ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #297 : ความใฝ่รู้ของสตรี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.16K
      313
      26 ธ.ค. 61


    เสียงกู่ร้องของสัตว์เล็กดังขึ้นจากนั้นไม่นานก็ปรากฎร่างเล็กน่ารักซึ่งโผบินผ่านอากาศเข้ามาแทรกตัวร่อนลงยังบริเวณตักของกาเล็ทขณะที่กาเล็ทกำลังรับการปรนนิบัติจากว่าที่ภรรยาทั้งสอง มิร่าซึ่งยังคงอยู่ในอาการง่วงเหงาเปิดปากอ้าขึ้นหาวด้วยอริยาบทซึ่งแสดงออกถึงความเกียจคร้าน
    กาเล็ทใช้มือทั้งสองของตนเองยกร่างของมิร่าซึ่งพึ่งจะร่อนลงนอนบนตักของตนเองขึ้นมา มิร่าซึ่งถูกมืออันคุ้นเคยทั้งสองข้างจับยกขึ้นปล่อยให้ร่างของตนเองลู่ต่ำลงตามแรงดึงดูดอย่างเกียจคร้าน
    "ไหนมาให้ปะป๋าหอมซิ" กาเล็ทเอ่ยกล่าวเช่นนั้นพร้อมกับใช้ใบหน้าของตนเองแนบชิดเข้าไปสูดดมร่างของมิร่า "อาบน้ำมาแล้วยังจะง่วงอีกหรอ ใครอาบน้ำให้หนูกันคะ" กาเล็ทเอ่ย
    "ท่านย่า" มิร่าส่งเสียงซึ่งมีแต่เพียงกาเล็ทสามารถได้ยินผู้เดียวตอบกลับมา
    ละเล่นคลอเคลียอยู่กับมิร่าสักพักหนึ่งกาเล็ทก็สังเกตุเห็นถึงสายตาซึ่งดูเปล่งประกายจากทั้งเซลิน่าและโซเฟีย ดูไปช่างคล้ายเหมือนสายตาของจักรพรรดินีซานซานซึ่งมักจะจ้องมองมาที่บุตรสาวของตนเองอยู่บ่อยครั้งเพื่อแสดงออกถึงความต้องการละเล่นอุ้มชูกับร่างเล็กที่น่ารักของมิร่า
    "อยากลองอุ้มนางดูหรือไม่?" กาเล็ทหันไปเอ่ยถามทั้งเซลิน่าและโซเฟีย
    "ได้หรือกาเล็ท?" ทั้งเซลิน่าและโซเฟียต่างส่งเสียเอ่ยถามออกมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้นยินดี
    กาเล็ทผงกศรีษะรับพร้อมทั้งยื่นร่างของมิร่าออกไปให้ทั้งเซลิน่าและโซเฟียค่อยๆทดลองสัมผัสดู
    มิร่าซึ่งถูกยื่นส่งออกไปเบื้องหน้าหันซ้ายแลขวาไปมาอย่างช่วยไม่ได้เพื่อสำรวจตรวจดูทั้งเซลิน่าและโซเฟียซึ่งกำลังใช้สองมือลูบคลำร่างกายของนางอย่างรักใคร่เอ็นดู
    "มา ลองรับเอาร่างของนางไปอุ้มดู" กาเล็ทประคองร่างเล็กของมิร่าค่อยๆส่งมอบให้แก่เซลิน่าเป็นคนแรกเพื่อให้นางได้ทดลองอุ้มชูมิร่าดูเป็นครั้งคราแรก เมื่อเห็นว่าเซลิน่ารับร่างของมิร่าไปอุ้มกอดไว้พร้อมทั้งก้มลงสูดดมคลอเคลียกับมิร่าด้วยความยินดีแล้วกาเล็ทก็เอี้ยวตัวไปกระซิบที่ข้างหูของโซเฟีย "ให้เซลิน่าทดลองหัดอุ้มนางดูก่อน อีกสักครู่ค่อยถึงคราวของโซเฟีย มารดาและบุตรสาวสมควรที่จะใกล้ชิดสนิทสนมกันไว้จึงถูกต้อง"
    ได้ยินดังนั้นจิตใจของโซเฟียก็เกิดความรู้สึกพองโตขึ้นมา นางได้แต่ก้มศรีษะของตนเองอย่างเขินอายพร้อมทั้งส่งเสียงอืมออกมาคำหนึ่ง เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆตนเองกลับได้กลายเป็นมารดาของผู้คนไปเสียแล้ว
    อุ้ม เล่น กอด หอมมิร่าอยู่สักพักใหญ่สุดท้ายแล้วเซลิน่าจึงยอมที่จะส่งมอบนางคืนให้แก่กาเล็ท กาเล็ทซึ่งรับเอาร่างของมิร่ากลับคืนมาก็ค่อยๆส่งมอบมิร่าให้แก่โซเฟียทดลองอุ้มชูดูต่อไป
    "ร่างกายของนางนุ่มนิ่มกว่าที่คิดไว้ อีกทั้งอุณหภูมิของร่างกายของนางยังสูงกว่าพวกเรามากนัก" โซเฟียซึ่งโอบอุ้มร่างของมิร่าไว้อยู่พลันเอ่ยบอกความรู้สึกของตนเองออกมา
    "แน่นอนอยู่แล้ว ร่างกายของตัววิเศษน้อยนี้ย่อมต้องแตกต่างจากพวกเรา นั่นเพราะว่านางเป็นสัตว์อสูร" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งใช้มือของตนเองลูบศรีษะของมิร่าคราหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยกล่าวต่อ "เมื่อคืนข้านั้นลืมนึกถึงไป เลยไม่ได้บอกกล่าวแต่แรก ไม่ทราบว่าในวันนี้โซเฟียกับเซลิน่ามีตารางว่าจะกระทำสิ่งใดแล้วหรือยัง ข้าคิดว่าจะชวนทั้งโซเฟียและเซลิน่าเข้าไปยังเมืองหลวงเพื่อรับ ซิลเวีย เบลล่าและแชลเทียด้วยกันเสียหน่อย จะได้ถือเอาโอกาสนี้พาพวกเจ้าทั้งสองไปเที่ยวชมเมืองพร้อมกันไปด้วย" กาเล็ทเอ่ยถาม
    มิร่าซึ่งถูกโซเฟียอุ้มชูอยู่เมื่อได้ยินคำเที่ยวชมเมือง นางก็พลันชะโงกศรีษะขึ้นไปทางกาเล็ทในทันทีพร้อมกับส่งเสียงร้องน่ารักออกมาเพื่อเรียกร้องความสนใจให้ผู้เป็นบิดาทราบว่านางต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการเที่ยวเล่นครั้งนี้ด้วย
    กาเล็ทเห็นอาการของผู้เป็นบุตรสาวแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำ "เร็วเลยนะ พอเป็นเรื่องเที่ยวเล่นนี่หายง่วงทันทีเลย" กาเล็ทเอ่ยด้วยเสียงโทนสองหยอกล้อกับบุตรสาวตัวน้อย
    "วันนี้โซเฟียกับเซลิน่าไม่มีแผนการอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ในช่วงเย็นมีนัดกับท่านป้านี่น่าไว้" โซเฟียเอ่ยคำ
    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็ผงกศรีษะรับ "ช่วงเย็นหรือ อืมดูว่าคงกลับมาทันไม่เกิดปัญหาอะไรแน่นอนแต่จะอย่างไรให้ข้าไปแจ้งบอกแก่ท่านแม่ไว้ก่อนคงจะดีกว่า โซเฟียกับเซลิน่าไปเตรียมตัวเถอะ ข้าจะไปแจ้งบอกแก่ท่านแม่ให้เอง" กาเล็ทเอ่ย
    ได้ยินเช่นนั้นโซเฟียกับเซลิน่าก็ผงกศรีษะรับพร้อมทั้งกับส่งมอบมิร่าคืนให้แก่กาเล็ทพวกนางก็ลุกขึ้นยืนเพื่อจากไปเตรียมตัว
    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ยกมือขึ้นและเอ่ยปากบอกแก่หญิงรับใช้ซึ่งคอยอยู่ห่างๆ "ไปแจ้งบอกแก่มาร์ตินให้เตรียมรถม้าคันใหญ่ไว้ อีกสักครู่ข้าจะโดยสารเข้าเมืองแบรี่"
    "เจ้าค่ะนายน้อย" หญิงรับใช้เอ่ยรับคำ
    ใช้เวลาเตรียมตัวอยู่พักหนึ่งสุดท้ายแล้วกาเล็ทจึงนำพาทั้งมิร่า โซเฟีย และเซลิน่าเข้าไปภายในเมืองแบรี่ สำหรับรถม้าของตระกูลบุสโซ่นั้นถูกจัดสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษโดยเฉพาะให้มีห้องโดยสารขนาดใหญ่กว่ารถม้าทั่วไปกว่า 2-3 เท่า สำหรับกับรถม้านั้นมีข้อจำกัดอยู่หลากหลายอย่าง ที่สำคัญสุดก็คือกำลังของม้าซึ่งมีอย่างจำกัด ต่อให้เป็นม้าพันธ์ดีเพียงไรก็ไม่สามารถที่จะลากจูงรถม้าขนาดใหญ่ซึ่งทีห้องโดยสารซึ่งบรรทุกทั้งข้าวของและผู้คนจำนวนมากไปพร้อมกันได้ ทว่าปัญหานี้กลับสามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้หมาป่าขนแดงซึ่งเป็นสัตว์อสูรที่มีพลังกำลังเหนือกว่าม้าทั่วไปนับสิบเท่า ไม่เพียงแต่สามารถที่จะลากจูงรถม้าขนาดใหญ่ได้อย่างไม่ยากเย็น ความเร็วของการลากจูงก็จัดได้ว่าสูงส่งเหนือกว่าการใช้ม้าพันธ์ดีกว่าหลายเท่า ทว่ากว่าที่จะสามารถใช้พวกมันให้มาลากจูงรถม้าได้อย่างเป็นธรรมชาติเช่นนี้ก็ต้องผ่านความเหนื่อยยากและลงแรงไปไม่น้อย หนึ่งนั้นต้องมีการปรับปรุงถนนหนทางให้ราบเรียบไม่ขลุขละอีกทั้งยังรวมไปถึงปัจจัยภายนอกอย่างเช่นขนาดของเส้นทางที่ใช้ในการสัญจรก็ต้องมีการปรับปรุง ยังไม่ต้องกล่าวถึงตัวของรถม้าเองซึ่งต้องมีการดัดแปลงปรับแต่งให้สามารถลดแรงกระแทกจากความเร็วที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนแล้วแต่เป็นกาเล็ทที่ลงแรงใช้ความรู้จากแนวคิดโลกยุคใหม่มาปรับปรุงสนับสนุน
    มาถึงคำถามต่อมา ในเมื่อกาเล็ทสามารถที่จะเหาะเหินเดินทางได้อย่างรวดเร็วเช่นนั้นเหตุใดจึงยังต้องใชรถม้าที่ไม่จำเป็นอีก? คำตอบนั้นคือนี่เป็นวิถีทางอย่างหนึ่งในการดำเนินชีวิต การโดยสารโดยใช้รถม้าถือเป็นช่วงเวลาช่วงหนึ่งที่ได้ใช้แบ่งปัญพูดคุยสิ่งต่างๆกับครอบครัว การใช้ชีวิตที่เร่งรีบเกินไปก็หาใช่สิ่งที่ดีนัก
    ทันทีที่รถม้าคัญใหญ่ซึ่งมีธงของตระกูลบุสโซ่โบกสะบัดเด่นสง่าให้เห็นแต่ไกลแล่นเข้าสู่เขตของตัวเมืองแบรี่ ก็ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในทันที เหล่าทหารประจำเมืองต่างพากันวิ่งวุ่นไปทั่วเพื่อเอ่ยบอกแจ้งกล่าวข่าวการมาถึงของผู้ที่นั่งอยู่ภายในรถม้า ชาวบ้านทั่วไปต่างพากันเหลียวมองและจับกลุ่มซุบซิบพูดคุยกันอย่างถ้วนหน้า
    กาเล็ทเคาะประตูพร้อมทั้งเปิดหน้าต่างเล็กจากห้องโดยสารออกไปสั่งการกับมาร์ตินหนึ่งในสี่ขุนพลสำคัญของตระกูลบุสโซ่ซึ่งบัดนี่แปรเปลี่ยนกลับกลายมาทำหน้าที่เป็นสารถีประจำรถม้าแล้ว "มาร์ติน จอดที่นี่ นำรถม้าไปจัดเก็บยังจุดจอดให้เรียบร้อยพร้อมทั้งดูแลหมาป่าขนแดงให้ดี จะอย่างไรมันก็เป็นสัตว์อสูรไม่แน่ว่าอาจเกิดอาการคุ้มคลั่งทำร้ายผู้คนได้ ส่วนเจ้าหากว่าจัดการทุกอย่างจนแล้วเสร็จแล้วก็สามารถที่จะไปเดินเที่ยวเล่นซื้อข้าวของได้แต่อย่าได้ไปไหนไกลนัก" กาเล็ทเอ่ยสั่งการพร้อมกับมอบถุงเงินไว้ให้กับผู้เป็นลูกน้องของตนเอง
    มาร์ตินเผยร้อยยิ้มให้เห็นถึงฟันขาวสะอาดของมันที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ "ขอรับนายน้อย" มาร์ตินยื่นมือออกไปรับเอาถุงเงินที่ผู้เป็นนายมอบให้อย่างไม่อิดออด การทำหน้าที่เป็นสารถีให้กับผู้เป็นนายสำหรับกับมันหาใช่เรื่องน่าอายอันใดหากแต่เป็นหน้าที่อันทรงเกียรติซึ่งมันยินดีที่จะกระโดดยื้อแย่งแข่งขันกับเพื่อนทั้งสามของมันเพื่อคว้าไว้ การที่มันถูกผู้เป็นนายเรียกใช้ในวันนี้ทำให้มาร์ตินซึ่งพึ่งจะถูกผู้เป็นนายดุด่าต่อว่ามาเมื่อวานถึงกลับเกิดความรู้สึกยินดีจนไม่สามารถที่จะหุบยิ้มลงได้
    กาเล็ทยังไม่ลืมที่จะให้มิร่าบอกกล่าวย้ำเตือนกับหมาป่าขนแดงอีกรอบหนึ่งว่าให้อยู่อย่างเรียบๆร้อยๆอย่าได้ก่อเรื่องราว ไม่ทราบว่านางบอกกล่าวกับพวกมันเช่นไร กาเล็ทเหลือบเห็นแต่เพียงมิร่าซึ่งร่ำร้องส่งเสียงในเชิงข่มขู่อยู่สองสามเที่ยวจนหมาป่าขนแดงถึงกลับหมอบกายลู่ต่ำลงส่งให้ตัวรถม้าซึ่งมันลากจูงอยู่สั่นไหว
    เมื่อเห็นว่าทุกอย่างดูเหมือนจะเรียบร้อยเข้าที่แล้วกาเล็ทก็โอบเอวโซเฟียและเซลิน่าเดินเข้าสู้เขตชั้นในของตัวเมืองโดยมีมิร่าเกาะกุมอยู่บนศรีษะ
    พาทั้งเซลิน่าและโซเฟียเดินเที่ยวชมเมืองจับจ่ายซื้อข้าวของอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายแล้วกาเล็ทจึงนำพาพวกนางกลับมายังจุดที่จอดรถม้าไว้เพื่อเดินทางเข้าสู่เขตราชสถานเพื่อนไปรับว่าที่ภรรยาของตนเองอีกสองนาง ในยามนี้โซเฟียและเซลิน่าทั้งสองต่างมีสีหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม หนึ่งวันที่ผ่านมานี้สำหรับกับพวกนางจัดได้ว่าเป็นวันที่มีความหมายและมีความสุขที่สุดในชีวิตของพวกนางเลยก็ว่าได้
    บอกกล่าวทักทายกับราชาเบรุทพอเป็นพิธี กาเล็ทจึงได้รับเอาเบลล่าและซิลเวียจากมา ไม่ว่าจะพยายามปรับความรู้สึกของตนเองเช่นไรกาเล็ทยังคงเกิดความรู้สึกตะขิดตะขวงใจในการเอ่ยกล่าวพูดคุยกับว่าที่พ่อตาของตนเองอย่างราชาเบรุทอยู่ดีผิดกับครูโซ่ว่าที่พ่อตาของตนเองอีกคนหนึ่งซึ่งกาเล็ทสามารถพูดคุยด้วยได้อย่างสนิทใจและเป็นธรรมชาติกว่ามาก
    ในวันนี้เมื่อมาถึงตระกูลเรนเดลกาเล็ทกลับต้องผิดหวังแล้ว นี่นับเป็นครั้งแรกที่ครูโซ่เอ่ยปฎิเสธที่จะส่งตัวผู้เป็นบุตรสาวของตนเองอย่างแชลเทียออกมาโดยครูโซ่ให้เหตุผลว่าจำเป็นที่จะต้องกักตัวผู้เป็นบุตรสาวของตนเองไว้เพื่อให้ลินดาผู้เป็นมารดาของนางอบรมสั่งสอนเรื่องจำเป็นของสตรีก่อนที่จะออกเรือน
    กาเล็ทได้รับฟังเหตุผลเช่นนั้นก็ยกมือของตนเองขึ้นเกาศรีษะไม่ทราบว่าตนเองสมควรที่จะเอ่ยกล่าวเช่นไรต่อไปดี สุดท้ายได้พบเจอกับแชลเทียและพูดคุยถามไถ่ทุกข์สุขกันอยู่พักหนึ่งกาเล็ทจึงจำใจต้องขอตัวจากมา
    ไม่ทราบว่าด้วยสาเหตุอันใดหลังจากออกจากตระกูลเรนเดลมา ทั้งเบลล่าและซิลเวียต่างซุบซิบพูดคุยกันอยู่แต่เพียงสองคน
    "ท..ท่านพี่ กำหนดการสำหรับงานแต่งของพวกเราก็ใกล้เข้ามาแล้ว แชลเทียยังมีท่านป้าลินดาคอยบอกกล่าวแนะนำ อืมม แล้วพวกเราเล่า อืม เรื่องสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงท่านพี่พอที่จะทราบรายละเอียด.." ซิลเวียเริ่มที่จะเอ่ยกล่าวสอบถามกับเบลล่าผู้เป็นพี่สาวของตนเองในทันทีหลังจากที่ออกจากตระกูลเรนเดลมา ขณะที่เอ่ยถามนางก็เกิดความรู้สึกกระดากเขินอายอยู่ไม่น้อย
    เบลล่าซึ่งรู้ดีถึงความหมายของผู้เป็นน้องสาวได้รับฟังเช่นนั้นก็หน้าขึ้นสีในทันที นางย่อมรู้ว่าที่ผู้เป็นน้องสาวเอ่ยถามถึงนั้นคือเรื่องขั้นตอนและกรรมวิธีร่วมสัมพันธ์รักกันระหว่างชายหญิงในคืนแต่งงาน สำหรับกับนางก่อนที่จะถูกส่งตัวไปอยู่ยังไอออนเมื่อหลายปีก่อนก็มีโอกาสได้ศึกษาทำความเข้าใจมาอยู่บ้างแต่นั่นมันกับนับว่านานมากแล้ว "ข้าก็พอทราบอยู่บ้างก่อนที่จะถูกส่งตัวไปยังไอออนข้าเคยมีโอกาสศึกษาเรียนรู้จากเหล่านางสนมของท่านพ่อมาบ้าง" เบลล่าเอ่ยตอบ
    "ดีเลยเช่นนั้นข้าคงต้องขอให้ท่านพี่ช่วยบอกกล่าวแนะนำ เมื่อวันแต่งงานมาถึงจะได้ .."
    ได้รับฟังถึงคำร้องขอของผู้เป็นน้องสาวเบลล่าก็ยิ่งเกิดความรู้สึกกระดากเขินอายขึ้นมายิ่งกว่าเดิม เรื่องเช่นนี้จะให้นางเป็นผู้บอกกล่าวสอนสั่งแนะนำได้อย่างไร? อย่างว่าแต่ตัวนางเองก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนอีกทั้งยามที่นางเรียนรู้สิ่งต่างๆจากเหล่านางสนมของผู้เป็นบิดาในยามนั้นพวกนางยังมีสื่อในการเรียนรู้อย่างหนังสือภาพเอาไว้บอกกล่าวอธิบายเพิ่มความเข้าใจให้แก่ตนเองแต่ในตอนนี้นางหามีหนังสือเช่นว่านั้นไม่
    เบลล่าส่ายศรีษะในเชิงปฎิเสธผู้เป็นน้องสาวไปในทันที พร้อมกับใบหน้างดงามที่แดงจรดใบหู เบลล่าก็หันตาเหลือบมองไปยังเซลิน่าและโซเฟีย พวกนางที่มีประสบการณ์มาก่อนมิใช่จะสามารถเป็นครูคอยสอนสั่งได้ดีกว่าเรา? อืมเราจะได้ถือเอาโอกาสนี้เรียนรู้ทบทวนสิ่งที่อาจจะหลบลืมไปบ้างแล้วในคราวเดียว เบลล่าขบคิดกับตนเองจากนั้นจึงส่ายศรีษะกระซิบบอกล่าวต่อซิลเวีย "อืมเกรงว่าข้าคงไม่สามารถเอ่ยกล่าวสอนสั่งแนะนำให้แก่เจ้า อาจบางทีเรื่องนี้น้องเซลิน่ากับโซเฟียสามารถช่วยเหลือพวกเราได้ ข้าจะได้ถือเอา ถือเอาโอกาสนี้ทบทวนเรียนรู้ อืมเรื่องราวเช่นนี้สตรีอย่างพวกเราเรียนรู้ให้มากไว้ก็หาใช่สิ่งเสียหาย เมื่อเวลาที่ต้องใช้มาถึง อืมไม่ ข้าหมายถึงเวลาส่งตัวในคืนแต่งงานมาถึงจะได้ไม่เก้อเขิน"
    ซิลเวียได้ยินเช่นนั้นก็หันเหลือบมองไปยังเซลิน่าและโซเฟียเช่นกัน
    กาเล็ทซึ่งเห็นว่าทั้งซิลเวียและเบลล่ากลับแอบซุบซิบกันด้วยท่าทางที่ประหลาดพิกลก็ตัดสินใจเปิดปากเอ่ยถามขึ้น "นี่ซุบซิบเรื่องอะไรกัน ท่าทางดูประหลาดพิกล ให้ข้าทราบเรื่องด้วยหรือไม่" หากแต่สิ่งที่กาเล็ทได้กลับมานั้นคือสายตามองค้องจากทั้งซิลเวียและเบลล่าพร้อมคำ "ไม่ใช่เรื่องของท่าน" อย่างพร้อมเพรียง
    "เซลิน่า" "โซเฟีย" ทั้งซิลเวียและเบลล่าต่างเอ่ยปากเรียกหาเซลิน่าและโซเฟียขึ้นมาอย่างกระทันหา "พวกข้ามีเรื่อง มีเรื่องที่จะขอร้องให้เซลิน่าและโซเฟียช่วยเหลือ" ทั้งซิลเวียและเบลล่าเอ่ยกล่าวพร้อบกับเข้าไปกุมมือของทั้งเซลิน่าและโซเฟียไว้


    ปล.อย่าลืมว่าสมัยก่อนไม่มี google นะ เรื่องพวกนี้ถ้าไม่มีใครมาสอนไม่รู้หรอกเน้อ ยิ่งราชาเบรุทหลงลืมไม่ได้ใส่ใจด้วยยิ่งไปกันใหญ่ คนที่อายุ 30 + แล้วน่าจะพอนึกภาพออก สมัยก่อนตอนยังไม่มีอินเตอร์เน็ต ตอน ป.4 ผมยังนึกว่าแค่ผู้ชายผู้หญิงนอนกอดกันก็จะมีลูกออกมาแล้วอยู่เลย 55555 เด็กสมัยนี่ 5 ขวบก็รู้แล้วมั้งเนาะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×