ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #233 : ความโลภของผู้คนเปรียบเสมือนหุบเหวที่ไร้ก้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.77K
      440
      17 ส.ค. 61



    หลังจากพูดคุยทำความเข้าใจกับมิร่าแล้วกาเล็ทและคณะก็ใช้เวลาเดินทางอีกกว่าสามชั่วโมงสุดท้ายแล้วจึงกลับมาถึงทวีปตะวันออก ในระหว่างสามชั่วโมงของการเดินทางนี้มิร่านั้นคอยพัวพันออดอ้อนกาเล็ทอยู่ไม่ห่าง

    "เห็นบ้านเมืองของทวีปใต้แล้วทำให้ข้าเกิดความรู้สึกสะท้อนใจไม่น้อยเลยท่านอาจารย์" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขึ้นเมื่อเริ่มมองเห็นผืนแผ่นดินของวีปตะวันออกอยู่เบื้องหน้า

    "จะรู้สึกหดหู่ใจไปใย ภายใต้การปกครองของเจ้าคาดว่าอีกไม่กี่ปีทวีปตะวันออกของเราก็คงจะเจริญก้าวหน้าไม่ด้อยกว่าที่ใดแล้ว" เทลเล่อเอ่ยกล่าว

    "ท่านอาจารย์ ไม่ใช่ข้าที่เป็นผู้ปกครอง" กาเล็ทเอ่ย

    "จริงอยู่ที่ว่าเบรุทเป็นกษัตริย์แห่งโรฮานแต่แท้จริงแล้วที่ผู้คนยำเกรงหาใช่มันแต่กลับเป็นเจ้า" เทลเล่อเอ่ย เมื่อเห็นว่าผู้เป็นศิษย์ถอดถอนใจออกมามันก็กล่าวต่อ "ผู้คนบางคนเกิดมาเพื่อกระทำหน้าที่บางอย่าง ต่อให้ไม่ต้องการก็ยังคงไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยง"

    "น่าเสียดายนักที่ไม่ได้ถือโอกาสกว้านซื้อแก่นจิตวิญญาณมาจากทวีปใต้" กาเล็ทเอ่ยกล่าวเปลี่ยนเรื่องขึ้น

    "จากนี้เจ้าวางแผนที่จะทำเช่นไรต่อไป" เทลเล่อเอ่ยถาม

    "ไม่ว่าสงครามจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ข้าก็คิดว่าการเตรียมพร้อมไว้เป็นสิ่งที่จำเป็น สำหรับความคิดของข้านั้นคิดว่าจากนี้จะส่งสารไปถึงแว่นแคว้นต่างๆภายในทวีปเพื่อขอความร่วมมือและทรัพย์ยากร หากว่าสงครามนั้นเกิดขึ้นจริง จุดหมายในการระดมพลเข้ากวาดล้างของศัตรูสมควรจะเป็นเมืองใหญ่ต่างๆภายในทวีปของเรา เพื่อไม่ให้ต้องเป็นการห่วงหน้าพะวงหลังข้าจึงคิดว่าสมควรที่จะจัดหาที่หลบภัยไว้ตามหัวเมืองใหญ่ต่างๆอีกทั้งเริ่มการกักตุนเสบียงไว้เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมรับภาวะของสงครามได้ทุกเมื่อ" กาเล็ทเอ่ยกล่าว

    "นับว่าเป็นแผนการที่ดี เรื่องนี้ไม่ใช่ว่านึกจะกระทำแล้วจะสำเร็จได้เลยยังคงต้องใช้เวลาในการเตรียมการอีกมาก หลังจากกลับไปแล้วให้รีบดำเนินการอย่าได้รอช้า ข้าเองก็จะช่วยด้วยอีกแรงหนึ่ง" เทลเล่อเอ่ยจากนั้นจึงทำเหมือนว่านึกสิ่งใดได้ "ข้าลืมบอกเรื่องนี้แก่เจ้าว่าคลาร่านั้นได้แจ้งมาว่านางได้คัดเลือกผู้คนซึ่งมีคุณสมบัติตามที่เจ้าต้องการไว้แล้วจำนวนหนึ่ง"

    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็ผงกหัวรับ ภาพของทวีปตะวันออกแผ่นดินซึ่งถูกเรียกว่าบ้านขยับใกล้เข้ามา แสดงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องปรากฎขึ้นมาให้เห็นที่เส้นขอบฟ้า "ท่านอาจารย์กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะข้าจะนำมิร่าน้อยเข้าเมืองแบรี่ไปตรวจตราดูความคืบหน้าเสียหน่อย" กาเล็ทเอ่ย

    ได้ยินเช่นนั้นเทลเล่อก็หันขวับมา "การเดินทางเพียงนี้หาได้ทำให้ข้ารู้สึกเหนื่อยอ่อนได้ ข้าเองก็ไม่ได้เที่ยวชมตัวเมืองแบรี่นานแล้วเช่นนั้นก็ใช้โอกาสนี้สำรวจตรวจดูความคืบหน้าของโครงการต่างๆในเมืองแบรี่เถอะจะได้พามิร่าน้อยเที่ยวชมตัวเมืองซึ่งถือได้ว่าเป็นบ้านหลังใหม่ของนางไปด้วย" เอ่ยจบเทลเล่อก็เอี้ยวตัวไปอุ้มมิร่าซึ่งนอนอยู่บนศรีษะของกาเล็ทมากอดไว้ "มิร่าน้อยก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นในเมืองหลายวันแล้ว วันนี้ให้ลุงเทลเล่อพาเที่ยวชมเมืองดีไหมคะ"

    ได้ยินเทลเล่อเอ่ยเช่นนั้นมิร่าก็กู่ร้องด้วยความรู้สึกยินดี ช่วงเวลาแห่งการเที่ยวเล่นออกผจญภัยไปกับผู้คนที่นางนึกรักและผูกพันคือช่วงเวลาที่นางชื่นชอบที่สุด

    เทลเล่อที่กำลังลอยตัวเล่นกับมิร่าน้อยอยู่พลันเหลือบไปเห็นกาเล็ทซึ่งกำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ "เจ้าจะทำอะไร ?" เทลเล่อเอ่ยถามอย่างงงงวย

    "ท่านอาจารย์ก็เห็นอยู่ว่าข้ากำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า" กาเล็ทเอ่ยตอบ

    ได้ยินเช่นนั้นคิ้วของเทลเล่อก็กระตุกขึ้นมาวูบหนึ่ง จากนั้นมันพลันยกมือข้าหนึ่งขึ้นหมายจะเขกใส่ศรีษะของกาเล็ท

    "ล้อเล่น ข้าแค่ล้อท่านอาจารย์เล่น" กาเล็ทที่เห็นว่าผู้เป็นอาจารย์เริ่มมีอารมณ์ขึ้นมารีบเอ่ยตอบ

    เทลเล่อที่อุ้มมิร่าอยู่ถลึงตาหันมองไปที่กาเล็ท "ที่ว่าผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าข้าก็เห็นอยู่ ที่อยากรู้คือเจ้าจะผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำอะไร?"

    "จะเข้าไปตรวจตราดูความคืบหน้าโครงการต่างๆก็สมควรที่จะไปอย่างเงียบเชียบ หากว่าไปด้วยชุดเต็มยศเช่นนี้ได้วุ่นวายกันใหญ่แน่ท่านอาจารย์เช่นนั้นสิ่งที่ควรพบเห็นก็อาจจะถูกปิดบังไว้" กาเล็ทเอ่ยอธิบายถึงเหตุผลของตนเอง

    เทลเล่อได้ยินดังนั้นก็ผงกศรีษะเป็นเชิงเข้าใจและเห็นด้วย "เช่นนั้นข้าก็สมควรที่จะผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเช่นกัน"

    "มิร่าน้อยเองก็ต้องปลอมตัวด้วยเข้าใจไหมคะ" กาเล็ทเอ่ยกับมิร่าในอ้อมกอดของเทลเล่อ

    ใช้เวลาเดินทางอีกไม่นานเท่าไหร่ ทั้งหมดก็เดินทางกลับมาถึงยังโรฮาน

    "ทวีปตะวันออกของเรานั้นยังนับว่าห่างไกลจากทวีปอื่นๆนัก หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าหากเกิดสงครามขึ้นจริงๆ กว่าที่พวกเราจะรู้ถึงการโจมตีของศัตรูเกรงว่าคงเป็นเวลาที่ศัตรูยกทัพมาเยือนถึงหน้าบ้านแล้ว" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขึ้นอย่างอ่อนใจขณะที่เหยีบย่างเท้าลงสู่ผืนดิน

    "เจ้าหมายถึงโครงสร้างในการเฝ้าระวังสอดแนม?" เทลเล่อเอ่ยถาม

    ได้ยินคำถามกาเล็ทก็ผงกหัวรับ ทวีปใต้นั้นยังมีโครงสร้างระวังภัยไว้เพื่อตรวจจับสอดแนม ระบบป้องกันภัยของทวีปใต้นั้นนับว่ามีประสิทธิภาพไม่น้อย อย่างน้อยก็ยังสามารถที่จะตรวจจับการมาถึงของพวกตนได้แต่พอเหลียวกลับมามองยังทวีปตะวันออกของตนเองแล้วกลับไม่มีระบบป้องกันภัยนั้นเลย

    "เรื่องนี้ไม่ง่ายนัก" เทลเล่อเอ่ย การที่จะจัดวางกำลังไว้คอยเฝ้าระวังสอดแนมป้องกันดังที่ทวีปใต้กระทำหาใช่ว่าจะกระทำได้โดยง่าย เอาแต่เพียงแค่เฝ้าระวังเฉพาะโรฮานพวกตนยังกระทำจัดสร้างไม่แล้วเสร็จอย่าได้หมายว่าจะวางเครื่อข่ายเฝ้าระวังไว้ทั่วทั้งทวีปตะวันออกเลย เมื่อเห็นว่าผู้เป็นศิษย์มีท่าทีห่อเหี่ยวลงเทลเล่อก็ยื่นมือออกไปตบบ่าเพื่อให้กำลังใจ "อย่าได้กระทำเสมือนว่าเจ้าจะต้องแบกรับทุกสิ่งไว้บ่นบ่า กระทำได้เท่าไหร่ก็ได้เท่านั้น สำหรับในความคิดของข้าแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่สามารถวางโครงข่ายเฝ้าระวังไว้ครอบคลุมได้ดั่งทวีปใต้แต่ถ้ากระทำเฉพาะในเขตพื้นที่โรฮานเรายังคงสามารถที่จะกระทำได้เมื่อกระทำแล้วเสร็จแล้วค่อยๆขยับขยายออกไปเช่นนี้จึงถูกต้อง จะอย่างไรตอนนี้ให้นับเอาโรฮานเป็นจุดศูนย์กลางในการเฝ้าระวังป้องกัน ส่วนพื้นที่อื่นๆรอบนอกก็ให้เตรียมการไว้เท่าที่จะทำได้ ยกตัวอย่างเช่นจัดทำสถานที่หลบภัสงครามไว้เป็นการลับดั่งที่เจ้าคิด ยังมีทรัพย์สินสิ่งของมีค่าต่างๆก็ต้องแจ้งให้เหล่าผู้ปกครองนำไปจัดเก็บหลบซ่อนไว้ หากว่าตัวเมืองถูกบุกยึดขึ้นมาจริงๆจะได้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด"

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็ได้แต่ผงกหัวตามสิ่งที่เทลเล่อเอ่ย "ข้าก็คิดไว้เช่นนั้นท่านอาจารย์"

    ภายในเมืองแบรี่ เทลเล่อและกาเล็ทซึ่งสวมใส่ผ้าคลุมร่างไว้ตลอดทั้งลำตัวช่วงบนไปจนถึงปลายเท้าชวนดูน่าสงสัยกำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารริมทางจ้องมองดูมิร่าในร่างของเด็กหญิงเดินออกไปจับจ่ายซื้อของ สีหน้าท่าทางของเทลเล่อที่กำลังจับจ้องมองดูมิร่าที่กำลังเจรกับแม่ค้าผู้หนึ่งซึ่งกำลังเปิดแผงร้านขายขนมหวานในเขตตลาดค้าขายของเมืองแบรี่ชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึกตื่นเต้นตามไปด้วย

    "ท่านอาจารย์ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลถึงเพียงนั้น" กาเล็ทที่ด้านข้างเอ่ยเมื่อเห็นถึงสีหน้าท่าทางของเทลเล่อซึ่งทำเสมือนว่าอยากจะลุกเข้าไปช่วยเหลือผู้เป็นหลานอยู่เต็มที
    "นางยังเล็กอยู่ไม่รู้ความ หากว่าถูกพ่อค้าแม่ค้าที่มากเล่ห์หลอกลวงโก่งราคาคงไม่เป็นผลดีต่อการเรียนรู้ของนาง" เทลเล่อเอ่ย
    "ท่านอาจารย์ หากว่าเราคอยดูแลควบคุมช่วยเหลือนางจนมากเกินไปเกรงว่าต่อให้ใช้เวลาอีกนานปีนางก็คงไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมกับสังคมของมนุษย์ได้อย่างกลมกลืน ในความคิดของข้านั้นคิดว่าให้ถูกหลอกโก่งราคาจึงนับว่าเป็นผลดี จากนั้นเราค่อยแจกแจงต่อนางให้สามารถเข้าใจและแยกแยะกลโกงต่างๆของผู้คน" กาเล็ทเอ่ย

    พูดคุยกับเทลเล่ออีกไม่นานมิร่าก็เดินกลับมาหายังร้านน้ำชาริมทางที่พวกตนนั่งรออยู่พร้อมกับน้ำตาลซึ่งถูกปั้นเป็นรูปทรงต่างๆในมือของนางถึงสามไม้ มิร่าค่อยๆเดินเข้ามาพร้อมทั้งหยิบยื่นขนมน้ำตาลเสียบไม้ในมือของนางออกให้แก่กาเล็ทและเทลเล่อ

    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็เผยรอยยิ้มยินดีออกมา "มิร่าน้อยของปะป๋ารู้จักการแบ่งปันแล้ว ไหนบอกปะป๋าสิว่าซื้อขนมหมดเงินไปเท่าไหร่"

    "12 เหรียญทองแดง" มิร่าที่ถูกกาเล็ทอุ้มขึ้นมาเอ่ยบอกขณะที่อ้าปากน้อยๆของตนเองกัดกินก้อนน้ำตาลที่อยู่บนไม้ในมือ

    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็หันไปหาเทลเล่อสบตากันเป็นเชิงเข้าใจได้ นับว่าแม้ค้าผู้นี้มีมโนธรรมไม่หลอกลวงโก่งราคา

    "นับได้ว่าการปฎิรูปของเจ้านั้นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว ลองมองดูให้ดี" เทลเล่อซึ่งกำลังกัดกินก้อนน้ำตาลซึ่งผู้เป็นหลานซื้อให้เอ่ยบอกแก่กาเล็ท หากว่ามิใช่เป็นมิร่าซึ่งซื้อมาให้ตัวมันที่มันศักดิเป็นถึงผู้พิทักษ์แห่งโรฮานย่อมไม่มีความคิดที่จะลิ้มลองกินขนมหวานสำหรับเด็กเช่นนี้ให้เสียภาพพจน์

    กาเล็ทกวาดตาเหลียวมองดูไปยังบริเวณเขตค้าขายของเมืองแบรี่ที่ขยายใหญ่และมีผู้คนพลุกพล่านคึกคักกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด

    "เหล่ามิจฉาชีพที่เคยมีมากจนลำคาญตาก็ลดน้อยถอยลง ทหารของทางการที่เคยไร้ระเบียบหละหลวมวินัยก็แลดูมีระเบียบวินัยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ชาวบ้านร้านถิ่นออกมาจับจ่ายซื้อของใช้จ่ายเงินทองมากขึ้น นี่ไม่ใช่เป็นสัญญาณที่ดีหรอกหรือ?" เทลเล่อเอ่ย

    ได้ยินเช่นนั้นกาเล็ทก็นึกย้อนกลับไปถึงครั้งที่ตนพาซิลเวียและเบลล่าออกเดินเล่นชมเมือง การที่ตนเองและเทลเล่อช่วยพลักดันให้ราชาเบรุทออกกฎระเรียบมากมายออกมาและบังคับใช้ลงโทษทหารที่ฝ่าฝืนไม่ปฎิบัติตามอย่างแข็งขันทำให้เหล่าทหารภายใต้สังกัดของส่วนการมีระเบียบวินัยเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อทหารผู้ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองอยู่ในกฎระเบียบและปฎิบัติหน้าที่อย่างซื่อตรงขึ้นมา สิ่งที่เคยบิดเบี้ยวแหกกฎก็จะลดน้อยถอยลงตามไปด้วย ยกตัวอย่างเช่นเหล่าชนชั้นอันธพาลมิจฉาชีพที่เคยเรียกเก็บค่าคุ้มครองบัดนี้แถบไม่มีมาให้ได้เห็นเลย

    ยังไม่ทันที่จะกวาดตาดูโดยรอบอย่างทั่วถึงกาเล็ทและเทลเล่อต่างสังเกตุเห็นกลุ่มของทหารส่วนกลางซึ่งพึ่งจะผลัดกะระวังป้องกันกับเพื่อนเดินมายังร้านน้ำชาซึ่งตนเองกับเทลเล่อกำลังนั่งพักอยู่

    "ข้าก็หลงนึกว่าโรฮานจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เสียอีก เฮ้อเห็นมีข่าวว่าทหารชั้นผู้น้อยอย่างพวกเราก็จะได้รับการขึ้นเงินเดือนกว่าเท่าตัวข้าเองก็แอบนึกดีใจคาดหวังไว้ ทีไหนได้กลับเป็นเช่นนี้ไป" ทหารผู้หนึ่งซึ่งก้าวเท้าเข้ามาในร้านน้ำชานั่งลงยังโต๊ะที่อยู่ห่างจากกาเล็ทไปไม่ไกลพร้อมกับเพื่อนในหมู่ของมัน น้ำเสียงที่มันใช้พูดออกมาแสดงออกถึงความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง

    "เจ้าผิดหวังผู้เดียวหรือ? ข้าเองเมื่อได้รู้ข่าวก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานอย่างหนัก ทราบหรือไม่ว่าแม้แต่เงินทองเล็กน้อยที่ผู้อื่นหยิบยื่นให้ข้าก็ไม่ได้รับมาสังเหรียญเดียว ผู้ใดจะคาดว่าเงินเดือนซึ่งหวังว่าจะได้เพิ่มดั่งข่าวกลับเหือดหายไปเช่นนี้ เจ้าดูแม้แต่เครื่องแบบชุดทหารนี่ที่พึ่งเบิกรับมายังเก่าทรุดโทรมถึงเพียงนี้ พอสอบถามดูมันกลับให้คำตอบว่างบจากส่วนกลางยังไม่กระจายลงมาชั่งน่าคลั่งใจนัก" เพื่อนของมันที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเอ่ยกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกคับแค้นไม่ต่างกัน วันนี้เป็นวันรับเงินเดือนของพวกมัน พวกมันที่ได้ยินข่าวว่าจะมีการขึ้นเงินค่าแรงให้แก่ทหารของส่วนกลางต่างเฝ้ารอคอยให้วันนี้มาถึงอย่างใจจดจ่อ หากแต่พอสิ่งที่เฝ้ารอมาถึงพวกมันทั้งหมดต่างผิดหวังแล้ว เนื่องจากเงินเดือนที่ไม่ได้รับเพิ่มดั่งหวังแม้แต่ชุดเครื่องแบบอุปกรณ์ต่างๆที่จัดแจกให้ยังเป็นของเก่าที่ใช้แล้ว

    ทางด้านกาเล็ทและเทลเล่อที่นั่งอยู่ไม่ไกลและกำลังเงี่ยหูฟังอยู่เมื่อได้ยินดังนั้นก็เกิดความรู้สึกมึนงง สงสัย กาเล็ทหันมองไปทางเทลเล่อเพื่อต้องการคำตอบ เทลเล่อเองก็หันมองกลับมาที่กาเล็ทอย่างงุนงงเช่นกัน "ท่านอาจารย์มิใช่บอกกล่าวว่าจัดการเรื่องนี้แล้วหรือ?" สุดท้ายแล้วกาเล็ทก็เอ่ยถามขึ้น

    "เป็นเช่นนั้น ข้าได้ตรวจสอบคลังของส่วนกลางแล้วว่ามีเงินทองเหลือพอเพียง ดังนั้นจึงปรึกษากันกับหนูเบลล่าว่าจะทำการยกระดับชีวิตของทหารส่วนกลางให้ดีขึ้นโดยเอาตระกูลบุสโซ่เป็นต้นแบบ หนูเบลล่าเองก็ได้ให้คำยืนยันแก่ข้าแล้วว่าได้บอกกล่าวแก่ขุนนางที่รับผิดชอบให้ดำเนินการแล้ว" เทลเล่อเอ่ย

    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งเงียบขบคิดกับตนเองอยู่ชั่วครู่หนึ่งจากนั้นจึงได้ข้อสรุปของเรื่องนี้ "ความโลภของผู้คนนั้นเปรียบเสมือนหุบเหวที่ไร้ก้น ดูท่าว่าข้ากับท่านอาจารย์คงจะประเมินความโลภของผู้คนต่ำเกินไป"

    เทลเล่อได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าเขียวคล้ำขึ้นมา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มันอาสาดูแลจัดการสุดท้ายแล้วเมื่อเกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นตัวมันก็ไม่อาจปฎิเสธความรับผิดชอบ "ดูท่าว่าเงินทองที่ข้าและเจ้าวุ่นวายหัวหมุนวิ่งหามาอย่างยากลำบากกลับถูกผู้อื่นแอบหยิบฉวยไปเสียแล้ว นับว่าข้านั้นดูแคลนความโลภของผู้คนไปจริงๆหากว่าไม่ขุดรากถอนโคนเสียให้สิ้นเกรงว่าแผนการที่วางไว้คงไม่สามารถดำเนินให้ราบรื่นสำเร็จได้"




    ปล.ขออภัยที่หายไปนานครับ ขอถามทุกคนยังจำผลึกอสูรคลั่งของทวีปกลางที่เคยกล่าวถึงได้ไหม 555 หลายคนอาจจะลืมไปแล้ว


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×