ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นักเรียนหมอขอเมาท์

    ลำดับตอนที่ #100 : เมาท์ : ภาษาอังกฤษกับการเรียนหมอ ตอนที่ 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.6K
      1
      20 มิ.ย. 54

     ภาษาอังกฤษกับการเรียนหมอ ตอนที่ 2
      

                    จากตอนที่ 1 ที่พี่ได้เล่านิดๆ แล้วเนอะ ว่า ภาษาอังกฤษ หมอวชิระเราเนี่ย ใช้เพื่อ อ่าน Lecture ที่อาจารย์หมอสอน ใช้อ่าน Textbook ต่างประเทศ หรือใช้เพื่อทำข้อสอบ คราวนี้ พี่ก็จะเล่าเรื่องประสบการณ์โดยตรงเลยล่ะครับ ว่าภาษาอังกฤษ สำคัญกับการเรียนหมออีกเรื่องหนึ่ง มามะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังครับ

                    ตอนนี้พี่ก็อยู่ปี 4 แล้วอ่ะ (แต่หน้ายังเด็กไม่แพ้ปี 1 ฮิฮิ ^o^) ปี 4 เนี่ย เราก็จะได้ขึ้นวอร์ด (ward) สำหรับที่ “วชิรพยาบาล” ปี 4 เราจะขึ้น ward อายุรกรรม ศัลยกรรม สูติกรรม รังสี แล้วก็ จิตเวช น่ะครับ แต่วอร์ดแรกที่พี่เรียนก่อน ก็คือ “อายุรกรรม” ครับ

                    มีอยู่วันนึง มีคนไข้คนนึง Admit ขึ้นมาที่ ward ด้วยอาการปวดท้องบริเวณลิ้นปี่ มีอาเจียนร่วมด้วย แล้วก็มีประวัติอีกมากมายบลา บลา บลา สุดท้ายก็วินิจฉัยได้ว่า เป็นโรค “ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน” หรือ Acute Pancreatitis นั่นเอง  

                    ให้ความรู้เรื่องคำศัพท์นิดนึงนะคับ     Acute แปลว่า ฉับพลัน

                                                                                    Pancreas ก็คือ ตับอ่อน

                                                                                    ส่วน –itis ถ้าไปต่อท้ายคำใด ก็จะแปลว่า “อักเสบ” นั่นเอง

                                    ดังนั้น Acute Pancreatitis ก็เลยแปลว่า ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ไงล่ะคร้าบบบ  ^_^’


    ตับอ่อน ดูตรงที่เป็นสีเหลืองนะครับ
    ส่วนรูปล่าง เป็นการทำ CT Scan เพื่อตรวจหาว่า เป็นตับอ่อนอักเสบหรือไม่ แล้วมีรอยโรคเป็นอย่างไรบ้าง 

     


    ประเด็นคือ
    คนไข้คนนี้ เป็น “ชายชาวอังกฤษ” ไงล่ะ ฮิฮิ J คนไข้คนนี้ Admit ขึ้นมาตอนพี่อยู่เวรพอดีเลยล่ะครับ พอคนไข้ขึ้นมา หน้าที่ของแพทย์ พยาบาล นักศึกษาแพทย์ คือ ต้องรับ case โดยการซักประวัติคนไข้นะครับ พี่พยาบาลถึงกับพูดกับพี่ว่า “งานเข้าเลยล่ะทีนี้” แต่ในใจพี่คิดว่า แหะแหะ :’p ยังไงเราก็ต้องทำให้ได้ ต้องซักประวัติให้รู้เรื่อง นอกจากนี้ยังต้องตรวจร่างกายด้วย ก่อนที่จะซักประวัติและตรวจร่างกาย เราก็ต้องขออนุญาตคนไข้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างประเทศก็ตาม โดยเฉพาะคนต่างชาติ การตรวจร่างกาย เค้าอาจถือว่า เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้นะครับ

                   

    เริ่มซักประวัติ ก็ต้องแนะนำตัวเอง แล้วก็ทักทายคนไข้ก่อนเนอะ

                    Hi, I’m Medical Student Tam.

                    จากนั้นก็ เริ่มถามอาการที่ทำให้คนไข้มาวชิรพยาบาล (ภาษาทางการแพทย์ เรียกว่า Chief Complaint)

                    How can I help you?

                    What seems to be the problem?

                    คนไข้เค้าก็จะเล่าอาการมาเยอะแยะมากมาย บลา บลา บลา

                    จากนั้นก็ ขออนุญาตตรวจร่างกาย

                    Can I please examine you?

                    ก็คุยกับคนไข้ประมาณนั้นน่ะครับ

                    

                    ที่ “วชิรพยาบาล” เนี่ยนะครับ คนไข้ชาวต่างชาติ ก็มีมาใช้บริการพอสมควร ดังนั้น หากเรามีทักษะ การพูดและฟังภาษาอังกฤษ อย่างคล่องแคล่ว ผลดีย่อมตกอยู่ที่เรา เพราะ เป็นการพัฒนาตัวเราเอง และเป็นผลดีต่อคนไข้ของเราที่เรารักษา ทำให้เราสามารถวินิจฉัยโรคได้ถูกต้อง เนื่องจากสื่อสารกันอย่างเข้าใจและรวดเร็วด้วยนะครับ  โดยส่วนตัว พี่เองคิดว่า เป็นสิ่งจำเป็นมากทีเดียวในการฝึก Skills ทางภาษาอังกฤษ แม้เราจะอยู่ในระดับนักศึกษาแพทย์ก็ตาม

                    สำหรับน้องๆ ที่ยังอาจท้อแท้ กับวิชาภาษาอังกฤษ พี่แนะนำว่า เริ่มต้นก็ ทำใจให้เป็นบวกกับวิชานี้นะครับ ลองจินตนาการว่า น้องเองสามารถคุยกับฝรั่งได้อย่างคล่องแคล่ว พอเรามองวิชานี้เป็นบวก เราก็จะมีความรักกับวิชาภาษาอังกฤษ สุดท้ายน้องก็จะเรียนได้ดีขึ้น เริ่มจากค่อยๆ ท่องศัพท์ (พี่แนะนำว่า คำศัพท์ของครุณครูสมศรี สุดยอดมากๆ คำศัพท์ 4 หน้าที่อาจารย์แจก ช่วยพี่ไว้ได้มากเลยล่ะคับ) อ่าน Grammar ทำข้อสอบเยอะๆ ฝึกฟังเพลง ฝึกดูหนัง ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับเพื่อนๆ ดูนะครับ

                    อย่างพี่ก็ ฝึกจาก http://www.elllo.org/ เว็บนี้ก็ จะช่วยเรื่อง การพูด การฟังได้

                    ส่วน   http://howjsay.com/  เว็บนี้ก็จะทำให้น้องๆ อ่านคำศัพท์ได้อย่างถูกต้อง เพราะบางคำ หากน้องอ่านผิด ฝรั่งเค้าก็จะเข้าใจความหมายผิดได้นะครับ

                    เชื่อพี่เนอะ มองภาษาอังกฤษในทางที่ดี มองในแง่บวก รักภาษาอังกฤษ ยิ่งเรารักมากเท่าไหร่ เราก็จะมีแรงกระตุ้นในการเรียนมากขึ้น แล้วก็ฝึกฝนบ่อยๆ นะคร้าบบบบ....... J

                    น้องๆ ทำได้อยู่แล้วล่ะ  :D

                                                                                    พี่แตม หมอวชิระ รุ่น 16

                                   

      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×