ลำดับตอนที่ #306
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #306 : คลางแคลงใจ
ที่กาเล็ทหน้าเครียดขึ้นมานั้นเพราะคำ "สี่สุดยอดแห่งทวีปกลาง" จากปากของซาฮาน กาเล็ทครุ่นคิดกลับไปเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆที่ได้รับฟังมาจากบาทหลวงเจมินี่ ตัวตนของสี่สุดยอดแห่งทวีปกลางก็เป็นหนึ่งในเรื่องนั้น ยังมีการที่ตระกูลทั้งสองอย่างตระกูลซานเดรียกับตระกูลเคนนี่ไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงของตระกูลโรม่ามีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับทวีปกลาง?
ไม่ปล่อยให้กาเล็ทสงสัยใจอยู่นาน ซาฮานก็เปิดปากเอ่ยเล่าถึงต้นสายปลายเหตุต่อ เมื่อเห็นว่ากาเล็ทผงกศรีษะตอบรับ "คือว่าเรื่องราวเป็นเช่นนี้หลานกาเล็ท เมื่อสิบกว่าวันก่อน ท่านอองตวนผู้นำแห่งตระกูลมาลอสแห่งทวีปกลางได้เดินทางมายังแคว้นสมิธ"
กาเล็ทได้รับฟังเช่นนั้นก็ยิ่งหน้าเครียดขึ้นกว่าเดิม สิบกว่าวันก่อนหรือ? กาเล็ทนึกย้อนกลับไปเช่นนั้นหากมีบุคคลระดับนี้จากทวีปกลางอยู่ในทวีปตะวันออกเช่นนั้นเหตุใดบาทหลวงเจมินี่จึงไม่ยอมแจ้งบอกต่อตนเองก่อนจะจากไป? นึกคิดสงสัยได้เช่นนั้นจิตใจของกาเล็ทก็หนักอึ้งขึ้นมา
"ท่านลุงหมายความว่าเพราะอองตวนแห่งทวีปกลางผู้นี้เป็นเหตุให้ตระกูลซานเดรียและตระกูลเคนนี่จะปฎิเสธคำเชิญจากข้า?" กาเล็ทเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง
ซาฮานผงกศรีษะรับ
เห็นเช่นนั้นคิ้วทั้งสองข้างของกาเล็ทก็ย่นเข้าหากัน "ท่านลุงพอจะทราบหรือไม่ว่าอองตวนผู้นี้มีจุดมุ่งหมายใดถึงได้เดินทางมาสู่แคว้นสมิธกัน?"
"เห็นผู้คนที่มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับท่านอองตวนบอกกล่าวว่าเขาต้องการที่จะสร้างรากฐานสำหรับตระกูลมาลอสไว้ยังแคว้นสมิธ" ซาฮานบอกกล่าวเล่าเรื่องที่ตนเองพอจะทราบออกไป
"สร้างรากฐาน?" กาเล็ททวนคำอย่างไม่เชื่อหูของตนเอง นี่ที่แท้แล้วเป็นเรื่องราวใดกันแน่? "เรื่องนี้จะอย่างไรก็ไม่ถูกต้อง บาทหลวงเจมินี่แพร่งพรายความลับสำคัญต่อเราจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อแผนการใหญ่ของทวีปกลางอย่างมากมาย ต่อให้มันเล่นละครหลอกลวงตบตาเราเพื่อที่จะเอาตัวรอดมันก็ไม่สมควรที่จะปิดบังเรื่องนี้ไว้" ขบคิดไปมากาเล็ทพลันเอาสิ่งที่ได้รู้มาปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน "หรือว่าบาทหลวงเจมินี่จะไม่รู้ว่าอองตวนผู้นี้เดินทางมายังทวีปตะวันออก?"
"ท่านลุงซาฮานโปรดช่วยขยายความอีกได้หรือไม่" กาเล็ทเอ่ยปากถาม
"ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด สิบกว่าวันมานี้ที่ท่านอองตวนแห่งทวีปกลางเดินทางมายังแคว้นสมิธก็ส่งตัวแทนต่างๆไปเชิญชวนตระกูลน้อยใหญ่รวมถึงราชวงศ์ของแคว้นสมิธเพื่อให้มาพบปะพูดคุยกัน แม้แต่ตระกูลโรม่าของข้าซึ่งเป็นเพียงตระกูลเล็กๆก็ได้รับคำเชิญเช่นเดียวกัน พอข้าลองส่งผู้คนไปสอบถามตระกูลอื่นๆดูก็ได้ความว่าท่านอองตวนแห่งทวีปกลางเตรียมตัวที่จะเปิดสาขาของโบสถ์จรัสแสงขึ้นที่แคว้นสมิธจึงต้องการความร่วมมือจากตระกูลน้อยใหญ่ภายในแว่นแคว้น" ซาฮานเอ่ยด้วยความรู้สึกลำบากใจ
"ฟังจากปากคำของบาทหลวงเจมินี่มิใช่ว่าเรื่องราวน้อยใหญ่เกี่ยวกับทวีปตระวันออกล้วนแล้วแต่เป็นมันที่ได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิจรัสแสงให้เป็นผู้ดูแล้วหรอกหรือ? เช่นนี้แล้วเหตุใดอองตวนผู้นี้จึงได้สอดมือเข้ามา?" กาเล็ทครุ่นคิดสงสัยใจกับตนเอง แต่แล้วก่อนที่จะได้เอ่ยถามสิ่งใดต่อไปร่างเล็กในวงแขนก็ขยับเขยื่อนเคลื่อนไหวส่งเสียงร้องออกมา กาเล็ทจึงได้รู้สึกตัวว่าตนเองไม่ได้หยิบป้อนอาหารอันโอชะบนโต๊ะให้แก่นางกว่าหลายนาทีแล้ว
นีน่าเห็นเช่นนั้นก็แสดงรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา "กาเล็ทมานี่ลูก ให้แม่ช่วยดูแลมิร่าน้อยให้ กาเล็ทคุยกับท่านซาฮานตามสะบายเถอะลูก"
กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็อุ้มส่งร่างของมิร่ามอบให้แก่นีน่าพร้อมกับหันกลับไปหาซาฮาน "ขออภัยท่านลุง" เอ่ยกล่าวคำขออภัยเสร็จกาเล็ทก็ปั้นสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาอีกครั้ง "คำเชิญของอองตวนขอท่านลุงอย่าได้ตอบรับจะดีกว่า" กาเล็ทเอ่ย
"มีสิ่งใดไม่ถูกต้องหรือหลานกาเล็ท" ซาฮานที่สัมผัสได้ว่าต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังจากน้ำเสียงของกาเล็ทเอ่ยถามเสียงเครียดขึ้น
ได้ยินคำถามกาเล็ทก็ถอนหายใจออกมา "บอกต่อท่านลุงตามตรง นับจากนี้ตัวข้ากับผู้คนของทวีปกลางคงยากที่จะอยู่ร่วมโลกกันได้ แม้นี่จะเป็นความจริงอันโหดร้ายแต่ขอบอกต่อท่านลุงตามความจริงว่าสงครามใหญ่ระดับทวีประหว่างทวีปกลางและอีกสามทวีปคงไม่อาจหลีกพ้น"
ซานฮานได้ยินเช่นนั้นก็แสดงออกถึงความแตกตื่นตกใจออกมาให้ได้เห็นในทันที...
หัวหน้ามาร์ตินพวกเราใยต้องเสียเวลาเดินหาภัตตาคารอีกให้มากความ นี่ก็เป็นร้านที่สามแล้วที่บอกออกมาว่ามีผู้คนจับจองไว้
มาร์ตินที่นำทหารของตระกูลบุสโซ่กว่าสิบชีวิตเข้ามาภายในตัวเมืองหลวงของแคว้นสมิธหันมาหาผู้ใต้บังคับบัญชา "ไม่ได้ ไม่ได้ เมื่อก่อนพวกเจ้ามิใช่ชอบร่ำร้องตัดพ้อต่อดินฟ้าเองหรอกหรือ ที่บอกว่าอยากจะมีโอกาสได้ลิ้มลองอาหารราคาแพงอย่างผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่บ้างก็เป็นพวกเจ้า ตอนนี้มีโอกาสแล้วก็อย่าได้พลาดไป" มาร์ตินเอ่ยกล่าวพลางควักถุงเงินที่ผู้เป็นนายหยิบยื่นส่งให้แก่มันขึ้นมาโอ้อวดต่อผู้ใต้บังคับบัญชา "เห็นหรือไม่ว่านายน้อยให้เงินทองมามากน้อยเท่าใด"
ผู้ใต้บังคับบัญชาของมันเห็นเช่นนั้นก็ต่างแสดงออกถึงสีหน้าไม่สบายใจออกมา "นายน้อยให้เงินทองไว้ก็จริงอยู่แต่หากพวกเราใช้อย่างสิ้นเปลืองเกินพอดีจะไม่เป็นไรแน่หรือหัวหน้ามาร์ติน"
มาร์ตินได้รับฟังเช่นนั้นก็เหลียวมองหน้าผู้ใต้ยังคับบัญชาทั้งหมดเสมือนกับกำลังมองดูตัวโง่งมผู้หนึ่ง "พวกเจ้าเอ่ยกล่าวเช่นนี้แสดงว่าไม่รู้จักนายน้อยกาเล็ทดี หากนายน้อยหยิบยื่นสิ่งใดให้ก็จงรับไว้อย่าได้อิดออด จนป่านนี้แล้วพวกเจ้ายังจะไม่เข้าใจจิตเจตนาของนายน้อยอีก?"
"เจตนาของนายน้อยกาเล็ท? เกี่ยวกับเรื่องใดหรือขอรับหัวหน้ามาร์ติน" หนึ่งในทหารของตระกูลบุสโซ่เอ่ยกล่าวถาม
มาร์ตินเห็นเช่นนั้นก็ส่ายศรีษะออกมา "นายน้อยมักจะคิดแทนพวกเราอยู่เสมอ ดูอย่างงานเลี้ยงในวันนี้ แม้ภายในงานจะมีผู้คนมากมายบรรยากาศหรูหราแต่นั่นย่อมไม่มีที่ว่างสำหรับกับพวกเรา อาหารที่จัดเตรียมไว้สำหรับบ่าวไพร่ก็คงยากที่จะมีคุณภาพและถูกปากพวกเราที่อยู่ดีกินดีมาจนเคยชินแล้วได้ ครั้นจะเอ่ยปากกับท่านซาฮานผู้เป็นเจ้าภาพในการจัดงานก็คงเป็นเรื่องไม่สะดวกสำหรับนายน้อย รับฟังเช่นนี้แล้วเข้าใจขึ้นมาแล้วหรือไม่ว่านายน้อยคิดแทนพวกเรามากถึงเพียงไหน" มาร์ตินเอ่ยกล่าว
เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสิบของตนเองที่เสมือนว่าจะเข้าใจขึ้นมาแล้วมาร์ตินก็เปิดปากเอ่ยต่อ "นายน้อยต้องการให้พวกเราอยู่ดีกินดีเช่นนั้นพวกเราก็ไม่สมควรที่จะทำให้นายน้อยกาเล็ทผิดหวังเข้าใจหรือไม่"
"ขอรับ" ทหารทั้งสิบเอ่ยตอบอย่างพร้อมเพรียง
สุดท้ายแล้วเมื่อเดินหาภัตตาคารหรูมาได้ถึงแห่งที่สี่ บริกรที่เหลือบแลเห็นธงสัญลักษณ์ประจำตระกูลบุสโซ่และจดจำออกว่าทั้งสิบคือผู้ติดตามขบวนของรถม้าคัญใหญ่ที่แล่นผ่านไปเมื่อช่วงเช้าก็รีบวิ่งไปแจ้งบอกต่อผู้เป็นนาย ไม่นานเจ้าของภัตตาคารก็ออกมารับหน้าและรีบจัดห้องพิเศษให้แก่กลุ่มของมาร์ติน
"หัวหน้ามาร์ตินท่านไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลกหรือขอรับ?" หนึ่งในทหารของตระกูลบุสโซ่เอ่ยถามขึ้น
"แปลก?" มาร์ตินที่กำลังกวาดตามองเพื่ออ่านเมนูอาหารอยู่เอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ
"แปลกสิขอรับหัวหน้ามาร์ติน ที่ภัตตาคารอาหารตั้งหลายแห่งที่พวกเราผ่านทางมาต่างบ่งบอกออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่ามีผู้จับจองไว้ก่อนแล้ว ต่อให้ภัตตาคารแห่งที่สี่จะยอมให้เราเข้ามาใช้บริการก็จริงอยู่แต่หัวหน้าลองสังเกตุดูสิขอรับว่าภายในกลับไม่มีลูกค้ากลุ่มอื่นอยู่เลย" หนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของมาร์ตินเอ่ย
"ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันขอรับหัวหน้ามาร์ติน/ข้าด้วยขอรับ" เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของมาร์ตินต่างแสดงความคิดเห็นของตนเองออกมาไปในทางเดียวกัน
มาร์ตินที่กำลังกวาดตามองดูเมนูอาหารที่ไม่คุ้นตาคร้านที่จะใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านั้น "ช่างเถอะ ช่างเถอะ" มาร์ตินโบกมือเอ่ยกล่าวพร้อมกับหันไปเอ่ยกล่าวสั่งอาหารกับบริกรประจำร้านเมื่อเอ่ยสั่งที่ตนเองต้องการแล้วเสร็จมันก็หันไปเอ่ยบอกต่อผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง "อยากรับประทานอะไรก็สั่งมาได้อย่างเต็มที่ แต่เครื่องดื่มจำพวกของมึนเมาไม่ได้อย่างเด็ดขาด" มาร์ตินเอ่ย
เมื่อเห็นว่าหัวหน้าของตนเองอย่างมาร์ตินไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องแปลกที่พวกตนเองยังรู้สึกติดใจ ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสิบของมาร์ตินก็ไม่ครุ่นคิดให้เปลืองสมองให้มากความอีก ผู้ใดจะคาดว่าสาเหตุที่ภัตตาคารอาหารต่างๆภายในเมืองหลวงของแคว้นสมิธต่างถูกจับจองไว้อย่างถ้วนหน้านี้จะมาจากนิสัยเสียของอองตวนหนึ่งในสี่สุดยอดแห่งทวีปกลาง
หลังจากกลุ่มของมาร์ตินเข้าสู่ภัตตาคารแห่งนี้ไปได้ไม่นานก็มีขบวนรถม้าคัญใหญ่แล่นมาจอดยังเบื้องหน้าของภัตตาคาร ไม่นานประตูของรถม้าก็เปิดออกพร้อมกับบรุษวัยกลางคนซึ่งสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อดี นิ้วทั้งสิบข้างของมันยังสวมใส่ด้วยแหวนและเครื่องประดับไม่เว้นว่าง หากสังเกตุให้ดีจะพบว่าแหวนและเครื่องประดับเหล่านั้นต่างเป็นสมบัติที่ล้ำค่าควรเมืองทั้งสิ้น
"ที่นี่หรือที่เจ้าบอกว่าเป็นภัตตาคารเลื่องชื่อเกี่ยวกับอาหารทะเล" บรุษวัยกลางคนนั้นเอ่ยถาม
"ขอรับท่านอองตวน หากจะให้กล่าวถึงอาหารทะเลแล้วในแคว้นสมิธของพวกเราก็ต้องเป็นที่ภัตตาคารละลอกคลื่นแห่งนี้แหละขอรับ" หนึ่งในผู้นำขบวนของรถม้าเอ่ยกล่าวกับอองตวน
"ดี ไปแจ้งบอกต่อพวกมันให้ออกมาต้อนรับ" อองตวนเอ่ยกล่าวจากนั้นจึงหันกลับไปกวาดตามองดูผู้คนที่ติดตามมันมามากมายซึ่งต่างเป็นผู้นำตระกูลน้อยใหญ่และขุนนางภายในแคว้นสมิธ "พวกเจ้าให้รออยู่ด้าน ตอนที่ข้ารับประทานอาหารไม่ชอบให้ผู้ใดมารบกวน" อองตวนเอ่ยกล่าว ในน้ำแสงของมันแฝงไปด้วยพลังอำนาจที่ใช้สะกดข่มผู้คนอยู่หลายส่วน
ไม่นานก็เจ้าของภัตตาคารละลอกคลื่นก็นำกลุ่มบริกรมากมายออกมารับหน้าต้อนรับอองตวน หากสังเกตุให้ดีจะพบว่าผู้เป็นเจ้าของภัตตาคารละลอกคลื่นมีสีหน้าที่คล้ายเหมือนกับคนที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง ผู้ใดจะคาดว่าในวันนี้ภัตตาคารที่ถูกเลือกจากภัตตาคารนับสิบแห่งภายในเมืองหลวงจะเป็นภัตตาคารของมัน
ทันทีที่ก้าวเดินเข้าไปภายในตัวภัตตาคาร คิ้วของอองตวนก็เลิกขึ้นสูงในทันที สาเหตุก็เพราะมันพบว่าที่ชั้นบนของภัตคารกลับมีผู้ที่มาใช้บริการอยู่ก่อนมันแล้ว อองตวนหันไปใช้มือของมันคว้าจับร่างของเจ้าของภัตตาคารละลอกคลื่นพร้อมทั้งยกขึ้นเหนือพื้นด้วยมือเพียงข้างเดียว "มิใช่ว่าส่งผู้คนมาแจ้งบอกไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วหรอกหรือว่าข้าอองตวนไม่ชอบให้มีผู้ใดรบกวนเวลารับประทานอาหาร!!" อองตวนส่งเสียงตวาดด่าใส่เจ้าของภัตตาคารละลอกคลื่นที่ถูกจับยกร่างขึ้นเหนือพื้นอย่างเอาเรื่อง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น