนมาจากเทลเล่อ "อยากกอดเด็กหญิงตัวน้อยจังเลย" กาเล็ทเอ่ยขึ้นขณะที่กางมือทั้งสองข้างออกเพื่อเป็นสัญญาณให้มิร่ากระโจนเข้าหาตนเอง

    มิร่าได้ฟังเช่นนั้นก็กระโจนเข้าหากาเล็ทจากอ้อมอกของเทลเล่อพร้อมทั้งเปลี่ยนร่างกลับเป็นเด็กหญิง

    ขณะที่รับร่างของมิร่าไว้กาเล็ทก็ยิ้มให้กับคลาร่าที่ตอนนี้กำลังอึ้งไปกับภาพที่เห็นตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง "อย่างที่ข้าบอกแก่ท่านผู้อำนวยการไปว่านางนั้นคือมิร่าน้อยเอง" กาเล็ทเอ่ย

    "เป็น..เป็นไปได้อย่างไรกัน ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีสัตว์อสูรที่สามารถจำแลงกายได้เช่นนี้มาก่อน" คลาร่าเอ่ยออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

    เทลเล่อเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา ตนเองเมื่อครั้งก่อนก็มิใช่ว่าแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมาก่อนแล้วหรอกหรือ? "ความจริงก็เห็นอยู่ตรงหน้าแล้ว" เทลเล่อเอ่ย "เฮอะมิใช่ว่าต้องการรู้ถึงความลับของความแข็งแกร่งของลูกศิษย์ข้าหรอกหรือ เมื่อรู้แล้วเหตุใดจึงทำหน้าเสมือนว่าเห็นภูตผีกันเล่า" เทลเล่อเอ่ยพร้อมกับเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา

    คลาร่าได้ฟังเช่นนั้นก็รีบระงับความรู้สึกแตกตื่นตกใจของตนเองไว้พร้อมทั้งรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

    "นางนั้นนับว่าเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ข้าสามารถโค่นล้มจักรพรรดิ์แดงลงได้ หากปราศจากนางเกรงว่าเมื่อต้องเผชิญกับวิชาลับนอกรีตของจักรพรรดิ์แดงแม้แต่ข้าเองก็คงเอาตัวไม่รอด" กาเล็ทเอ่ยกล่าวอย่างถ่อมตน

    "วิชาลับนอกรีต?" คลาร่าเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัยใจ แม้ว่าจะได้รู้มาว่าจักรพรรดิ์แดงถูกสังหารโดยกาเล็ทบุสโซ่เหมือนคนอื่นๆทว่าในด้านรายละเอียดว่าเป็นเช่นไรคลาร่าเองก็ไม่ได้รู้มากไปกว่าชาวบ้านทั่วไปมากนัก

    เอ่ยถึงตรงนี้กาเล็ทก็ถอนหายใจออกมา "อย่างที่ท่านผู้อำนวยการน่าจะทราบมาว่าจักรพรรดิ์แดงนั้นมีพฤติกรรมในการล่าล้างสังหารผู้คนเพื่อช่วงชิงเอาแก่นจิตวิญญาณ สาเหตุของเรื่องนั้นก็เพราะมันต้องการที่จะนำจิตวิญญาณของผู้คนไปดูดซัพเพื่อสร้างแก่นจิตวิญญาณเทียม ด้วยจิตวิญญาณเทียมนี้ทำให้ตัวมันนั้นทรงพลังมากกว่าระดับจักรพรรดิ์ขั้นสูงทั่วไปกว่าเท่าตัว" กาเล็ทเอ่ยกล่าวอธิบาย

    เทลเล่อถึงกลับแสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยามออกมาวูบหนึ่งเมื่อกาเล็ทเอ่ยถึงพฤติกรรมของจักรพรรดิ์แดง

    ได้ฟังเช่นนั้นดวงตาของคลาร่าก็เบิกกว้างขึ้นมาอีกครั้ง "ข้าไม่ได้ฟังผิดไปกระมัง? เมื่อครู่เขาเอ่ยกล่าวว่าทรงพลังกว่าระดับจักรพรรดิ์ขั้นสูงทั่วไปถึงเท่าตัว? เช่นนั้นเขาเอาชนะมาได้อย่างไรกัน?" คำถามต่างๆผุดขึ้นมาในห้วงสมองของคลาร่า จะอย่างไรคลาร่านั้นก็เป็นผู้ฝึกตนในระดับที่ 9 นางจึงเข้าใจถึงความน่ากลัวในสิ่งที่กาเล็ทเอ่ยบอกมาเป็นอย่างดี

    ไม่รอให้คลาร่าสงสัยใจอยู่นานกาเล็ทก็เอ่ยบอกกล่าว "ท่านผู้อำนวยการ ข้าขอบอกต่อท่านอย่างไม่ปิดบัง มิร่าน้อยนั้นทรงพลังมาก มากเกินกว่าที่ผู้ใดจะสามารถจิตนาการได้ นางนั้นนับว่าแข็งแกร่งทรงพลังกว่าผู้มีพลังในระดับเดียวกันหลายเท่า ข้าขอบอกต่อท่านตามตรงว่าในตอนนี้สำหรับกับนางต่อให้ต้องรับมือกับผู้ที่มีระดับพลังในขั้นจักรพรรดิ์ระดับสูงถึงสามคนพร้อมกันก็ไม่ใช่ปัญหาแน่นอน นางนั้นถือได้ว่าเป็นไพ่ลับของพวกเราอย่างแท้จริง" กาเล็ทเอ่ยกล่าวจากนั้นจึงยิ้มให้แก่คลาร่า "ข้าบอกกล่าวเรื่องราวเช่นนี้ให้ท่านผู้อำนวยการได้รับรู้ย่อมหมายความว่าตัวท่านผู้อำนวยการนั้นเป็นหนึ่งในบุคคลที่ข้าเชื่อใจเช่นกัน ข้าก็ได้แต่หวังว่านี่จะสามารถช่วยลดความรู้สึกขุ่นเคืองใจทีท่านผู้อำนวยการมีต่อท่านอาจารย์ของข้าไปได้บ้าง"

    ได้ฟังคำกล่าวของผู้เป็นศิษย์เทลเล่อก็ถลึงตาจ้องมองไปยังผู้เป็นศิษย์พร้อมกับคิดในใจ "บัดซบตัวเลวนี่ยังไม่วายถือโอกาสสาดโคลนใส่ข้าอีก นี่ตัวข้ายังแปดเปื้อนไม่เพียงพอหรือ?"

    คลาร่าได้ฟังเช่นนั้นในจิตใจก็เกิดความรู้สึกยินดีปรีดาขึ้น "หากเป็นดั่งท่านดยุคว่าการต่อสู้ระหว่างท่านดยุคกับจักรพรรดิ์แดงก็สมควรเกิดความรุนแรงและก่อให้เกิดความเสียหายมากกว่านี้เหตุใดการต่อสู้นั้นเสมือนว่าจบลงในชั่วพริบตากัน?" คลาร่าเอ่ยถามในสิ่งที่ยังติดค้างในใจของตนเองออกมา

    ขณะที่กาเล็ททำท่าจะตอบคำเทลเล่อก็เอ่ยตวาดเสียงดังขึ้น "พอแล้ว หืม ได้ทีก็คิดจะสาวไส้ลูกศิษย์ของข้าออกมาจนหมดสิ้นในคราเดียวเลยหรือ?"

    คลาร่าซึ่งถูกขัดจังหว่ะก็ถึงกับจ้องมองไปยังเทลเล่อด้วยสายตาขุ่นเคือง

    "หืมจะอย่างไรตัวข้าก็เป็นผู้แบกหม้อก้นดำอยู่แล้วเช่นนั้นก็ให้ข้าแสดงบทหน้าดำให้สมใจมันให้รู้แล้วรู้รอดไปเถอะ" เทลเล่อคิดตัดสินใจกับตนเอง "หากว่าอยากรู้เรื่องมากกว่านี้ก็ต้องลงแรงกันหย่อย หืมเจ้าคิดว่าจะเดินเข้ามาแล้วก็จะสามารถรีดเอาข้อมูลต่างๆจากไปได้โดยไม่เปลืองเรี่ยวแรงเลยหรือ?" เทลเล่อเอ่ยกล่าวกับคลาร่า

    "เช่น..เช่นนั้นจะให้ข้าทำอะไร" คลาร่าเอ่ยถาม

    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าสมควรแก่เวลาแล้ว "อย่างนั้นคงต้องขอรบกวนท่านผู้อำนวยการสักเล็กน้อยแล้ว" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขึ้น

    ด้วยเหตุนี้หน้าที่ในการจัดหาผู้คน ติดต่อคัดกรองเหล่าขุนนางที่จะเข้ามารับตำแหน่งต่างๆอย่างเหมาะสมจึงตกเป็นของคลาร่าไป


    ณ ทวีปเหนือ

    "น..นี่มันหรือว่า" จักรพรรดิ์แห่งแดนเหนือที่กำลังอ่านรายงายจากสายสืบอย่างละเอียดอยู่กลับดวงตาเบิกโพลงด้วยความรู้สึกแตกตื่นตกใจเมื่อมันสัมผัสได้ถึงแรงกระเพื่อมมหาศาลของกระแสจิตวิญญาณในบรรยากาศ

    ณ ทวีปใต้

    จักรพรรดิ์นีซานซานที่กำลังอยู่ระหว่างการเดินทางไปหาผู้เป็นยายของตนเองอยู่เหลียวมองขึ้นไปบนท้องฟ้าจากบนเรือเหาะ "ผู้บรรลุพลังระดับจักรพรรดิ์? ข่าวลือเป็นความจริง?" ดวงตาคู่สวยของนางถึงกับทอแววสับสนหวั่นไหวออกมาให้ได้เห็น หากว่าจักรพรรดิ์แดงตกตายจริงและมีระดับจักรพรรดิ์คนใหม่ถือกำเนิดขึ้น ทวีปกลางใช่จะนิ่งเฉยอยู่หรือไม่? หากว่าทวีปกลางวางแผนที่จะถือเอาโอกาสนี้ก่อสงครามขึ้นอีกครั้งดั่งเช่นหลายสิบปีก่อนเล่าตัวนางจะทำเช่นไรดี? ระดับจักรพรรดิ์คนใหม่จะเป็นคนเช่นไร? หากว่าทวีปกลางยอมหยิบยื่นผลประโยชน์ต่างๆให้ เขาใช่จะเอนเอียงไปยังฝั่งทวีปกลางหรือไม่? คำถามมากมายต่างผุดขึ้นมาในหัวของจักรพรรดิ์นีซานซาน

    ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับจักรพรรดิ์แดงจะไม่สู้ดีเท่ากับความสัมพันธ์กับจักรพรรดิ์แห่งแดนเหนือแต่จะอย่างไรจักรพรรดิ์แดงก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในพันธะมิตรที่ร่วมกันก่อตั้งภาคีสี่ทวีปขึ้นเพื่อร่วมมือกันต่อต้านทวีปกลาง หากเลือกได้นางย่อมต้องการให้สภาพการคานอำนาจเช่นนี้คงอยู่ต่อไป "ไม่หากว่าเป็นเขา หากว่าเขาเป็นบุคคลในคำทำนายของท่านยายจริงเข้าต้องไม่เข้าร่วมกับทวีปกลาง" จักรพรรดิ์นีซานซานสลัดความคิดว้าวุ่นสับสนทิ้งไป "แต่จะอย่างไรเราก็ไม่สามารถวางใจได้" คิดกับตนเองได้เช่นนั้นนางก็หันไปสั่งกับบริวารคนสนิท "ฮั่นเชา เจ้าเร่งรีบกลับไปเตรียมการจัดประชุมภาคีสี่ทวีปพร้อมทั้งร่างคำเชิญส่งไปยังทวีปเหนือ ทวีปตะวันตก แจ้งว่าทวีปใต้เราขอเป็นตัวแทนจัดงานในรอบนี้เองอย่าลืมส่งคำเชิญไปยังทวีปตะวันออกด้วย"

    "ทวีปตะวันออก? องค์จักรพรรดินีจะให้ข้าส่งคำเชิญไปยังไอออนเช่นเดิมหรือพะยะค่ะ" ฮั่นเชาคนสนิทของจักรพรรดิ์นีซานซานเอ่ยถามขึ้น

    "ไม่ ส่งไปยังโรฮาน!" จักรพรรดิ์นีซานซานเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×