ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โบราณคดี, อารยธรรมโบราณ

    ลำดับตอนที่ #1 : อารยธรรมมายา(อารยธรรมแห่งการคำนวณ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 920
      0
      5 เม.ย. 51

    อารยธรรมมายา


    กลางป่าลึกของเม็กซิโกและกัวเตมาลา ลึกลงไปจากคาบสมุทรยูคาทานเป็นอดีตที่ตั้งของอาณาจักรมายา ซึ่งว่ากัน

    ว่าเป็นอาณาจักรที่มีความเจริญสูงสุดเมื่อประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล หรือกว่าสองพันปีล่วงมาแล้วนั่นเอง ถึง

    จะมีความเจริญด้านอารยธรรมอย่างเหลือล้น มีร่องรอยของความรุ่งเรืองเหลืออยู่มากมาย แต่ที่มาและที่ไปของ

    ชาวมายาก็ยังเป็นความลับดำมืดอยู่ในหมู่นักประวัติศาสตร์ มายาเป็นที่รู้จักแก่ชาวโลกครั้งแรกในสมัยของการล่า

    อาณานิคม สเปนเป็นชาติแรก ที่เข้าไปเหยียบย่ำดินแดนแห่งนี้ เหล่าชาวยุโรปในศตวรรษที่ 16 ต่างตื่นตะลึงไป

    ตามๆกันเมื่อพบว่า กลางป่าลึกอันแสนรกร้างนั้นซุ่มซ่อนไปด้วยสิ่งก่อสร้างมากมาย โบราณสถานอันโอ่อ่าและปิ

    ระมิดที่สูงเสียดฟ้า คำเล่าลือเกี่ยวกับอาณาจักรนี้กระจายไปอย่างรวดเร็ว และดึงเอาผู้สนใจแห่กันมาศึกษาเสีย

    มากมาย

    กลางป่าลึกของเม็กซิโกและกัวเตมาลา ลึกลงไปจากคาบสมุทรยูคาทานเป็นอดีตที่ตั้งของอาณาจักรมายา ซึ่งว่ากัน

    ว่าเป็นอาณาจักรที่มีความเจริญสูงสุดเมื่อประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล หรือกว่าสองพันปีล่วงมาแล้วนั่นเอง

    ถึงจะมีความเจริญด้านอารยธรรมอย่างเหลือล้น มีร่องรอยของความรุ่งเรืองเหลืออยู่มากมาย แต่ที่มาและที่ไป

    ของชาวมายาก็ยังเป็นความลับดำมืดอยู่ในหมู่นักประวัติศาสตร์ มายาเป็นที่รู้จักแก่ชาวโลกครั้งแรกในสมัยของ

    การล่าอาณานิคม สเปนเป็นชาติแรกครับ ที่เข้าไปเหยียบย่ำดินแดนแห่งนี้ เหล่าชาวยุโรปในศตวรรษที่ 16 ต่างตื่น

    ตะลึงไปตามๆกันเมื่อพบว่า กลางป่าลึกอันแสนรกร้างนั้นซุ่มซ่อนไปด้วยสิ่งก่อสร้างมากมาย โบราณสถานอันโอ่

    อ่าและปิระมิดที่สูงเสียดฟ้า คำเล่าลือเกี่ยวกับอาณาจักรนี้กระจายไปอย่างรวดเร็ว และดึงเอาผู้สนใจแห่กันมา

    ศึกษาเสียมากมาย

    ชาวมายานี่ช่างมายาสมชื่อจริงๆครับ ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเขาช่างมหัศจรรย์ราวกับเนรมิตเอาเสียอย่างนั้น ดู

    เมืองของเขาเถิด ปิระมิดขนาดมหึมาแตกต่างไปจากของอียิปต์โดยสิ้นเชิง วิหารและศาสนสถานมากมายบ่งบอก

    ถึงความเจริญทางอารยธรรมของพวกเขา

    รอบๆตัวเมืองมีหลักศิลาจารึกอักขระประหลาดๆอยู่มากมาย น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้แจ้งแทงทะลุกับจารึกเหล่านี้

    ไม่อย่างนั้นเราก็อาจจะไขปริศนาบางส่วนของชาวมายาได้ ทำไมน่ะหรือครับ? ก็เพราะว่าจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มี

    ใครทราบว่าชาวมายานั้น"มา"จากไหน และตอนนี้ชาวมายา"หาย"ไปไหนกันหมดแล้ว เพียงชั่วเวลาไม่นาน

    เหล่าชาวมายาผู้เคยปักหลักปักฐานอยูใจกลางอาณาจักรก็พากันหายสาบสูญไปเสียดื้อๆ ไปไหนกันล่ะเนี่ย? มุด

    ลงดินหรือว่าบินขึ้นฟ้า?

    มาดูกันหน่อยดีมั๊ยครับว่า เรื่องของชาวมายาที่น่าสนใจนั้นมีอะไรบ้าง

    นักประวัติศาสตร์และโบราณคดีต่างก็ตั้งสมมุติฐานเกี่ยวกับต้นตอของชาวมายาแตกต่างกันไป แม้แต่นักมานุษย

    วิทยาระดับอ๋องบางคนยังส่ายหน้าดิกเลยครับ หากไปถามท่านเรื่องที่มาที่ไปของชาวมายา หลายคนให้ความเห็น

    ว่าชาวมายาน่าจะสืบเชื้อสายมาจากชาวฮิตไทต์โบราณ บ้างก็ว่าเป็นพวกอพยพมาจากกรุงทรอยหลังกรุงแตก บ้างก็

    ว่าเป็นพวกอียิปต์ เกาหลี จีนฮั่น ว่ากันไปโน่น ต่างคนต่างก็หาหลักฐานมายืนยันกันสุดฤทธิ์ ที่พอจะเชื่อๆกันก็คง

    เป็นนี่แหละครับ ทายาทของอารยธรรมที่สาบสูญ "แอตแลนติส" บรรพบุรุษของชาวมายาคือพวกผู้รอดชีวิต จาก

    การจมดิ่งสู่ห้วงทะเลของทวีปแอตแลนติสเมื่อหมื่นกว่าปีก่อนนู้น

      


    ก็ต่างคนต่างก็มีหลักฐานนี่ครับ แม้กระทั่งข้อสงสัยที่ว่าบรรพบุรุษชาวมายาจะเป็นชาวญี่ปุ่นสมัยก่อน เพราะมี

    การขุดพบเครื่องปั้นดินเผาแบบเดียวกับสมัยโชมอนของญี่ปุ่นอยู่เกลื่อนแถวนั้นกันหมด

    ความจริงหลักฐานเกี่ยวกับชาวมายานี้อาจจะเหลืออยู่หรอกครับ ถ้าไม่เพราะการกระทำอันแสนเจ็บปวดของบาท

    หลวง ดีเอโก เดอ ลันดา ท่านเป็นคนแรกที่ศึกษาเกี่ยวกับชาวมายาอย่างจริงจัง มีการบันทึกเรื่องราวอย่างละเอียด

    ละออนับว่าเอื้อประโยชน์แก่คนรุ่นหลังไม่น้อย แต่ก็นั่นแหละครับ เนื่องจากท่านเป็นสังฆราชองค์แรกของแถบนี้

    ท่านจึงสั่งเผาตำรับตำราของชาวมายาเสียเรียบวุธ โดยอ้างว่ามันคือจารึกแห่งคาถาของปีศาจร้าย

    พระเจ้าของชาวมายามีชื่อว่า Kukulcan อันแปลว่าพญางูบิน แหม ลงได้ชื่อว่าสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าแบบนี้แล้ว

    คงไม่น่าสงสัยแล้วล่ะนะครับว่าทำไมชาวมายาสร้างสรรค์ศิลปวิทยาการเหล่านั้นได้ ทั้งที่ความรู้ทางกลศาสตร์

    ของพวกเขาเท่าหางอึ่ง ไม่รู้จักแม้แต่จะสร้างเครื่องมอืช่วยผ่อนแรงด้วยซ้ำ ซึ่งมันก็น่าแปลกเอาการแหละ หากว่า

    พระเจ้าของชาวมายามาสั่งสอนพวกเขาจริง ทำไมเล่าพระเจ้าจึงได้สอนแต่หลักการคำนวณ และดาราศาสตร์ให้

    โดยไม่ยอมสอนเรื่องของการสร้างเครื่องผ่อนแรง หรือเครื่องมือในการก่อสร้าง

     

     
    สัญลักษณ์เดือนของชาวมายาเค้าล่ะครับ
     

     

    ชาวมายาที่เก่งกาจในทางคณิตศาสตร์และการคำนวณ สามารถรู้วิถีโคจรของดวงดาวในระบบสุริยะได้กระจ่างราว

    กับนิ้วในมือ ทำไมแม้แต่เครื่องมือก่อสร้างง่ายๆพวกเขาก็สร้างไม่เป็น เคยสงสัยกันบ้างไหมครับ?

    ถ้าว่ากันถึงความรู้ของชาวมายายิ่งน่าอัศจรรย์ใจใหญ่เลยครับ ทั้งๆที่พวกเขาเป็นแค่ชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่กลาง

    ป่าดงดิบออกอย่างนั้น พวกเขามีความรู้ทางดาราศาสตร์และคฌิตศาสตร์เป็นเยี่ยม ขัดกันมากับความรู้ขั้นต่ำใน

    ด้านการใช้แรงงานและครองชีพอย่างที่ว่ามา เชื่อหรือไม่ครับ ชาวมายานั้นคิดปฏิทินขึ้นมาได้ตั้งแต่สองพันปีที่แล้ว

    แถมยังคำนวณวันเดือนปีเดินหน้าถอยหลังไปถึงสี่ร้อยล้านปี สี่ร้อยล้านปี!! รู้จักวงโคจรของดาวศุกร์(Venus)ราว

    กับตาเห็น ทั้งที่กล้องดูดาวก็ไม่มีใช้กัน นอกจากนั้นยังรู้จักดาวยูเรนัสและเนปจูนเสียด้วย ทั้งที่นักวิทยาศาสตร์

    สมัยใหม่ยังเพิ่งรู้จักกันเมื่อไม่นานมานี้เอง

    ปิระมิดของชาวมายาก็มีความหมายครับ ทุกด้านประกอบด้วยบันไดด้านละ 91 ขั้น รวมกับยกพื้นที่ฐานของปิระ

    มิดอีกนับรวมเป็นได้ 365 ครบหนึ่งปีพอดี ถือเป็นปฏิทินถาวรอย่างหนึ่งของชาวมายา หนึ่งปีของชาวมายามี 13

    เดือน และฤดูกาลอีก 4 ฤดู ไม่น้อยหน้าคนสมัยใหม่อย่างพวกเราซักนิด

     
    จารึกของชาวมายา หน้าตาแบบนี้แหละครับ
    ดินแดนมายาโบราณประกอบไปด้วยส่วนๆต่างหลายส่วน ถ้านับส่วนใหญ่ๆ เราสามารถแยกแยะแหล่งความ

    เจริญได้ 3 กระจุก โดยนับตามโบราณสถานและศาสนพิธีที่มีอยู่ ส่วนแรก ประกอบด้วยเมืองสำคัญๆ คือ ติ

    กัล(Tikal) เพเตน(Peten) และปาเลงกอ(Palenque) สามจุดนี้แหละครับที่ถือเป็นดินแดนโบราณของชาวมายา

    อย่างแท้จริง ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของบริเวณดังกล่าวนี้ เป็นป่าทึบ และหินใหญ่น้อยมากมาย ส่วนที่สองอยู่ทาง

    ตอนเหนือของทวีปครับ ประกอบด้วยคาบสมุทรยูคาทาน เมืองสำคัญที่มีก็เช่น อิทซา(Itzar) อักซ์มัล(Uxmal)

    มายาปัน(mayapan) แหละตอนสุดท้ายอยู่ทางใต้ติดกับพรมแดนของฮอนดูรัส มีเมืองที่สำคัญคือ โคปัน(Copan)

    ครับ
    ดินแดนสำคัญที่สุดของพวกเขาอยู่ตรงใจกลางอาณาจักรครับ เป็นส่วนที่เรียกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ ประกอบด้วย

    เมืองติกัลและปาเลงกอ มีสิ่งก่อสร้างทางศาสนาอยู่มากมาย อาทิเช่น ปิระมิด เทวสถาน ศิลาจารึก และอื่นๆอีก

    บานตะเกียง บริเวณส่วนนี้เป็นสถานที่ต้องห้ามครับ สงวนไว้ให้สำหรับ "พระเจ้า" โดยเฉพาะ คนที่จะเข้าไปได้

    คือเหล่านักบวชและผู้ได้รับอภิสิทธิเท่านั้น พลเมืองธรรมดาจะอาศัยกระจัดกระจายอยู่ตามแนวป่ารอบนอก

    เทวสถานออกไป พวกเขาจะเข้ามาได้ก็เฉพาะในตอนที่มีพิธีบวงสรวงหรือว่างานรื่นเริงประจำปีเท่านั้นเอง  
    ภาพเทวสถานแห่งเมืองติกัล 

    ทีนี้เราลองมาดูสถาปัตยกรรมของชามายากันดูบ้างครับ ว่าน่าพิศวงสักเพียงไร

    ปิระมิดของชาวมายามีความสูงกว่า 150 ฟุต ประกอบด้วยบันไดทางขึ้น 4 ด้าน บนยอดปิระมิดจะแบนราบแตก

    ต่างไปจากของอียิปต์ที่ปลายแหลม ปิระมิดของชาวมายาอีกแห่งอยู่ที่เมืองติกัลครับ อันนั้นสูงตั้ง 212 ฟุต บนยอด

    วิหารมีห้องหับอยู่มากมาย มีแท่นบูชากับหินแกะสลักอักษรภาพเป็นจำนวนมาก ตามฝาผนังของวิหารก็มีรูปสลัก

    เต็มแทบทุกด้าน ภาพเหล่านี้ทำให้นักสำรวจรู้สึกฉงนฉงายไปตามๆกัน เพราะมันบอกอะไรประหลาดๆ ที่ซ่อน

    อยู่เบื้องหลังอารยธรรมมายาให้เราทราบได้แยะเชียว

    นอกจากนี้ ตามเมืองใหญ่น้อยยังมีป้อมปราการสร้างเป็นเชิงเทิน และมีสิ่งก่อสร้าง ที่เรียกว่า วั่ง อีกหลายแห่ง

    เช่นเมืองติกัล มีวังซึ่งเป้นอาคารสี่ชั้น ประกอบด้วยจำนวนมากมายถึง 42 ห้อง เมืองอักซ์มัลก็มีโรงแสดงละคร

    ขนาดมหึมา นอกจากนี้ยังมีวิหารของพวกนักรบและปฏิทินขนาดใหญ่อันโอ่อ่า เร็วๆนี้เองก็มีการค้นพบเมือง

    ใหม่ของชาวมายาที่ชื่อว่า ซิบบิลคัลทูน(Dziblchantun) มีวิหารขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า The Temple of the Seven Dolls

    ดูเอาเถอะครับ ชาวมายารู้จักสร้างสรรค์ศิลปกรรมเหล่านี้ได้อย่างร ทั้งที่เครื่องมือผ่อนแรงก็ไม่รู้จัก รถเทียมม้า

    เทียมลาก้ไม่รู้จักใช้ ทำยังกับมีรถยนต์ขนส่งหรือเครนยักษ์ใช้ซะอย่างนั้นแหละ

     
    อ่างเก็บน้ำและเทวสถานบริเวณคาบสมุทรยูคาทาน 

    แต่ยังครับ ยังมีสิ่งที่น่าตกใจกว่านั้น นักโบราณคดียังได้พบเขื่อนและอ่างเก็บน้ำถึง 13 แห่งในเมืองติกัล ติดกับ

    บริเวณศักดิ์สิทธิ ต่อมาก็พบท่อส่งน้ำและทางระบายน้ำชั้นดีที่ทำเอาการประปาสมัยนี้ยังอาย ใครครับ? ใครกัน

    สอนให้ชาวมายาประดิษฐ์สิ่งเหล่านี้ขึ้นเมื่อ 2000 เมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว

    แต่สุดยอดของความมหัศจรรย์มันอยู่ตรงนี้ครับ อาณาจักรมายาที่เจริญรุ่งเรืองมานาน กลับล่มเอาซะดื้อๆเมื่อราว

    ศตวรรษที่สิบ กล่าวคือชาวเมืองทั้งหมดพากันหายไปหมดครับ ไม่ทราบว่าอพยพไปไหนเหมือนกัน ทิ้งไว้แต่สิ่ง

    ก่อสร้างที่ยังทำไม่เสร็จและเสาแกะสลักค้างๆคาๆไว้อยู่ทั่วบริเวณ พวกเค้าอพยพไปไหน? อาณาจักรใหญ่ขนาด

    นั้นล่มสลายในพริบตาจนเหลือแต่คนพื้นเมืองกลุ่มเล็กๆได้อย่างไร จนถึงทุกวันนี้นักวิชาการก็ยังขบไม่แตกเลย

    ครับ ว่าสาเหตุนั้นมาจากไหนกันแน่

    นักโบราณคดีสันนิษฐานกันไปต่างๆนาๆ บ้างก็ว่าเกิดการปฏิวัติของชาวนา เพราะทนการกดขี่ของชนชั้นปกครอง

    ไม่ไหว บ้างก็ว่าเกิดจากโรคระบาด บ้างก็ว่าเพราะโดนรุกรานจากคนต่างเผ่า แต่ละข้อแต่ละคนร่ายรายละเอียดมา

    เป็นปึกๆ คงเล่าตรงนี้ไม่หมดแน่ สรุปก็คือแต่ละข้อสันนิษฐานนั้นไม่มีอันไหนเข้าเค้าเลยครับ หลักฐานสนับ

    สนุนแทบไม่มีเลย

    ตา อีริค ฟอน ดานิเก้น ผู้เชื่อทฤษฎีพระเจ้าจากอวกาศได้ให้ข้อสังเกตเอาไว้ว่า ในเมื่อชาวมายาสืบเชื้อสายและ

    เรียนศิลปวิทยาการมาจากพระเจ้า ถ้าอย่างนั้น จะเป็นไปได้ไหมว่า พระเจ้าของชาวมายา ก็คือมนุษย์ต่างดาวจาก

    ดาวดวงอื่น ที่ลงพื้นโลกมาชั่วคราวเพื่อปฏิบัติภารกิจบางอย่าง พอเสร็จงานแล้วก็เสด็จจากไป

    เป็นข้อสันนิษฐาณที่น่าคิดเหมือนกัน ชาวมายารู้จักดาวศุกร์เป็นอย่างดี ตลอดจนสามารถคำนวณล่วงรู้ถึงระยะ

    ของวงโคจร ของดาวศุกร์ได้ อย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยปราศจากกล้องดูดาวหรือเทคนิคอื่นใด คนโบราณอย่างชาว

    มายาจะรู้ได้อย่างไรล่ะครับ ถ้าไม่ใช่ผู้ชำนาญการเกี่ยวกับดาวดวงนี้มาบอกเอง

    ปฏิทินของชาวมายาเล่าครับ เค้าคำนวณวันเดือนปีย้อนหลังไปเป็นล้านๆปีอย่างแม่นยำน่าทึ่ง ไหนจะการสร้างปิ

    ระมิดอีกล่ะ ชาวมายาเป็นแค่ชนพื้นเมืองกลุ่มเล็กๆนะครับ ไม่ใช่มหาอำนาจอย่างอียิปต์ เค้าไม่มีทางเกณฑ์ไพร่

    พลมากมายมาสร้างสิ่งมหึมาขนาดนั้นได้ หินแต่ละก้อนหนักเป็นสิบๆตัน เค้าเอาอะไรมาตัด มาสะกัดให้เป็นสี่

    เหลี่ยมผิวเรียบแล้ววางซ้อนกันได้แบบนี้ แปลนของปิระมิดก็ถูกออกแบบไว้อย่างดี ชนิดที่ว่าสถาปนิกกับ

    วิศวกรรสมัยนี้ จะสร้างตามโดยอาศัยเครื่องมือแบบที่คนพื้นเมืองใช้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่นิดเดียว หาก

    ชาวมายามีครูลงมาสอนศิลปวิทยาการจริง ครูของพวกเค้าจะต้องมีความรู้กว้างขวาง และมาจากดินแดนที่เจริญ

    พร้อมด้านวิทยาการอย่างไม่ต้องสงสัย

    ผมได้กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่า บริเวณศักดิ์สิทธิกลางอาณาจักรนับเป็นที่ตั้งของ ปิระมิด วิหาร เทวาลัย ซึ่งสร้าง

    ขึ้นสำหรับพระเจ้าโดยเฉพาะทั้งสิ้น ส่วนชาวพื้นเมืองจะอยู่ในบริเวณรอบนอกออกไป …เป็นไปได้หรือไม่ว่า

    บริเวณที่กล่าวถึงเป็นเขตหวงห้าม เพราะพระเจ้าที่อาจเสด็จมาจากดาวดวงอื่นนั้น จำกัดบริเวณนั้นไว้กระทำกิจ

    บางอย่าง โดยยอมให้ชาวพื้นเมืองประมาณหยิบมือเช่นพวกพระมาเป็นลูกมือช่วยงาน ต่อมาเมื่อพระเจ้าทำงาน

    เสร็จและจะกลับสู่ที่ๆพระเจ้ามา พระเจ้าของชาวมายาก็อาจจะหอบชาวมายาเหล่านี้กลับไปด้วย หรือไม่ก็ทำให้

    ชาวมายาหายไปด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เพื่อให้ความลับยังเป็นความลับต่อไป คนที่รักษาความลับได้ดีที่สุดเห็นจะหนี

    ไม่พ้นคนตายหรอกครับ

    ข้อน่าสังเกตอีกอย่างเกี่ยวกับอาณาจักรมายา ก็คือว่า เมืองใหญ่ของพวกเขา เช่น ติกัล ตั้งอยู่ในป่าลึก ห่างไกลจาก

    อ่าวฮอนดรัสถึง 109 ไมล์ อ่าวแคมปัช 162 ไมล์ และห่างจากมหาสมุทรแปซิฟิกตั้ง 240 ไมล์ มันผิดวิสัยการตั้ง

    รกรากของชุมชนมนุษย์นะครับ เพราะคนโบราณมักตั้งถิ่นฐานอยู่ใกล้แหล่งน้ำเป็นหลัก อารยธรรมของเราก็มา

    จากลุ่มน้ำใหญ่ทั้งนั้น (คงนึกออก ถ้าท่านไม่พากันตกประวัติศาสตร์) แต่ชาวมายากลับต่างออกไป พวกเขาดันไป

    ตั้งบ้านเมืองในป่าลึก ทำอ่างเก็บน้ำขนาดมหึมาตั้งสิบสองสิบสามแห่ง แค่นี้ก็ลำบากพอแล้ว พวกเขายังหาเหาใส่

    หัวอีก โดยการทำทางระบายน้ำเข้าสู่ตัวเมือง ทำไมชาวมายาที่ว่ากันว่าฉลาดๆจึงหาเรื่องยุ่งใส่ตัวให้วุ่นวายขนาด

    นั้น ถ้าไม่ใช่ทุกอย่างที่พวกเขาทำ เป็นประกาศิตของ"พระเจ้า"

    หลักฐานสำคัญเกี่ยวกับพระเจ้าของชาวมายานี่ก็อีก รูปสลักภาพวาดแต่ละภาพล้วนสวยงามตามเอกลักษณ์แบบ

    ศิลปมายา แต่ก็น่าแปลกที่พระเจ้าของพวกเค้าล้วนพิลึกกึกกือเป็นที่สุด บางรูปเป็นรูปพระเจ้าขับยานอวกาศ บาง

    ภาพเป็นรูปสาวกของพระเจ้ากำลังปราบปีศาจร้าย และอาวุธที่อยู่ในมือ นักโบราณคดีต่างลงความเห็นว่า มันคือ

    ปืนอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อสองพันกว่าปีก่อนมีปืนใช้กันแล้วหรือครับ? ภาชนะบางชิ้นของพวกเขาก็เช่นกัน ถ้วย

    บางชิ้นมีภาพวาดของมนุษย์สวมหมวกอวกาศ โอย…จะบ้าตาย

    เรื่องราวเหล่านี้น่าสนใจมาก และมิใช่แต่ดินแดนมายาเท่านั้น หากแต่พวกอินคาในอเมริกาใต้ ชาวเมโสโปเตเมีย

    หรือแม้กระทั่งชาวียิปต์โบราณ ก็มีหลักฐานว่ามนุษย์ต่างดาวเคยลงมาเยี่ยมเยียนพวกเขาแล้วทั้งนั้นเมื่อหลาย

    พันปีก่อน แล้วท่านล่ะครับ คิดอย่างไร?

    ที่มา : http://members.thai.net/myth/maya/maya_1.htm

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×