valerie[เธงเธดเธฌเธฒเธฃเธต]
ดู Blog ทั้งหมด

ถนนนี้หัวใจข้าฯ จอง

ถนนนี้หัวใจข้าฯ จอง

  

ช่วงปี 2540 หนังไทยยังไม่ค่อยเฟื่องฟูนัก หนังฮอลลีวู้ดยังครองโรงหนังเป็นหลัก และดูเหมือนหนังไทยก็จะยังจับทิศทางตัวเองไม่เจอ สหมงคลฟิล์มได้เปิดตัวหนัง “ถนนนี้หัวใจข้าฯจอง” ซึ่งจากชื่อเรื่องก็รู้แล้วว่าเกี่ยวกับความเลือดร้อนในหมู่วัยรุ่น ขณะที่ตัวหนังดูจากการโปรโมตก็รู้ว่าขายนักแสดงนำ คือ เจ มณฑล กับเนื้อหาที่เอาใจวัยรุ่นวัยรักวัยนักเลง


บู๊ต (เจ มณฑล) ลูกทหารต่างจังหวัดได้สอบติด “วิทยาลัยเทคนิคธนิยะ” พร้อมกับได้ทุนการศึกษา เขาจึงได้ย้ายมาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และเริ่มเรียนรู้ชีวิตความเป็นนักเรียนเทคนิคนับแต่วันรับน้อง การได้สวมเสื้อช็อป และท่องคำปฏิญาณว่าจะรักเพื่อนยิ่งกว่าชีวิต นอกจากนั้นบู๊ตยังได้รับการสอนสั่งว่าศัตรูที่เจอหน้าปุ๊บต้องบี้กันให้ตายคือ “ก่อสร้างไทยพัฒนา” แต่คนที่มีธาตุความดีอย่างบู๊ตก็ยังซื่อตรงกับความถูกต้องอยู่ในตัวอยู่ดี


บู๊ตกับเพื่อนบังเอิญข้ามถิ่นไปในเขตพวกไทยพัฒนา (เพราะเพื่อนชวนไปเหล่สาวๆ โรงเรียนสตรีของนางเอก) จึงได้ถูกคู่อริไล่ตีกลางถนนแต่หนีมาได้ นักข่าวมาถ่ายภาพบู๊ตได้ทัน จึงทำให้บู๊ตกลายเป็นคนดังในหมู่เพื่อนๆโดยไม่ตั้งใจ แต่บู๊ตไม่สนใจลูกยุรุ่นพี่ที่สอนให้เขารู้จักหันหน้าเข้าสู้แบบลูกผู้ชายซะบ้าง ระหว่างนั้นบู๊ตใช้วิชาช่างของตัวเองไปบูรณะสนามกีฬาซึ่งอยู่ในเขตของพวกไทยพัฒนา จึงได้ถูกพวกไทยพัฒนาเข้ามาหาเรื่อง แต่บู๊ตก็ไม่คิดสร้างศัตรูกับไทยพัฒนาเพราะต้องการทำความดีเพื่อสังคมเงียบๆมากกว่า ยังไงก็ตาม...สงครามระหว่างสองสถาบันคู่อริก็ไม่อาจหยุดยั้งได้ เพราะพวกมาเฟียโต๊ะสนุ๊กต้องการจะให้ทั้งสองฝ่ายตีกันเพื่อจะได้ประโยชน์ครั้งใหญ่ในการขายอาวุธและยา และในที่สุด...คอนเสิร์ตร็อกกลางเมือง...ก็กลายเป็นสมรภูมิลูกผู้ชายของพวกเขาจริงๆ

 
“ถนนนี้หัวใจข้าจอง” เป็นหนังที่ว่าด้วยวัยรุ่น...วัยรัก...วัยร้อน และยังระอุด้วยการเขม่นระหว่างสองสถาบันที่มาปะทะกันกลางถนน บนรถเมล์ และโต๊ะสนุ๊ก เรียกว่าเอาซะครบสูตรหนังนักเลงไทยเลยทีเดียว หนังยังถ่ายทอดชีวิตนักเรียนสายอาชีพ (ที่เราชอบเรียกกันง่ายๆว่าเด็กช่างกล) วิธีการเอาตัวรอดเมื่อไปพลัดอยู่ในถิ่นคู่อริ การพกอาวุธ ความรักพวกพ้อง ฯลฯ (ซึ่งทุกคนที่ดูเรื่องนี้บอกว่า...หนังเรื่องนี้มันจำลองอริชั่วชีวิตอย่างปทุมวันกับอุเทนถวายมาชัดๆ) แน่นอนว่าแม้พระเอกของเรื่องจะปฏิเสธค่านิยมผิดๆพวกนั้นและยืนยันว่าการใช้ความรุนแรงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่สุดท้ายเขาก็ต้องไปร่วมในศึกสองสถาบันช่วงท้ายเรื่องจนได้ (เพียงแต่ไม่เน้นตีชาวบ้าน...ไปช่วยเพื่อนมากกว่า) เรียกว่าทองแท้ย่อมไม่กลัวลนไฟ...โดนความร้อนเสียบ้าง...แต่สุดท้ายทองก็ยังเป็นทองอยู่ดี


บางคนยักไหล่ใส่หนังเรื่องนี้...ด้วยเหตุว่าพูดถึงชีวิตเด็กช่างกลแบบไม่ลึกซึ้งเท่าไหร่ แต่ถ้าถามว่ามันมีหนังแนวนี้ที่ดีกว่านี้มาเป็นตัวเทียบไหม...ก็ปรากฏว่าแทบไม่มี เพราะงั้นในฐานะคนดูคนนึง...เราขอดูแค่เอาความบันเทิงก็แล้วกัน แม้ว่าบทพูดบางช่วงจะดูยัดเยียดเหมือนสอนศีลธรรมกันโต้งๆไปหน่อย แต่ก็ถือเป็นหนังที่เอาอีกแง่มุมของสังคมไทยมาตีแผ่เปิดเผย ขณะเดียวกันเนื้อหนังก็ยังเดินเรื่องแบบวัยรุ่น...มีรักมีบู๊มีฉากยกพวกตีกันที่น่าจะทุ่มทุนสร้างพอสมควร ดังนั้นสำหรับเรา...หนังเรื่องนี้ก็โอเคละนะ


ยังไงก็ตาม...การเอาเจ มณฑลมาแสดงเป็นเด็กช่างกลนี่มันดูขัดๆมาก เข้าใจว่าตอนนั้นเจ มณฑลดังมาก แต่แทบไม่เคยเล่นหนังเลย ดูเหมือนนี่จะเป็นเรื่องแรกที่สหมงคลไปดึงตัวมาเล่นหนังได้ แต่ประทานโทษเถอะค่ะ...ดูยังไง๊-ยังไงก็ไม่เชื่อว่าเจที่หน้าใสเด้งขนาดนี้จะเป็นเด็กช่างกลไปได้ แต่ก็ด้วยความหล่อใสแบบนี้แหละที่ทำให้เรามองข้ามองค์ประกอบบางส่วนที่กะพล่องกะแพล่งของหนังเรื่องนี้ไป เรียกว่าทุกช็อตที่เจออก...เราจ้องตาไม่กะพริบ...คนอะไรมุมไหนก็ดูดี...เคลิ้ม...เอาเป็นว่าให้ผ่านในส่วนนี้ละกัน คะแนนพิศวาสล้วนๆเลย....


หนังเรื่องนี้ทำให้เราเห็นภาพของหนังแนวแกงสเตอร์วัยรุ่นที่มีความเป็นไทยอยู่ในเรื่องอย่างชัดเจน คือเราคิดว่าหนังไทยในช่วงปี 2540 ยังได้รับอิทธิพลหนังต่างประเทศมากอยู่ โดยเฉพาะแนวเรื่องแบบแกงสเตอร์นี่...ชัดมากว่าได้อิทธิพลจากหนังฮ่องกง แต่พอคนไทยมาสร้างหนังแนวแกงสเตอร์วัยรุ่นบ้าง...เราก็มีความเป็นไทยของเราอยู่ชัด เอาง่ายๆเลยก็คือหนังแกงสเตอร์ฮ่องกงนั้น...ยังไงๆก็ต้องมีมาเฟียที่เป็น “พวกผู้ใหญ่” มาเกี่ยวข้อง (เพราะมาเฟียฮ่องกงมีวิธีสร้างเครือข่ายโดยส่งคนเข้าไปเนียนในโรงเรียนเพื่อชักชวนเด็กที่ออกนอกลู่นอกทางมาเข้าแก๊ง) แต่หนังแกงสเตอร์ไทยนี่คือเป็นเรื่องของความเป็นอริระหว่างสถาบันจริงๆ...เป็นธุระของเด็กล้วนๆไม่มีผู้ใหญ่มาเกี่ยวข้อง (ถ้าไม่นับมาเฟียโต๊ะสนุ๊กซึ่งเป็นมือที่สาม) ดังนั้นเราจึงคิดว่า...หนังแนวแกงสเตอร์วัยรุ่นอย่าง “ถนนนี้หัวใจข้าฯจอง” เป็นหนังที่สื่อสารถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้มีพลังเรื่องนึงทีเดียว (ถ้าเราทำเมินซะบ้างว่าการตีกันมันเป็นสิ่งไม่ดีน่ะนะ...)

ยังไงก็ตาม...หนังแนวแกงสเตอร์วัยรุ่นซึ่งจัดได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ความเป็นไทยอย่างนึงกลับไม่ได้รับการต่อยอดเลย ปัจจุบันเราจะพบว่า หนังรัก หนังผี หนังตลก หนังบู๊ ซึ่งได้รับความนิยมในภายหลังก็ได้ถูกพัฒนาจนกลายเป็นสินค้าส่งออกของอุตสาหกรรมบันเทิงไทยไปแล้ว แต่หนังแนวแกงสเตอร์วัยรุ่นกลับหายไปเลย ดังนั้นถ้าถามความเห็นของเราว่าหนังไทยปัจจุบันน่าจะหลากแนวไปทางไหนอีก...เราก็ว่าแนวแกงสเตอร์วัยรุ่นนี่แหละ เพราะมันขาดสืบช่วงไปนานมากแล้ว แต่ก็คิดว่ามันคงจะเป็นไปได้ยาก อาจเพราะมันต้องลงทุนเยอะ ไม่ใช่กระแสที่คนสนใจ และที่สำคัญ...งานนี้คิดว่ากระทรวงวัฒนธรรมท่านคงไม่เห็นดีเห็นงามไปด้วยแน่ๆที่จะเอาเรื่องวัยรุ่นตีกันไปขยายอยู่บนแผ่นเซลลูลอยด์..

 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1
ขอบคุณทุกคำติชม สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้..ถนนนี้ หัวใจข้าฯ จอง ถ้าอาจารย์คิด สุวรรณศร ท่านยังมีชีวิตอยู่ แล้วได้อ่านข้อความของคุณ ท่านคงมีรอยยิ้ม และมีความสุขมากคะ
valerie
valerie 7 พ.ย. 55 / 11:44
ผู้กำกับเสียไปแล้วเหรอคะ...
แสดงความเสียใจด้วยค่ะ..
โดยส่วนตัวก็ชอบหนังไทยยุคหัวเลี้ยวหัวต่อช่วงนั้น
รู้สึกเสียดายที่ผลงานบางอย่าง..มาก่อนกาลไปนิดเดียวเอง..