คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #107 : ราชาแวมไพร์ chapter 1 ที่รีไรท์ (ของเก่า)
“เลือด..” เสียงแหบพร่าดังขึ้น ท่ามกลางความมืด ดวงตาสีดำสนิท เริ่มเปลี่ยนไปกลายเป็นสีแดงเลือด นิ้วที่เคยเรียวยาวสวยกลับมีเส้นเลือดปูดขึ้นมาอย่างน่าเกลียด เล็บและเขี้ยวเริ่มงอกยาวจนดูน่ากลัว
“เลือด..” เสียงนั้นยังคงดังเรื่อยๆ ดวงตาทั้งสองของชายหนุ่มเบิกกว้าง เขากำลังทุรนทุรายอย่างน่าสมเพช เพราะความกระหายเลือด..
Chapter 1
“ ว๊ากกกก!!” เสียงร้องอันโหยหวยที่แสนจะแสบแก้วหูดังขึ้น ภายในห้องพักของหอเก่า ๆ มันถูกเปิดไฟให้สว่างโล่ทันทีเมื่อมีเสียงดังรบกวน
ผมนั่งนิ่งด้วยความตกใจ ก่อนจะใช้มือปาดเหงื่อนับล้านบนใบหน้า
“ไอเคน เป็นอะไรวะ” เสียงหนึ่งทักผมอย่างเป็นห่วง เสียงเรียกอันคุ้นเคยของ ชินโด อากาวาร่า ชินคุ เพื่อนคนสนิทของผม หมอนั่นคลานเข่ามานั่งข้างๆ ผม ก่อนจะมองหน้าผมด้วยความเป็นห่วง
" เคน.." หมอนั่นทัก
ใช่แล้วครับ..ชื่อของผมคือเคน
“ฉัน ..ฉันฝันอีกแล้ววะไอชิน ” ผมบอกก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วใช้มือก่ายหน้าผาก มันแน่อยู่แล้วละ ถ้าจู่ๆ วันหนึ่งคุณฝันอะไรแปลก ๆ ความฝันที่เหมือนจริงยิ่งกว่า Final fantasy ที่สำคัญมันไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับฝันสยองแบบนั้น..
"แกก็หัดชินๆ ไปสักทีสิว่ะ เลิกแหกปากสักที ” เมื่อไอชินโดรู้ว่าไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นแล้ว หมอนั่นก็รีบล้มตัวลงนอน ..ว่าแล้วเจ้านั่นก็คลุมโปงชิ่งหลับไปก่อนเลย โดยไม่ทันที่ผมจะได้รั้งตัวเจ้านั่นไว้คุยต่อ
.
.
ผมชื่อมิโซรุครับ -มิโซรุ เคนโด้ เด็กหนุ่มวัยเอ๊าะๆ หน้าตากำลังดี (??) อายุ 17 ปี อยู่มัธยมปลาย S โรงเรียนประจำซึ่งติด 1 ในท็อป 5 ของโตเกียว ซึ่งเป็นที่ๆ มีเด็กหัวกระทิเรียน และตอนนี้ผมอยู่ ม.5 แล้วละ!
อย่าชมว่าผมเก่งเลยนะที่สามารถอยู่โรงเรียนนี้ได้ มันเป็นธรรมดาของคนหน้าตาดีครับ ผมอยู่ที่ รร. S นี่ตั้งแต่มัธยมต้น จนปัจจุบันนี้ และผมอาศัยอยู่ที่หอนี่กับเพื่อนอีกคน ซึ่งก็คือ ชินโด
ผมมีพี่สาว 1 คน เธออยู่เกาหลี พ่อกับแม่ของผมก็ทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งในโตเกียวนี่แหละ โดยส่วนตัวผมว่าภายนอกผมเป็นคนขี้เล่นนะ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ..ผมมีเรื่องแปลกๆ เกี่ยวกับตัวเองอยู่ 3 อย่าง พวกคุณ..อยากรู้มั้ยละครับ ?
แต่ตอนนี้..ผมยังไม่อยากบอกนะสิ ฮ่าๆ
“5 : 12 น.“ ผมอ่านเวลาตามนาฬิกาดิจิตอลที่อยู่บนหัวเตียง มันยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไปเรื่อยๆ ว่ามั้ย..เวลาแบบนี้เหมาะกับการเดินเล่นนะ !?
9 โมง
ห้อง 2/c
ผมนั่งมองพวกเพื่อน ๆ ที่กำลังรวมตัวอยู่ที่บริเวณสนามหญ้า ไอชินโดเงยหน้าขึ้นมามองผมที่นั่งยานคางอยู่ตรงหน้าต่างด้วยสายตาที่แสนอิจฉา ..
เวลานี้ พระอาทิตย์เริ่มมาเยือนพวกเราทั้งโรงเรียน ผมจึงได้แต่รอพวกเพื่อนๆอยู่บนห้อง ส่วนเหตุผลนะเหรอ ? นั่นก็เพราะผมถูกแดดไม่ได้ยังไงล่ะ..มันไม่ใช่เหตุผลงี่เง่าหรือผมแต่งขึ้นมานะ แต่ถ้าผมโดนแดดเมื่อไร ผิวผมก็จะไหม้ ไปโดยปริยาย แปลกมั้ยละ..แต่มันเรื่องจริงนี่นา
หลังจากพวกเพื่อนๆ เลิกแถว พวกนั้นต่างก็พากันแยกย้ายไปตามทางเดินเพื่อเปลี่ยนเสื้อ ซึ่งที่นั่งของผมก็มีไอชินโดนั่งข้างๆ นั่นแหละ
โรงเรียนของผมเป็นโรงเรียนที่วิเศษสุดๆ คุณครูทุกคนให้อิสระแก่เด็ก แถมยังมีให้เลือกอีกด้วยนะ ว่าจะมาเรียนหรือไม่เรียน นั่นเพราะความจริงโรงเรียนเราเหมือนกับตัดขาดจากโลกภายนอก แต่ที่นี่ก็มีกฏอยู่นะ เป็นกฏเดียวที่พวกนักเรียนรู้ได้เอง นั่นคือ ถ้าคะแนนสอบไม่ผ่าน70% ละก็..หึหึ คุณจะถูกไล่ออกทันที
" สวัสดีคะ คุณเคน.." ผมมองเด็กสาวร่างบางที่กำลังเดินมาตรงหน้าผม ผมสีดำสดอันรับเข้ากับดวงตาสีเดียวกัน ชื่อของเธอคือ ซาโซคิ มินะ และผมมักจะเรียกเธออย่างสนิทสนทว่า ' มินะ'
“โย่ว มินะจัง!” ไม่ทันที่ผมจะทัก ไอชินโดก็ชิงตัดหน้าไปก่อน
“เอ่อ สวัสดีค่ะ คุณชินโด” เธอทักก่อนจะส่งยิ้มบางๆไปให้ ผมจึงทักเธอขึ้นบาง
“มีอะไรเหรอมินะจัง ^^ ” มันอาจจะฟังดูเสียมารยาท แต่ผมมักจะถามเธอแบบนี้ นั่นเพราะ ผมรู้ดีว่า เธอจะมาทำอะไรในตอนนี้..
" คุณเคนคะ วันนี้ โชคชะตาของคุณเคนจะเริ่มเปลี่ยนไปคะ!" เธอบอกก่อนจะก้มหน้างุดๆ แล้วเดินจากไป
ซาโซคิ มินะ เด็กผู้หญิงที่ดังและป็อปคนหนึ่งในโรงเรียน เพราะเธอมีความสามารถพิเศษคือดูดวง และดูแม่นมากๆ โดยคนอื่นมักจะเรียกมินะว่า แม่หมอนักแม่นดวง ที่สำคัญเธอชอบมาทำนายให้ผมทุกเช้า และมันก็แม่นทุกครั้งนั่นแหละ!
ชีวิตของผม มันดูเหมือนเด็กปกติทั่วไปใช่มั้ยละ แต่มันก็มีอะไรบางอย่างที่ทำไม่ค่อยเหมือนคนปกติทั่วไป มันอาจจะต่างถึงขั้นต่างมาก ๆ ซึ่งมันก็คือความลับสามอย่างที่ผมเกริ่นไปตั้งแต่ตอนต้น
แต่จะมาคิดอะไรตอนนี้ก็ป่วยการไปเปล่าๆ
พักเที่ยง
ผมเดินเลียบทางเดินที่หลบแดดมากที่สุด เพื่อเดินเข้าไปในโรงอาหาร ที่นี่มีอาหารนานาชนิดที่ตั้งร้านขาย ราคาก็แสนจะเป็นกันเอง แต่มันก็คงจะถูกจากโลกภายนอกมากๆ บอกแล้วไง ที่นี่มันเหมือนกับตัดขาดจากสังคมไปแล้ว ยกเว้นเสาร์ อาทิตย์เท่านั้นแหละ ที่นักเรียนส่วนหนึ่งจะทยอยกันกลับบ้าน
"ข้าวปัน 10 ก้อนเลยป้า! " ไอชินพูด หลังจากผมกับเจ้านั่นเดินมาถึงร้านข้าวปั้นขาประจำ
" บิ๊กไซต์เลยนะ พ่อชิน!" ป้ามิยาบิ หรือป้าเจ้าของร้านสุดแสนใจดี พูดขึ้น ผมมองดูป้ามิยาบิที่กำลังพูดหยอกล้อกับไอชินโดอยู่ข้างหน้า บอกตามตรงว่า..สองคนนี้เหมือนแม่กับลูกกันมากๆ
ผมตัดสินใจแยกกับไอชินโดก่อน เมื่อพวกเราหาโต๊ะนั่งได้เรียบร้อยแล้ว
" เฮ้! เดี๋ยวฉันมานะ " ผมบอกเจ้านั่นเบาๆ ก่อนจะตรงดิ่งไปที่หลังโรงเรียน มันก็ไม่ใช่ที่วิเศษวิโสอะไรหรอก แต่ที่นี่มีอาหารของผมก็เท่านั้น
ที่นี่เป็นที่ตั้งของชมรมเกษตร ซึ่งเลี้ยงกระต่ายเอาไว้ วิธีกินอาหารของผมก็แสนจะง่ายดาย แค่จับกระต่ายพวกนั้นขึ้นมาสักตัว..แล้วก็ดูดเลือด..
การดูดเลือดนี่มันเป็นความลับของผม..และเพราะผมเข้าใจและรับรู้เรื่องนี้ดี ผมจึงเริ่มรู้สึกตัวตั้งแต่ตอน ป.5 แล้วล่ะ ว่าผมไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา..
"กึก..สูดด " ผมดูดเลือดเจ้ากระต่ายตัวน้อยช้าๆ ..ผมไม่ได้ปล่อยมุขโจ๊กหรอกนะ แต่ผมใช้ชีวิตโดยการดื่มเลือดกระต่ายมานานมากแล้ว ผมรู้ดีว่ามันอาจจะบ้า แต่ถ้าผมไม่ทำมัน ผมก็จะไม่มีทางดำรงชีวิตอยู่ได้
ผมมักจะทำแบบนี้ทุกครั้งเมื่อหิว มันเป็นอะไรที่ผมทำมาตั้งแต่ตอนมัธยมต้น อย่างที่บอก ผมค้นพบว่าตัวเองต้องการเลือดมาตั้งตอนนั้น และตอนนี้ผมก็เริ่มกระหายมันมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
ผมถอนริมฝีปากออกมาช้าๆ ก่อนจะเช็ดเลือดที่เปรอะปาก กระต่ายตัวน้อยดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวด..ผมเลือกที่จะปล่อยมันไปช้าๆ ผมรับรู้ว่าการดื่มเลือดมันจนหมดตัว..ทำให้มันตาย..
แต่การที่ผมดื่มเลือดแค่ครึ่งเดียว..ทำให้กระต่ายมันดุร้ายขึ้น.. เท่านั้น
ผมไม่เถียงหรอกนะ ว่ามันเป็นการกระทำที่โหดร้าย แต่ผมก็เลือกที่จะให้มันตาย มากกว่าผมตาย นั่นแหละ อีกอย่างมันก็เป็นนิสัยธรรมดาของมนุษย์ที่จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ชีวิตรอด..
ผมว่างั้นนะ...
"ไปไหนมาวะ ไอเคน" ชินโดเอ่ยขึ้น เมื่อผมกลับมาที่โรงอาหาร เจ้านั่นกินข้าวปั้นหมดด้วยเวลาเพียงไม่นาน .. ผมก็ไม่มั่นใจว่าเจ้านั่นกระเพาะใหญ่แค่ไหน แต่ถ้าบอกว่ากระเพาะควาย ก็น่าจะเป็นไปได้นะ!?
"จีบสาวไงเล่า >< " ผมตอบปัดๆ ก่อนจะชวนเจ้านั่นขึ้นไปห้องเรียน เพื่อเตรียมตัวสำหรับวิชาต่อไป
เลิกเรียน
"เหนื่อย..T^T " เสียงไอชินโดบ่นตลอดทาง เมื่อพวกเรากำลังเดินเท้ากลับหอ การเรียนของพวกเราก็ธรรมดาทั่วไป ผมจับกระเป๋าให้กระชับขึ้นก่อนจะเดินตามหลังไอชินโดไปเรื่อยๆ
"วันนี้ที่ชมรมเป็นไงมั้ง" ชินโดเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะหันหน้ามามองผม
" น่าเบื่อนะสิ..กันไซเกือบให้ฉันแก้ผ้าต่อหน้าเด็กผู้หญิงแน่ะ ! " ผมตอบอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะนึกถึงประสบการณ์ที่เพิ่งพบเจอมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี่
เมื่อ 2 เดือนก่อน ผมอยากเข้าชมรมฟุตบอล แต่ถูกจับเข้า ชมรมนักล่าผี บ้าๆบอๆ ของอาจารย์กันไซ แล้วผมก็ไม่เข้าใจความผิดพลาดนั่นด้วย! ทุกวันนี้ผมชักจะรู้สึกเหมือนตัวเองหลุดเข้าไปในแดนพิศวงทุกครั้ง หลังเข้าไปในชมรมนั่น!
แถมตอนนี้ กันไซเตรียมจะเสนอของบโรงเรียนมาทำนิตยาสารชมรม พวกนักเรียนทุกคนจึงถูกสั่งให้เขียนสกู๊ปพวกตำนานปีศาจ วิญญาณ เรื่องผีต่างๆ
และผมก็คือ 1 ในนั้น ที่ได้สกู๊ปเรื่องปีศาจ..
"เอาน่า. เทอมหน้ายังมี มาอยู่ชมรมฟุตบอลให้ได้นะเว้ย ฮ่าๆ " ชินโดพูดผสมเยาะเย้ย ก็เพราะมันได้อยู่เข้าชมรมฟุตบอลนะสิ ผมคิดว่าจะได้เข้าชมรมนี้แล้วแท้ๆ ทั้งๆ ที่ใบสมัครก็ยื่นพร้อมกัน แต่ไหงชื่อกลับมีแต่ผมต้องไปอยู่ชมรมงี่เง่านั่นด้วยละ! T^T
พวกเราพูดคุยกันถึงเรื่องชมรมก่อนจะเดินเข้าไปในหอพักด้วยความเหน็ดเหนื่อย
.
.
ตอนนี้เป็นเวลา 20:22 น. ชาวหอยังคงมาดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งในแต่ละชั้นของหอจะมีห้องนั่งเล่นประมาณ 2 ห้อง มีพวกทีวี คอมฯแล้วก็หนังสือให้นักเรียนอ่าน แล้วที่หอก็มีห้องสมุดให้ด้วย แต่จะอยู่แยกหมวดหมู่ไปตามแต่ละชั้น อย่างเช่นชั้น 4 ที่ผมอยู่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีววิทยา โดยรวมหอมีทั้งหมด 6 ชั้น มีทางเชื่อมไปหอหญิงและชาย โดยหอชายมี 2 หอ หอหญิงมี 3 หอ ดูๆไป ก็ใหญ่เอาการ
"เฮ้ๆ ดูนี่สิ ไนน์" เสียงของเด็กหนุ่มคนนึงกล่าวขึ้น ซึ่งเสียงนั่นเรียกความสนใจของผมเป็นอย่างดี
" ว้าว ไนท์ ดูสิ!! ต้องเป็นฝีมือแวมไพร์มแน่ๆ" อีกเสียงกล่าวขึ้น ซึ่งผมพอจะดูออกว่า 2 คนนั้นคือ แฝดมหาประลัย ที่ถูกเล่าขานกันมาช้านานของคนในตึก ถึงความบ้า..และสติไม่สมประกอบ อีกทั้งปัญญาอ่อน
ไม่แปลกเลยที่จะถุกด่าว่าแบบนั้น เพราะ 2 คนนี้เป็นพวกที่ชื่นชอบ ไม่สิรักเลยแหละ .. พวกนี้มันรักผีดูดเลือดขนาดหนัก เห็นอะไรเป็นเลือด ค้างคาว กางเขน กระเทียมนิดหน่อย มันก็ฮึกกันใหญ่
"ทุกคน ดูข่าวนี่ซิ เห็นมั้ยๆ ถ้าที่คอมีรอยยังนี้ แสดงว่าโดนเขี้ยวของผีดูดเลือดชัวร์ >O< ! - ไนท์ ความฝันของเราจะเป็นจริงแล้ว"
"นั่นสินะ พวกเรากำลังจะเจอผีดูดเลือดแล้ว TOT " แฝดอีกคนว่า
ติ๊งต๊องชะมัด แฝดคู่นี้ - -" แต่สิ่งที่พวกนี้พูดทำเอาผมเริ่มสนใจ ข่าวบางอย่างที่กำลังถูกเสนอลงสื่ออย่างหนัก ไม่ว่าจะโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ แม้แต่หนังสือซุบซิบดารา ยังต้องออกข่าวนี้เป็นระยะ...
มันคือ..ข่าวการตายปริศนา..
"ขณะนี้ ทางตำรวจ ได้ส่งศพไปพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชแล้วค่ะ โดยบริเวณคอของเหยื่อ จะมีรอยเขี้ยว ฝังลึกมาก ชาวบ้านแถวนี้เชื่อกันว่าน่าจะเป็นฝีมือของสัตว์ป่าชนิดหนึ่ง แต่ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ ดังนั้นเราจะต้องติดตามต่อไปค่ะ แล้วทีมงาน ECS จะรายงานให้ทราบเป็นระยะ" เสียงของพิธีกรสาวจบลง ทุกคนกำลังพูดถึงเหตุการณ์บ้านเมืองที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งเมื่อครู่มันไม่ใช่ข่าวแรก แต่มันเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว มีคนที่ถูกฆ่าตายในลักษณะนี้ มาแล้ว..
ซึ่งมันทำให้เกิดกระแสไม่ออกจากบ้านดึกๆ ได้ดีทีเดียว
" ไนท์ เราไปเตรียมตัว ตามล่าผีดูดเลือดกันเถอะ >O<;;" บทสนทนาของทั้ง 2 ยังคงดำเนินขึ้นต่อไป ซึ่งมันทำให้ชาวหอส่วนหนึ่ง รู้สึกอยากกระทืบมันทั้ง 2 เต็มทน ซึ่ง 1 ในนั้นก็รวมผมด้วย
" จัดไปเลยไนน์ เราไปเตรียมไม้กางเขน กับกระเทียมกัน Let's go!" สองแฝดนั้นพูดด้วยเสียงเริงร่า ก่อนจะวิ่งหายไปทางบันไดลิฟท์
ผมว่าก็ดีนะที่เจ้าพวกนั้นยังเป็นเหมือนสีสันคลายเรื่องเครียดๆ ในหอ แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งเจ้าพวกนั้นได้ลงข่าวหน้าหนึ่งตอนกลายเป็นศพแบบนี้เนี้ยสิ..ตอนนั้นผมจะตายหรืออยู่กันนะ ?
ช่างเถอะ..แค่ผมดูดเลือดแล้วก็มีชีวิตต่อไปก็ดีแล้วนี่..
เพราะถ้ายังมีชีวิตอยู่..ผมก็จะสามารถทำอะไรที่ตายแล้วทำไม่ได้ตั้งเยอะ!
Write : 14 / 10 / 2007
Rewrite : 23 / 04 / 2009
Rewrite : 22 / 10 / 2009
แก้คำผิด : 11/04/2010
คุยกับผมหน่อยนะ ^^
เรื่องนี้อยู่ระหว่างรีไรท์ ดังนั้นตอนไหนที่ยังไม่ขึ้นชื่อตอน แสดงว่ายังเป็นของเก่า ซึ่งเนื้อหายังไม่ได้เรื่องอยู่จริงๆ เหมือนแต่งๆ ไปวันๆ ผมเลยต้องการจะรีไรท์ เสียดายของเก่าที่ลบทิ้งไปเหมือนเก่า แต่อันที่ยังไม่ลบ ผมจะเก็บไปเป็นอนุสรณ์ความหลังก็แล้วกัน 555
ตอนนี้ที่แก้คำผิด อันที่จริงอ่านๆ แล้วน่าเบื่อนะ (ในความคิดผม) แต่ผมอยากจะเปลี่ยนนิสัยเคนในตอนนี้ให้กลายเป็น ภายนอกดูร่าเริงแต่ภายในเป็นคนที่คิดอะไรมากมาย หรือไม่คิดอะไรเลยดีกว่า แต่ถ้าเป็นเหมือนอีกเรื่องอันปัจจุบัน พระเอกอันนั้นดูไม่คิดที่จะคิดอะไรเลยแล้วละ - -;;
สำหรับเรื่องนี้ที่คิดจะกลับมารีไรท์บอกตามตรงว่า ผมอยากจะทำให้เป็นแวมไพร์จริงๆ แล้วก็เป็นการต่อสู้ของแวมไพร์ ที่ไม่มีเวทมนตร์เหมือน อีกเรื่อง ^^
ดังนั้นก็ขอบคุณทุกกำลังใจที่คอมเมนต์ให้นะครับ :) เรื่องที่เนื้อหาไม่ประติดประต่อหรือเรื่องที่แต่งจนเกินความจริง หรือไม่รู้เรื่อง อันนั้นเพราะยังไม่มีประสบการณ์ครับ ผมว่าถ้าลองอ่านลองเขียนแล้วแต่งเรื่อยๆ ก็เริ่มจะมองเป็นแล้วละ ว่านิยายตัวเองมันบกพร่องตรงไหน และผมพยายามที่จะรักษาพล็อตเดิมไว้ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ครับ
ขอบคุณครับ :)) ( คุยกันนิดหน่อยตรงไหนเนี้ย 555)
ความคิดเห็น