ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #36 : แบ่งหน้าที่ [รีไรท์]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 24.47K
      675
      7 มิ.ย. 60



         เดินทางเป็นระยะเวลาเกือบครบ 1 วันพอดีในที่สุดเรือเหาะทั้งสามลำก็มาถึงยังเมืองรีเวลได้ 

         "รายงาน" มาร์ควิสเจอริโก้ที่มาถึงก่อนแล้วเอ่ยถามทหารซึ่งมารอต้อนรับอยู่ ณ บริเวณท่าจอดเรือเหาะของเมืองรีเวล

         "รายงานท่านมาร์ควิส การอพยพชาวเมืองจากทางทิศเหนือของเมืองรีเวลนั้นเป็นไปด้วยความล่าช้าและยากลำบาก ณ ตอนนี้หมู่บ้านรอบนอกซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับหุบเขาอสูรฟ้าที่สุดล้วนถูกทำลายจนย่อยยับ ตอนนี้พวกข้าจึงส่งกำลังทหารที่พอมีอยู่ออกไปตั้งเป็นแนวรับหลักๆอยู่ทั้งสิ้นสามจุด" หัวหน้าทหารเอ่ยรายงาน

         เมื่อได้รับฟังรายงานมาร์ควิสเจอริโก้และมาร์ควิสเครตันก็ผงกหัวอย่างพอใจขณะที่มันทั้งสองทำท่าทางเหมือนดังจะเข้าไปส่วนพักผ่อนสถานรับรองสำหรับขุนนางใหญ่ของเมืองรีเวล กาเล็ทกลับเอ่ยถามขึ้นต่อ "ไม่ทราบว่าแนวรับที่พวกท่านตั้งไว้อยู่ในส่วนไหนบ้าง รีบเร่งนำแผนที่มากางออกบอกต่อข้า" กาเล็ทเอ่ยถามอย่างตั้งใจไม่ปล่อยให้มาร์ควิสเครตันและมาร์ควิสเจอริโก้เอ่ยถึงเรื่องพักผ่อน

         เมื่อได้ยินคำกล่าวของกาเล็ท มาร์ควิสเจอริโก้และมาร์ควิสเครตันก็ไม่สะดวกที่จะเอ่ยถึงเรื่องพักผ่อนอีก ได้แต่จำยอมอดทนยืนอยู่รับฟังหัวหน้าทหารของเมืองรีเวลนั้นรายงายต่อ  

         กาเล็ทที่รับฟังรายงานอย่างตั้งใจและมองดูหัวหน้าทหารชี้จุดในแผนที่ไปด้วยกลับพบว่า เมืองรีเวลได้ส่งทหารส่วนหนึ่งออกไปตั้งแนวรับเพื่อรอรับชาวบ้านที่หนีตายมา ซึ่งมีแนวหน้าอยู่ทั้งสิ้นสองจุด จุดแรกที่เป็นแนวหน้าคือหมู่บ้านคองโก้ซึ่งตั้งอยู่ไกลออกไปจากเมืองรีเวลประมาณ 60 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดนั้นคือหมู่บ้านบาเล่ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากเมืองรีเวลประมาณ 35 กิโลเมตร  ส่วนอีกจุดเป็นจุดรวมพลเพื่อรับผู้อพยพจากจุดรวมพลทั้งสองที่อยู่ห่างออกไป จุดนี้ตอนนี้ยังนับว่าปลอดภัยเนื่องเพราะอยู่ห่างจากเมืองรีเวลเพียง 4-5 กิโลเมตรเท่านั้น

         "ท่านมาร์ควิสเจอริโก้มีความเห็นว่าอย่างไร ข้ามีความเห็นว่าพวกเราไม่อาจรอช้า ยิ่งเวลาผ่านพ้นไปมากเท่าใดก็จะยิ่งมีผู้บาดเจ็บล้มตายมากขึ้นเท่านั้น" กาเล็ทแสร้งทำเป็นเอ่ยถามสองมาร์ควิส

         "ข้าก็เห็นเช่นนั้น ในฐานะที่องค์ราชาแต่งตั้งให้ข้าเป็นผู้ควบคุมสั่งการในภารกิจครั้งนี้ เอาเป็นว่าท่านมาร์ควิสบุสโซ่ท่านไปอพยพคุ้มกันผู้คนถอยมาจากหมู่บ้านคองโก้ก็แล้วกัน ส่วนข้ากับมาร์ควิสเครตันจะทำหน้าที่ไปอพผู้คนจากหมู่บ้านบาเร่ซึ่งน่าจะมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายมากกว่า" มาร์ควิสเจอริโก้เอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เป็นปกติ 

         การมอบหมายหน้าที่แบ่งงานของมาร์ควิสเจอริโก้นั้นดูไปเหมือนเป็นสิ่งที่สมควรแต่ทว่าหากครุ่นคิดให้ถี่ถ้วนดีจะทราบได้ถึงความผิดปกติ มาร์ควิสทั้งสองมีกำลังพลรวมทั้งสิ้นกว่า 1,000 คน มันผู้มีกำลังคนมากกว่าสมควรที่จะรับภารกิจคุ้มครองจุดรวมพลที่หมู่บ้านคองโก้มากกว่า เหตุใดมันจึงมอบหมายให้แก่มาร์ควิสบุสโซ่ซึ่งมีกำลังพลเพียง 400 นายไปรับภารกิจที่หมู่บ้านคองโก้ซึ่งอยู่ไกลออกไป  ตัวมาร์ควิสเจอริโก้กลับยกอ้างสาเหตุว่าที่จุดรวมพลของหมู่บ้านบาเร่มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายมากกว่าแต่ที่น่าแปลกใจคือไม่ทราบว่าตัวมันซึ่งผู้มาถึงทราบได้อย่างไรว่าจุดรวมพลหมู่บ้านบาเร่มีผู้บาดเจ็บและผู้คนที่รอการคุ้มครองอพยพมีมากกว่าหมู่บ้านคองโก้ในเมื่อหัวหน้าทหารของเมืองรีเวลไม่ได้เอ่ยบอก

         กาเล็ทย่อมรู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงของเรื่องนี้แต่ทว่ากาเล็ทกลับเลือกที่จะอดทนอดกลั้นไว้ หากว่าตนเองทะเลาะทุ่มเถียงกับสองมาร์ควิสในเรื่องนี้มิใช่จะเสียทั้งเวลาเสียทั้งความสามัคคีในการทำงาน ยิ่งเวลาผ่านพ้นไปมากเท่าไรผู้ต้องรับผลกรรมมิใช่เป็นชาวบ้านผู้อ่อนแอหรอกหรือ คิดได้เช่นนั้นกาเล็ทก็เลือกที่จะแกล้งเป็นหูหนวกตาบอด

         กาเล็ทสามารถมองออก เจ้าหญิงแห่งโรฮานที่แฝงตัวตนมาเป็นหนึ่งในทหารในกำลังพลของมาร์ควิสบุสโซ่ก็สามารถรับรู้ถึงสิ่งที่แปลกประหลาดในคำสั่งของมาร์ควิสเจอริโก้ได้เช่นกัน นางถึงกลับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ "มาร์ควิสเจอริโก้มิใช่ถูกยกย่องเป็นวีรบุรุษในเหตุการณ์เมื่อ 7 ปีก่อนหรอกหรือ" นางได้แต่ตั้งคำถามกับตนเองอย่างสงสัยใจ

         "ตกลง ข้าจะนำกำลังพลของข้ามุ่งตรงสู่จุดรวมพลหมู่บ้านคองโก้ทันที ฝากจุดรวมพลของหมู่บ้านบาเร่แก่ท่านมาร์ควิสทั้งสองจัดการด้วย" กาเล็ทเอ่ย

         "ท่านมาร์ควิสบุสโซ่วางใจได้" มาร์ควิสเครตันเอ่ยรับคำกาเล็ท

         ได้ฟังเช่นนั้นกาเล็ทก็วางใจหันกายไปออกคำสั่งกับผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองเพื่อมุ่งตรงสู่หมู่บ้านคองโก้ซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร

         กาเดินทางนั้นกาเล็ทกลับเลือกที่จะเดินเท้าเหตุเพราะคล่องตัวมากกว่า หากต้องใช้สัตว์เช่นม้าไม่ทราบว่าต้องเสียเวลานานเท่าใดในการจัดหาม้าให้ครอบแก่กำลังพลทั้ง 400 นาย อีกทั้งกำลังพลทั้งสี่ร้อยนายที่นำมาก็หาใช่ทหารธรรมดา ทั้งหมดต่างเป็นผู้ฝึกตนแทบทั้งสิ้น แม้ว่าระดับพลังเฉลี่ยจะตำเตี้ยอยู่บ้างก็ตาม  

         ทหารทั้งสี่ร้อยคนใช้เวลาเดินทางเพียง 5 ชั่วโมงก็บรรลุถึงหมู่บ้านคองโก้ กาเล็ทกลับสามารถควบคุมการเดินทางของทหารทั้งสี่ร้อยนายได้เป็นอย่างดีและด้วยการเดินทางที่ไม่หยุดพักเลยจึงทำให้กาเล็ทสามารถบรรลุถึงจุดรวมพลของหมู่บ้านคองโก้ได้อย่างรวดเร็ว

         เมื่อทหารซึ่งประจำการอยู่จุดรวมพลหมู่บ้านคองโก้ซึ่งมีจำนวนเพียงไม่กี่สิบนายได้เห็นกำลังเสริมยกมาถึงก็มีขวัญและกำลังใจเพิ่มพูนขึ้น

         "รายงาน" กาเล็ทเอ่ยขึ้นทันทีที่มาถึงอย่างไม่รอช้าให้เสียเวลาสักวินาทีเดียว

         "ท ท่านคือ" ทหารซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าซึ่งทำหน้าที่ควบคุมกำกับดูแลจุดรวมพล ณ หมู่บ้านคองโก้เอ่ยถามกาเล็ทด้วยน้ำเสียงที่กังขาสังสัยใจ เหตุเพราะในสาตาของผู้อื่นกาเล็ทย่อมเป็นเพียงเด็กหนุ่มวัย 16 ปีเท่านั้น แต่ทหารนายนี้กลับเอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจกาเล็มอยู่บ้างเพราะชุดที่กาเล็ทสวมใส่นั้นดูไม่เหมือนทหารธรรมดาเลยแม้แต่น้อย

         "อย่าได้พิรี้พิไล ท่านมาร์ควิสเอ่ยถามเจ้าก็ตอบ" โรสซึ่งเป็นหัวหน้าทหารสังกัดตระกูลบุสโซ่เอ่ยอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง

         หัวหน้าทหารของจุดรวมพลหมู่บ้านคองโก้ได้ยินว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าผู้นี้มีตำแหน่งเป็นถึงมาร์ควิสก็เกิดอาการลนลานขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

         "รายงาน" กาเล็ทเอ่ยย้ำอีกครั้งน้ำเสียงแฝงความไม่พอใจอยู่บ้าง

         ซิลเวียเจ้าหญิงแห่งโรฮานซึ่งเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็ได้แต่ส่งเสียงฮึในลำคอคราหนึ่ง" ช่างวางก้ามเขื่องโขนัก" นางคิดในใจโดยหารู้ไม่เลยว่าที่กาเล็ทแสดงอาการเช่นนั้นออกมาเพราะร้อนใจเป็นห่วงความปลอดภัยของชาวบ้านหาใช่เพราะต้องการแสดงอำนาจไม่

         "ร รายงานท่านมาร์ควิส สถานการณ์ในตอนนี้คับขันยิ่ง สัตว์อสูรรุกคืบเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีชาวบ้านบางคนรายงานเข้ามาว่าในหมู่สัตว์อสูรหาได้มีแต่เพียงก๊อบลินไม่ ยังมีคนพบเห็นโอเกอร์ในหมู่ก็อบลินด้วย"หัวหน้าทหารกล่าวรายงานอย่างหวาดๆ

         "ณ ตอนนี้มีผู้อพยพมากน้อยเท่าใดแล้ว" กาเล็ทเอ่ยถาม

         "ตอนนี้ที่นี่มีผู้อพยพทั้งหมดประมาณ 5,000 คนครับ ในจำนวนนี้มีทั้งคนแก่และผู้บาดเจ็บซึ่งยากต่อการเคลื่นย้ายรวมอยู่ด้วย" หัวหน้าทหารเอ่ย

         กาเล็ทได้ฟังดังนั้นก็ครุ่นคิดตนเองถึงแม้จะมีพลังระดับ 9 ก็จริงอยู่แต่ด้วยพลังของตนเองเพียงลำพังย่อมไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับสัตว์อสูรจำนวนมากได้ ยิ่งการคุ้มครองให้ชาวบ้านทั้ง 5,000 คนล่าถอยกลับสู่เมืองรีเวลโดยปลอดภัยยิ่งเป็นไปได้ยาก ขนาดการเดินทางโดยโดยไม่มีภาระเท่าใดยังใช้เวลารวมทั้งสิ้น 5 ชั่วโมงเช่นนั้นหากมีชาวบ้านที่อ่อนแอบาดเจ็บด้วยเล่าใช่ต้องใช้เวลาหลายวันหรือไม่ ? กาเล็ทคิดได้เช่นนั้นก็ปรากฎเหงื่อเม็ดโป้งผุดขึ้นมา

         "โรสเจ้านำกำลังทหารไปสำรวจตรวจดูผู้ได้รับบาดเจ็บว่ามีมากน้อยเท่าใด ผู้ที่แข็งแรงดีอยู่มีมากน้อยเท่าใด ผู้ซึ่งบาดเจ็บสาหัสไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มีมากน้อยเท่าให้อย่างละเอียดอย่าได้ตกหล่น" กาเล็ทเอ่ยสั่งการโรสเป็นอันดับแรก

         "เรน่า เจ้านำกำลังพล 100 นายไปคอยดูแลปฐมพยามผู้บาดเจ็บพร้อมทั้งแจกจ่ายเสบียงอาหารที่พวกเรานำมาให้แก่พวกเขาอย่างทั่วถึง พร้อมทั้งกำชับให้พวกเขารีบเร่งเก็บข้าวของจำเป็นเตรียมออกเดินทาง" กาเล็ทเอ่ยสั่งแก่เรน่าหนึ่งในหัวหน้าของกองร้อยทหารผู้ฝึกตนซึ่งราชาเบรุทมอบให้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองในภารกิจครั้งนี้

         "เจฟ มาร์ติน เจ้านำผู้คนติดตามข้ามาเราจะออกไปสำรวจพื้นที่รอบนอก"  กาเล็ทเอ่ยสั่งการหัวหน้ากองร้อยอีกสองคน

         ซิลเวียซึ่งปลอมตัวปะปนเข้ามากับหมู่ทหารใจจริงก็อยากที่จะติดตามกาเล็ทไปแต่เนื่องด้วยตนเองเป็นทหารในปกครองของโรสหากตามไปออกจะผิดสังเกตุอยู่บ้าง นางก็ได้แต่ใช้สายตาที่แปลกประหลาดสับสนจ้องมองไปยังทิศทางที่มาร์ควิสบุสโซ่จากไป

         

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×