ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังเก็บพล็อต

    ลำดับตอนที่ #60 : Boy Story *เนส* ไม่ใช่ BL นะครับ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 195
      0
      9 เม.ย. 55









              " ชักจะไม่ชอบ บ้าน..แล้วสิ.."



              ผมแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีคราม ในขณะที่หมู่เมฆกำลังล่องลอยไปมา  ..ไม่รู้ว่ามันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร อยู่ๆ ก็อยากก้าวขาให้ไปไกลๆ จากที่นี่ ที่ๆ เรียกว่าบ้าน... 
       

              ผมชื่อ เนส ครับ ..ยังเป็นเด็กชายอยู่ เพราะอายุแค่ 14 เพื่อนฝูงก็มีมากมาย แฟนก็มี ครอบครัวก็มี โรงเรียนก็มี แต่สิ่งเดียวที่ผมไม่เคยมี..ก็คือ "ความสุข" 

              ผมมักจะใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวบ่อยๆ ไม่ใช่เพราะว่าเป็นคนเย็นชาเหมือนพระเอกละครเท่ห์ๆ แต่เพราะว่าผมเป็นคนมีจินตนาการสูง ดังนั้นก็เลยมักจะพูดเรื่องที่คิดกับใครไม่ได้ บางคนก็เลยมักจะเรียกผมว่าบ้า แต่ก็นั้นล่ะนะ เมื่อไม่มีคนเข้าใจ เราจึงต้องพยายามเสาะแสวงหาคนที่เข้าใจ

             เพราะงั้น..ผมถึงรู้สึกว่า ไม่อยากอยู่ที่บ้านหลังนี้อีกแล้ว..

                           
             " กลับมาแล้วฮะ.." ผมพูดขึ้น เมื่อเปิดประตูเข้าบ้าน ในขณะเดียวกันรองเท้าสองสามคู่กำลังถูกเขวี้ยงไปมาอย่างเมามัน  ผมคิดว่างั้นนะ เพราะถ้ามันไม่สนุก พ่อกับแม่คงจะไม่เอามันมาปาเล่นกันแบบนี้ทุกวันหรอก  ..อีกอย่าง พ่อกับแม่ยังพูดคำหยาบคายแรงๆ ออกมาเล่นกันอีก

               มันอาจจะเป็นเหมือนเกมส์ SF ที่ผมเคยเล่นในร้านอินเตอร์เน็ตก็ได้ .. เพียงแต่มันเป็นในแบบฉบับผู้ใหญ่ก็เท่านั้น 

               " มาก็ดีแล้ว .. ไปทำงานซะ  หน๋อยอีแก่ แกน่ะก็ทำงานมั้งเซ่!! เล่นอยู่นั้นแหละ การพนันน่ะ ถ้าชอบมันมากก็ไปนอนอยู่กับมันเลยเซ่!!" พ่อหันมาพูดกับผมครู่หนึ่ง ก่อนหันกลับไปด่าแม่ ว่าแล้วก็ตบหน้าแม่เสียงดังฉาด ก่อนแม่จะโต้กลับเช่นเดียวกับพ่อ

              " อ๋อเหรอ งั้นแกก็ไปอยู่กับนังเมียน้อยนั่นเลยสิ ไม่รู้รึไง ว่านังนั้นน่ะ ไปมั่วกับใครไว้มั้ง! มิน่าล่ะถึงโง่เป็นควายขนาดนี้.." 


                 ผมเลี่ยงที่จะเดินเข้าไปหาทั้งคู่ ผมเดินทิ้งตัวแบบเหนื่อยๆ ก่อนจะเลี้ยวเข้าห้องตัวเอง ..   มันไม่ใช่เรื่องสนุกเท่าไร และผมก็ไม่ชอบด้วย.. ไม่ใช่ว่าผมโง่ไม่รู้ว่านั้นหมายถึงพ่อกับแม่ทะเลาะกัน และเตรียมจะหย่ากันอยู่รมร่อ แต่ว่า..เพราะผมเห็นมันมาตั้งแต่เด็กๆ จนรู้สึกชิน... ไม่สิ มันกลายเป็นด้านชาไม่อยากรับรู้อะไรมากกว่า

                 เพราะคิดแค่นั้น เลยรู้สึกว่าอนาคตของครอบครัวผมจะเป็นอย่างไร..ก็ช่างหัวมันเถอะ
                 
                ทั้งๆ ที่รู้ว่าอยู่ด้วยกันไปก็รันแต่จะทะเลาะกันอยู่แบบนั้น  แต่ทั้งสองคนก็ไม่ยอมหย่ากันสักที ... ผมเข้าใจดี เพราะผมมักจะเห็นเวลาพ่อกับแม่แยกตัวกันไปนั่งหาที่สงบๆ  เพื่อทำใจให้เย็นลง แต่ที่พ่อกับแม่ทนทะเลาะกันไปทุกวัน นั้นเป็นต้องการเติมสีสันให้ชีวิตสินะ ?..สีเลือดน่ะ

                 และเพราะรักกันก็เลยมีผมออกมา ?

                  ผมคิดว่ายังงั้นนะ...ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ...ผมก็ออกมาแล้ว..


                   









                 หลังจากเปลี่ยนเสื้อเสร็จ ผมก็จัดแจ้งเดินออกจากบ้าน เพื่อไปทำงานพิเศษ แล้วก็เดินหาสตางค์เล็กๆ น้อยๆ เพื่อโทรไปหาแฟนสาว .. ผมไม่มีเงินจะไปซื้อโทรศัพท์หรอกนะ..หรือแม้แต่ของขวัญวันเกิดของเธอ ผมก็ไม่มีปัญญาหาของแพงๆ ดีๆ หรือน่ารักๆ ไปให้เธอ

                 แต่นั้นเธอก็ไม่เคยว่า ..

               
                 " ...เหรียญ 10  ..โชคดีจัง" ผมเอ่ยกับตัวเองเบาๆ ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนดีใจเล็กน้อย ก่อนจะปั่นจักรยานไปที่ผับแห่งหนึ่ง อีกนานกว่ามันจะเปิดและที่นี่แหละคือที่ทำงานของผม.. แต่ว่าผมจะต้องมาทำงานหลังร้านก่อนร้านเปิดเป็นประจำ เพราะเป็นเด็กอายุ 14  - คุณลุงผู้จัดการก็เลยให้ผมช่วยงานหลังร้านเสียดีกว่า 


                     ผมทำงานที่ผับนี้มาเกือบ 2 ปี  ได้เงินเป็นรายวัน วันละ 500 แต่นั้นผมต้องทำงานตั้งแต่ 5 โมงครึ่งไปจนถึง ตี 1 .. ถ้าโชคดีหน่อย วันไหนที่บ๋อยไม่พอ ผมก็จะไปช่วยเสิร์ฟของให้ลูกค้า ถ้าพูดกันตรงๆ..ผมก็เป็นคนที่หน้าตาใช้ได้ เพราะงั้นพวกสาวๆ ก็มักจะให้ทริป แถมเบอร์มาให้ด้วย

                    และด้วยความที่ตัวสูง..ในบางครั้งผมก็เลยดูเหมือนเด็กอายุ 16 - 17 เลยทีเดียว

                    ผมผลักประตูร้านเข้าไปก่อนจะ เลี่ยงเข้าไปที่ห้องน้ำพนักงาน เพื่อเตรียมไม้ถูพื้นมาทำความสะอาด.. ในเวลานี้ไม่มีใครเขามาที่ร้านกัน เพราะมันแค่ 5 โมงครึ่ง คนเขามักจะทยอยมาตอน 1 ทุ่ม ซึ่งคนส่วนมากก็จะเป็นพวกที่เขย่าเชกๆ อยู่หน้าเคาเตอร์ กับ พวกสาวๆ ที่มักจะมาเต้นจ๊ำบ๊ะกัน และพอ เกือบ 2 ทุ่มร้านเราก็จะเปิด ตามมาด้วยวงดนตรีที่มาเล่นที่ผับ

               
                  เวลาล่วงเลยไปเร็วเสมอ..
      

                  มันก็คงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ .. ตอนนี้ พวกทำงานหลังร้านเริ่มเข้ามาที่นี้กันหมดแล้ว ในขณะที่งานแทบทุกอย่างผมทำไปเกือบหมด 

                  แต่ใช่ว่านั้นจะดี .. เพราะมันยิ่งทำให้พวกพนักงานหลังร้านเริ่มพากันเกลียดผม.. งี่เง่าดีแท้ๆ.. ที่มนุษย์เราคิดแต่จะริษยา กลัวคนอื่นจะได้ดีกว่า .. และแน่นอนว่าพอผมทำงานมากเข้า คนพวกนั้นก็พากันไม่ชอบผม เพราะกลัวว่าผมจะได้หน้าจากลุงคนเดียว

                   มนุษย์โลกช่างน่าเกลียดดีแท้


                     แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นกันอย่างนี้ทุกคน อย่างน้อยไอดินเพื่อนผมมันก็ยังเป็นคนนิสัยดีล่ะน่า


                       "เอ่อ ผมขอตัวไปโทรศัพท์ก่อนนะครับ.." ผมเอ่ยบอกป้าจัน  ป้าคนนี้เป็นคนดีมากๆเลยทีเดียว เขาใจดีกับผมมากๆ ไปเที่ยวไหนมา หรือ ทำธุระ ที่ไหน แกก็มักจะซื้อของฝากติดไม้ติดมือมาให้ผมเสมอ ป้าจันอายุมากกว่าแม่ผม แต่เธอมักแสดงออกราวกับเป็นแม่แท้ๆ ของผมเลยทีเดียว

                      โดยหน้าที่ของแกในร้านนี้คือ..คอยทำกับข้าว

                      อร่อยที่หนึ่งเลยด้วย!!

                      " จ้า..ไปเถอะ.." ป้าจันเอ่ยก่อนจะหมุนตัวหันไปวุ่นกับพวกผักๆ ปลาๆ เช่นเดิม  ซึ่งป้าจันเป็นคนที่พิถีพิถันกับพวกส่วนผสมมาก.. ไม่สดไม่สะอาดจริง แกก็จะไม่เอาไปทำให้ลูกค้าเด็ดขาด เพราะแบบนี้แกเลยมีหน้าที่ทำกับข้าวแค่คนเดียว.. แหงล่ะ คนที่มาช่วยแกคนก่อนๆ ทนไม่ไหวเพราะป้าจันเข้มงวดเกินไป ก็เลยพากันไปทำงานที่เคาเตอร์กันหมด

                    ผมเดินเลี่ยงออกมาหลังร้าน ในขณะที่พวกพนักงานหลังร้านเริ่มผันตัวไปเป็นเด็กเสิร์ฟกันหมด โดยข้างๆ ประตูหลังร้านนี้ก็มีตู้โทรศัพท์อยู่ มันเลยทำให้ผมไม่ค่อยเสียเวลามากนัก

                   ผมไม่เคยโกรธพระเจ้าที่ประทานชีวิตให้ผมมาเกิดในครอบครัวจนๆ .. แต่ผมกลับอยากขอบคุณพระเจ้ามากกว่า ที่ทำให้ผมเกิดมาในสภาพแวดล้อมไม่ดีแบบนี้... พูดตรงๆ แบบนี้คงจะไม่แปลกใช่ไหม ?...ก็นะ ทุกอย่าง มันทำให้ผมมองโลกได้กว้างขึ้น

                   มันทำให้ผมคิดได้ว่า..ไม่ควรเชื่อใจใครเลยจริงๆ...


                  " ตู๊ด...ตู๊ด..."

                    เสียงรอสายดังเป็นระยะ ในขณะที่ไม่กี่นาทีข้างหน้า 'กิม' ก็รับโทรศัพท์ผม .. เราคุยกันไปมาพักใหญ่ ในเรื่องเดิมๆ ที่เรามักจะนำมาตั้งประเด็น นั่นก็คือเรื่องเรียน กีฬา และความเป็นอยู่น ... ถึงเรื่องมันอาจจะไร้สาระ และทำให้ผมรู้สึกเครียดในบางครั้ง  แต่ว่า..พอได้ยินเสียงกิมที่ดูมีความสุขที่คุยกับผมแล้ว...ผมก็รู้สึกสบายใจจนหายห่วงทุกอย่าง

     
                   " แค่นี้ก่อนนะ..แม่เรามาแล้ว.."  และเวลาแห่งความสุขก็ล่วงเลยไปเสมอ..ก็บอกแล้วไง..ว่าเวลาผ่านไปเร็ว... 

                  เร็วเกินไปแล้วนะเนี้ย.. แต่แม่ที่ผมหมายถึง ไม่ใช่แม่แท้ๆ หรอกนะ... แต่คนที่พูดถึงก็คือ ข้าว  เธอเป็นเด็กหลังร้านที่นิสัยไม่ดีแบบสุดๆ เธอมักจะเห็นแก่ตัวแบบไม่มีขีดจำกัด และเธอก็เป็นหัวหน้าสมาชิกแก็งเกลียดเด็กขยันแบบผมเป็นที่หนึ่ง


                  แค่เห็นหน้าเธอ.. ผมก็รู้สึกตัวจะทรุดลงไปกองกับพื้นแหน่ะ




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×