ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #201 : รถม้าที่แปลกประหลาด

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.6K
      595
      20 เม.ย. 61




    "รถคันใหญ่ถึงเพียงนี้จะวิ่งอยู่บนถนนหนทางได้อย่างไร หากว่าเป็นภายในเมืองยังพอเป็นไปได้แต่ถ้าต้องออกนอกเมืองเล่า? ยิ่งเป็นถนนหนทางของโรฮานเรายิ่งอย่าได้พูดถึง เพียงรถม้าคันนี้คันเดียวเห็นคงจะเต็มถนนหนทางไม่เหลือที่ให้ผู้ใดขับสวนไปมาได้" แชลเทียเอ่ยแสดงความเห็นขึ้นขณะที่กำลังนั่งควบคู่ไปกับกาเล็ทซึ่งกำลังถือแส้บังคับบังเหียนที่ผูกโยงเข้ากับหลังของหมาป่าขนแดงตัวหนึ่ง

    "ถนนหนทางของโรฮานสมควรขยับขยายได้แล้ว ในความคิดของข้าถนนหนทางภายนอกของโรฮานในตอนนี้นั้นว่าคับแคบเกินไปโดยเฉพาะแถบชนบทยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง" กาเล็ทเอ่ย

    "ช่างเป็นที่สะดุดตาของผู้คนนัก" แชลเทียซึ่งสังเกตุเห็นว่าตลอดรายทางที่รถม้าโดยสารที่ถูกลากจูงโดยหมาป่าขนแดงตัวโข่งผ่านไปกลับมีชาวเมืองสตาริ่งจำนวนมากที่หันมองมาให้ความสนใจ เป็นเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก รถม้าที่พวกกาเล็ทโดยสารอยู่ในตอนนี้นั้นมีขนาดใหญ่กว่ารถม้าปกติทั่วไปกว่าเท่าตัว อย่าว่าแต่ในตอนนี้สิ่งที่ลากจูงรถม้าอยู่ยังหาใช่ม้าพ่วงพีทั่วไปหากแต่กลับเป็นหมาป่าตัวโข่งซึ่งมีขนสีแดงสะดุดตาผู้คนนัก

    "คงต้องใช้เวลากว่าที่ผู้คนจะชินตา" กาเล็ทเอ่ยตอบจากนั้นจึงเอ่ยต่อ "นับว่ามิร่าน้อยฝึกสอนพวกมันมาได้เป็นอย่างดี" กาเล็ทเอ่ย

    "ไม่นึกเลยว่าจะสามารถฝึกฝนสัตว์อสูรที่ดุร้ายให้เชื่องเชื่อได้ถึงเพียงนี้ หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้ข้าน่าจะกระตุ้นเตือนท่านพ่อให้ทดลองจับพวกมันมาฝึกฝนตั้งนานแล้ว เพียงตัวเดียวก็มีกำลังถึงเพียงนี้สามารถลากจูงรถใหญ่ที่ต้องใช้ม้าชั้นดีหลายตัวได้" แชลเทียเอ่ย

    กาเล็ทได้ฟังร่างเล็กที่ด้านข้างเอ่ยก็อมยิ้มขำขึ้น

    "เจ้ายิ้มอันใด?" แชลเทียเอ่ยเมื่อสังเกตุเห็นถึงสีหน้าของกาเล็ทที่กำลังกุมบังเหียนบังคับสั่งการให้หมาป่าขนแดงลากจูงรถม้าอยู่

    "การฝึกพวกมันหาได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น อย่าว่าแต่พวกมันนั้นเป็นสัตว์อสูรที่มีระดับพลังพอสมควรการที่จะจับกุมพวกมันได้อย่างปลอดภัยสมควรต้องมีนักรบระดับที่ 9 เข้าร่วมด้วยยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าจะสามารถจับกุมพวกมันได้ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมไม่ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ การที่ฝึกฝนพวกมันได้รวดเร็วง่ายดายถึงเพียงนี้คงต้องยกความดีความชอบให้มิร่าน้อย นางนั้นสามารถสื่อสารกับพวกมันได้โดยตรงหากไม่ใช่เพราะนางเกรงว่าแม้ต้องใช้เวลาอีกนับปีก็ไม่สามารถฝึกฝนให้พวกมันเชื่องเชื่อรู้ความได้ดั่งเช่นในตอนนี้" กาเล็ทเอ่ย

    "มิร่าน้อยสามารถสื่อสารผู้คุยกับพวกมันได้หรือ เช่นนั้นมิใช่ง่ายดายยิ่งหรอกหรือที่จะฝึกฝนให้พวกมันทำตามคำสั่ง" แชลเทียเอ่ยแสดงความเห็นขึ้นทันทีที่ได้ฟังคำอธิบายของกาเล็ท หากแต่กาเล็ทกลับส่ายหัวให้กลับคำกล่าวของนาง

    "หาได้ง่ายดายเช่นนั้น จะอย่างไรมันยังคงเป็นสัตว์อสูร ดังนั้นแล้วระดับปัญญาของพวกมันจึงมีอย่างจำกัดทำให้ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ซับซ้อนได้" กาเล็ทเอ่ยอธิบาย

    "เป็นเช่นนี้เอง" แชลเอ่ยพร้อมทั้งยืดกายขึ้นและกวาดสายตามองไปยังรอบบริเวณ "จะไม่เป็นไรแน่หรือกาเล็ท เจ้ามองดูผู้คนแตกตื่นวุ่นวายถึงเพียงนี้"

    "อืม ตอนนี้เมืองสตาริ่งอยู่ในการควบคุมของข้าแล้ว คาดว่าอีกไม่กี่วันชาวเมืองคงได้รับรู้ข่าวสารอย่างถ้วนทั่ว ถึงการเปลี่ยนผ่านการปกครอง" กาเล็ทเอ่ยจากนั้นจึงหันไปถามร่างเล็กซึ่งนั่งอยู่ที่ด้านข้าง "เหตุใดไม่เข้าไปนั่งด้านในร่วมกับพวกท่านแม่และท่านอาจารย์เล่า" กาเล็ทเอ่ยขณะที่ยกเมือข้างหนึ่งของตนเองไปคว้าจับเรือนผมสีชมพูที่พลิ้วสะบัดไปตามแรงลมที่มุ่งเข้ามาประทะ

    "กาเล็ท อย่างนี้ไม่ได้ ผู้คนมองดูอยู่" แชลเทียที่กำลังหันมองไปรอบด้านอยู่เมื่อสัมผัสได้ถึงมือข้างหนึ่งที่ยื่นเข้ามาจัดแต่งเรือนผมของตนเองก็ก้มหน้าเอ่ยคำออกมาอย่างเอียงอาย

    "เพียงจัดแต่งเรือนผมให้คนรักก็ไม่ได้หรือ" กาเล็ทเอ่ย

    "ไม่ได้ ชายหญิงไม่สมควร ไม่สมควรชิดใกล้ ยิ่งอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายยิ่งไม่สมควร" แชลเทียเอ่ย

    "ไม่ทราบว่าที่ผู้คนเหลียวมองดูพวกเรานั้นเหลียวมองดูรถม้าที่แปลกประหลาดซึ่งถูกลากจูงโดยหมาป่าขนแดงหรือว่าเหลียวมองดูสตรีที่งดงามข้างกายข้ากันแน่" กาเล็ทยังคงเอ่ยเย้าหยอก การเย้าหยอกคนรักของตนเองกลับกลายเป็นงานอดิเรกของกาเล็ทอย่างหนึ่งไปแล้ว

    "คนหน้าไม่อาย" แชลเทียเอ่ยเสียงเบา

    "คิดว่าเช่นนี้แม้แต่สารถีทั่วไปก็สามารถบังคับควบคุมมันได้ไม่ยากแล้ว" กาเล็ทเอ่ยเปลี่ยนเรื่องขึ้น

    "อ..อืม" แชลเทียที่ด้านข้างตอบ

    พูดคุยกันอีกครู่หนึ่งสุดท้ายแล้วกาเล็ทก็นำพารถม้าคันใหญ่มาถึงหน้าทางเข้าเขตชั้นในของเมืองสตาริ่ง

    "ฮือออออออ กรรร" หมาป่าขนแดงขู่คำรามออกมาเมื่อมันพบว่ามีผู้คนที่ดูไม่เป็นมิตรถือหอกเข้ามาขวางหน้าตัวมันไว้

    "เขตชั้นในนั้นนับว่ามีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น คิดว่าหากนำรถม้าคันนี้เข้าไปคงเกิดความวุ่นวายขึ้นโดยไม่จำเป็น จะอย่างไรก็ถือเอาโอกาสนี้เดินเที่ยวชมเมืองสตาริ่งก็แล้วกัน" กาเล็ทเอ่ยกับแชลเทียที่ด้านข้างพร้อมทั้งลุกขึ้นเอี้ยวตัวไปใช้มือของตนเองตบเข้าไปที่ลำตัวของหมาป่าขนแดงซึ่งกำลังขู่คำรามอยู่เบาๆ เมื่อหมาป่าขนแดงสงบลงแล้วกาเล็ทก็ก้าวลงจากรถม้าจากนั้นจึงยื่นมือของตนเองไปเพื่อช่วยเหลือแชลเทียให้ก้าวลงจากรถม้าได้อย่างสะดวก

    กาเล็ทเดินเข้าไปหาทหารสองนายซึ่งยืนขวางกั้นอยู่หน้าหมาป่าขนแดง เพียงเหลียวมองดูกาเล็ทก็ทราบได้ว่าทั้งสองนั้นกำลังสั่นกลัว จะไม่ให้เกรงกลัวได้หรือ? ทหารยามเช่นนี้นั้นโดยส่วนใหญ่แล้วมีระดับพลังอยู่ในระดับที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ที่โรฮานเป็นเช่นนี้ที่ไอออนก็ไม่ต่างกันเท่าใด เมื่อต้องยืนหยัดเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายที่มีขนาดตัวใหญ่กว่าตนเองเกือบสองเท่าตัวและถูกจ้องมองด้วยดวงตาแดงฉานน่าสะพรึงนั้นย่อมเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจะสั่นกลัว หากไม่ใช่ว่าถูกกำชับมาเป็นพิเศษในวันนี้ให้ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยภายในเมืองให้ดีมีหรือที่พวกมันทั้งสองจะปลุกปลอบกำลังขวัญเข้ามาขัดขวางรถม้าที่แปลกประหลาดคันนี้

    "นี่" กาเล็ทเอ่ยพร้อมทั้งยื่นตราสัญลักษ์ของขุนนางชั้งสูงประจำไอออนซึ่งตนเองขอไว้ก่อนออกมาจากวังหลวงของไอออนให้แก่ทหารทั้งสองตรวจดูจากนั้นกาเล็ทจึงหันกลับไปหาหมาป่าขนแดง กาเล็ทนำยาเม็ดซึ่งตนเองปรุงแต่งขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับสัตว์อสูรยื่นส่งให้ที่เบื้องหน้าของหมาป่าขนแดง

    หมาป่าขนแดงตัวใหญ่ซึ่งเมื่อครู่ยังขู่คำรามใส่ทหารยามอย่างดุร้ายหมายขวัญแลบลิ้นใหญ่ยักษ์ของมันออกมาตวัดเอาตัวยาจากมือของกาเล็ทเข้าปากไป จากนั้นมันจึงหลับตาพริ้มลงและยื่นหัวใหญ่ของมันเข้ามาถูไปมากับร่างของกาเล็ท กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ลูบหัวมันพอเป็นพิธี

    "ขออภัยด้วยขอรับ พวกข้าไม่ทราบมาก่อนว่านายท่านเป็นขุนนางระดับสูง" ทหารยามเดินเข้ามายื่นตราแสดงตัวตนคืนให้แก่กาเล็ทพร้อมทั้งเอ่ยกล่าวขึ้น ขณะที่เอ่ยกล่าวมันยังเหลือบมองไปยังหมาป่าขนแดงอย่างหนาวเหน็บ ไม่ทราบว่าหากมันได้รู้ว่าบุคคลที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าของมันนี้คือผู้ที่เป็นต้นเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเมืองสตาริ่งในวันนี้มันจะแสดงสีหน้าเช่นไรออกมา

    กาเล็ทรับตราคืนมาจากมือทหารยามพร้อมทั้งยิ้มอย่างเป็นมิตร "เอาเถอะข้าเข้าใจว่าพวกเจ้าต้องกระทำตามหน้าที่"

    ทหารยามเห็นเช่นนั้นก็หันกลับไปให้สัญญาณกับเพื่อนพ้องของตนเองที่ด้านหลังอีกหลายคนที่ยกหน้าไม้เล็งมาทางรถม้า จากนั้นพวกมันทั้งหมดล้วนพับเก็บหน้าไม้ของตนเองไว้ดังเดิม

    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็เดินไปเคาะประตูรถม้าจากนั้นจึงเปิดประตูรถม้าออกจากด้านข้าง "เป็นเช่นไรรถคันนี้นั่งสบายดีหรือไม่ครับท่านแม่"

    "คันใหญ่โตถึงเพียงนี้จะไม่สบายได้อย่างไรกันลูก" นีน่ายิ้มเอ่ยตอบพร้อมทั้งยื่นมือของตนเองออกไปคว้าจับมือของกาเล็ทที่ยื่นมารับตนเองไว้และก้าวลงจากรถม้า

    เทลเล่อที่ก้าวลงมาก่อนแล้วที่ด้านข้างก็เปิดปากเอ่ยถามขึ้น "ข้ารู้สึกว่าแรงสั่นสะเทือนขณะที่นั่งโดยสารนั้นเบาบางกว่ารถม้าทั่วไปมากนักไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด"

    กาเล็ทที่รับร่างของนีน่าลงมาสู่พื้นโดยปลอดภัยแล้วก็รีบหันกลับมาชี้ให้เทลเล่อดู "นี่ท่านอาจารย์เพราะสิ่งนี้ มันทำหน้าที่คอยดูดซัพเพื่อลดแรงกระแทก" สิ่งที่กาเล็ทชี้ให้เทลเล่อมองดูนั้นย่อมเป็นสิ่งที่เรียกว่าโช๊คซึ่งตนเองนำความรู้จากโลกก่อนมาประดิษฐ์สร้างขึ้น

    หลังจากชี้ให้เทลเล่อมองดูแล้วกาเล็ทก็หันกลับไปเพื่อช่วยเหลือเหล่าคู่หมั้นทั้งสี่ของตนเองลงจากรถม้าที่ถูกยกสูงขึ้นจากพื้นหากแต่คราครั้งนี้กาเล็ทหาได้ใช้แต่เพียงมือข้างเดียวช่วยเหลือพวกนางแต่กาเล็ทกลับช่วยอุ้มร่างของพวกนางลงจากรถม้าทีละคน

    ขณะที่โซเฟียและเซลิน่าถูกกาเล็ทอุ้มลงจากรถม้าจิตใจของพวกนางก็เต้นระรัวไม่เป็นจังหว่ะ สมองของทั้งเซลิน่ากับโซเฟียถึงกับอื้ออึงไป จวบจนลงมายืนทรงกายมั่นกับพื้นได้หลายวินาทีแล้วสติของพวกนางถึงกลับคืนมาเป็นปกติ

    "ข้าลงเองได้" ซิลเวียซึ่งเห็นว่ากาเล็ทกระทำกับเซลิน่าและโซเฟียเช่นไรเอ่ยกล่าวขึ้น หากแต่ว่ามีหรือที่กาเล็ทจะยินยอมปล่อยโอกาสอันดีเช่นนี้ให้ผ่านพ้นไป กาเล็ทใช้สองมือจับไปที่หว่างเอวอ้อนแอ้นของซิลเวียพร้อมทั้งยกนางขึ้นแล้วนำลงมาจากรถม้าเสมือนว่ายกร่างของเด็กน้อยผู้หนึ่งส่งผลให้ซิลเวียเกิดความรู้สึกกระดากเขินอายยิ่งและเมื่อได้ประสบพบเห็นแชลเทียเพื่อนสาวของตนเองที่กำลังยืนหัวเราะมองภาพที่เกิดขึ้นอยู่ตัวนางก็ยิ่งรู้สึกเขินอายยิ่งกว่าเดิม

    "ข..ข้าลงเอง" เบลล่าเอ่ย

    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาพร้อมทั้งยื่นมือข้างหนึ่งออกไปเพื่อให้เบลล่าคว้าจับขณะก้าวลงจากรถม้า

    "ออกมานี่ มาให้ปะป๋าอุ้ม" กาเล็ทเอ่ยเรียกมิร่าซึ่งรอท่าอยู่เป็นคนสุดท้ายภายในรถม้า ได้ยินเช่นนั้นมิร่าก็โผบินเข้าสู่อ้อมอกของกาเล็ท

    เมื่อทุกผู้คนก้าวลงจากรถม้าแล้วกาเล็ทก็เดินเข้าไปหาทหารยาม "ข้าจะพาครอบครัวเดินเที่ยวชมเมืองในเขตชั้นในเสียหน่อย เช่นนั้นข้าขอฝากรถม้านี้ให้พวกเจ้าช่วยดูแลสักครู่ใหญ่"

    ทหารยามทั้งสองได้ยินเช่นนั้นก็ตาเหลือกหันมองไปยังหมาป่าขนแดงตัวเขื่องอย่างกล้าๆกลัวๆ

    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ก้มลงพูดบางสิ่งกลับมิร่าจากนั้นมิร่าก็บินออกจากอ้อมกอดของกาเล็ทไปร่ำร้องต่อหมาป่าขนแดง

    "ไม่ต้องเกรงกลัวไป มันก็ไม่ต่างกับม้าพ่วงพีการบังคับสั่งการพวกมันก็ไม่ได้ยากเย็นไปกว่าการบังคับรถม้าทั่วไปมากนักอีกทั้งข้ายังได้บอกกล่าวแก่หมาป่าตัวนั้นแล้วรับรองว่ามันจะไม่ก่อเรื่องขึ้นแน่นอน" กล่าวจบกาเล็ทก็ตบบ่าทหารยามนั้นทีหนึ่ง "ฝากด้วยล่ะ" กาเล็ทเอ่ยพร้อมทั้งยื่นส่งเหรียญทองเหรียญหนึ่งให้แก่ทหารยามและหันกลับไปพยุงนีน่าให้ก้าวเดินนำคู่หมั้นทั้งสี่และเทลเล่อผ่านเข้าตัวเมืองสตาริ่งชั้นในไป

    มิร่าที่ร่ำร้องสั่งการกับหมาป่าขนแดงจนแล้วเสร็จก็โผบินกลับมาหากาเล็ท เบลล่าเห็นเช่นนั้นก็ถือโอกาสคว้าเอาตัวของมิร่ามาอุ้มไว้ในอ้อมอก


    "เจ้าว่าจะไม่เกิดปัญหาขึ้นจริงหรือ?" ทหารยามหันกลับมาเอ่ยถามเพื่อนของตน

    "ข้าจะทราบได้หรือ มองดูอย่างไรก็ไม่คล้ายเหมือนว่าจะควบคุมได้โดยง่าย" มันหันมองไปยังหมาป่าขนแดงซึ่งบัดนี้ไม่ได้แสดงท่าทางดุร้ายอีกต่อไป

    "ช่างแปลกประหลาดนัก ไม่เคยเห็นว่ามีผู้ใดในไอออนนำสัตว์อสูรเช่นนี้มาเป็นสัตว์ลากจูงมาก่อน" ทหารยามเอ่ยขึ้น "เจ้าเห็นสัตว์อสูรตัวน้อยที่ท่านหญิงผู้นั้นอุ้มชูอยู่หรือไม่" มันเอ่ยถามเพื่อนที่ด้านข้างของมัน

    "ข้าเคยได้ยินได้ฟังมาว่าที่ทวีปอื่นนั้น เหล่าผู้บุญหนักศักดิ์ใหญ่มักจะชมชอบเลี้ยงสัตว์แปลกๆไว้อยู่เสมอ ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นกับตาของตนเองในวันนี้ นับว่าเรื่องเล่านั้นไม่แปลกปลอมแล้ว" เอ่ยจบมันก็หันไปหาเพื่อนของมัน "เจ้ายังยืนอยู่ด้วยเหตุใด เร่งรีบขึ้นไปควบคุมบังคับรถม้านั่นไปจอดเก็บไว้ยังบริเวณสำหรับจอดรถม้าเสียสิ"

    เพื่อนของมันได้ฟังเช่นนั้นก็หันกลับมามองที่มันพร้อมเอ่ยกล่าว "เจ้าสิต้องไป เมื่อครู่นายท่านผู้นั้นมิใช่มอบเงินทองให้แก่เจ้าหรอกหรือ?"


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×