ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #97 : เรื่องที่เท่ลเล่อเป็นกังวลใจ [รีไรท์]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.19K
      409
      13 ธ.ค. 60





    กาเล็ทนั่งรอซิลเวียอยู่ในห้องพร้อมทั้งเล่นกับมิร่าไปด้วย กาเล็ทจับขาหน้าทั้งสองของมิร่าในร่างมังกรไว้และยกชูตัวนางขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตา "หืมกินจุแบบนี้จะเลี้ยงไหวรึป่าวน้า" กาเล็ทเอ่ยกล่าวหยอกล้อกับมิร่าเมื่อตนเองหยิบขนมหวานและผลไม้ที่นางกำนัลภายในวังหลวงยกมาให้จนหมดสิ้น

    "กรุ๊" มิร่าส่งเสียงร้องโทนต่ำออกมาซึ่งแสดงออกถึงความรู้สึกหดหู่ใจ สิ่งที่นางชมชอบที่สุดคือการให้กาเล็ทลูบคลำตนเองอย่างเอ็นดูพร้อมทั้งป้อนขนมหวานและผลไม้ให้แก่ตนเองในร่างมังกร เมื่อได้ฟังคำกล่าวของกาเล็ทจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่นางตะรู้สึกหดหู่ใจเช่นนี้ ที่น่าแปลกมิร่านั้นมักจะถือเอาคำกล่าวของกาเล็ทเป็นจริงเป็นจังไปซะหมด นางนั้นแยกไม่ออกว่ากาเล็ทกล่าวเล่นหรือจริงกันแน่

    เห็นอาการของบุตรสาวที่แสดงออกมากาเล็ทก็ได้แต่กล่าว "ล้อเล่น ปะป๋าล้อเล่น มังกรน้อยตัวนี้จะกินจุขนาดไหนปะป๋าก็เลี้ยงไหวแน่นอน" ผลตอบรับที่ได้กลับมาจากการเอ่ยประโยคนี้คือลิ้นสีแดงที่ยื่นออกมาจากปากลองมิร่าที่เลียไปบนใบหน้าของกาเล็ท

    ซิลเวียที่ไม่ทราบว่ามาถึงพร้อมกับนางกำนัลตั้งแต่เมื่อใดยืนอมยิ้มมองการละเล่นของสองพ่อลูกอย่างเอ็นดู "อะอื้ม" นางส่งเสียงออกมาเป็นสัญญาณให้กาเล็ทรู้ถึงการคงอยู่ของนาง

    "จัดข้าวของเสร็จแล้วหรือ" กาเล็ทลุกเดินขึ้นไปหาซิลเวีย

    "อืม ทำให้กาเล็ทรอนานแล้ว" ซิลเวียเอ่ย

    "เช่นนั้นก็ไปเถอะ ขากลับข้าขอแวะไปหาท่านอาจารย์สักครู่ได้หรือไม่" กาเล็ทเอ่ย พร้อมทั้งเข้าไปรับข้าวของจากนางกำนัลของซิลเวียเข้ามาเก็บไว้ในแหวนมิติ

    "อืม" ซิลเวียตอบรับ


    ณ สถาบันผู้ฝึกตนของโรฮาน ภายในห้องทำงานของเทลเล่อ

    เทลเล่อผู้พิทักษ์แห่งโรฮานกำลังนั่งหน้าเครียดอ่านเอกสารกองสูงใหญ่อยู่บนโต๊ะทำงานของตนเอง หลายวันที่ผ่านมานี้เทลเล่อหาได้อยู่ว่าง ตัวมันนั้นได้ทำการรวบรวมข้อมูลต่างๆซึ่งเกี่ยวกับจักรพรรดิ์แดง และกับอาณาจักรไอออน เนื่องจากเทลเล่อนั้นคิดว่าการต่อสู้กับจักรพรรดิ์แดงต้องเกิดขึ้นแน่นอนเหตุเพราะจักรพรรดิ์แดงนั้นแตกต่างจากระดับจักรพรรดิ์อื่นๆ หากว่าเป็นจักรพรรดิ์อื่นๆกาเล็ทและตนเองก็เพียงแต่ยอมแสดงความอ่อนน้อมให้ก็สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้ทว่าจักรพรรดิ์แดงไม่ได้ต้องการความอ่อนน้อม สิ่งที่มันต้องการคือแก่นจิตวิญญาณของระดับราชา ส่วนสาเหตุที่จักรพรรดิ์แดงทำการเข่นฆ่าสังหารผู้คนที่มีพลังระดับราชาขึ้นไปจนแทบจะไม่มีเหลือในทวีปของตนเองเพื่อแย่งชิงเอาแก่นจิตวิญญาณนั้นยังไม่มีใครทราบ

    ขณะที่เทลเล่อกำลังนั่งหน้าเครียดศึกษาข้อมูลขุมกำลังของอาณาจักรไอออนอยู่ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น "ท่านอาจารย์ทำอะไรอยู่หรือ เหตุใดจึงมีท่าทางเคร่งเครียดถึงเพียงนี้"

    เทลเล่อเงยหน้าขึ้นมามองจากนั้นจึงเผยรอยยิ้มออกมา "เจ้ามาแล้ว นึกว่าลืมเลือนอาจารย์ผู้นี้ไปแล้วเสียอีก"

    ได้ฟังคำกล่าวของผู้เป็นอาจารย์กาเล็ทก็รู้สึกผิดอยู่บ้างสาเหตุเพราะหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเนื่องจากมีทั้งซิลเวียและแชลเทียอยู่เคียงข้างและยังมีมิร่าน้อยอีกทำให้กาเล็ทใช้เวลาผ่านไปอย่างสุขสบายและลืมเลือนนึกถึงอาจารย์ผู้นี้ของตนเองจริงๆ "ฮะ ฮะ ท่านอาจารย์พูดเป็นเล่นไปได้ ข้าจะลืมท่านได้อย่างไร" กาเล็ทส่งเสียงหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกผิดของตนเองออกมา

    "ถวายบังคมองค์หญิง" เทลเล่อลุกขึ้นยืนแสดงความเคารพต่อซิลเวียเมื่อสังเกตุเห็นว่าเจ้าหญิงแห่งโรฮานยืนอยู่ที่ด้านหลังของกาเล็ท

    "ท่านผู้พิทักษ์ ท่านเป็นอาจารย์ของกาเล็ทก็เปรียบเสมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ของกาเล็ท ท่านผู้พิทักษ์ไม่จำเป็นต้องแสดงความเคารพต่อข้า ควรเป็นข้าต่างหากที่ต้องแสดงความเคารพต่อท่าน" ซิลเวียเอ่ย

    ได้ฟังคำกล่าวของเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรเทลเล่อก็แสดงสีหน้าไม่เข้าใจออกมา

    กาเล็ทที่ได้เห็นก็ยกมือขึ้นเกาศรีษะของตนเองอย่างเก้อเขิน "ท่านอาจารย์ ซิลเวียนางเป็นหนึ่งในคู่หมั้นของข้าแล้ว" กาเล็ทเอ่ย

    ได้ฟังเทลเล่อก็ส่งเสียงอ้อ ออกมาคำหนึ่งเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้ว "กาเล็ทเจ้ามาในวันนี้ด้วยเรื่องใด"

    กาเล็ทหันไปบอกกับซิลเวียว่าให้ไปนั่งรอในห้องรับแขกของเทลเล่อสักครู่จากนั้นก็ส่งมิร่าให้นางเป็นผู้ดูแล "ท่านอาจารย์ข้ามีหลายเรื่องที่ต้องการปรึกษาหารือพร้อมทั้งอยากขอให้ท่านช่วยเหลือ" กาเล็ทเอ่ย
    เทลเล่อได้ฟังก็ผงกหัวคราหนึ่ง "ข้าเองก็มีเรื่องต้องพูดคุยปรึกษากับเจ้าเช่นกัน ว่าเรื่องของเจ้ามาก่อนเถอะ"

    กาเล็ทเดินมานั่งลงที่เก้าอีกตัวหนึ่งหน้าโต๊ะทำงานของเทลเล่อจากนั้นจึงเอ่ย "เรื่องแรกนั้นเกี่ยวกับแก่นจิตวิญญาณของเจอร์ราดจ้าวตระกูลเจอริโก้ที่ตายไป จะอย่างไรท่านอาจารย์ท่านก็เป็นผู้ที่ลงมือสังหารเจอร์ราดลง แก่นจิตวิญญาณของมันสมควรเป็นของท่าน หากว่าท่านต้องการข้าสามารถช่วยเหลือท่านอาจารย์ในการดูดซัพพลังจากแก่นจิตวิญญาณของเจอร์ราดเพื่อเพิ่มพูนพลังของท่าน" กาเล็ทเอ่ย

    เทลเล่อได้ฟังก็ส่ายหัวเป็นเชิงปฎิเสธ "ข้าไม่ต้องการเดินตามเส้นทางของมัน" เทลเล่อเอ่ย มันในที่นี้ของเทลเล่อย่อมหมายถึงจักรพรรดิ์แดง

    "มัน?" กาเล็ทเอ่ยอย่างสงสัย

    "ข้าหมายถึงจักรพรรดิ์แดง ถึงแม้จะไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัดว่ามันฆ่าล้างสังหารผู้อื่นเพื่อช่วงชิงแก่นจิตวิญญาณไปทำอะไรแต่คาดว่าคงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่ แก่นจิตวิญญาณของข้า ข้าย่อมสามารถฝึกฝนเพิ่มพูนพลังของมันด้วยตนเองไม่จำเป็นต้องใช้วิธีช่วงชิงเอาจากชีวิตของผู้อื่น" เทลเล่อเอ่ยอย่างทรนงในน้ำเสียงที่เอ่ยถึงจักรพรรดิ์แดงแสดงออกถึงความเหยียดหยามดูแคลน

    "ท่านอาจารย์นี่ย่อมแตกต่างจากจักรพรรดิ์แดง.." กาเล็ทพยายามที่จะเอ่ยเกลี้ยกล่อมทว่าเทลเล่อกลับยกมือขึ้นห้ามปราม

    "แก่นจิตวิญญาณนั้นมอบให้แก่เจ้าเถอะ อยากใช้มันทำอะไรก็ล้วนแล้วแต่เจ้า" เทลเล่อเอ่ยตัดบท

    ได้ฟังเช่นนั้นกาเล็ทก็ถอนหายใจออกมา "เช่นนั้นก็มอบให้แก่นางกลืนกินเถอะ" กาเล็ทเอ่ย

    "นาง? เจ้าหมายถึงผู้ใด" เทลเล่อเอ่ยถาม

    "จะมีผู้ใดอีกท่านอาจารย์ที่สามารถกลืนกินแก่นจิตวิญญาณได้นอกจากมิร่า หรือท่านลืมเลือนไปแล้วว่ามิร่าคือสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง ในหมู่สัตว์อสูรนั้นการกลืนกินแก่นจิตวิญญาณของสัตว์อสูรตนอื่นหรือแม้แต่ของมนุษย์นั้นเป็นเรื่องปกติและมันจะช่วยให้สัตว์อสูรที่กลืนกินเพิ่มพูนระดับพลังของตนเองได้อย่างรวดเร็ว" กาเล็ทเอ่ย

    ได้ฟังดวงตาของเทลเล่อก็เปล่งประกายขึ้นแวบหนึ่ง "ข้าเปลี่ยนใจแล้ว" เทลเล่อเอ่ย
    "เปลี่ยนใจ?" กาเล็ทอดที่จะแสดงความรู้สึกแปลกใจออกมาไม่ได้เมื่อเห็นว่าอาจารย์ของตนเองเปลี่ยนท่าทีอย่างกระทันหันเช่นนี้

    "ใช่ แก่นจิตวิญญาณของเจอร์ราดข้าจะขอรับไว้และข้าจะเป็นผู้ป้อนมันให้แก่มิร่าเอง" เทลเล่อเอ่ย หากสังเกตุให้ดีบนใบหน้าของมันขณะเอ่ยวาจากลับมีสีแดงเปล่งปรั่งอยู่บ้าง

    กาเล็ทย่อมไม่เข้าใจว่าเหตุใดอาจารย์ของตนจึงต้องทำเรื่องอ้อมค้อมเช่นนี้ ไม่ว่าตนเองเป็นผู้ป้อนหรือเทลเล่อเป็นผู้ป้อนให้จะมีข้อแตกต่างอันใด? แน่นอนกาเล็ทผู้ซึ่งได้รับความรักความสนใจจากมิร่าอย่างเปี่ยมล้นย่อมไม่เข้าใจหัวอกของผู้อื่นที่ต้องการสนิทสนมกับบุตรสาวบุญธรรมซึ่งถือเนื้อถือตัวของตนเองเช่นมิร่า

    "เอาเช่นนั้นก็ได้" กาเล็ทเอ่ยพร้อมกับนำแก่นจิตวิญญาณของเจอร์ราดออกมายื่นส่งให้แก่เทลเล่อ

    ขณะที่รับแก่นจิตวิญญาณของเจอร์ราดมาเทลเล่อก็เอ่ยถาม "แล้วที่ว่าต้องการให้ข้าช่วยเหลือคือเรื่องใด"

    "เรื่องนี้จะเอ่ยไปแล้วก็ยืดยาวไม่น้อยท่านอาจารย์ อย่างที่ท่านอาจารย์พอจะทราบมาแล้วว่าข้าต้องการสร้างหมู่บ้านบุสโซ่ขึ้น เพื่อการนั้นข้าเพียงคนเดียวคงไม่สามารถกระทำได้ ข้าจึงอยากจะรบกวนท่านอาจารย์ให้ช่วยแนะนำผู้คนที่มีความสามารถและซื่อสัจสุจริตให้แก่ข้าสักหลายคน" กาเล็ทเอ่ย

    "อืมมมม" เทลเล่อส่งเสียงออกมาขณะครุ่นคิดและแสดงสีหน้าลำบากใจ "จะว่าไม่มีมันก็ไม่เชิง หากข้าคาดเดาไม่ผิดสิ่งที่เจ้าต้องการจริงๆคือคนที่ซื่อสัจสุจริตใช่หรือไม่" เทลเล่อเอ่ยถาม

    "เป็นเช่นนั้นท่านอาจารย์" กาเล็ทตอบ

    "จะว่ามีมันก็มีอยู่ ทว่าคนพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วมีนิสัยแข็งกร้าวยอมแตกหักไม่ยอมงอ ส่วนใหญ่ก็แตกหักไปจนหมดสิ้นแล้ว" เทลเล่อเอ่ย

    "แตกหัก? ตายหมดสิ้นแล้วหรือท่านอาจารย์จะเป็นไปได้อย่างไร" กาเล็ทเอ่ยด้วยความตกใจ

    "ไม่ได้หมายความว่าตายหมดสิ้นแล้ว ความหมายของข้าคือล้วนถูกกลั่นแกล้งจนหลุดออกจากตำแหน่ง เมื่อหลุดออกจากตำแหน่งคนพวกนี้ก็สูญสิ้นความศรัทธาต่อระบบราชกาลจนหมดสิ้น พวกมันส่วนใหญ่ยอมกัดก้อนเกลือกินอยู่อย่างลำบากยากแค้นดีกว่าที่จะยอมอ่อนข้อให้แก่ขุนนางโฉด เกรงว่าการจะทำให้พวกมันยอมรับใช้เจ้าซึ่งเป็นขุนนางคงไม่ใช่เรื่องง่าย" เทลเล่อเอ่ยอธิบาย

    ได้ฟังกาเล็ทก็เผยรอยยิ้มอย่างยินดี "ท่านอาจารย์ก็พูดเสียข้าใจหายใจคว่ำหมด ข้านึกว่าโรฮานจะไม่มีผู้คนที่ซื่อสัจสุจริตหลงเหลืออยู่เสียแล้ว เช่นนั้นรบกวนท่านอาจารย์จดชื่อพร้อมที่อยู่ของพวกมันให้แก่ข้าสักหลายคนได้หรือไม่"

    "เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เอาไว้ข้าจะช่วยเจ้าพูดคุยกับพวกมันอีกแรงหนึ่งในภายหลังก็แล้วกัน" เทลเล่อเอ่ย

    "ว่าแต่ที่ท่านอาจารย์บอกว่ามีเรื่องปรึกษากับข้าเช่นกันคือเรื่องอะไรหรือ" กาเล็ทเอ่ยถามบ้าง

    "เรื่องของจักรพรรดิ์แดง" เทลเล่อเอ่ย เพียงแต่เมื่อเอ่ยนามนี้ออกมาบรรยากาศโดยรอบก็ดูเคร่งเครียดขึ้นทันใด "จะอย่างไรการต่อสู้ระหว่างพวกเรากับมันก็ต้องเกิดขึ้นเพียงแต่จะช้าหรือเร็วก็เท่านั้น ด้วยความสามารถของเจ้า ด้วยแก่นจิตวิญญาณระดับราชาของข้า มีหรือที่มันจะปล่อยพวกเราให้หลุดรอดไปได้ ดังนั้นเราควรคิดในกรณีที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้และเตรียมตัวรับมือ" เทลเล่อเอ่ยบอก

    "เฮ้อ ข้ากลับไม่เข้าใจนักว่าเหตุใดจึงอยู่กันอย่างสงบไม่ได้ คนบางจำพวกหากว่าไม่ได้เบียดเบียนแย่งชิงเอาจากผู้อื่นจะอดทนมีชีวิตอยู่ไม่ได้เชียวหรือ" กาเล็ทถอนหายใจออกมาพร้อมกับเอ่ยถ้อยคำตัดพ้อ

    "หากว่าทุกผู้คนคิดได้อย่างเจ้ากาเล็ท มีหรือที่จะเกิดสงครามแย่งชิงดินแดนขึ้นดั่งเช่นทุกวันนี้" เทลเล่อเองก็ถอดถอนใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายเช่นเดียวกัน "พวกเราสมควรทำเรื่องราวให้กระจ่างแจ้ง มีคำกล่าวที่ว่ารู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง พวกเราสมควรตรวจสอบถึงระดับความแข็งแกร่งของมิร่าน้อยให้ชัดเจนว่าอยู่ในระดับใดกันแน่ ใช่สามารถต่อกรกับจักรพรรดิ์แดงได้หรือไม่ ยังมีที่น่ากลัวเกี่ยวกับจักรพรรดิ์แดงนั้นไม่ใช่แต่เพียงตัวมัน รอบตัวมันยังมีสี่ผู้คุมกฎซึ่งมีระดับพลังอย่างน้อยอยู่ในขั้นราชาคอยให้การคุ้มกันอยู่ไม่ห่าง ไหนจะข่าวซึ่งไม่ทราบว่าจริงแท้หรือไม่ซึ่งข้าได้รู้มาอีก ที่ว่าอาณาจักรไอออนซึ่งเป็นดินแดนหลักของจักรพรรดิ์แดงยังมีกองกำลังลับที่ขึ้นตรงต่อมันหลายร้อยคนซึ่งแต่ละคนในกองกำลังนี้มีระดับพลังไม่ต่ำกว่าระดับ 7" เทลเล่อเอ่ยบอกกล่าวข้อมูลที่ตนเองศึกษาค้นคว้ามาได้เกี่ยวกับจักรพรรดิ์แดงให้แก่กาเล็ทฟัง

    กาเล็ทได้ฟังก็นิ่งเงียบครุ่นคิด "ท่านอาจารย์บอกกว่ากับท่านตามตรงว่าข้ากลัว" กาเล็ทเอ่ย

    "ย่อมไม่แปลกที่เจ้าจะรู้สึกเช่นนั้นกาเล็ท" เทลเล่อเอ่ยปลอบให้กำลังใจแก่ลูกศิษย์ของตนเอง

    กาเล็ทกลับส่ายหัวและกล่าวว่า "ที่ข้ากลัวหาใช่การต่อสู้ห้ำหั่นกับจักรพรรดิ์แดงในอนาคต สิ่งที่ข้ากลัวที่สุดคือคนของข้า คนใกล้ชิดข้าจะต้องตกตาย บริวารของข้าที่จะต้องตกตายลงเมื่อมีการต่อสู้เกิดขึ้น หากเป็นไปได้ข้าต้องการต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายกับจักรพรรดิ์แดงให้รู้แล้วรู้รอดไปเพียงลำพัง หากว่ามีผู้ที่ต้องตกตายก็ขอให้มีแต่ข้าเพียงผู้เดียว"

    "เหลวไหล" เทลเล่อเอ่ยตัดบทขึ้นมาทันควันเมื่อกาเล็ทเอ่ยจบ "เจ้าจะไปต่อสู้กับมันเพียงลำพังได้หรือต่อให้เจ้าทำได้คิดว่ามันจะยินยอมสู้กับเจ้าอย่างเท่าเทียมหรือ? ตัวมันมีทั้งกองกำลัง มีทั้งผู้คุมกฎทั้งสี่อยู่เคียงข้าง ไม่ว่าอย่างไรก็ย่อมหลีกเหลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายที่จะเกิดขึ้นไม่ได้หากเกิดการต่อสู้ขึ้น หากเจ้าตายไปคิดหรือว่ามันจะยอมปล่อยให้คนที่เจ้าห่วงใยเหลือรอด รู้หรือไม่ว่าคนที่ต่อต้านมันมีชะตากรรมเช่นไร เมืองๆหนึ่งกลับกลายเป็นเมืองร้างไปภายในค่ำคืนเดียวเจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่?" เทลเล่อเอ่ยตำหนิกาเล็ท

    "ท่านอาจารย์ข้าเพียงแต่คิดรำพึงรำพันเล่นๆเท่านั้นเอง เอาเถอะหากว่าจักรพรรดิ์แดงมีขุมกำลังอย่างเช่นที่ท่านกล่าวมาพวกเราก็เพียงแต่สร้างขุมกำลังเช่นนั้นขึ้นมาบ้างก็เพียงพอแล้วใช้หรือไม่?" กาเล็ทเอ่ย
    เทลเล่อได้ฟังก็ส่ายหัวอย่างเอือมระอาออกมาดูท่าว่าลูกศิษย์ของตนเองผู้นี้คงเลอะเลือนไปชั่วขณะแล้ว "เจ้าคิดว่าการสร้างกองกำลังผู้ฝึกฝนพลังดั่งเช่นกำลังลับของจักรพรรดิ์แดงเป็นเรื่องง่ายหรือ รู้หรือไม่ว่าคนปกตินั้นกว่าที่จะฝึกฝนจนมีระดับพลังถึงขั้นที่ 7 ได้ต้องใช้เวลากี่ปีกันอย่าได้เอาตัวเองเป็นตัวตั้งแล้วคิดว่าผู้อื่นจะสามารถกระทำได้เช่นเจ้ากาเล็ท เจ้านั้นนับได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่หายากยิ่ง แม้แต่ข้าที่อยู่มานานยังไม่เคยเห็นว่ามีผู้ใดฝึกฝนพลังได้รวดเร็วเช่นเจ้ามาก่อน แม้แต่จักรพรรดิ์แดงเองตอนที่อยู่ในวัยรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าก็ยังไม่สามารถเทียบเปรียบกับเจ้าได้ศิษย์" เทลเล่อเอ่ย

    "ท่านอาจารย์ข้าหาได้กล่าวเหลวไหล หากว่ามีเวลาสักหนึ่งปีการฝึกกองกำลังที่มีพลังรบระดับอย่างน้อยขั้นที่ 7 สักร้อยสองร้อยคนหาใช่เรื่องยากเย็น ไม่เพียงแต่สร้างกองกำลังที่มีพลังรบระดับที่ 7 เท่านั้น หากมีทรัพย์ยากรที่มากพอข้ายังสามารถหลอมสร้างอาวุธและชุดเกราะให้กับพวกมันด้วยแร่มิธริลด้วย" กาเล็ทเอ่ย



    ปล. ท่านผู้อ่านสงสัยกันบ้างไหมว่าผมจะเขียนฉากที่กาเล็ทอุ้้มมิร่า หอมมิร่า อยู่บ่อยๆ ? ผมจะอธิบายอย่างงี้ครับผมแต่ลองจำลองนึกว่าหากเป็นตัวผมเองแล้วมีมังกรน่ารักแบบมิร่าอยู่ด้วย บอกตามตรงผมคงกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับมิร่าทุกชั่วโมงอะครับ ยังมีนิสัยขี้อ้อนและตามติดกาเล็ทเกือบจะตลอดเวลาด้วย ถ้าผู้อ่านเป็นกาเล็ทนี่จะฟัดกับมิร่าน้อยบ่อยๆหรือเปล่าหว่า 555 ใครนึกภาพมิร่าไม่ออกก็ดูปกเอานะ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×