ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #194 : ไม่สะดวกต่อการข่มเหงรังแกผู้คน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.92K
      470
      1 เม.ย. 61



    "หืมนั่นเมืองสตาริ่งหรือ" เบลล่าเอ่ยกล่าวถามขึ้นหลังจากเห็นสิ่งที่น่าจะดูเหมือนเขตชุมชนอยู่ ณ เส้นขอบฟ้า

    "ใช่แล้ว" กาเล็ทเอ่ยตอบข้อสงสัยของนาง

    "เหตุใดจึงได้มาถึงรวดเร็วถึงเพียงนี้กัน กาเล็ทมิใช่บอกว่าเรือเหาะต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงมิใช่หรือ" เบลล่าเอ่ยถาม

    "รวดเร็วหรือ? ทราบหรือไม่ว่านี่ข้าลดความเร็วลงให้เชื่องช้ามากแล้ว หากว่าใช้ความเร็วเต็มที่พวกเราคงไปถึงเมืองสตาริ่งได้ก่อนโรสที่ล่วงหน้าออกไปก่อนเสียอีก" กาเล็ทเอ่ย

    "จริงหรือ? เหตุใดกาเล็ทถึงได้ทำเช่นนั้นล่ะ" เบลล่าเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

    ได้ฟังคำถามที่หลุดออกมาจากปากของหญิงสาวในอ้อมอกซึ่งเสมือนกับบทสคิบที่ตนวางไว้กาเล็ทก็เผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา "เพื่อที่จะได้อยู่เช่นนี้กับเจ้าให้นานขึ้น" กาเล็ทเอ่ย

    ได้ฟังเช่นนั้นเบลล่าก็เกิดความรู้สึกเก้อเขิลขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง

    เดินทางมาได้อีกสักพักกาเล็ทก็มาอยู่เหนือเมืองสตาร่ิง เบลล่าที่ก้มลงมองเมืองสตาริ่งที่เบื้องล่างอยู่ก็เอ่ยออกมา "เมืองสตาริ่งยังคงยิ่งใหญ่เหมือนที่เคย เมืองแบรี่ของโรฮานเราเทียบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย"

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็เอ่ยขึ้น "เมื่อก่อนอาจใช่แต่นับจากนี้ไม่อีกแล้ว"

    "กาเล็ทนำข้ามาด้วยต้องการให้ข้าช่วยทำสิ่งใดหรือ บอกต่อเจ้าก่อนว่าข้าคงช่วยอะไรเจ้าได้ไม่มากนักหรอกนะ" เบลล่าเอ่ยถามขึ้น

    "ผู้ใดบอกว่าต้องการให้เจ้าช่วย ที่นำมาด้วยก็เพียงแต่ต้องการให้เจ้ามาดูข้าข่มเหงรังแกผู้คน" กาเล็ทโพล่งเอ่ยขึ้น

    "เจ้าว่าอะไร?" เบลล่าที่ถูกอุ้มอยู่เอ่ยขึ้น

    "ที่ให้เจ้ามาด้วยก็เพื่อให้มาดูข้าข่มเหงรังแกผู้คนที่เคยข่มเหงรังแกเจ้า" กาเล็ทเอ่ย

    แม้จะได้ยินคำตอบของชายคนรักอย่างชัดเจนเบลล่าก็ยังไม่คลายความรู้สึกสงสัยกังขาไป "นี่ถ้าเพื่อเรื่องแค่นี้ไม่เห็นจะต้องนำพาข้ามาก่อนให้ลำบากเลย ให้ข้ามาพร้อมกับท่านป้าก็ได้นี่"

    ได้ฟังคำถามกาเล็ทก็แสดงสีหน้าลำบากใจออกมา "หากว่าท่านแม่อยู่ด้วย การข่มเหงรังแกผู้คนออกจะไม่สะดวกอยู่บ้าง" ขณะที่เอ่ยกล่าวประโยคนี้ตัวของกาเล็ทก็เสมือนว่าจะหดรีบเล็กลงทันใด

    เบลล่าที่ได้ยินก็ถึงกับหัวเราะคิกออกมา

    "ถึงแล้ว" กาเล็ทที่อุ้มร่างของเบลล่าอยู่ร่อนลงมาที่ทางเข้าของเขตวังหลองเมืองสตาริ่งอย่างแผ่วเบา

    เบลล่าซึ่งพึ่งจะรู้สึกตัวถึงทุกตายตาที่จ้องมองมาก็ขยับตัวขัดขืนดิ้นรน "ถึงแล้วก็ปล่อยข้าลงได้แล้ว"

    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็วางร่านอ้อนแอ้นของเบลล่าลงอย่างไม่ยินยอมเท่าใดนัก

    "ยินดีต้อนรับนายน้อยขอรับ" มาร์ตินและเจฟรีบเดินเข้ามาคุกเข่าค้อมตัวลงเพื่อเอ่ยถ้อยคำต้อนรับทันทีเมื่อเห็นว่ากาเล็ทผู้เป็นนายมาถึง

    "ลำบากพวกเจ้าแล้วลุกขึ้นเถอะ" กาเล็ทเอ่ยจากนั้นจึงเอ่ยถามต่อ"ทุกสิ่งอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่"

    "เรียบร้อยดีขอรับ คาโก้ถูกคร่ากุมตัวไว้ที่ปราสาทด้านในโดยมีโรสอาร์มันโด้และดีอ้อนเฝ้าดูอยู่ขอรับนายน้อย" เจฟเอ่ยรายงาน

    กาเล็ทได้ฟังคำรายงานก็ผงกหัวรับพร้อมทั้งหันไปหามาร์ติน กาเล็ทยกมือขึ้นตบท่อนแขนของมัน "เป็นอย่างไรบ้าง ได้ต่อสู้สมใจอยากแล้วหรือไม่"

    มาร์ตินได้ฟังเช่นนั้นก็หัวเราะร่าขึ้นมา "ฮ่า ฮ่า ยังไม่ขอรับนายน้อย แม่ทัพนายกองของไอออนล้วนแต่อ่อนแอไม่พอมือเลยขอรับ"

    "อืมเช่นนั้นให้ข้าช่วยทุบตีเจ้าสักรอบจะได้หายคันไม้คันมือดีหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยทีเล่นทีจริง

    มาร์ตินได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับรีบหุบปากลงสำรวมกริยาทันที เจฟที่ด้านข้างถึงกับยิ้มขำกับคราเคราะห์ของเพื่อนร่วมรบออกมา

    "คำสอนของข้ายังจำได้หรือไม่" กาเล็ทเอ่ยถามมาร์ติน

    "จ..จำได้ขอรับนายน้อย" มาร์ตินเอ่ยตอบ

    "หากจำได้ก็ดีแต่ข้ายังจะทวนให้ฟังอีกรอบหนึ่ง ยามพบเจอกับความล้มเหลวอย่าได้ท้อแท้สิ้นหวัง ยามเมื่อประสบผลสำเร็จก็อย่าได้หลงระเริงลืมตน เห็นจุดจบของสี่เทพผู้คุ้มครองของจักรพรรดิ์แดงแล้วหรือไม่ เชื่อหรือไม่ว่าก่อนที่มันจะตกตายเพียงไม่กี่นาทีมันยังมีความคิดเช่นเดียวกับเจ้าในยามนี้มาร์ติน จวบจนรู้ตัวว่าคิดผิดก็สายเกิน ศัตรูเข้มแข็งอาจปรากฎตัวขึ้นมาได้ทุกเมื่อ การที่เจ้าสยบผู้ที่อ่อนแอกว่าได้ก็อย่าพึ่งหลงระเริงคิดว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่นไป เหนือฟ้าย่อมมีฟ้าอยู่เสมอเคยได้ยินคำกล่าวนี้หรือไม่" กาเล็ทเอ่ยสอนสั่ง

    เหล่าแม่ทัพนายกองภายในเมืองสตาริ่งที่คุกเค่าก้มหน้าอยู่ เมื่อได้ยินเสียงเอ่ยกล่าวติเตียนสั่งสอนมาร์ตินของกาเล็ทก็ร่างสั่นสะท้านขึ้น สาเหตุเพราะถ้อยคำกล่าวนั้นเอ่ยอ้างถึงสี่เทพผู้คุ้มครองของจักรพรรดิ์แดงว่าตายแล้ว ตายอย่างไร

    "ขอรับนายน้อย ข้าจะจดจำเอาไว้ไม่ลืม" มาร์ตินเอ่ย

    เห็นว่าลูกน้องของตนแสดงทีท่าสำนึกเสียใจออกมากาเล็ทก็หันไปเหลียมมองหัวหน้าตระกูลใหญ่ แม่ทัพนายกองของเมืองสตาริ่งที่ถูกเรียกให้มารวมตัวกันเพื่อรอต้อนรับการมาถึงของตน "ทราบหรือไม่ว่าวันนี้ข้ามาด้วยเรื่องใด" กาเล็ทเอ่ยถามขึ้นทว่ากลับไม่มีผู้ใดกล้าตอบคำออกมา

    "ไม่ได้ยินหรือว่านายน้อยกาเล็ทของข้าเอ่ยถามพวกเจ้า หาที่ตายหรือ" มาร์ตินทำท่าทีหยิ่งเขี้ยวเคี้ยวฟันตลาดใส่เหล่าผู้นำตระกูลใหญ่และแม่ทัพนายกองของไอออน

    เมื่อถูกมาร์ตินตวาดใส่ด้วยเสียงอันดังเหล่าแม่ทัพนายกองของไอออนก็ตัวสั่นสะดุ้งขึ้นมา สุดท้ายแล้วจึงมีผู้หาญกล้าเอ่ยปากขึ้น "ข้าน้อยไม่ทราบขอครับ"

    ย่อมเป็นเรื่องปกติที่พวกมันจะไม่ทราบและกาเล็ทก็หาได้คาดหวังให้พวกมันทราบจุดประสงค์การมาของตนแต่อย่างใด ที่กาเล็ทต้องการนั้นก็เพียงคำเอ่ยตอบของพวกมันซึ่งจะสามารถทำให้ตนเองกล่าวต่อไปได้ "ฟังว่าไอออนแห่งนี้เป็นจักรพรรดิ์แดงเป็นผู้ก่อตั้งกระมัง?" กาเล็ทจูงมือของเบลล่าให้เดินไปหยุดยั้งอยู่ที่เบื้องหน้าของผู้คนที่หาญกล้าเอ่ยตอบเมื่อครู่

    "ขอรับ" มันเอ่ยตอบรับออกมาอีกคราหนึ่ง

    "เมื่อเกือบสามเดือนก่อน จักรพรรดิ์แดงของพวกเจ้าปรากฎตัวขึ้นที่โรฮานโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะทำลายล้างฆ่าฟันผู้คนของโรฮาน ในวันนั้นการปรากฎตัวของมันมาพร้อมกับเพลิงโลกันต์ขนาดมหึมาซึ่งย้อมท้องฟ้ายามค่ำคืนของโรฮานไปด้วยแสงสีแดง" กาเล็ทเอ่ยกล่าว

    เมื่อได้ยินคำน้ำเสียงของบุคคลที่พวกตนไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนเอ่ยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเหล่าแม่ทัพนายกองและหัวหน้าตระกูลใหญ่ของไอออนก็ต่างคนต่างขบคิดวุ่นวายอยู่ในจิตใจ แต่หนึ่งสิ่งที่ทุกผู้คนครุ่นคิดตรงกันนั่นคือทุกผู้คนได้รับการยืนยันว่าจักรพรรดิ์แดงเดินทางสู่โรฮานจริง

    หยุดให้ผู้คนจากไอออนได้ย่อยและครุ่นคิดต่อคำเอ่ยกล่าวของตนเองมาพอสมควรจากนั้นกาเล็ทจึงเอ่ยกล่าวต่อ "การกระทำที่ก้าวร้าวขาดอารยธรรมของจักรพรรดิ์แดงที่มีต่อโรฮานของข้า ข้าถือว่านั้นคือการประกาศสงครามระหว่างไอออนต่อโรฮานนั่นย่อมหมายความว่าในตอนนี้พวกเราสองประเทศกำลังทำสงครามกันอยู่" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขึ้น

    ได้ฟังคำเอ่ยกล่าวของกาเล็ทมาถึงจุดนี้เหล่าหัวหน้าตระกูลใหญ่และแม่ทัพนายกองของไอออนก็ถึงกับหัวใจตกวูบลง

    "เรียนท่านจักรพรรดิ์ทมิฬ การกระทำของจักรพรรดิ์แดงนั้นไม่ใช่มติของพวกเราชาวไอออน พวกเราชาวไอออนนั้นไม่เคยคิดที่จะประกาศสงครามต่อโรฮานเลยแม้แต่น้อย พวกเราล้วนไม่รู้เรื่องราวด้วย" หนึ่งในแม่ทัพนายกองของไอออนเงยหน้าขึ้นเพื่อเอ่ยกล่าวคำพูด เมื่อตัวมันนั้นเงยหน้าขึ้นและได้เห็นรูปโฉมของบรุษที่เบื้องหน้าของมันในจิตใจก็เกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นไม่น้อย "ยังหนุ่มแน่นถึงเพียงนี้?" นั่นคือสิ่งที่ปรากฎแทรกขึ้นมาในหัวของมันแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นปากของมันก็ยังคงพร่ำเอ่ยสิ่งที่คิดไว้ออกมา

    "หืมนั่นจะจริงหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จักรพรรดิ์แดงไม่อยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้วพวกเจ้าจะสาดโคลนใส่มันเช่นไรก็ได้" กาเล็ทเอ่ย

    ได้ฟังคำกล่าวยืนยันว่าจักรพรรดิ์แดงสิ้นชีพแล้วอีกครั้งจากปากของกาเล็ทเหล่าแม่ทัพนายกองหัวหน้าตระกูลใหญ่ของไอออนก็รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ต้องดูว่าไอออนนั้นยิ่งใหญ่เกรียงไกรขึ้นมาเช่นนี้ได้ด้วยเพราะสิ่งใด กำลังทหารและผู้คนของตนเองหรือ? คำตอบย่อมไม่ใช่ สาเหตุที่ไอออนยิิ่งใหญ่และสามารถขยายอำนาจในทวีปตะวันออกเรียกเก็บบรรณาการจากอาณาจักรน้อยใหญ่ในทวีปตะวันออำได้ย่อมมาจากอธิพลของจักรพรรดิ์แดง บัดนี้ในเมื่อจักรพรรดิ์แดงไม่อยู่อีกต่อไปแล้วจะเกิดสิ่งใดขึ้นต่อไป เพียงแค่คิดเหล่าแม่ทัพนายกองและหัวหน้าตระกูลใหญ่ของไอออนก็รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาจับใจแล้ว

    "เรียนท่านจักรพรรดิ์ทมิฬ การจู่โจมโรฮานของจักรพรรดิ์แดงไม่เกี่ยวกับไอออนจริงๆ"

    "เรียนท่านจักรพรรดิ์ทมิฬพวกเราถูกปรักปรำ"

    "ท่านจักรพรรดิ์พวกเราไม่รู้เรื่องด้วย"

    เหล่าแม่ทัพนายกองและหัวหน้าตระกูลใหญ่ต่างพากันเงยหน้าขึ้นมาร่ำร้อง

    "เฮอะ หากว่าแพ้สงครามแล้วร่ำร้องเช่นนี้ก็สามารถหลุดรอดไม่ต้องชดใช้รับผิดหรือ? ร่ำร้องบอกว่าตนเองไม่มีส่วนยุ่งเกี่ยวก็หมายความว่าไม่มีส่วนยุ่งเกี่ยวหรือ? พวกเจ้าชาวไอออนมิใช่ดูถูกเหยียดหยามพวกเราชาวโรฮานคิดว่าตนเองสูงส่งกว่าพวกเราโรฮานอยู่ตลอดหรือ? เหตุใดวันนี้จึงไม่องอาจถือดีดังเช่นที่ผ่านมาเล่า มาร่ำร้องขอความเมตตาทำอะไร" กาเล็ทแค่นเสียงออกมาพร้อมกับเอ่ยกล่าวอย่างเย็นชา

    ได้ยินคำเอ่ยกล่าวของกาเล็ทเสียงร่ำร้องของเหล่าผู้นำตระกูลใหญ่และแม่ทัพนายกองก็เงียบกริบลง

    "ร่ำร้องบอกว่าไม่เกี่ยวข้องแต่ว่าผู้ปครองของเจ้าเป็นผู้ใดเคยทำสิ่งใดไว้กับข้าทราบหรือไม่? เมื่อครั้งก่อนที่ข้ามาเยือนไอออนมันกลับมีความคิดส่งผู้คนออกไปฉุดคร่าภรรยาข้าระหว่างเดินทางแต่บัดนี้มันกลับขึ้นเป็นผู้ปกครองของไอออน ฟังว่าตัวมันยังมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับจักรพรรดิ์แดงเป็นพิเศษ" กาเล็ทเอ่ย

    "เพราะเหตุนี้พวกข้าจึงร่วมมือกับคนของท่านจักรพรรดิ์ทมิฬทำการคร่ากุมตัวคาโก้ผู้นั้นเพื่อส่งมอบให้..." หัวหน้าตระกูลใหญ่ผู้หนึ่งเอ่ยกล่าวยังไม่ทันจบความกลับมีแม่ทัพของไอออนผู้หนึ่งซึ่งคุกเข่าอยู่ไม่ไกลจากมันยันกายลุกขึ้นจากนั้นเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เหตุการณ์ที่แม้แต่กาเล็ทเองก็ไม่คาดคิดเช่นกัน

    ผู้ที่อยู่ๆก็ลุกพรวดนี้ย่อมเป็นอากอนลูกน้องคนสนิทของคาโก้เอง ตัวมันนั้นนำกำลังออกมาเพื่อต่อต้านผู้บุกรุกแต่ไหนเลยจะคาดได้ว่าผู้บุกรุกก่อความวุ่นวายในครั้งนี้หาได้สามัญธรรมดาทั่วไปเหมือนกับทุกครั้งที่เกิดขึ้น ตัวมันกลับพ่ายแพ้ถูกคร่ากุมอย่างรวดเร็ว เมื่อถูกคร่ากุมและได้รับข้อเสนอให้ยอมสวามิภักดิ์ตัวมันจึงเลือกที่จะยอมสยบเพื่อรักษาชีวิตของตนเองไว้ก่อนส่วนเรื่องในภายภาคหน้าค่อยครุ่นคิดหาทางออก ที่ตัวมันไต่เต้ามาถึงจุดนี้ได้ก็ย่อมด้วยตลอดมาตัวมันนั้นทำตัวเสมือนต้นไผ่ที่ลิ่วตามแรงลมตลอดมา ครั้งก่อนกระทำเช่นนี้ครั้งนี้ก็กระทำไม่แตกต่างกัน ทว่าเมื่อกาเล็ทมาถึงและเริ่มเอ่ยกล่าววาจาต่างๆออกมากลับทำให้อากอนผู้นี้ครุ่นคิดไปว่าจะอย่างไรจักรพรรดิ์ทมิฬผู้นี้ก็คงไม่ปลดปล่อยไอออนไปโดยง่าย วันนี้ไม่ว่าอย่างไรเลือดคงต้องนองทั่วไอออนแล้ว หากว่าจะต้องเป็นเช่นนี้ตนเองก็ขอเลือกที่จะตายอย่างองอาจดีกว่าที่จะตกตายอย่างคนขลาดมีชื่อเหม็นคลุ้งตลอดไปประกอบกับเมื่อครู่ที่มันเงยหน้าขึ้นมองมามันก็พบหญิงสาวงดงามผู้หนึ่งซึ่งยืนอ่อนช้อยอยู่ข้างจักรพรรดิ์ทมิฬ หากว่าชีวิตของมันสามารถแลกกับสตรีที่สูงศักดิ์ข้างกายจักรพรรดิ์ทมิฬได้ ใช่ชื่อของมันจะถูกจารึกไปตลอดกาลหรือไม่? คิดสรุปกับตนเองได้ดังนั้นเมื่อสบโอกาสมันจึงลุกพรวดขึ้นหมายใจจะลงมือต่อเบลล่า




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×