valerie[เธงเธดเธฌเธฒเธฃเธต]
ดู Blog ทั้งหมด

ปลายฟ้า, มนตราอธิษฐาน, ทะเลทรายสีทอง


ปลายฟ้า / ผู้เขียน นุสมล/  สำนักพิมพ์เพื่อนดี

นุสมลเป็นนามปากกาของนักเขียนที่คร่ำหวอดเขียนนิยายรักหวานมาหลายปี เธอเคยเขียนตั้งแต่นิยายเล่มละ 10 บาทจนขยับมาเขียนเรื่องยาวตามนิตยสาร เพราะฉะนั้นเมื่อหยิบนิยายของคุณนุสมลขึ้นมาอ่านละก็...เราจะวางใจได้เลยว่าสำนวนภาษาของเธอมืออาชีพจริงๆ นุสมลมีความสละสลวยแทรกอยู่ทุกบรรทัด เรียกว่าถ้าใครอยากอ่านนิยายหวานจนมดอายและเสพภาษาฟรุ้งฟริ้งละก็...ให้ลิสต์ชื่อนุสมลเอาไว้เลย...ชื่อนี้ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน

 

เนื้อเรื่องว่าด้วย มินดานันท์ นางเอกสาววีนลูกเศรษฐินีใหญ่ของเมืองไทยกำลังเบื่อๆ เซ็งๆ ก็เลยชวนเพื่อนไปเดินป่าที่ต่างจังหวัด แต่ชะตาชักพาให้พลัดหลงเข้าไปในอีกมิติซึ่งกำลังมีความขัดแย้งของสามชนเผ่า ตอนแรกมินดานันท์คิดว่าที่นี่คงเป็นแค่หมู่บ้านชายแดน แต่ไปๆมาๆ โขม พนักงานป่าไม้ที่หลงมิติมาด้วยก็บอกเธอว่าไม่ใช่ ที่นี่คืออีกมิติหนึ่งต่างหาก และนางเอกก็ได้พบกับพระเอกตัวจริงของเรื่อง นั่นคือ ปาซาร์ เซเดย์ (นามสกุลนี้...อิฉันละนึกว่านายนี่เป็นญาติกับยอร์ช เซเดส์...นักโบราณคดีแห่งสำนักบูรพทิศคนสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยเสียอีก)

 

ปาซาร์เป็นนักรบหนุ่มแห่งเผ่าอริยะ เผ่าซึ่งกำลังแฮ่ๆกับเผ่ามังคละซึ่งเป็นพวกคนเถื่อนนิยมความรุนแรง และปาซาร์ก็เป็นพระเอกแบบที่เราเห็นได้บ่อยๆในนิยายคุณนุสมล...คือเป็นนักรบ...พูดน้อย...แลดูว่าขรึมๆ แต่การกระทำจะหวานสุดๆ ขณะเดียวกันก็เป็นคนเคร่งครัดต่อหน้าที่ และการที่เขาพาตัวนางเอกกลับมาที่ตั้งของเผ่าอริยะก็เพราะว่า...มินดานันท์มีใบหน้าที่เหมือนกับเจ้านางนาซารีน ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของเผ่าตนนี่เอง

 

แต่เจ้านางนาซารีนก็ไม่ได้มีบทมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นฉากมุ้งมิ้งกุ๊งกิ๊งของพระเอก-นางเอกที่ต้องมาร่วมฝึกดาบฝึกธนูด้วยกันเสียมากกว่า จุดผกผันในเรื่องคือตอนที่มินดานันท์ถูกเผ่ามังคละจับตัวไปเพราะเข้าใจว่าเป็นเจ้านางนาซารีน แล้วนางเอกก็ต้องพยายามใช้ไหวพริบเอาตัวรอดจากการถูกหัวหน้าเผ่ามังคละย่ำยี ระหว่างนั้นปาซาร์ก็เข้ามาช่วย แต่เกิดเหตุอัศจรรย์ที่ทำให้พระเอก-นางเอกพลัดมิติกลับมาที่ประเทศไทยปัจจุบันของนางเอกอีกครั้ง

 

ขอเล่าเรื่องย่อเท่านี้ดีกว่า และบอกได้ว่านิยายเรื่องนี้ไม่ได้จบแฮปปี้เท่าไหร่นัก แต่คนอ่านอย่างเราก็ไม่ Hurt เพราะที่ว่าไม่แฮปปี้นั้นไม่ใช่ว่ามีใครตาย...เพียงแต่มันเป็นการจากลาเท่านั้นเอง การอ่านนิยายเรื่องนี้จะได้อารมณ์ประมาณเพชรพระอุมาฉบับย่นย่อ (แต่อิฉันไม่เคยอ่านเพชรพระอุมาจบนะ) เพราะแดนลับแลที่คุณนุสมลสร้างขึ้นนั้นอยู่ในระดับอารยธรรมชนเผ่าที่ใช้ชีวิตอิงกับธรรมชาติขุนเขาลำเนาไพร และมีการใช้ภาษาโบราณๆปนอยู่ด้วย อย่างเรียกผู้หญิงว่า “ออนางเจ้า” หรือเรียกผู้ชายว่า “ออนาย” ซึ่งอันนี้คิดว่าคุณนุสมลได้จากการค้นคว้าตำนานโบราณก่อนหน้านี้มาเขียน (เพราะเธอชอบเขียนแนวอิงประวัติศาสตร์ หรือแนวเจ้าหญิงเจ้าชายในอาณาจักรสมมุติอยู่บ่อยๆ) นอกจากนี้ในเรื่องยังมีการใช้เครื่องรางของขลังมาผสมด้วย อย่างเช่น ขนนกที่ทำให้ล่องหนได้ชั่วขณะ จึงทำให้รู้สึกว่านิยายเรื่องนี้มันแฝงความเป็นแฟนตาซีอยู่นิดๆ

 

แต่ถึงอย่างนั้นเราก็มีบางอย่างติติงอยู่เหมือนกัน เพราะว่าสไตล์การเขียนของคุณนุสมลนั้นจะมีการ “โดด” ไปมาโดดมาอยู่บ้าง อย่างเช่น ฉากที่นางเอกพลัดมิติไปปรากฏตัวต่อหน้าพระเอกกับลูกน้อง นางก็เถียงกับพระเอกเหย็งๆ ก่อนจะเป็นลมเพราะเหนื่อยสั่งสมจากการเดินป่า (อ๊าว!!! แล้วมีแรงต่อปากต่อคำกะเค้าได้เป็นหน้าๆเนอะ) หรือไม่ก็นางเอกเดินออกจากเขตหมู่บ้านเข้าป่าไปเพลินๆ ก็ไปโผล่ในสถานที่สำคัญแบบไม่รู้ตัว คือบางครั้งมันมีความไม่สมเหตุสมผล แต่ก็เข้าใจว่ามันจำเป็นต่อการเชื่อมฉากที่คนเขียนวางโครงเอาไว้แล้ว ซึ่งถ้าไม่คิดอะไรมากก็ถือว่าพอรับได้ในระดับหนึ่ง

 

มนตราอธิษฐาน / ผู้เขียน ไอศิยา / สำนักพิมพ์พิมพ์คำ

จริงๆเคยเห็นนิยายเรื่องนี้โพสต์ตามเวบไซต์ในชื่อเรื่อง “รมณียา” และตอนนั้นคนเขียนก็ใช้นามแฝงอื่นโดยไม่บอกว่าเธอคือไอศิยา, ฟองฟาง, ณัฐกฤตา, ปภาดา เลยด้วยซ้ำ (เฮ้อ...กว่าจะร่ายจบ...ทำไมนักเขียนดังๆถึงชอบมีหลายนามปากกากันจัง) ไอ้เราก็นึกว่าคนเขียน “รมณียา” เขาคงเลิกเขียนแล้วมั้ง ที่ไหนได้พอเข้าร้านเช่าหนังสือหยิบเรื่องนี้มาอ่านเรื่องย่อปกหลัง...มันคุ้นๆนี่นา...พอเอามาอ่านที่บ้านก็รู้เลยว่าใช่ คนเขียนเขียนจบและเปลี่ยนชื่อเรื่อก่อนส่งสำนักพิมพ์ซึ่งเป็นขาประจำของเธอนี่เอง

 

ปาลิตา เป็นธิดาโทนของคู่สามีภรรยาที่มีอันจะกิน เมื่อตอนเด็กปาลิตาเป็นคนที่เกลียดการเย็บปักถักร้อย และมักจะเหม่อลอยด้วยสายตาที่เกินเด็กอยู่หลายครั้ง นอกจากนั้นปาลิตามักจะฝันซ้ำๆเกี่ยวกับคนที่ตามอาฆาตมาตั้งแต่วัยเด็กอีกด้วย เมื่อโตขึ้น...เธอเริ่มช่วยงานกิจการของครอบครัว ปาลิตาก็พบกับ วาลปัทม์ ซึ่งเป็นชายหนุ่มในวงสังคมระดับเดียวกันที่ร้านขายภาพเขียน น่าแปลกที่สองหนุ่มสาวที่พบหน้ากันครั้งแรกกลับรู้สึกตรึงตาตรึงใจกันทั้งคู่ ราวกับว่าพวกเขาเคยพบกันมาก่อนในครั้งหนึ่งของวันวานอันไกลโพ้น

 

แฮ่ม...เริ่มหวานแล้วใช่มั้ย... เมื่อเรื่องเดินเรื่อยๆ ก็จะมีการย้อนอดีตไปยังยุคเขมรโบราณ จะเห็นคำจำพวก “กมรเตงอัญ” อะไรงี้ และภาษาโบราณที่แทรกในเรื่องก็ทำให้รู้ว่าคนเขียนทำการบ้านมาดีมาก (สมที่เป็นนักเขียนมืออาชีพ) เรื่องราวในหนหลังก็คือ ปาลิตาเคยเกิดเป็นหญิงสาวชื่อ รมณียา ซึ่งก็ให้อารมณ์ประมาณลูกสาวกำนัน คือเธอไม่ใช่แค่หญิงชาวบ้านธรรมดานะ แต่ก็ถือว่าเป็นผู้ดีในระดับหัวเมืองไกลๆ ของอาณาจักรเขมรโบราณ ส่วนวาลปัทม์ก็คือ ไศวเรท ซึ่งเป็นนักรบหนุ่มจากยโสธรปุระอันเกรียงไกรซึ่งก็ให้อารมณ์ประมาณนายร้อยติดดาวจากเมืองหลวง ไศวเรทหลงรักรมณียาตั้งแต่แรกเห็น แต่รมณียานึกชังหน้าเขาด้วยความไม่ถูกชะตา (ก็ถึงได้บอกว่านางเอกนี่ลูกสาวกำนันสุดๆ) ตอนที่รมณียารู้ว่าไศวเรทตั้งใจจะสู่ขอนางจากบิดา นางก็ถึงกับแอบจ้างเพื่อนให้ไปดักตีไศวเรทเสีย แต่พระเอกรู้ทันก็เลยซ้อนแผนแก้เผ็ดแล้วรวบรัดแต่งงานเสียเลย พอเข้าหอแล้วรมณียาจึงได้ค่อยๆ เปลี่ยนใจมารักไศวเรทมากขึ้น แต่แต่งงานกันได้แป๊บๆ พระเอกก็ติดภารกิจต้องออกเดินทาง

 

นางร้ายในอดีตชาติคือ เศารยา ซึ่งเป็นบุตรสาวขุนนางระดับสูง (จำไม่ได้ว่าปุโรหิตเลยหรือเปล่า) นางรักไศวเรทมาก แต่พอรู้ว่าเขาไปแต่งงานกับหญิงบ้านๆเลยกลายเป็นความโกรธแค้น เศารยาสร้างอุบายให้ไศวเรทต้องออกเดินทาง เพื่อจะไปปรักปรำครอบครัวของรมณียาว่าคิดการกบฏและจัดการฆ่าล้างโคตร มีนางเอกที่พอจะหนีรอดได้ แต่สุดท้ายก็ถูกเศารยาตามมาฆ่าด้วยกริชอยู่ดี ต่อมานางก็ให้โอกาสไศวเรทลืมเมียเก่าแล้วมาอยู่กับนางซะ แน่นอนว่าพระเอกปฏิเสธนางก็เลยฆ่าอีก (เอ๊ะ...ยัยนี่โรคจิตจริง) คุณเธอเป็นฆาตกรต่อเนื่องยังไม่พอ เศารยายังแค้นพระเอก-นางเอกข้ามชาติภพเลยด้วย และเศารยานี่เองก็คือวิญญาณร้ายในความฝันที่หลอกหลอนปาลิตานางเอกของเรื่องมาตั้งแต่เด็ก

 

เมื่อปาลิตากับวาลปัทม์รู้อดีตชาติก็เดินทางไปกัมพูชาเพื่อถอนคำสาปที่ทำให้เศารยายังมีอำนาจมาคุกคามชีวิตปัจจุบันของพวกเขา เรียกว่าเป็นภารกิจของคนสู้ผีที่ต้องใช้ไอเท็มนิดหน่อย แต่สุดท้ายเรื่องก็จบลงด้วยดี

 

นิยายเรื่องนี้ภาษาดีและมีลำกับการเดินเรื่องที่อ่านเข้าใจง่ายตามมาตรฐานของสนพ.พิมพ์คำ คาแรกเตอร์อาจจะไม่โดดเด่นแต่นี่เป็นนิยายที่มีหัวใจอยู่ที่พล็อต พล็อตรองก็ทำหน้าที่ผสานในเรื่องอย่างดี (พล็อตรองคือเรื่องการชิงมรดกในหมู่ญาติๆของนางเอก) และข้อมูลเกี่ยวกับเขมรโบราณแน่นทีเดียว การใช้ภาษาเมื่อเข้าสู่ช่วงย้อนอดีตไม่ได้อ่านยากเกินไป อาจจะมีคำโบราณบ้างแต่ก็สามารถอ่านเข้าใจได้ มีการสอดแทรกคติทางพุทธศาสนาในเรื่องเกี่ยวกับชาติภพ นั่นคือคนที่เคยเป็นญาติพี่น้องนางเอกในชาติทีเป็นรมณียาต่างก็กลับมาเป็นตัวละครที่แวดล้อมปาลิตาซึ่งเป็นชาติปัจจุบัน และต่างก็มีบทบาทช่วยเหลือให้พระเอก-นางเอกให้เอาชนะวิญญาณร้ายจากอดีตได้ เรียกว่าเป็น soul companion ที่เกิดมาเพื่อเกื้อกูลกันและกัน

 

พระเอกเรื่องนี้สุภาพนะ...ตั้งแต่ยุคเขมรโบราณก็ค่อนข้างแมนและอ่อนโยนกับนางเอกมาก พอมาชาติปัจจุบันก็ยังรักมั่นคงกับนางเอกคนเดียว (ในเรื่องบอกว่าพระเอกรู้ว่าชีวิตนี้เกิดมาเพื่อรอนางเอกเลยแหละ) ซึ่งบางทีเราก็รู้สึกไม่ค่อยเชื่อนิดหน่อย ส่วนนางเอกในชาติรมณียานี่เป็นสาวซึนสุดๆ พอมาเป็นปาลิตาก็ค่อยรู้สึกว่าเธอดูมีเหตุมีผลมากขึ้น ในเรื่องนี้ยังมีตัวละครที่เป็นวิญญาณฝ่ายดีคอยช่วยพระเอก-นางเอกด้วยนะ เป็นพี่ชายของนางเอกสมัยที่ยังเป็นนางรมณียาที่ตายไปแล้วก็ยังขอตามดูแลน้องสาวคนนี้ ซึ่งคุณพี่ชายนี่ก็มีคนรักซึ่งเป็นเพื่อนของรมณียา และชาติปัจจุบันก็ได้มาเกิดเป็นลูกพี่ลูกน้องของปาลิตาอีกด้วย เรียกว่าถ้าคู่พระเอก-นางเอกหมดห่วงไปแล้วเพราะกำราบยัยเศารยาวิญญาณอาฆาตเรียบร้อยโรงเรียนขะแมร์ ก็ยังมีคู่นี้แหละที่หวานอมขมกลืนอยู่ เพราะต่างคนยังอยู่คนละภพกันแต่ต่างรับรู้ถึงความหวังดีที่มีให้กันลึกๆ

 

สรุปว่าเป็นนิยายแนวชาติภพที่สมบูรณ์ในตัวเองและถ่ายทอดได้มืออาชีพสมเป็นนักเขียนประจำของค่ายพิมพ์คำ หากกำลังหานิยายรักแนวอิงประวัติศาสตร์ชาติภพน่าลองสอยมาอ่านดูจ้า

 

ทะเลทรายสีทอง / ผู้เขียน นภาลัย ไผ่สีทอง/ สำนักพิมพ์บัวหลวง

นิยายเรื่องนี้ที่ได้มาเป็นเวอร์ชันตีพิมพ์เมื่อนานมาแล้ว (ก็ดูดาราบนหน้าปกสิ...แซม ยุรนันต์กับแหม่ม จินตะหรา) กระดาษเก่าเหลืองทีเดียวแต่ก็สอยมาเพราะเคยอ่านจากร้านเช่าและรู้สึกว่าเป็นหนังสือที่น่าเก็บสะสมดี ตอนนี้คุณนภาลัย ไผ่สีทองก็ได้กลายเป็นนักเขียนประจำของค่ายบงกชไปแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบงกชได้ลิขสิทธิ์นิยายเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า (แต่ที่เคยตีพิมพ์กับ สนพ.บัวหลวงมันก็หลายสิบปีแล้ว ป่านนี้ลิขสิทธิ์น่าจะกลับมาเป็นของนักเขียน และคุณป้านภาลัยก็น่าจะขายสิทธิ์ให้สนพ.อื่นได้แล้ว) แต่อ่านหนังสือเก่าก็ได้สุขอนามัยดีเหมือนกัน อ่านเสร็จทีนึงต้องล้างมือเพราะหนังสือมันเก่าเหลืองมากจริงๆ

 

จัสมิน วีระชาติ-แอนเดอร์สัน เป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษที่สวยบาดตา เธอมีอาชีพเป็นนางแบบและอยู่ระหว่างมาเดินแบบในไทย ความสวยของจัสมินไปเข้าตาสุลต่านหัวงูที่กำลังพักผ่อนในไทยเข้าเข้า คนสนิทสุลต่านก็เลยมาเจรจาเช่าตัวจัสมิน แต่จัสมินไม่สนใจ ขณะที่อลิซาเบธเพื่อนนางแบบของจัสมินไม่รอช้าที่จะตะครุบโอกาสนี้ แต่สุดท้ายทั้งจัสมินกับอลิซาเบธก็ถูกพาตัวขึ้นเครื่องบินไปประเทศกลางทะเลทรายด้วยกันอยู่ดี จัสมินพยายามหาโอกาสหนีออกจากวังสุลต่าน ขณะที่อลิซาเบธกลับหวังเพียงว่าเธอจะได้เลื่อนขั้นเป็นนางสนม...ไม่ใช่แค่นางบำเรอที่สุลต่านมีเป็นร้อยๆในฮาเร็ม

 

การเมืองของฮาเร็มทำให้นางเอกถูกกำจัดออกจากวังก่อนถูกนำขึ้นถวายตัวเพราะนางในเก่าๆกลัวว่านางเอกจะกลายเป็นเมียคนโปรด ด้วยการใช้ให้โหรหลวงทำนายว่าเธอจะเป็นกาลกิณีต่อองค์สุลต่านและต้องเอาไปประหารด้วยการถ่วงน้ำนอกวังหลวง (อิฉันไม่สงสัยละว่าทำไมประเทศนี้มันยังไม่พัฒนา...ก็ผู้นำมันยังเอาแต่เชื่อหมอดูเงี้ย) แต่ก่อนนางเอกจะขาดใจตายในบึงน้ำก็มีพวกกลุ่มกบฏที่ต่อต้านสุลต่านมาช่วยเอาไว้เสียก่อน กลุ่มกบฏพาตัวจัสมินไปยังฐานที่มั่น ซึ่งระหว่างทางจัสมินก็ได้ฟื้นขึ้นมาเจอกับเบ็น คานนา หนุ่มทะเลทรายซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มกบฏต่อต้านสุลต่าน และเป็นคนที่ยืนยันว่าจัสมินต้องอยู่กับเขาหากต้องการอยู่รอดในทะเลทรายอย่างปลอดภัย

 

เบ็น คานนา เป็นหนุ่มทะเลทรายที่มีสายเลือดนักรบและยังมีอาชีพเป็นหมอประจำค่ายด้วย เขาเป็นคนหัวสมัยใหม่พอตัว แต่ก็ยอมรับกับจัสมินตั้งแต่แรกว่าการรับเธอมาอยู่ในกระโจมเดียวกันนั้นหมายความว่าเธอต้องยอมเป็นของเขา และเบ็นก็ทำอย่างนั้นจริงๆในค่ำคืนแรกที่ได้อยู่ด้วยกัน จัสมินจึงหาทางหนีเพราะสาวอังกฤษอย่างเธอไม่ชอบการรวบหัวรวบหางโดยไม่รักแบบนี้ (ไม่รักแต่นางเอกก็ฟินได้ทุกคืน...เอ๊ะยังไง?) จัสมินหนีแต่ก็ไปเจอพ่อค้าทาสที่โหดยิ่งกว่า ดีที่เบ็นตามไปช่วยไว้ทัน จัสมินจึงค่อยๆเรียนรู้ที่จะอยู่ในฐานะผู้หญิงของเขากลางทะเลทรายสีทองแห่งนั้น

 

ช่วงท้ายเรื่องเป็นการขับเคี่ยวระหว่างกลุ่มกบฏของพระเอกกับสุลต่านบ้าอำนาจ แต่ก็ขอสรุปสั้นๆว่านิยายเรื่องนี้จบลงด้วยดี พระเอกได้เป็นสุลต่านคนใหม่ ขณะที่ศัตรูเก่าอย่างสุลต่านบ้ากามก็ยังตามมาราวีเป็นดอกสุดท้ายแต่สุดท้ายก็กำจัดออกไปได้สำเร็จ จากนั้นก็มีประเด็นพ่อแง่แม่งอนให้ลุ้นนิดๆ ในตอนท้ายเรื่องเบ็น คานนาก็ยกเลิกระบบฮาเร็ม...แล้วแต่งตั้งจัสมินเป็นราชินีคนเดียวในดวงใจของเขา

 

คงต้องยอมรับกันว่าทะเลทรายเป็นพื้นที่แฟนตาซีโรแมนติกที่นักเขียนสาวๆบ้านเราเขียนถึงเยอะมาก ถึงแม้ว่าโดยส่วนตัวเราไม่ได้ชอบแนวนี้ แต่ถ้าฝีมือนักเขียนโอเคและทัศนคติดีก็พอจะอ่านได้ อย่างนิยายเรื่องนี้ของป้านภาลัยก็เขียนด้วยทัศนคติที่ดี คือไม่ได้ยัดเยียดว่าพระเอกเป็นหนุ่มทะเลทรายที่เถื่อน, ห่าม, ดุดัน, ทรงอำนาจ เพราะเบ็น คานนาก็ยังเป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง (อย่างน้อยเบ็นก็พูดกับนางเอกตรงๆว่าผู้หญิงรูปร่างหน้าตาอย่างเธอนี่...ผู้ชายคนไหนก็ปรารถนาทั้งนั้นแหละ) เขาไม่ได้เห็นนางเอกเป็นวัตถุทางเพศแต่ก็ไม่เข้าใจผู้หญิงอย่างเธอว่าต้องการความมั่นคงจากความรักมากกว่าเพศสัมพันธ์ และเบ็นก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก เพียงแต่มีความรับผิดชอบต่อพวกพ้องและรู้จักทำมาหากิน อย่างเช่นปล้นทองคำของสุลต่าน (นับเป็นอาชีพไหม...ก็ปล้นคนรวยช่วยคนจนนะ) ส่วนจัสมินอาจจะเป็นนางเอกที่มีความแง่งอนอยู่บ้างตามสไตล์นางเอกของคุณนภาลัย แต่ก็คิดว่าคาแรกเตอร์ของเธอเป็นอะไรที่พอรับได้ เคมีเข้ากับเบ็นได้ดีเลยทีเดียว

 

นิยายเรื่องนี้อาจไม่ได้โดดเด่นที่ฉากหรือข้อมูลที่สมจริงและความแปลกใหม่ของพล็อต  แต่สิ่งที่โดดเด่นก็คงเป็นการเขียนที่แสดงให้เห็นถึงอารมณ์รักระหว่างเบ็นกับจัสมิน จริงๆเบ็นก็เป็นพระเอกสไตล์ของคุณป้านภาลัยเอาการอยู่นะ คือเป็นพระเอกแนวแอลฟ่านิดๆ แต่ก็มีจุดยืนที่เป็นตัวของตัวเองอยู่บ้าง ส่วนจัสมินนี่โชคดีที่เป็นลูกครึ่ง...เลยมีความแง่งอนพอเป็นกระสัยแต่ไม่มาก ขณะที่นิยายอื่นๆของคุณป้านภาลัยที่นางเอกเป็นไทยแท้นี่...บางทีเรารู้สึกว่านางเอกแง่งอนไปหน่อย แต่จัสมินนั้นแรกๆอาจจะตั้งป้อมค่ายกับพระเอกเพราะความแตกต่างทางวัฒนธรรม แต่ต่อมาเธอจะค่อยๆยอมรับว่าเริ่มผูกพันกับหนุ่มนักรบทะเลทรายคนนี้ แต่ยังไงเธอก็ยังยืนยันว่าต้องผัวเดียว-เมียเดียวนะ เมียสี่ตามธรรมเนียมคนทะเลทรายไม่เอาเด็ดขาด

 

นับว่าการรีวิวนิยาย ๓ เรื่อง ๓ รส คราวนี้เป็นการรวมมิตรนักเขียนที่ต่างเจเนเรชั่นกันไปเลย นั่นคือ นภาลัย ไผ่สีทอง เป็นรุ่นใหญ่ (ตอนคุณป้าดัง... อิฉันยังดูดนมขวดอยู่เลยมั้ง) นุสมลเป็นรุ่นกลาง (ตอนงานของเธอ Peak ๆ อิฉันอยู่ในวัยอ่านการ์ตูนผสมนิยาย) และไอศิยาเป็นรุ่นเล็ก (คนนี้น่าจะ Gen X หรือ Gen Y ประมาณนี้) แต่จุดร่วมคือ...ทั้งหมดเป็นนิยายที่จะพาคุณไปสู่โลกในจินตนาการสำหรับผู้หญิง ตั้งแต่แนวต่างมิติ แนวอิงตำนานเขมร มาจนถึงแนวทะเลทราย ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นพื้นที่แฟนตาซีของนักอ่านหญิงไทยมาตลอด เรื่องสำนวนภาษาหายห่วง...ทั้งสามคนมืออาชีพกันทั้งนั้น และเรารู้สึกได้ว่าทั้ง ๓ เรื่องนั้นคนเขียนมีความตั้งใจ...จึงอดไม่ได้ที่จะนำมาถ่ายทอดเป็นรีวิวนิยายในบล็อกนี้...เอวังจ้า

 

ความคิดเห็น

ณ พิชา
ณ พิชา 1 ต.ค. 57 / 21:25
งืม น่าอ่านๆ
valerie[วิฬารี]
valerie[วิฬารี] 5 ต.ค. 57 / 19:30
คริๆ...รีวิวเพราะรู้สึกว่าน่าอ่านนี่แหละ
สมัยนี้หนังสือเยอะละลานตา...
แต่หาที่อ่านแล้วอยากเขียนถึงยาก