ศึกรบ บัลลังก์รัก (Sengoku no Yuuhi)
นวลนางกลางไฟศึก
เกือบจะมองข้ามนิยายเรื่องนี้ของสถาพรบุคส์ไปแล้ว เพราะหน้าปกมันหวานแหววเหลือเกิน ก็ดูหน้ายิ้มแป้นของสองอนงค์นางในชุดกิโมโนเคียงข้างพระเอกหนึ่งเดียวที่ง้างคันธนูอยู่สิ อย่างไรก็ตามบอกได้เลยว่านี่เป็นการออกแบบหน้าปกที่ผิดกับเนื้อเรื่องอย่างมาก เพราะ "ศึกรบบัลลังก์รัก" ว่าด้วยการสงครามในแว่นแคว้นญี่ปุ่นสมัยมุโรมาจิ อันเป็นช่วงประมาณศตวรรษที่ 16 (ค.ศ.1500-1599 ใกล้เคียงกับช่วงเสียกรุงศรีฯ ครั้งที่ ๑ ของบ้านเรา จะว่าไปประวัติศาสตร์ไทย-ญี่ปุ่นนี่บางช่วงเวลาก็คล้ายๆกันเลยนะ ช่วงนั้นเราวุ่น เขาก็วุ่นยิ่งกว่าเราเสียอีก) โดยมีความรักของบรรดาเจ้าหญิง-ท่านชาย-แม่ทัพ เป็นตัวเดินเรื่องไปท่ามกลางไฟสงครามแห่งความขัดแย้ง
ความรู้สึกแรกเมื่อเปิดอ่านก็คือ ทำไมมันต้องมีแนะนำตัวละครตั้งแต่ต้นเรื่องด้วยเนี่ย??? เหอๆ เราก็ข้ามไปไม่อ่านซะงั้น (ดูถูกภูมิปัญญาคนอ่านงั้นเหรอ ดั๊นน่ะอ่านนิยายมาโชกโชนแล้วย่ะ) แต่ครั้นอ่านๆ ไป เออ....ตัวละครมันเยอะแฮะ แถมคนสูงศักดิ์ของญี่ปุ่นสมัยก่อนนี่ก็ดันชื่อยาว 4-5 พยางค์กันทั้งนั้น สุดท้ายก็เลยต้องพลิกกลับมาอ่านช่วงแนะนำตัวละครก่อนด้วยความตาลาย เพราะแม้แต่ม้าศึกคู่ใจของพระเอกแต่ละคน...ยังชื่อ 4 พยางค์เลย....มันช่างศักดินาเจงๆ
เปิดเรื่องด้วยฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระกำลังผลิบาน แคว้นอามาโนะคาว่าทำสงครามเผด็จศึกแคว้นซากุระยามะจนย่อยยับ ท่านหญิงสามใบเถาของซากุระยามะจึงต้องหลบหนีการตามล่าของกองทัพอามาโนะคาว่า "ยูริฮิเมะ" ท่านหญิงคนกลางซึ่งดูเหมือนจะเป็นนางเอกของเรื่อง (ไว้จะเล่าต่อไปว่าตกลงเธอได้เป็นหรือไม่ได้เป็น) ได้หนีการตามล่าไปสลบอยู่กลางป่า ก่อนจะตื่นมาพบบุรุษหนุ่มคนหนึ่งที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ เขาบอกเพียงว่าเขาชื่อ "โนบุยูกิ" เป็นคนเดินทางเพื่อไปพบองเมียวจิ (คล้ายๆหมอผี) ที่ภูเขาคิริยามะ โนบุยูกิเป็นชายหนุ่มรูปงามที่ดูไม่เหมือนคนเดินทางธรรมดาอย่างที่เขาบอกสักนิด และเขาก็ไม่ธรรมดาจริงๆ ที่ช่วยให้ยูริหนีพ้นจากการตามล่าไม่ลดละทหารของแคว้นอามาโนะคาว่าได้ ด้วยฝีมือการยิงธนูอันแสนจะเฉียบคมของเขา แหงล่ะ...ท่านหญิงที่ไม่เคยออกมาโลกภายนอก เมื่อมาเจอฮีโร่แบบนี้ก็เกิดไฟสปาร์กขึ้นมา(ข้างเดียว) อย่างง่ายดาย
("ยูริฮิเมะ" เนี่ยนะ คำว่า 'ฮิเมะ'แปลว่าท่านหญิง หรืออาจสูงศักดิ์ถึงขั้นเจ้าหญิง ดังนั้นต่อไปนี้เราจะเรียกยัยท่านหญิงยูริว่ายูริเฉยๆ แล้วนะ)
เมื่อผ่านพ้นอุปสรรคมาถึงคิริยามะ ทั้งสองคนก็ได้พบกับ "คิระ" องเมียวจิสาวน้อยที่สามารถอ่านอดีตได้โดยการสัมผัสและมีเวทมนตร์สูงส่งพอตัว คิระอ่านอดีตทั้งสองคนได้ และก็แปลกใจ....เพราะแท้ที่จริงแล้วโนบุยูกิก็คือ "ยูคิฮิระ" ท่านชายคนเล็กของแคว้นอามาโนะคาว่า ที่ทำลายซากุระยามะราบเป็นหน้ากลองนั่นเอง ความจริงก็คือยูคิฮิระ พระเอกของเรื่องไม่เห็นด้วยที่พ่อของเขา --โทโน่(ผู้ครองแคว้น)แห่งอามาโนะคาว่าทำสงครามกับแคว้นของยูริ เลยช่วยเธอเอาไว้ ตัวเขานั้นมีปัญหาคือมีสัมผัสพิเศษ มองเห็นวิญญาณได้ ซึ่งนับว่าเป็นอุปสรรคต่อการเป็นแม่ทัพคนหนึ่งของแคว้น (รบไปเห็นวิญญาณคนตายไป คงสยองพิลึก) ดังนั้นเขาจึงต้องการให้คิระช่วย คิระจึงอาสาเดินทางไปกับเขาเพื่อแก้คำสาปที่ทำให้เขามองเห็นภูตผีวิญญาณได้ อย่างไรก็ตามเมื่ออ่านจนจบเรื่องจะพบว่า ประเด็นการแก้อาถรรพ์ของพระเอกถูกละลืมไปเลย เพราะเกิดสงครามตลอดเรื่องจนจบโน่น (คิระยังบอกพระเอกในฉากสุดท้ายเลยว่า สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ช่วยเขาตามสัญญา)
มาจะกล่าวบทไป ถึงแคว้น "มัตสึกาสะ"เรืองโรจน์ (ลิเกซะ "-_-") ท่านชายคาวาคาเสะถูกพี่ชาย (ซึ่งต่อมารู้ความจริงว่าไม่ใช่พี่แท้ๆ) ส่งนักฆ่ามาลอบสังหาร ด้วยความที่ท่านชายมีความดีงามเป็นที่ตั้ง จึงเสียสละยอมเนรเทศตัวเองไปจากแคว้นโดยดี พี่ชายทรามๆ จะได้ครองเมืองเป็นโทโน่คนต่อไปโดยไม่มีหอกข้างแคร่ที่ทั้งเก่งทั้งหล่ออย่างเขาให้รำคาญใจ (อันนี้คนวิจารณ์สรุปเองนะ) คาวาคาเสะมาพบกับยูคิฮิระที่เดินทางมากับยูริและคิระโดยบังเอิญที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง และทั้งสองก็ได้โชว์ฝีมืออย่างไม่เสียชาติเกิดเป็นท่านชายที่กินภาษีของคนทั้งแคว้นในการรบกับกองทัพเลวๆ ที่บุกหมู่บ้านสายฟ้าแลบ จากนั้นทั้งสองท่านชายก็ได้รู้จักฐานะที่แท้จริงของกันและกัน เมื่อ "มันโจ" แม่ทัพหนุ่มของอามาโนะคาว่ามาพบยูริและพยายามชิงตัวไป ยูคิฮิระจึงถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงขณะช่วยยูริกลับมา คาวาคาเสะทราบจากมันโจว่า นินจาคู่ใจของเขาถูกพี่ชายของเขาใช้ให้มาตกหลุมพรางในอามาโนะคาว่า ดังนั้นเป้าหมายการเดินทางของพวกเขาจึงต้องเปลี่ยนเป็นกลับไปสู่อามาโนะคาว่าอย่างเลี่ยงไม่ได้
กล่าวถึงอามาโนะคาว่า ท่านชาย"อาเนซากิ" พี่ชายของยูคิฮิระ ได้พบกับ "คันนะฮิเมะ" ท่านหญิงองค์โตของซากุระยามะที่ถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน อาเนซากิเป็นท่านชายนิสัยดี บู๊ไม่เป็น ดีแต่บุ๋น ทำให้ไม่ถูกวางเป็นโทโน่คนต่อไป จะว่าไปแล้วแคว้นนี้เขาพอเพียงดีนะ พี่น้องไม่ทะเลาะแย่งชิงบัลลังก์กัน เพราะอย่างนั้นอาเนซากิเลยไม่มีกังวลที่จะแวะเวียนมาหาท่านหญิงคันนะบ่อยๆ ดอกรักผลิบานกลางฤดูใบไม้ผลิอีกคู่แล้วครับพี่น้อง
เวลาเดียวกันแม่ทัพหนุ่ม "มันโจ" (อ่านชื่อหมอนี่ครั้งแรก คิดถึงหมั่นโถว) ก็กลับมาถึงอามาโนะคาว่าพร้อมกับสาวน้อย "เบนิ" ที่เขาช่วยจากพ่อค้ามนุษย์หน้าเลือด ในเวลาไม่นาน เบนิก็สามารถเข้ามาเป็นสาวใช้ในเรือนของมันโจได้ และสร้างความหวั่นไหวในหัวใจแม่ทัพหนุ่มที่ไม่เคยเหลียวแลสาวน้อยสาวใหญ่คนใดในอามาโนะคาว่าอย่างง่ายดาย แต่เดี๋ยว...มันไม่ลงตัวอย่างนั้นหรอก เพราะความจริงแล้วเบนิคือท่านหญิงองค์เล็กของสามใบเถาซากุระยามะ ที่คิดตีสนิทมันโจเพื่อแก้แค้นแทนแคว้นของตัวเองซึ่งถูกทำลายย่อยยับ ท่ามกลางลมฤดูร้อนที่เดินทางมาพร้อมกับชัยชนะของอามาโนะคาว่า ซึ่งออกรบกี่ครั้ง ด้วยศักดาของยูคิฮิระ มันโจ และท่านชายคาวาคาเสะที่หันมาเอาดีนอกแคว้นตัวเอง ก็ล้วนแต่ทำให้ข้าศึกต้องย่อยยับอัปราหมดสิ้น ทำลายได้ทั้งธงประจำทัพ ทั้งตัดหัวศัตรูกระเด็น การทำสงครามแบบญี่ปุ่นนี่ก็สยองเนอะ ต้องตัดหัวแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามไว้เป็นหลักฐานด้วย OoO
ยังมีปมรักซับซ้อนอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอดีตรักของโทโน่แห่งอามาโนะคาว่า ซึ่งต้องพลิกอ่านอยู่หลายครั้งกว่าจะเข้าใจว่าเกี่ยวกับท่านชายคาวาคาเสะตรงไหน (เลยไม่ขอพูดถึง) ความรักแบบเรียบๆ ของอาเนซากิกับคันนะ(ที่เกือบทั้งเรื่อง she ก็ยังถูกขังในคุกใต้ดิน) รักสามเส้าของยูคิฮิระ คิระ และยูริ ซึ่งช่วงนี้ยูริชักเจ้าอารมณ์แบบผู้หญิงเต็มที่ หึงหวงยูคิฮิระออกนอกหน้า ทั้งๆที่คิระต่างหากที่ถือว่าเป็นคนที่รู้จักและเข้าใจยูคิฮิระอย่างแท้จริง บอกตามตรงว่าตอนนี้เรารำคาญยัยท่านหญิงยูริมากๆ จนภาวนาให้คนเขียนเขี่ยหล่อนไปจากเส้นทางของคิระกับยูคิฮิระสักที (และแล้วคำขอของเราก็สัมฤทธิผลในช่วงท้ายเรื่อง อุๆ) และเล่ห์รักหักเหลี่ยมของเบนิ ที่สุดท้ายก็กลายเป็นว่าแพ้มันโจไปซะงั้น (ก็แสงเทียนกลางดึกมันเป็นใจ >///< )
เมื่อมันโจขอแต่งงานกับเบนิ ยูริก็เกรงว่าน้องสาวจะก่อเหตุนองเลือดจึงบอกความจริงกับยูคิฮิระ ทำให้เบนิเข้าตาจน เลยแทงตัวตาย....แต่ไม่ตาย ในตอนนี้เองที่เราเห็นความน่ารักปนทื่อของพระเอกนักรบอย่างยูคิฮิระ ที่ไม่เข้าใจความรักเอาเสียเลย พูดมาได้ยังไงว่าความรักก็เหมือนการรบ ใครควบคุมสถานการณ์ได้ดีกว่าย่อมเป็นผู้ชนะ สมควรถูกคิระตบหน้าอยู่หรอก เป็นเราก็จะจับหัวมาเขย่าแถมให้ด้วยเอ้า
ความสับสน เจ็บปวด และผิดหวัง เริ่มเกิดขึ้นกับตัวละครแต่ละตัวแล้ว ไม่ต่างกับฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังมาเยือน...แคว้นอามาโนะคาว่าเริ่มโดดเดี่ยว และยังต้องเตรียมตัวเผชิญศึกหนักกับแคว้นทสึคิชิมะซึ่งเป็นพันธมิตรทางสายเลือด และที่หินที่สุด.....แคว้นยาสุดะอันเกรียงไกร (เพิ่งมาโผล่ท้ายเรื่อง)
และแล้วกฎแห่งอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นสัจธรรมอยู่ทุกสมัย ท่ามกลางหิมะแห่งเหมันตฤดูที่หนาวเหน็บ แคว้นอามาโนะคาว่าต้องพ่ายแพ้สงครามให้กับกองทัพอันยิ่งใหญ่ของแคว้นยาสุดะ ที่มีทัพจากแคว้นมัตสึกาสะของพี่ชายคาวาคาเสะมาร่วมด้วย อาเนซากิถูกลูกหลงจากทหารยาสุดะจนสิ้นลม คันนะจึงฆ่าตัวตายตามเขา ยูคิฮิระ มันโจ และคาวาคาเสะ ได้ร่วมมือกับบุกฝ่าข้าศึก และได้ประมือกับ "โทโมโนริ" แม่ทัพใหญ่ผู้มีฝีมือเป็นหนึ่งในตองอูของยาสุดะ(ตองอูมันแถวพม่านี่หว่า...ยืมใช้สำนวนหน่อยละกัน) และก็เป็นนักรบที่เก่งมากจนสงสัยว่า....ทำไมคนเขียนไม่ปั้นหมอนี่ให้เป็นพระเอกไปซะเลย (และก็สมพรปากเมื่อมีภาคพิเศษแถมท้ายให้ในเล่ม) อย่างไรก็ตามตัวละครหลักต่างก็หนีออกมาจากอามาโนะคาว่าได้หมด แต่ยูคิฮิระเจ็บปวดกับความผิดพลาดของตัวเองที่ไม่สามารถรักษาแคว้นเอาไว้ได้ จึงเลือกที่จะเดินทางเร่ร่อนเพียงลำพัง คิระซึ่งเข้าใจเขาดีจึงยอมรับการตัดสินใจของเขา ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายหนาวเหน็บ ชะตากรรมของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่...ก็ยังต้องดำเนินต่อไป (แต่แอบหวังจังว่าคิระจะได้พบกับยูคิฮิระอีก อ่านแล้วใจหายนะเนี่ย)
เนื่องจากว่านิยายเรื่องนี้ว่าด้วยศึกสงครามทั้งเรื่อง แถมตัวละครยังเยอะแยะยุบยับ ดังนั้นที่เราเล่าไปนั่นก็เลยยังมีพล็อตย่อยที่ไม่ได้กล่าวถึงอีกนะ คนเขียนข้อมูลเยอะทีเดียว สมกับที่เขาก็ใช้ชีวิตอยู่ญี่ปุ่นนั่นล่ะ และเนื้อหาก็ยังสอดคล้องกับฤดูกาลแบบคตินิยมของชีวิตคนญี่ปุ่นอย่างเหมาะเจาะ คือเมื่อฤดูใบไม้ผลิ แคว้นของพระเอกก็เริ่มฉายแววเกรียงไกร ได้ชัยชนะเหนือแคว้นซากุระยามะ และรุ่งโรจน์สูงสุดในฤดูร้อนเมื่อรบชนะแคว้นใหญ่แต่แม่ทัพสุดโฉด จากนั้นเกิดความสับสนระส่ำระส่ายในฤดูใบไม้ร่วง ก่อนจะล่มสลายตามกฎแห่งกรรมในฤดูหนาวในที่สุด นี่จึงเป็นนิยายเกี่ยวกับญี่ปุ่นที่ให้รสแบบญี่ปุ่นแท้ๆ นิยายคนไทยมักไม่อิงกับฤดูกาลเนอะ เพราะบ้านเรา ร้อน ฝน หนาว มันก็ให้ความรู้สึกต่างกันนิดเดียว แต่เมืองหนาวเขา แต่ละฤดูให้อารมณ์ต่างกันมากทีเดียว
การเกลี่ยบทให้ตัวละครถือว่าเป็นสิ่งที่น่าตบมือให้คนเขียนจริงๆ เพราะตัวละครเยอะขนาดนี้ยังสามารถเกลี่ยบทไปได้ทั่วถึง คุมโทนเรื่องได้ตลอดรอดฝั่ง แต่ก็ทำให้คู่เอกดูลดความสำคัญไปอย่างเห็นได้ชัด มีพล็อตย่อย ปมรอง แฝงอยู่ช่วยให้เดินเรื่องไปได้ตลอด และถึงจะมีส่วนที่เป็นแฟนตาซีเหนือจริงผสมอยู่ด้วย (เวทมนตร์ของคิระ อสูรคู่หูที่ทำตัวเหมือนเป็นเอลฟ์ประจำตัวยูคิฮิระ) แต่ก็ดำเนินควบคู่ปกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ สำหรับเราถือว่าทำได้กลมกลืนทีเดียว อ่านนิยายเรื่องนี้จึงรู้สึกเหมือนอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นแนวย้อนยุคมันส์ๆ เรื่องนึง
คิระก็ถือว่าเป็นนางเอกที่ล้ำยุคมาก เพราะสามารถเคียงคู่ยูคิฮิระในสนามรบได้พอตัวทีเดียว (รบไม่เป็นหรอกแต่มีเวทมนตร์ป้องกันตัว) ดูเป็นนางเอกน่ารัก เป็นกันเองดี ส่วนท่านหญิงสามใบเถา...เราสงสัยอยู่เชียวว่าจะเอาตัวรอดได้เหรอ เพราะเป็นท่านหญิงใช้ชีวิตในวังมีแต่นางในประคบประหงม อย่างไรก็ตาม การปกป้องคุ้มกันหญิงสูงศักดิ์สมัยโบราณก็ไม่ได้ไร้เหตุผลหรอกนะ แม้ว่าในยุคสมัยสงครามกลางเมืองระอุก็ตาม อย่างน้อยภาคพิเศษซึ่งว่าด้วยเรื่องของท่านหญิงยูริก็เป็นตัวอย่างได้ดี
ท้ายเล่มมีภาคพิเศษ ว่าด้วยเรื่องของยูริที่โชคร้ายกลายเป็นเชลยศึกของยาสุดะ (เธอยังรำพึงว่าชะตากรรมเธอมันช่างตลกร้าย เป็นเชลยอามาโนะคาว่า แล้วยังต่อด้วยยาสุดะอีก) "โทโมโนริ" แม่ทัพใหญ่ของยาสุดะเอะใจกับหน้าตาผิวพรรณของยูริที่ดูงดงามผุดผาดบาดตา ก็ท่านหญิงนี่นะ..ถูกบำรุงบำเรอความงามมาตั้งแต่เด็ก ไม่สวยก็ให้มันรู้ไป ยูริดันทำหยิ่งทั้งน้ำตาต่อหน้าแม่ทัพหนุ่มของยาสุดะ ก็เลยโดนโทโมโนริจับไปอยู่จวนแม่ทัพด้วยซะเลย นี่จึงเป็นการแก้เผ็ดยัยท่านหญิงยูริที่เราสะใจนักหนา เพราะโทโมโนริก็สวมบทพระเอกแบบไทยๆ ที่โฉดเลวได้ใจมาก
ทั้งนี้ก็เพราะยูริมีราศีท่านหญิง สมกับที่ถูกบำรุงผิวพรรณ อบรมกิริยามารยาทมาแต่อ้อนแต่ออก "ออร่า" ท่านหญิงในตัวหล่อนจึงได้ดึงดูดให้แม่ทัพจอมเย่อหยิ่งอย่างโทโมโนริเหลียวมองได้ นัยว่าเพชรแท้ก็ย่อมแสวงหาเพชรแท้ด้วยกันเท่านั้น บางทีการที่ชนชั้นสูงอบรมบ่มเพาะกุลธิดาอย่างเอาเป็นเอาตายก็ไม่ใช่เรื่องสูญเปล่า เพราะถ้าหากยูริเป็นเจ้าหญิงที่มีนิสัยแบบสามัญชน เรื่องก็คงจะแค่ว่าหล่อนหนีจากทหารยาสุดะได้เท่านั้น แล้วก็ต้องไปตั้งรกรากหากินเอาเอง สู้เป็นท่านหญิงเหยาะแหยะดีกว่า ไปสะดุดตาแม่ทัพใหญ่จนตกร่องปล่องชิ้นได้ดิบได้ดี คุ้มทุนกว่ากันเยอะ
คงต้องลงสรุปแล้วสิเนี่ย.. แต่พอย้อนขึ้นไปดู....เราไม่เคยสรุปส่วนเรื่องย่อนิยายเรื่องไหนยาวขนาดนี้เลยนะเนี่ย ที่ยาวๆ ส่วนใหญ่เป็นข้อวิพากษ์มากกว่า ยอมรับว่าพล็อตเรื่องนี้มันซับซ้อนจนต้องเล่าเสียละเอียดขนาดนั้นจริงๆ ถ้าเบื่อๆ นิยายวัยรุ่นที่เน้นเอามันส์เข้าว่าแต่ดันมั่วข้อมูลสุดฤทธิ์ หันมาอ่านนิยายเรื่องนี้น่าจะได้อะไรมากกว่าเยอะ แถมยังได้ลับสมองด้วย เพราะชื่อตัวละครที่แสนจะสับสน คิดดูสิ "ยูคิฮิระ ยูริ(ฮิเมะ) คิระ" แค่ชื่อสามคนนี้ก็เสียงคล้ายๆกันแล้ว แต่ยังไงก็ตาม เราเองก็ชอบเรื่องนี้มากทีเดียว เพราะถึงสำนวนภาษาจะธรรมดา แต่ก็ราบรื่นอ่านแล้วเห็นภาพตลอด ซึ่งเราว่ามันดีกว่าภาษาสวยสะบัดแต่เนื้อเรื่องเบาโหวงเสียอีกนะ แล้วนิยายเรื่องนี้ยังสามารถจับอารมณ์คนอ่านได้ด้วย จนชักเกิดแรงบันดาลใจ....อยากไปชมสถานที่ในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นยุคโบราณบ้างแล้วสิ
ลองหาสอบทุนไปญี่ปุ่นมั่งดีมั้ยเรา เผื่อจะย้อนยุคไปโผล่ช่วงนั้นมั่ง แต่ถ้าเลือกได้ ขอเจอท่านชายนิสัยดีแบบอาเนซากิก็แล้วกัน รบไม่เป็นไม่ว่า แมวซ่าจะคุ้มครองเอง แต่เกรงแต่ว่าเราจะเอาตัวไม่รอดนี่สิ สวยก็ไม่สวย ไม่มีสง่าราศีแบบเจ้าหญิง แม่ทัพที่ไหนจะมาเหลียวแล กับข้าวก็ทำไม่เป็น รบก็ไม่ได้ ถ้าหลุดไปอยู่ยุคเข็ญแบบนั้นคงตายหยั่งเขียดแหงมๆ
ความคิดเห็น
ภาคเสริมของยูริฮิเมะ สงสารยูริมาก พลันไปนึกถึงเพลงจำเลยรัก .... เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น... โอ้ เพลงช่างเข้ากันอะไรเช่นนี้ โทโมโนริเป็นหฤษณ์ ส่วนยูริเป็นโศรยา 555++ เน่าได้ใจจิงๆ
อืม...คุณน่าจะอายุประมาณ 25 up แน่ๆเลย
คงจะเคยได้ดูจำเลยรักเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ใช่ไหมคะ
(ดูที่ฉายช่อง 3 อยู่ตอนนี้ รู้สึกพระเอกขาวใสเด้งเกินไป เสียงก็เข้มเว่อร์)
นั่นสิ เน่าได้ใจมากเลย
>>>Susanu
ฮับ จะลองตามไปอ่าน
รู้สึกคนเขียนทำเป็นไฟล์ pdf มันอ่านยากนิดนึงสำหรับเราอ้ะค่ะ