ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #195 : บดขยี้ทำลายสัญลักษณ์แห่งความอัปยศ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.53K
      498
      2 เม.ย. 61



    พรึบ เสียงร่างของอากอนซึ่งลุกขึ้นและโถมเข้าหาเบลล่ากระทบเข้ากับสนามพลังแข็งแกร่งบางอย่างเข้า ตึง ตึง ตึง อากอนพยายามใช้สองกำปั้นของตนเองผนึกกำลังที่มีอย่างสุดชีวิตทุบเข้าใส่สนามพลังโปร่งใส่ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าซึ่งขวางกั้นระหว่างตนเองอยู่กับหญิงสาวเป้าหมายเพียงเอื้อมมือระรัว

    "ใสหัวไป" กาเล็ทตวาดลั่นพร้อมกับที่เกิดสนามพลังคลื่นกระแทกใส่ร่างของอากอนให้ปลิวระลิ่วออกไปไกล ร่างของอากอนกลิ้งหลุนๆไปกับพื้นอยู่หลายตลบจากนั้นจึงกระอักเลือดคำโตออกมาคำหนึ่งสิ้นสติสมประดีไป

    เหล่าผู้นำตระกูลใหญ่และแม่ทัพนายกองของไอออนที่กำลังแตกตื่นตกใจกับการกระทำของอากอนยังไม่ทันที่พวกมันจะได้เคลื่อนไหวกระทำอันใดต่อคลื่นพลังที่กาเล็ทปลดปล่อยออกมาก็ส่งผลกระทบให้พวกมันล้มหงายไม่เป็นท่าเช่นเดียวกัน

    ทางด้านมาร์ตินและเจฟซึ่งเห็นว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี มาร์ตินนำค้อนใหญ่ของตนเองออกมาจากแหวนมิติทันทีพร้อมทั้งกระโดดปราดขึ้นหมายที่จะทุบเข้าใส่เหล่าแม่ทัพนายกองและหัวหน้าตระกูลใหญ่ของไอออนอยู่ให้แหลกเละ เจฟเองก็ไม่ต่างกันนำหอกออกมาจากแหวนมิติพร้อมทั้งทะยานเข้าใส่เหล่าแม่ทัพนายกองของไอออนหมายจะปลิดชีวิตพวกมันทิ้งให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปแต่เสียงของกาเล็ทก็ดังขึ้นห้ามทั้งสองไว้ก่อน

    "มาร์ติน เจฟ หยุดมือ!" กาเล็ทเอ่ยแต่เพียงนั้นก็หันกลับมาหาเบลล่า "ทำให้เจ้าตื่นตระหนกแล้ว" นำเสียงที่ใช้เอ่ยกล่าวนี้กลับฟังดูออนโยนผิดกลับประโยคก่อนหน้าลิบลับ กาเล็ทยกมือของตนเองขึ้นจัดแต่งเรือนผมให้กับเบลล่า "มีข้าอยู่ เบลล่าไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวสิ่งใด ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาข้าก็จะเอากายข้าเข้ากำบังเจ้าไว้"

    "อืมม" เบลล่าเอ่ยตอบรับในจิตใจก็รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยขึ้นมา

    เห็นเช่นนั้นกาเล็ทก็คลายใจลง "ดังคำกล่าวที่ว่าไม่สมควรบีบคั้นสนุขให้จนตรอก ดูท่าเราจะขู่ขวัญพวกมันจนเกินไป" กาเล็ทครุ่นคิดกับตนเองจากนั้นจึงเหลือบไปมองกลุ่มของผู้นำตระกูลใหญ่และแม่ทัพนายกองของไอออนที่กำลังคลืบคลานขึ้นกลับมาอยู่ในท่าคุกเข่าก้มหน้าตามเดิมหากแต่บัดนี้ตัวของพวกมันกลับสั่นเทาอยู่บ้าง

    "คิดหรือว่าลำพังมดแมลงเช่นพวกเจ้าจะกระทำสิ่งใดต่อข้าได้ หืมคิดสังหารผู้คนต่อหน้าข้าเกรงว่าแม้แต่จักรพรรดิ์แดงนายเหนือของพวกเจ้ายังไม่สามารถ" กาเล็ทเอ่ย หลังจากเอ่ยกล่าวกาเล็ทกลับครุ่นคิดในจิตใจขึ้น "เหตุใดคำเอ่ยกล่าวของเรากลับคล้ายเหมือนตัวร้ายเกรด B ในหนังสือเข้าไปทุกที" จากนั้นจึงรีบหันไปกระซิบกระซาบกับเบลล่าที่ด้านข้าง "ที่เอ่ยว่าพวกมันเป็นเพียงมดแมลงเป็นเพียงแค่การเปรียบเปรยขู่ขวัญพวกมันเล่น อย่าได้คิดชิงชังรังเกียจข้า บุคคลิกที่เห็นอยู่นี้ล้วนเสกสรรปั้นแต่งขึ้นเพื่อขู่ขวัญผู้คนที่เคยรังแกเจ้าเล่นเท่านั้น"

    ได้เห็นท่าทีซึ่งพึ่งจะปั้นหน้าเคร่งเครียดเอ่ยกล่าววาจาขู่ขวัญผู้คนของกาเล็ทที่แปรเปลี่ยนกลับกลายจากหน้ามือเป็นหลังมือจากการหันมาเอ่ยกล่าวกับตนเอง เบลล่าก็อดไม่ได้ถึงกับหัวเราะคิกออกมา นายถึงกลับลืมเลือนเหตุการที่ถูกจู่โจมลอบทำร้ายเมื่อครู่ไปจนสิ้น

    เห็นว่าเบลล่าหัวเราะคิกออกมากาเล็ทก็รู้สึกวางใจหันกลับไปหาเหล่าแม่ทัพนายกองของไอออนที่กำลังตัวสั่นก้มหน้าก้มตาอยู่

    "ม..ไม่เกี่ยวข้องกับพวกข้า ขอให้ท่านจักรพรรดิ์ทมิฬอย่างทรงกริ้ว ฟังพวกข้าอธิบายก่อน" หนึ่งในแม่ทัพนายกองของไอออนรีบเอ่ยกล่าวออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือด้วยเกรงว่าหากมันไม่รีบเอ่ยกล่าวออกมามันคงไม่มีโอกาสแล้ว

    "ข้ารอฟังอยู่" กาเล็ทเอ่ยเสียงเย็น

    "ม.มันผู้นั้นเรียกว่าอากอน เป็นขุนพลคู่ใจของคาโก้ผู้ปกครองของไอออนองค์ปัจจุบันขอรับ" แม่ทัพนายกองของไอออนรีบเอ่ยกล่าวอธิบาย

    "พวกเจ้าหมายความว่าการกระทำของมันยังคงไม่เกี่ยวข้องกับพวกเจ้า?" กาเล็ทเอ่ยถาม

    "ไม่เกี่ยวข้อง ไม่เกี่ยวข้องแน่นอนขอรับท่านจักรพรรดิ์" เหล่าแม่ทัพนายกองต่างประสานเสียงอย่างพร้อมเพรียงเอ่ยตอบต่อกาเล็ท เมื่อครู่พวกมันได้เห็นแล้วว่าเด็กหนุ่มที่เบื้องหน้าของมันนี้น่ากลัวถึงเพียงไหน อากอนเป็นนักรบระดับที่ 9 การจู่โจมเมื่อครู่ของอากอนนั้นแฝงไปด้วยพลังสูงสุดของมันแล้วชัดๆทว่ากับไม่สามารถสัมผัสได้แม้แต่ชายเสื้อของจักรพรรดิ์ทมิฬผู้นี้ยังมีพวกมันที่คุกเข้าอยู่ด้านข้างซึ่งโดนผลสะท้อนของคลื่นพลังเมื่อครู่แม้ว่าพวกมันจะเกร็งพลังต้านทานอย่างสุดชีวิตแล้วหากแต่ยังล้มกลิ้งระเนระนาดกลายเป็นลูกข่างมนุษย์ไป ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้จักรพรรดิ์ทมิฬกลับไม่ได้ขยับตัวลงมือเลยแม้แต่น้อยเช่นนี้ย่อมหมายความว่าหากจักรพรรดิ์ทมิฬผู้นี้ต้องการสังหารพวกตนจริงแล้วย่อมง่ายดายเสมือนการพลิกฝ่ามือของตนเองเล่นแน่นอน

    เห็นควรว่าตนเองแสดงอำนาจบาตใหญ่มาพอสมควรแล้วก็เก็บก็เอ่ยขึ้น "เช่นนั้นก็ดีข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าพิสูจน์ตนเอง" กล่าวประโยคนี้จบกาเล็ทก็เอ่ยกล่าวต่อทันทีไม่รอให้ผู้คนคบคิดคาดเดาวุ่นวาย "พวกเจ้าจำได้หรือไม่ว่าสตรีผู้นี้คือผู้ใด" กาเล็ทเอ่ยกล่าวถามขึ้น

    ได้ยินคำถามของกาเล็ทเหล่าแม่ทัพนายกองที่ก้มหน้าอยู่ก็พลันเงยหน้าขึ้นมาสำรวจตรวจดู ผู้นำตระกูลใหญ่หลายคนดูไปก็รู้สึกคุ้นหน้าตาของสตรีงดงามที่ยืนหยัดอยู่ข้างกายจักรพรรดิ์ทมิฬผู้นี้อยู่ไม่น้อยแต่กลับจำไม่ได้ว่าเคยเห็นนางที่ใดกันแน่ การที่พวกมันจำเบลล่าไม่ได้ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด สาเหตุก็เพราะเมื่อยามที่เบลล่าต้องอยู่เป็นตัวประกันที่ไอออนนั้นน้อยครั้งนักที่นางจะได้เดินทางออกมาจากหอคอยซึ่งใช้เป็นที่พำนักของตนเองยังมีในยามนี้เบลล่านั้นดูมีชีวิตชีวากว่าแต่ก่อนอย่างกับเป็นคนละคน

    "นางคือเจ้าหญิงเบลล่าเจาหญิงลำดับที่หนึ่งแห่งโรฮาน" กาเล็ทเอ่ยเฉลยออกมา

    ได้ยินคำเฉลยของกาเล็ทออกมาผู้นำตระกูลใหญ่และแม่ทัพนายกองบางคนก็ทำท่าทีเหมือนว่าจะนึกคิดสิ่งใดออก "ข้านึกออกแล้วขอรับ นางเคยมาเป็นตัวประกันพำนักอยู่ที่ไอออน" หัวหน้าตระกูลใหญ่ผู้หนึ่งเอ่ยกล่าวขึ้น

    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็ผงกหัว "นับว่ายังไม่เลอะเลือนสามารถจดจำออก ข้าได้ฟังมาว่าในยามที่นางพำนักอยู่ที่ไอออน นางนั้นถูกชาวไอออนดั่งเช่นพวกเจ้าแสดงกริยาดูถูกดูแคลนต่างๆนาๆ แม้แต่เหล่าหญิงรับใช้นางในของไอออนก็ยังไม่แสดงความเคารพหรือให้เกียรติต่อนาง ข้าใคร่รู้นักว่าที่แท้แล้วชาวไอออนสูงส่งถึงเพียงใดกัน" กาเล็ทเอ่ยออกมา

    เหล่าแม่ทัพนายกองหัวหน้าตระกูลใหญ่ที่ได้ยินคำกล่าวของกาเล็ทก็ต่างพากันตัวสั่นไม่กล้าเอ่ยกล่าววาจาอีก ด้วยยังไม่รู้ว่าที่แท้แล้วจักรพรรดิ์ทมิฬที่ยังหนุ่มแน่นผู้นี้ต้องการสิ่งใดกันแน่

    ขณะที่กาเล็ทกำลังขู่ขวัญผู้คนของไอออนอยู่ก็เหลือบไปเห็นว่าลูกน้องทั้งสองของตนเองกลับคุกเข่าก้มหน้าอยู่เฉกเช่นเดียวกัน "พวกเจ้าคุกเข่าทำอะไร" กาเล็ทหันไปเอ่ยถามทั้งเจฟและมาร์ติน

    "พวกข้ามีความผิดขอรับนายน้อย ขอนายน้อยโปรดลงโทษ" ทั้งเจฟและมาร์ตินเอ่ยกล่าว

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็ส่ายหัวออกมา "ผู้ใดจะทราบได้ว่าพวกมันอ่อนน้อยเข้าร่วมจริงหรือเสแสร้งแกล้งดัด เรื่องนี้ย่อมไม่ใช่ความผิดของพวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ" กาเล็ทเอ่ย

    เมื่อเห็นว่าลูกน้องทั้งสองของตนลุกขึ้นแล้วกาเล็ทก็หันกลับไปหาเหล่าแม่ทัพนายกองของไอออน "เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร เพื่อแสดงความจริงใจและแสดงออกถึงความสำนึกผิดข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าแก้ตัว"

    "ขอรับท่านจักรพรรดิ์ทมิฬ ขอเพียงเป็นเรื่องที่พวกข้าสามารถกระทำได้พวกข้าพร้อมที่จะบุกน้ำลุยไฟกระทำให้แก่ท่านจักรพรรดิ์ทมิฬเพื่อแสดงออกถึงความจริงใจของพวกข้า" ตัวแทนของเหล่าแม่ทัพนายกองเอ่ยขึ้น แม้ปากจะเอ่ยกล่าวเช่นนั้นแต่จิตใจของผู้เอ่ยกล่าวกลับสั่นไหวหวาดเกรง หากว่าจักรพรรดิ์ทมิฬผู้นี้เอ่ยบอกให้มันพิสูจน์ความจริงใจด้วยการฆ่าตัวตายจะทำเช่นไร? แต่มันยังคงมีทางเลือกอื่นอีกหรือ? คำตอบคือไม่มี

    "ฟังว่าเหล่าหญิงรับใช้นางในมักจะแสดงกริยาดูถูกเหยียดหยามต่อเบลล่าว่าที่ภรรยาของข้าอยู่เสมอ ก็เอาเช่นนี้เถอะข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าควานหาเหล่าหญิงรับใช้นางในที่ทำหน้าที่ระหว่างที่เบลล่าพำนักอยู่ที่ไอออนในขณะนั้นออกมาและให้พวกมันชดใช้โดยการคุกเข่าสำนึกผิด หากว่าพวกเจ้าสามารถกระทำได้ข้าจะปล่อยผ่านเรื่องกินแหนงแคลงใจทั้งหมดที่มีระหว่างโรฮานกับไอออนทิ้งไป" กาเล็ทเอ่ยถึงจุดประสงค์หลักของตนเองออกมา

    ได้ฟังเงื่อนไขที่น่าแปลกประหลาดเหลือเชื่อของกาเล็ทเหล่าแม่ทัพนายกองของไอออนต่างครุ่นคิดในจิตใจอย่างไม่อยากจะเชื่อ "ง่ายดายถึงเพียงนี้?" ต้องบอกก่อนว่าผู้ที่ทำหน้าที่เป็นหญิงรับใช้นางในประจำอยู่ในวังหลวงนั้นต้องขึ้นทะเบียนทำบัตรประจำตัว ดังนั้นแล้วการตรวจสอบว่าเป็นผู้ใดประจำการอยู่ในระหว่างนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องยาก แล้วจะหาว่าผู้ใดกระทำการดูถูกเหยียดหยามต่อเจ้าหญิงแห่งโรฮานก็ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก หากว่าไม่สามารถพิสูจน์ได้เช่นนั้นก็ให้ผู้คนที่ทำหน้าที่อยู่ในขณะนั้นรับผิดชอบไปก็แล้วกัน จะอย่างไรสิ่งนี้ก็เพื่อความอยู่รอดของไอออนดังนั้นแล้วจะต้องมีผู้แบกหม้อก้นดำสักหลายคนก็คงไม่เป็นไร นั่นคือสิ่งที่เหล่าแม่ทัพนายกองของไอออนครุ่นคิดตรึกตรงกัน

    "เป็นไร เรื่องแค่นี้ก็กระทำไม่ได้หรือ" กาเล็ทเอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าทั้งหมดยังนิ่งเงียบอยู่

    "ด..ได้ขอรับ ไม่มีปัญหาขอรับท่านจักรพรรดิ์ทมิฬ"

    กาเล็ทกลับสัมผัสได้ถึงแรงดึงที่แขนเสื้อของตนเองจากทางด้านหลัง เมื่อกาเล็ทหันกลับไปก็พบกับเบลล่าที่ก้มหน้างุดอยู่ "ไม่เห็นต้องกระทำถึงเพียงนี้ ข้าไม่ได้ติดใจอันใด" เบลล่าเอ่ยกล่าว ผิวขาวผ่องบนใบหน้าของนางยังปรากฎสีชมพูอ่อนออกมาให้ได้เห็นขณะที่กล่าววาจา

    "ได้ยินหรือไม่ เจ้าหญิงแห่งโรฮานเบลล่านั้นเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาไม่คิดถือสาหาความกับพวกเจ้าชาวไอออน เช่นนี้พวกเจ้ายังจะไม่สำนึกรีบไปหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษอีกหรือ" กาเล็ทหันไปเอ่ยกล่าวกับผู้คนของไอออน

    "ขอรับ ขอรับ ท่านจักรพรรดิ์ทมิฬ"

    "ดี เรื่องนี้ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าสามชั่วโมงเป็นอย่างไรหากว่าภายในสามชั่วโมงยังควานหาผู้คนออกมาแสดงความสำนึกผิดไม่ได้ก็อย่าหาว่าข้าโหดร้าย" กาเล็ทเอ่ยกล่าวเส้นตายของตนเองออกมา อันที่จริงแล้วกาเล็ทหาได้ต้องการตัวผู้กระทำผิดที่เฉพาะเจาะจงอันใด สิ่งที่กาเล็ทต้องการนั้นก็คือให้ผู้คนของไอออนโดยเฉพาะเหล่าแม่ทัพนายกองและขุนนางข้าหลวงรู้ว่าที่แท้แล้วตนเองหาได้สูงส่งวิเศษกว่าผู้อื่นก็เท่านั้น

    "เช่นนั้นพวกข้าขอตัวไปจัดการควานหาผู้ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำออกมาให้แก่ท่านจักรพรรดิ์ก่อนขอรับ" น่าแปลกที่ทุกผู้คนต่างแย่งกันเอื้อนเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมา ย่อมเป็นเช่นนี้ผู้ใดอยากที่จะอยู่ใกล้พยัคฆ์ร้ายเช่นจักรพรรดิ์ทมิฬที่ไม่รู้ว่าจะขุ่นข้องรำคาญใจลงมือต่อพวกตนเมื่อใด

    "ช้าก่อน ทิ้งผู้คนไว้กับข้าให้คอยช่วยจัดการดูแลเรื่องราวเพื่อความสะดวกราบรื่น" กาเล็ทเอ่ย

    เหล่าแม่ทัพนายกองของไอออนได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกลำบากใจ ย่อมไม่มีผู้ใดต้องการอยู่ต่อรับหน้าที่นี้ "เช่นนั้นก็เอาเป็นท่านสเตฟานเถอะ ท่านรู้จักนอกในของเขตวังหลวงเป็นอย่างดีคงจะเป็นผู้ช่วยประสานงานให้แก่ท่านจักรพรรดิ์ทมิฬได้เป็นอย่างดี" แม่ทัพนายกองผู้หนึ่งเอ่ยเพื่อโยนเผือกร้อนนี้ให้แก่ผู้คนออกมา

    สเตฟานได้ยินเช่นนั้นก็ปรากฎสีหน้าบูดเบี้ยวครุ่นคิดขึ้น "บัดซบกลับโยนเผือกร้อนให้แก่ข้าเพียงผู้เดียวหรือ" คิดได้ดังนั้นมันก็ไม่สนใจสิ่งใดอีกเอ่ยกล่าวขึ้น "ท่านแม่ทัพเปโรก็อยู่ช่วยเหลือข้าด้วยเถอะในเขตวังหลวงก็ยังไม่สงบดีพร้อมเท่าใด หากว่ามีผู้หลงเหลือก่อความวุ่นวายขึ้นท่านแม่ทัพจะได้เสนอหน้าเข้าสอดแทรกหยุดยั้ง" สเตฟานจงใจใช้คำว่าเสนอหน้าออกมา

    เปโรได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าบูดบึ้งออกมาเช่นกัน "บัดซบกลับคิดฉุดลากเราลงน้ำไปด้วย"

    กาเล็ทหาได้สนใจกับสงครามย่อมๆระหว่างหัวหน้าตระกูลใหญ่กับแม่ทัพนายกองของไอออน "เจฟ มาร์ตินนำทางข้าเข้าดูว่าคาโก้นั่นเป็นอย่างไรแล้ว" กาเล็ทเอ่ยพร้อมกับหันไปคว้าข้อมือขาวผ่องของเบลล่าไว้

    "ขอรับนายน้อย" เจฟกับมาร์ตินเอ่ยตอบรับ


    ขณะที่เดินทางเข้าสู่ปราสาทหลักในเขตวังหลวงเบลล่าก็หยุดกึกลงเหม่อมองไปยังหอคอยสูงแห่งหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า

    กาเล็ทกลับพบว่าหอคอยนี้เป็นหอคอยที่ตัวนางพักอาศัยอยู่เมื่อครั้งเป็นตัวประกันอยู่ที่แห่งนี้นั่นเอง "มีผู้คนอาศัยอยู่หรือไม่" กาเล็ทหันไปเอ่ยถามกับเปโรและสเตฟานซึ่งติดตามมาด้านหลัง

    "เรียนท่านจักรพรรดิ์ทมิฬ ไม่มีขอรับ" เปโรเอ่ยตอบทันทีเมื่อเห็นว่ากาเล็ทเอ่ยถามขณะที่ชี้นิ้วมือไปที่หอคอยสูงภายในเขตวังหลวงซึ่งอยู่ตรงหน้าไม่ไกล

    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็คลายมือออกจากมือของเบลล่า

    "เจฟ มาร์ตินจับตาดูไว้ให้ดี นี่คือการดึงพลังจากแก่นจิตวิญญาณออกมาสร้างเป็นการจู่โจมอย่างรวดเร็ว" กล่าวจบที่มือข้างหนึ่งของกาเล็ทก็ปรากฎแสงสว่างจ้าขึ้นจากนั้นก็ก่อเกิดลำแสดงพลังงานยืดยาวออกมาประมาณหนึ่งเมตร

    วูบ กาเล็ทตวัดมือข้างที่เกิดลำแสดงพลังงานนั้นออกไปยังทิศทางซึ่งหอคอยหินตั้งตระหง่านอยู่ พริบตาที่มือของกาเล็ทตวัดออกไปลำแสงพลังงานในมือที่ยืดยาวเพียงหนึ่งเมตรก่อเสมือนว่าจะขยายยาวออกวูบหนึ่ง เพียงชั่วพริบตามือข้างนั้นของกาเล็ทก็กลับมาเป็นปกติ กาเล็ทหันหลังกลับมาเอ่ยที่เบลล่าพร้อมทั้งเอ่ยกล่าว "สัญลักษ์แห่งความอัปยศที่เมื่อมองเห็นก็ชวนให้นึกถึงความทรงจำเช่นนั้นไม่สมควรคงอยู่อีกต่อไป" หลังกล่าวจบก็เกิดเสียงครืดคราดดังขึ้นจากนั้นหอคอยที่ตั้งตระหง่านอยู่ก็ค่อยๆเคลื่อนห่างออกจากกันและทรุดพังทลายลง

    สเตฟานและเปโรซึ่งเห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าถึงกับปากอ้าตาค้างไป

    "เมือจบเรื่องแล้วให้พวกเจ้าจัดหาผู้คนไปเก็บจนเศษซากของหอคอยนั่นออกไปให้หมด ข้าไม่ต้องการเห็นแม้แต่เศษเสี้ยวของมันคงเหลืออยู่" กาเล็ทเอ่ยกับเปโรและสเตฟาน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×