ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #245 : ปิดลอคแก่นจิตวิญญาณ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.09K
      388
      25 ส.ค. 61




    "เจ้าคิดทำอย่างไรกับพวกมัน" เทลเล่อที่ค่อยๆลดระดับลงมายืนอยู่ข้างกายของกาเล็ทเอ่ยถามขณะที่ใช้สายตาเหลือบมองไปยังบาทหลวงเจมินี่และเอกีย์ที่สลบไสลไม่ได้สติอยู่

    "จากการแอบฟังข้อความที่พวกมันสื่อสารกันเมื่อครู่ทำให้ข้าได้ทราบว่าพวกมันนั้นเป็นคนของทวีปกลางท่านอาจารย์" กาเล็ทเอ่ย

    ได้ยินคำบอกเล่าของกาเล็ทเทลเล่อก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา "ผู้มีพลังระดับจักรพรรดิของทวีปกลางถึงสองคนมากระทำลับๆล่อๆอยู่ภายในพื้นที่ลึกลับดั่งเช่นหุบเขาอสูรฟ้านี้คงต้องมีเงื่อนงำ"

    "ด้วยเหตุนี้ข้าจึงคิดจับเป็นพวกมันเพื่อที่จะมาสอบสวนรีดเอาข้อมูลทุกอย่าง" กาเล็ทเอ่ย

    เทลเล่อที่ด้านข้างแสดงท่าทีเสมือนว่านึกสิ่งใดได้ออกมาจากนั้นจึงเปิดปากบอกต่อกาเล็ท "เมื่อครู่ข้าได้พบกับแม่นัพนายหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บหลังจากสอบถามมันแล้วจึงได้รีบรุดมา จากปากคำของมันบอกกล่าวว่าพบเห็นเจ้าสองคนนี้กำลังถ่ายทอดพลังเข้าสู่ผลึกลึกลับบางอย่างอยู่ เช่นนี้การที่พวกมันมาปรากฎตัวอยู่ในหุบเขาอสูรฟ้าแห่งนี้อาจจะเกี่ยวกับสิ่งนั้นก็เป็นได้ ข้าคิดว่าจะอย่างไรพวกเราก็สมควรทีจะตรวจสอบดูให้ละเอียด" เทลเล่อบอก

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็ผงกหัวในเชิงเห็นด้วยจากนั้นที่หางตาพลันสังเกตุเห็นว่าลูกน้องคนสนิททั้งสามของตนเองกำลังคุกเข่าอยู่ "พวกเจ้าคุกเข่าทำอะไร" กาเล็ทเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

    "พวกข้านั้นไร้ความสามารถ ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของนายน้อยได้เลยขอให้นายน้อยโปรดลงโทษ" ทั้งสามเอ่ยกล่าวอย่างพร้อมเพรียง ไม่แต่เพียงทั้งสามเจฟที่ยังอ่อนแรงอยู่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบคลืบคลานเข้าไปร่วมวงคุกเข่าด้วย

    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันที จากนั้นจึงส่ายศรีษะพร้อมทั้งโบกมือไปมา "อย่าได้กล่าวเรื่องเหลวไหล ทราบหรือไม่ว่าพวกมันทั้งสองนั้นต่างเป็นผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิทั้งสิ้น" กล่าวจบกาเล็ทก็ชี้มือไปยังเอกีย์ "เจ้าผู้นี้มีระดับฝึกฝนตนอยู่ที่ขั้นจักรพรรดิระดับต้น" จากนั้นกาเล็ทก็หันไปทางบาทหลวงเจมินี่ซึ่งนอนสลบไม่ได้สติอยู่ "ส่วนเจ้าผู้นี้ที่สามารถทำลายม่านพลังของพวกเจ้านั้นอันตรายยิ่งกว่า ระดับพลังการฝึกฝนของมันนั้นอยู่ในระดับขั้นจักรพรรดิขั้นกลาง"

    แม้จะพอคาดเดาเบื้องต้นได้อยู่แล้วแต่การที่ได้รับการยืนยันจากปากของผู้เป็นนายเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องที่น่าตกใจ โดยเฉพาะระดับพลังของบาทหลวงเจมินี่ที่อยู่ในขั้นจักรพรรดิระดับกลาง นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่พวกตนทั้งสี่ได้มีโอกาสประมือกับผู้มีพลังระดับจักรพรรดินอกเหนือจากผู้เป็นนาย

    เห็นท่าทีของลูกน้องทั้งสี่กาเล็ทก็เผยรอยที่ชวนให้ผู้พบเห็นเกิดความรู้สึกโล่งใจผ่อนคลายออกมา "ที่สามารถจับตัวคร่ากุมสยบพวกมันได้ง่ายดายเช่นนี้พวกเจ้าเองก็นับว่ามีส่วนด้วย เจฟเจ้าเองก็อย่าได้ถอดใจหมดอาลัยเพียงเพราะความพ่ายแพ้ครั้งแรกไป การที่มันผู้นี้ต่อสู้ประมือกับเจ้าถึงแม้มันจะเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะแต่ตัวมันเองก็ได้รับบาดเจ็บและสูญเสียพลังไปไม่น้อยอย่าว่าแต่มันนั้นมีพลังถึงระดับจักรพรรดิส่วนเจ้านั้นอยู่เพีนงในขั้นระดับราชาขั้นกลาง หากว่ามีระดับพลังที่เท่าเทียมกันแล้วมันต้องพ่ายแพ้ต่อเจ้าแน่นอน" กาเล็ทเอ่ยปลอบ "ส่วนพวกเจ้าทั้งสาม ม่านพลังที่สร้างกักขั้งศัตรูไว้ถือว่าทำได้ไม่เลว ต่อให้ท่านพลังที่สร้างขึ้นจะถูกศัตรูใช้พลังกดดันจนแทบจะพลังทลายออกก็ไม่ได้ถือว่าล้มเหลว การที่สามารถบีบบังคับให้ศัตรูต้องยอมสละพลังกว่าครึ่งที่หลงเหลืออยู่ทิ้งไปเพื่อคลายวงล้อมจากม่านนั้นสามารถเปิดช่องให้ท่านอาจารย์สามารถลอบเข้าจู่โจมใส่มันได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นนี้จะถือว่าล้มเหลวได้อย่างไร ขอเพียงพวกเจ้าหมั่นขยันฝึกซ้อมร่วมกันให้มากไว้เชื่อว่าในอนาคตภายหน้าต่อให้เผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านี้มันก็คงไม่สามารถทลายม่านพลังออกมาได้แน่" กาเล็ทเอ่ยชี้ให้เห็นแง่มุมต่างของการต่อสู้เมื่อครู่อย่างชัดแจ้ง นี่ย่อมหมายความว่ากาเล็ทสามารถมองทะลุทุกแง่มุมที่เกิดขึ้นได้เสมือนการนับนิ้วบนฝ่ามือของตนเอง

    "เอาล่ะลุกขึ้น เหล่าแม่ทัพและหัวหน้าตระกูลต่างๆคงแตกตื่นจนขวัญหนีกันมากแล้ว พวกเจ้าเร่งรีบกลับไปบอกกล่าวปลอบขวัญพวกมันจากนั้นจึงเร่งนำพาพวกมันกลับไปรวมตัวกันที่เรือเหาะเตรียมเดินทางกลับ ส่วนข้ากับท่านอาจารย์และมิร่าน้อยจะรุดไปตรวจสอบผลึกปริศนาที่ถูกกล่าวถึงสักหน่อย" เมื่อเอ่ยปลอบลูกน้องทั้งสี่เสร็จแล้วกาเล็ทก็เอ่ยสั่งการมอบหมายหน้าที่ต่อทันที

    ได้ยินคำสั่งของผู้เป็นนายทั้งสี่ก็ลุกขึ้นพร้อมทั้งขานรับคำสั่ง

    "หากว่าพวกมันได้สติตื่นขึ้นมาคงเกิดเรื่องยุ่งยากไม่น้อย อย่างไรพวกมันก็เป็นถึงผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิพวกเราไม่อาจไม่ระวังป้องกัน" เทลเล่อเอ่ยย้ำเตือนต่อกาเล็ท

    "เรื่องนี้ขอให้ท่านอาจารย์วางใจ" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขณะที่ย่อตัวลงผลิกหงายฝ่ามือของตนเองออก จากนั้นกระแสพลังรอบตัวของกาเล็ทก็หลั่งไหลไปรวมกันอยู่ที่ฝ่ามือข้างนั้น ละอองแสงจากพลังจิตวิญญาณเข้มข้นสว่างเรืองรองขึ้นมาทันทีจนสามารถสังเกตุเห็นได้ด้วยตาเปล่า เมื่อรวบรวมพลังได้มากพอแล้วกาเล็ทก็ดันมือของตนเองเข้าไปปะทะกับร่างของบาทหลวงเจมินี่ที่สลบไสลอยู่เบาๆ กระแสพลังจากฝ่ามือของกาเล็ทค่อยๆหลั่งไหลทะยานเข้าสู่ร่างของบาทหลวงเจมินี่มุ่งตรงเข้าสู่แก่นจิตวิญญาณซึ่งเป็นแหล่งก่อกำเนิดพลังของผู้ฝึกตน

    ภายในร่างของบาทหลวงเจมินี่กระแสพลังของกาเล็ทค่อยๆก่อตัวล้อมรอบแก่นจิตวิญญาณของมันชั้นแล้วชั้นเล่าเสมือนกำแพงคุกที่ปิดลอคกักขังนักโทษไว้ "เช่นนี้ต่อให้มันผู้นี้ฟื้นคืนกลับมาก็ไม่สามารถที่จะก่อคลื่นลมอันใดได้อีก การจะปลดลอคทลายพลังที่ข้าสร้างไว้เกรงว่าคงต้องให้จักรพรรดิจรัสแสงของพวกมันออกหน้าช่วยเหลือเองเท่านั้นจึงจะมีหนทางได้" กาเล็ทเอ่ยพร้อมกับหันไปหาเอกีย์เพื่อจะกระทำสิ่งเดียวกับที่กระทำกับบาทหลวงเจมินี่เมื่อครู่แต่ก่อนที่กาเล็ทจะได้ลงมือ ร่างเล็กก็ทยานเข้ามาจากทางด้านหลังมุดรอดหว่างแขนของกาเล็ทเข้ามาใส่สายตาบ่งบอกต่อผู้เป็นบิดาว่านางจะเป็นผู้จัดการกับเจ้าผู้นี้เอง

    กาเล็ทเห็นอาการท่าทีของผู้เป็นบุตรสาวตัวน้อยก็ได้แต่ยิ้มขำ จากนั้นจึงปล่อยให้นางทดสอบลองดูสักคราหนึ่ง

    มิร่ายกอุ้งเท้าข้างหนึ่งของตนเองขึ้นเพื่อรวบรวมพลังเหมือนอย่างที่กาเล็ทกระทำจากนั้นเมื่อรวบรวมพลังจนเพียงพอแล้วนางก็ยื่นอุ้งเท้าข้างนั้นออกไปเพื่อประทับเข้าใส่ร่างของเอกีย์ หากแต่ทันทีที่นางยื่นอุ้งเท้าของตนเองออกไปประทับเข้าใส่ร่างของเอกีย์ ร่างของเอกีย์ที่สลบไสลอยู่กลับสั่นกระตุกไม่หยุดนิ่งเสมือนร่างของบาทหลวงเจมินี่ขณะที่ถูกกาเล็ทสร้างลอคพลังใส่

    มิร่าเห็นเช่นนั้นก็ร้องคลางเสียงต่ำออกมาครั้งหนึ่งที่การลงมือของตนเองล้มเหลว กาเล็ทที่ได้ข้างก็ได้แต่ยิ้มขำ "มาปะป๋าจะสอนหนูว่าต้องทำยังไง" เอ่ยจบกาเล็ทก็ยื่นมือของจนเองไปแตะยังอุ้งเท้าของมิร่าเพื่อช่วยชี้นำกระแสพลังที่ควรจะเป็นให้แก่นาง

    เมื่อเห็นว่าการลงมือครั้งที่สองของตนเองโดยมีผู้เป็นบิดาช่วยนำทางสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ดวงตาสุกใสของมิร่าก็เปล่งประกายแห่งความร่าเริงออกมา แม้แต่เทลเล่อที่ด้านหลังซึ่งเฝ้ามองดูเหตุการณ์อยู่ก็อดที่จะยิ้มยินดีไปด้วยไม่ได้

    ปิดลอคพลังของผู้คนจากทวีปกลางทั้งสองเสร็จแล้ว กาเล็ทก็ลุกขึ้นพร้อมกับใช้พลังของตนเองห่อหุ้มร่างของพวกมันไว้และยกลอยให้สูงขึ้นเพื่อที่จะนำร่างของพวกมันเดินทางไปด้วย "ไปตรวจสอบกันเถอะท่านอาจารย์ว่ามันทั้งสองนี้กระทำสิ่งลับๆล่อๆใดที่ไม่อาจให้ผู้คนพบเห็นได้กัน"

    เทลเล่อผงกหัวให้แก่กาเล็ท

    เดินทางค้นหาไปยังทิศทางที่ได้รับการบอกเล่าจากแม่ทัพนายกองที่หนีรอดมาสักพักหนึ่งสุดท้ายกาเล็ทก็สามารถที่จะค้นพบผลึกอสูรคลั่งซึ่งกำลังพองตัวขยายใหญ่ปล่อยคลื่นพลังแปลกประหลาดออกมาเป็นระลอก

    "ปะป๋ากาเล็ท มิร่าไม่ชอบเลย" มิร่าส่งเสียงตามพันธสัญญาเพื่อบอกเล่าความรู้สึกของตนเองต่อผลึกแปลกประหลาดตรงหน้าต่อกาเล็ท

    มองดูผลึกปริศนานี้เพียงวูบเดียวก็ทำให้กาเล็ทรับรู้ถึงลางร้ายได้แล้ว

    "ข้าไม่เคยเห็นเจ้าสิ่งนี้มาก่อนเลย" เทลเล่อเดินวนล้อมรอบเพื่อสำรวจตรวจดูขณะที่เอ่ยกล่าว "เจ้าทราบหรือไม่ว่ามันคือสิ่งใดกาเล็ท?"

    ได้ยินคำถามกาเล็ทก็ได้แต่ส่ายหัว "ข้าทราบแต่ว่าการคงอยู่ของมันคงไม่ใช่เรื่องดีงามสำหรับเราท่านอาจารย์" วูบบบบ วูบบบบบ กาเล็ทกล่าวยังไม่ทันจบคำผลึกปริศนาลึกลับก็ปลดปล่อยคลื่นพลังระลอกใหญ่ออกมา คลื่นพลังนี้ถูกส่งผ่านเคลื่อนกระจายออกไปเป็นบริเวณกว้าง

    "ปะป๋ากาเล็ท มิร่าไม่ชอบ มิร่ารู้สึก รู้สึกไม่สบายใจ ผลึกนี้ทำให้ ทำให้มิร่า มิร่า ไม่สบายตัว" มิร่าส่งเสียงอธิบายต่อการเล็ท

    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็ได้คิด มิร่าไม่เคยแสดงอาการเช่นนี้ออกมาให้ได้เห็นเลย ทั้งที่นางบอกว่าตัวนางรู้สึกไม่สบายตัวหากแต่ตนเองกลับไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากคลื่นพลังเมื่อครู่

    ผลึกแปลกประหลาด ทวีปกลาง หุบเขาอสูรฟ้า ประกอบเข้ากับสิ่งที่มิร่าบอกเล่า นึกคิดวูบหนึ่งดวงตาของกาเล็ทก็กระจ่างวูบ "ไม่ได้การ" ไวเท่าความคิดกาเล็ทนำดาบเขี้ยมมังกรออกมาจากแหวนมิติพร้อมทั้งอัดพลังของตนเองเข้าไปและเสือกแทงมันออกไปใส่ผลึกสีดำตรงหน้าทันที่

    กึงงงงงงงง คมดาบเขี้ยมมังกรปะทะเข้ากับม่านพลังโปร่งใสก่อนจะเข้าถึงตัวของผลึกลึกลับที่ล่องลอยอยู่

    "ก๊าาชชชชชชชชช โฮกกกกกกกก " เสียงคำรามของเหล่าสัตว์อสูรที่อยู่ไกลออกไปค่อยๆดังก้องขึ้นมาให้ได้ยินพร้อมกับเสียงของสัตว์ปีกน้อยใหญ่ที่กระพือปีกของตนเองเพื่อลอยตัวขึ้นหลบหนีภัยอันตราย


    "ฮ่า ฮ่า ฮ่า แคก ๆ" เสียงหัวเราะพร้อมกับเสียงไอดังขึ้นที่ด้านหลังของกาเล็ทส่งผลให้ทั้งกาเล็ท และเทลเล่อหันหลังกลับไปมองยังต้นเสียง

    "พวกเจ้าคิดว่าจะสามารถทำลายผลึกอสูรคลั่งที่ข้าและท่านบาทหลวงเจมินี่ใช้เวลาร่วมสองวันอัดพลังเข้าไปได้ง่ายๆหรือ" เป็นเอกีย์ที่ฟื้นคืนจากการสลบไสลขึ้นมาเอ่ยกล่าวหัวเราะชอบใจ เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้แล้วมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังอำพรางอีกจะอย่างไรภารกิจของมันถือว่าสำเร็จลุล่วงแล้ว เมื่อผลึกอสูรคลั่งทำงานเช่นนี้แล้วในไม่ช้าก็เร็วสัตว์อสูรภายในหุบเขาแห่งนี้จะต้องเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นออกอาละวาดสร้างความปั่นป่อนให้กับทวีปตะวันออกแน่นอน สำหรับกับตัวมันและบาทหลวงเจมินี่เมื่อตกอยู่ภายใต้การคร่ากุมของศัตรูมันก็ตระเตรียมใจที่จะต้องตกตายเรียบร้อยแล้ว




    ปล.วันนี้จะมาลงให้อีกตอนเย็น-บ่ายนะครับ บางทีลงพร้อมกันแล้วคนไม่รู้กดอ่านแค่ตอนล่าสุดได้ยอดวิวน้อย เอ่อเห็นมีคนบ่นว่าเดินเรื่องช้ามีแต่น้ำ บางตอนมันก็น้ำจริงนั่นแหละแต่มันเป็นน้ำที่อยากให้ผู้อ่านผ่อนคลายดึงเรื่องไปตัวละครรอบตัวพระเอก แต่เนื้อหาในช่วงนี้ไม่น้ำนะครับ การจับเป็น การสอบสวน มันมีสาเหตุของมันอยู่ จะให้ซัดกันอย่างเดียวมันก็ยังไงอยู่ จะให้อยู่ๆสร้างปืนมาเลยมันก็ยังไง การจะสร้างปืนมันก็ต้องเกริ่น ต้องอธิบาย ถึงแม้ผมจะไม่ช่ำชองผมก็อยากจะให้ผู้อ่านรู้ถึงกลไกคร่าวๆของปืนและระบบการทำงาน ของมันก็อย่างที่บอกไปว่า บาทหลวงเจมินี่มันมีบทเยอะกว่าที่คิด การจะปูให้บทมันออกมาก็ต้องทำให้ผู้อ่านเข้าใจถึงลักษณะนิสัยของตัวละคร



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×