ลำดับตอนที่ #99
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #99 : ความกังวลใจของมิร่า [รีไรท์]
จะว่าไปแล้วคราแรกที่กาเล็ทได้เข้ามาอยู่ในร่างใหม่นี้ ด้วยสถานการณ์ของตระกูลบุสโซ่ในตอนนั้นอยู่ในขั้นวิกฤตทำให้กาเล็ทต้องอยู่ในภาวะตื่นตัวแทบจะตลอดเวลา ทว่าตั้งแต่ที่ได้มิติเทพเจ้าและพบเจอกับมิร่า เรื่องราวต่างๆก็เริ่มคลี่คลายลงทำให้ในรอบเดือนที่ผ่านมานี้กาเล็ทนั้นใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไม่น้อย "จริงอย่างที่ท่านอาจารย์ว่าตัวเราไม่ควรที่จะฝากฝังชีวิตไว้กับโชคชะตา จะอย่างไรเราควรรีบเร่งพัฒนาตนเองให้พร้อมรับกับสถานการณ์ไม่คาดฝันต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น" คิดได้เช่นนั้นกาเล็ทก็เอ่ยปากกับเทลเล่อ "ท่านอาจารย์เช่นนั้นข้าไม่รบกวนท่านแล้วข้าขอตัวกลับก่อน"
เทลเล่อผงกหัวให้ "อืม"
เมื่อบอกกล่าวคำอำลากับผู้เป็นอาจารย์เรียบร้อยแล้วกาเล็ทก็ลุกขึ้นเดินและส่งเสียงเรียกซิลเวียกับมิร่าที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขก "ท่านอาจารย์ข้าไปแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องออกมาส่งข้าให้เปลืองเรี่ยวแรง" กาเล็ทเอ่ยกล่าวเมื่อเห็นว่าเทลเล่อผู้เป็นอาจารย์ยังคงเดินตามติดตนเองมา
"ผู้ใดว่าข้าจะส่งเจ้า ข้าจะติดตามเจ้าไปยังตระกูลบุสโซ่ ข้ามิใช่พึ่งบอกกล่าวว่าจะช่วยเจ้าจัดการดูแลเรื่องราวหรอกหรือ" เทลเล่อเอ่ยบอกจุดประสงค์ของตนเองออกไป เรื่องนี้ไม่อาจชะล่าใจได้เพราะนี่คือเรื่องของความเป็นและความตาย ไม่แต่เพียงความเป็นและความตายของตระกูลบุสโซ่เท่านั้นแต่มันคือความเป็นความตายของผู้คนทั้งโรฮาน หากว่าเรื่องนี้มีสิ่งใดผิดพลาดเกิดขึ้นนั่นย่อมหมายความว่าทั้งโรฮานจะต้องถูกแผดเผาด้วยเปรวเพลิงของจักรพรรดิ์แดงแล้ว
กาเล็ทได้ฟังก็ยิ้มแห้งๆออกมาคราหนึ่ง "จำเป็นต้องควบคุมใกล้ชิดถึงเพียงนี้หรือท่านอาจารย์"
"หากเป็นเมื่อก่อนย่อมไม่ แต่เจ้าตอนนี้ผู้ซึ่งห่วงว่าจะไม่ได้โอบกอดหญิงงามกว่าชะตากรรมของบ้านเมืองข้าชักไม่แน่ใจ หากไม่อยากให้ท่านหญิงนีน่าทราบเรื่องก็อย่าได้พิรี้พิไร" เทลเล่อเอ่ยพร้อมทั้งแสดงสีหน้าเอาจริงเอาจังออกมา
ได้ฟังเช่นนั้นกาเล็ทก็หมดคำพูดจะกล่าวได้แต่ตรงดิ่งไปยังตระกูลเรนเดลเพื่อรับแชลเทียและมุ่งตรงกลับสู่ตระกูลบุสโซ่ในทันที การเที่ยวชมเมืองของกาเล็ท แชลเทีย ซิลเวีย และมิร่าจึงจบลงในลักษณะนี้
เมื่อกลับมาถึงตระกูลบุสโซ่ นีน่าซึ่งสังเกตุเห็นว่าเทลเล่อผู้พิทักษ์แห่งอาณาจักรมาพร้อมกับกาเล็ทบุตรชายของตนเองด้วยก็ออกมาต้องรับขับสู้ เทลเล่อก็ไม่กล่าวมากความตัวมันอธิบายแก่นีน่าว่านับจากนี้ตนเองจะมาขอรบกวนพักอยู่ที่ตระกูลบุสโซ่ด้วยเพื่อช่วยดูแลจัดการเรื่องราวแทนกาเล็ท ส่วนกาเล็ทนั้นจำเป็นที่จะต้องเก็บตัวฝึกฝนเป็นระยะเวลา 2 เดือน
"เอาล่ะสิ่งที่สมควรทำเป็นอันดับแรกคือการทดสอบว่ามิร่าน้อยของเจ้านั้นมีความสามารถเท่าใดกันแน่ พวกเราไม่สมควรปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเสียเปล่า ก่อนอื่นก็เข้าไปพูดคุยปรึกษากันภายในมิติเทพเจ้าเถอะ" เทลเล่อเอ่ยเสนอ มันไม่ต้องการให้เวลาผ่านเลยไปอย่างเสียเปล่าแม้สักวินาทีเดียว
"ข.เข้าใจแล้วท่านอาจารย์" กล่าวจบกาเล็ทก็นำเทลเล่อและมิร่าเข้าสู่มิติเทพเจ้าไป
เมื่อเข้ามาภายในมิติเทพเจ้ากาเล็ทก็นำ แก่นจิตวิญญาณระดับราชาของเจอร์ราดและแก่นจิตวิญญาณระดับ 9 ออกมาอีกสองชิ้นซึ่งเป็นของหัวหน้าตระกูลที่เข้าร่วมกับเจอร์ราดซึ่งถูกตนเองสังหารไป
"อึ้มม" เทลเล่อส่งเสียงออกมาคราหนึ่งเพื่อเป็นสัญญาณให้แก่กาเล็ท
เห็นเช่นนั้นก็เล็ทจึงส่งผลึกจิตวิญญาณทั้งสามให้แก่เทลเล่อผู้เป็นอาจารย์
"อ.อื้ม มิร่าน้อยมานี่มา มาหาลุง ลุงมีของจะให้มิร่าน้อยด้วยนะ" เมื่อได้รับแก่จิตวิญญาณไปจากกาเล็ทเทลเล่อก็เอ่ยคำเชิญชวนต่อมิร่าประหนึ่งว่าผู้ร้านกำลังใช้ขนมหวานหลอกล่อเด็กน้อยผู้บริสุทธิก็ไม่ปาน
เห็นเช่นนั้นกาเล็ทก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ส่วนมิร่านั้นกลับหันมองมาที่กาเล็ทเพื่อรอการอนุญาติจากผู้เป็นบิดา เมื่อเห็นว่ากาเล็ทผงกหัวซึ่งแสดงว่าเป็นการอนุญาตินางก็วิ่งเข้าไปหาเทลเล่อ
"มีอะไรจะให้มิร่าหรอลุงหัวล้าน" มิร่าเอ่ยถามขึ้น
เมื่อได้ยินสรรพนามที่มิร่าใช้เอ่ยเรียกตนกล้ามเนื้อบนใบหน้าของเทลเล่อก็สั่นกระตุกวูบหนึ่ง "เรียกว่าคุณลุงเทลเล่อสิ ไหนลองเรียกว่าคุณลุงเทลเล่อ"
"ก็ได้ ลุงเทลเล่อมีอะไรจะให้มิร่า" มิร่าเอ่ย
เมื่อได้ฟังคำเอ่ยเรียกตนเองของมิร่าที่เปลี่ยนไปเทลเล่อก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ จากนั้นจึงนำแก่นจิตวิญญาณทั้งสามที่ซ่อนไว้เบื้องหลังออกมา
มิร่าเห็นเช่นนั้นก็ตาลุกวาว ทว่ากลับเป็นอาการเพียงชั่ววูบหนึ่งเท่านั้น "ให้หรอ ให้มิร่าหรอ"
"ใช้แล้ว ลุงเทลเล่อให้มิร่า" เทลเล่อเอ่ยตอบ
ได้ยินดังนั้นมิร่าก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดีและรีบคว้าจับเอาแก่นจิตวิญญาณทั้งสามก้อนไว้และวิ่งกลับไปหากาเล็ท "ปะป๋ากาเล็ทมิร่าให้"
กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาพร้อมทั้งหัวเราะมองไปทางเทลเล่อ "จนบัดนี้ข้าก็ยังนึกสงสัยอยู่ว่าเป็นท่านป้อนให้แก่นางหรือเป็นข้านั้นมีความแตกต่างอันใดท่านอาจารย์" กล่าวจบกาเล็ทก็ก้มลงอุ้มมิร่าในร่างเด็กหญิงขึ้นมา
"อย่างเจ้าจะไปเข้าใจอะไร" เทลเล่อกล่าวเสียงดังใส่กาเล็ทอย่างรู้สึกหงุดหงิด
กาเล็ทก็ได้แต่ยิ้มออกมา ไม่ทราบว่าอาจารย์ของตนเองไม่พอใจ ณ ที่ใด "นี่สำหรับมิร่า แก่นจิตวิญญาณนี้ให้มิร่ากิน มิร่าจะได้เก่งขึ้น ถ้ามิร่าเก่งขึ้นจะได้ช่วยปะป๋ากำจัดโจรร้าย" กาเล็ทเอ่ยกับร่างเล็ก
"จริงหรอ งั้นมิร่ากินเลยนะ กินเลยนะ" มิร่ากล่าวจบก็เปลี่ยนร่างเป็นมันกรและอ้าปากงับกินแก่นจิตวิญญาณทั้งสามที่ลอยอยู่เบื้องหน้าของตนเองทีละอัน นางกลับกลืนแก่นจิตวิญญาณทั้งสามลงท้องไปอย่างง่ายดาย ทว่าที่น่าแปลกคือกาเล็ทนั้นไม่สามารถจับสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของแก่นจิตวิญญาณภายใตตัวมิร่าได้เลย
"น่าแปลก" กาเล็ทเอ่ยขึ้น
"มีอันใดแปลก? เจ้ามิใช่บอกเองหรือว่าสัตว์อสูรกลืนกินแก่นจิตวิญญาณนั้นเป็นเรื่องปกติ" เทลเล่อเอ่ยตอบ
"ที่ว่าแปลกไม่ใช่เรื่องนั้นท่านอาจารย์ แม้นางจะกลืนกินแก่นจิตวิญญาณทั้งสามก้อนลงไปแล้วทว่าข้ากลับจับสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของแก่นจิตวิญญาณในตัวนางไม่ได้เลย นี่ท่านไม่คิดว่ามันแปลกหรือท่านอาจารย์ ถึงแม้นางจะมีแก่นจิตวิญญาณอยู่ในระดับจักรพรรดิ์ขั้นต้นแต่การกลืนกินแก่นจิตวิญญาณระดับที่ 9ถึง 2 ก้อนและระดับราชา 1 ก้อน จะอย่างไรก็สมควรมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง" กาเล็ทเอ่ยอธิบาย
เทลเล่อซึ่งได้ฟังก็ผงกหัวอย่างครุ่นคิด "เป็นเรื่องที่แปลกจริง"
"มิร่าทำไมกินแก่นจิตวิญญาณเข้าไปแล้วพลังของหนูไม่เพิ่มขึ้นเลยล่ะ" กาเล็ทเอ่ยถามมิร่าที่อยู่ในร่างของมังกร
"ฮี่ ฮี่ พลังของมิร่าจะเพิ่มขึ้นตอนนอน" เสียงใสของมิร่าเอ่ยตอบมาทางสัญญาโบราณ
ได้ยินเช่นนั้นก็เล็ทก็ผงกหัวอย่างเข้าใจ แต่แล้วกลับเกิดความรู้สึกว่ามีเรื่องไม่ถูกต้องอยู่ หากนางกล่าวว่าพลังของนางจะเพิ่มขึ้นยามเมื่อหลับไหลเช่นนั้นเหตุใดตนเองแทบไม่เคยเห็นว่านางหลับไหลเลย? จะกล่าวไปแล้วระดับพลังของมิร่านั้นกลับไม่ได้เพิ่มขึ้ีนหรือเปลี่ยนแปลงไปเลยตั้งแต่ออกมาจากป่าอสูรฟ้าทั้งๆที่กาเล็ทก็ได้ให้นางกินยาวิเศษทุกอย่างที่จนเองปรุงขึ้นได้ไปแล้ว "มิร่าตั้งแต่ออกมาจากป่าอสูรฟ้ามิร่าได้นอนหลับบ้างแล้วหรือยัง"
"ยัง" มิร่าตอบกลับมาทันที
ได้ฟังเช่นนั้นสีหน้าของกาเล็ทก็แปรเปลี่ยนไป
"กาเล็ทเป็นไรหรือ" เทลเล่อเอ่ยถามขึ้นเมื่อสังเกตุออกถึงความผิดปกติของกาเล็ท
"ท่านอาจารย์เมื่อครู่ข้าสอบถามพูดคุยกับมิร่าอยู่น่ะ ได้ความว่าพลังของนางจะเพิ่มขึ้นยามหลับไหล" กาเล็ทเอ่ยบอกแก่เทลเล่อจากนั้นจึงหันไปพูดกับมิร่าที่บัดนี้เข้ามาเกาะอยู่บนศรีษะของตนเองแล้ว "ทำไมมิร่าถึงไม่นอนหลับบ้างล่ะ ถ้านอนพลังของมิร่าก็จะเพิ่มไม่ดีหรอ" กาเล็ทเอ่ยถาม ขณะที่เอ่ยคำถามนี้ในจิตใจของกาเล็ทก็คาดหวังว่าอย่าให้เป็นดั่งที่ตนเองคาดคิดเลย
"ไม่เอาหลอก มิร่ากลัว กลัวว่าตื่นมาแล้วจะไม่เจอปะป๋า กลัวว่าที่ได้เจอกับปะป๋าจะเป็นแค่ความฝัน" มิร่าเอ่ย
ได้ฟังเสียงของมิร่าที่ส่งมาตามพันธสัญญาโบราณกาเล็ทก็หวนนึกย้อนกลับไป ภาพเหตุการณ์ต่างๆผุดขึ้นในหัวสมองของตนเอง ภาพที่มิร่าในร่างมังกรมักจะนอนและชโงกหน้าขึ้นมาหาตนอยู่บ่อยๆ "ที่แท้เพราะนางกังวลใจเช่นนี้เอง"
กาเล็ทโอบอุ้มนางลงมาจากศรีษะของตนเองอย่างอ่อนโยน พร้อมกับเอ่ยพูดกับนาง "มิร่า การพบเจอกันของเราเป็นเรื่องจริง การที่มิร่ากับปะป๋าได้อยู่ด้วยกันไม่ใช่เรื่องโกหกนะ มันเกิดขึ้นจริง ต่อให้มิร่าจะหลับไปนานขนาดไหน เมื่อตื่นขึ้นมามิร่าก็จะยังพบว่ามีปะป๋าอยู่ด้วยเสมอนะ ชีวิตของปะป๋า ชีวิตของท่านลุงเทลเล่อและท่านย่า ทุกผู้คนที่อยู่รอบตัวของมิร่ากำลังตกอยู่ในอันตราย มีโจรร้ายที่ชื่อว่าจักรพรรดิ์แดงอยู่ เจ้าจักรพรรดิ์แดงนี้เป็นโจรร้ายที่แข็งแกร่งมากๆเลยจนปะป๋าเองก็ยังไม่แน่ใจว่ามิร่าจะสู้ได้หรือเปล่า ดังนั้นแล้วการเพิ่มพลังของมิร่าคือสิ่งที่จำเป็น" กาเล็ทค่อยๆเอ่ยคำปลอบโยนพร้อมทั้งแจกแจงเหตุผลที่มิร่าจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นให้มิร่าฟัง
"งือ โจรร้ายที่ชื่อว่าจักรพรรดิ์แดงเก่งมากๆเลยหรอ" มิร่าเอ่ยถาม
"ใช่แล้ว จักรพรรดิ์แดงเป็นเจ้าของดินแดนทั้งหมด รวมถึงดินแดนที่พวกเราอยู่ด้วย มันก็อ้างสิทธิว่าเป็นของมัน" กาเล็ทเอ่ย
"ไม่ได้นะ แบบนั้นไม่ได้ ที่นี่เป็นรังของมิร่ากับปะป๋า จะไปเป็นของโจรร้ายจักรพรรดิ์แดงอะไรนั่นได้ยังไง มิร่าจะฆ่าโจรร้าย มิร่าไม่ยอม" มิร่าเอ่ยอย่างไม่ยินยอมเมื่อได้ฟังสิ่งที่กาเล็ทบอก
"เพราะแบบนั้นแหละมิร่าจึงจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้น ไม่แน่ว่าพลังของมิร่าในตอนนี้อาจจะชนะโจรร้ายจักรพรรดิ์แดงนั่นแล้วก็ได้ แต่ปะป๋าไม่ต้องการให้มิร่าบาดเจ็บหรือเสี่ยงอันตรายเกินไป ถ้ามิร่าเป็นอะไรไปปะป๋าคงต้องเสียใจมากแน่ๆดังนั้นมิร่าต้องแข็งแกร่งขึ้น มิร่าต้องนอนหลับเพื่อเพิ่มพูนพลังของตนเองแม้อีกสักนิดก็ยังดี ปะป๋าเองก็จะฝึกฝนเพื่อเพิ่มพลังของตนเองด้วยเหมือนกัน" กาเล็ทเอ่ย
"งือ มิร่าไม่รู้ว่าการหลับแต่ละครั้งจะนานขนาดไหน มิร่ากลัวว่าหลับแล้วตื่นขึ้นมาจะไม่เจอกับปะป๋า" มิร่าเอ่ย
"เมื่อมิร่าตื่นขึ้นมาจะเจอปะป๋าเป็นคนแรกแน่นอน" กาเล็ทเอ่ยตอบพร้อมทั้งก้มลงพรมจูบลงบนร่างของมิร่า
เทลเล่อซึ่งยืนดูเหตุการณ์อยู่แม้ว่าจะไม่ได้ยินคำตอบกลับมาของมิร่า ทว่าเพียงแต่ได้ฟังคำกล่าวของกาเล็ทฝ่ายเดียวมันก็พอจะคาดเดาออกได้ว่าเป็นเรื่องราวใด แววตาของมันที่มองไปยังมิร่าจึงทอแววรักเอ็นดูยิ่งกว่าเดิม "ช่างเป็นเด็กน้อยที่น่าสงสารนัก" เทลเล่อเอ่ย
"กาเล็ทมาเริ่มทดสอบความสามารถของมิร่าน้อยกันเถอะ" เทลเล่อเอ่ย
"เข้าใจแล้วท่านอาจารย์" กาเล็ทตอบ
"ทดสอบอะไรหรอ" มิร่าเอ่ยถามกลับมาทางพันธะสัญญาโบราณ
"ทดสอบความสามารถในการต่อสู้ของมิร่า" กาเล็ทเอ่ยตอบต่อจากนั้นจึงตบก้นน้อยๆของนางเบาๆคราหนึ่ง "มิร่า ถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้น มิร่าคิดว่าตัวเองในร่างมังกรหรือร่างมนุษย์จะต่อสู้ได้ดีกว่ากัน" กาเล็ทเอ่ยถาม
"ร่างมังกร ถ้าอยู่ในร่างมนุษย์มิร่าจะใช้ความสามารถบางอย่างไม่ได้นะ" มิร่าเอ่ยตอบกาเล็ท
กาเล็ทได้ฟังก็ผงกหัวเป็นเชิงเข้าใจ "มิร่าลองเคลื่อนที่จากตรงนี้ไปหาท่านลุงเทลเล่อและกลับมาหาปะป๋าดูซิ ให้ใช้พลังเต็มที่ได้เลยนะ" กาเล็ทเอ่ย สาเหตุที่กาเล็ทบอกให้มิร่ากระทำเช่นนี้ก็เนื่องจากต้องการวัดความเร็วที่แท้จริงของมิร่า
"เข้าใจแล้ว" กล่าวจบมิร่าก็กระพือปีกส่งให้ร่างของตนเองลอยขึ้นห่างจากกาเล็ท
พึบ เสียงของร่างมิร่าที่ตัดผ่านอากาศดังก้องขึ้นพร้อมกับร่างของมิร่าที่หายไปจากเบื้องหน้าของกาเล็ท ทว่ากาเล็ทในตอนนี้นั้นหาใช่กาเล็ทในยามปกติ ในตอนนี้กาเล็ทได้รวบรวมสมาธิทั้งหมดของตนเองไปที่การมอง "น นี่มัน" กาเล็ทอุทานออกมาด้วยความตกใจ จะไม่ให้ตกใจได้หรือเวลาผ่านไปเพียงสองวินาทีร่างของมิร่าที่หายไปเมื่อครู่ก็กลับมากระพือปีกบินอยู่ที่เบื้องหน้าของตนเองอีกครั้งแล้ว เมื่อครู่ตนเองมิใช่บอกให้นางเคลื่อนที่ไปหาเทลเล่อซึ่งถอยห่างออกไปจากจนเองเกือบสามร้อยเมตรหรอกหรือ? นี่มิใช่หมายความว่าความว่องไวของนางใกล้เคียงกับความเร็วเสียงหรือ?
"ท.. ท่านอาจารย์เป็นอย่างไรบ้าง" กาเล็ทตะโกนถามผู้เป็นอาจารย์ที่ยืนอยู่ห่างออกไป
ชั่วครู่ต่อมาเทลเล่อจึงเคลื่อนที่กลับมาถึงยังเบื้องหน้าของกาเล็ท "เหลือเชื่อนัก หากวัดเอาจากความเร็วเมื่อครู่ของนาง นางนั้นนับว่าว่องไวกว่าข้าร่วมสิบเท่าได้" เทลเล่อเอ่ย
"แม้ท่านจะใช้ก้าวย่างอัสนีแล้วหรือ?" กาเล็ทเอ่ยถาม
"หากว่าข้าใช้ก้าวย่างอัสนีอย่างเต็มที่ก็อาจจะมีความเร็วใกล้เคียงกับนางได้ แต่นั่นต้องแลกมาด้วยภาระที่หนักหน่วงซึ่งเกิดต่อแก่นจิตวิญญาณ ทว่ามิร่าน้อยกลับสามารถมีความเร็วเทียบเท่าก้าวย่างอัสนีของข้าได้โดยไม่ต้องแลกด้วยสิ่งใดนับว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อนัก" เทลเล่อเอ่ย
"หากว่าเทียบกับจักรพรรดิ์แดงเล่าความเร็วของนางถือว่าเป็นรองหรือไม่" ในที่สุดกาเล็ทก็เอ่ยถามสิ่งที่ตนเองต้องการทราบมากที่สุดออกมา
เทลเล่อนิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ที่ข้ารอดพ้นจากเงื้อมมือของจักรพรรดิ์แดงมาได้ก็เพราะวิชาก้าวย่างอัสนี นั่นหมายความว่าความว่องไวของมันยังด้อยกว่าข้าในยามใช้ก้าวย่างอัสนีอย่างเต็มที่ หากว่าวัดกันแต่เพียงความว่องไวนางนับว่าเหนือกว่า แต่นั่นมันก็ยี่สิบปีมาแล้ว" เทลเล่อเอ่ย
กาเล็ทได้ฟังก็ผงกหัวเป็นเชิงเข้าใจ "มิร่ายังเร็วได้อีกนะ" แต่แล้วเสียงของมิร่าก็ดังขึ้นในห้วงสมองของกาเล็ท
ได้เห็นว่าสีหน้าของกาเล็ทแปรเปลี่ยนไปเทลเล่อจึงเอ่ยถามขึ้น "เป็นไรหรือกาเล็ท?"
"ท่านอาจารย์นางบอกต่อข้าว่านางยังเร็วได้กว่านี้อีก" กาเล็ทเอ่ยบอก
"จ.จริงหรือ" เทลเล่อเอ่ยถามอย่างตื่นเต้นยินดี หากนี่เป็นความจริงก็นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีในการที่จะเริ่มวางแผนรับมือกับจักรพรรดิ์แดง
"นางบอกว่าเมื่อครู่นางใช้กำลังเพียง 9 ส่วน" กาเล็ทเอ่ย
"ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม" เทลเล่อเอ่ยอย่างยินดี จากนั้นไม่นานจึงปั้นหน้าเคร่งเครียดขึ้นอีก "แล้วความสามารถด้านอื่นๆของนางพวกเราจะทดสอบเช่นไรดี" เทลเล่อเอ่ยอย่างลำบากใจ เหตุเพราะด้วยระดับพลังของตนเองและกาเล็ทในตอนนี้ที่ยังห่างไกลกับมิร่าอยู่มากพวกตนจึงไม่ใช่คู่มือของมิร่าเช่นนั้นแล้วจะให้ทดสอบความแข็งแกร่งของนางเช่นไรดี?
กาเล็ทครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "เอาเช่นนี้เป็นอย่างไรท่านอาจารย์ ให้ท่านกับข้าร่วมมือกันต่อสู่กับนางแต่ว่าให้นางจำกัดพลังไว้ เอิ่มเริ่มจากพลังสองส่วนของนางเป็นอย่างไร" กาเล็ทเอ่ยเสนอ
ได้ฟังเทลเล่อก็เผยรอยยิ้มออกมา "เข้าท่า ด้วยความแข็งแกร่งของนางต่อให้พวกเราลงมือเต็มที่ก็คงไม่สามารถทำอย่างไรกับนางได้ หากให้นางจำกัดพลังของตนเองให้เหลือแต่เพียงสองส่วนจะได้ปลอดภัยกับพวกเราด้วย เช่นนั้นตกลงเอาเป็นวิธีนี้เถอะ"
"มิร่าต่อจากนี้ปะป๋ากับท่านลุงเทลเล่อจะซ้อมต่อสู้กับมิร่านะ ให้มิร่าเอิ่มใช้พลังแค่สองส่วนนะ" กาเล็ทเอ่ยบอกกับมิร่า
"ไม่เอา ไม่เอา ไม่ทำร้ายปะป๋า จะไม่ทำร้ายปะป๋าอีกแล้ว" เสียงของมิร่าตอบกลับมาอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ
ได้ฟังเช่นนั้นกาเล็ทจึงเผยรอยยิ้มออกมา "ไม่ได้ทำร้ายนะ นี่เป็นการฝึกอย่างหนึ่งนะ ถ้าได้มิร่าช่วยปะป๋าและท่านลุงเทลเล่อก็จะเก่งขึ้น" กาเล็ทเอ่ยอธิบาย
"งืมม ก็ได้" มิร่าส่งเสียงตอบกลับมา
"ใช้พลังแค่สองส่วนเข้าใจหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยย้ำกับมิร่าอีกคราหนึ่ง "เข้าใจแล้วปะป๋า" มิร่าส่งเสียงตอบกับมา
เมื่อตกลงกันเสร็จสรรพ กาเล็ทก็ถอยห่างออกไปยืนคู่อยู่กับเทลเล่อ "ท่านอาจารย์พร้อมหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยถาม "อิืมข้าพร้อมแล้ว" เทลเล่อตอบกลับมา
"เอาล่ะมิร่าเริ่มได้" กาเล็ทส่งสัญญาณให้เริ่มการต่อสู้จำลองเพื่อวัดระดับความสามารถของมิร่าขึ้น สิ้นเสียงร่างของมิร่าก็ตรงดิ่งพุ่งเข้าใส่กาเล็ทอย่างรวดเร็วทันที
เมื่อได้เห็นถึงความเร็วของมิร่าที่พุ่งเข้ามา ดวงตาของกาเล็ทก็เบิกโพรงขึ้นด้วยความตกใจ ตุบ เสียงของร่างมิร่ากระทบเข้ากับกาเล็ทซึ่งรวบรวมพลังทั้งหมดตั้งรับไว้ได้อย่างเฉียดฉิวทว่าความรุนแรงในการพุ่งชนครั้งนี้ก็ส่งให้ร่างของกาเล็ทกลิ้งหลุนๆขึ้นไปบนอากาศหลายเมตร ตุบ ภายในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันจากที่มิร่าปะทะเข้ากับกาเล็ทเสียงตุบก็ดังขึ้นอีกคราหนึ่ง ครั้งนี้เป็นเทลเล่อที่ถูกมิร่าพุ่งกระแทกเข้าใส่
"ม มิร่าหยุดก่อน เอาเป็นพลังส่วนเดียวพอ ส่วนเดียวพอ" กาเล็ทเร่งรีบตะโกนบอกกับมิร่า
"ค แคก" เทลเล่อส่งเสียงไอออกมาคราหนึ่งเหตุเพราะเมื่อครู่ตัวมันก็ถูกกระแทกเข้าใส่บริเวณช่วงท้องทำให้รู้สึกจุกเสียดไม่น้อย "เหตุใดไม่ตะโกนบอกให้ไวกว่านี้" จากนั้นมันจึงเอ่ยเสียงเป็นเชิงตำหนิกาเล็ทออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความอับอายของตนเอง มิร่าใช้พลังเพียงสองในสิบส่วนเท่านั้นตนเองกลับยังไม่มีปัญญาที่จะรับมือได้เช่นนี้แล้วจะไม่ให้เทลเล่อผู้พิทักษ์แห่งโรฮานรู้สึกอับอายได้อย่างไร
หลังจากที่มิร่าปรับลดพลังของตนเองลงมาเหลือเพียงหนึ่งส่วนสิบแล้ว มิร่า เทลเล่อและกาเล็ทก็ต่อสู้โรมรันพันตูกันเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง ทางด้านกาเล็ทและเทลเล่อนั้นต่างงัดสารพัดวิชาของตนเองออกมาใช้อย่างเต็มที่ ส่วนมิร่านั้นใช้แต่เพียงการโจ่โจมตรงๆนั่นคือการใช้ร่างมังกรของตนเองพุ่งใส่เทลเล่อและกาเล็ทตรงๆ
หืด ฮ่า หืด ฮ่า เสียงหอบหายใจของเทลเล่อดังขึ้นระรัว "ไม่นึกเลยว่านางจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้" เทลเล่อเอ่ยพร้อมกับหันไปมองทางด้านกาเล็ทศิษย์ของตนเอง "เหตุใดดูเจ้าเสมือนว่าไม่เหนื่อยเท่าใดนัก หรือว่าข้าจะแก่เกินการแล้วจริงๆ" เทลเล่อเอ่ยเมื่อเห็นว่ากาเล็ทกลับไม่ได้หอบหายใจถี่ยิบเสมือนกับตนเอง
กาเล็ทได้ฟังก็เผยรอยยิ้มออกมา "ท่านอาจารย์เพียงแต่ห่างหายไปจากการฝึกฝนต่อสู้นานไปหน่อยก็เท่านั้น สำหรับกับข้าเมื่อเริ่มคุ้นชินกับการเคลื่อนไหวของนางแล้วก็สามารถรับมือได้ไม่ยากสำหรับกับพลัง 1 ส่วนของนางยังคงไม่เป็นปัญหาสำหรับข้าเท่าใด" กาเล็ทเอ่ย
"ทั้งๆที่ข้ามีพลังระดับราชาขั้นกลางแท้ๆ แต่เจ้าซึ่งยังคงอยู่ในระดับราชาขั้นต้นกลับทำได้ดีกว่าข้า นี่สินะที่เรียกว่าความแตกต่างของฝีมือ พวกเจ้าสองพ่อลูกนี่เป็นสัตว์ประหลาดกันหรืออย่างไร" เทลเล่อเอ่ย
"ท่านอาจารย์ ท่านพึ่งทุเลาหายดีจากอาการบาดเจ็บ ผลออกมาเป็นเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก หากว่าท่านฝึกซ้อมเช่นนี้ทุกวันท่านก็คงทำได้ไม่ต่างกับข้า" กาเล็ทเอ่ยให้กำลังใจผู้เป็นอาจารย์
ถึงแม้จะรู้ว่าคำกล่าวของกาเล็ทนั้นเป็นเพียงการกล่าวเพื่อให้ตนเองมีความรู้สึกที่ดีขึ้นเท่านั้นแต่เทลเล่อก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา มีความสามารถด้อยกว่ากาเล็ทแล้วจะเป็นไรไป? กาเล็ทผู้นี้มิใช่ศิษย์ของตนเองหรอกหรือ? เขามิใช่ให้ความเคารพนับถือตนเองเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งหรอกหรือ? ส่วนตนเองก็รู้สึกเสมือนว่าเด็กน้อยผู้นี้เป็นบุตรหลานของตนเองไปแล้วดังนั้นยิ่งเขามีความสามารถมากมายเท่าใดตนเองก็มีความสุขมากขึ้นเท่านั้น
"นี่ขนาดนางเพียงแต่ใช้การโจมตีทางกายภาพเท่านั้นก็ยังยากต่อการรับมือแล้ว หากว่านางใช้พลังจิตวิญญาณเข้าช่วยมิใช่ว่าพวกเราคงรับมือนางได้ไม่ถึง 20 นาทีกระมัง?" เทลเล่อเอ่ยขึ้นอีกครา
"ท่านอาจารย์ท่านคิดว่าหากนางใช้พลังเต็มที่จะสามารถต่อกรกับจักรพรรดิ์แดงได้หรือไม่" กาเล็ทเอ่ยถามถึงผลสรุปของเทลเล่อ สาเหตุที่ต้องเอ่ยถามผลสรุปนี้กับเทลเล่อก็เพราะเทลเล่อคือบุคคลผู้เดียวที่ตนเองรู้จักซึ่งเคยต่อสู้กับจักรพรรดิ์แดงมาก่อน หลังจากที่เอ่ยคำถามนี้ออกไปแม้แต่กาเล็ทเองก็ใจเต้นระรัวเช่นกัน
"หากว่าเทียบกับความแข็งแกร่งของมันเมื่อ 20 ปีก่อนก็นับว่าสูสีก้ำกึ่งกัน แต่ข้าเองก็ไม่แน่ใจเท่าใดนักว่าจักรพรรดิ์แดงมีไพ่ลับใดซ่อนอยู่หรือไม่ แต่จะอย่างไรข้ากลับไม่คาดคิดเลยว่ามิร่าจะมีความสามารถเช่นนั้น" เทลเล่อเอ่ย
"แม้แต่ข้าเองก็ยังตกใจเช่นกันท่านอาจารย์" กาเล็ทเอ่ย
ความสามารถที่ทั้งกาเล็ทและเทลเล่อกล่าวถึงของมิร่านั่นก็คือความสามารถในการดูดกลืนสสารต่างๆซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยพลังจิตวิญญาณ ยกตัวอย่างวิชาเหมันต์สุดขั้วของกาเล็ทเมื่อใช้ออกใส่นาง นางกลับอ้าปากสูดเอาคลื่นไอเย็นสุดขั้วเข้าไปหน้าตาเฉย ส่วนวิชาของเทลเล่อเองก็โดนไม่ต่างกัน พอสอบถามดูนางกลับบอกว่าแม้นางจะสามารถดูดกลืนสสารที่ถูกแปรธาตุขึ้นจากพลังจิตวิญญาณได้ทว่ามันก็ยังมีขีดจำกัดอยู่ แต่ถึงจะอย่างไรนี่ก็นับได้ว่าเป็นความสามารถที่ไร้เทียมทานอย่างหนึ่ง จากปากคำของเทลเล่อเมื่อครู่ที่ว่า ณ ตอนนี้มิร่าก็มีพลังซึ่งสามารถต่อกรกับจักรพรรดิ์แดงเมื่อ 20 ปีก่อนได้แล้ว อย่าได้ลืมว่าจักรพรรดิ์แดงนั้นมีระดับพลังอยู่ที่ขั้นใด ส่วนมิร่าอยู่ที่ขั้นใด? ระดับพลังของมิร่านั้นเพียงแต่อยู่ในระดับจักรพรรดิ์ขั้นต้นก็มีความสามารถโดยรวมทัดเทียมกับจักรพรรดิ์แดงซึ่งมีระดับถึงจักรพรรดิ์ขั้นสูงแล้วนี่จึงนับได้ว่าไร้เทียมทานอย่างแท้จริง หากว่านางมีระดับเพิ่มพูนไปถึงระดับจักรพรรดิ์ขั้นสูงเล่า? จะยังมีมนุษย์คนใดต่อกรกับนางได้หรือไม่? นั่นคือคำถามซึ่งเกิดขึ่นในจิตใจของกาเล็ทยามนี้
"มิร่าเก่งไหม มิร่าเก่งไหม มิร่าจะช่วยปะป๋า ช่วยท่านลุงจัดการกับเจ้าโจรร้ายจักรพรรดิ์แดงนั่นเอง" มิร่าซึ่งบัดนี้กลับมาอยู่ในร่างเด็กหญิงเดินเข้ามาคลอเคลียกับกาเล็ทและเอ่ยคำขึ้น
เทลเล่อและกาเล็ทเมื่อได้ฟังเช่นนั้นก็หันไปสบตาซึ่งกันและกันและส่งเสียงหัวเราะออกด้วยความยินดี จะไม่ให้ยินดีได้หรือกาทดสอบในวันนี้ออกมาได้ผลดีเกินคาดเช่นนี้ เพียงแค่มิร่าผู้เดียวก็สามารถต่อกรกับจักรพรรดิ์แดงได้แล้ว หากว่ากาเล็ทศิษย์ของตนสามารถบรรลุระดับจักรพรรดิ์ได้อีกผู้หนึ่งชัยชนะนั่นมิใช่ว่าถูกกำหนดไว้แน่นอนแล้วหรอกหรือ?
ปล.จากผู้เขียนเหมือนผมจะยังไม่เคยอธิบายถึงสเกลพลังให้ละเอียดเนาะเอาเป็นประมาณนี้นะครับ ระดับแต่ละขึ้นเช่น ราชาขั้นกลางจะมีพลังมากกว่าราชาขึ้นต้นรวมๆอยู่ที่ 1.5-2 เท่าอะครับ ส่วนระดับจักรพรรดิ์จะมีพลังมากกว่าราชาขึ้นสูงอยู่ สามถึงสี่เท่าสเกลพลังรวมๆมันก็ประมาณนี้ครับส่วนต่างเป็นประมาณนี้ตั้งแต่พลังระดับ 1 ครับ ส่วนพลังระดับจักรพรรดิ์จะมากกว่าพลังระดับ 1 เท่าไหนก็ลองคูณๆ หารๆยกกำลังไป 555
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น