ลำดับตอนที่ #184
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #184 : ผู้มาเยือนจากทวีปใต้
ที่ด้านนอกบาร์เทนเดอร์และผู้คนที่กำลังแอบชำเรืองมองดูมาที่ดยุคบุสโซ่กำลังปากอ้าตาค้างเพราะความแตกตื่นตกใจ สาเหตุก็เนื่องมาจากการได้เห็นการจำแลงกายของมิร่า
"อร่อยไหมค่ะ" กาเล็ทเอ่ยกล่าวถามพร้อมทั้งลูบหัวมิร่า
มิร่าซึ่งกำลังยกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นดื่มกินเข้าไปหันมายิ้มร่าให้กับกาเล็ท "อร่อย"
กาเล็ทซึ่งกำลังหยอกล้อพูดคุยอยู่กับมิร่าพลันได้กลิ่นหอมอ่อนๆโชยมาอีกครา
"กาเล็ท ท่านป้าบอกให้ข้ามาตามเจ้าเข้าไปได้แล้ว" เสียงของเบลล่าเอ่ยบอกขึ้น
กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็หันไปหา "ข้าเข้าไปได้แล้วหรือ? อืมมเบลล่าบอกข้าได้หรือไม่ว่า อืม ผลการพูดคุยเป็นเช่นไรบ้าง" กาเล็ทเอ่ย
เบลล่าที่รับรู้ได้ถึงความกังวลใจของกาเล็ทก็เผยรอยยิ้มอ่อนหวานนุ่มนวลออกมา "เรียบร้อยดี กาเล็ทไม่ต้องกังวลหรอก"
กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาจากนั้นจึงหันกลับไปเอ่ยกับบาร์เทนเดอร์ "ค่าเครื่องดื่มทั้งหมดคิดเป็นเงินเท่าใด"
บาร์เทนเดอร์ที่กำลังนิ่งอึ้งไปกับความงดงามของเบลล่าพลันรู้สึกตัวขึ้นมา เมื่อรู้ว่าตนเองนั้นเสียมารยาทเผลอตัวจ้องมองอย่างเสียกริยามันก็รีบปรับท่าทีให้เป็นปกติ "ไม่คิดเงินทองขอรับ ไม่คิดเงินทอง"
กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหัวพร้อมทั้งหยิบเหรียญทองออกมาวางไว้ที่หน้าเค้าเตอร์จากนั้นจึงอุ้มร่างของมิร่าขึ้นและเดินนำเบลล่าไป
ครืดดด เสียงประตูไม้ที่ถูกเลื่อนให้เปิดออกดังขึ้น ที่บานประตูยังคงมีรูโหว่ซึ่งเกิดขึ้นจากการพุ่งชนของมิร่าหลงเหลืออยู่
"มาแล้วหรอลูก มานี่ มานั่งก่อน" นีน่าเอ่ยกล่าวขึ้น
"ครับท่านแม่" กาเล็ทเอ่ย
เมื่อกาเล็ทหาที่นั่งหย่อนก้นของตนเองลงเรียบร้อยแล้วนีน่าก็เอ่ยกล่าวขึ้น "แม่พูดคุยกับทั้งหนูเซลิน่าและโซเฟียแล้วนะกาเล็ท" นีน่าเอ่ย
กาเล็ทที่อุ้มมิร่าอยู่ได้ยินชื่อที่ไม่คุ้นหูก็เลิกคิ้วขึ้นพร้อมทั้งเอ่ยถามออกมา "เซลิน่า? โซเฟีย?"
นีน่าซึ่งเห็นท่าทีของผู้เป็นบุตรชายก็ยิ้มออกมา "กาเล็ทคงยังไม่รู้ต่อจากนี้จะไม่มีเอลลี่และมาเรียอีกแล้ว จะมีก็แต่เซลิน่าและโซเฟีย"
ได้ฟังคำบอกเล่าของนีน่ากาเล็ทก็ร้องอ้อเป็นเชิงว่าเข้าใจออกมาจากนั้นจึงปล่อยให้ผู้เป็นมารดาเอ่ยบอกถึงผลสรุปของการพูดคุยต่อไป
"กาเล็ทแม่ตกลงที่จะรับหนูเซลิน่ากับโซเฟียเข้ามาในตระกูลบุสโซ่เราอย่างที่กาเล็ทต้องการ ทางด้านหนูเซลิน่าน่ะก็รับเข้าบ้านได้ปกติ ส่วนหนูโซเฟียให้เป็นอนุของกาเล็ท แบบนี้ดีไหมลูก"
กาเล็ทได้ฟังถึงผลสรุปที่ดีพร้อมสำหรับกับตนเองเช่นนี้มีหรือที่จะปฎิเสธ กาเล็ทเหลือบมองไปยังโซเฟียและเซลิน่าที่กำลังก้มหน้างุดไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับตนเองนับตั้งแต่ตนเองย่างก้าวเข้ามาในห้องอยู่วูบหนึ่งจากนั้นจึงเอ่ยตอบนีน่าไป "ครับท่านแม่ ล้วนแล้วแต่ท่านแม่"
"เซลิน่า โซเฟีย ข้ามีเรื่องที่จะบอกกล่าวพูดคุยทำข้อตกลงกับพวกเจ้าให้เข้าใจก่อนที่พวกเจ้าจะเข้าสู่ตระกูลบุสโซ่" อยู่ๆกาเล็ทก็หันกลับไปเอ่ยกับเซลิน่าและโซเฟียขึ้นมา ทำให้ทั้งนีน่า เบลล่า ซิลเวียและแชลเทียรู้สึกแปลกประหลาดใจไม่น้อย
เมื่อได้ยินคำกล่าวของกาเล็ท ทั้งเซลิน่าและโซเฟียก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัว "ท่านดยุคโปรดบอกมา" โซเฟียเอยเสียงแผ่วเบา
"ข้ารักคู่หมั้นทั้งสามของข้ามากเข้าใจหรือไม่?" กาเล็ทเอ่ยกล่าว เมื่อเห็นว่าทั้งเซลิน่าและโซเฟียผงกหัวเป็นเชิงเข้าใจแล้วกาเล็ทจึงเอ่ยต่อ "สำหรับกับพวกเจ้าความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ได้เริ่มขึ้นเพราะความรักหากแต่เริ่มขึ้นเพราะความรับผิดชอบที่ข้าสมควรจะมีต่อสตรีซึ่งมีความสัมพันธ์กับตัวข้าแต่ถึงจะผู้ติดกันด้วยความรับผิดชอบ หากว่าการเข้ามาของพวกเจ้าทั้งสองในตระกูลบุสโซ่นั้นทำให้ความสงบสุข ความกลมเกลียวของบ้านตระกูลบุสโซ่ต้องผิดแผกแปลกไปข้าจะไม่ลังเลเลยที่จะตัดบ่วงแห่งความรับผิดชอบที่ผูกติดตัวข้าไปกับพวกเจ้าออก เข้าใจแล้วหรือไม่?" กาเล็ทเอ่ย ความหมายของกาเล็ทนั้นย่อมหมายความว่าหากว่าทั้งเซลิน่าและโซเฟียเป็นสตรีที่มีจิตใจคับแคบกระทำการยุยงสร้างความวุ่นวายขึ้นมากาเล็ทก็จะไม่ลังเลที่จะตัดพวกนางทิ้งไป สาเหตุที่กาเล็ทเลือกที่จะบอกกล่าวตรงนี้ให้ชัดเจนก็เพราะความรู้สึกผิดที่มีต่อคู่หมั้นทั้งสามของตนเองประกอบเกรงว่าเซลิน่าและโซเฟียจะมีนิสัยใจคออย่างจีน่าขึ้นมาจริงๆ
ทางด้านเซลิน่าและโซเฟียได้ฟังคำเอ่ยกล่าวของกาเล็ทก็ย่อมที่จะเข้าใจความหมายในวาจาของกาเล็ทได้ "ท่านดยุควางใจ โซเฟียและเซลิร่านั้นรู้ดีถึงฐานะที่ต่ำต้อยของตนเอง โซเฟียและเซลิน่าย่อมไม่กล้าตีตัวเสมอกับท่านหญิงทั้งสาม" โซเฟียเอ่ย
ทั้งซิลเวีย แชลเทียและเบลล่า นั้นต่างรู้สึกซาบซึ้งใจที่กาเล็ทยังคงคิดถึงตนเองและกล่าวคำพูดให้แก่ตนเองทว่าเมื่อได้ยินคำเอ่ยกล่าวของเซลิน่าและโซเฟียทั้งหมดก็ลุกขึ้นพร้อมทั้งเดินเข้าหาเซลิน่าและโซเฟียซึ่งกำลังก้มหมอบกราบกาเล็ทอยู่
"สูงส่งหรือต่ำต้อยอะไรกัน ต่อจากนี้ล้วนเป็นพี่สาวน้องสาวกันอย่าได้มีการแบ่งยศตำแหน่งอะไรกันเลย" แชลเทียเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งเข้าไปพยุงเซลิน่าขึ้น
เบลล่าและซิลเวียที่เข้าไปพยุงโซเฟียขึ้นก็เอ่ยกล่าว "เมื่อต่างเป็นสตรีของเขาเช่นกันก็ไม่จำเป็นต้องแบ่งสูงต่ำ พวกเราสมควรรักใคร่กลมเกลียวกันไว้" เบลล่าเอ่ยกล่าว
ซิลเวียหันไปหากาเล็ทจากนั้นจึงเอ่ยขึ้น "เหตุใดต้องวางท่าขู่ขวัญผู้คนถึงเพียงนี้"
กาเล็ทซึ่งเผชิญเข้ากับสายตาคู่สวยซึ่งตัดพ้อมองมา ท่าทีวางก้ามขู่ขวัญผู้คนที่ปั้นแต่งขึ้นก็พังทลายลงไม่เป็นท่า กาเล็ทพลันยกมือขึ้นเกาศรีษะของตนเองไม่ทราบว่าจะกล่าวเช่นไรดีจึงหันไปหานีน่าผู้เป็นมารดาเพื่อขอความช่วยเหลือ
"เอาเถอะ เอาเถอะ กาเล็ทเองก็ยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหมลูก มิร่าน้อยเองก็คงยังกินไม่อิ่ม อาหารบนโต๊ะเองก็เหลืออีกตั้งมากมายหากว่าปล่อยทิ้งไปก็น่าเสียดายแย่ เรื่องเคร่งเครียดก็ผ่านไปแล้วป้าว่าพวกเรามากินอาหารและค่อยๆพูดคุยกันดีกว่า" นีน่าเอ่ยขึ้น
"ค่ะท่านป้า/ค่ะท่านหญิง" เสียงตอบรับคำของนีน่าดังขึ้น
"เรียกป้าเถอะลูก ในเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่คนอื่นคนไกลก็อย่าเอ่ยเรียกให้ห่างเหินนักเลย" นีน่าเอ่ยบอกกับเซลิน่าและโซเฟีย
"ค่ะ ท...ท่านป้า" ทั้งเซลิน่าและโซเฟียต่างเอ่ยออกมาอย่างเก้ๆกังๆ
นีน่าได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นบรรยากาศในห้องก็ผ่อนคลายขึ้น ผลสรุปจากการพูดคุยออกมาว่า ทั้งโซเฟียและเซลิน่าจะอยู่จัดการเรื่องราวที่หอร้อยบุปผานี้ต่ออีกสักวันสองวันเมื่อจัดการแล้วเสร็จจึงจะย้ายเข้าไปอยู่ในตระกูลบุสโซ่
เมื่อจัดการปัญหาที่คั่งค้างแล้วเสร็จกาเล็ทก็นำพาทั้งหมดกลับสู่ตระกูลบุสโซ่ เมื่อกลับมาถึงก็พบว่าเทลเล่อรอคอยตนเองอยู่
"ท่านหญิง เข้าไปเที่ยวชมในเมืองเป็นเช่นไรบ้าง" เทลเล่อเอ่ยถามออกมา
นีน่าได้ฟังคำถามก็ยิ้มตอบกลับให้แก่เทลเล่อ "พอดีว่ากาเล็ทเขาบอกว่าข้าไม่ค่อยมีเสื้อผ้ากับเครื่องประดับแต่งกายเท่าใดเขาเลยพาเข้าเมืองไปหาซื้อน่ะ ท่านผู้พิทักษ์มีธุระกับกาเล็ทหรือ?" นีน่าเอ่ยบอกพร้อมกับเอ่ยถามออกมา
ได้ฟังคำถามของนีน่าเทลเล่อก็ผงกหัวรับ
"เช่นนั้นเชิญท่านผู้พิทักษ์เถอะ นีน่าขอตัว" นีน่าเอ่ยพร้อมทั้งหันไปบอกกับแชลเทีย เบลล่า และซิลเวีย "พวกหนูก็มาช่วยป้าจัดเตรียมห้องให้แก่โซเฟียและเซลิน่าเถอะ"
กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ส่งมิร่าที่อุ้มอยู่ให้แก่ซิลเวียจากนั้นจึงเดินเข้าหาเทลเล่อ "มีเรื่องเร่งด่วนหรือท่านอาจารย์?"
"จะว่าด่วนก็ใช่จะว่าไม่ก็ใช่ พอดีว่าขณะที่เจ้าไม่อยู่มีผู้คนเดินทางมาจากทวีปใต้ขอเข้าพบกับเจ้า" เทลเล่อเอ่ยบอก
"เข้าพบกับข้า? ด้วยเรื่องใดท่านอาจารย์พอจะบอกกล่าวได้หรือไม่" กาเล็ทเอ่ยถาม
"ข้าเองก็ไม่ทราบ สอบถามเท่าใดมันก็ไม่ยอมบอก มันบอกแต่เพียงว่ามันเป็นตัวแทนของจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้เดินทางมาส่งสารให้แก่เจ้า ตอนนี้มันรออยู่ข้างในห้องรับแขกข้าว่าเจ้าเข้าไปพบกับมันเองเถอะ" เทลเล่อเอ่ย
กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็ผงกหัว
เมื่อกาเล็ทเดินเข้ามาในห้องรับแขกก็พบเข้ากับบรุษร่างกายใหญ่โตดูไปไม่ด้อยกว่ามาร์ตินเท่าใดนัก บนร่างกายของมันนั้นสวมใส่ไปด้วยเกราะเหล็กพร้อมสรรพดูไปไม่ทราบว่าตัวมันต้องการที่จะไปรบทัพจับศึกกับผู้ใด กาเล็ทได้แต่นึกคิดสงสัยอยู่กับตนเองในใจ
สายตาของบุรุษจากทวีปใต้กวาดมองมาที่กาเล็ทและเทลเล่อแวบหนึ่งเมื่อกาเล็ทย่างก้าวเข้ามาภายใน แววตาของมันนั้นทอแววหยิ่งทรนงและถือดีออกมาให้ได้เห็นอย่างไม่ปิดบัง
แม้จะสังเกตุเห็นความถือดีที่มีอยู่ในแววตาแต่กาเล็ทก็หาได้ถือสาหาความกับบุรุษจากทวีปใต้ผู้นี้ "ข้าได้ยินท่านอาจารย์ของข้าบอกว่าท่านต้องการพบกับข้า?" เมื่อกาเล็ทนั่งลงดีแล้วจึงเอ่ยคำถามขึ้น
บรุษจากทวีปใต้จ้องมองไปที่กาเล็ทอย่างไม่เชื่อสายตา เด็กหนุ่มที่ดูธรรมดาสามัญผู้นี้คือจักรพรรดิ์ทมิฬ? มันเกิดคำถามนี้ขึ้นในจิตใจ แววตาถือดีของมันทอแววสับสนวุ่นวาย
กาเล็ทที่เห็นว่ามันยังนิ่งเงียบก็เอ่ยถามขึ้นอีกครั้งหนึ่ง "ท่านมาเพื่อพบกับข้าด้วยเรื่องใด?"
ได้ยินคำเอ่ยถามของกาเล็ทอีกครั้งผู้มาเยือนจากทวีปใต้ก็ตื่นจากภวังค์ "ท่านคือกาเล็ท บุสโซ่จักรพรรดิทมิฬที่เขาล่ำลือกัน?"
กาเล็ทได้ฟังคำเอ่ยถามของผู้มาเยือนก็ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก กล่าวตามตรงแล้วกาเล็ทก็ไม่ใคร่ชอบใจเท่าใดนักกับฉายาจักรพรรดิทมิฬที่ผู้คนตั้งให้แก่ตนเอง "หากท่านหมายถึงกาเล็ทบุสโซ่ล่ะก็เป็นข้าเอง" กาเล็ทเอ่ย
"ท่านคือคนที่สังหารจักรพรรดิ์แดง" ผู้มาเยือนยังคงเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ กล่าวไปแล้วด้วยพลังระดับราชาขั้นสูงของมัน มันกลับไม่สามารถสัมผัสอะไรได้จากตัวเด็กหนุ่มที่เบื้องหน้าของมันนี้เลยแม้สักนิดเดียว สัมผัสที่เปล่งออกมาจากตัวผู้ที่เอ่ยอ้างตนว่าเป็นจักรพรรดิทมิฬนั้นกลับไม่แตกต่างจากชาวบ้านทั่วไปเลยในมุมมองของมัน
"อืม เป็นข้าเอง" กาเล็ทเอ่ยอย่างรำคาญใจอยู่บ้าง "ท่านมาเยือนจากทวีปใต้มีเรื่องใด?" กาเล็ทเอ่ยถามเป็นรอบที่สาม
ผู้มาเยือนจากทวีปใต้ได้ฟังเช่นนั้นก็เกิดความรู้สึกลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ตัวมันนั้นได้รับคำสั่งมาจากจักรพรรดินีซานซานให้มาส่งคำเชิญให้เข้าร่วมการประชุมภาคีสี่ทวีปแก่จักรพรรดิทมิฬ แต่เด็กหนุ่มเบื้องหน้าของมันนี้ที่เอ่ยอ้างตนว่าเป็นผู้สังหารจักรพรรดิแดงกลับดูไม่คล้ายเหมือนผู้ที่ครอบครองพลังสุดขั้วเช่นนั้น ทั้งทางด้านความกดดันที่เปล่งออกมาหรือแม้แต่บุคคลิกท่าทางก็ยังห่างไกลจากระดับจักรพรรดิ์ทุกผู้คนที่มันเคยประสบพบเจอมามากนัก จนทำให้มันเกิดความคิดไม่ใคร่เชื่อขึ้น "หากว่าแม้แต่หน้าที่ส่งสารคำเชิญเช่นนี้ยังกระทำไม่สำเร็จ ข้าใช่จะถูกผู้คนหัวเราะเยาะหรือไม่?" ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในห้วงสมองของมัน "เช่นนั้นคงต้องทดสอบดู!"
ปล.ช่วงหลังๆมานี้รู้สึกว่าวินัยในการเขียนของตนเองตกวูบลง บางวันตื้อๆเขียนไม่ออกนี่ก็จะไม่แตะเลย ทั้งๆที่พลอตที่วางไว้ไปไกลโขแล้วแท้ๆ จะพยายามกระตุ้นตัวเองให้มากขึ้นครับวันนี้อาจจะมีอีกตอนนะเย็นๆ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น