ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #256 : การปรากฎตัวที่คาดไม่ถึง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.91K
      450
      6 ต.ค. 61


    กระแสพลังเข้มข้นหมุนรวมตัวกันรอบหอกพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่มิธริลในมือของอันดับสี่แห่งห้าพี่น้องวอลเรน สำหรับการซุ่มจู่โจมนี้ตัวมันนั้นมีหน้าที่แต่เพียงเล็งเป้าและซัดขว้างหอกพลังนี้ออกไปส่วนหน้าที่ในการอัพพลัดเข้าสู่หอกในมือนั้นกลับกลายเป็นหน้าที่ของอันดับห้าแห่งพี่น้องวอลเรนผู้เป็นน้องคนสุดท้องแห่งตระกูลวอลเรน ด้วยการผสานงานแบ่งหน้าที่อย่างลงตัวเช่นนั้นทำให้หอกพลังที่ถูกสร้างขึ้นนั้นมีอานุภาพทำลายล้างยากที่จะคาดเดา แม้พวกมันทั้งสองหนึ่งนั้นจะมีพลังอยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นกลางและอีกหนึ่งนั้นมีพลังอยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นต้นเท่านั้นแต่เมื่อพวกมันทั้งสองร่วมมือกันผสานพลังเพื่อลอบจู่โจมระยะไกลเช่นนี้กลับทำให้อานุภาพของหอกพลังที่ถูกสร้างขึ้นนั้นสามารถสังหารได้แม้แต่ระดับจักรพรรดิขั้นสูง

    "น้องห้าอย่าได้ชักช้า พี่ใหญ่ให้สัญญาณในการลงมือมาแล้ว" อันดับสี่แห่งพี่น้องวอลเรนเอ่ยเร่งเร้าผู้เป็นน้องห้าของมัน
    "เข้าใจแล้วพี่สี่" เอ่ยจบอันดับห้าแห่งพี่น้องวอลเรนก็ละมือออกจากการประจุพลังของตนเองเข้าไปยังหอกในมือของผู้เป็นพี่สี่ของมัน

    สัมผัสได้เช่นนั้นดวงตาของอันดับสี่แห่งพี่น้องวอลเรนก็เปล่งประกายอำมหิตออกมามันรวบรวมพลังของตนเองไปที่ดวงตาเพื่อเพิ่มระยะในการมองเห็น มื่อที่กำหอกซึ่งถูกประจุพลังระดับจักรพรรดิเข้าไปโดยผู้เป็นน้องห้าของมันกระชับเข้าหากันเตรียมที่จะปลดปล่อยมันออกไปเพื่อพุ่งเข้าหาเป้าหมาย "คลายม่านพลังออก" ลับดับสี่แห่งเอ่ยสั่งการผู้เป็นน้องห้าของมัน ม่านพลังที่มันเอ่ยสั่งการให้คลายออกนี้หาใช่ม่านพลังที่มีไว้ป้องกันการจู่โจมปกติทั่วหากแต่เป็นม่านพลังที่ใช้ปิดบังอำพรางการคงอยู่ของพวกมัน

    ทันทีที่ม่านพลังอำพรางตัวถูกปลดออกซานซานที่พึ่งจะฟื้นฟูเรี่ยวแรงขึ้นมาได้บางส่วนก็สัมผัสได้ถึงตัวตนของอันดับสี่และอันดับห้าแห่งพี่น้องวอลเรนได้อย่างเรือนรางจากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาก็กลับต้องเป็นนางที่แสดงความแตกตื่นตกใจออกมา "เหม่งอี้ ระวัง" นางเปิดปากเอ่ยเตือนผู้เป็นลูกน้องคนสนิทซึ่งกำลังต่อสู้พัวพันอยู่กับหนึ่งในพี่น้องวอลเรนอย่างลนลาน

    หอกมิธริลที่ถูกประจุไปด้วยพลังระดับจักรพรรดิถูกซัดขว้้างฝ่าหมู่เมฆลงมาจากเบื้องบน ขณะที่หอกพลังนี้ทะยานพุ่งตัวฝ่าหมู่เมฒ มันถึงกับแหวกหมู่เมฒที่ขวางกั้นทิศทางของมันอยู่ให้แหวกกระจายตัวออกแสดงให้เห็นถึงความเร็วยิ่งยวดและพลังที่แฝงอยู่กับตัวหอก เสียงดังกัมนาธดังกึกก้องหลังจากตัวหอกพุ่งตัดผ่าอากาศไปแล้วหลายวิไล่หลังมา

    ทางด้านอันดับสองแห่งพี่น้องวอลเรนนั้นรู้ถึงจังหว่ะเป็นอย่างดีมันถอยฉากเคลื่อนห่างออกไปจากเหม่งอี้นานแล้วตั้งแต่ที่เห็นสัญญาณที่เซเนียลผู้เป็นพี่ชายแสดงออกมา

    ด้วยข่ายจิตวิญญาณที่กางไว้เพื่อเฝ้าระวังทำให้เหม่งอี้สามารถเคลื่อนตัวหลบเลี่ยงก่อนที่หอกมิธริลนั้นจะพุ่งเข้าปะทะกับร่างของตนเองได้เล็กน้อยแต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้มันรอดพ้นจากพลังทำลายของหอกมิธริลที่ศัตรูขว้างปามา ซวบ เสียงของหอกพลังพุ่งทะลวงผ่านร่างของเหม่งอี้ไปส่งผลให้แขนขวาของเหม่งอี้นั้นขาดสบั้นหายไปในทันที

    ซานซานที่เห็นลูกน้องคนสนิทของตนเองถูกจู่โจมทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้นก็เกิดความรู้สึกร้อนใจขึ้น นางพลันเร่งพลังของตนเองหมานจะสร้างวิหคเพลิงขึ้นมาอีกครั้งหากแต่กลับต้องพบกับความล้มเหลว ด้วยการต่อสู้ที่ยืดเยื้อมาตลอดสองวันนี้ที่ถูกห้าพี่น้องวอลเรนพัวพันไว้ทำให้นางสูญเสียพลังไปไม่น้อยประกอบเข้ากับการที่นางใช้พลังมหาศาลไปในการสร้างคลื่นความร้อนจู่โจมใส่เซเนียล ทำให้ในตอนนี้พลังจิตวิญญาณของนางยังไม่ฟื้นฟูเพียงพอที่จะก่อร่างสร้างวิหคเพลิงขึ้นมาอีกครั้ง

    เซเนียลที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่และกำลังใช้พลังของตนเองฟื้นฟูเยียวยารักษาตนเองอยู่แค่นเสียงในลำคอออกมาอย่างสมใจ "การจู่โจมของท่านเกือบคร่าเอาชีวิตของข้าไปแต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยชีวิตลูกน้องของท่าน" เสียงของมันในช่วงท้ายกลับแสดงออกถึงความอำมหิตออกมา

    ซานซานนั้นไม่มีเวลาที่สนใจถึงคำพูดเย้ยหยันที่อีกฝ่ายเอ่ยต่อตนเอง ถึงแม้จะล้มเหลวในการสร้างวิหคเพลิงแต่นั่นไม่ได้หมายความว่านางจะไม่สามารถกระทำสิ่งใดได้อีก นางรวบรวมพลังจิตวิญญาณของตนเองไปที่ฝ่ามือทั้งสองข้างจนก่อเกิดเป็นลูกบอลไฟขนาดกลางขึ้นจากนั้นจึงซัดขว้างมันเข้าหาอันดับสองของพี่น้องวอลเรนที่หมายจะพุ่งทะยานเข้าไปเผด็จศึกใส่เหม่งอี้ซึ่งได้รับบาดเจ็บอยู่พร้อมกันนั้นนางก็ซัดขว้างลูกบอลไฟอีกลูกใส่อันดับสามของพี่น้องวอลเรนที่ต่อสู้ติดพันอยู่กับเนี่ยเฟยลูกน้องอีกคนหนึ่งของตนเอง

    "เนี่ยเฟย เร่งรีบไปช่วยเหลือเหม่งอี้และนำพามันล่าถอยกลับเข้าเมืองก่อน" ซานซานเอ่ยสั่งการกับเนี่ยเฟยผ่านข่ายจิตวิญญาณ

    เมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายเปิดทางสร้างโอกาสให้ เนี่ยเฟยก็รู้ดีว่าไม่มีเวลาให้ลังเลในการตัดสินใจของจักรพรรดินีของตนเองอีก เนี่ยเฟนผละตัวออกจากอันดับสามแห่งห้าพี่น้องวอลเรนและมุ่งเข้าหาเหม่งอี้เพื่อนของตนเองทันทีและพยุงร่างของเหม่งอี้ที่บาดเจ็บโชกเลือดอยู่ล่าถอยกลับไป

    ส่วนอันดับสองและอันดับสามแห่งพี่น้องวอลเรนเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้ติดตามทั้งสองที่ล่าถอยไป มันกลับถอยกลับมาข้างกายของเซเนียลเพื่อเฝ้าระวังคุมเชิงอยู่ให้พี่ใหญ่ของมันฟื้นฟูรักษาตัว

    "ข้ายอมรับว่าดูแคลนความสามารถของท่านมากไปจริงท่านจักรพรรดินีและผลของการนั้นก็ทำให้ข้าต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แต่นั่นจะไม่เปิดขึ้นอีกแล้ว" เซเนียลที่ค่อยๆฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บเอ่ยออกมา

    "อาจบางทีเจ้ายังคงดูแคลนข้าอยู่ ครั้งต่อไปเจ้าอาจจะไม่โชคดีเช่นนี้อีก" จักรพรรดินีซานซานเอ่ยเพื่อยื้ดเวลาเพื่อให้แน่ใจว่าลูกน้องคนสนิททั้งสองของตนเองสามารถล่าถอยกลับเข้าเมืองได้อย่างปลอดภัย

    ได้ยินเช่นนั้นเซเนียลก็แค่นเสียงในลำคอออกมาคำหนึ่ง "ท่านเพียงผู้เดียวจะกระทำสิ่งใดได้ เมื่อเผชิญกับพวกเราห้าพี่น้องวอลเรน ไม่ว่าจะอย่างไรผลลัพธ์ก็มีเพียงหนึ่งเดียว" เซเนียลเอ่ยอย่างมั่นใจ ถึงแม้การที่มันได้รับบาดเจ็บสาหัสจะอยู่นอกเหนือแผนการของมันแต่อย่างอื่นล้วนยังคงเดิม ตอนนี้ที่เบื้องหน้าของมันเหลืออยู่แต่เพียงจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้ เดิมทีมันนั้นวางแผนที่จะสังหารฆ่าทิ้งเหม่งอี้และเนี่ยเฟยไปเพื่อป้องกันไม่ให้ทั้งสองเข้ามาวุ่นวายต่อแผนการจับกุมคร่าตัวจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้แต่แม้จะไม่สามารถกระทำได้ตามที่คิดมันก็ยังสามารถที่จะบีบให้ทั้งสองล่าถอยกลับไปได้อยู่นี่ไม่ถือว่ากระทบต่อแผนการเดิมของมันเท่าไรนัก

    "เกรงว่าคงไม่ใช่เพียงผู้เดียว ข้าจักรพรรดิออก้าอยู่ที่นี่ จะไม่ยอมให้แผนร้ายของทวีปกลางเจ้าสำเร็จอย่างแน่นอน" เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นในสมรภูมิ

    ซานซานที่หันมองไปตามเสียงนั้นก็พบเข้ากับจักรพรรดิออก้าและลูกน้องคนสนิททั้งสองที่กอดอกลอยตัวอยู่กลางอากาศ "ท่านจักรพรรดิออก้า!" ซานซานคลี่ยิ้มออกมาเอ่ยด้วยความยินดี นี่นับว่าเป็นรอยยิ้มแรกของนางในรอบสองวันที่ผ่านมา

    "ท..ท่าน!! เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่ได้" เซเนียลแสร้งกระทำเป็นแตกตื่นตกใจเอ่ยถามออกมา มันแสดงได้อย่างสมบทบาท

    จักรพรรดิิออก้าไม่ตอบคำหากแต่กลับค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาหาจักรพรรดินีซานซาน

    "ท่านออก้าโปรดระวัง มีคนของทวีปกลางคอยแอบซุ่มคอยหาโอกาสอยู่" ซานซานเอ่ยกล่าวเตือนถึงการคงอยู่ของอันดับสี่และอันดับห้าแห่งพี่น้องวอลเรนต่อออก้า

    "ขอซานซานอย่าได้เป็นกังวล การจู่โจมของพวกมันไม่อาจจะทำอย่างไรต่อข้าได้ มาให้ข้าช่วยซานซานฟื้นฟูเรี่ยวแรงก่อนจากนั้นพวกเราจะร่วมมือกันเข่นฆ่าทำลายล้างผู้คนของทวีปกลาง" จักรพรรดินีออก้าเอ่ย

    แม้จะได้ยินเช่นนั้นหากแต่ในจิตใจของซานซานยังคงรู้สึกกังวลไม่คลายถึงตัวตนของอันดับสี่และอันดับห้าแห่งพี่น้องวอลเรน ตอนนี้นางกลับไม่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของพวกมันได้แต่จะอย่างไรที่สำคัญที่สุดคือการมาถึงของจักรพรรดิออก้า ด้วยการร่วมมือกันของนางและจักรพรรดิออก้าแล้วต้องสามารถที่จะจัดการกับห้าพี่น้องวอลเรนได้อย่างแน่นอนดังนั้นนางจึงผ่อนคลายการความระแวดระวังลงและรับเอาความช่วยเหลือจากจักรพรรดิออก้าที่หยิบยื่นเข้ามาให้

    จักรพรรดิออก้าที่ลอบตัวเข้ามาหยุดอยู่เสมอกับจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้ยื่นมือของตนเองออกไปเพื่อแตะเข้าไปยังไหล่ของจักรพรรดินีซานซาน ที่น่าแปลกสำหรับเรื่องนี้คือห้าพี่น้องวอลเรนกลับไม่มีการเคลื่อนไหวพวกมันนั้นยังคงนิ่งเฉยและยินยอมให้จักรพรรดิออก้าลงมือช่วยเหลือจักรพรรดินีซานซานเพื่อฟื้นฟูพลัง

    เวลาล่วงเลยผ่านไปได้ไม่นานจักรพรรดินีซานซานที่ผ่อนคลายรับการช่วยเหลือจากออก้าอยู่ก็ดวงตาเบิกโพลงด้วยความแตกตื่นตกใจจากนั้นนางจึงผละตัวถอยห่างออกมาจากจักรพรรดิออก้าในทันที สติของนางค่อยๆเลือนลางจนไม่สามารถจะเพ่งมองภาพที่เบื้องหน้าได้อย่างแจ่มชัด "เพราะเหตุใด" นางเค้นเรี่ยวแรงที่หลงเหลืออยู่เอ่ยถามออกมาขณะที่จ้องมองไปที่จักรพรรดิออก้า

    จักรพรรดิออก้าแสดงออกถึงความรู้สึกผิดออกมาให้ได้เห็น "ข้าได้แต่หวังว่าซานซานจะเข้าใจในความจำเป็นของข้า" จักรพรรดิออก้าเอ่ยแต่เพียงนั้นจากนั้นจึงหันไปหาเซเนียล "ข้าได้ลงมือตามที่สัญญาเอาไว้แล้ว แม้จะไม่สามารถปิดลอคแก่นจิตวิญญาณของนางได้อย่างเต็มร้อยแต่ตอนนี้พลังภายในร่างของนางนั้นปั่นป่วนวุ่นวายยากที่จะต่อต้านขัดขืนพวกท่านได้อีก ที่เหลือให้พวกท่านลงมือจัดการกันเองเถอะ"

    ได้ยินเช่นนั้นเซเนียลก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา เรื่องพวกนั้นมันยังคงต้องให้จักรพรรดิออก้าบ่งบอกออกมาหรือ?

    ชั่วพริบตาที่นางตระหนักได้ว่าจักรพรรดิออก้าเป็นผู้ทรยศ ด้วยสติที่เลือนลางนางพลันหวนนึกกลับไปถึงคำเอ่ยของคนผู้หนึ่ง "คนที่ท่านต้องระวังไม่ใช่ข้าหากแต่เป็นเขา" นั่นคือคำกล่าวของคนผู้นั้นที่เคยเอ่ยกล่าวเตือนนางไว้ คำเอ่ยเตือนที่นางไม่เชื่อ ไม่เชื่อแม้แต่น้อย คำเอ่ยเตือนของจักรพรรดิทมิฬ ยิ่งเวลาล่วงเลยผ่านไปซานซานที่ถูกทำให้พลังภายในร่างปั่นป่วนวุ่นวายก็ยากที่จะครองสติไว้ได้เท่านั้นแต่จะอย่างไรนางเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งทวีป จนกว่าจะถึงที่สุดนางจะไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมแพ้ให้กับชะตากรรม แม้ร่างจะส่ายโงนเงนยากที่จะรักษาสมดุลของร่างกายไว้ได้หากแต่นางยังคงกัดฟันเตรียมรับการบุกจู่โจมของศัตรู

    เซเนียลที่เห็นเช่นนั้นก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา มายกมือข้างหนึ่งของตนเองขึ้นเพิ่มสร้างลูกบอลพลังขนาดเล็กขึ้นมาจากนั้นจึงซัดขว้างเข้าใส่จักรพรรดินีซานซานที่อยู่ห่างออกไป ลูกบอลพลังลูกแล้วลูกเล่าถูกซัดเข้าใส่ซานซานที่ใช้แรงเฮือกสุดท้ายของตนเองปัดป่ายป้องกันอย่างยากเย็น

    "ไม่นึกเลยว่าเราจะต้องลงเอยเช่นนี้" นั่นคือความคิดของซานซานก่อนที่ลูกบอลพลังลูกหนึ่งที่เซเนียลซัดมาจะปะทะเข้ากับใบหน้าของนางจะทำให้ร่างของนางหลุดร่วงลงจากอากาศสู่พื้น

    เซเนียลเห็นเช่นนั้นก็ออกคำสั่งกับผู้เป็นน้องรองของมันให้เข้าไปคว้าจับเอาร่างของจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้ที่กำลังร่วงหล่นสู่พื้นเบื้องล่างไว้

    อันดับสองแห่งพี่น้องวอลเรนพึ่งทยานเข้าหาร่างที่กำลังล่วงหล่นของจักรพรรดินีซานซานแต่ก่อนที่ตัวมันเจ้าทะยานเข้าไปคว้าเอาถ้วยรางวัลสำหรับความพยายามตลอดสองวันที่ผ่านมาของพวกมันไว้ได้ก็มีเงาร่างสายหนึ่งพุ่งทะยานฝ่าหมู่เมฆลงมาคว้าเอาร่างที่ร่วงหล่นของจักรพรรดินีซานซานไว้ได้ก่อนมัน


    ซานซานที่อ่อนแรงรับรู้ได้ว่าร่างของตนเองถูกคว้าจับไว้จึงพยายามลืมตาขึ้นมามองดูว่าเป็นผู้ใดที่กำลังจับกุมคร่าตัวนางไว้หากแต่ใบหน้าที่พบเห็นกลับทำให้นางที่อ่อนแรงสิ้นหวังเกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ผู้ที่คว้าจับร่างของนางไว้กลับเป็นเขา เขาที่เอ่ยกล่าวเตือนนางในวันนั้น เขาที่นางเลือกที่จะไม่ส่งผู้คนไปขอความช่วยเหลือ เขาที่นางจะนึกถึงเป็นคนสุดท้ายว่าจะมาช่วยเหลือนาง จักรพรรดิทมิฬแห่งทวีปตะวันออก!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×