ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga: HyperStar Trooper

    ลำดับตอนที่ #66 : ตอนที่ 25 ปฏิบัติการณ์ร่วมบนโลกครั้งที่ 2 มหันตภัยเหนือฟากฟ้ากลับมาอีกครั้ง ความลับจากสหายทั้งสองที่คาดไม่ถึง พาร์ทสอง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12
      0
      21 ก.ค. 63

              ย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อน เช้าวันต่อมาหลังจากที่แอตแลนไทซ์พินาศไปแล้ว
              "หมอเช็คดูแล้ว สภาพอาการยังเป็นปกติดีอยู่ แต่จากการที่หมอฟังเจเนลและลิเนียร์ตี้เล่าถึงความฝันมานั้น....." เดเมี่ยนกล่าวสรุปหลังจากตรวจเจเนลและลิเนียร์ตี้ในตอนเช้า ".....ถ้าทั้งคู่ไม่มีอาการเฟ้อเพราะพิษไข้หรือความเครียด หมอคิดว่า เศษเสี้ยวความทรงจำของสิ่งที่ทั้งคู่ได้รับมานั้นได้กระตุ้นให้ทั้งคู่ฝันถึงได้นะสิ"
              แอนเดรียบอก "เศษเสี้ยวความทรงจำของสิ่งที่ลิเนียร์ตี้และคุณเจเนลได้รับมา หมอคงไม่ได้หมายถึง...."
              "เจเนลได้เขาซิลิเดี่ยมคู่หนึ่งจากซัลวาส ขุนพลของพวกสโทรเพธภายใต้การนำของยัยฟรีทเทรเซีย แม่ทัพสโทรเพธในช่วงเวลานั้น กับแกนหัวใจของคิวตี้ฮัลลี่ที่ลิเนียร์ตี้ได้รับมา แทนที่แกนอีเนลเซี่ยมที่เสื่อมสภาพเร็วละสิน่ะ" สเปียริทบอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "จะว่าไปมันก็ใช่น่ะ เพราะว่าในฝัน ฉันเห็นคุณฮัลลี่ต่อกรกับใครบางคนอยู่ในป่าเลยน่ะ"
              "ของฉันนั้น อยู่กลางสะพานเลย ทีแรกฉันคิดว่าฉันอยู่กลางสะพานข้ามแม่น้ำเธมแน่นอน" เจเนลกล่าว "แต่พอเห็นซัลวาสที่ควรจะตายไปแล้ว กำลังสู้กับใครบางคนบนสะพานอยู่ ฉันจึงแน่ใจว่า นั้นไม่ใช่สะพานเธมแน่ๆแล้ว แต่เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเลื่องชื่อที่ยัยแฮกเกอร์นามไทนิสหลบหนีและร่วงตกสะพาน จนพวกทรอยอาร์นำตัวไปคืนชีพเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มตำรวจคนบาปเลยน่ะ"
              ฟิเกซบอก "สะพานข้ามแม่น้ำดาเนฟ อันเป็นสถานที่ๆคนเลวๆหลบหนีและร่วงตกแม่น้ำกันเป็นประจำจนมีสมญาว่า ทางหนีสุดท้ายของพวกอาชญากร และประตูสู่แดนแห่งความตายกันละสิน่ะ"
              "แล้วพอจะบอกได้มั้ย ว่าซัลวาสนั้นสู้กับใครละ" สเตฟอร์ดบอก
              เจเนลส่ายหน้า "ใบหน้าของคู่ต่อสู้นั้นไม่ชัดเจนมากนักนะ ลูกพี่" แล้วก็บอก "แต่การที่ผมเห็นหน้าหมอนี้อยู่ด้วยนั้น แสดงว่าส่วนหนึ่งของมันที่ติดมากับเขาของมันนั้น คงพยายามจะบอกบางอย่างให้ผมรู้ได้อย่างแน่นอนเลยละ"
              "ฉันก็คิดเช่นนั้นน่ะ เพราะฝ่ายตรงข้ามที่ต่อกรกับคุณฮัลลี่นั้น เอ่ยชื่อด้วยน้ำเสียงที่โกรธจัดมากๆเลยน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วละก็ ลิเนียร์ตี้ เจเนล ยืนตั้งสมาธิ เชื่อมจิตเข้ากับจิตของเจ้าของเดิมที่ยังหลงเหลือไว้ได้เลย"
              "ได้อยู่แล้วละ เพราะฉันเองก็อยากรู้เหลือเกิน ว่าซัลวาสอยากจะบอกอะไรกันแน่น่ะ" เจเนลบอก แล้วก็หลับตาโดยใช้สองมือแบใกล้กับเขาข้างหัวของตนจน "แว้ง แว้ง แว้ง" เขาข้างหัวทั้งสองข้างเรืองแสง ลิเนียร์ตี้หลับตาและประสานมือทั้งสองตรงกลางหน้าอก "แว้ง แว้ง แว้ง" โดยที่ตัวเธอเรืองแสงขึ้น
              จากนั้นก็.... "ที่นี้ มันที่ไหนกันละเนี้ย" เจเนลกล่าว โดยที่เขาลืมตาขึ้นมา เขามิได้อยู่ในห้องพยาบาลในยานไทรแองเกิ้ล แต่อยู่กลางทุ่งหญ้าสีขาวโพลน ฟากฟ้าและรอบด้านนั้นเป็นสีขาวหมด
              "ดูเหมือนว่า นายอยากจะเจอฉันเพื่อเอาคำตอบที่นายสงสัยกันในตอนนี้แล้วละสิน่ะ เจเนล"
              "เสียงนี้.....เป็นนายเองสิน่ะ ซัลวาส" เจเนลกล่าวและหันมา เห็นสโทรเพธในชุดสีแดงส้มกับเขาสองเขาสีแดงบนหัว ซึ่งมีแววตาสีแดงก่า แทนที่จะเป็นตาสีขาวทั้งสองดวง "ถ้าให้เดาน่ะ นายคงจะเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำที่นายเหลือไว้ในเขาที่นายให้ฉันไว้สิน่ะ" เจเนลกล่าว
              สโทรเพธชุดแดงส้มนามซัลวาสพยักหน้าและเดินเข้ามา "แม้ฉันจะตายไปแล้ว แต่ความทรงจำที่ฉันฝังไว้ในเขาคู่เดิมของฉันนั้น ยังคงอยู่ แม้นายไม่เคยเลยที่จะใช้มันไว้เลยก็ตาม เพียงแต่ตอนนี้ ฉันจำเป็นต้องให้นายรู้ไว้เลยน่ะ"

              "นายจะให้ฉันรู้เรื่องที่ฉันเห็นในฝันเลยละสิน่ะ" เจเนลบอก ซัลวาสพยักหน้า แล้วก็ดีดนิ้ว "ฟ้าวววว" ทุ่งหญ้าสีขาวแปรเปลี่ยนเป็นภายในเมือง โดยมีเด็กชายสองตนเล่นโยนบอลกับเด็กหญิง ซึ่งเด็กชายคนหนึ่งผมสีน้ำตาล คนที่สองผมสีขาว เช่นเดียวกับเด็กหญิงตัวน้อย
              "เด็กผมสีน้ำตาลนั้นคือฉันเอง ฉันซึ่งมีครอบครัว มีญาติพี่น้อง มีเพื่อนฝูงในเขตชุมชนที่แสนสุขบนดาวแรซัลก้า ส่วนเด็กสองคนนั้น เด็กชายชื่อ อาครีม่า เป็นพี่ชายฝาแฝดของมีซิลล่า ลูกชายของศจ.เวลไทร์น นักวิจัยเรื่องเอสป้าซัลคาเลี่ยนกลุ่มเซเวคชั่น ซึ่งเป็นซัลคาเลี่ยนที่มีพลังจิตสูงส่งกว่าเอสป้าซัลคาเลี่ยนทั่วไป และเป็นอีกกลุ่มที่ทางจักรวรรดิ์หวั่นเกรงในฐานะศัตรูผู้คุกคาม ในยามที่จักรวรรดิ์มีปัญหาเรื่องอีวิลกูลาร์ที่ไวลิคม่าก่อเรื่องไปด้วยกัน"
              "พวกนี้คงคิดว่าตนเองทรงพลังเหนือกว่าคิโคเดน ไซมาเทนและเหล่าแมนิเกเตอร์ไทป์ต่อสู้ ถึงขั้นที่พวกเขาสามารถเอาชนะโอเวอร์เรสได้เลยสิน่ะ" เจเนลบอก
              ซัลวาสพยักหน้า "และเพราะพวกเซเวคชั่นนี้แหละ ที่เข้ามาจัดการกับศจ.เวลไทร์นลง เนื่องจากว่าศจ.เวลไทร์นได้สร้างยุทโธปกรณ์ให้ชาวซัลคาเลี่ยนธรรมดาต่อกรกับพวกเขา เพื่อนของฉัน อาครีม่า ตัดสินใจเดินตามเส้นทางแห่งความแค้น โดยการตั้งตัวเป็นนักล่าเซเวคชั่นขึ้นมา เพื่อปกป้องน้องสาวของเขาจากการคุกคามของพวกมันไว้ เหมือนที่ฉัน....เลือกจะเป็นสโทรเพธ เพื่อที่ต่อสู้กับพวกเฮซเทิร์ซ แก้แค้นให้กับครอบครัวและทุกๆคนที่ถูกพวกมันฆ่าตาย ซึ่งฉันได้ทำตามจุดมุ่งหมายไว้ แต่ต้องแลกกับความเป็นมนุษย์และสูญเสียที่ยืนเดิมไปในทันที" โดยนำภาพเด็กชายที่ตอนนี้กลายเป็นเด็กหนุ่มที่สวมเกราะสีขาว "ปังๆๆๆๆๆๆๆ" เข้าจัดการกับเซเวคชั่นที่เป็นซัลคาเลี่ยนพลังจิตที่สวมเกราะหลากสีจนล้มตายไปไม่น้อย
              "อาครีม่าไปอยู่กับคุณลุงที่อุปการะเขาและมีซิลล่า น้องสาวที่เป็นใบ้และต้องใช้แพดพูดคุยแทน แน่นอนว่าเขาไล่จัดการกับเซเวคชั่นเป็นรายตัว เป็นกลุ่มเล็กๆ ไปจนถึงกลุ่มใหญ่ๆ แน่นอน ว่าเขาได้เผชิญหน้ากับเซเวคชั่นเก่งๆ แม้กระทั่งคนๆนี้ด้วย" โดยเด็กหนุ่มผมขาวระดมยิงปืนแสงใส่ชายหนุ่มผมตั้งสีทองในชุดสีดำสลับน้ำเงิน "ทิ้วๆๆๆ ปั้กๆๆๆ เปรี้ยะๆๆๆๆๆ" ซึ่งยิงกระสุนเข็มเหล็กปักใส่โลห์สีขาวของอาครีม่า พร้อมกับปล่อยพลังไฟฟ้าอัดใส่
              "หมอนี้เป็นใครกันละ" เจเนลถาม
              ซัลวาสบอก "เกรวิล ไลท์นิ่งอาชัวร์ เซเวคชั่นพลังสายฟ้า ซึ่งเป็น 1 ใน 8 รายในช่วงเวลานั้น เดิมเขาทำงานให้กับพวกเฟเธอร์ กองกำลังต่อต้านรัฐบาลที่เป็นพวกเซเวคชั่น ซึ่งต่อกรกับเซมิลรากิส องค์กรเซเวคชั่นทรงอิทธิพลในแถบหรดี ถึงขั้นที่ท้าทายอำนาจจากจักรวรรดิ์อย่างเปิดเผย ด้วยแผนการใช้เวอชวลดีว่า อันเป็นพลังเซเวคชั่นที่ใช้ควบคุมชาวซัลคาเลี่ยนทั่วดาวให้เป็นทาส และใช้เพิ่มพลังเซเวคชั่นและเหล่านักรบพลังจิตให้กล้าแกร่งยิ่งขึ้น โดยพลังดังกล่าวนั้นมาจากเด็กหญิงที่เกรวิลเข้าช่วยไว้ และเป็นเป้าหมายที่ฉันได้รับมอบให้มานำตัว เพื่อส่งตัวเธอไปให้องค์หญิงแม่มดฟอสเซเรนควบคุมตัวอย่างเป็นทางการ แต่ก็ทำไม่สำเร็จเลยน่ะ" โดยที่ซัลวาสกับเจเนลยืนอยู่บนมุมตึก มองการต่อสู้ระหว่างเพื่อนเก่าของเขากับยอดมนุษย์ไฟฟ้าอยู่ห่างๆ "แม้ว่าเกรวิลจะช่วยเด็กหญิงที่มีพลังดังกล่าวไว้ แต่หัวหน้าของเขากลับทรยศเขาจนเด็กหญิงนั้นตายไป เพราะเขาต้องการพลังอันยิ่งใหญ่มาเป็นของตนเอง ด้วยการใช้ปืนของอาครีม่ายิงเกรวิลตาย แต่นั้นก็ทำให้เขาฟื้นขึ้นมา ด้วยพลังเวอชวลดีว่าจากเด็กหญิง กลับมาแก้แค้นได้สำเร็จ แม้นั้นหมายถึง เกรวิลได้ทรยศต่อองค์กรเดิมเลยก็ตาม จนฉันต้องมาอธิบายให้กับพวกที่เหลือรับทราบไว้เองแหละ"
              "แต่นายเป็นคนช่างเจรจาด้วยหรือ เพราะฉันเห็นนายแล้ว นายคงเป็นประเภทเชือดก่อนแล้วพูดทีหลังเลยน่ะ" เจเนลบอก
              ซัลวาสกล่าว "ฉันแค่แจกไปสองสามแผลเท่านั้นเอง เพราะพวกเขาไม่เชื่อหรอก ว่าหัวหน้าที่พวกเขาเคารพเทิดทูนจะเป็นคนแบบนี้น่ะ" แล้วก็บอก "แต่จริงๆแล้ว พลังเวอชวลดีว่านั้น ไม่ได้เป็นของเด็กหญิงอย่างแท้จริงหรอก แต่เป็นพลังที่ดร.เวลไทร์นแบ่งแยกจากมีซิลล่าตั้งแต่เด็กไปใส่ไว้ในร่างเด็กกำพร้า เพื่อหลีกเลี่ยงกลุ่มล่าเซเวคชั่นอื่นๆ หรือเบนเข็มพวกคนชั่วทั้งหลายให้ไปทางเด็กกำพร้าที่เกรวิลช่วยไว้แทน ซึ่งตัวมีซิลล่านี้แหละ เป็นต้นเหตุที่ทำให้ทั้งเกรวิลและอาครีม่าต่อสู้กันอย่างหนักหน่วง จากการที่พวกเซเวคชั่นลักพาตัวมีซิลล่าที่เป็นเจ้าของพลังเดิม กับพลังเวอชวลดีว่ามาใช้ก่อความเดือดร้อน จนทำให้มีซิลล่าได้พลังกลับคืนตามเดิม แม้นั้นจะทำให้เกรวิลเจ็บปวดไม่น้อยเลยก็ตามน่ะ"
              "ถ้าให้เดาน่ะ พลังเวอชวลดีว่าที่เป็นของน้องสาวของไอ้หัวขาวนั้น พัฒนาจนเป็นตัวตนของเด็กหญิงกำพร้าที่ไอ้มนุษย์ไฟฟ้าดูแลอยู่ละสิน่ะ" เจเนลกล่าว
              ซัลวาสพยักหน้า "แม้ฉันจะรู้ว่าการกระทำนั้นเป็นการทำให้น้องสาวของอาครีม่าพูดได้เลยก็ตาม แต่นั้นทำให้อาครีม่ารู้ว่าน้องสาวตนเองเป็นผู้ที่เขาไล่ล่าและฆ่าทิ้งให้หมดสิ้นไปด้วย แน่นอน ว่าฉันซึ่งรู้เรื่องนี้ จึงไม่อาจปล่อยผ่านไปได้แน่นอน" แล้วก็บอก "หลังจากนั้นอาครีม่าก็ออกไปไล่ล่าพวกเซเวคชั่นเหมือนเช่นเคย จนกระทั่ง ฉันพึ่งจะมารู้ความจริงอันเลวร้ายขึ้นมา ในช่วงที่ฉันถูกส่งไปจัดการกับพวกนักล่าเอสป้าซัลคาเลี่ยน ซึ่งกระทำเกินกว่าเหตุ ตามคำสั่งของออลนิวมาสท์ วาฟเนิร์ก แม่ทัพสโทรเพธคนก่อน" โดยนำภาพที่ตนอยู่กับสโทรเพธ 5-6 ตน ซึ่งมีสโทรเพธสวมเสื้อโค้ทสีม่วงและสีเขียวแก่
              "นั้นคงจะเป็นเนลโดสและทาลดีสสิน่ะ" เจเนลบอก "และถ้าให้เดา พวกนักล่านั้นเล่นแรงถึงขั้นฆ่าเด็กเล็กและคนชราเลยสิ" โดยเห็นศพเด็กและชายชราอยู่ในห้อง
              ซัลวาสบอก "ใช่ แม้จะรู้ตัวพวกนักล่า และพวกเราเข้าไปจัดการกับเป้าหมายลงได้ก็จริง แต่หนึ่งในกลุ่มเป้าหมายนั้น ดันผ่ามีอาครีม่าอยู่ในนั้นด้วย และพวกเอสป้าซัลคาเลี่ยนที่ตายไปนั้น เป็นฝีมือของอาครีม่าเลยน่ะ"
              "นายคงจะคิดมากไปแล้วละมั่ง" เจเนลบอก

              ซัลวาสบอก "เนลโดสก็บอกอย่างงั้น ฉันก็คิดเช่นนั้น แต่ ทุกครั้งที่ฉันทำการสืบเรื่องการตายของเอสป้าซัลคาเลี่ยน และเซเวคชั่นที่กลับใจเข้ามารับใช้จักรวรรดิ์นั้น ฉันเห็นหลักฐานการต่อสู้ที่มาจากพลังจิตของเซเวคชั่นที่ตายคามืออาครีม่ามาหลายครั้ง ยิ่งทำให้ฉันหนักใจมากขึ้น เพราะฉันไม่คิดว่า คนอย่างอาครีม่าจะฆ่าคนแบบไร้เหตุผลเช่นนี้ เพราะหุ่นโดรนที่อยู่กับอาครีม่าจะต้องเบรคเขาอยู่เสมอ หากเขาทำเกินขอบเขตที่คิดไว้ ฉันเลยไปสืบเรื่องลุงของอาครีม่า ผู้เป็นญาติผู้ใหญ่ที่หลงเหลืออยู่" โดยภาพตัดมายังซัลวาสที่ชูดาบติดปลอกแขนจ่อตรงหน้าชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหลังมอนิเตอร์จำนวนมาก "ปรากฎว่า ลุงของอาครีม่า พี่ชายของดร.เวลไทร์น แกใส่โปรแกรมควบคุมสมองอาครีม่าให้ลงมือสังหารพวกเอสป้าซัลคาเลี่ยนไว้ โดยทำให้อาครีม่าคิดว่าพวกนี้เป็นเซเวคชั่นที่โหดเหี้ยมและปองร้ายน้องสาวของเขา โดยที่เขาสั่งการและดูความเคลื่อนไหวผ่านหุ่นโดรนช่วยเหลือ ซึ่งเขาทำไป เพื่อสร้างอาครีม่าให้เป็นสุดยอดนักรบที่เก่งกาจมากที่สุดในแรซัลก้า โดยให้ไปฆ่าวีรบุรุษตนหนึ่งไว้"
              "ไอ้ลุงอ้วนนั้นคงไม่ได้ส่งไปฆ่าแม่ทัพโอลดาธ แม่ทัพเนคคูคัสหรือแม่ทัพนาไลน์ละสิ" เจเนลบอก
              ซัลวาสส่ายหน้าและพูดอย่างจริงจังไปว่า "รอชแมนต่างหากละ เจเนล ลุงของอาครีม่าแกเป็นเพื่อนของไวลิช ผู้กลายเป็นไวลิคม่า ฮาร์ฟครีซีแทนสุดโฉดชั่วผู้อยู่เบื้องหลังสงครามอีวิลกูลาร์ แกหลอกใช้และควบคุมอาครีม่าให้ฆ่าพวกเซเวคชั่นทั้งดีและเลว รวมถึงพวกเอสป้าซัลคาเลี่ยนให้มากที่สุด เพื่อให้เขาแข็งแกร่งพอที่จะโค่นรอชแมนให้สิ้นซากไปซะ หลังจากที่อาครีม่า เชือดเกรวิลและมีซิลล่าลงด้วยมือของเขาเอง...." โดยเห็นภาพตนเองโกรธมากจน "ฉั้วะ ฉับบบบ" ตัดหัวลุงของอาครีม่าให้ขาดสะบั้นไปพร้อมกับมอนิเตอร์ แล้วรีบตรงดิ่งไปที่คฤหาสน์อันเป็นที่พักของมีซิลล่า แต่.... "....แม้ฉันจะจัดการกับตัวต้นเหตุลงและทำลายระบบควบคุมไว้ ทุกอย่างสายไปแล้ว อาครีม่าไม่อยู่ อยู่แต่ศพของไลท์นิ่งอาชัวร์และมีชิลล่าจมกองเลือด รวมถึงเมดที่ดูแลมีซิลล่าซึ่งสาหัสปางตายนั้น เธอยืนยันแล้วว่า อาครีม่า ลงมือฆ่าเกรวิลและมีซิลล่าด้วยตัวเอง ซึ่งนั้นทำให้ฉันแค้นใจไม่น้อย และรู้ดีว่า เหตุการณ์นี้แหละ ที่จะทำให้อาครีม่า เห็นทุกคนเป็นศัตรูกันทั้งหมด ซึ่งถ้าฉันไม่หยุดเขาตอนนี้ เขาต้องเชือดรอชแมนแน่นอน ฉันเลยต้องหลอกล่ออาครีม่าไปจนถึงสะพานดาเธม เพื่อจัดการกับเขาให้จงได้"

              "ซาล เป็นเพราะแก แกฆ่าน้องสาวของฉัน ฉันจะจัดการกับแกนี้แหละ" อาครีม่าบอกอย่างเจ็บแค้น "โดโด้ ลงมือเดียวนี้เลย" โดยสั่งหุ่นโดรนทรงกลมให้ปล่อยบิทหลายๆอันออกไป "แชดๆๆๆๆๆๆๆๆ" แล้วก็ยิงลำแสงสาดใส่บิทให้สะท้อนใส่ "แฟ้วๆๆๆๆๆๆๆ" ซัลวาสเลยพุ่งหลบหลีกด้วยความเร็วสูงพร้อมกับ "ฟิ้ววว ฟิ้ววว" ซัดมีดสั้นสองเล่มเข้าใส่อาครีม่า "หวืบบบ หวืบบบบ" ซึ่งยืนหลบจนมีดพุ่งออกตัวไปสองเล่ม "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆ" บิทและหุ่นโดรนเลยพุ่งเข้าล้อมตัวซัลวาส "เปรี้ยะๆๆๆ เปรี้ยงงงง" พร้อมกับปล่อยพลังสายฟ้าใส่ซัลวาส แต่กลับปะทะโดนอากาศธาตุ เพราะซัลวาสพุ่งหลบไปอยู่ข้างหลัง แล้วก็ "แฟ้ววววว แฟ้ววววว แฟ้ววววว แฟ้วววว แฟ้วววว แฟ้ววววว แฟ้ววววว" เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงจนแยกร่างออกเป็นหลายสิบร่าง ล้อมตัวอาครีม่าไว้
              "ไม่สามารถล็อกเป้าได้เลยน่ะ" หุ่นโดโด้รายงาน เพราะเธอล็อกเป้าร่างแยกของซัลวาสได้ไม่หมด จากนั้นการต่อสู้ก็ดำเนินต่อ โดยอาครีม่ารีบโหลดกระสุนใส่ใหม่มาหลายครั้ง
              "ถ้าเป็นแบบนี้ละ" อาครีม่าเลยพุ่งเข้าใส่ซัลวาสตัวที่วิ่งช้าสุด "ป้ากกก" จนทำให้ซัลวาสชะงักโดยที่อาครีม่าตีลังกากลับหลังพร้อมกับ "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" รั่วยิงใส่โดยกระสุนพุ่งวกเลี้ยวโค้งไปยังด้านข้างและด้านหลังทุกมุม "ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" จนซัลวาสถูกรุมยิงอย่างหนักหน่วง "จบสิ้นกันละ" อาครีม่าเลยชูปืนเพื่อเหนี่ยวไกยิงซัลวาส ซึ่งแสยะยิ้มขึ้น "กะ เกิดอะไรขึ้นละเนี้ย ทำไมฉันถึงขยับตัวไม่ได้ละ" อาครีม่าอุทาน เพราะนิ้วของเขาค้างอยู่ในโก่งยิง และต้องตกใจเพราะตัวเขาถูกมีดปักตามตัว
              เช่นเดียวกับ "โดนแล้วหรือเนี้ย ไม่อยากจะเชื่อเลย" หุ่นโดโด้ถูกมีด 8 เล่มปักไว้ เช่นเดียวกับบิทที่ถูกมีดปักกันทุกตัว ส่วนตัวซัลวาส "หวืออออออ" เลือนหายไปแล้ว
              "ฉันรู้ว่านายจะกระแทกใส่ฉันเพื่อล็อกเป้าให้กับระบบปืนของนาย เหมือนที่นายทำกับผู้อื่นไว้ ฉันเลยแก้ทางด้วยการให้ร่างแยกของฉันตัวหนึ่งเป็นกับดักสวิตซ์ เพื่อให้ร่างแยกที่เหลือ ซึ่งเตรียมมีดสั้นไว้ กระหน่ำซัดใส่นายได้ในคราวเดียว เพื่อมิให้นายหลบแบบฉีกเงาเหมือนเมื่อกี้ยังไงละ" ซัลวาสเดินมาตรงหน้า โดยถือมีดสั้นในมือซ้าย "ครี้งงงง" ซึ่งแผ่ออกเป็นกงจักร 8 แฉกขึ้นมา โดยที่เจเนลยืนมองอยู่
              "ถ้าแกคิดจะฆ่าฉันเหมือนที่เกรวิลฆ่าน้องสาวของฉันละก็ ลงมือได้เลย" อาครีม่าบอก
              "ฉันไม่คิดฆ่านายหรอก แต่จะให้นายเห็นความจริงอีกอย่างของนายเองแหละ" ซัลวาสกล่าวแล้วก็ "แฟ้ว หวับๆๆๆๆๆๆๆๆ" ซัดกงจักรพุ่งเข้าใส่ตรงหน้าอาครีม่าไปเต็มแรง จนกระทั่ง.... "หวับๆๆๆๆๆๆ กึก" กงจักรมีดแปดแฉกของซัลวาสหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าอาครีม่าที่จ้องหน้าด้วยสายตา ที่เปลี่ยนเบ้าตาจากสีขาวมาเป็นสีดำ แววตาสีขาวสลับเป็นสีแดงก่า "กึกๆๆๆๆๆๆๆๆ กร็อบบบบ" มีดกงจักรถูกบีบจนแหลกเป็นก้อนกลม พร้อมกับ "กึกๆๆๆๆๆ เปรี้ยงงงง" มีดที่ปักตามตัวอาครีม่าปลิวกระเด็นออกไปกันหมด
              "นิ นี้มัน เกิดอะไรขึ้นกับฉันละ ซาล แกทำอะไรกับฉันละ"
              "ฉันแค่ทำให้นายรู้ตัวตนที่แท้จริงของนายยังไงละ นักล่าสีเงินขาว อาครีม่า ว่านาย มิได้เป็นชาวซัลคาเลี่ยนที่ไร้พลังอย่างที่นายเข้าใจอย่างแท้จริงหรอกน่ะ" ซัลวาสบอก "แต่นายคือเซเวคชั่น ศัตรูที่นายสาบานจะฆ่าทิ้งกันด้วยนะสิ"
              อาครีม่าโวย "โกหก มีซิลล่าเป็นเซเวคชั่นเพียงคนเดียว ฉันไม่ได้มีพลังจิตเหมือนกับพวกนั้นและน้องฉันสักหน่อยน่ะ"
              "หรือ แล้วพลังเวอชวลดีว่าที่นายขโมยมาจากเกรวิลแล้วเอาไปใส่ให้กับหุ่นโดรนจนสร้างแฟรี่มิวซ์ขึ้นมา ไปกระตุ้นนายให้ลุกขึ้นมาสู้ต่อเหมือนกับเกรวิลและเพิ่มพลังให้กับเซเวคชั่นได้นั้น มันคือหลักฐานบ่งบอกว่า นายเป็นเซเวคชั่นเหมือนกับมีซิลล่า เพียงแต่ พลังของนายมันไม่ปรากฎเด่นชัดมาก ถ้าไม่มีการกระตุ้นจากพลังเดียวกัน หรือได้พลังจากเซเวคชั่นอื่นๆที่ตายหรือเสียชีวิตมาเข้าตัว แบบเดียวกันที่รอชแมนได้อาวุธใหม่จากอีวิลกูลาร์ที่โค่นมา โดยมีระบบชุดเกราะที่พ่อนายคิดค้น แต่ลุงของนายไปดัดแปลงมานี้แหละ เป็นตัวกระตุ้นแฟคเตอร์ของเซเวคชั่นของนายให้แกร่งยิ่งขึ้นน่ะ เพื่อให้นายเป็นวัคซีนไว้ฆ่าไวรัสกันนี้แหละ" ซัลวาสบอก "และนายคงจะได้ยินเสียงก้องในหัว แบบเดียวกับที่นายได้ยินจากโดรนของนาย ว่าให้ฆ่าพวกเซเวคชั่นเหล่านั้นใช่มั้ย นั้นก็เป็นผลงานของลุงของนายเช่นกัน"
              อาครีม่าบอก "นายจะบอกว่า ลุงเวลแทม เป็นคนทำให้ฉันฆ่าน้องของฉันนะหรือ งั้น ไอ้เกรวิลนั้นก็...."
              "เขาปกป้องมีซิลล่าที่มีจิตและพลังของเด็กกำพร้าที่เขาช่วยไว้ ซึ่งถ้าไม่เพราะอิมแพลนท์ที่ลุงนายฝังไว้ในหัวตั้งแต่เด็กๆ ก็คงเป็นเพราะ ความแค้นที่มีต่อเซเวคชั่นที่นายไม่ยอมปล่อยวางเองต่างหากละ ที่ทำให้นาย เป็นศัตรูที่นายสมควรฆ่า เป็นตัวอันตรายต่อจักรวรรดิ์ของมารดรเทพ และ เป็นมือสังหารที่มีแรงแค้นเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งเป็นเป้าหมาย ที่ฉันปล่อยให้นายรอดไปไม่ได้แล้วละ" ซัลวาสบอกและกำหมัดข้างขวาไว้ "ดังนั้น ชดใช้บาปที่นายฆ่าน้องสาวของนายด้วยชีวิตเสียเหอะ อาครีม่า"
              อาครีม่าเลยบุกเข้าใส่ด้วยปืนสั้น "แกเองต่างหากต้องตาย เพราะฉัน ไม่ยอมรับในคำตอบของนายกันได้หรอกน่ะ ไอ้ปีศาจร้ายยยยยย"
              "เกรวิล มีซิลล่า ยกโทษให้ด้วยละ" ซัลวาสกล่าวอย่างสำนึกผิดแล้วก็ "แฟ้ววววว" พุ่งเข้าใส่อาครีม่า "ฉั้วะ" แล้วฟันใส่นักล่าสีขาวจนสีข้างซ้ายมีเลือดออก อาครีม่าเลยหันมาพร้อมกับชักปืนเข้า "ปังงงงง ฉั้วะ" ยิงใส่ซัลวาสในจังหวะที่หันกลับมาฟันใส่จน "ฉูดดดดดดดดดด" คอของอาครีม่าเลือดออกอย่างมาก ส่วนซัลวาส ถูกยิงเข้าที่ต้นแขนซ้ายและล้มลง "ปี้บๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ไม่ทันไรเกราะหน้าอกกระพริบแสงถี่ๆพร้อมกับส่งเสียงดังขึ้นมา แต่อาครีม่ายังบุกต่อโดยที่ยังยิงปืนเข้าใส่ "บ้าชะมัด ระบบทำลายตัวเองทำงานหลังจากที่อาครีม่าเผยตัวตนเช่นนี้ ช่วยไม่ได้แล้ว" ซัลวาสกล่าวและถอยมาตรงโดรนโดโด้ แล้วก็ "ฟึ่บบบ กึก" ใช้เท้าซ้ายเขี่ยหุ่นโดรนโดโด้ให้มาตรงหน้า "ฟึ่บบบ ป้ากกกก" จากนั้นก็ใช้เท้าขวาเตะใส่โดรนโดโด้ "แฟ้ววววววว ป้ากกกก" พุ่งอัดใส่หน้าอกของอาครีม่าไปเต็มๆจน "ปี้บๆๆๆๆๆๆ ตรูมมมมมมม" เกราะหน้าอกระเบิด เป่าร่างอาครีม่าปลิวกระเด็น "หวืออออออ ตรูมมมมม ซ่า" ร่วงตกสะพานลงสู่แม่น้ำเบื้องล่างไป โดยที่ซัลวาสรีบวิ่งมาดูและส่ายหน้าขึ้นมา
              "ไอ้นักล่าสีขาวนั้นตายแล้วสิน่ะ" สโทรเพธเขาลอนในชุดสีดำเดินเข้ามาพร้อมกับพวกสโทรเพธหลายตนด้วยกัน
              "ถูกแล้วละ ฟรีทเทรเซีย และนี้ไม่ใช่เรื่องโกหกกันแล้วละ" ซัลวาสกล่าวกับสโทรเพธหญิงชุดดำ ผู้ซึ่งกลายเป็นแม่ทัพของพวกตนในเวลาต่อมา
              เนลโดสบอก "ไอ้เวรนั้นตายไปได้ซะก็ดี เพราะมันกับพวกนักล่าที่เป็นซัลคาเลี่ยนปวกเปียกนั้น สมควรถูกเชือดในฐานะคนทรยศกันอยู่แล้ว ฐานมาสะเอ่อทำตัวเป็นศัตรูกับจักรวรรดิ์ เหมือนกับไอ้เซมิลรากิสนี้แหละ" แล้วก็ตบไหล่ของซัลวาสไว้ "ในเมื่อมันตายแล้ว งั้น เรากลับไปฉลองกันดี...."
              "หมับบบบ" ซัลวาสตะบบหน้าเนลโดสและยกขึ้นทันที "ไอ้เวรที่แกดูถูกนั้นเคยเป็นเพื่อนเก่าของฉันมาก่อน และเขามิใช่คนร้าย ก็แค่ คนเลวที่ถูกไอ้เลวยิ่งกว่าหลอกใช้ให้มือเปื้อนเลือด เพื่อสร้างเงื่อนไขให้เขาเสียผู้เสียคน กลายเป็นปีศาจร้ายที่เป็นเหมือนกับฉันและพวกเรา หากแต่เขาข้ามเส้นความดีชั่วไปสู่ความมืดมิดชั่วนิรันดรไปแล้ว" ซัลวาสตะโกนขึ้นอย่างเจ็บแค้น "อีกอย่าง สะพานดาเธมเอง คนร้ายชอบมาโดดลงแม่น้ำเพื่อหนีการตามล่า โดยส่วนมากรอดมาได้ ซึ่งยัยแฮคเกอร์ไทนีสมันก็โดดลงสะพาน แล้วกลายเป็นสมุนรับใช้ของไอ้สังฆราชริชเชแห่งทรอยอาร์เหมือนกับไอ้ลูกคนรองเฮงซวยกันเช่นนี้ มีหรือ ไอ้นักล่านั้นมันจะได้รับโอกาสหนที่สองกันเลยน่ะ"
              ทาลดีสรีบปรามทันที "ซัลวาส ใจเย็นๆ ฉันแจ้งกับท่านวาฟเนิร์กแล้ว ท่านจะส่งคนออกตามหาศพนักล่าสีเงินเอง ดังนั้น นายวางเนลโดสลงเดียวนี้เหอะ"
              "......." ซัลวาสได้ฟังเลยโยนเนลโดสลงกับพื้น พร้อมกับเดินจากไป โดยที่เจเนลเห็นเหตุการณ์ด้วย "หลังจากนั้นท่านวาฟเนิร์กรายงานเรื่องต่อแม่ทัพโอลดาธ จนแม่ทัพออกคำสั่งอนุมัติให้ตามหาศพของอาครีม่า โดยเราใช้เวลาสามวันในการสืบหา จนมารู้ว่า พวกดัสท์คิลเลอร์ได้เจอตัวและนำศพไปที่หลบซ่อนแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเราเข้าจัดการกับทุกๆคนที่อยู่ในนั้นไปจนหมดแล้ว" ซัลวาสเล่าต่อ โดยเหตุการณ์มาอยู่ที่ห้องมืด ซึ่งมีเตียง มีโต๊ะเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับผ่าตัด รวมถึงเตียงที่มีศพชายหญิงในชุดเกราะสีดำสลับสีต่างๆ ซึ่งเตรียมถูกชำแหละไว้ โดยที่ซัลวาสเดินมาที่เตียงว่าง ซึ่งมีรอยเลือดเปื้อน แต่ข้างๆนั้นมีถาดเหล็กใส่ชิ้นส่วนเกราะสีขาวสลับแดง ซึ่งดำไหม้จากการระเบิด โดยซัลวาสหยิบปืนสั้นที่ไหม้ไฟขึ้นมา "ซึ่งไม่ใช่แค่พวกเซเวคชั่นที่เป็นศัตรูกับเกรวิลและอาครีม่า แต่ตัวอาครีม่า ได้ถูกพวกดัสท์คิลเลอร์ผ่าตัดดัดแปลง ให้กลายเป็นมือสังหารแมนิเกเตอร์ไทป์ต่อสู้ตัวแรกที่น่ากลัวมากที่สุดของพวกมัน โดยที่เซเวคชั่นที่ตายกับตัวเกรวิลเอง ก็จะเป็นรายต่อไปที่ถูกดัดแปลงตามอาครีม่า ในฐานะลิ่วล้อของหน่วยพิฆาตลับของดัสท์คิลเลอร์นี้แหละ" ซัลวาสเดินไปเปิดไฟ จนเห็นภาพแบบแปลนที่ติดผนังใกล้กับหัวเตียง ซึ่งเตียงฝั่งอาครีม่ามีแบบแปลนชายสวมชุดและหน้ากาก โดยสวมปลอกแขนติดมีดสี่เล่มทั้งสองข้างไว้
              "นั้นมัน เดรฟมัสค์ สมาชิกของเอฟซีตรอนนิน่า นายอย่าบอกนะ ว่าอาครีม่าก็คือไอ้มือสังหารหน้ากากเงียบไว้น่ะ" เจเนลอุทาน
              "ใช่ และที่เขาไม่สามารถพูดได้ เพราะ....ฉันตัดกล่องเสียงของอาครีม่าขาด ทั้งๆที่ฉันควรจะตัดหัวของเขาให้ขาดสะบั้นไปน่ะ" ซัลวาสบอก "และถึงแม้ฉันอยากจะออกตามล่าตัวอาครีม่าในร่างใหม่ แต่ท่านวาฟเนิร์กห้ามฉันและย้ายฉันลงจากตำแหน่งตัวหลักไป เพราะเขาสืบได้ว่า ดัสท์คิลเลอร์มีนายทหารชาวซัลคาเลี่ยนสั่งการอยู่ และมีคนระดับสูงในกองทัพหนุนหลังด้วย เพียงแต่ขาดหลักฐานยืนยันสนับสนุนไว้ ซึ่งฉันโชคดีมากที่พ่ายแพ้แก่นายไว้ จนฉันรู้ว่า ใครเป็นคนรับผิดชอบในการโยกย้ายอาครีม่าออกไปกันน่ะ"
              เจเนลพยักหน้า "นายพลวอลเลนซ์คือคนสั่งการพวกดัสท์คิลเลอร์ไว้ และคงจะซ่อนอาครีม่า ไม่สิ เดรฟมัสค์ไว้ในเกาะลับของตาแก่วอลเดน จนมันเข้ากับพวกเอฟซีตรอนเลยสิน่ะ"
              "แม้ว่าตอนนี้ อาครีม่าฟื้นคืนชีพกลับมาในสภาพมือสังหารอดีตมนุษย์ไปแล้ว แต่ฉันรู้ดี ว่าฉันคงไม่อยู่เพื่อหยุดหมอนั้นไว้ และกลัวว่านายอาจจะไม่สนใจแน่นอน ฉันเลยต้องกระตุ้นให้นายเห็นภาพนี้เพียงเลือนลางไว้น่ะ" ซัลวาสบอก
              เจเนลกล่าว "นายจะขอร้องให้ฉันจัดการกับอาครีม่าในสภาพของเดรฟมัสค์แทนนายที่ทำไม่สำเร็จเลยสิน่ะ ถึงนายไม่บอก ฉันก็ต้องทำอยู่แล้วละ" และหันมาถาม "แล้วศพของพวกเกรวิลเองก็คงเอาไปฝังแล้วสิ"
              "แม้ศพจะถูกฝัง แต่ข้อมูลพลังและความสามารถของเขานั้นได้ถูกบันทึกและนำไปให้พวกเราฝึกใช้พลังไปแล้ว นายลองไปถามทาลดีสหรือซาบัลท์กับซาเบล่าเลยก็ได้น่ะ" ซัลวาสกล่าว "แต่ในกรณีของอาชัวร์ไลท์นิ่ง ข้อมูลของเขาถูกเทพแห่งสงครามส่งไปที่โลกแล้ว ซึ่งฉันรู้ผ่านสายตานายมา ว่าเขาเอาไปทำอะไรได้น่ะ"
              เจเนลกอดอกและร้องอ้อ "นายจะบอกว่า ไวเปอร์เชนของพลัสเชอริทและไม้ตายพลังสายฟ้าที่ใช้นั้น มาจากเกรวิลละสิ"
              "แม้แม่ทัพหัวแหลมมิได้ใส่ข้อมูลความทรงจำของเกรวิลลงไป แต่อย่างน้อย ฉันก็ดีใจ ที่เกรวิลได้จากไปอย่างสงบแล้วละ" ซัลวาสบอก แล้วก็ร่างเลือนหายไป
               เจเนลบอก "ฉันได้คำตอบไปแล้ว หวังว่านายคงจะไม่เรียกฉันอีกนะ"

              ทางด้านลิเนียร์ตี้เอง ก็ได้เห็นร่างหญิงสาวผมแดงที่ใส่ชุดเสื้อคลุมสีขาวไว้
              "เธออยากจะรู้เรื่องของฉันที่เธอเห็นในฝันเลยสิน่ะ" หญิงสาวผมแดงบอก
              ลิเนียร์ตี้พยักหน้า "คะ คุณฮัลลี่ แม้ว่าตัวของคุณจะแหลกสลายด้วยน้ำมือของไซมาเทน แต่จิตวิญญาณส่วนหนึ่งของคุณหลงเหลืออยู่ในแกนหัวใจที่อยู่ในตัวฉันไว้ แม้ฉันสามารถควบคุมพลังได้โดยที่คุณช่วยไว้เลยก็ตาม" แล้วก็ถาม "คราวนี้ ฉันอยากจะรู้ว่า สิ่งที่ฉันเห็นนั้น มันเกิดอะไรขึ้นละคะ"
              "ได้อยู่แล้วละ ลิเนียร์ตี้" ฮัลลี่กล่าว โดยเธอสบัดแขนไปมา เพื่อทำให้ทุ่งหญ้าสีขาวนั้นแปรเปลี่ยนเป็นเขตป่าทึบ "ป้ากกกก โครมมมมม โครมมมม โครมมมม" ซึ่งไม่ทันไรก็มีหญิงสาวในชุดกระโปรงหลากสีสามตนถูกเล่นงานจนต้นไม้หักโค่นลง โดยชายหัวตั้งสีแดงและชายสวมเกราะถือดาบ "ที่ปลิวกระเด็นไปนั้น พวกเธอเป็นนักสู้เพรแครเดี่ยนกลุ่มหนึ่ง ที่รับคำสั่งจากมารดรเทพให้มาควบคุมตัวกลุ่มแมนิเกเตอร์ที่ทรงพลังเกินอัตราและเป็นอันตรายต่อรอบด้านไว้ ซึ่งชายสองตนนั้น คือพวกไซเฟรอน แมนิเกเตอร์ที่ใช้พลังงานไซเฟเรี่ยมอันทรงพลัง ซึ่งพวกเขาถูกสร้างขึ้นมา เพื่อสู้กับแมนิเกเตอร์ที่กล้าแกร่งและไร้การควบคุมด้วยการใช้พลังงานอันรุนแรงโต้ตอบ โดยพวกเขาสามารถสยบพวกเซเวคชั่นที่เป็นซัลคาเลี่ยนใช้พลังจิตเหนือมนุษย์ลงไปหลายตน แม้กระทั่งสู้กับพวกเฮซเทิร์ซที่ใช้ไสยศาสตร์และเวทย์มนต์ลงอย่างง่ายดายกันด้วย ซึ่งนั้นทำให้ฉันกับพวกพี่น้องเพรแครเดี่ยนเองต่างอิจฉาไม่น้อยทีเดียว"
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "แปลว่าพวกเขาก็แข็งแกร่งพอๆกันกับเนคมาดูซัม ฟิเกซและพวกครีซีแทนเลยสิน่ะ แต่....ทำไมพวกเขาถึงหันมาเล่นงานพวกเพรแครเดี่ยนกันได้ละ"
              "เธอรู้มั้ย ว่าแมนิเกเตอร์ที่มีพลังอันรุนแรงและทรงอำนาจนั้น คือตัวอันตรายที่พวกไซเฟรอนต่อกรและกำจัดไปหลายรายกันใช่มั้ย อนิจจา พวกที่ต่อกรกับตัวอันตรายยิ่งกว่านั้น กลับเป็นตัวอันตรายที่ไร้การควบคุมไปเสียเอง เพราะถึงแม้พวกเขาปฏิบัติภารกิจสำเร็จได้ก็จริง พวกเขาก็ทิ้งความเสียหายอันหนักหน่วงไว้ด้วย แถมยังมีผู้รับเคราะห์ที่บาดเจ็บล้มตายจากการต่อสู้ของพวกเขาอีก จนทำให้มีประชาชนออกมาเรียกร้องทางรัฐบาลกันอย่างยกใหญ่ ว่าให้พวกเขาถูกควบคุมตัวหรือไม่ก็ลดพลังของพวกเขาลง ซึ่งถ้าเป็นพวกแกตไทซ์ สโทรเพธ ควอเดี่ยมและครีซีแทนนั้น พวกเขาจะต้องออกมารับผิดชอบในการกระทำทั้งหมด ต่อให้พวกเขามิได้ลงมือทำหรือไม่ได้ตั้งใจเลยก็ตาม" ฮัลลี่บอก "แต่มิใช่กับพวกไซเฟรอน ที่ไม่เพียงไม่รับผิดชอบในการกระทำของตนเอง พวกเขาส่วนมากนั้นกลับไม่เชื่อฟังคำสั่งและมีท่าทีต่อต้านกลับมากขึ้นกว่าเดิมด้วย เพราะว่าพวกเขาถือว่าตนเองนั้นแข็งแกร่งและทรงพลังมากพอที่จะทำอะไรได้ตนเอง และเชื่อว่าที่ตนเองทำและตัดสินใจไปนั้น มันถูกต้อง สำหรับพวกเขา แต่มิใช่สำหรับส่วนรวม อย่างจักรวรรดิ์ของมารดรเทพที่พวกเราเคารพนับถือกันน่ะ แม้โฮร่าและพี่น้องส่วนมากจะรู้สึกเห็นใจพวกเขาเลยก็ตาม"
              ลิเนียร์ตี้บอก "ท่านโฮร่าโพลก้าเห็นใจพวกเขาด้วยเหตุอันใดละคะ"

              "ความจริงแล้ว พวกไซเฟรอนนั้น เป็นพวกเด็กกำพร้าที่ถูกสถาบันไซเปคนำตัวมาดัดแปลงเป็นแมนิเกเตอร์ต่อสู้ ด้วยกระบวนการที่ไม่เข้าท่าอย่างรุนแรงเลยนะสิ" ฮัลลี่บอก โดยนำภาพภายในสถาบันมา ซึ่งตัวเธอเปลี่ยนเป็นนักวิจัยทำงานอยู่ด้วย "เด็กกำพร้าเหล่านี้ ส่วนหนึ่งสถาบันนำตัวมาจากบ้านเด็กกำพร้าที่พวกเขาเป็นเจ้าของ ส่วนหนึ่งได้จากตลาดทาส โดยซื้อขายผ่านเครือข่ายใต้ดินจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่ง หรือไม่ก็ไปลักพาตัวเด็กมาจากครอบครัวยากจนหรือชนบทที่กันดาร โดยเลือกเอาพวกที่เผชิญกับความทุกข์เข็ญมาอย่างโชกโชนจนแข็งแกร่ง มาดัดแปลงพวกเขาด้วยการกระตุ้นให้ร่างกายของพวกเขา เปลี่ยนจากเด็กให้กลายเป็นผู้ใหญ่อย่างรวดเร็ว ด้วยการฉายแสงพลังไซเฟรอนระดับอ่อนนำ แล้วค่อยใส่แกนหัวใจพลังไซเฟรอนเข้าไป ซึ่งถ้าผู้รับการดัดแปลงสามารถทนต่อพลังนั้นได้ ทั้งเขาและเธอก็จะกลายเป็นยอดมนุษย์แมนิเกเตอร์อันทรงพลังขึ้นมา" โดยให้ลิเนียร์ตี้เห็นภาพเด็กชายที่ถูกฉายแสงจน เด็กชายเติบโตเป็นเด็กหนุ่มและชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว จากนั้นหมอก็นำแกนหัวใจมาใส่ในร่างไว้ แน่นอน ว่าเด็กรายอื่นๆเองก็โดนดัดแปลงแบบเดียวกัน
              "แบบนั้นมันเร็วไปหน่อยนะคะ กับการบีบบังคับให้พวกเขาแข็งแกร่งภายในเวลาอันสั้นน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              "ใช่ นั้นแค่ขั้นแรกของพวกไซเฟรอนที่ผ่านการดัดแปลงร่างกายไว้ แม้ว่าจะมีส่วนหนึ่งที่ไม่ผ่าน เพราะพลังไซเฟรอนไม่เพียงทรงพลังและรุนแรงต่อศัตรู แต่ส่งผลต่อร่างกายอย่างหนักหนามาก สถาบันวิจัยเลยดัดแปลงพวกเขาให้เป็นไซบอร์คโดยทันที ทั้งปางตายและตายไปแล้ว เพื่อปิดบังภายนอกมิให้รู้ว่ากระบวนการสร้างยอดฮีโร่ของพวกเขานั้น ทำเด็กตายไปหลายรายเลยน่ะ" ฮัลลี่บอก "ขั้นต่อมาก็คือการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงด้วยซีมูเลเตอร์ โดยการฝึกนั้นถูกปรับให้เป็นระดับสูงและอันตรายอย่างยิ่งยวด เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาต่อกรกับศัตรูที่อันตรายทุกรูปแบบได้เต็มประสิทธิภาพ แม้กระทั่งบังคับให้พวกเขา ต้องฆ่าเป้าหมายให้ตายคาที่เลยน่ะ"
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "แต่ทำแบบนั้น มันเหมือนเป็นการทรมานทรกรรมพวกเขาทางอ้อมเลยนะคะ เพราะแค่ให้พวกเขาเอาตัวรอดจากอันตรายด้วยตัวเองก็แย่พอแล้ว นี้มาให้พวกเขาฆ่าศัตรูให้ตายนิ นั้นยิ่งทำให้พวกเขากลายเป็นฆาตกรเลือดเย็นไปเลยนะคะ"
              "ฉันก็ไม่พอใจเหมือนกับเธอนี้แหละ ลิเนียร์ตี้ แต่เพราะในตอนนั้น ฉันแฝงตัวเข้าไป ฉันจึงต้องอดทน เพื่อส่งข้อมูลไปให้มารดรเทพและพี่น้องของฉันรับทราบไว้ ซึ่งฉันไม่อาจจะเข้าไปช่วยเหลือพวกเด็กๆชุดถัดมาให้ออกไปได้ เนื่องจากว่าสถาบันปกป้องความลับมิให้ภายนอกรับรู้ แม้กระทั่งจักรวรรดิ์เองด้วยน่ะ" ฮัลลี่กล่าว โดยที่เธอเห็นพวกเด็กๆส่วนหนึ่งอยู่ในห้องขัง "หลังจากที่ฉันรายงานทุกอย่างให้มารดรเทพและเทพแห่งสงครามรับทราบกันไว้ แน่นอน ว่ามารดรเทพไม่ปลื้มกับกระบวนการสร้างยอดฮีโร่อันทรงพลังจากสถาบันไซเปคอย่างมาก เลยมีรับสั่งให้กองทัพเข้าไปจัดการปิดสถาบันและควบคุมตัวเด็กมา เพียงแต่ กองทัพที่เข้าไปจัดการนั้น เจอสถาบันไซเปคพังพินาศลงไปกันน่ะ" โดยภาพตัดมายังสถาบันที่ "ตรูมมมมมม" ระเบิดเป็นจุลก่อนที่กองทัพซัลคาเลี่ยนจะมาถึง
              ลิเนียร์ตี้บอก "อย่าบอกนะคะ ว่าเจ้าของสถาบันคิดทำลายหลักฐานน่ะ"
              "ถูกครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งนั้น มาจากไซเฟรอนรุ่นแรกๆนั้น ก่อกบฎต่อสถาบันจัดการกับเจ้าของสถาบันและนักวิจัยส่วนมาก ด้วยการจับพวกเขามาผ่าตัดดัดแปลงเป็นไซเฟรอนเสียเอง พร้อมกับช่วยเหลือพวกเด็กๆชุดล่าสุดที่ผ่านการฝึกออกไป หากแต่การกระทำของพวกเขานั้นได้ทำให้เตาปฏิกรณ์ภายในสถาบันโอเวอร์โหลดจนระเบิดเป่าทุกอย่างให้เป็นจุลไป ซึ่งพอพวกทหารไปถึง เจ้าของสถาบันและนักวิจัยที่พลาดท่านั้น ก็กลายเป็นซอมบี้พลังไซเฟเรี่ยมไปเสียแล้ว โดยที่พวกเด็กๆส่วนหนึ่งกับพวกไซเฟรอนนั้น หนีออกจากสถาบันไม่ทันจนโดนระเบิดเป่าไปด้วย กองทหารเลยต้องส่งพวกเขาไปสู่สุคติโดยปริยาย และประกาศว่าไซเฟรอนเป็นแมนิเกเตอร์อันตราย มีการแจ้งให้ทั้งจับเป็นเพื่อนำตัวพวกเขาไปรีดพลังอันตรายออกจากตัว หรือจับตายหากพวกเขามีท่าทีขัดขืนขึ้นมา ซึ่งส่วนมาก จะเป็นอย่างหลังเสียส่วนใหญ่ ถ้าพวกเขาไม่รวมกลุ่มกัน ก็คงถูกพวกคนเลวๆชักชวนมาเป็นพวกและสั่งการให้ก่อเรื่องไว้น่ะ" ฮัลลี่บอก โดยพวกไซเฟรอนที่ต่อต้านนั้นพยายามจะสาดลำแสง "เปร้งๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆ" ทหารแกตไทซ์ป้องกันด้วยโลห์พลังควอตไซเซอร์สะท้อนลำแสงกลับจนสังหารพวกไซเฟรอน นักรบควอเดี่ยมสู้กับไซเฟรอนไซบอร์คที่ใช้ฝ่ามือซัดพลังออกเป็นรูปปีศาจต่างๆกัน ซึ่งก็สู้กับพลังพลาซอนและความรวดเร็วว่องไวไม่ได้ จากนั้นก็นำภาพชาวไซเฟรอนที่ยอมมอบตัวกับทางการ โดยพวกเขาถูกส่งไปที่สถานพักฟื้น ซึ่งพาพวกเขาเข้าห้อง "วืดดดดดดดดดดดด วี้งงงง" เพื่อดึงเอาพลังส่วนมากออกจากตัวพวกเขาไว้ หากแต่พวกเขายังเป็นผู้ใหญ่อยู่ มิได้กลับเป็นเด็กเลย "แน่นอน ว่าพวกไซเฟรอนส่วนหนึ่งเองก็มีส่วนร่วมกับตัวอันตราย ที่เกือบจะยึดร่างของเธอไปให้สมุนสโทรเพธสาวของเขากันด้วย ซึ่งต่อให้พวกเขามีพลังกล้าแกร่งแค่ไหน ก็สู้กับ พลังควบคุมจิตหมู่มากกันไม่ได้อยู่แล้วน่ะ"
              ลิเนียร์ตี้บอก "เธอหมายถึง เควโทรดิมัส แมนิเกเตอร์ซัลคาเลี่ยนที่มีพลังล้างสมองหมู่ที่ควบคุมประธานาธิบดีกับพวก รวมถึงกองยานซัลคาเลี่ยนส่วนมากเลยสิน่ะ"

              "ใช่ หากแต่เควโทรดิมัสกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ไซเฟรอนส่วนมากเลยถูกกำจัดทิ้ง ส่วนที่เหลือนั้นยอมจำนนกันหมด แม้จะมีส่วนน้อยที่ไปเตือนพวกพ้อง จนพวกเราต้องได้รับคำสั่งจากมารดรเทพให้ควบคุมตัวพวกเขา โดยที่ฉันถูกส่งไปช่วย หากไซเฟรอนเหล่านั้นมีท่าทีต่อต้านชนิดเกินเยียวยาแล้วน่ะ" ฮัลลี่กล่าวแล้วเธอหายไป โดยที่ชายหัวตั้งและชายร่างไซบอร์คถือดาบเดินเข้ามา
              "จงแหลกไปกับจินตนาการสุดขอบจักรวาลเลยแล้วกัน ตายซะ....." ชายไซบอร์คชูดาบตรงหน้านักสู้เพรเครเดี่ยนทวินเทลสีชมพูที่มีดาวเสาร์ติดตรงปลาย ซึ่งเธอหลับตาปี๋ โดยที่พวกพ้องสาหัสอย่างมากแล้ว
              "หวับๆๆๆๆๆ ป้ากกก" ไม่ทันไร บูมเมอแรงรูปหัวใจพุ่งเข้าใส่หน้าชายร่างไซบอร์คไปเต็มๆ พร้อมกับ "หวับๆๆๆๆๆ ตึก" หญิงผมแดงในชุดรัดรูปสีดำสลับแดง มากับดาบโก่งหัวใจคมเรียวยาว "ท่านพี่ฮัลลี่" นักสู้เพรเครเดี่ยนผิวเข้มผมสีส้มยาวในชุดสีส้มกล่าว
              ชายหัวตั้งสีแดงบอก "ฮัลลี่ เธอคือ เพรแครเดี่ยนคิวตี้ฮัลลี่ เพรเครเดี่ยนผู้ถือดาบปลิดชีพคนเลว พี่น้องนอกคอกของกลุ่มผู้ผดุงความยุติธรรมของแม่หุ่นยนต์ยักษ์นะหรือ"
              "ปากนายดีมากเลยน่ะ คัลลิฟาร์ด แม้ฉันเห็นเธอเป็นเด็กที่เปี่ยมด้วยความยุติธรรมกันก็จริง แต่ไม่คิดเลย ว่าเธอจะกล้าขัดขืนการจับกุมกันเช่นนี้น่ะ" ฮัลลี่กล่าวและชูดาบมาจ่อตรงหน้าชายหัวตั้ง แล้วก็ชี้มายังชายในร่างไซบอร์ค "นายด้วยน่ะ จูโด้จาร์ด คนที่ล้มลงไปนั้น ไม่มีโอกาสได้สู้เช่นนี้ ยังกล้าจ่อดาบเพื่อปลิดชีพกันนิ ไม่ละอายใจเลยสิน่ะ"
              ชายร่างไซบอร์คกล่าว "สำหรับฉันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพรแครเดี่ยนก็ดี หรือพวกเฮซเทิร์ซก็ช่าง ก่อนที่มันจะลงมือ ฉันต้องฆ่ามันทิ้งเสียก่อนน่ะ"
              "เพรแครเดี่ยนเหล่านี้ ต้องการช่วยเหลือพวกนายจากการกระทำของสถาบันเฮงซวยกันไว้ อีกทั้งมารดรเทพเองต้องการให้พวกนายใช้พลังไปในทางที่ถูก เพื่อปกป้องผู้คนชดใช้ความผิดที่ส่วนมากก่อไว้เช่นนี้ พวกนายน่าจะเข้าใจกันบ้างสิ" ฮัลลี่บอก
              คัลลิฟาร์ดกล่าว "แม่หุ่นยนต์ยักษ์ให้โอกาสพวกเรานะหรือ โกหก พวกแกจะรีดพลังของพวกเราให้หมดเกลี้ยงแล้วจับเราไปขังหรือไม่ก็ตัดหัวทิ้งกันละสิ พวกเราไม่เชื่อพวกแกเหมือนกับพวกผู้ใหญ่เฮงซวยกันได้หรอก เพราะอะไรนะหรือ เพราะว่าพวกเรา ทรงพลังและแข็งแกร่งมากที่สุดในแรซัลก้า และเหนือกว่าแม่หุ่นยนต์ยักษ์ที่ล่ามโซ่พวกแกไว้ด้วยแหละ"
              "แปลว่าพวกนายคิดจะยึดแรซัลก้าเพื่อไม่ให้ใครหน้าไหนหยุดพวกนาย และทำกับประชาชนบริสุทธิ์แบบเดียวกับคนในสถาบันทำกับพวกนายเลยสิน่ะ" ฮัลลี่กล่าว และหันมายังเหล่านักรบเพรแครทที่บาดเจ็บอยู่ "พวกเธอทั้งหลาย กลับไปให้โฮร่ารักษาตัวเดียวนี้ สภาพของพวกเธอคงทำได้แค่ถ่วงแข้งขาฉันให้ล้มและพลาดท่าแบบไม่ให้อภัยเลยน่ะ"
              นักรบเพรแครเดี่ยนสีน้ำเงินที่มีหูแมวกล่าว "พี่คงจะจัดการกับทั้งคู่เลยสิคะ ทั้งๆที่เขาอาจจะรู้ที่ซ่อนของมิสตี้เลยก็ได้"
              "ฉันรู้ ว่าฉันทำอะไรกันอยู่ ถ้าพวกเธอไม่อยากตายก็รีบไสหัวไปไกลๆดีกว่าน่ะ" ฮัลลี่กล่าวอย่างจริงจังและจับดาบไว้อย่างตั้งมั่น นักสู้เพรแครเดี่ยนทั้งห้าเลยต้องถอนตัวไปโดยเร็ว เพื่อสู้กับจูโดจาร์ดและคัลลิฟาร์ดไว้ "เคร้งๆๆๆๆๆๆ" จูโดจาร์ดหวดดาบใหญ่สู้กับคิวตี้เซเบอร์ของฮัลลี่อย่างหนักหน่วง "แฟ้วววว แฟ้วววว แฟ้วววว" แต่กลับมีพลังภูตพรายเพลิงและภูตหัวนกกับช้างพุ่งเข้ามา "ป้ากกกก พรึบบบ" ภูตพรายเพลิงพุ่งทะลวงต้นไม้จนมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน "ฟ้าววว ฟึ่บๆๆๆๆๆๆ หวับๆๆๆๆๆๆๆ" ภูตหัวนกรั่วชกใส่ฮัลลี่จนเธอโยกหลบทุกหมัดอย่างว่องไว "แฟ้วววววว หวับบบ" ภูตหัวช้างหวดแขนขวานฟาดใส่ "แยกหนึ่งเป็นสาม ทริปเปิ้ลฮัลลี่แอทแทค" ฮัลลี่เปล่งแสงขึ้น "แฟ้ววววว" โดยตัวเธอแยกออกเป็นสามร่าง คือร่างปกติสีแดงเข้ม ร่างที่สองผมสีดำบอดี้สีน้ำเงิน ร่างที่สามหัวขาวและชุดขาวสลับดำ "หวับๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟ้าว หวับๆๆๆๆ ฉั้วะๆๆๆๆๆๆ เปรี้ยงงงง" ฮัลลี่ผมดำเหวี่ยงบูมเมอแรงสีน้ำเงินขนาดใหญ่อย่างรวดเร็วจนพุ่งตัดต้นไม้ให้ขาดไปหลายท่อน และผ่านตัวคัลลิฟาร์ด ซึ่งใช้ปลอกแขนควบคุมร่างภูตทั้งสามไปแบบฉิวเฉียด "หวับๆๆๆๆๆๆ เกร้งๆๆๆๆ" ฮัลลี่หัวขาวซัดกงจักรสองอันพุ่งเข้าปะทะใส่คัลลิฟาร์ดอย่างต่อเนื่อง "ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แฟ้วว แฟ้วว ป้าก ป้าก" ฮัลลี่ผมขาวและดำวิ่งตรงมาจู่โจมใส่คัลลิฟาร์ดอย่างพร้อมเพียงกัน ฮัลลี่ผมแดงเลยกระโดดขึ้นสูงและพุ่งลงมาพร้อมกับทิ้มดาบลง "เคร้งงงงงง" จูโด้จาร์ดเข้าใช้ดาบใหญ่รับไว้แล้วก็ "เปรี้ยงงงงง" ใช้ดาบปัดฮัลลี่ตัวจริงปลิวไป โดยร่างแยกอีกสองเข้ามารวมตัวในทันที "เฮ้ยยยย ว้ากกก ว้ากกก" จูโด้จาร์ดหวดดาบซัดคลื่นพลังไซเฟเรี่ยมอันทรงพลังเข้า "ฟึ่บบบบบ ตึกกก ฟึ่บบบ ตึกกก" ฮัลลี่เลยกระโดดถีบต้นไม้ด้านบนหลบคลื่นคมดาบที่พุ่งเข้า "ป้าก ป้าก ป้าก" ผ่าต้นไม้ที่อยู่ข้างหลังให้แหว่งขาดไป "ฮ่าๆๆๆๆ" คัลลิฟาร์ดหวดหมัดสองข้างซัดพลังรูปเจตภูตออกไป "ฟ้าววว เชร้งๆๆๆๆๆๆ" ฮัลลี่เลยใช้ดาบฟันปัดป้องไป และเข้าต่อกรกับคู่ต่อสู้ทั้งสองอย่างหนักหน่วงจน
              "จงตายซะ ฮัลลี่ อัลติเมทไซเฟรอนเรจพันช์" คัลลิฟาร์ดซัดหมัดทั้งสองปล่อยพลังภูตทั้งหกตรงมาทางฮัลลี่ที่กำลังปะดาบกับจูโดจาร์ดอยู่ โดยที่ลิเนียร์ตี้พยายามจะตะโกน แต่ฮัลลี่ยิ้มอย่างมั่นใจ และ "แฟ้วววววว" เปร่งแสงหายไปจนภูตพรายเพลิง ภูตหัวนก ภูตหัวม้า ภูตเกล็ดน้ำแข็ง ภูตค้างคาวลม และภูตหัวช้างตรงมา "ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆ เชร้งงงงง เปรี้ยงงงง พรึ่บบบบ แกร็กๆๆๆๆๆ เชร้งงงง ตรูมมมม" ภูตหัวนกรั่วต่อยใส่จูโดจาร์ด ภูตค้างคาวพุ่งเป่าพลังลมใส่ ภูตพรายเพลิง ภูตเกล็ดน้ำแข็งและภูตหัวม้าสายฟ้าแตกระเบิดพลังไฟ น้ำแข็งและสายฟ้า และภูตหัวช้างหวดแขนขวานฟาดใส่จูโดจาร์ดจนระเบิดวินาศสันตะโรไป
              "ฮัลลี่ เธอหลอกให้ฉันฆ่าเพื่อนของฉันแบบนี้ แน่จริงโผล่หัวออกมา...."
              "ฉั้วะ" คัลลิฟาร์ดโดนฟันเข้าที่ท้องไปเต็มๆ ซึ่งเขาเห็นฮัลลี่เจ็ดร่าง ตั้งแต่สีแดง ส้ม เหลือง เขียว น้ำเงิน ม่วง และชมพู "คัลลิฟาร์ด นายเก่งมากเลยนะที่ใช้พลังไซเฟรอนแบบเสกภูตพรายออกมาทีเดียว ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น นายต้องชาร์จพลังพร้อมกับตะเบ็งเสียง มาเลยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตั้งหลายสิบครั้งเช่นนี้ บ่งบอกว่านายทรงพลังมากกันก็จริง" ฮัลลี่ทั้งเจ็ดบอก และชูดาบขึ้น "แย่หน่อย ที่นายมิใช่แมนิเกเตอร์ตนเดียวที่กล้าใช้ไม้ตายแบ่งร่างรุมจู่โจมกันหรอก เพราะฉันจะให้นายเจอกับคิวตี้เรนโบว์แฟลร์องฉันเลยแล้วกัน" แล้วก็ "แฟ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เชร้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พุ่งเข้าฟาดฟันใส่คัลลิฟาร์ดแบบไม่ยั้ง "ย้า บรันชูเนจฟินาเล่" ฮัลลี่ทั้งเจ็ดพุ่งเข้ารอบทิศและ "ฉึกกกก" แทงใส่คัลลิฟาร์ดไปเต็มๆ โดยร่างทั้งหกเข้ารวมกับฮัลลี่ตัวสีแดงตามเดิม ซึ่งชักดาบที่ปักคาหน้าอกคัลลิฟาร์ดออก
               "บะ บ้าที่สุด" คัลลิฟาร์ดที่อาการสาหัสก็ "พรวดดดด" กระอักเลือดและล้มคุกเข่าลง
              "เฮ้ยยยย ว้ากกกก" จูโด้จาร์ดวิ่งเข้ามา "หวับบบ เกร้งงงงง หวับๆๆๆๆ ปั้ก" เสยดาบฟันจนคมดาบคิวตี้เซเบอร์หักไปปักคาพื้น "ต่อให้เธอจัดการกับคัลลิฟาร์ดได้ แต่เธอพลาดแล้ว เพราะเธอใช้พลังไปเยอะเช่นนี้ ไม่มีทางโต้ตอบได้ทันหรอก" จูโด้จาร์ดเลยหวดดาบเพื่อฟาดใส่ฮัลลี่ ที่ตอนนี้ดาบกุดสั้นลง

              "ฉึกกกก" แต่จูโด้จาร์ดชะงักเพราะเขาถูกแทงด้วย.... "คิวตี้คัตเตอร์ บูมเมอแรงเล็กติดต้นแขนนั้นไม่น่าจะคมกริบมากพอที่จะแทงทะลุเกราะอัลตร้าสติลได้เลยนิ" จูโด้จาร์ดเห็นใบมีดบูมเมอแรงในมือของฮัลลี่แทงทะลุท้องอย่างจังๆ
              "ถ้านายคิดว่าฉันไม่เหลือพลังละก็ นายคิดผิดถนัดแล้ว เพราะฉันจะพิฆาตนายด้วยไม้ตายนี้แหละ" ฮัลลี่ยิ้มและเปล่งแสงขึ้น "ฮัลลี่ ดีทอเนเตอร์ แฟลช!!!!!!!!" แล้วก็ "เปรี้ยงงงงงงง" เป่าระเบิดแสงจนป่าลั่นไปทั่ว จนทำให้จูโด้จาร์ด แมนิเกเตอร์ไซเฟรอนที่แข็งแกร่งนั้น ดำตอตะโกและ "โครมมมมม" ล้มคว่ำกับพื้นดับอนาจลงไปในทันที ส่วนฮัลลี่นั้น ลุกขึ้นพร้อมกับดาบที่กุดสั้นลง
              "สุดท้าย เธอก็ไม่มีทางเลือกเลยสิน่ะ" เสียงของหญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวติดริบบ้อนทั่ว พร้อมกับมีผมยาวสีขาวและรัดเกล้าติดปีกและหัวใจสีแดงตรงกลางกล่าว
              ฮัลลี่บอก "คัลลิฟาร์ดและจูโด้จาร์ดทำลายตัวเลือกดีๆด้วยมือของเขาเอง ถึงเธอจะสยบพวกเขาให้ยอมจำนน พวกเขาก็มีมีดพลังงานไว้แทงท้องเธอได้อยู่ดีนี้แหละ โฮร่า" แล้วก็หยิบดาบของจูโด้จาร์ดที่ยังคงสภาพดีขึ้นมา "ว่าแต่ เจอตัวมิสตี้และฟีลบี้แล้วหรือยังละ"
              "เราได้ตัวฟีลบี้พร้อมกับพวกไซเฟรอนส่วนหนึ่งที่ยอมมอบตัวแต่โดยดีแล้วก็จริง...." โฮร่าโพลก้ากล่าว "แต่มิสตี้ อีสบาเดียน น้องสาวของจูโด้จาร์ดนั้น หนีไปก่อนที่เราจะมาถึงเลยน่ะ"
              ฮัลลี่บอก "อย่างน้อย เธอกับพวกก็ควรจะระวังสักหน่อยนะ โฮร่า เผื่อยัยมิสตี้จะหลบอยู่ในป่าแห่งนี้ไว้นะ" แม้ฮัลลี่และพวกจะไม่เห็น แต่ลิเนียร์ตี้ก็เห็นเด็กสาวผมลอนที่หลบอยู่หลังพุ่มไม้ไว้
              "คำพูดนั้น ฉันควรจะพูดกับเธอซะมากกว่าน่ะ ฮัลลี่ เพราะเธอจัดการกับเป้าหมายสองตัวไว้แล้วนิ" โฮร่าโพลก้าบอก
              ฮัลลี่พยักหน้า "ถ้าเช่นนั้น เธอกับพวก ช่วยนำศพไซเฟรอนหัวดื้อทั้งคู่นี้กลับไปรายงานท่านมารดรเทพจะดีกว่าน่ะ" แล้วก็เดินแยกตัวไป
              "นี้เธอจะไปอีกแล้วสิ ฮัลลี่" โฮร่าโพลก้ากล่าว
              ฮัลลี่บอกโดยหันหลังไว้ว่า "ใช่ ดาบของฉันหัก ตัวฉันก็สะบักสะบ่อมอย่างมากเช่นนี้ องครักษ์หน้าวังยักษ์คงให้ฉันเข้าได้กระมั่ง โฮร่า" แล้วก็กล่าว "หวังว่า เธอคงจะบอกฟีลบี้เองบ้างน่ะ เพราะฟีลบี้เชื่อเธอ มากกว่าฆาตกรอย่างฉันเองน่ะ" จากนั้นฮัลลี่ก็นำดาบของจูโด้จาร์ดไพล่หลัง แล้วเดินออกจากป่าไป ซึ่งเธอได้นำดาบจูโด้จาร์ดไปให้ช่างในร้านตีเหล็ก ซ่อมดาบคิวตี้เซเบอร์กลับมาใหม่ จนมีคมหนาทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่วเหมือนเช่นในเวลานี้

              "มิสตี้ที่ว่ามานั้น ก็คือคุณมิสตี้ที่เป็นสมาชิกเอฟซีตรอนเลยสิคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              ฮัลลี่โผล่มาพูดต่อ "เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อนที่แรซัลก้าจะเกิดมหาสงคราม และ 2 ปีก่อนที่องค์ราชทายาทเทพคิโคเดนจะรวบรวมกองทัพแมนิเกเตอร์ทั้งหลายเข้ายึดโฟรเดริม-4 แล้วจบลงด้วยการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ซึ่งถ้าพวกสถาบันไซเปคเอาใจใส่ดูแลพวกเด็กๆจนกลายเป็นยอดนักสู้ไซเฟรอนที่แข็งแกร่งและเปี่ยมคุณธรรม เหมือนกับพวกแกตไทซ์และควอเดี่ยมกันละก็ พวกเขาก็คงช่วยให้กองรบที่หัวหน้าของเธอและพองเพื่อนของเธอเอง กำชัยชนะไปนานแล้ว ไม่น่าจบลงด้วยการสูญเสียอันใหญ่หลวงจากความเห็นแก่ตัวของพวกทรอยอาร์ และจากการทรยศของไอ้แก่วอลเดนด้วย" แล้วก็ส่ายหน้า "น่าเสียดาย ที่พวกสถาบันไซเปคนั้น คิดที่จะสร้างเหล่านักรบที่กล้าแกร่งให้ได้ในเวลาอันสั้น โดยไม่สนใจว่าพวกเด็กๆที่ถูกทดลองไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่นั้น จะรู้สึกยังไง เลยทำให้พวกนักสู้กลายเป็นศัตรูที่น่ากลัว แม้จะมีส่วนหนึ่งที่ต้องอยู่ต่อ โดยที่พลังของพวกเขาถูกลดทอนลงให้อยู่ในสภาพที่ควบคุมได้ แทนที่จะดูดให้หมดแล้วพวกเขาอายุสั้นลงตามที่พวกเขาเข้าใจแบบผิดๆ เหมือนที่มิสตี้คิดในเวลานี้แหละ"
              "แล้วคุณไม่คิดจะตามหาเธอเลยสิคะ" ลิเนียร์ตี้ถาม
              ฮัลลี่ส่ายหน้า "มิสตี้แม้จะเป็นกระต่ายที่หลบซ่อนกัน ถ้าฉันตามหาเธอ เธอจะเปลี่ยนจากกระต่ายมาเป็นสัตว์ร้ายที่น่ากลัวกว่าพี่ชายอย่างจูโด้จาร์ดและเพื่อนของเธอ อย่างคัลลิฟาร์ดกันนี้แหละ ฉันจึงทำได้แค่ภาวนาว่า มิสตี้จะลืมความแค้นนั้นไปได้และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเยี่ยงคนธรรมดากันแล้ว" แล้วก็ถอนใจขึ้น "แต่ฉันคาดผิด นับตั้งแต่ได้เห็นมิสตี้จากสายตาของเธอ และได้ยินคำพูดพล่อยๆจากปากของมิสตี้มานั้น บ่งบอกได้ว่า 5 ปีที่หายไป เธอเจอเรื่องแย่ๆที่บีบให้เธอแข็งกร้าวและไม่ยอมคน ซึ่งเธอคงจะแค้นฉันมากแน่นอน"
              "และคุณคงอยากจะให้ฉันหยุดมิสตี้เลยสิคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              ฮัลลี่พยักหน้า "ไม่ใช่แค่เธอหรอก ลิเนียร์ตี้ มิสตี้ดูถูกทั้งองค์หญิงแอสเซน ผู้ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ที่ฉันยอมรับในพลังและความสามารถของเธอ บุตรีของผู้สร้างบิดรเทพ รุ่นพี่ตาเดียว เพื่อนแขนกลและเพื่อนโนมฟอร์มกันไปด้วย เท่ากับว่าเธอกล้าประกาศตนเป็นศัตรูกับพวกเธอขึ้นมา ซึ่งเธอตนเดียวที่มีแกนหัวใจของฉัน คงไม่สามารถสู้กับมิสตี้ ที่กล้าแกร่งและทรงพลังขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาได้หรอกน่ะ"
              "จะว่าไปมันก็ใช่น่ะ คุณมิสตี้สบประมาทพวกเรารวมถึงคุณแคร์เรี่ยนกันด้วยน่ะ" ลิเนียร์ตี้บอก "แต่วางใจได้เลยคะ ฉันกับทุกๆคนจะช่วยหยุดคุณมิสตี้ให้เอง"
              ฮัลลี่พยักหน้าและบอกไปว่า "เกือบลืมไปนะ ลิเนียร์ตี้ ท่าไม้ตายที่ฉันใช้ทั้งสามท่านั้น เธออย่าเลียนแบบและใช้จริงจะได้มั้ยละ"
              "ทำไมละคะ ในเมื่อคุณมีไม้ตายแจ่มๆแบบนั้น น่าจะให้ฉันใช้บ้างสิ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              ฮัลลี่บอก "ถึงเธอใช้ได้ ก็คงไม่เหมือนต้นตำรับอย่างฉันหรอกนะ ลิเนียร์ตี้ อีกอย่าง เธอคิดท่าไม้ตายอย่างลิเนียร์ตี้สครูวไดรเวอร์ได้เอง ดังนั้น เธอควรจะคิดไม้ตายของเธอได้เองบ้าง จะได้รู้สึกภูมิใจที่เธอมีไม้ตายของเธอเองเลยน่ะ" แล้วตัวเธอก็เลื่อนหายไป "จงเอาเรื่องที่เธอได้เห็น บอกองค์หญิงแอสเซน หัวหน้าของเธอและพวกพ้องกันด้วยละ"

              หลังจากนั้น เจเนลและลิเนียร์ตี้ก็ลืมตาแล้วก็เล่าทุกอย่างให้ฟัง
              "ไม่คิดเลย ว่านักล่าเงินขาวอาครีม่าฆ่าไลท์นิ่งอาชัวร์และน้องสาวของเขาที่มีพลังเวอชวลดีว่ากันไม่ว่า ยังถูกพวกดัสท์คิลเลอร์คืนชีพให้กลายเป็นเดรฟมัสค์เช่นนี้น่ะ" ฟิเกซกล่าว
              พีวิลบอก "แสดงว่า นายเองรู้เรื่องของเซเวคชั่นและการต่อสู้ของเกรวิลและอาครีม่ากันด้วยสิน่ะ"
              "ในช่วงที่ฉันกับฟิเกซทำงานเป็นผู้ช่วยของเรย์แมกซ์ ซึ่งเป็นเอเจนท์ยูนิตให้กับอีวิลกูลาร์ฮันเตอร์นั้น เราก็ได้ยินข่าวเรื่องพวกเซมิลรากิสกันบ่อยๆเลยน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว "แน่นอน ว่าในช่วงที่ครีซีทาฟอสส่วนมากก่อสงครามกันนั้น ได้มีพวกซัลคาเลี่ยนส่วนหนึ่งพยายามจะใช้สงครามนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ซึ่งรวมไปถึงความพยายามสร้างแมนิเกเตอร์ที่แข็งแกร่งไว้ฆ่าครีซีแทนตัวเป้ง แม้กระทั่งรอชแมนเองก็ยังมีด้วย ซึ่งพ่อและลุงนาไลน์ก็เข้าปราบปรามพวกนี้กันหลายทีด้วยน่ะ"
              วิลด้าบอก "แต่ใครจะไปคิดละ ว่าดร.เวลแทม พี่ชายของดร.เวลไทร์น ผู้คิดค้นชุดเกราะและระบบอาวุธสำหรับต่อกรกับพวกเซเวคชั่นนั้นจะใช้มันเป็นตัวกระตุ้นให้อาครีม่า เซเวคชั่นระดับอ่อนจนเหมือนเป็นซัลคาเลี่ยนธรรมดา กลายเป็นเซเวคชั่นที่ใช้ฆ่ารอชแมนไปเสียได้น่ะ"
              "ไอ้ซัลวาสน่าจะกุดหัวมันให้ขาด มากกว่าปาดคอให้เลือดสาดแล้วถีบตกสะพานไปได้น่ะ" คลอเวฟบอก
              เจเนลบอก "ฉันก็คิดแบบนายนี้แหละ แต่อีกฝ่ายมีปืนสั้นในมือ ซัลวาสมีแค่ดาบปลอกแขนโดยที่มีดสั้นและกงจักรมีดถูกใช้ไปหมด แถมอยู่ในระยะกระชั้นชิดมาก คงทำแบบที่นายว่ามาได้หรอกน่ะ" แล้วก็กอดอกและพูดต่อ "แต่ที่เดรฟมัสค์ยังอยู่นั้น ฉันเดาได้ว่า ไอ้พวกดัสท์คิลเลอร์ได้รับคำสั่งจากนายพลวอลเลนซ์ ให้โยกย้ายเดรฟมัสค์ไปอยู่ในเกาะลับของตาแก่วอลเดน ซึ่งถูกเทเลพอร์ตมาที่แคสเซเดียน-3 จนเอฟซีตรอนมาเจอและชวนเข้าร่วมแน่นอนน่ะ"
              "ว่าแต่ สเปียริท เธอเคยเจอกับพวกไซเฟรอนหรือฟัดกับฮัลลี่บ้างหรือเปล่าละ" โฟรซ่าบอก
              สเปียริทกล่าว "พวกไซเฟรอนนั้น ฉันไม่เคยเจอ แต่ได้ยินพวกโคคูเดนพูดถึงกันบ่อยๆ เพราะพวกไซเฟรอนทรงพลังมากพอถึงขั้นท้าทายคิโคเดน ไซมาเทนและทศภารดรเทพได้ และพวกเขาก็ต่อกรและจัดการกับพวกไซเฟรอนลง จนไม่เหลือให้ฉันได้ต่อกรเลยสักตนเลยน่ะ" แล้วก็บอก "ส่วนเรื่องฟัดกับฮัลลี่นั้น ฉันเล่าให้ลิเนียร์ตี้ฟังไปตั้งแต่ตอนฝึกอยู่ที่หุบเขาหลังเมืองไปแล้วละ"
              "และเธอก็คงจะสู้กับสเปียริทแทนที่คิวตี้ฮัลลี่เลยละสิ ลินี่" ไซโคลเนียกล่าว
              ลิเนียร์ตี้พยักหน้า "แม้ว่าฉันเป็นผู้สืบทอดแกนหัวใจของคุณฮัลลี่ ผู้เป็นคู่ต่อสู้เดิมของสเปียริทมาก่อน โดยมีการสู้กับสเปียริทกันไว้ แม้จะสู้หลังจากที่สเปียริทดวลกับทินเหมาลีไปได้สามวันก็ตาม" แล้วก็บอก "แม้ฉันจะแพ้สเปียริท อย่างน้อยฉันก็รู้สึกเหมือนกับคุณฮัลลี่ในตอนนั้นเป๊ะๆแล้วละ"
              "ต่อให้เธอไม่ได้ใช้ไม้ตายของฮัลลี่กับฉันเลยสักท่า แต่อย่างน้อย เธอก็ช่วยให้ฉันรื้อฟื้นอดีตที่สูญหายกลับมาได้บ้างละน่ะ" สเปียริทบอก แล้วก็กอดอกพร้อมกับบ่นอย่างหงุดหงิด "แต่ที่ไม่สบอารมณ์จริงๆ ก็คือยัยมิสตี้นั้น ดันมีอดีตที่เฮงซวยพอๆกันกับเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกันเช่นนี้ ถ้าฉันรู้เรื่องนี้เร็วหรือแมคเคลเลนมีอำนาจมากพอที่จะสั่งปิดสถาบันไซเปคนั้นได้ละก็น่า...."
              แอนเดรียถาม "ว่าแต่ พวกคุณทราบเรื่องของสถาบันไซเปคบ้างหรือเปล่าละ คุณเบติส คุณวิลด้า"
              "ทราบสิ แอนเดรีย เพราะเราได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับสถาบันที่สร้างเหล่านักสู้ไซเฟรอนอยู่บ่อยๆ ว่าพวกเขาทารุณกรรมตัวนักสู้บ้าง ลงโทษเกินกว่าเหตุบ้าง หรือใช้วิธีการทดลองที่เป็นอันตรายและไร้มนุษยธรรมกันบ้าง แต่ไม่คิดเลยว่า พวกเขาจะเอาตัวเด็กมาดัดแปลงด้วยการเร่งการเติบโตให้เป็นผู้ใหญ่อย่างรวดเร็ว แล้วจับไปฝึกโหดตามที่ฟังจากลิเนียร์ตี้เล่ามาเลยน่ะ" เบติสบอก
              วิลด้าบอก "ถึงพวกเราที่เป็นนายทหารระดับกลางและระดับสูงอย่างนายพลและจอมพลทราบ แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะสถาบันไซเปคออกมาปฏิเสธเรื่องเหล่านั้นและไม่อนุญาตให้ทางเราเข้าไปตรวจสอบ อีกทั้ง สถาบันนั้นได้รับทุนสนับสนุนจากสภาขุนนางมาเป็นจำนวนหลักล้าน รวมถึงสิทธิ์การคุ้มครองจากการคุกคามของทุกฝ่าย แม้กระทั่งกระบวนการด้านกฎหมายด้วย"
              "จะว่าไปแล้วนิ ดยุคเคราซไซท์ที่เป็นหัวหน้าสภาขุนนางนั้น เมื่อก่อนเคยเป็นนักวิทยาศาสตร์ใช่มั้ยละ คิดว่าเคราซไซท์ช่วยปกปิดการกระทำของสถาบันไซเปคหรือเปล่าละ" จายด์บอก สเปียริทพยักหน้า
              แอบไบออสบอก "แล้วเหตุการณ์ที่ลิเนียร์ตี้และเจเนลเห็นมานิ องค์ชายแมคเคลเลนรู้เรื่องหรือเปล่าละ"
              "รู้สิ ฉันได้ยินแมคเคลเลนบ่นให้พวกคิโคเดนฟัง ว่าท่านแม่สั่งให้ควบคุมตัวไซเฟรอนกลุ่มที่ยอมจำนนและมอบตัวให้กับทางการไว้ ทั้งๆที่แมคเคลเลนต้องการจะกำจัดพวกไซเฟรอนให้สิ้นซาก เพราะเขาเห็นแล้วว่า ไซเฟรอนเป็นแมนิเกเตอร์ที่อันตรายยิ่งกว่าพวกเวโนมิไนซ์เสียอีกน่ะ" สเปียริทบอก "แน่นอน ว่าแมคเคลเลนรวมพวกเซเวคชั่นด้วย แต่ฟอสเซเรนเบรคไว้ก่อน เพราะเธอเห็นว่าเซเวคชั่นก็เหมือนกับพวกไซเฟรอน ซึ่งก็คือ พวกเขาไม่ได้เลวร้ายไปซะทั้งหมดนะสิ"
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "เพราะมีส่วนหนึ่งที่เลือกยอมจำนนเสียแต่โดยดี เพื่อให้เรื่องมันจบลงเพียงเท่านี้ละสิน่ะ"

              "แน่ละ แม่ของเธอมีแนวคิดที่อยากให้แมนิเกเตอร์ทั้งปวงอยู่ร่วมกันอย่างผาสุขเลยน่ะ" โฟรซ่าบอก และหันมาถาม "ลุงเบติส ป้าวิลด้า พอจะทราบว่า พวกเซเวคชั่นและพวกไซเฟรอนอยู่ในความดูแลของนายพลท่านใดบ้างละคะ"
              เบติสบอก "เซเวคชั่นนั้น เท่าที่ทราบมา มีส่วนหนึ่งแฝงตัวมากับพวกลี้ภัยเมื่อมหาสงครามกับแรซัลก้า และมีอีก 2 กลุ่มอยู่ในความดูแลของกองรบที่ 15 และ 23 โดยยังอยู่ที่แคสเซเดี่ยน-3 ไว้น่ะ"
              "ส่วนพวกไซเฟรอนนั้น เดิมกองรบที่ 4 6 และ 19 รับผิดชอบดูแลโดยให้อยู่ในยานซัลคาลาสกัน ตอนนี้ ไซเฟรอนที่อยู่ในกองรบที่ 4 และ 6 ย้ายไปอยู่ในความดูแลของเทรอมจากกองรบที่ 3 ของเรดเมลเกนและเยลโลว์เอเชียนแล้วน่ะ" วิลด้ากล่าว
              สเตฟอร์ดบอก "แต่มันจะดีหรือ ที่ให้ทหารเทรอมดูแลพวกไซเฟรอนที่มาจากแรซัลก้าเลยน่ะ"
              "จอมพลแฮซกริฟเห็นว่า การย้ายพวกเขาไปอยู่ในความดูแลของแมนิเกเตอร์ที่มาจากโลก ซึ่งพวกเขาไว้เนื้อเชื่อใจได้ดีกว่าทหารซัลคาเลี่ยนที่กดดันพวกเขานั้น จะช่วยลดความกดดันและสร้างความเป็นกันเองให้กับพวกไซเฟรอนอยู่แล้ว ส่วนเซเวคชั่นนั้น ยังต้องคุมกันบ้าง แม้จะไม่เข้มงวดเลยก็ตามน่ะ" เบติสบอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "ดีแล้วละคะ อย่างน้อยดีกว่าส่งพวกเขาไปแคสเซรอน-4 แล้วถูกพวกแมนิเกเตอร์ที่โน่นรังแกจนพวกเขาซ้ำรอยเดิมเลยนะคะ"
             
              "ว่าแต่ไอ้พลังไซเฟเรี่ยมนั้น มันเปลี่ยนเด็กให้โตเป็นผู้ใหญ่ได้เลยหรือวะ" คลอเวฟบอก
              เดเมี่ยนเลยติดต่อเข้ามา "จริงแท้แน่นอน  ตามข้อมูลการแพทย์ที่ฉันอ่านจากวาระสารมานั้น พลังแสงไซเฟเรี่ยมเป็นคลื่นรังสีที่ใช้เร่งและกระตุ้นให้เซลสิ่งมีชีวิตเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่เพียงเปลี่ยนลูกสัตว์ให้เติบโตอย่างรวดเร็ว จนเพิ่มจำนวนผลผลิตที่เป็นปศุสัตว์ให้มากขึ้นในเวลาอันสั้น มวลอนุภาคนั้นสามารถแตกตัวเพิ่มจำนวนได้มากและรวดเร็ว จนทางสถาบันไซเปคเองยังออกมาพูดเลยน่ะ ว่าพลังงานไซเฟเรี่ยมอาจจะเป็นพลังทางเลือกใหม่ในยามที่พลังงานจากเซจเจนคอร์ใกล้จะหมดลงเลยน่ะ"  แล้วก็ถอนใจขึ้นมา "แต่....พลังนี้มันมีดีแค่ด้านเดียวไม่ได้แน่ๆ หากมันไม่มีข้อเสียที่น่ากลัว จนทางสถาบันต้องปกปิดไม่ให้สาธารณชนรับรู้ไว้"
              "ประมาณว่า พลังนั้นหากมีเยอะจนความเสถียรเสียสูญ ชนิดที่จามนิดเดียวก็ตรูมเลยสิน่ะ" ไซโคลเนียบอก
              เดเมี่ยนส่ายหน้า "เปล่าเลย ไซโคลเนีย พลังนั้นมันกระตุ้นให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่กันได้ก็จริง แต่....การเร่งการเจริญเติบโตในเวลาอันสั้นนั้น นอกจากจะทำให้ร่างกายไม่สามารถปรับตัวกับการเติบใหญ่แล้ว บางราย กล้ามเนื้อฉีกขาดหรืออวัยวะเสียหายจากการเร่งให้โตเร็ว แม้จะดัดแปลงให้เป็นไซบอร์คเพื่อประคองชีวิตและปิดกั้นพลังงานไม่ให้รั่วไหลออกแล้วก็ตาม รวมไปถึง สมองอาจเสียหายได้จากการกระตุ้นฮอร์โมนให้ร่างกายเติบโตเร็วเกิน จนส่งผลต่อสภาพจิตของผู้ถูกฉายรังสีให้เสียสูญมาก ซึ่งตามจริงแล้ว คนที่ผ่านกระบวนการนี้ควรจะพักฟื้นต่ออีก 4-5 วันหรือสัก 2-3 สัปดาห์ ขึ้นกับสภาพของผู้ผ่านกระบวนการนั้นๆว่าแย่แค่ไหน ซึ่งการที่ทางสถาบันจับพวกไซเฟรอนที่ผ่านการเร่งโตไปฝึกโหดเดียวนี้ ยิ่งทำไม่ถูกเข้าไปใหญ่ เพราะนั้นเป็นการกระตุ้นให้พวกเขาเสียการควบคุมมากขึ้นกว่าเดิม"
              "นั้นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไซเฟรอนรุ่นแรกๆก่อการกบฎและลงมือเหมือนกับพวกริดโอเลยสิคะ" แอนเดรียบอก
              เดเมี่ยนบอก "เพราะว่าพวกเขาถูกกระตุ้นให้จัดการกับศัตรูให้ราบคาบ โดยไม่สนใจฝ่ายตรงข้ามว่าเขายอมแพ้และยอมจำนน บีบบังคับให้ฆ่าพวกเดียวกันที่มีท่าทีทรยศ และใครก็ตามที่เข้ามาขัดขวางหรือห้ามปราม การที่คนในสถาบันไซเปคกลายเป็นซอมบี้พลังงานไปนั้น ก็คือผลลัพธ์ที่คนในสถาบันทำกับไซเฟรอนรุ่นแรกๆไว้น่ะ" แล้วก็บอก "และต่อให้ไซเฟรอนมีพลังกล้าแกร่ง ชนิดที่สามารถฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้ก็จริง แต่....พลังนั้น มันก็กระตุ้น เชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย เซลเนื้อร้าย และมะเร็ง ไม่ว่าจะได้รับจากตัวผู้ป่วยหรือเป็นเองมาก่อนที่จะถูกดัดแปลง ให้เติบโตอย่างรวดเร็วจนยารักษาโรค ภูมิต้านทานโรคและยาปฏิชีวนะ ใช้ไม่ได้ผลไปด้วยนะสิ"
              "และถ้าให้เดาน่ะ ผลลัพธ์ข้างเคียงบ้าๆ ก็อีกต้นเหตุที่ไซเฟรอนก่อเรื่องขึ้น เพราะพวกเขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตนหรือคนรอบข้างที่ป่วยให้หาย แต่กลับไม่หายสนิทจริงอย่างที่คิดไว้ โดยที่ไม่รู้ว่า พลังที่ตนมีคือตัวเร่งให้โรคร้ายเป็นหนักกว่าเดิมเลยสิน่ะ" โฟรซ่าบอก
              เดเมี่ยนพยักหน้า "โชคยังดีมาก ที่ไซเฟรอนที่ยอมจำนนเองผ่านกระบวนการดึงพลังงานส่วนมากออกไป จนทำให้หมอสามารถรักษาโรคของพวกเขาได้ก่อนที่โรคประจำตัวจะกล้าแกร่งเกินการรักษาปกติไว้นะสิ"
              "แล้วข้อมูลเกี่ยวกับไซเฟรอนนิ มันหลุดมาได้ไง ทั้งๆที่สถาบันนั้นพยายามปกปิดไว้น่ะ หมอ" แอบไบออสบอก
              เดเมี่ยนกล่าว "ผู้เขียนบทความเหล่านั้น คือเหล่านักวิจัยที่อยู่ในสถาบัน ซึ่งคัดค้านกระบวนการบ้าๆของเบื้องบน เลยโดนไล่ออกจากสถาบันไป โดยพวกเขาได้แอบเขียนบทความนี้ลงในอินเตอร์เนต แทรกกับวาระสารการแพทย์ในโรงพยาบาล และลงเวปการแพทย์โดยใช้นามแฝง ซึ่งกว่าบทความเหล่านี้จะได้รับการเปิดเผย ก็เป็นหลังจากที่ไซเฟรอนกลุ่มสุดท้ายมอบตัวกับทางการไปแล้วน่ะ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะทางสถาบันไม่ต้องการให้ความลับอันดำมืดของพวกเขาถูกเปิดเผยเลยละสิ ว่าพวกเขาใช้วิธีบ้าๆกับพวกเด็กกำพร้าเลยน่ะ" เจเนลบอก
              ฟิเกซพยักหน้า "แถมสถาบันไซเปคเองก็มีเคราซไซท์ให้ท้าย จึงไม่แปลกใจเลย ที่มีไซเฟรอนบางส่วนเข้ากับเควโทรดิมัสไปเสียได้น่ะ" แล้วก็บอก "แม้เราจะรู้สึกเห็นใจต่อพวกไซเฟรอน ว่าพวกเขาเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างโหดร้ายเพียงเพื่อสร้างพวกเขาให้เป็นฮีโร่ แต่ความเสียหายมันได้เกิดขึ้นไปแล้วละ"
              "เอาเป็นว่าเราได้ข้อสรุปเรื่องเดรฟมัสค์และมิสตี้กันแล้วน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว "ตอนนี้เราเข้าประเด็นเรื่องแดนเจอรอทกันดีกว่าน่ะ"
              สเตฟอร์ดบอก "เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะ เกซิคเริ่มสร้างความยุ่งยากกันเสียแล้วละ"

    ต่อพาร์ทสาม
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×