ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #213 : ค่ายกลม่านพลัง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.54K
      559
      4 มิ.ย. 61


    เมื่อเห็นว่าทหารที่ได้รับการคัดเลือกของตระกูลบุสโซ่กลับมารายงานตัวอย่างไม่ขาดตกไปแม้สักคนเดียวสีหน้าของทั้งเจฟ โรส มาร์ตินและเรน่าก็ดีขึ้น "โรสเจ้าไปเรียนบอกต่อนายน้อยเถอะว่าทั้งหมดพร้อมแล้ว" เจฟหันไปเอ่ยบอกแก่โรส

    หลังจากได้รับรายงายจากโรส กาเล็ทที่รอคอยอยู่แล้วก็เดินนำโรสออกมาจากห้องทำงานของตนเอง กาเล็ทกวาดตาสำรวจตรวจดูเหล่าทหารของตระกูลบุสโซ่ทีผ่านการคัดเลือก "ร้อยกว่าคนนับว่าเพียงพอแล้ว" กาเล็ทคิดคำนวนกับตนเองในใจ "เอาล่ะรายละเอียดปลีกย่อยของการฝึกไว้เข้าไปยังสถานที่จริงแล้วค่อยบอกกล่าว" เอ่ยจบกาเล็ทก็หันไปหาขุนพลทั้งสี่ของตนเอง

    เห็นสัญญาณจากกาเล็ทแล้วทั้งโรส เจฟ มาร์ตินและเรน่าก็กระจายตัวกันออกไปยังหน้าแถวทหาร "ยกมือของพวกเจ้าขึ้นมาแต่ไหล่ของบุลคลที่เบื้องหน้าไว้" ทั้งสี่เอ่ยสั่งการจากนั้นเมื่อเห็นว่าทหารทั้งร้อยกว่าคนกระทำตามคำสั่งอย่างพร้อมเพรียงแล้วโรสก็เอ่ยต่อ "ผู้ที่อยู่หน้าสุดของแต่ละแถวยกมือข้างหนึ่งของตนเองขึ้นและแตะไปยังไหล่ของบุคคลที่อยู่ทางด้านขวาของตนเอง" หลังจากทั้งหมดปฎิบัติตามคำสั่งแล้วทั้งโรส เจฟ มาร์ตินและเรน่าก็กระจายกันเดินเข้าไปแตะตัวของทหารที่ยืนอยู่ที่หน้าแถวซึ่งสาเหตุที่ทั้งสี่กระทำเช่นนี้ก็เนื่องจากเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่กาเล็ทที่จะนำพาทั้งหมดเข้าสู่มิติเทพเจ้า

    เห็นว่าทั้งหมดพร้อมแล้วกาเล็ทก็ก้าวเดินเข้าไปส่งถ่ายพลังเพื่อนำผู้คนเข้าสู่มิติเทพเจ้า กาเล็ทเร่งพลังของตนเองขึ้นจากนั้นจึงส่งถ่ายพลังโดยการแตะไปที่ร่างของมาร์ติน จากนั้นกระแสพลังจิตวิญญาณก็แล่นผ่านร่างของมาร์ตินและไหลต่อผ่านไปยังร่างของผู้คนอีกกว่าร้อยชีวิต "วูบ" ผู้คนกว่าร้อยชีวิตหายไปจากลานฝึกของตระกูลบุสโซ่เข้าสู่มิติเทพเจ้า ขณะที่กาเล็ทกำลังจะติดตามทั้งหมดเข้าสู่มิติเทพเจ้าก็มีเสียงร่ำร้องมาจากทางด้านหลัง เมื่อกาเล็ทหันไปมองก็พบเข้ากลับมิร่าซึ่งกำลังทะยานโผบินเข้ามาหาพร้อมกับส่งเสียงกระวัดกระเหวี่ยงร่ำร้องไม่เป็นภาษาออกมา

    มิร่าที่ทยานเข้ามาในอ้อมกอดของกาเล็ทได้แล้วก็สับส่ายร่างกายไปมาพร้อมกับร่ำร้องออกมา

    "ไม่ได้ทิ้ง ไม่ได้ทิ้ง ปะป๋าจะทิ้งมิร่าน้อยได้ยังไง" กาเล็ทเอ่ยขณะที่ลูบไล้ปลอบขวัญร่างเล็กแม้ว่าจะกระทำเช่นนั้นทว่ามิร่ายังคงตะกุยขาทั้งสี่ของตนเองไปมาและยังคงส่งเสียงร่ำร้องออกมา ในรอบเดือนที่ผ่านมานี้มิร่ามักจะส่งเสียงร่ำร้องแสดงออกเช่นนี้มากกว่าที่จะเอ่ยบอกความต้องการของตนเองกับกาเล็ทตรงๆสาเหตุก็เพราะทุกครั้งที่นางกระทำเช่นนี้กาเล็ทก็จะให้ความสงใจแก่ตนเองและแสดงความรักเอ็นดูต่อตนเองมากกว่าปกติยังมีนางรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ผู้เป็นบิดาสามารถเข้าใจถึงสิ่งที่ตัวนางนั้นต้องการได้

    ดิ้นรนตะกุยขาไปมาขณะที่ถูกปลอบประโลมอยู่สักพักสุดท้ายแล้วมิร่าก็อ้าปากขึ้นและงับไปที่แขนของกาเล็ทเบาๆจากนั้นจึงเหลือกตาของตนเองจ้องมองไปที่ใบหน้าของกาเล็ทผู้เป็นบิดาดูไปช่างเป็นภาพที่น่ารักน่าชังนัก
    แม้จะไม่รู้สึกเจ็บปวดต่อการถูกขบกัดนี้ทว่ากาเล็ทยังคงปั้นหน้าร่ำร้อง "โอ๊ยย แย่แล้ว แย่แล้ว ถูกมังกรน้อยกัดเข้าแล้ว แย่แล้ว มังกรน้อยดุร้ายแล้ว" ขณะที่กาเล็ทกำลังละเล่นอยู่กับมิร่าเพื่อปลอบขวัญมังกรตัวน้อยที่หวาดเกรงว่าจะถูกทิ้งไว้ยังโลกภายนอกอยู่ก็มีเสียงหัวเราะคิกดังขึ้นมา

    "นำนางเข้าไปฝึกฝนร่วมกับเจ้าด้วยเถอะกาเล็ท เมื่อครู่เมื่อนางรู้จากท่านป้าว่าเจ้ากำลังจะนำผู้คนเข้าไปฝึกฝนในมิติเทพเจ้านางก็รีบโผบินออกมาเลย" แชลเทียซึ่งหัวเราะกับภาพที่เห็นอยู่เดินเข้ามาเอ่ยบอกพร้อมกับรอยยิ้ม
    "เดิมทีคิดว่าจะรอให้ท่านอาจารย์บรรลุพลังระดับจักรพรรดิก่อนจึงค่อยออกมารับนางเข้าไปแต่ตอนนี้เกรงว่าหากกระทำเช่นนั้นมังกรน้อยตัวนี้คงไม่ยินยอมแล้ว" กาเล็ทเอ่ย

    "กาเล็ทนำนางเข้าไปร่วมฝึกฝนด้วยอย่างวางใจเถอะปล่อยเรื่องต่างๆให้พวกข้าเป็นธุระจัดการเอง เรื่องการจัดหาและกักตุนเสบียงท่านพ่อก็อาสาที่จะเป็นธุระจัดการให้แล้ว เรื่องทางไอออนก็ให้ท่านพี่เบลล่าเป็นผู้จัดการและตัดสินใจเถอะส่วนเรื่องอื่นๆก็ยังมีซิลเวีย โซเฟียและเซลิน่าช่วยเหลือดูแลสำหรับกับสิ่งที่ยังไม่สำคัญก็สมควรพักเอาไว้ก่อน" แชลเทียเอ่ย

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็เดินเข้าไปใกล้และโน้มใบหน้าลุงจูบไปที่ริมฝีปากอวบอิ่มของแชลเทีย "ขอบใจเจ้า" ไม่ปล่อยให้แชลเทียเอ่ยสิ่งใดต่อร่างของกาเล็ทและมิร่าก็พลันหายวับไปกับตา เพียงคำ"ขอบใจเจ้า" และการแสดงออกของกาเล็ทเมื่อครู่ก็สามารถสื่อแทนคำพูดนับพันได้แล้ว

    "เขาผู้นี้ช่างมือไวใจเร็วนัก" แชลเทียที่ไม่ทราบว่าหน้าแดงสดใสขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใดยิ้มขวยเขินเอ่ยกับตนเองในใจขณะที่ตัวนางนั้นยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของตนเองอย่างหวนนึก

    วูบร่างของกาเล็ทซึ่งกำลังอุ้มมิร่าอยู่ในวงแขนโผล่เข้ามาในมิติเทพเจ้า กาเล็ทนั้นพบว่าขุนพลทั้งสี่ของตนเองกำลังเอ่ยกล่าวอธิบายเรื่องราวกับทหารของตระกูลบุสโซ่นับร้อยชีวตอยู่ "เป็นอย่างไรบ้าง บอกกล่าวทำความเข้าใจกันไปถึงไหนแล้ว" กาเล็ทเอ่ยถาม

    "เรียนนายน้อย พวกข้านั้นได้ช่วยกันอธิบายเกี่ยวกับที่แห่งนี้ให้กับพวกมันได้เข้าใจเบื้องต้นแล้ว" มาร์ตินก้าวเดินออกมาเอ่ยรายงาน

    กาเล็ทผงกหัวรับคำจากนั้นจึงเดินออกไปเอ่ยขึ้น "ระยะเวลาต่อจากนี้ไปอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับพวกเจ้าแต่เชื่อเถอะว่ามันจะคุ้มค่า นับแต่นี้ไปภายในสถานที่แห่งนี้ข้าจะเขี่ยวกรำฝึกฝนพวกเจ้าให้กลายเป็นกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดของโรฮาน กองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลบุสโซ่เรา พวกเจ้าจะร้อยรวมผนึกกำลังกันเข้าเป็นกำแพงเหล็กที่จะปกป้องโรฮาน ปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเราจากผู้รุกราน"

    เมื่อได้ฟังคำเอ่ยกล่าวของกาเล็ททหารทั้งหมดก็เกิดความฮึกเหิมมุ่งมั่นขึ้นมาเป็นเท่าทวีคูณ

    ณ ตอนนี้หากนับระยะเวลาตามโลกยูยานแล้วเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนเศษกว่าที่จะถึงกำหนดการนัดหมายประชุมภาคีสี่ทวีปหากว่าใช้เวลาทั้งหมดนี้อยู่แต่เพียงภายในมิติเทพเจ้าก็จะเท่ากับว่ามีเวลาเกือบสองปีในการฝึกฝนกองกำลังกว่าร้อยชีวิตของตระกูลบุสโซ่นี้ให้กลายเป็นทหารแกร่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่คือผู้คนกว่าร้อยชีวิตหาใช่เพียงสี่ชีวิตเหมือนเมื่อครั้งที่กาเล็ทฝึกฝนชี้แนะให้กับขุนพลทั้งสี่ของตนเองอีกทั้งทรัพยากรเช่นแก่นจิตวิญญาณที่มีนั้นก็นับว่ามีอยู่อย่างจำกัดกาเล็ทจึงไม่สามารถที่จะใช้วิธีเดียวกันกับการฝึกฝนขุนพลทั้งสี่ของตนเองกับผู้คนกว่าร้อยชีวิตนี้ได้

    กาเล็ทเพ่งพินิจใคร่ครวญดูแล้ว ทหารกว่าร้อยชีวิตนี้มีระดับพลังเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 5 สำหรับเป้าหมายในการฝึกฝนของกาเล็ทนั้นมีเป้าหมายอยู่ที่ทำให้ระดับพลังเฉลี่ยของกองกำลังนี้เพิ่มสูงขึ้นไปถึงระดับที่ 7 เป็นอย่างน้อยจะอย่างไรหากว่าคิดคำนวนจากความสามารถของมิติเทพเจ้าที่มีความเข้มข้นของกระแสจิตวิญญาณมากกว่าโลกภายนอกถึงสามเท่าประกอบเข้ากับตัวยาวิเศษที่กาเล็ทจะมอบให้แก่ทหารเหล่านี้แล้วถึงแม้ว่าจะเป็นการดูดซับพลังเพิ่มพูนขีดความสามารถตามวิธีปกติ ผู้คนกว่าร้อยชีวิตนี้สมควรสามารถบรรลุพลังไปถึงระดับที่ 7 ได้อย่างไม่เป็นปัญหา

    ในช่วงระยะเวลาช่วงหนึ่งเดือนแรกของการฝึกฝนกาเล็ทนั้นมุ่งเน้นไปที่การฝึกระเบียบวินัยและความพร้อมเพรียงของทั้งหมด เนื่องจากว่ากองกำลังใหม่นี้ยังมีระดับพลังที่ต่ำเตี้ย อีกทั้งการฝึกฝนก็ไม่ใช่การฝึกฝนดูดซับพลังทำให้ผู้คนกว่าร้อยชีวิตนี้ยังมีความต้องการอาหารและการพักผ่อน เช่นนี้แล้วกาเล็ทจึงได้แบ่งเวลาในช่วงแรกของเดือนนี้เป็นการฝึกฝนระเบียบวินัยความพร้อมเพรียงของทั้งหมด 18 ชั่วโมงต่อวันและอีก 6 ช่วงโมงเป็นช่วงเวลาพักผ่อน เรื่องอาหารการกินและที่หลับนอนของผู้คนกว่าร้อยชีวิตนั้นย่อมไม่นับว่าเป็นปัญหาสำหรับกาเล็ท ในส่วนของอาหารกาเล็ทก็ได้ขอให้ทางด้านนีน่าช่วยจัดเตรียมให้เป็นการลับ สำหรับสถานที่หลับนอนย่อมง่ายดายยิ่งกว่า ขอเพียงมีฝูกนอนผ้าห่มและหมอนหนุนทหารกว่าร้อยชีวิตนี้ก็ไม่ได้เกี่ยงนอนพวกมันทั้งหมดต่างสามารถนอนหลับได้อย่างไม่มีปัญหาไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใด

    ช่วงเวลาหกชั่วโมงที่เป็นเวลาหลับพักผ่อนของกองทหารกาเล็ทย่อมไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า กาเล็ทใช้เวลา 6 ชั่วโมงในแต่ละวันของช่วงหนึ่งเดือนแรกของการฝึกฝนนี้ช่วยฝึกฝนวิชาให้แก่ขุนพลทั้งสี่ของตนเอง "นายน้อยขอรับเรื่องค่ายกลม่านพลังที่นายน้อยเอ่ยถึงจะให้พวกข้าร่วมฝึกฝนด้วยหรือไม่ขอรับ" มาร์ตินเปิดปากเอ่ยถามขึ้น ในระยะหลังนี้ไม่ใช่เพียงแต่โรสที่มีความกล้าเปิดปากเอ่ยถามเรื่องราวต่อกาเล็ทแต่กลับกลายเป็นลูกน้องคนสนิททั้งสี่ของกาเล็ทนั้นต่างกล้าที่จะเปิดปากเอ่ยถามในสิ่งที่ตนเองสงสัยและสนใจใคร่รู้ต่อกาเล็ทกันอย่างถ้วนหน้าสาเหตุก็เพราะความใกล้ชิดสนิทสนมที่เพิ่มมากขึ้น

    "ย่อมต้องฝึก แม้ว่าข้าไม่มีความคิดที่จะให้พวกเจ้าเป็นส่วนหนึ่งในการควบคุมค่ายกลม่านพลังนี้หากแต่หลักการทำงานของมันยังสามารถทำมาประยุกข์ใช้เป็นวิชาม่านพลังที่ร้ายกาจได้หากว่าพวกเจ้าทั้งสี่สามารถใช้ออกด้วยวิชานี้ได้อย่างเชี่ยวชาญแล้วถ้าร่วมมือกันให้ดีเกรงว่าแม้แต่ระดับจักรพรรดิยังต้องตกตายลงภายใต้การร่วมมือของพวกเจ้าทั้งสี่" กาเล็ทเอ่ย

    "วิชาม่านพลังนี้ร้ายกาจถึงเพียงนั้นหรือขอรับนายน้อย" เจฟเอ่ยถาม

    "ย่อมร้ายกาจแต่อย่างที่ข้าเคยบอกกล่าวแก่พวกเจ้า ไม่ว่าวิชาใดล้วนย่อมมีทั้งจุดอ่อนและจุดแข็ง วิชาม่านพลังนี้มีพลังทำลายล้างที่สูงล้ำหากแต่มันความเสี่ยงในการใช้ออกก็มีมากมายเช่นเดียวกัน หากว่าเกิดข้อผิดพลาดขึ้นแม้แต่น้อยเกรงว่าผลลัพธ์คงเป็นตรงกันข้ามกับที่ผู้ใช้ออกมุ่งหวังแล้วและเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องเช่นนั้นพวกเจ้าต้องพยายามตั้งมั่นในการฝึกฝนวิชานี้เข้าใจหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยอธิบาย

    "ขอรับ/เจ้าค่ะ" ทั้งสี่เอ่ยขานรับอย่างมุ่งมั่น

    ขณะที่ทั้งหมดกำลังพูดคุยกันอยู่มิร่าซึ่งกำลังนอนหลับอยู่บนศรีษะของกาเล็ทก็ลืมตาตื่นขึ้นพร้อมชโงกหัวไปในทิศทางที่เทลเล่อนั่งฝึกฝนซึ่งอยู่ห่างออกไป

    กาเล็ทที่สัมผัสได้ถึงกระแสพลังระดับจักรพรรดิที่แผ่ขยายออกมาก็เผยรอยยิ้มออกมา "ท่านอาจารย์บรรลุพลังระดับจักรพรรดิแล้ว เช่นนี้โรฮานของเราก็มีระดับจักรพรรดิถึงสามคนแล้ว"

    ได้ยินคำเอ่ยกล่าวของกาเล็ท ทั้งเจฟ โรส มาร์ตินและเรน่าต่างแสดงสีหน้ายินดีออกมา "สักวันหนึ่งพวกข้าจะแข็งแกร่งขึ้นดังเช่นท่านผู้พิทักษ์และเป็นกำลังให้กับนายน้อย" เจฟเอ่ย

    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็สายหัวช้าๆพร้อมเอ่ยกล่าว "การก้าวขึ้นสู่ระดับจักรพรรดิไม่ใช่เรื่องยากถึงเพียงนั้นหรอก ขอเพียงพวกเจ้ารักษาความมุ่งมั่นที่มีไว้ให้ได้ดั่งเช่นตอนนี้แล้วการที่พวกเจ้าจะบรรลุระดับจักรพรรดิเมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น" กาเล็ทเอ่ย


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×