ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga: HyperStar Trooper

    ลำดับตอนที่ #60 : ตอนที่ 24 ปฏิบัติการณ์ร่วมบนโลกครั้งที่ 1 แปซิฟิกและแอตแลนติคสั่นสะเทือน ยักษาใต้สมุทรประกาศศึก พาร์ทแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16
      0
      21 ก.ค. 63

              เมื่อ 16 ปีก่อน ภายในฐานส่วนที่เหลือของปราการปีรามิลด้า ศูนย์กลางเซิร์ฟเวอร์สำรอง
              "ตึก ตึก ตึก ตึก" เสียงฝีเท้าก้าวมาจากหลังประตูบานใหญ่ โดยแท่นตรงกลางห้องนั้นเป็นเซิร์ฟเวอร์ขนาดย่อมที่เรืองแสงขึ้นมา "ครืดดดด ตรึงงง" ประตูบานใหญ่เปิดออก เผยให้เห็นผู้มาเยือน ซึ่งก็คือ....
              "นึกว่าจะสิ้นชีพไปเสียอีกน่ะ ครองคอร์ด" เสียงในห้องดังก้องไปทั่ว เมื่อนายทหารหนุ่มผมสีทองก้าวเดินเข้ามา "แว้งงงง" โดยร่างเปล่งแสงขึ้นและดับลงพร้อมกับแมนิเกเตอร์หัวแหลมสุดเจ้าเล่ห์ขึ้นมาแทนที่
              "และฉันนึกว่า นายจะเดี้ยงคามือกราดิเอเตอร์มารีนไปแล้วน่ะ เกซเฟลิค" แล้วก็แบมือขวาออกมา "ทางที่ดี นายควรจะโผล่หน้ามาดีๆ หรือว่าจะให้ฉันพังที่คุ้มกะลาหัวของนายนี้ทิ้งเลยน่ะ"
              "แง้งงงงงง" เซิร์ฟเวอร์ตรงกลางเปล่งแสงจนเผยหัวหุ่นยนต์ที่มีหนวดและสวมหมวกหนา ซึ่งก็คือเกซเฟลิค อดีตแม่ทัพแอตแลนไทซ์ของฝ่ายจักรวรรดิ์แมนิเกเตอร์ขึ้นมา
              "ครองคอร์ด นายมาที่นี้ ด้วยเหตุอันใดมิทราบกันละ" เกซเฟลิคถาม
              ครองคอร์ดตอบไปว่า "ฉันทราบเรื่องที่เกซิคกู้ส่วนที่เหลือของปราการใหญ่ของนายขึ้นมา โดยอ้างโครงการบูรณะเปลี่ยนแปลงเป็นเขตเมืองเหนือมหาสมุทรแอตแลนติคบังหน้า แต่จริงๆแล้ว คือการปลุกนายที่แอบหลบอยู่ใต้นี้เพื่อใช้นายสร้างขุมกำลังแมนิเกเตอร์ให้เกซิคไว้ ซึ่งตรงตามที่ท่านโอเวอร์เดสว่ามาทุกอย่าง โดยที่ท่านโอเวอร์เดสสั่งห้ามมิให้ฉันเข้าไปหานายหรือไอ้แดนเจอรอทที่ถูกคืนชีพไปแล้ว" แล้วก็กอดอกมา "แต่ ถึงแม้ฉันจะได้ยินมาเช่นนั้น ฉันคงจะเชื่อได้ยาก เพราะฉันรู้ ว่านาย ผู้ซึ่งเป็นลูกน้องที่ภักดีมากที่สุดของท่านโอเวอร์เดส คงไม่มีทางเป็นหมารับใช้ของไอ้ผู้คุมกฎนั้นแน่ๆ ฉันเลยมาหานายถึงที่นี้เองน่ะ"
              "แสดงว่า โอเวอร์เดสรู้ว่าฉันยังไม่ตายจริงๆเลยสิน่ะ ถึงได้ส่งนายมาจัดการกับฉันถึงที่น่ะ" เกซเฟลิคบอก
              ครองคอร์ดพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "เกซเฟลิค หยุดพูดถึงท่านโอเวอร์เดสแบบห้วนๆได้มั้ย เพราะนั้นมันเป็นการไม่ให้ความเคารพนายเหนือหัวของเรา เหมือนที่ไอ้ผู้คุมกฎเฮงซวยคิดลับหลังกันไว้ และฉันมานี้ ก็เพื่อมาขอร้อง ว่านายอย่าทำตามคำสั่งของไอ้หมอนั้นเลยจะดีกว่า"
              "หึ นายคิดจะให้ฉันตายด้วยน้ำมือของไอ้คลอฟอย่างงั้นใช่มั้ย นายคิดจะหลอกฉันให้ทำตามคำสั่งของโอเวอร์เดสที่ตั้งใจจะให้ฝ่ายเราพ่ายแพ้กันแต่แรกเลยใช่มั้ยละ" เกซเฟลิคกล่าว และตะโกนเสียงดัง "เกรงว่า นายควรเชื่อฟังคำพูดของโอเวอร์เดสไว้จะดีกว่าน่ะ เพราะ ฉันไม่เชื่อคำพูดของแกและโอเวอร์เดสกันอีกต่อไปแล้ว" ซึ่งก็ทำให้รอบห้องเรืองแสงขึ้นมา
              ครองคอร์ดบอก "แสดงว่า ไอ้เกซิค ปากโป้งบอกนายถึงแผนการที่แท้จริงอย่างงั้นใช่มั้ยละ"
              "ถูกต้อง ผู้คุมกฎที่สวมรอยเป็นผู้นำของพวกมนุษย์นั้น บอกความจริงกับฉันไว้หมดแล้วละ ถึงแผนการที่แก แพทรีออท ตาแก่อาทรัสเตอร์ แล้วก็โอเวอร์เดส ยึดครองโลกเพียงเพื่อคัดเลือกสรรพวกแมนิเกเตอร์ดีๆ ซึ่งมีไอ้เวรคลอฟและพวกแมนิเกเตอร์ทรยศ อย่างไอ้ดาบมือและไอ้พวกโคเคส รวบรวมเหล่าแมนิเกเตอร์บนโลก ให้ไปจากโลกใบนี้ โดยโค่นพวกเราและท่านโอเวอร์เดสจนพ่ายแพ้หมดรูป ก่อนที่จะบุกไปจัดการกับเทพแห่งสงครามและจักรพรรดินีกันในอวกาศ โดยที่แกและพวก ปิดบังแผนนี้ไม่ให้ฉัน ซึ่งเป็นสมุนที่ไว้วางใจมากที่สุดของไอ้โอเวอร์เดส ได้รับรู้เอาไว้เลยน่ะ" เกซเฟลิคกล่าว "ดังนั้น ฉันเลยตัดสินใจที่จะให้ความช่วยเหลือเกซิค เพื่อที่ฉันจะสร้างสมกองกำลังของฉันขึ้นมาใหม่ แล้วส่งไปลงโทษไอ้แพนแทคและพวก ที่แกส่งมันไปที่แรซัลก้า แทนที่จะปล่อยให้พวกมันอยู่ใต้มหาสมุทรแอตแลนติคแบบถาวรเลยน่ะ"
              ครองคอร์ดกล่าว "รู้อะไรมั้ย เกซเฟลิค นิสัยที่เอาตัวเองเป็นใหญ่และเห็นตัวเองสำคัญมากนั้น ฉันเห็นว่าถึงจะบอกไป นายคงไม่สนใจอะไรกันหรอก เพราะนายสนแค่อย่างเดียว คือหาร่างใหม่จากสมุนที่เก่งกาจมากที่สุด และไม่มีท่าทีต่อต้านมากที่สุด แทนที่ร่างใหญ่โตอันทรงพลังที่นายเลือกไว้ตอนอยู่แรซัลก้า ซึ่ง ที่นายพ่ายแพ้ไปนั้น มันเพราะว่านายเป็นคนเลือกเอง โดยที่ไม่ฟังคำเตือนของท่านโอเวอร์เดสกันไว้แต่แรกน่ะ"

              "กูจะทำอะไร จะตัดสินใจอะไร และต้องการอะไร มันเรื่องของกู ไม่ใช่กงการอะไรของแกหรือโอเวอร์เดสเลยสักนิด เพราะนายเหนือหัวที่วางแผนทำลายกองกำลังที่ใช้เวลา 20 ปีสร้างขึ้นเพื่อยึดครองโลก ด้วยกองกำลังฝ่ายกบฎของโคเคสกันไว้ โดยที่แกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไว้น่ะ" เกซเฟลิคบอก
              ครองคอร์ดกล่าว "ก็เพราะว่านายจะพูดแบบนี้เองแหละ ท่านโอเวอร์เดสเลยไม่ให้ฉันพูดให้นายรับทราบไว้ อีกอย่าง การที่ฉันให้คลอเวฟเป็นผู้ลงโทษนายเองนั้น มันก็สาสมกับการที่นาย คิดจะกำจัดแพนทานิคและพวกแอตแลนไทซ์หัวดีเหล่านั้น เพื่อไม่ให้พวกเขาปรับปรุงพัฒนาแอตแลนไทซ์ให้มันดีกว่านี้เอง ซึ่ง การที่นายและกองรบของนายพ่ายแพ้นั้น ทั้งหมดทั้งมวล มันเป็นความผิดของนายมากกว่า"
              "แอตแลนไทซ์เป็นของกูเพียงแต่ผู้เดียวเท่านั้น ใครหน้าไหนมาปกครองแทนกู ใครมาเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ที่กูตั้งขึ้นไว้นั้น กูจะตามไปทำลายให้สิ้นซากไปซะ เพราะกองกำลังของกูจะไม่มีใครหน้าไหนมาแสดงความฉลาดเหนือกว่ากูได้หรอก" เกซเฟลิคอ้าง "การ์ดเชสเตอร์ ออกมาเดียวนี้เลย" แล้วการ์ดเชสเตอร์ก็โผล่มา โดยถือดาบมาตรงหน้าไว้
              ครองคอร์ดหน้าบึ้งตึงและบอกไปว่า "นายคงไม่คิดจะล้างสมองการ์ดเชสเตอร์ให้ทำตามคำสั่งของนาย หรือใช้เป็นร่างของนายเสียเองละสิน่ะ"
              "เกซิคสร้างร่างใหม่ให้กูไว้แล้ว พร้อมกับเหล่าแอตแลนไทซ์ที่เก่งกาจมากที่สุด แต่ถูกพวกมนุษย์ทำลายทิ้งเพราะแกและโอเวอร์เดสเข้ามาสอดยุ่งไม่เข้าเรื่องไปด้วย ที่สำคัญ การ์ดเชสเตอร์ภักดีกับฉันอย่างเต็มที่แล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องล้างสมองมันได้หรอก" เกซเฟลิคกล่าว การ์ดเชสเตอร์เลยก้าวเดินเข้ามา
              ครองคอร์ดส่ายหน้า และพูดด้วยความสมเพชไปว่า "เกซเฟลิค การกระทำของนายนั้น เป็นการทรยศต่อลูกน้องใต้บัญชาการอย่างมาก ต่อให้นายเป็นหัวหน้าใหญ่เลยก็ตาม และตอนนี้ นายก็กลายเป็นคนทรยศต่อความไว้เนื้อเชื่อใจของฉันและท่านโอเวอร์เดส ด้วยการเป็นหมารับใช้ของไอ้ผู้คุมกฎจอมเจ้าเล่ห์ ที่คิดจะใช้มนุษย์สนองความแค้นที่ดยุคเคราซไซท์ทอดทิ้งมันไปน่ะ"
              "สำหรับฉัน แกกับโอเวอร์เดสต่างหากละที่ทรยศฉัน ดังนั้น ฉันจะตอบแทนคนทรยศอย่างแกที่ยืนอยู่ตรงนี้และเดียวนี้เลย" เกซเฟลิคบอก
              ครองคอร์ดยิ้มแล้วร่างเรืองแสงขึ้นมา "เกรงว่า นายเองต่างหากละ ที่จะได้รับผลของการทรยศของนายไว้อีกรอบ ซึ่งคราวนี้ ต่อให้นายแน่แค่ไหน เกรงว่านายต้องเป็นเหมือนทราเวยน์ เป็นเหมือนพลาทูนั่ม แล้วก็แดนเจอรอทด้วยน่ะ เกซเฟลิค" แล้วก็ "แว้งงงงงง" หายตัวไปก่อนที่การ์ดเชสเตอร์จะก้าวเข้าใส่

              แล้วเหตุการณ์ก็ย้อนกลับมาสู่ช่วงปัจจุบัน ที่สะพานเดินเรือไทรแองเกิ้ล ห้องประชุมของเมนซิกส์ทีน หลังจากเรื่องวุ่นในฐานทัพของเทอร่าสควอดอนจบลง
              "ถ้าฉันเป็นพวกนายน่ะ ฉันจะทำตามคำสั่งของจอมพลอาแซนที่ให้ไว้ อย่างน้อย นั้นเป็นการยืนยันว่าพวกเราช่วยเหลือพวกมนุษย์กอบกู้โลกจากกำมือของเกซิคไว้น่ะ" โคเคสบอก
              บัลโต้กล่าว "แม้ฉันจะไม่ชอบเลย ที่ผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้ แต่ถ้าไม่ติดว่า จอมพลอาแซนทำตามคำสั่งของเฮนรี่ ไนท์ที่ต้องการคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลก อันเป็นต้นเหตุการคุกคามระบบดาวของเราไว้ ซึ่งมันก็ดีกว่าพวกนายไปหาเรื่องกับมนุษย์โลกและนอกโลกด้วยน่ะ"
              "เว้นเสียแต่ จะมีพวกเวรตะไรแส่หาเรื่องกับพวกเรา ซึ่งพวกเราคงต้องปกป้องตัวเองกันสิน่ะ" คลอเวฟบอก
              เพอซิอัสกล่าว "อย่างน้อย การที่พวกเธอร่วมมือกับกองกำลังของมนุษย์โลกและนอกโลกแก้ปัญหาที่เกิดบนโลกได้นั้น เป็นทางเลือกเดียวที่จะช่วยระบบสุริยะจักรวาลจากหายนะที่เกซิคก่อไว้ ซึ่งถ้าพวกเธอล้มเหลว หรือปล่อยให้เวลาเนิ่นนานเกินไป จนราชทายาทเทพและกองยานรบของเขาโผล่มา เกรงว่าพวกเธอกับระบบสุริยะจักรวาลอาจจะต้องวายวอดแน่นอน"
              "แสดงว่า จอมพลอาแซนแจ้งเรื่องความเคลื่อนไหวของคิโคเดนในตอนนี้ให้กับพวกท่านแล้วสิคะ" สเปียริทบอก เพอซิอัสพยักหน้า
              แฮซกริฟบอก "เรารู้ดี ว่าด้วยความสามารถของราชทายาทคิโคเดนและทศภารดรเทพที่ฟื้นคืนชีพจากความตายนั้น ย่อมทำให้เหล่าชาวซัลคาเลี่ยนส่วนที่ไซมาเทนควบคุมตัวไป บวกกับกำลังรบของชาวทรอยอาร์และชาวซัลคาเลี่ยนที่ถูกจับตัวเป็นตัวประกันไปนั้น มันก็มากพอที่จะทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้อย่างแน่นอน ซึ่งนั้นหมายถึง ยุทธการเดิมของคิโคเดนที่ล้มเหลวจะต้องประสบความสำเร็จแน่นอน"
              "เพราะทางเดียวที่คิโคเดนจะโต้ตอบพวกเรากับสมาพันธ์อวกาศได้อีกครั้ง ก็คือการโค่นพวกเฮซเทิร์ซที่กบดานในเขตอวกาศภาคเหนือให้สิ้นซากไปซะ เหมือนที่พวกเราทำในช่วงมหาสงครามบนโลกและในอวกาศกันนี้แหละ" พีวิลบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "อย่างต่อกรกับกลุ่มศัตรู ปกป้องและรวบรวมสมัครพรรคพวกใหม่ๆ พัฒนาคิดค้นยุทโธปกรณ์ใหม่ๆอย่างอาวุธหรือโมบิลลอยด์ ไปจนถึงติดตามค้นหาฐานที่มั่นของฝ่ายศัตรูและเข้าทำลายจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ไล่เรียงไปจนถึงฐานใหญ่เพื่อรุกฆาตในคราวเดียว ซึ่งถ้าเป็นกองกำลังมนุษย์ธรรมดา คงใช้เวลาเป็นปีๆกว่าในการกำจัดพวกเฮซเทิร์ซที่อยู่ในเขตอวกาศดาวเหนือน่ะ"
              "เพียงแต่คิโคเดนมีแต้มต่อเหนือกว่าพวกเราอยู่น่ะ ด้วยสถานะอดีตราชทายาทของแรซัลก้า ซึ่งใช้ช่วยเหลือพวกทรอยอาร์จนสามารถฟื้นตัว หลังจากที่ริชเชลลิอาร์ลกุมอำนาจส่วนใหญ่ขององค์กษัตริย์มาตลอด 3 ปีที่ผ่านมานั้น สามารถชักจูงพลเมืองชาวซัลคาเลี่ยนส่วนที่ไซมาเทนชิงตัวมาในช่วงมหาสงคราม รวมถึงเหล่าตัวประกันให้ร่วมรบเพื่อจัดการกับศัตรูอย่างพวกเฮซเทิร์ซกันนี้แหละ" ฟิเกซบอก
              เนคมาดูซัมนำภาพของแมคเคลเลนและแอคเคนมา "และจากภาพที่เห็นนั้น บ่งบอกได้ว่า คิโคเดนคืนชีพพวกน้องๆทั้งสิบที่คิดว่าตายด้วยน้ำมือของไซมาเทนให้กลับมากันแล้ว เท่ากับว่า ยุทธการบุกเฮซเทิร์ซของคิโคเดนที่ล้มเหลวหลังโฟรเดริม-4 จะต้องเริ่มขึ้นอย่างแน่นอน"
              "นั้นเป็นไปได้มาก เพราะนอกจากชาวซัลคาเลี่ยนที่ลี้ภัยออกนอกดาว ที่ถูกไซมาเทนควบคุมตัวมาได้ส่วนหนึ่งนั้น ทางเราได้รับรายงานมาว่า ไซมาเทนเองก็ขับไล่กลุ่มและหน่วยงานต่างๆที่อยู่ในแรซัลก้าให้ออกไปนอกดาว หลังจากที่...เขาจัดการกับเธอและพวกทศภารดรเทพ พร้อมกับขับไล่คิโคเดนไปแล้วน่ะ" เพอซิอัสกล่าว จนสเปียริทพยักหน้า พร้อมกับนำรายชื่อออกมา
              "นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ นักโบราณคดี วิศวกรโยธา กลุ่มแพทย์ ไปจนถึง เกษตรกร มีใครคุ้นบ้างมั้ยละ สเปียริท" โฟรซ่าถาม
              "ที่เห็นมานั้น.....ไม่ค่อยคุ้นน่ะ เพราะกลุ่มที่เห็นนิ ฉันไม่ได้เข้าไปยุ่งย่ามเลยน่ะ" สเปียริทบอก และสังเกตุเห็น "แต่....ฉันคุ้นชื่อของนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันโอมิเนลัสรายหนึ่งด้วยน่ะ" โดยชี้ไปที่ชื่อของ
              "ดร.ไอเดย่า บริแลนทาร่า ชื่อออกแนวเป็นนักวิทยาศาสตร์จ๋าเหลือเกินเลยน่า" ไซโคลเนียกล่าว โดยที่แอมเบอร์เปิดภาพของดร.ซัลคาเลี่ยนหญิง ผู้มีผมลอนด์แข็งสีดำ
              "ไอเดย่า บริแลนทาร่า นักวิทยาศาสตร์คลาส-9 ความรู้ความสามารถ ปริญญาเอก สาขาฟิสิกส์ ชีวภาพ เคมี อีเลคทรอนิค คอมพิวเตอร์ และวิชาแขนงอื่น โดยมีเกรดเฉลี่ย 5.40 และเรียนจบในเวลาเดียวกันกับองค์ชายแมคเคลเลน เธอกับเพื่อนนักวิจัยมีบทบาทในงานวิจัยต่างๆของนักวิทยาศาสตร์อาวุโสและเป็นเจ้าของงานวิจัยทสำคัญๆด้วย เพียงแต่เธอประสบปัญหาเรื่องที่เจ้าของงานอ้างว่าเธอมีบทบาทกับงานวิจัยในฐานะผู้ช่วย และบางงานก็ถูกนักวิจัยรุ่นพี่แอบอ้างเป็นของตัวเองไป โดยพยายามเรียกร้องให้เจ้าของงานแก้ไขให้มันถูกต้อง จนถูกลดสถานะลงเหลือเพียงผู้ช่วยนักวิจัยพร้อมกับเพื่อนๆที่ประสบเหตุแบบเดียวกัน หลังจากนั้น ในปีจักรวรรดิ์ที่ 38 เธอกับพวกได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักวิจัยระดับสูง เช่นเดียวกับเหล่านักวิทยาศาสตร์อาวุโสและผู้แอบอ้างถูกลงโทษโดย...." แอมเบอร์บรรยายประวัติของนักวิจัยหญิง จนมาถึงส่วนสำคัญที่แอมเบอร์พูดต่อไปว่า "....แอสเซนสปีร่า ลาสดรอล รอยอลราซาคาลัส"
              แอนเดรียบอก "อันนี้ฉันได้ยินมาจากคุณมาสวาร์ทาร์เล่าตอนอยู่ที่สถาบันวิจัยมิวแทนอยด์มาด้วยนะคะ"
              "และเป็นอีกคดีที่โดนนายพลจูเดทต้าสวดยับตั้ง 40 นาทีด้วยกัน จากการที่เธอพิพากษาพวกเสื้อกราวที่เอาเปรียบด้วยการพลิกสถานะกลับอย่างคาดไม่ถึงเลยนะ" โฟรซ่าบอก
              สเปียริทบอก "ฉันแค่อยากจะช่วยให้ไอเดย่ากับพวกได้ในสิ่งที่พวกเธอสมควรจะได้บ้าง เพราะแมคเคลเลน ต้องการแรงสนับสนุนจากพวกนักวิจัยอาวุโสและรุ่นพี่ที่มีปัญหาเรื่องไอเดียคิดค้นงานวิจัยใหม่ๆด้วยตัวเอง ในการสร้างอาณาจักรขึ้นมา ซึ่งทำให้พวกเขามีสิทธิ์กดขี่ข่มเหงนักวิจัยระดับล่างได้เต็มที่เลยน่ะ"
              "แต่รู้อะไรมั้ย ว่าต่อให้เธอไม่ทำอะไรบ้าๆในตอนนี้ พวกเราเหมือนถูกพลิกกลับกันแล้วน่ะ" คลอเวฟบอก
              สเตฟอร์ดบอก "อย่างน้อยก็ดีกว่า พลิกคว่ำแบบเทกระจาดกันยกชุดเลยน่ะ"
              "แม้เธอจะคุ้นกับบางรายกันก็จริง ทางเราก็รู้แล้วว่า พวกเขาจะต้องเป็นเรี่ยวแรงสำคัญให้กับคิโคเดนในการสู้กับพวกเฮซเทิร์ซอย่างแน่นอน" เพอซิอัสบอก
              สเปียริทกล่าว "และอาจจะกลายเป็นผู้ประสบเคราะห์ร้ายจากพวกเฮซเทิร์ซเลยก็ได้นะคะ"
              "ดังนั้น เมื่อพวกเธอรู้ว่าคิโคเดนและพวกมีความเคลื่อนไหวเช่นนี้แล้ว ทางเราจึงหวังว่าพวกเธอจะช่วยเหลือเหล่ามนุษย์หยุดยั้งการคุกคามของเกซิคลงโดยดีเลยน่ะ" แฮซกริฟบอก
              บัลโต้กล่าว "ตอนนี้ พวกนายสนเรื่องภารกิจที่พวกนายต้องทำกันเท่านั้น โดยที่พวกเราเองจะคุมสถานการณ์ทางนี้กันเหมือนเดิมเลยน่ะ"
              "ว่าแต่ สส.คัลลาร์ดยังมีโวยเรื่องที่มีหมู่เกาะโผล่มาหรือเปล่าละครับ" เจเนลบอก
              โคเคสบอก "สส.คัลลาร์ดใช้เรื่องดังกล่าวนั้นออกมาโจมตีทางเราไว้ โดยหาว่าพวกเราเป็นต้นเหตุให้รัฐบาลต้องรับภาระส่วนเกินที่ไม่จำเป็นกันมากขึ้น แต่ฉันก็โต้ตอบกลับมา ว่าฉันจะไม่ทอดทิ้งแมนิเกเตอร์ที่ลี้ภัยมาจากโลกกันไว้ ต่อให้พวกเขาเป็นอันตรายต่อผู้คนมาก ฉันจะเป็นผู้รับผิดชอบพวกเขาเองนี้แหละ"
              "นั้นเป็นการตัดสินใจที่ดีมากเลยนะครับ ท่านประธานาธิบดี" พีวิลกล่าว
              โคเคสพยักหน้า "ตอนนี้ฉันได้ให้บัลโต้และกองกำลังดูแลเขตหมู่เกาะไลฟ์แฟคทรอเรียลไว้แล้ว เพียงแต่พวกเขายังต้องใช้เวลาในการปรับตัวสักหน่อย ซึ่งทางเราคงให้พวกเขาอยู่ฝั่งตะวันออกไว้ เพราะพวกเขาเป็นมิวแทนอยด์ที่ไวซ์ไมเซลและไวซ์แลงค์สร้างไว้น่ะ" แล้วก็บอก "ส่วนเรื่องกองกำลังหลังฉากนั้น เพอซิอัสจะรับผิดชอบดูแลให้เองแล้วกันน่ะ"
              "แล้วเอฟซิตรอนยังทำงานอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่าละครับ" มาสวาร์ทาร์บอก
              แฮซกริฟกล่าว "นายพลกาโกรินและเอฟซีตรอนทำงานได้เหมือนเดิมน่ะ แม้ในช่วงนี้พวกเฮซเทิร์ซโผล่มาบ้างเลยก็ตาม แต่พวกเขาก็สามารถรับมือกันได้นี้แหละ"
              "ถ้าเช่นนั้นพวกท่านก็ช่วยติดต่อกับทางแคสเซรอน-4 ได้มั้ย เผื่อว่าเกซเฟลิคและแดนเจอรอทจะลักไก่ส่งกองกำลังออกไปกันนะครับ" เนคมาดูซัมกล่าว
              บัลโต้บอก "ฉันได้แจ้งให้เซริซ่าและนายแม่รัคชูมี่รับทราบไว้แล้วละ เพราะตามกฎแล้ว แคสเซรอน-4 ก็เป็นเขตดาวในการปกครองของเรา จึงสามารถติดต่อได้ แต่อย่าพูดอะไรที่ไม่เข้าท่าออกมาด้วยน่ะ"
              "เราเข้าใจดีแล้วละครับ ผบ.บัลโต้ ท่านนายพล ท่านจอมพล แล้วก็ท่านประธานาธิบดีด้วย" เนคมาดูซัมบอก
              โคเคสพยักหน้าแล้วก็บอก "หวังว่าพวกนายคงจะปฏิบัติภารกิจสำเร็จไปได้ด้วยดีเลยน่ะ"
              "และพวกเธอเองก็ต้องดูแลผู้ตรวจการณ์ของพวกเธอกันด้วยน่ะ" เพอซิอัสบอก "ยุติการติดต่อเพียงเท่านี้แหละ" แล้วภาพโฮโลแกรมของพวกเพอซิอัสก็ดับลง
              คลอเวฟบอก "ตกลงนิ เราจะไม่บอกกับพวกท่านประธานาธิบดี เรื่องเอฟซีทรอนกันอีกหรือวะ"

              "ลุงเบติสและป้าวิลด้าบอกไปแล้วมิใช่หรือ ว่าถึงเราเห็นพวกเขาโผล่มาขัดขวางการปฏิบัติการณ์ของพวกเรากัน ตราบใดที่นายพลกาโกรินและคนของเขายืนกรานว่าพวกเขาไม่ได้ทำ พวกเราจะถูกลงโทษฐานกล่าวหาพวกเอฟซีตรอนด้วยเหตุผลส่วนตัว ซึ่งจะได้รับโทษพอๆกันกับการหมิ่นประมาทนายทหารระดับสูงกันเลยน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              มาสวาร์ทาร์บอก "และพวกเราก็เข้าปะทะกับพวกเขามาด้วย ซึ่งพวกเอฟซีตรอนก็จะใช้เรื่องนี้มาหนุนเสริมให้พวกเราดูเป็นคนเลวยิ่งกว่าเดิม โดยที่เราไม่สามารถแก้ต่างอะไรได้น่ะ"
              "แต่ฉันยังสงสัยอยู่บ้างนะคะ เอฟซีตรอนเป็นกองกำลังพิเศษที่นายพลกาโกรินจัดตั้งขึ้นมา เพื่อปกป้องระบบดาวของพวกเราจากการคุกคามของพวกเดลอาเนี่ยนและพวกเฮซเทิร์ซในเวลานี้ใช่มั้ยคะ" แอนเดรียพูดเกิร์นนำ "แล้วพวกเขาหาเรื่องกับพวกเรากันทำไม ในเมื่อถ้าพวกเขาทำไปแล้ว พวกเขาเองก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นกองกำลังหน้าใหม่ไปรังแกกองกำลังหน้าเก่าอย่างพวกเรา เผลอๆอาจจะโดนลงโทษฐานแทรกแซงการปฏิบัติการณ์จนเกิดความเสียหายขึ้นได้เลยนะคะ"
              โฟรซ่าบอก "แอนเดรียพูดมาก็มีเหตุผลบ้างน่ะ ต่อให้พวกนี้ปากดี พูดจาข่มผู้อื่นและมองตัวเองสูงกว่าเพียงไร พวกนั้นก็น่าจะรู้ ว่าการหาเรื่องกับพวกเราเหมือนในคราวนี้ พวกเขาก็ต้องเป็นฝ่ายเจ็บตัวกลับไปอยู่ดีนี้แหละ"
              "อีกอย่าง เรารู้ดีว่า เอฟซีตรอนคุมโดยนายพลกาโกริน ซึ่งนายพลกาโกรินเองก็เป็นผู้อาวุโสในกองทัพ รองจากจอมพลแฮซกริฟ เขาก็ต้องคุมผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง รวมถึงลงโทษลูกน้องที่ฝ่าฝืนขัดคำสั่ง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างไว้ พวกสมาชิกตัวหลักจึงไม่มีเหตุผลที่ทิ้งงานมาหาเรื่องกับพวกเรากันได้หรอกน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              เจเนลบอก "แต่ลูกน้องบางรายเอง เรารู้จักพวกนี้เพียงผิวเพิ่นและไม่ลึกซึ้งมากพอ แม้เราจะรู้ว่า น้องชายของไอ้เดโรคและการ์ดเชสเตอร์ เป็นส่วนหนึ่งของเอฟซีตรอนด้วยน่ะ"
              "ในเมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ฉันจะจับตัวการ์ดเชสเตอร์มา...." คลอเวฟบอก
              พีวิลส่ายหน้า "....นายรู้นิสัยการ์ดเชสเตอร์ดีมิใช่หรือ คลอเวฟ ถ้าขนาดแพนทานิคซ์ขอร้องและสั่งไป การ์ดเชสเตอร์ไม่ทำตามและยืนกรานจะทำตามความตั้งใจของตัวเองอย่างถึงที่สุด ต่อให้เป็นนาย นายไม่มีทางบีบให้การ์ดเชสเตอร์พูดเรื่องเอฟซีตรอนได้หรอก"
              "พีทพูดถูกน่ะ การ์ดเชสเตอร์เองก็เก่งเรื่องการตั้งรับและการเอาตัวรอดได้เป็นอย่างดี คงไม่ยอมให้นายหรือพวกเราควบคุมตัวมาได้หรอกน่ะ" สเตฟอร์ดบอก คลอเวฟส่ายหน้าแบบไม่สบอารมณ์
              ไซโคลเนียบอก "แม้กระทั่งเรื่องของกาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์ รวมถึงเรื่องของเทรแซทนิ เราจะไม่แจ้งกันเลยหรือ"
              "นั้นสิ ถ้าเราแจ้งเรื่องตัวอันตรายทั้งสามนี้ให้ผบ.บัลโต้รับทราบขึ้นมา ก็น่าจะ...." จิลบอก
              ฟิเกซกล่าว "จิล ถ้าเราบอกไป แล้วจู่ๆ กาเบลแบนเยอร์มันรู้ว่าพวกท่านประธานาธิบดีรู้เรื่องของมันจากปากของพวกเราขึ้นมา และถูกฆ่าตายในทันทีล่ะ"
              "เพราะกาเบลแบนเยอร์ฆ่าล้างบางกลุ่มตั้งรกรากบนดาวฮาแซงค์-2 และดาวคาเทรน่า-5 จนทำให้นายพลกาโกรินแล้วก็เมลซี่ เกือบเอาตัวไม่รอดจากเงื้อมมือของมันไปได้น่ะ" เนคมาดูซัมบอก "เท่าที่เรารู้มา เมลซี่พยายามจะไปแจ้งจอมพลแฮซกริฟถึงเรื่องที่เธอเจอกับกาเบลแบนเยอร์ ซึ่งการที่เธอชะงักงันและรีบหนีไปเสียก่อนนั้น แสดงว่าเธอเห็นตัวกาเบลแบนเยอร์อยู่แน่นอน"
              เจเนลกล่าว "เรื่องนั้นเรารู้มาบ้างน่ะ แต่ ข้อมูลจากกล้องวงจรปิดที่เห็นภาพเมลเซี่ยนหนีไปนั้น มันไม่จับภาพตัวคนร้ายที่เป็นต้นเหตุได้เลยนิ"
              "แล้วจะอธิบายเรื่องที่กาเบลแบนเยอร์บุกเข้ามาในสถานีอวกาศกันยังไงละ รวมถึงเรื่องที่ทั้งคู่หลบหนีมาที่โลก แต่ยังไม่มีวี่แววของทั้งคู่กันได้เลยน่ะ" พีวิลบอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "นั้นสิ เพราะว่าสถานีอวกาศแห่งแรกที่พวกแอร์ไพล์มมิสใช้งานอยู่นั้น ก็เป็นฐานทัพลอยฟ้าของพวกเดลอาเนี่ยนที่พวกเรายึดมารีไซเคิ่ลใช้ กาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์ ซึ่งควรจะก่อเรื่องอยู่ในเขตอวกาศภาคกลาง ไม่น่าจะรู้เรื่องโครงสร้างภายในและเข้าไปก่อเรื่องกันได้เลยนิ"
              "แล้วภาพจากกล้องวงจรปิดในสถานีอวกาศนั้นไม่เจอภาพที่ทั้งคู่เข้ามาและหลบออกไปเลยหรือ ลิเนียร์ตี้" เนคมาดูซัมกล่าว ลิเนียร์ตี้ส่ายหน้า
              แอมเบอร์บอก "ข้อมูลกล้องวงจรปิดในสถานีอวกาศส่วนที่มีการเข้ามา ได้ถูกลบไปแล้ว มีแต่ตอนที่ทั้งคู่ปรากฎตัวและหนีออกไป เป็นไปได้ว่านั้นเป็นฝีมือของมาโดวเวลเดอร์อย่างแน่นอน" แล้วก็บอกไปว่า "เช่นเดียวกันกับยานบินที่ทั้งคู่ใช้หลบหนีไปนั้น สัญญาณล้วนเป็นสัญญาณมาจากยานบินลำดังกล่าวที่บินไปที่โลกจริง แต่ไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัด ว่ามันอยู่ตรงไหนของโลกเลยนะคะ"
              "นั้นก็ตรงกับที่ครองคอร์ดว่าไว้ เทรแซทใช้มาโดวเวลเดอร์ส่งสัญญาณลวงพวกมนุษย์ให้ติดตามไปที่ดวงจันทร์และดาวทั้งแปด เพื่อตามล่าสังหารเทรแซทที่ลอบฆ่ามหาประธานาธิบดีในช่วงเวลานั้นไม่สำเร็จ หวังจะให้มนุษย์โลกและนอกโลกก่อสงครามนองเลือดกันเอง ซึ่งก็ทำให้กลุ่มแมนิแฟคเตอร์สำรวจอวกาศของเทเรซ่าและเฮอแมนถูกฆ่า จนโอเวอร์เดสต้องชุบชีวิตพวกเขาให้เป็นพวกโซลูนาสตี้เลยน่ะ" สเตฟอร์ดบอก
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน มาโดวเวลเดอร์ส่งยานบินติดเครื่องส่งสัญญาณออกไป เพื่อทำให้พวกเราคิดว่ากาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์หลบหนีไปที่โลก เพื่อดึงพวกเรากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งให้ลงไปที่โลก ซึ่งเกซิคเตรียมวางกับดักไว้จัดการกับพวกเรากันแน่นอน"
              "เหมือนที่แคร์เรี่ยนและพวกพลาดท่า เช่นเดียวกับพวกเราเลยสิน่ะ" เจเนลกล่าว
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "เพราะถ้าเป็นตามที่ครองคอร์ดพูดไว้จริง แสดงว่ากาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์คงไม่อยู่ที่โลก และคงหลบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง หรือไม่ก็ ยังอยู่ที่โลกนี้ แต่อยู่หลังม่านของเกซิค เพราะ เกซิค ยังมีเทรแซทอยู่ในกำมือ ซึ่งน่าจะเป็นกุญแจสำคัญที่เกซิคใช้บงการกาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์ไว้แน่นอน"
              "เพียงแต่ตอนนี้ เกซิคบอกว่า กาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์ไม่ได้อยู่ที่โลกนี้ ทั้งๆที่เทรแซทน่าจะอยู่ที่โลกกันแล้วน่ะ" พีวิลบอก
              ไซโคลเนียบอก "นั้นสิ เทรแซทเองก็มีระเบิดอนุภาคที่รุนแรงมากพอที่จะเป่าโลกให้กระจุยได้ หากมันตายขึ้นมา ซึ่งเป็นเหตุผลที่โอเวอร์เดสเลือกจะปิดผนึกมันไว้ โดยส่งกุญแจให้เกซิครับผิดชอบดูแลขึ้นมา จนมันใช้ประโยชน์มาก่อเรื่องไว้น่ะ"
              "แต่เท่าที่เราฟังเกซิคพูดผ่านพวกพีวิล บวกกับคำพูดของครองคอร์ดที่เราได้ฟังมาก่อนหน้า กาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์ไม่ใช่แมนิเกเตอร์โง่ๆที่ให้ใครมาล่ามโซ่หรือชักใยกันได้แน่นอนน่ะ ซึ่งท่านพ่อก็คิดถูก ทั้งคู่อันตรายพอๆกันกับเทรแซทกันจริงๆ" สเปียริทบอก "และถ้าทั้งคู่ไม่อยู่ที่โลก ถ้าไม่เพราะว่าทั้งคู่มีบางอย่างที่ต้องไปทำ ก็คงจะต้องเป็น...."
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า ".....เทรแซท ไม่ได้อยู่ในกำมือของเกซิคกันแล้วนะสิ และเกซิคก็ไม่รู้ว่า เทรแซทไม่ได้อยู่ในผนึกกันด้วย"
              "แปลว่าเทรแซทคงจะหาทางหนีออกไปได้เองเลยสิน่ะ" แอบไบออสบอก
              ไม่ทันไร ก็มีเสียงติดต่อมาจาก "คุณลุง คุณป้าคะ มีคนจากดาวอื่นรออยู่นอกยานแล้ว คุณลุงบริคซ์ติดต่อไปแล้วพวกคุณลุงไม่ตอบกลับมาเลยนะคะ" แมบิลีนตะโกนลั่นผ่านลำโพงในทันที
              "สงสัยว่าเราคงต้องให้คุณอีธานเบรคแมบิลีนให้ออกห่างห้องสื่อสารแล้วละ" แอนเดรียบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ถ้าเช่นนั้น เรื่องเทรแซท กาเบลแบนเยอร์ และมาโดวเวลเดอร์ ไว้รายงานหลังเราเสร็จจากภารกิจบนโลกเสียก่อนน่ะ" ทั้งหมดพยักหน้า แล้วเดินลงจากยานไป ซึ่งก็เจอกับกลุ่มคนจากนอกโลกมา
              "พวกคุณคงไม่โมโหพวกเรากันเลยนะคะ" แอนเดรียกล่าว
              "ตัวแทนชาลตันแจ้งให้พวกเรามาส่งขีปนาวุธมิไซล์ติดตามและตอปิโดแบบที่พวกคุณใช้มาให้แล้วน่ะ" มนุษย์จากดาวศุกร์กล่าว โดยมียานขนส่งจรวดและตอปิโดเป็นจำนวนมากเข้ามา
              หญิงร่างสูงจากดาวเนปจูนบอก "รวมถึงอะไหล่สำหรับซ่อมโมบิลลอยด์ของพวกคุณ อย่างโลหะโครมเมทาเลี่ยมและอัลคาเนี่ยมกันด้วยน่ะ" ซึ่งมียานขนส่งมาเทียบท่าใกล้กับยานไทรแองเกิ้ล
              "โว้ว สงสัยว่างานนี้เราต้องช่วยขนสักหน่อยแล้วละ" คลอเวฟบอก
              สเตฟอร์ดกล่าว "แน่ละ เพราะว่าตอนนี้ เทอร่าสควอดอนมีบุคคลากรจากนอกโลกมาหนุนช่วยแล้วน่ะ"
              โดยตอนนี้ ทีมช่างจากดาวยูเรนัสเข้าซ่อมแซมยานบินที่ถูกพวกเกรย์เบียสพังทิ้ง เจ้าหน้าที่เทคนิคจากดาวเสาร์เข้ามาปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์ โดยแนะนำให้ทาริก้าฟัง เช่นเดียวกับชาวดาวอื่นอยู่ในฐานทัพของเทอร่าสควอดอนแล้ว

    TriVeser Manigator Saga: Hyperstar Trooper ภาคโลกา
    ตอนที่ 24 ปฏิบัติการณ์ร่วมบนโลกครั้งที่ 1 แปซิฟิกและแอตแลนติคสั่นสะเทือน ยักษาใต้สมุทรประกาศศึก


              ณ.ฐานทัพเหนือมหาสมุทรแปรซิฟิกกลาง บริเวณจุดร่วงของซากยานเดธฮาเว่นและดูมโทเปีย ภายใต้การควบคุมของสหพันธ์โลกใหม่
              "พวกนอกโลกท้าทายให้เรายอมจำนนกันเช่นนี้ มันหยามกันชัดๆแล้วละ" หญิงชราในชุดทหารสีแดงแสดนามเฮฟเตอร์ แบดอชกล่าวแบบไม่พอใจ โดยเธอมากับเหล่าทหารคนสนิทที่เดินมา
              "ท่านนายพลเฮฟเตอร์ครับ เราจำต้องรีบส่งทหารไปยึดสถานีวงโคจรคืนโดยเร็วแล้วละครับ ก่อนที่พวกนั้นจะใช้สถานีมาเล่นงานพวกเราน่ะ" ทหารหัวแดงกล่าว
              "วางใจได้ เพราะเบื้องบนมีทางแก้เหล่านั้นไว้แล้วละ" เฮฟเตอร์บอก และหันมาถาม "ว่าแต่ ที่ปรึกษาเออไดน์อยู่ไหนกันละ"
              ทหารผมสั้นสีดำบอก "ตอนนี้เขาเตรียมกำลังรบไว้ ก่อนที่จะมีเหตุเกิดขึ้นแล้วละครับ"
              "ดี เราจะใช้เลเจี้ยนดิสก์บุกถล่มพวกนอกโลกไปซะ จากนั้นก็บุกไปถล่มเทอร่าสควอดอนให้ราบคาบ เพื่อที่โลกสีครามใบนี้เป็นของมวลมนุษยชาติอย่างพวกเรานี้แหละ" เฮฟเตอร์กล่าว แล้วเธอและพวกก็เดินมาถึงห้องโถง โดยมีเหล่าทหารในยูนิฟอร์มของสหพันธ์โลกใหม่รวมตัวกัน "พวกเธอทั้งหมด ไปรวมตัวที่โถงใหญ่เดียวนี้" เฮฟเตอร์สั่ง แต่ทหารเหล่านั้นไม่ตอบ
              ทหารผมสั้นสีดำกล่าว "ไม่ได้ยินที่ท่านนายพลสั่งเลยหรือไง อยากโดนลงโทษฐานฝ่าฝืนคำสั่งเลยหรือ"
              "ฟ้าววววว" ทหารหญิงนายหนึ่งบุกเข้าใส่ทหารผมสั้นสีดำอย่างรวดเร็ว จน "ฉืบบบบ" แขนซ้ายขาดออกจากกันพร้อมกับ "อะ บ้าน่า...." คอหลุดจากบ่า โดยที่เลือดไม่กระฉูดแต่อย่างใด
              "พวกเธอ นี้กล้าเลย...." ทหารผมแดงพยายามจะชักปืน "ตรึงงงงง หมับบบบ หวับบบ โครมมมมมม กร็อบบบบบบ" ทหารตัวโตกระโดดลงมาข้างหลังและใช้มือตะบบหัวทหารผมแดง พร้อมกับชูขึ้นและจับฟาดลงกระแทกพื้นไปเต็มแรงจนกระดูกทั้งตัวแหลกละเอียดไป "ฟึ่บบบบบ เปรี้ยงงงงง" จากนั้นก็กระทืบลงกลางหลัง จนสันหลัง ปอด หลอดลม ทางเดินอาหาร หัวใจ และซี่โครงแหลกละเอียดในคราวเดียว จนทหารผมแดงสิ้นชีพลง จากนั้นทหารทั้งหลายก็ห้อมล้อมทหารหญิงชราเข้า
              "ท่านคงจะดีใจเลยสิน่ะ ที่ลูกน้องที่ประสิทธิภาพต่ำนั้น ทำงานได้ดีมากเลยน่ะ" เสียงของชายในชุดทหารสีเขียวเดินออกมาจากกลุ่มทหารดังกล่าว
              "ที่ปรึกษาเออไดน์ อธิบายการกระทำของเธอมาเดียวนี้เลยน่ะ เพราะที่เธอทำอยู่ มันเป็นการทรยศต่อสหพันธ์โลกใหม่เลยน่ะ" เฮฟเตอร์บอก
              เออไดน์กล่าว "ทรยศนะหรือ แย่หน่อยนะ ยายแก่ เพราะผมทำตามคำสั่งของเบื้องบนที่ได้รับมอบหมายมา ว่าให้จัดการกับทหารทุกนายที่อยู่ในฐานนี้ เป็นกำลังพลชุดใหม่ที่จะใช้จัดการกับไอ้พวกแมนิเกเตอร์ แล้วก็กองกำลังเทอร่าสควอดอนที่แปรพักตร์กันด้วยน่ะ"
              "โกหก ผู้นำเกฟสตัลท์เบิร์ทไม่มีทางสั่งแบบนั้นได้หรอก อีกอย่าง เธอมันเป็นแค่ที่ปรึกษาที่มีระดับชั้นต่ำกว่าฉันที่เป็นนายทหารระดับสูง ไม่มีทางที่จะอ้างคำสั่งผู้นำไปได้หรอก" เฮฟเตอร์กล่าวพร้อมกับชักปืนสั้นที่อยู่ในเสื้อออกมา "ฉึก" แต่กลับมีเสียงแทงทะลุร่างของเฮฟเตอร์จนเธอกระตุกอย่างจังๆ "บะ บ้าน่า นี้เธอทำแบบนั้นได้ไงกัน เออไดน์ คอฟฟอร์ด เธอไม่น่าที่จะเร็วกว่าได้เลยนิ" เฮฟเตอร์หันมายังเออไดน์ที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งจ้วงฝ่ามือข้างซ้ายเข้ากลางหลังเฮฟเตอร์อยู่ โดยกลางหลังแปรเปลี่ยนจากสีเนื้อเป็นสีดำคล่ำ
              "มนุษย์ปกติอาจทำไม่ได้ แต่แย่หน่อย ที่ผมเป็นสิ่งที่ท่านคิดจะกวาดล้าง เพียงเพื่อปกป้องโลกสีฟ้าอันงี่เง่าที่ท่านกับพวกอ้างไว้แล้วน่ะ"
              "เธอเป็นแมนิเกเตอร์แล้วหรือ เธอคงจะดัดแปลงตัวเองเหมือนกับทหารเพื่อมาทำแบบนี้กับฉันเลยสิน่ะ คอยดูเหอะ ท่านผู้นำจะต้องรู้เรื่องและส่งคนมาจัดการกับเธอแน่นอน" เฮฟเตอร์กล่าวโดยที่เธอกระอักเลือดสีดำแล้ว
              เออไดน์บอก "ท่านคงจะแก่มากจนไม่รู้เลยสิน่ะ ผมจะบอกความจริงอยู่สองเรื่องด้วยกัน เรื่องแรก ผมเป็นแมนิเกเตอร์มานานแล้ว เพียงแต่ ผมคืนชีพจากความตายหลังจากที่ท่านและพวก ใช้จรวดนิวเคลียร์บดขยี้ผมให้แหลกไปพร้อมกับซากยานที่ท่านและพวกรับคำสั่ง จากผู้นำเก็บกู้ขึ้นพร้อมกับซากฐานทัพของแอตแลนไทซ์กันไว้" แล้วก็กระซิบใส่หูของเฮฟเตอร์ไปว่า "และเรื่องที่สอง ผู้นำเกฟสตัลท์เบิร์ทของท่านและพวกนั้น เขาเป็นแมนิเกเตอร์มาจากแรซัลก้ากันน่ะ"
              "แม แมนิเกเตอร์นะหรือ เป็นไปไม่ได้น่า" เฮฟเตอร์ร้องลั่นเมื่อได้รับรู้ความจริง เออไดน์เลยดึงมือออกและก้มลงมาจิกหัวขึ้นมา
              "เป็นไปแล้วสิ เกรงว่า พวกท่านทั้งหลายนั้นได้มอบโลกสีครามของมวลมนุษยชาติ ให้กับแมนิเกเตอร์อย่างพวกเราและท่านเกซิคเป็นที่เรียบร้อยแล้วละ" โดยตอนนี้ทหารทั้งหลาย "แว้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ดวงตาเรืองแสงสีแดงกันทั้งหมด "และอย่าถามหามิตสึชิเดะและนายทหารที่อยู่ข้างท่านเลยจะดีกว่า เพราะ ผมได้รับคำสั่ง 666 จากท่านเกซิคไปแล้วละ หึๆๆๆๆ ฮะๆๆๆๆๆ วะฮะๆๆๆๆๆๆๆๆ"

              ในเวลาเดียวกัน ที่ฐานทัพของสหพันธ์โลกใหม่ ใกล้กับซากปราการปีรามิลด้าของนายพลรัสเทิ้ล
              "นึกแล้วเชียว ว่าบราวน์เดค คราฟตันและไวโอเลฟ มิลเดรลจะมีความเชื่อมโยงกับพวกดาวเคราะห์และดวงจันทร์กันไม่ว่า มันทั้งคู่ยังทำงานให้กับตัวแทนของเฮนรี่ ไนท์ ไอ้มนุษย์เฮงซวยที่ออกหน้าปกป้องพวกแมนิเกเตอร์ให้พวกมันรอดจนมีบ้านหลังใหม่กันเช่นนี้ มันอภัยให้ไม่ได้แล้ว" รัสเทิ้ลสบถ เมื่อเขาทราบเรื่องจากลูกน้องใต้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นนายทหารหนุ่มผมยาวสีเทา
              "ท่านรัสเทิ้ล ออกคำสั่งมาได้เลยครับ ทางเราจะนำกองรบไปจัดการกับพวกคนทรยศเอง"
              "งั้นรีบไปจัดการเดียวนี้เลย ฉันจะได้นำกองเรือรบไปยึดเมืองท่าของทวีปอเมริกา เพื่อบีบให้มหาประธานาธิบดีคนใหม่ทำตามคำสั่งของเราซะ" รัสเทิ้ลบอก นายทหารรีบเดินออกไปทันที "คอยดูเหอะ บราวน์เดค คราฟตัน ไวโอเลฟ มิลเดรล แกกับพวกจะได้เห็นถึงความสามารถของกาบาราดอนกันเสียบ้าง" รัสเทิ้ลกล่าวพร้อมกับหยิบบุหรี่มาสูบ
              "มีตัวแทนสหพันธ์โลกใหม่มาขอเข้าพบนะครับ" เสียงคอมพิวเตอร์กล่าว
              "ให้เข้ามาได้" รัสเทิ้ลบอก ประตูหน้าห้องทำงานเปิดออก พร้อมกับนายทหารสองนายเดินเข้ามา ซึ่งรัสเทิ้ลได้เห็น ก็ถึงกับตกใจจนบุหรี่หลุดจากปากลง "แมคครีดีท กาลิเลโด้ เป็นไปไม่ได้น่า เพราะศพของพวกเธอ น่าจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้วนิ"
              คอมพิวเตอร์กล่าว "เกรงว่า ทั้งสองนั้นเป็นร่างที่เหมาะสมสำหรับการคืนชีพกันแล้วละ ท่านนายพลรัสเทิ้ล" เมื่อเขาเห็นนายทหารหนุ่มผมทองเดินมาพร้อมกับทหารผมสีน้ำตาลที่สวมแว่นปิดส่วนตาไว้ โดยทั้งคู่มีผิวซีดขาวอยู่
              "คอมพิวเตอร์ ฉันสั่งให้คืนชีพกาลิเลโด้ขึ้นมาเท่านั้น มิใช่คืนชีพไอ้นายทหารกบฎที่คิดจะยึดอำนาจของฉัน หลังจากที่มันยึดอำนาจพ่อบุญธรรมของมันมาแล้วน่ะ" รัสเทิ้ลโวย
              คอมพิวเตอร์โต้กลับ "แย่หน่อยนะ ที่แก ไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้ฉันทำหรือไม่ทำอะไรได้ทั้งนั้น เพราะว่าแก เป็นได้แค่หุ่นเชิดที่สั่งการคนของแกที่ผ่านกระบวนการดัดแปลงของฉันไว้ ซึ่งตอนนี้ แกหมดประโยชน์ไปแล้วละ"
              "คอมพิวเตอร์ แกกล้าต่อต้านฉันแบบนี้ ฉันขอสั่งใช้โปรแกรมลบแกออกไป...." รัสเทิ้ลบอก แต่ "ฟ้าวววว ฉึกกก" แมคครีดีทบุกเข้ามาทิ้มแขนทะลวงท้องของรัสเทิ้ลไปเต็มๆ "หึๆๆๆๆๆ แกไม่มีทางใช้โปรแกรมสั่วๆมาลบฉันไปได้หรอกน่ะ ไอ้มนุษย์เฮงซวย และคนของแกทั้งหลายก็ทำอะไรไม่ได้ด้วย เพราะว่า ฉันได้จัดการกับเหล่าทหารของแกให้เป็นกำลังรบของฉันเป็นที่เรียบร้อยแล้วละ" โดยนำจอมอนิเตอร์ลงจากเพดาน เผยภาพเหล่าทหารที่ถูกดัดแปลงเป็นพวกแอตแลนไทซ์แบบอดีตมนุษย์กันหมด
              "แก....ท่านผู้นำเกฟสตัลท์เบิร์ทไม่ปล่อยให้แกทำตามอำเภอใจได้หรอก เพราะถ้าแกดื้อด้านแบบนี้ แกกับพวกจะถูกถล่มด้วยปืนเลเซอร์จากนอกโลก หรือไม่ก็ระบบทำลายตัวเองเลยน่ะ" รัสเทิ้ลกล่าวโดยที่ตนกระอักเลือดอยู่
              คอมพิวเตอร์เผยหน้าตาของเกซเฟลิคพร้อมกับบอกว่า "ถ้าเป็นระบบทำลายตัวเองละก็ ฉันทำลายทิ้งไปนานแล้วละ และแกคิดผิดไปถนัด เรื่องที่ท่านผู้นำของแกจะมาช่วย เพราะ ฉันทำตามคำสั่งหมายเลข 666 ของท่านผู้นำเกฟสตัลท์เบิร์ทกันไปแล้วน่ะ"
              "ไม่จริง ท่านผู้นำไม่มีทางสั่งให้ดัดแปลงทหารอย่างพวกเราทั้งหมดไปได้หรอก" รัสเทิ้ลบอก
              เกซเฟลิคกล่าว "ได้สิ ท่านผู้นำของท่านทำได้ก็เพราะว่า....." แล้วให้แมคครีดีทพูดตามตนไปว่า "ท่านผู้นำเกฟสตัลท์เบิร์ทคือแมนิเกเตอร์จากแรซัลก้า ผู้รอดชีวิตจากมหาสงครามเมื่อ 24 ปีก่อน ท่านมีคำสั่งให้เปลี่ยนชาวโลกทั้งหมดให้เป็นกองรบแมนิเกเตอร์ของเขา โดยฉัน เกซเฟลิค แม่ทัพแห่งแอตแลนไทซ์ ทำตามคำสั่งให้เชื่อฟังมนุษย์หน้าโง่อย่างแกนี้แหละ"
              "ถ้าเช่นนั้น รีวองโด้และพวกตาย ก็เพราะคำสั่งของท่านผู้นำอย่างงั้นนะหรือ...." รัสเทิ้ลกล่าว
               เกซเฟลิคตอบ "ช่าย แต่ท่านผู้นำจะไม่ให้แกตายเร็วหรอก เพราะแก จะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับกองเรือรบของฉันเองนี้แหละ หึๆๆๆๆๆๆ ฮะๆๆๆๆๆๆ"

              ที่กองบัญชาการเทอร่าสควอดอน สามวันถัดมา
              "ฟ้าวววววว ฟ้าววววว ฟ้าววววว ฟ้าวววว ฟ้าวววว ฟ้าววววววว ฟ้าวววววว ฟ้าวววววว" เอลีททเวลฟ์ในชุดเกราะแบบ PCA ทะยานอยู่เหนือทะเลรอบฐาน ซึ่งก็มีจูดิธ นิโคล่า ริโคน่า โรนัลด์ เฮลก้า มิลโดว์ ทาริก้าบินตามรูจเซียและเชรฟเช่ที่บินนำอยู่
              "โว้ว ชุดเกราะแบบใหม่นั้นทำให้พวกเจ้บินเร็วกว่าที่คิดเลยนะเนี้ย" ลิ่วเฟยบอก
              เจย์เดนกล่าว "พวกคุณเคยเห็นเหล่าทหารสวมชุดเกราะแบบมนุษย์เตารีดออกสู้บ้างหรือเปล่าละ" โดยถามกับพวกพีวิลที่มาสังเกตุการณ์ไว้
              "เคย เพียงแต่ทหารที่สวมชุดแบบนี้ โดนพวกโซลูนาสตี้ชุดที่ถูกส่งไปอยู่อวกาศไล่จัดการหมดยกชุดแล้วนะสิ" แอบไบออสบอก "อีกอย่าง ทหารในกองกำลังพันธมิตรมนุษย์เอง ไม่ใช่ทุกกองที่สวมเกราะแบบนี้ เพราะต้นทุนแต่ละชุดมันไม่ใช่น้อยๆเลยน่ะ"
              คงเดชบอก "เพราะอย่างงั้นชุดเกราะที่พวกพี่เฟรดสวมมานิ มันบินไม่ได้เลยละสิน่ะ แล้วจะตั้งชื่อหน่วยรบวิหคกันไปทำไมละ"
              "ผู้การเฮลิคตั้งชื่อหน่วยรบวิหคขึ้น เพราะหน่วยนี้ต่อให้บินไม่ได้ แต่สามารถเคลื่อนไหวจากตำแหน่งหนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็วราวกับเป็นนกบินได้นะสิ" พีวิลกล่าวตามที่รู้จากเดลิคเล่ามา "อีกอย่าง ชุดเกราะที่หน่วยรบวิหคสวม ก็เป็นชุดเกราะรุ่นต้นแบบชุดแรกสุดที่ถูกสร้างให้เป็นชุดเกราะสำหรับต่อสู้แบบเต็มรูปแบบ ต่างจากชุดเกราะ PCA แบบทหารที่สร้างขึ้นแบบผลิตจำนวนมาก ที่แม้จะด้อยกว่าของฝ่ายพันธมิตรมนุษย์ แต่สามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ใส่และสามารถพัฒนาอัพเกรดได้ตามสถานการณ์กันนี้แหละ"
              เทลลีนกล่าว "เหมือนที่พวกคุณดัดแปลงโมบิลทรูปเปอร์รุ่นที่ใช้เมื่อ 24 ปีก่อน ให้เป็นแบบฉบับของพวกคุณเองเลยสิน่ะ เพราะในช่วงนั้นทรัพยากรบนโลกแทบจะมีน้อยถึงน้อยมากเลยน่ะ"
              "แต่อย่างน้อย พวกนายคงจะใส่ชุดที่ไม่เทอะทะเหมือนของเก่ากันบ้างน่ะ" เวคตันบอก โดยมองคงเดชสวมชุด PCA แบบหนาและใหญ่ แม้จะเล็กกว่าของเดิมอยู่ก็ตาม
              เจย์เดนบอก "และต้องมาเสียเวลาลุงกากรีฟติดตั้งระบบซินโครใหม่หมดด้วย จนทางเราต้องมาทดสอบการใช้งานเกราะด้วยการแข่งกับพวกนายเองแหละ" แล้วก็มองชุดเกราะของตนเอง ซึ่งมิได้มีขายาวเหมือนของเดิมแล้ว "แล้วต้องมาแพ้นายหัวเม่นแบบอีกนิดเดียวแล้วแท้ๆน่ะ"
              "ต่อให้นายเคยวิ่งรอบฐานทัพมาก่อน ก็มิได้หมายความว่านายจะได้เปรียบกันเสมอไปหรอกน่ะ" จูอินกล่าว
              โดยตอนนี้ "หวือออ หวือออ หวือออ หวืออออ" พวกจูดิธบินลงมาที่พื้น หลังจากรูจเซียและเชรฟเช่บินลงมาก่อนแล้ว โดยทาริก้าบินลงมาทีหลังสุด
              "ไม่คิดเลย ว่าระบบเจ็ทบู็ทและเจ็ทแพ็คแบบประกอบเข้าของเกราะแบบนี้ จะแรงกว่าแบบที่เราใช้กันเสียอีกน่ะ" ทาริก้าบอก แล้วก็ลุกขึ้นยืนแบบงุ้มง่ามเล็กน้อย
              "นั้นเพราะว่าชุดเกราะนี้เบากว่าของเดิม และถูกสร้างขึ้นให้ใช้ได้ทุกสภาพพื้นที่ ตั้งแต่ภาคพื้น ในน้ำ กลางอากาศ ไปจนถึงในอวกาศด้วยน่ะ" จูดิธกล่าวตามที่เธอทราบจากชาวดาวพลูโตที่ว่ามา
              มิลโดว์บอก "มันก็จริงน่ะ เพราะตอนเชื่อมต่อกับเทอรอทของผมแล้วนิ มันตอบสนองกับการเคลื่อนไหวของผมได้เร็วตามไปด้วยน่ะ"
              "แน่ละ เพราะว่าเทอรอททรูปเปอร์ของพวกนายนั้น สร้างอิงตามข้อมูลของเทอรอทโซลาร์ดและลูนาร์ดรวมกันไว้ เพียงแต่ลดประสิทธิภาพลงก็เท่านั้นเองแหละ" เชรฟเช่บอก
              รูจเซียกล่าว "เพียงแต่ พวกนายใช้ชุดเกราะที่หนาเตอะ เพียงเพื่อเพิ่มความทนทานต่อแรงปะทะที่เกิดจากการต่อสู้ไว้ ซึ่งนั้นไปตัดประสิทธิภาพการใช้งานลงไปถึง 30 เปอร์เซนต์เลยน่ะ"
              "ถึงว่าสิ ว่าทำไมหุ่นตอบสนองช้ากว่าปกติ จนเราต้องเร่งพลังตามไปด้วยน่ะ" นิโคล่าบอก
              ริโคน่าบอก "แต่การที่ชุดเกราะบางลง เท่ากับว่าเราต้องเจ็บตัวมากขึ้นกว่าเดิมละสิ"
              "อย่างน้อย ฟิล์มกันแรงกระแทกที่อยู่ในเกราะช่วยลดแรงปะทะให้ก็ช่วยได้บ้างน่ะ" เชรฟเช่กล่าว "อีกอย่าง พวกไทรเวเซอร์ที่ควบคุมหุ่นรบเอง พวกเขาก็ขึ้นควบคุมโดยไม่สวมชุดเกราะใดๆเลยนั้น เพราะมีการปรับแต่งให้ลดแรงปะทะจากการต่อสู้มาแต่แรกด้วยน่ะ"
              โรนัลด์บอก "เหมือนที่คุณมัสด้าและพวกสามารถต่อกรกับเราได้ ราวกับว่าหุ่นของพวกเขาเป็นร่างขนาดใหญ่ของเขาดีๆนี้เองละสิน่ะ"
              "ว่าแต่ พวกนายจะลองบินสักหน่อยมั้ยละ" เฮลก้าบอก เทนยะพยักหน้า
              กุนทรีกล่าว "หวังว่าคงไม่มีใครเผลอเร่งเครื่องแรงจนชนพวกเราตกทะเลกันหมดเลยนะคะ" และหันมาถามพวกพีวิล "ว่าแต่ ฉันไม่เห็นตัวเรืออากาศเอกฟริตซีล่าอยู่เลยน่ะ"
              "นั้นสิ เราคิดว่าจะได้แข่งกับเธอแล้วเสียอีกน่ะ" นิโคล่าบอก
              พีวิลกล่าว "ไซโคลเนียยังซ่อมแซมโมบิลลอยด์ของเธออยู่นะสิ เช่นเดียวกับทุกๆคนด้วย ที่ต้องอยู่ซ่อมแซมหุ่นเลยน่ะ"

              "แม้กระทั่งเลิ่ฟลี่แองเจิ้ลด้วยสิน่ะ" ริโคน่ากล่าว "เมื่อวาน มีข่าวร้ายขึ้นที่ออสเตรเลีย เกี่ยวข้องกับโครงการไซคิกโซลเยอร์ที่โน่น ซึ่งบุคลากรในโครงการไปเจอกับเลิฟลี่แองเจิ้ล ก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นมาเลยนะ"
              เจย์เดนกล่าว "ทีแรก ฉันคิดว่าทั้งสองคงทำอะไรสักอย่างที่เป็นการวางยาให้คนในโครงการเกิดบางอย่างผิดปกติ จนมีคนตายไปไม่น้อย แต่ไม่คิดเลย ว่าต้นเหตุจริงๆ มันจะมาจากคนในโครงการพยายามจะเร่งให้บุคลากรเหล่านั้น พร้อมออกปฏิบัติการณ์ให้ได้โดยเร็ว หลังจากที่เกิดเรื่องเมื่อ 3 วันก่อนน่ะ"
              "แต่ ฉันยังไม่เชื่อน่ะ ว่าเลิฟลี่แองเจิ้ลไม่ได้ทำอะไรไม่ว่า แค่เห็นหัวคนอื่นหายไป จนรู้ว่าคนตายไปจริงๆนั้น มันยังแปลกๆอยู่เลยน่ะ" จูดิธบอก
              คงเดชกล่าว "คนที่เชื่อถือในหลักการและข้อเท็จจริงมากอย่างเธอ คงไม่สนเรื่องลางบอกเหตุกันหรอกน่ะ และการที่เลิฟลี่แองเจิ้ลเห็นเงาหัวอดีตเพื่อนเก่าของร้อยตรีหญิงจีน่าเลือนหายไปนั้น แสดงว่า เพื่อนเหล่านั้นคงทำกรรมในชาติที่แล้วไว้มาก ส่งผลให้ชาตะขาดในชาตินี้ โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวว่าพวกเขากำลังจะตายน่ะ"
              "ฉันก็เชื่อเช่นน่ะ เพราะต่อให้ฉันนับถือศาสดาฮินดู ฉันก็เชื่อในกฎแห่งกรรมกันบ้างน่ะ" กุนทรีบอก
              เฮลก้าบอก "และคนที่ไม่เชื่อคำพูดที่บ่งบอกไว้ ล้วนประสบเหตุดังกล่าวขึ้นจริงแน่นอน ซึ่งเธอคงไม่ลงเอยเหมือนกับพวกเขากันหรอกน่ะ"
              "แม้เรื่องลางบอกเหตุหรือเรื่องเหนือธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องที่ไร้สาระ แต่นายคงจะบอกว่า ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ กันอีกละสิ" จูดิธกล่าว
              คงเดชบอก "ก็แค่เตือนเอาไว้น่ะ เพราะต่อให้เธอไม่เชื่อเรื่องเหลวไหล ก็อย่าสบประมาทเรื่องที่เหนือกฎเกณฑ์กันบ้างน่า"
              "แล้วนายพอจะรู้มั้ย ว่าไซคิกโซลเยอร์เหล่านั้น ตายด้วยสาเหตุอันใดละ เพราะทางรัฐบาลปิดบังเรื่องนี้แล้วประกาศว่าเป็นฝีมือของทหารจากนอกโลกน่ะ" เจย์เดนกล่าว
              พีวิลบอก "ถ้าฉันบอกว่า โครงการสร้างทหารพลังจิตนั้น ใช้ตัวอย่างเนื้อเยื่อของเด็กแว้นพลังจิตที่เสียการควบคุม เมื่อช่วงยุคทองมาเป็นเซรุ่มใช้สร้างทหารพลังจิตเหล่านั้นละ"
              "หมายถึง เท็ตสึโอะซินโดรม ละสิน่ะ เฮ้ออออ ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าสหพันธ์โลกใหม่ยังเก็บเชื้อร้ายนี้ไว้อยู่น่ะ" เทนยะบอก เพราะเขาเองก็ศึกษาเรื่องนี้มาเช่นกัน "ถ้าให้เดาน่ะ ผู้รับการดัดแปลงขั้นสุดท้าย มีส่วนมากที่ตัวบวมจนฆ่าพวกที่เหลือและแตกระเบิดทำลายสถาบันเองสิน่ะ" พีวิลพยักหน้า
              แอบไบออสบอก "ที่รัฐบาลออสเตรเลียปิดบังเรื่องเช่นนี้ ก็เพื่อมิให้รัฐบาลญี่ปุ่นรู้ว่า ผู้ดำเนินการโครงการนั้นได้เชื้อร้ายที่ควรถูกทำลายไปแล้วมาใช้สร้างอมนุษย์บอลลูน แทนที่จะเป็นยอดทหารพลังจิตเลยน่ะ"
              "แล้วว่าแต่ พวกพ้องของเธอจะลงมาตอนไหนละ" ทาริก้าถาม
              รูจเซียบอก "น่าจะเป็นช่วงบ่ายนี้แหละ นับตั้งแต่นายบ้านโซลราฟและนายบ้านลูสนาร์คพากองรบเข้ายึดสถานีป้องกันบนวงแหวนวงโคจรไปนั้น สหพันธ์โลกใหม่แทบไม่เคลื่อนไหวเลยน่ะ"
              "แต่ความเงียบสงัดนั้น อาจเป็นลมสงบก่อนพายุลูกใหญ่จะพัดเข้ามากันแน่นอน" เทนยะกล่าว
              พีวิลบอก "นั้นคือความกังวลของพวกเรามาตลอด 3 วันด้วยกันน่ะ"
              "แล้วเรดดิลและบลูดัสท์ล่ะ" แอบไบออสบอก
              เจย์เดนกล่าว "อยู่ซ่อมแซมโซลาร์ดและลูนาร์ดกันนะสิ หลังจากที่เอาไปฝึกร่วมกับหุ่นเบอร์แปด เบอร์เก้า และหุ่นยักษ์อีกสองตัวของพวกนายนะสิ"

              "ฟ้าวววววววววววววววว" ไม่ทันไร ยานลิเบอร์ตี้นิวออลีนและยานเซนเตอร์ดาโบด้าบินมาจากฝั่งตะวันออก แล่นลงมาที่ฐานทัพเทอร่าสควอดอนพอดี
              "คลอเวฟ เพื่อนเก่านายมาหาน่ะ" สเตฟอร์ดบอก
              คลอเวฟบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ "มันกับเมียมันน่าจะอยู่แทแรนเซียมิใช่หรือวะ ทำไมมันโผล่มาได้กันละเนี้ย"
              "ฉันคิดได้อย่างเดียวคือ บางอย่างในเขตมหาสมุทรแอตแลนติคมีความผิดปกติกันในช่วงสามวันก่อนนะสิ" สเตฟอร์ดบอก
              คลอเวฟได้ฟังก็พยักหน้าเพราะรู้ดีว่า... "เกซเฟลิคลงมือทำอะไรบ้าๆเลยสิน่ะ"
              "ราชินีมากาเล็ตส่งพวกท่านมานี้ เพื่อการคุ้มกันเลยสิน่ะ" บราวน์เดคบอก หลังจากที่เฟอร์นันเดอร์และเบเร่ต์เข้ามาที่ห้องทำงาน
              เบเร่ต์บอก "นั้นครึ่งหนึ่งนะคะ แต่ ที่เรามานี้ ด้วยเหตุที่ไม่เข้าท่า ซึ่งเกิดขึ้นกับ จอมพลเฮฟเตอร์และนายพลรัสเทิ้ลนะคะ"
              "จอมพลเฮฟเตอร์และนายพลรัสเทิ้ลนะหรือ สามวันที่ผ่านมานั้น เราแทบไม่ได้รับการแจ้งจากทั้งสองเลย นับตั้งแต่เรื่องฐานทัพของเราถูกเกรย์เบียสบุกเลยนะ" ไวโอเลฟกล่าว
              เฟอร์นันเดอร์บอก "พวกไทรเวเซอร์ยังอยู่กับพวกนายสิน่ะ ดีเลย เพราะพวกเรามาเพื่อแจ้งให้พวกเขาทราบสักหน่อยน่ะ"
              "มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรือ เฟอร์นันเดอร์" สเตฟอร์ดกล่าว โดยตอนนี้ตนกับพวกเมนซิกส์ทีนเข้ามากันแล้ว
              โฟรซ่าถาม "นั้นสิ ถ้าเธอและเฟอร์นันเดอร์มานี้ แสดงว่าเธอให้ใครคุมแทแรนเซียแทนละสิน่ะ"
              "วิลเลี่ยมส่งดักลาสและกองรบมาช่วยกองรบจากอเมริกามาคุ้มกันแทแรนเซียให้แล้วละ" เบเร่ต์บอก "ต้องขอบใจการบุกยึดของฝ่ายนอกโลกด้วย ที่ทำให้กลุ่มประเทศที่อยู่ภายใต้สหพันธ์โลกใหม่ต้องถอนตัวจากกลุ่มสมาชิกอย่างรวดเร็ว และส่งผลให้กองทหารและองค์กรที่สหพันธ์โลกใหม่สนับสนุนหรือเกี่ยวข้องนั้น รีบลงมือพัฒนากำลังพลและยุทโธปกรณ์ที่รับผิดชอบอยู่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อนำมาใช้ในการยึดสถานีวงโคจรคืน จนส่วนมากเกิดความผิดพลาดและก่อความเสียหายเป็นวงกว้าง แม้จะมีส่วนหนึ่งจำกัดวงให้อยู่ในพื้นที่ไปได้ก็ตามน่ะ"
              เจเนลกล่าว "เราทราบข่าวมาแล้วละ รวมถึงข่าวที่อดีตเพื่อนของจิลกลายเป็นมนุษย์ตัวบวม ฆ่าลูกศิษย์และเหล่านักวิจัยส่วนมากตายไปด้วยแล้วน่ะ"
              "นั้นรวมไปถึงพวกพยายามจะทำลายหลักฐานที่สร้างขึ้นมา หรือไม่ก็รีบเก็บซ่อนก่อนที่ทหารจากนอกโลกจะมายึดไปสิน่ะ" สเปียริทบอก
              เบเร่ต์กล่าว "ถ้าเป็นพวกนั้นละก็ ฟอสเตอร์แจ้งให้หน่วยสืบราชการและกองทหารที่ขึ้นตรงกับพวกเขาจัดการขวางไว้แล้วละ รวมถึงสั่งกักบริเวณเขตอุตสาหกรรมและศูนย์วิจัยที่สนับสนุนสหพันธ์โลกใหม่กันแล้วละ"
              "งั้นโบลเชทเฮฟวี่อินดัสทรี่ก็ถูกควบคุมเลยสิน่ะ" จายด์บอก
              เฟอร์นันเดอร์พยักหน้า "นอกจากควบคุมแล้ว เผลอๆกองทหารที่โน่นจะทำการสืบสวนภายในเพิ่มเติม เพราะมีคนในแจ้งเรื่องความไม่ชอบธรรมอีกหลายสิบเรื่องมาให้เบื้องบนทราบ แต่ถูกสหพันธ์โลกใหม่ขวางทางเอาไว้เสียก่อนนะสิ" แล้วก็พูดเข้าประเด็น "แต่จริงๆแล้ว เรามานี้ด้วยเหตุร้ายที่คาดไม่ถึง ซึ่งมันเกี่ยวกับ นายเองนี้แหละ"
              "ถึงนายไม่บอกตรงๆ ฉันก็รู้ว่า มันเป็นเรื่องอะไรกันวะ" คลอเวฟบอก
              บราวน์เดคกดปุ่มเพื่อแจ้งให้ "เยลโลว์ไลน์ ไวโอล่า แจ้งให้ทเวลฟ์เอลีท กัลสตาร์ซีโร่ และหน่วยจากแปดดาวเข้าร่วมประชุมที่ห้องโถงหลักโดยด่วนเลย"

              ห้องโถงหลักในฐานทัพเทอร่าสควอดอน
              "นายพลรัสเทิ้ลและจอมพลเฮฟเตอร์ ถูกพวกแมนิเกเตอร์ที่อยู่ในความดูแล แปรสภาพไปอย่างงั้นนะหรือ" บราวน์เดคบอก หลังจากที่เฟอร์นันเดอร์แจ้งมา ซึ่งคลอเวฟกับพวกเมนซิกส์ทีนนิ่งอยู่ ในขณะที่พวกมนุษย์ทั้งในและนอกโลกต่างตกใจไม่น้อย
              มิลโดว์บอก "ท่านนายพลแฟนดิแอโรว์ จอมพลเฮฟเตอร์กับนายพลรัสเทิ้ลนั้น เป็นนายทหารที่มากความสามารถที่สุดในสหพันธ์โลกใหม่ ซึ่งพวกเขามีมาตราการโต้ตอบการคุกคามของแมนิเกเตอร์ทั้งสองพวกกันแล้ว มันไม่น่าที่จะ..."
              "เกรงว่า ที่เฟอร์นันเดอร์ว่ามา มันจะเป็นจริงแล้วนะสิ" พีวิลบอก เฟอร์นันเดอร์พยักหน้า
              กุนทรีถาม "ว่าแต่ พวกคุณมีหลักฐานยืนยันมั้ยละคะ ว่าที่พวกคุณว่ามานั้นเป็นจริงได้น่ะ"
              "นั้นสิ เท่าที่เราทราบมา ยายแก่เฮฟเตอร์นั้นเป็นนายทหารที่รังเกียจคนอย่างพวกเราไม่น้อย ถึงขั้นที่อยากจะนำทัพไปกวาดล้างพวกเราด้วยตัวเองเลยน่ะ" เบรซเซ่กล่าว
              เบเร่ต์บอก "มันก็จริง ที่ว่าพวกเธอและคนบนดวงจันทร์เอง ไม่ชอบขี้หน้าของยายแก่เฮฟเตอร์มากนัก แต่เกรงว่าคราวนี้ ยายแก่ที่ว่านั้น หมองูตายเพราะงูเหมือนกับรัสเทิ้ลแล้วละ
              "งั้นเราเริ่มเรื่องเลยดีกว่าน่ะ เพราะถ้าช้า ปัญหาอาจจะบานปลายจนแก้ไขอะไรไม่ได้แน่นอนแล้วน่ะ" เฟอร์นันเดอร์พูดเข้าประเด็นก่อนเล่าไปว่า "เมื่อ 2 วันก่อน ยามชายฝั่งฟลอริด้าได้พบกับทหารภายใต้สังกัดของนายพลรัสเทิ้ล อาการสาหัสอยู่ในเรือฉุกเฉินที่ลอยเข้ามาในเขตทะเล โดยที่เรือนั้นเปิดสัญญาณ S.O.S. แบบเฉพาะทางให้ยามชายฝั่งรับทราบไว้ เพื่อมิให้มีคนจากฐานตามเจอเลยน่ะ" แล้วก็เปิดภาพทหารที่อยู่ในเรือ ซึ่งเนื้อตัวมีเลือดท่วม
              นิโคล่าบอก "แสดงว่าเขาคงจะหนีออกจากฐานทัพของนายพลรัสเทิ้ลมานิ คงเป็นพวกที่ทนต่อการรับน้องกันไม่ได้สิน่ะ"
              "ทหารผู้นี้เป็นนายทหารน่ะ และเป็นหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนที่รับผิดชอบในการตรวจตราขอบเขตน่านน้ำรอบฐานทัพของนายพลรัสเทิ้ล ถึงแม้เขาไม่มีหลักฐานเป็นนามบัตร แต่โชคดีมาก ที่ทางรัฐบาลมหาสหรัฐฯมีข้อมูลดีเอ็นเอของนายทหารผู้นี้ เลยทำให้ระบุตัวได้ จนสามารถนำตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลไมอามี่เดดแล้วน่ะ" เบเร่ต์บอก "แน่นอน ว่าเมื่อวาน ทางทหารฝ่ายเราได้สอบปากคำนายทหารผู้นี้ ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่พวกเราต้องข้ามแผ่นดินอเมริกาเหนือตรงมาหาพวกนายนี้แหละ"
               ริโคน่าถาม "คุณคงไม่ได้หมายความว่า นายพลรัสเทิ้ลคิดจะนำกองเรือถล่มทุกประเทศที่อยู่ในขอบเขตตามคำสั่งของสหพันธ์โลกใหม่นะหรือ"
              "แย่กว่านั้น เพราะนายทหารผู้นี้บอกว่า รัสเทิ้ลและพวกทหารที่อยู่ในฐานทัพที่คุมซากฐานทัพของพวกแอตแลนไทซ์ ถูกจับดัดแปลงเป็นแมนิเกเตอร์ไปแล้ว โดยที่เขาสูญเสียลูกน้องที่ช่วยให้เขาหลบหนีขึ้นเรือฉุกเฉิน ตรงดิ่งมาเพื่อแจ้งข่าวให้กับทางการทราบโดยเร็วนะสิ" เบเร่ต์บอก ในที่ประชุมถึงกับตกใจไม่น้อย
              แนคเกลบอก "ป้าคงไม่ได้หมายความว่า ยายแก่เฮฟเตอร์กับพวกที่อยู่แถวแปซิฟิกก็โดนด้วยนะหรือ"
              "โดนด้วย ฝูงบินจากแคเมรูนได้รับสัญญาณเตือนจากคนในฐานทัพดังกล่าวแจ้งมา ว่าที่ปรึกษาเออไดน์บ้าไปแล้ว มันจับเฮฟเตอร์และนายทหารที่ยังอยู่ไปดัดแปลงเหมือนกับพวกทหารรายอื่นๆด้วย ซึ่งฝูงบินดังกล่าวบินกลับมาแจ้งเบื้องบนและทางเพนทากอน แล้วทางเพนทากอนก็เรียกพวกเราให้มาแจ้งกับทุกๆคนที่นี้เองแหละ" เฟอร์นันเดอร์บอก
              เวคตันชูมือ "เดียวก่อนน่ะ ที่พวกไทรเวเซอร์ไม่แสดงอาการอะไรเลยนิ คงจะรู้เรื่องนี้เลยสิน่ะ"
              "ที่พวกเรารู้ไม่แปลกหรอก เพราะเหตุการณ์ที่เกิดกับกองทัพสหพันธ์โลกใหม่ที่คุมฐานทัพของแอตแลนไทซ์และโซลูนาสตี้นั้น ล้วนมาจากคำสั่งของเกซิคที่ถูกไล่ต้อนกันนะสิ" สเตฟอร์ดบอก
              ไซโคลเนียกล่าว "พอรู้ว่าสถานีปืนใหญ่วงโคจรถูกยึดไปจนหมด แถมมีกองยานปิดล้อมอยู่นอกโลกกันด้วย แถมยังมีการประกาศบีบให้ตนต้องลงจากตำแหน่งโดยเร็วด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเหตุผลให้เกซิค ก่อเรื่องบ้าๆนี้เพื่อเป็นการโต้ตอบกลับเลยนะสิ"
              "ผู้นำสหพันธ์โลกใหม่บ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงได้สังเวยนายพลรัสเทิ้ลและจอมพลเฮฟเตอร์กับพวกไปได้น่ะ" เจย์เดนบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "สำหรับเกฟสตัลท์เบิร์ทหรือเกซิคนั้น มนุษย์บนโลกและนอกโลก ล้วนเป็นตัวหมากในการทำสงครามอวกาศครั้งใหญ่กันนี้แหละ" แล้วก็บอก "แน่นอนว่ารีวองโด้ กรีบิล หรือนายทหารท่านอื่นๆเองก็ไม่ต่างจากหมากที่ใช้แล้วทิ้ง หรือเป็นแค่ตัวแปรช่วยให้ตนได้เปรียบกันมากขึ้นเท่านั้นเองแหละ"
              "แบบนั้น ทั้งชาวโลกและชาวอาณานิคมนอกโลกที่อยู่ในกำมือของสหพันธ์โลกใหม่เองก็เดือดร้อนไปไม่น้อยละสิ" เอฟซีโต้บอก
              ซอนแนคบอก "แต่ที่พวกคุณมาเตือน เพื่อให้เราเตรียมพร้อมรับมือกับการบุกของพวกสหพันธ์โลกใหม่ในคราบของแมนิเกเตอร์เลยสินะ"
              "ใช่ และไม่ใช่แค่พวกเดียว แต่เป็นสองพวกด้วย แถมยังเป็นตัวอันตรายกันทั้งนั้นแหละ เพราะกลุ่มหนึ่ง ทำให้คาบสมุทรทั่วโลกโกลาหล ส่วนอีกพวกนั้น ทำให้ฟากฟ้าไม่เป็นที่ปลอดภัยกันแล้วน่ะ" เบเร่ต์บอก "ก่อนที่จะมีหน่วยรบจากดาวอื่นหรือดวงจันทร์ที่อาจจะลงมา มีปัญหาไปมากกว่านี้ ทางเราได้รับคำสั่งจากราชินีมากาเล็ตให้พวกนายเตรียมตัวไว้เลย"
              "ตี้ดๆๆๆๆๆๆๆๆ" ไม่ทันไรก็มีเสียงดังขึ้นในฐาน พร้อมกับภาพของ....หญิงผมแดงผิวเข้มในชุดทหารสีน้ำเงิน "นี้คือ พันโทแซนลี่ แอคคอน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจากดาวศุกร์ ประจำสถานีตรวจการณ์โซนแปซิฟิก ตอนนี้ฉันมาแจ้งข่าวให้พวกคุณรับทราบหน่อยนะคะ"
              ซอนแนคบอก "ว่ามาเลย แซนลี่ อย่างน้อย เธอคงไม่หลงกับระบบภายในสถานีอวกาศกันบ้างน่ะ"
              "แจ่ม นึกว่านอกโลกจะไม่มีคนๆนี้เสียอีกน่ะ" เจเนลบอก
              พีวิลกล่าว "เจมส์ โฟกัสไปที่ภารกิจก่อนดีกว่า แม้ว่าเธอจะเหมือนตัวละครในการ์ตูนเหมือนกับพวกซอน..."
              "กลับมาเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว พีท เจมส์ ไม่งั้นฉันกับโฟรน่าจะเคาะเรียกสติเสียที" สเตฟอร์ดเตือน โฟรซ่าพยักหน้า
              แซนลี่กล่าว "ทางเราได้ตรวจจับสัญญาณพลังงานของพวกศัตรูจำนวนมาก ปรากฎตัวอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งบุกเข้าคุกคามเขตหมู่เกาะและเมืองเหนือน้ำและใต้น้ำกันในคราวเดียว ทางเราได้ตรวจสอบดูจนพบว่าเหล่าศัตรูพวกนี้อยู่ในกองเรือของพวกแอตแลนไทซ์ที่ปรากฎตัวเมื่อ 24 ปีก่อน โดยกองรบที่อยู่นอกโลกได้มุ่งหน้าลงไปที่โลกเพื่อหยุดกลุ่มศัตรูเหล่านั้นไว้นะคะ"
              "แบบนั้นไม่ดีแล้วละ แล้วตอนนี้พวกหน่วยรบส่วนหนึ่งของกองกำลังจากนอกโลกทั้งแปดดาวก็ถูกโจมตีแล้วสิ" เทลลีนบอก แซนลี่พยักหน้า
              บราวน์เดคกล่าว "ส่งพิกัดตำแหน่งมาเดียวนี้เลย แล้วก็..." สั่งการไปว่า "ทุกหน่วย ออกปฏิบัติการณ์เดียวนี้เลย"
    ต่อพาร์ทที่ 2 ได้เลย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×