ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #186 : อาลัยอาวรณ์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.45K
      466
      11 มี.ค. 61




    ในห้องทำงานของกาเล็ทเจฟกำลังเอ่ยรายงานถึงพฤติกรรมของหลินจวงตลอดระยะหนึ่งวันที่ผ่านมาก่อนที่จะเดินทางกลับสู่ทวีปใต้ให้แก่กาเล็ทฟัง

    "ถือว่าหลินจวงผู้นี้ไม่มีปัญหาใด การที่มันออกเดินสำรวจรอบหมู่บ้านบุสโซ่เราก่อนที่จะเดินทางกลับสู่ทวีปใต้ถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติ นอกจากหน้าที่ในการส่งจดหมายเชิญแล้วคาดว่าอีกประการที่มันได้รับมอบหมายมาคงเป็นการหยั่งความตื้นลึกหนาบางของตระกูลบุสโซ่เรา" กาเล็ทเอ่ย เมื่อสังเกตุได้ถึงท่าทีผิดหวังที่เจฟแสดงออกมากาเล็ทก็ขมวดคิ้วเอ่ยถามขึ้น "เป็นไร ผิดหวังที่มันไม่ก่อปัญหาขึ้นหรือ?" กาเล็ทเอ่ยถามอย่างรู้ทัน

    เจฟได้ยินเช่นนั้นก็เผยอยิ้มออกมา "เป็นนายน้อยมีความสามารถหยั่งรู้จิตใจของข้า"

    "หากว่ามันก่อเรื่องขึ้นเกรงว่าด้วยฝีมือของเจ้าในขณะนี้ยังคงไม่อาจเอาชนะมันได้" กาเล็ทเอ่ย จากการประเมินหลินจวงจากทวีปใต้ด้วยสายตาทำให้กาเล็ทสามารถมองความตื้นลึกหนาบางของมันได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

    ได้ยินคำกล่าวของกาเล็ท ท่าทีผิดหวังของเจฟก็ยิ่งปรากฎแจ่มชัดขึ้น

    "แต่ถึงไม่อาจจะเอาชนะหลินจวงผู้นี้ได้จะอย่างไรมันก็ไม่อาจเอาชัยเจ้าได้โดยง่ายเช่นกัน" กล่าวถึงตรงนี้กาเล็ทก็บลุกขึ้นเดินเข้าไปตบไหล่ของเจฟเบาๆ "อย่าได้ท้อแท้หมดอาลัย ลองดูว่าเจ้ามีพลังอยู่ที่ขั้นใดแล้วมันมีระดับพลังอยู่ที่ขั้นใด หลินจวงผู้นี้นั้นมีระดับพลังอยู่เหนือกว่าเจ้าถึงสองขั้นดังนั้นแล้วการที่มันยังไม่สามารถเอาชัยเหนือเจ้าได้ย่อมถือว่าเป็นความอัปยศสำหรับมันแต่สำหรับกับเจ้าย่อมแตกต่าง" กาเล็ทเอ่ยกล่าวปลอบใจลูกน้องคนสนิทจากนั้นจึงเอ่ยกล่าวต่อ "การฝึกพลังนั้นไม่อาจรีบร้อนจนเกินหาไม่แล้วจากที่จะประสบผลอาจได้รับผลที่ตรงกันข้าม การฝึกพลังเป็นเช่นนี้การต่อสู้ก็เป็นเช่นนี้จงจำไว้เจฟเมื่อใดที่ต้องต่อสู้เสี่ยงชีวิตอย่าได้เร่งรีบกระหายชัยตนเกินไปถึงแม้ว่าศัตรูจะอ่อนด้อยกว่าเราเจ้ายังคงต้อระมัดระวังเข้าใจหรือไม่" กาเล็ทเอ่ย

    ได้ฟังคำกล่าวของผู้เป็นนายที่ตนเองยอมรับนับถือหมดหัวใจเจฟก็เสมือนได้คิดอันใดได้ "ขอบพระคุณนายน้อยที่ตักเตือนสอนสั่ง คำสอนของนายน้อยเจฟจะจดจำไว้ไม่ลืมเลือนขอรับ" เจฟยกมือขึ้นพร้อมทั้งค้อมศรีษะลงเอ่ยกล่าวอย่างนอบน้อม

    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจที่ลูกน้องของตนเข้าใจความหมายในวาจาของตนเอง เจฟนั้นถือได้ว่าเป็นบุคคลที่รอบคอบรัดกุมที่สุดในลูกน้องทั้งสี่ของตนเอง ในคราครั้งนี้ที่เจฟแสดงออกมาถึงความกระหายที่จะประสบผลสำเร็จจนมากเกินไปตนเองจึงได้เอ่ยคำตักเตือนขึ้น ในการต่อสู้เสี่ยงชีวิตนั้นการตัดสินใจผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจจะหมายถึงชีวิตยกตัวอย่างเช่นจักรพรรดิ์แดงเป็นต้น "พวกเจ้าไปเตรียมตัวเถอะวันพรุ่งนี้ข้าจะออกเดินทางไปไออ้อนเพื่อจัดการธุระบางประการเลยจะถือเอาโอกาสนี้พาท่านแม่ไปท่องเที่ยวพักผ่อนด้วย" กาเล็ทเอ่ยกับเจฟ

    เจฟได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกฉงนใจ "เตรียมตัวหรือขอรับนายน้อย?"

    "กลับบ้านไปเอ่ยถามความเห็นของครอบครัวเจ้าเถอะ หากว่าพวกเขาต้องการร่วมเดินทางออกท่องเที่ยวก็ให้เจ้าพาพวกเขามาด้วย จะอย่างไรการเดินทางไปไอออนในครั้งนี้ก็ได้หยิบยืมเรือเหาะไว้หลายลำยังคงมีที่ว่างเหลืออยู่มากโข" กาเล็ทเอ่ย

    "ครอบครัวของข้า?" เจฟยังคงเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

    กาเล็ทจึงถอนหายใจออกมา "พวกเจ้าทั้งสี่นั้นสมควรที่จะมีเวลาให้แก่ครอบครัวบ้าง จากที่ข้าเห็นแม้แต่วันหยุดพวกเจ้ายังคงไม่หยุดพักเช่นนี้แล้วจะมีเวลาที่ไหนไปให้แก่ครอบครัวกัน เอาเช่นนี้เถอะให้ถือเอาโอกาสนี้พาพวกเขาออกท่องเที่ยวไปพร้อมกับข้า" กาเล็ทเอ่ย

    เจฟได้รับฟังเช่นนั้นก็เกิดความรู้สึกซาบซึ้งตื้นตันใจสุดที่จะระงับได้ ผู้คนแม้ว่าจะกระทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทนก็จริงอยู่แต่ว่าหากว่ามีผู้เห็นถึงความพยายามของตนเองและความตั้งใจของตนเองมิใช่จะประเสริฐกว่า? การที่กาเล็ทกล่าวเช่นนี้ออกมาย่อมหมายความว่าทุกความพยายามและความตั้งใจของตนเองอยู่ในสายตาของผู้เป็นนายยังมีผู้เป็นนายน้อยยังครุ่นคิดแทนตนเองถึงเพียงนี้จะไม่ให้เจฟรู้สึกซาบซึ้งตื้นตันได้อย่างไร "ขอบพระคุณขอรับนายน้อย"

    "เอาเถอะรีบกลับไปเตรียมตัวเถอะแล้วอย่างลืมบอกเรื่องนี้ต่อเรน่า โรส และมาร์ตินด้วย" กาเล็ทเอ่ย

    "ขอรับนายน้อย" เจฟรับคำ

    เมื่อเจฟจากไปแล้วกาเล็ทก็กลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของตนเองเพื่อที่จะตรวจตราเอกสารและอนุมัติเรื่องต่างๆที่มีการร้องขอขึ้นมาโดยพ่อบ้านโจเซพ

    ขณะที่กาเล็ทกำลังนั่งอ่านเอกสารกองใหญ่อยู่กลิ่นหอมอ่อนๆก็โชยมาแตะที่จมูกจากนั้นเสียงใสของเบลล่าก็ดังขึ้น "กาเล็ท สองแสนเหรียญทองพอหรือไม่สำหรับค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการต่างๆที่กาเล็ทวางไว้" เบลล่าที่เดินเข้ามาภายในห้องทำงานของกาเล็ทเอ่ยถามขึ้น

    กาเล็ทเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับเอ่ย "สองแสนเหรียญทองหรือ?"

    "ใช่แล้ว อืม จากการขายทรัพย์สินต่างๆที่ยึดได้จากตระกูลเกรย์ทำให้ตอนนี้ในท้องพระคลังมีเงินทองเหลือเก็บไว้เป็นจำนวนมากข้าเห็นว่าโครงการที่กาเล็ทบอกว่าต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการขับเคลื่อนสิ่งที่จะทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นข้าก็เลยร้องขอต่อท่านพ่อให้แบ่งเงินจำนวนนี้มาให้แก่เจ้า สองแสนเหรียญทองเพียงพอหรือไม่" เบลล่า

    ถามพร้อมทั้งยื่นเอกสารในมือมห้แก่กาเล็ท

    กาเล็ทรับเอกสารนั้นมาอ่านดูแต่หาได้ตอบคำไม่ กาเล็ทได้แต่ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างเจ้าเล่ห์

    "ยิ้มอะไรของเจ้า รีบบอกมาว่าเพียงพอหรือไม่ หากว่าสองแสนเหรียญทองยังไม่เพียงพอข้าจะได้ไปบอกกล่าวต่อท่านพ่อให้เพิ่มงบประมาณแก่กาเล็ทอีก" เบลล่าเอ่ย

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็หัวเราะเฮอะฮะออกมา "ข้ายิ้มทำไมหรือ? ฮึ ฮึ ที่ข้ายิ้มก็เพราะว่าข้าเบิกบานใจ ที่ข้าเบิกบานใจก็เพราะ.." กาเล็ทเอ่ยถึงช่วงท้ายก็ลากเสียงค้างจากนั้นจึงลุกขึ้นเดินเข้าหาเบลล่า "ดูสิยังไม่ทันแต่งเข้าตระกูลบุสโซ่ก็ช่วยแบ่งเบาภาระของข้าได้ถึงเพียงนี้แล้ว มีว่าที่ภรรยาเช่นนี้จะไม่ให้ข้าเบิกบานได้ใจหรือ" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งโอบกอดเบลล่าและหอมเข้ากับแก้มนุ่มนิ่มของนาง "สองแสนเหรียญทองนับว่าเกินพอ"

    "กาเล็ท ประตูห้องยังเปิดอยู่" เบลล่าในอ้อมกอดเอ่ยเสียงแผ่วเบา

    ได้ยินเช่นนั้นกาเล็ทก็คลายมือออก "เข้าใจแล้ว" กาเล็ทเอ่ยจากนั้นจึงประคองเบลล่าให้นั่งลงที่โซฟา "จากรายงานนี้แสดงให้เห็นว่าเหล่าตระกูลใหญ่ของโรฮานต่างมั่งคั่งอ้วนพีทว่าประชาชนกลับไม่มีแม้แต่ข้าวสารจะต้อมกินช่างน่าแค้นใจนัก ตระกูลเกรย์มั่งคั่งร่ำรวยถึงเพียงนี้คาดว่าอีกสามตระกูลใหญ่ก็คงไม่ต่างกัน" กาเล็ทเอ่ย

    "อืม" เบลล่าส่งเสียงตอบออกมาอย่างเห็นด้วย

    "ว่าแต่เบลล่าเถอะเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง" กาเล็ทเปลี่ยนเรื่องพร้อมทั้งเอ่ยถามขึ้น

    "พร้อมแล้ว อืม ได้ยินว่าเจ้าจะไปรับเซลิน่าและโซเฟียมาในวันนี้ใช่หรือไม่?" เบลล่าเอ่ย

    กาเล็ทได้ฟังก็ผงกหัวเป็นเชิงตอบคำขณะที่มือของตนเองยังคงลูบไล้เรือนผมนุ่มสลวยของเบลล่าอยู่

    "ดีเลยเช่นนั้นก็ให้พวกนางเดินทางไปพร้อมกับพวกเราด้วยเลย พวกข้าจะได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกับพวกนางให้มากกว่านี้" เบลล่าเอ่ย

    "ล้วนแล้วแต่เจ้า" กาเล็ทตอบคำ

    "อืมเช่นนั้นข้าจะไปแจ้งต่อน้องหญิงและแชลเทียให้ช่วยจัดเตรียมข้าวของเผื่อสำหรับพวกนางด้วย" เบลล่าเอ่ยจบก็ลุกจากไปปล่อยให้กาเล็ทนึกเสียดายอยู่เพียงผู้เดียว


    ณ หอร้อยบุปผา

    "นีนี่ เจ้าว่าจริงหรือไม่ที่มีข่าวว่าท่านดยุค อืม ท่านดยุคบุสโซ่จะรับเอลลี่กับมาเรียเป็นอนุภรรยา" หญิงสาวภายใต้ชายคาของหอร้อยบุปผาต่างพากันพูดคุยแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมานี้หัวข้อนี้กลับเป็นหัวข้อที่พวกนางมักยกขึ้นมาจับเข่าพูดคุยกันยามว่างเสมอ

    "ผู้ใดจะทราบได้ ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมาทั้งเอลลี่และมาเรียต่างเก็บตัว มีเพียงคนสนิทไม่กี่คนเท่านั้นที่พวกนางยอมเข้าพบพูดคุยด้วย ว่ากันว่าแม้แต่ผู้ดูแลหอยังไม่ได้พูดคุยกับพวกนางเลยในหลายวันที่ผ่านมา" สตรีผู้หนึ่งเอ่ยกับเพื่อนของตน

    จีน่าที่ได้ฟังถึงบทสนทนาเหล่านี้ก็ได้แต่กัดฟันกรอด หลายวันที่ผ่านมานี้นางได้แต่ตัดฟ้อตำหนิโชคชะตาของตนเองตลอดมา นางเฝ้าตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงไม่เป็นนาง เหตุใดในวันนั้นนางจึงเลือกที่จะเดินจากไป เหตุใดดวงตาของตนเองจึงได้มืดบอดมองไม่ออกว่าผู้ใดเป็นเพชร ผู้ใดเป็นโคลนตม

    "หากปราศจากไฟไหนเลยมีควันได้ ข้าได้ยินพวกเด็กเสริพในวันนั้นมันคุยกัน เห็นพวกมันเล่าว่าที่เดินทางมาหอร้อยบุปผาเราในวันนั้นคือท่านหญิงนีน่ามารดาของท่านดยุคและคู่หมั้นทั้งสามของเขา พวกเจ้าลองคิดหาสาเหตุดูว่าเหตุใดท่านหญิงที่สูงศักดิ์เช่นพวกนางจึงเดินทางมาสถานที่เช่นหอร้อยบุปผากัน?" หนึ่งในสตรีที่จับกลุ่มคุยกันอยู่เอ่ยกล่าวขึ้น

    "หรือว่า หรือว่าจะเป็นเรื่องจริง?"

    "ในวันนั้นข้ายังเห็นเอลลี่และมาเรียเข้าไปภายในห้องพิเศษห้องนั้นด้วย" สตรีอีกผู้หนึ่งเอ่ย

    ภายในชั้นสามของหอร้อยบุปผาที่บัดนี้กลับกลายเป็นชั้นส่วนตัวของเซลิน่าและโซเฟียไปแล้ว

    "ท่านพี่มา..โซเฟีย หวังว่าท่านพี่จะมาเยี่ยมเยียนข้าบ้าง" สเตล่าเพื่อนคนสนิทของโซเฟียเอ่ยขึ้นอย่างอาลัยอาวรณ์ แม้ว่าตัวนางจะรู้สึกอิจฉาเลื่อมใสในโชคชะตาของโซเฟียและเซลิน่าแต่ว่านางก็หาได้คิดร้ายสาปแช่งผู้คนให้พบกับความวิบัติอย่างเช่นจีน่าไม่

    โซเฟียยกมือของสเตล่าขึ้นมาเกาะกุมไว้พร้อมทั้งเอ่ย "สเตล่าเจ้าไม่ต้องกังวล ท่านดยุครับปากแล้วว่าจะแก้ไขระบบที่ไม่เป็นธรรมนี้ สักวันหนึ่งเจ้าจะต้องได้ออกไปจากนรกขุมนี้แน่นอน" โซเฟียเอ่ยปลอบโยนเพื่อนของตนเอง

    "เซลิน่าข้าคงคิดถึงเจ้านัก หากไม่มีเจ้าอยู่แล้วผู้ใดจะคอยมาเล่นเกมจังก้าร่วมกับข้ากัน" เจนนี่เพื่อนคนสนิทของเซลิน่าเอ่ยอย่างไม่อาจตัดใจ

    เซลินาได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกจุกที่อกขึ้นมา

    "เจนนี่" เซลิน่าเอ่ยชื่อของเพื่อนคนสนิทออกมา

    เจนนี่เมื่อรู้ตัวว่าตนเองเป็นสาเหตุทำให้เพื่อนสาวต้องลำบากใจก็รีบปั้นสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ "นี่หวังว่าเมื่อเจ้าได้กลายเป็นท่านหญิงเซลิน่าแห่งตระกูลบุสโซ่แล้วจะไม่หลงลืมเพื่อนเก่าคนนี้ อย่างน้อยก็แวะเวียนมาเยี่ยมข้าบ้าง" เจนนี่เอ่ยอย่างติดตลก

    "อืม" เซลิน่าเอ่ยตอบ ความจริงแล้วพวกนางย่อมอยากที่จะนำพาเหล่าเพื่อนๆที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขอยู่ด้วยกันมานานจากไปด้วย แต่พวกนางย่อมไม่กล้าที่จะเอ่ยปากเรื่องนี้กับดยุคบุสโซ่ เมื่อนึกถึงคำเอ่ยกล่าวของกาเล็ทในวันนั้นพวกนางก็ยิ่งระมัดระวังท่าทีของตนเอง


    ขณะที่โซเฟียและเซลิน่ากำลังพูดคุยล่ำลากันอยู่กับเพื่อนของตนเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

    "ท..ท่านหญิงโซเฟีย ท่านหญิงเซลิน่าท่านดยุคบุสโซ่มาแล้วขอรับ" เสียงที่หน้าประตูดังขึ้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×