ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #52 : ของหมั้น [รีไรท์]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 24.69K
      685
      15 ต.ค. 60





         ธุระที่กาเล็ทเอ่ยถึงย่อมไม่ใช่สิ่งใด แต่คือการเดินทางไปที่ตระกูลเรนเดล ตลอดค่ำคืนที่ผ่านมากาเล็ทนั้นพยายามนั่งเขียนตำราเล่มหนึ่ง นั่นคือขั้นตอนการฝึกฝนพลังจิตวิญญาณที่ถูกต้อง ตั้งแต่ขั้นแรกเริ่มเลยคือการเข้าสู่ห้วงสมาธิจิตว่างเปล่า ภาวะจิตว่างเปล่าคืออะไร ทำอย่างไรจึงจะสามารถเข้าสู่ห้วงสมาธิจิตว่างเปล่าได้ เมื่อเข้าสู่ห้วงลึกของสมาธิแล้วต้องทำเช่นไรบ้างเพื่อที่จะหน่วงสภาวะนั้นให้คงอยู่ได้ ทุกสิ่งล้วนถูกเขียนลงในตำราเล่มนี้แล้วทั้งสิ้น ไม่มีแต่เพียงนั้นภายในตำราเล่มนี้ยังมีขั้นตอนของการฝึกฝนวิชาอาภรณ์วารี วิชาที่กาเล็ทบัญญัติขึ้นเองอีกด้วย

         เมื่อมาถึงกาเล็ทก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากบ่าวไพร่ของตระกูลเรนเดล ผู้ที่ออกมาหากาเล็ทเป็นบุคคลแรกหาใช่แชลเทียแต่กลับเป็นครู่โซ่ว่าที่พ่อตาของกาเล็ท

         "ลูกเขยมารับแชลเทียกับองค์หญิงหรือ" ครูโซ่เอ่ยทักทาย

         "นั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ข้ามาเยือนในวันที่ท่านพ่อตา อีกสาเหตุคือข้ามาหาท่านพ่อตาโดยเฉพาะ" กาเล็ทเอ่ยอธิบายการมาของตน

         เนื่องจากกาเล็ทนั้นก็ได้มาส่งแชลเทียเป็นประจำจึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและครูโซ่แน่นแฟ้นมากขึ้น แม้แต่สรรพนามที่ใช้เรียกก็เปลี่ยนไป ส่วนครูโซ่นั้นยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการเรียกกาเล็ทว่าลูกเขยนั้นเสมือนว่าเป็นการตีตาจองบรุษหนุ่มผู้นี้กลายๆ บุคคลซึ่งมากความสามารถเช่นกาเล็ทมีผู้ใดไม่อยากได้เป็นลูกเขย?

         "เจ้ามีธุระกับข้าหรือ" ครู่โซ่เอ่ยถามอย่างสงสัยใจ

         "อืม ท่านพ่อตา อย่างที่ท่านรู้ ข้ากับแชลเทียนั้นก็รักใคร่สนิทสนมกัน เมื่อวานข้าได้พูดคุยเกี่ยวกับท่านแม่ของข้าเกี่ยวกับเรื่องการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการ ไม่ทราบว่าท่านลุงสะดวกในวันใด ข้าจะได้ให้ท่านแม่ของข้ามาพูดคุยเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ" กาเล็ทเอ่ย

         ได้ยินถึงจุดประสงค์ของกาเล็ท ครูโซ่ก็ยิ้มจนแก้มแทบปริออกมา "สะดวก สะดวกทุกเวลา เอาเวลาที่ท่านหญิงสะดวกเลย สำหรับข้าไม่ว่าเมื่อไหร่ข้าก็พร้อมเสมอ" ครู่โซ่เอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม

         "ท่านพ่อตา ไม่ทราบว่าท่านป้าอยู่หรือไม่" กาเล็ทยังคงเอ่ยถาม

         "ลินดาหรือ? นางอยู่ในครัวน่ะ" ครูโซ่ตอบอย่างสงสัยใจว่าเหตุใดลูกเขยของตนผู้นี้ถึงถามหาภรรยาของตน

         "รบกวนท่านพ่อตาช่วยเรียกท่านป้าออกมาได้หรือไม่ อืมแม้ว่าวันนี้ท่านแม่ของข้าจะยังไม่ได้มาด้วย" กาเล็ทกล่าวพลางยกเมือเกาหัวพลาง ดูไปดูโง่งมอยู่บ้าง 

         "ลูกเขยกล่าวได้อย่างเต็มที่ ระหว่างเรายังต้องเกรงใจอีกหรือ" ครูโซ่เอ่ยเมื่อเห็นท่าทีลำบากใจของกาเล็ท

         "เรื่องของหมั้น ท่านลุง อย่างที่ท่านน่าจะทราบดีแม้ว่าตอนนี้ข้าจะมีตำแหน่งเป็นถึงมาร์ควิสแต่ อืมม ครอบครัวของข้าก็ไม่ได้ร่ำรวยมั่งคั่งเท่าใด อีกอย่างตัวข้าก็ไม่ได้สันทัดเรื่องเพรชนิลจินดา" กาเล็ทเอ่ยถึงตรงนี้ครูโซ่ก็เข้าใจในทันที

         "ลูกเขยไม่ต้องลำบากใจไป ของหมั้นจะมีหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับข้า" ครูโซ่เอ่ยตัดบทขึ้น ขณะเดียวกันลินดาก็เดินเข้ามายังห้องโถงพอดี "ท่านพี่ ท่านให้คนไปตามข้ามามีเรื่องใดหรือ" ลินดาเอ่ยถามอย่างสงสัย

         "พอดีวันนี้ลูกเขยมาคุยเรื่องการหมั้นหมายน่ะ ลูกเลยต้องการให้เจ้ารับรู้ด้วย" ครูโซ่เอ่ย

         ลินดาได้ยินเช่นนั้นก็หันมายิ้มให้กับกาเล็ทอย่างเอ็นดู

         "ท่านป้า โปรดรับสิ่งนี้จากข้าด้วย" กาเล็ทนำของหลายสิ่งออกมาจากแหวนมิติ หนึ่งในนั้นคือสิ่งของทรงกลมขนาดเท่ากับหัวแม่มือ หากสังเกตุให้ดีจะเห็นว่ามันคือยาเม็ดแต่ที่น่าแปลกประหลาดคือยาเม็ดนี้กลับแปล่งแสงหลากสีสันอ่อนๆออกมาอย่างน่าประหลาด

         ลินดาย่อมไม่ทราบว่าของสิ่งนี้คืออะไร แต่มีหรือที่ครูโซ่ซึ่งเป็นผู้ฝึกพลังจะไม่ทราบได้ แม้จะไม่ทราบว่ายานี้จะมีสรรพคุณเช่นไรแต่ที่ครูโซ่รู้แน่ชัดคือมันต้องเป็นยาวิเศษแน่นอน

         "ท่านป้าโปรดรับสิ่งนี้ไปเพื่อแทนคำขอบคุณจากข้า ข้ารู้สึกซึ้งใจยิ่งที่ท่านป้าเลี้ยงดูแชลเทียมาอย่างดี ทำให้ข้าได้พบเจอกับสตรีที่วิเศษเช่นนี้ สิ่งนี้คือโอสภเทพทลายสวรรค์ มันมีสรรพคุณช่วยให้ผู้ฝึกฝนซุ่งมีพลังอยู่ระหว่างขั้นที่หนึ่งถึงขั้นที่ห้าสามารถทะลวงขีดจำกัดพัฒนาพลังไปอีกขีดขั้นได้ทันที" กาเล็ทเอ่ย

         ลินดานั้นยังมึนงงอยู่ จากคำอธิบายของกาเล็ท ยานี้สมควรใช้กับผู้ฝึกพลังเช่นสามีตนจึงถูกต้อง ไม่ทราบว่า ว่าที่ลูกเขยตนผู้นี้เอามาให้ตนเองทำอะไร

         "รับไว้สิลินดา ลูกเขยอุตส่ามอบของหมั้นให้กับเจ้าแล้วนะ" ครูโซ่นั้นย่อมเข้าใจดีว่าสิ่งของสิ่งนี้ย่อมแทนของหมั้นจากคำกล่าวของกาเล็ทเมื่อครู่

         ลินดารับยาเม็ดนั้นมาจากมือของกาเล็ท "ท่านป้ารีบรับประทานยานี้ลงไปเถอะ สำหรับผู้ที่ไม่ใช่ผู้ฝึกพลังยานี้จะช่วยในการสร้างแก่นจิตวิญญาณขึ้นมา" กาเล็ทเอ่ยอธิบาย

         ครู่โซ่ที่ด้านข้างก็เข้าใจถึงเจตนาของกาเล็ทได้ในทันทีหลังจากที่ฟังคำอธิบายของกาเล็ท คนบางคนมีพรสวรรค์ย่อมสามารถสร้างแก่นจิตวิญญาณด้วยตนเองได้ไม่ได้ แต่สำหรับบางคนที่ไม่ได้เดินในเส้นทางของการฝึกฝนพลังย่อมเป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งกว่าการปีนป่ายขึ้นสวรรค์ เหตุที่กาเล็ทชักนำให้ภรรยาของตนเองเข้าสู่หนทางของผู้ฝึกฝนหาใช่เพราะต้องการให้ลินดาภรรยาของตนเข้าสู่โลกแห่งการต่อสู้ช่วงชิง แต่เป็นเพราะผลข้างเคียงของการฝึกฝนพลังจิตวิญญาณ ผู้ฝึกฝนพลังจิตวิญญาณนั้นเมื่อมีระดับพลังเพิ่มขึ้นร่างกายก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยส่งผลให้มีร่างกายที่แข็งแรงขึ้น มีช่วงชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้น  รู้ถึงสาเหตุแล้วครูโซ่ก็แสดงออกถึงความสำนึกขอบคุณออกมาทางใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด

         แม้จะไม่รู้แน่ชัดแต่เมื่อหันไปหาสามีขอนตน ลินดาก็ได้รับสัญญาณเป็นเชิงให้ทำตามที่กาเล็ทบอกนั่นคือการกลืนกินยาเม็ดลงไป ดังนั้นลินดาจึงนำยานั้นเข้าปากไป

         "ท่านพ่อตา หากปราศจากท่าน หญิงสาวที่ดีและเพียบพร้อมเช่นแชลเทียก็ไม่อาจที่จะเกิดขึ้นมาได้ ข้าซาบซึ้งและขอบคุณท่านลุงจากใจจริงเช่นกัน โปรดรับสิ่งนี้จากข้าด้วย" กาเล็ทให้ไปทางครูโซ่พร้อมทั้งนำตำราเล่มหนึ่งออกมาจากแหวนมิติพร้อมเม็ดยาที่เปล่องแสงประหลาดออกมาสองเม็ดเช่นเดียวกัน

         "ท่านลุงนี่คือตำราขั้นตอนและวิธีการฝึกฝนพลังอย่างถูกต้อง หากที่ลุงปฎิบัติตามนี้ระดับพลังของท่านลุงจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน ข้าได้ยินมาว่าท่านลุงมีแก่นจิตวิญญาณที่สามารถเข้ากันได้กับธาตุน้ำเช่นเดียวกับข้า ดังนั้นในตำราเล่มนี้ยังมีวิชาเฉพาะที่ข้าบัญญัติขึ้นเองเขียนแนะนำวิธีการฝึกฝนอยู่ด้วย ส่วนยานี้คือยาเทพโอสถวิถีฟ้าระดับกลาง มันจะช่วยให้ท่านลุงสามารถฝึกฝนได้อย่างราบรื่นขึ้นมาก" กาเล็ทกล่าวอธิบายพร้อมทั้งยื่นสิ่งของทั้งหมดให้แก่ครูโซ่

         มือไม้ของครูโซ่นั้นถึงกับสั่นไหวเล็กน้อยขณะที่รับสิ่งของทั้งหมดนั้นมาจากกาเล็ท "ลูกเขยของตนมิใช่พึ่งบอกว่าบ้านช่องยากไร้ ยากที่จะหาของมั่นล้ำค่าได้หรอกหรือ เหตุใดจึงปรากฎของวิเศษมากมายเช่นนี้ขึ้นเป็นของหมั้นกัน?"

         "ท่านพ่อ ท่านแม่" คุยเรื่องอะไรกันอยู่หรือเสียงหวานใสปานระฆังแก้วดังขึ้นขณะที่สองร่างเล็กเดินเข้ามาในห้องโถง

         ครูโซ่ไม่ทราบว่าจะตอบบุตรสาวของตนว่าอย่างไรดี หรือจะให้ตอบว่าเมื่อครู่กาเล็ทพึ่งจะส่งมอบของหมั้นที่ล้ำค่าควรเมืองให้แก่พวกตน? 

         "ไม่มีอะไรหรอกแชลเทีย วันนี้ข้ามารับเจ้าน่ะ พอดีวันนี้ข้าจะย้ายไปยังปราสาทบุสโซ่แล้วเลยกะว่าจะพาเจ้าไปดูตัวปราสาทด้วยกันเลย ข้าขอเชิญองค์หญิงด้วย" กาเล็ทเอ่ยกับทั้งแชลเทียและซิลเวีย "ท่านพ่อตา ท่านป้า ข้ามีความคิดว่าจะสวนพื้นฐานการฝึกพลังใก้กับทั้งแชลเทียและองค์หญิงซิลเวีย เนื่องจากตัวปราสาทใหม่ของข้านั้นอยู่ห่างจากตัวเมืองหลายกิโลจึงเป็นเหตุการเดินทางไปกลับใช้เวลาพอสมควร พวกท่านจะว่าอะไรหรือไม่หากว่าข้าจะขอให้แชลเทียไปพักอยู่กับข้าสักพักหนึ่ง" กาเล็ทเอ่ยร้องขออนุญาติ
         
         มีหรือที่ครูโซ่จะไม่อนุญาติ "ไม่มีปัญหา  อยู่นานหน่อยก็ไม่เป็นไร แชลเทียพาองค์หญิงไปจัดของสิลูก" ครูโซ่ตอบรับพร้อมทั้งหันไปสั่งบุตรสาวของตนให้รีบไปจัดข้าวของ

         แชลเทียที่เห็นท่าทีของบิดาตนเช่นนั้นก็มองค้อนใส่บิดาอย่างอดไม่ได้

         นำร่างเล็กทั้งสองออกจากตระกูลเรนเดลแต่กาเล็ทกลับไม่ได้มุ่งหน้าสู่ปราสาทบุสโซ่อย่างที่ควรจะเป็น 

         "กาเล็ทเจ้าจะพาพวกข้าไปไหน ทางนี้ไม่ทางออกนอกเมืองนี่" แชลเทียเอ่ยถามด้วยความสงสัย

         กาเล็ทหันมายิ้มอ่อนๆให้แก่แชลเทีย ครั้งหนึ่งข้าเคยผ่านมาเส้นทางนี้และพบว่ามีสถานที่หนึ่งสะดุดตาข้า ขณะที่กาเล็ทเอ่ยอธิบาย ร่างเล็กของซิลเวียเจ้าหญิงแห่งโรฮานกลับสั่นไหวเล็กน้อย เหตุเพราะนางย่อมทราบดีว่ากาเล็ทหมายถึงสิ่งใด เส้นทางนี้กลับเป็นเส้นทางที่นางเคยแอบซุ่มดูพฦติกรรมของกาเล็ท ในยามนั้นจิตใจของตัวนางเต็มเปี่ยมไปด้วยอคติจนดวงตามืดบอด คิดถึงเรื่องนี้ตัวนางก็หน้าแดงขึ้นมาอีกครา

         "สถานที่ใดหรือ" แชลเทียเอ่ยถาม

         "สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าน่ะแชลเทีย จากที่ข้าสังเกตุและสอบถามดูปรากฎว่าสถานรับเลี้ยงเด็กนั้นกำลังตกอยู่ในสถาวะที่ยากลำบากไม่น้อย ทั้งขาดแคลนเงินทองที่จะนำมาซื้ออาหารให้แก่เด็กๆ ทั้งขาดกำลังคนที่จะมาช่วยดูแลจัดการ ตอนนี้ข้าพกเงินติดตัวไว้ไม่มากจึงไม่ได้ช่วยเหลือไปมากนัก นี่เวลาก็ผ่านมาพอสมควรแล้วไม่ทราบว่าจะเป็นเช่นไรบ้าง ข้าเลยกะว่าวันนี้จะแวะไปดูสักหน่อยคงไม่รบกวนพวกเจ้ากระมัง?" กาเล็ทหันไปเอ่ยถามสองสาวที่ด้านข้าง

         "ไม่เลย" ทั้งแชลเทียและซิลเวียเอ่ย เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรหันมองไปยังด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ ในจิตใจนางนึกสงสัยอยู่ลึกๆอยู่ว่าเหตุใดกันกาเล็ทจึงต้องให้ความสำคัญแก่สถานรับเลี้ยงเด็กมากมายถึงเพียงนี้

         เสมือนว่าสามารถอ่านใจของเจ้าหญิงน้อยผู้นี้ได้ กาเล็ทยิ้มอ่อนออกมาพร้อมกับเอ่ยขึ้น "การพัฒนาที่ให้ผลยั่งยืนที่สุดย่อมเป็นการพัฒนาผู้คน การพัฒนาผู้คนนั้นแม้จะให้ผลที่ช้าและเป็นการลงทุนที่สูงแต่ทว่าหาทำสำเร็จจะให้ผลที่คุ้มค่า นับแต่เพียงในเมืองหลวงไม่ทราบว่ามีเด็กเล็กมากน้อยเท่าใดซึ่งไร้ที่พึ่งพิงได้แต่แอบหลบซ่อนอยู่ตามซอกหลืบของเมือง หากว่าถูกทหารทางการตรวจพบก็ยากจะหลุดรอดจากการกลายเป็นทาสได้แม้จะหลุดรอดจากการถูกจับหากว่าเด็กพวกนี้เติบโตขึ้นก็คงได้แต่ผันตัวเข้าสู่วงการมิจฉาชีพสร้างความเดือดร้อนไม่รู้จบ ดังนั้นสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นสำคัญยิ่ง หากว่ามีสถานที่เช่นนี้คอยรองรับ เด็กเหล่านั้นเมื่อเติบใหญ่ขึ้นไม่เพียงจะไม่เป็นปัญหาของสังคมแต่ยังสามารถเป็นกำลังให้กับบ้านเมืองได้อีกด้วย น่าเสียดายที่โรฮานกลับไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เท่าใดนัก" กาเล็ทเอ่ยอธิบาย

         ทั้งสองพอได้ฟังคำอธิบายของกาเล็ทก็ปากอ้าตาค้างไป "ท่านคิดไกลถึงเพียงนี้ ยากนักที่จะสามารถหาคนคิดได้เช่นนี้" ซิลเวียเอ่ย ในน้ำเสียงแฝงแววชมเชยอย่างมาก ตัวนางแม้จะเป็นถึงเจ้าหญิงของอาณาจักรแต่กลับไม่เคยคาดคิดถึงเรื่องเหล่านี้มากก่อน ยิ่งคิดนางก็ยิ่งรู้สึกตำหนิตนเองมากขึ้นกว่าเดิม

         


         หญิงสาววัยยี่สิบสามยี่สิบสี่ยกมือขึ้นปาดเม็ดเหงื่อที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าขณะที่กำลังตักข้าวแจกจ่ายให้กับเด็กๆที่ต่อแถวเรียงคิวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สีหน้าของนางนั้นแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าอยู่บ้าง ที่ดินผืนนี้ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานรับเลี้ยงเด็กคือสมบัติตกทอดที่หลงเหลือจากครอบครัวของนาง ตัวนางนั้นอันที่จริงมาจากตระกูลพ่อค้าระดับกลาง ด้วยวัยที่ล่วงเลยมาถึงยี่สิบสามปีแต่ก็ยังไร้คู่ครอง ที่ไร้คู่ครองหาใช่นางหน้าตาขี้ริ้วขี่เหล่ไม่ หากแต่เพราะนางเลือกที่จะปฎิเสธบรุษทุกผู้คนที่เข้ามาในชีวิตของตนเองก่อนหน้านี้ เริ่มแรกเดิมทีตัวนางก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กเช่นนี้ จุดเริ่มต้นของสถานที่แห่งนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ตัวนางในวัยสาวสะพรั่งขณะที่ได้เดินเตร่ซื้อของตามท้องถนนกลับเหลืบไปเห็นเด็กหญิงตัวน้อยน่าสงสารตัวสั่นเทาด้วยความหนาวเน็บและความหิวโหยตัวนางจึงรู้สึกเวทนาสงสารจับใจ ในวันนั้นนางได้นำพาเด็กหญิงตัวน้อยนั้นกลับมายังบ้านช่องของตนเองเพื่อเลี้ยงดู จากนั้นนางกลับค้นพบว่าในเมืองหลวงนั้นมิใช่มีเพียงเด็กหญิงตัวน้อยผู้นี้เท่านั้นที่น่าเวทนาสงสารไร้ที่พึ่งพิงจากการถูกทอดทิ้งแต่ถึงจะรู้เช่นนั้นด้วยทรัพย์ยากรที่มีอย่างจำกัดทำให้ตัวนางไม่สามารถช่วยเหลือเด็กกำพร้าได้ทุกผู้คน

         เวลาผ่านไปตัวนางในวัยสาวได้แต่เฝ้าเป็นกังวลใจว่าเด็กเล็กๆที่ด้านนอกนั้นจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเช่นไร พวกเขาจะมีอาหารตกถึงท้องหรือไม่ ครั้นเมื่อบิดาของนางซึ่งเดินทางไปค้าขายที่ต่างเมืองถูกโจรร้ายปล้นชิงจนตกตายลง ทรัพย์สมบัติของครอบครัวก็ถูกโอนถ่ายมาที่นางซึ่งเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูล นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้มีสิทธิในการเลือกทางเดินชีวิตของตนเอง นางมิได้เลือกที่จะประกิจการต่อจากบิดา นางเลือกที่ขายกิจการและทรัพย์สินส่วนใหญ่ไปเพื่อนำเงินที่ได้มาสร้างสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนี้ นั่นคือจุกเริ่มต้นของสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนี้ พอเวลาผ่านไปนานเข้าทรัพย์สินที่มีก็เริ่มร่อยหรอลงเลื่อยๆตามกาลเวลา สตรีตัวเล็กๆผู้หนึ่งจึงต้องเสียเวลาในวัยสาวไปกับการเลี้ยงดูเด็กๆซึ่งไม่ใช่ญาติมิตรของตนเองอย่างยากลำบาก สตรีผู้ที่กล่าวมานั้นคือเซน่านั่นเอง แต่ถึงจะพบเจอความยากลำบากเพียงไรนางกลับไม่เคยรู้สึกเสียใจเลยกับเส้นทางที่ตัวนางในอดีตเลือกเดิน

         "ขอบคุณค่ะแม่เซน่า" เด็กหญิงรับชามข้าวต้มไปจากมือเซน่าพร้อมทั้งเอ่ยคำขอบคุณออกมา หากสังเกตุให้ดีจะพบว่าในชามข้าวต้มตอนนี้นั้นมีทั้งเนื้อและเม็ดข้าวผสมกลมกลืนกันอยู่ในปริมาณที่ลง ไม่ได้มีเพียงแต่น้ำดังเช่นเมื่อเดือนก่อนแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นสีหน้าของเซน่ากลับปรากฎเค้าลางของความกังวลใจไม่น้อย นางซึ่งพึ่งได้ตรวจทานดูบัญชีรายรับรายจ่ายเมื่อเช้ามืดของวันนี้กลับพบว่าเงินที่เหลืออยู่นั้นมีอยู่ไม่มากเท่าใดแล้ว รอบเดือนที่ผ่านมาแม้เด็กๆจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมมากจากเงินบริจาคของเด็กหนุ่มผู้นั้นแต่ทว่านอกจากเด็กหนุ่มแล้วกลับไม่มีผู้ใดบริจาคเพิ่มเติมเลย 

         ในขณะที่ตัวนางกำลังตักข้าวต้มให้แก่เด็กๆอย่างเป็นกังวลใจ กริ๊งๆ เสียงของกระดิ่งที่สั่นไหวแสดงให้รู้ถึงว่ามีผู้มาเยือนก็ดังขึ้น เซน่าที่ออกไปรับหน้าผู้มาเยือนก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ผู้มาเยือนกลับเป็นเด็กหนุ่มผู่ซึ่งบริจาคเงินให้แก่สถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนี้เป็นจำนวนมากเมื่อครั้งก่อน หากไม่ได้เงินที่เขาบริจาคช่วยไว้ไม่ทราบว่าบัดนี้เด็กๆจะเอาสิ่งใดรับประทานกัน แต่ทว่าวันนี้เขากลับไม่ได้มาเพียงผู้เดียวข้างกายของบรุษหนุ่มนั้นมีสตรีที่เพรียบพร้อมไปทั้งรูปร่างและหน้าที่ที่งดสองนางอยู่เคียงข้าง

         "ข้าคงไม่ได้มารบกวนเวลาทำงานของคุณหนู ?" กาเล็ทเอ่ยทักทายเซน่าขึ้น กาที่กาเล็ทเอ่ยเรียกเซน่าว่าคุณหนูเหตุเพราะเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่เซน่า

         ได้ยินสรรพนามที่บรุษหนุ่มใช้เรียกตนเซน่าก็รู้สึกอดที่จะหวนนึกถึงความหลังมิได้ ไม่ได้มีผู้ใดเอ่ยเรียกตนว่าคุณหนูมานานแล้ว "เรียกข้าว่าเซน่าเถอะ"  การมาเยือนของกาเล็ททำให้เซน่ารู้สึกโล่งใจไม่น้อย

         กาเล็ทยิ้มอ่อนให้แก่เซน่า "คุณหนูเซน่าก็เรียกข้าว่ากาเล็ทเถอะ นี่คือคู่หมั้นของข้าและนี่คือเพื่อนของนาง" กาเล็ทเอ่ยแนะนำทั้งสองแก่เซน่า

         "ข้าแชลเทีย เรนเดล" แชลเทียเอ่ยแนะนำตัว
         
         "ข้าซิลเวีย อัลเลน" ซิลเวียเอ่ยแนะนำตัวเช่นกัน

         ได้ยินนามสกุลของซิลเวีย เซน่าก็ยกมือขึ้นป้องปากด้วยความตกใจพร้อมทั้งเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาแต่ทั้งหมดสามารถได้ยิน "องค์หญิง"

         ซิลเวียแปลกใจไม่น้อยที่เซน่ากลับรู้ฐานะที่แท้จริงของตนเอง "คุณหนูเซน่าไม่ต้องมากมารยาท"

         "ท่านแม่เซน่า ข้าหิวแล้ว"

         "ท่านแม่เซน่า ข้าวต้มจะเย็นหมดแล้ว ข ข้าหิวแล้ว"

         เสียงของเด็กๆดังเล็ดลอดออกมาจากด้านในขัดจังหวะการพูดคุยของทั้งหมดขึ้น

         ได้ยินเช่นนั้นกาเล็ทก็ส่งยิ้มแหยๆออกมา  
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×