ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga: HyperStar Trooper

    ลำดับตอนที่ #69 : ตอนที่ 25 ปฏิบัติการณ์ร่วมบนโลกครั้งที่ 2 มหันตภัยเหนือฟากฟ้ากลับมาอีกครั้ง ความลับจากสหายทั้งสองที่คาดไม่ถึง พาร์ทสุดท้าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 23
      0
      21 ก.ค. 63

              มหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันตก ใกล้กับน่านน้ำสากลของประเทศญี่ปุ่น
              "งวดนี้ พวกนายเล่นแรงจนทำให้ฐานทัพยานคู่หายไปเลยวะ" เฟอร์นันเดอร์บอก
              คลอเวฟกล่าว "อย่างน้อยก็ช่วยเผาพวกผีร้ายที่สร้างความหวาดผวาให้กับชาวโลกเมื่อ 24 ปีก่อน และหยุดยั้งมิให้เหตุร้ายกระจายไปทั่วโลกกันอีกรอบนี้แหละ"
              "โดยเฉพาะ ผีที่ชื่อเออไดน์ คอสลอร์ด หวังว่ามันคงจะไปนรกขุมที่ลึกสุดกู่จนปีนกลับขึ้นมาจากหลุมกันไม่ได้แล้วสิน่ะ" เฟอร์นันเดอร์บอก
              สเตฟอร์ดพยักหน้า "สำหรับพวกเรากับเออไดน์นั้น ขอให้ครั้งนี้ มันสิ้นสุดกันจริงๆแล้ว ไม่มีหนที่สามหรือหนต่อไปแล้วละ"
              "เออ นายพลเบเร่ต์ ว่าแต่ รุ่นพี่บัวราวิสต้าเป็นยังไงบ้างละ" ไซโคลเนียบอก
              เบเร่ต์บอก "บอกตามตรงน่ะ ว่ารุ่นพี่ของเธอไม่ปลื้มอย่างมากที่ให้เธอมาช่วยชีวิตไว้แน่ๆเลยละ"
              "แน่ละ รุ่นพี่เป็นคนหัวแข็งยิ่งกว่าคอนกรีตสร้างตึกสูงเท่าเสาลิพท์วงโคจรเลยน่ะ" ไซโคลเนียกล่าว
              เบเร่ต์กล่าว "แต่เชื่อเหอะ พวกหยิ่งและไม่แสดงออกในสิ่งที่ตัวคิดกันอย่างจริงๆอย่างรุ่นพี่ของเธอนั้น คงจะภูมิใจไม่น้อยน่ะ ที่เธอแก้ตัวได้ แม้เวลามันผ่านไปตั้ง 20 กว่าปีด้วยกันน่ะ"
              "หวังว่ายัยบัวราวิสต้าคงไม่ส่งของขวัญเป็นจรวดต่อสู้อากาศยานกันบ้างน่ะ" โฟรซ่ากล่าว
              เบเร่ต์บอก "อ้อ ส่วนเรื่องพี่ชายของเธอนั้น ฉันทราบมาว่า เขาอาจจะเข้าร่วมการประชุมระหว่างโลกกับสหพันธ์นพเคราะห์ ในฐานะตัวแทนของฝรั่งเศสเลยก็ได้ เลยมาแจ้งให้เธอรับทราบกันสักหน่อยน่ะ"
              "ขอบใจมากน่ะ ที่มาเตือน อย่างน้อย ฉันจะได้เตรียมตัวหากพี่ชายกล้าเอาปืนพลาสติกมาจ่อใส่หัวฉันเลยน่ะ" โฟรซ่าบอก
              เบเร่ต์พยักหน้า เฟอร์นันเดอร์บอก "เกรงว่าตอนนี้ พวกนายคงต้องตามพวกเทอร่าสควอดอนกลับไปที่แทแรนเซียแล้วน่ะ แม้นั้นหมายถึง พวกนายอาจต้องอยู่ที่ไวท์คิฟตลอดเลยก็ตาม เพราะฉันรู้มาว่า การประชุมนี้ ไม่ควรมีแมนิเกเตอร์เข้ามายุ่งด้วย"
              "ถึงเราไม่เข้าไปในห้องประชุม แต่เราสามารถคุ้มกันการประชุมนี้ได้อยู่น่ะ" พีวิลบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "เพราะเราทำลายขุมกำลังของเกฟสตัลท์เบิร์ทไปจนหมดแล้ว ผู้นำสหพันธ์โลกใหม่คงต้องงัดทุกอย่างที่มีมาจัดการกับเราแน่นอนน่ะ"
              "เพราะว่าการประชุมครั้งนี้ นอกจากผู้นำของดาวทั้งแปดจะมาหารือกับราชินีมากาเล็ตกันแล้ว ผู้นำบ้านโซลราฟและลูสนาร์คเองก็ต้องลงมาพร้อมกับทหารประจำตระกูลส่วนที่เหลือด้วยน่ะ" เฟอร์นันเดอร์บอก "ตอนนี้ พวกเราหวังว่าพวกนายคงเตรียมพร้อมกัน เหมือนที่บีดีกับพวกพร้อมในเรื่องยานลำใหม่ล่าสุดด้วยละ" แล้วนายพลทั้งสองก็ยุติการติดต่อไป
              เฟอร์กินซ์บอก "อีกไม่ช้า พวกคุณก็จะเสร็จภารกิจกันแล้ว พวกคุณมั่นใจว่าจะพร้อมแค่ไหนละครับ"
              "เรื่องนี้เรายังไม่รู้ว่า เกซิคจะลงมือกันเช่นไรเลย เรายังบอกไม่ได้ว่าพร้อมแค่ไหนน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "แม้ว่าเรามีเวลาให้พักได้ก็จริง แต่เรารู้ดี ว่าความสงบนั้นสั้น ความวุ่นวายมักจะเกิดได้ทุกเมื่อ เพียงแต่มันหนักหนาแค่ไหนก็เท่านั้นเอง เราจึงต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอนี้แหละ"

              "แล้วถ้าเกิดเจอเรื่องที่พวกคุณมิได้เตรียมพร้อมขึ้นมาละครับ พวกคุณจะทำเช่นไร" เฟอร์กินซ์ถาม
              สเตฟอร์ดบอก "ถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง เราไม่ควรแตกตื่นกับสถานการณ์ที่พลิกผัน แต่ต้องใช้สติเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกันไว้อย่างถี่ถ้วน ต่อให้สถานการณ์มันหนักหนาแค่ไหน เราต้องฟันฝ่าปัญหาเหล่านั้นไปให้ได้อยู่แล้วน่ะ"
              "แม้ว่าคุณจะเจออุปสรรค์ที่ทำให้พวกคุณทำงานยากเหมือนในตอนนี้เลยหรือ" เฟอร์กินซ์ถาม
              พีวิลบอก "สำหรับพวกเรานั้น ทุกงานนั้นล้วนยากหมด ไม่มีอันไหนที่ง่ายเสมอไป เพราะอันที่มันง่ายดายนั้น บางครั้งก็มีความยากลำบากแฝงอยู่ ถึงเราหนีหรือนิ่งเฉย ปัญหาและความยากก็ไม่หมดไป ถ้าเราไม่เข้าไปแก้ไขปัญหาด้วยตัวเราเองน่ะ"
              "เหมือนที่พวกคุณใช้ความอดทนในการต่อกรกับพวกเดลอาเนี่ยน สู้กับพวกริดโอ ทรอยอาร์และสเตรดาร์ธได้ ทั้งๆที่เสนาธิการวอลเดนสไตน์และนายพลวอลเลนซ์หาเรื่องกลั้นแกล้งพวกคุณเลยสิครับ" เฟอร์กินซ์บอก "ผมได้ดูการต่อสู้ของพวกคุณมาตลอดแล้ว ไม่แปลกใจเลย ที่พวกคุณเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้คนอื่นๆอยากเป็นเหมือนพวกคุณ อยากเป็นวีรบุรุษเหมือนกับพวกคุณกันบ้างน่ะ"
              สเปียริทบอก "เธอพูดเหมือนกับพวกวัยรุ่นที่อยากจะเป็นสมาชิกของกองกำลังของเราเลยสินะ"
              "ใช่ และมันจะดีมาก หากพวกคุณช่วยให้พวกเขาสมหวังกันสักหน่อยน่ะ" เฟอร์กินซ์กล่าว
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ผู้ตรวจการณ์เฟอร์กินซ์ พวกเราเข้าใจความรู้สึกของพวกวัยรุ่นที่มีความต้องการเหล่านั้นได้ดี ว่าพวกเขาอยากจะเป็นวีรบุรุษและเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังของเรากันก็จริง แต่....พวกเขามิได้มีความตั้งใจที่อยากจะต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตย์ และผู้อ่อนแอให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของผู้คุกคามกันจริงๆ ซึ่งพวกเขาเหล่านั้น ถ้าให้ออกรบภาคสนามพร้อมพวกเราจริงๆ นั้นหมายถึงพวกเขาอาจจะหนีออกจากสนามรบหรือหนีเอาตัวรอดได้ก่อน หรือไม่ก็ ตกเป็นเป้านิ่งของฝ่ายตรงข้ามให้พวกเราเข้าไปช่วยจนพลอยรับเคราะห์ไปด้วยน่ะ"
              "และถ้าให้พวกเขาเข้าร่วม โดยที่ยังมีอีกกลุ่มมีความตั้งใจเหมือนกับพวกเราเสียโอกาส มันไม่เป็นการทำร้ายพวกเขาทางอ้อมจนพาลเกลียดพวกเราไปด้วย ดังนั้น เรายอมให้โอกาสต่อเหล่าผู้ที่มีความตั้งใจอย่างแท้จริง และยอมทิ้งโอกาสให้พวกที่ไม่ได้ โดยสอนให้พวกเขารู้ว่า ภาระการเป็นทหารแบบพวกเรานั้น มันหนักหนาเกินกว่าที่พวกเขาคิดไว้แต่แรกน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              พีวิลบอก "เหตุผลที่เราต้องทำเช่นนี้ เพราะพวกเราไม่อยากเป็นเหมือนแพททริค ทิลเทอแรนกับพวกน้องๆที่อยู่ข้างเขากันหรอกน่ะ"
              "แพททริค ทิลเทอแรนที่ว่ามานิ วีรบุรุษอากรีเดี่ยมที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศนะหรือครับ" เฟอร์กินซ์บอก พีวิลพยักหน้า
              สเปียริทบอก "แพททริคชักชวนเหล่าประชาชนทั้งหลายให้เข้าร่วมเกณฑ์ทหารอยู่ในกองรบของเขา โดยอ้างว่า เขากับพวกน้องๆ สามารถทำให้พวกทหารเกณฑ์ทั้งหลายเป็นวีรบุรุษได้ในชั่วพริบตา ซึ่งพวกทหารเกณฑ์เหล่านั้นมิได้ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แค่ให้สวมชุดทหาร ถืออาวุธแล้วส่งออกไปรบแนวหน้าให้ถูกพวกศัตรูเชือดทิ้ง จนมีชื่อปรากฎอยู่ในอนุสรณ์สถานวีรชนคนกล้า แล้วมาโทษว่าเป็นความผิดของพวกเราที่ทำให้พวกเขาตาย ซึ่งนั้นเป็นการกระทำที่เลวระยำมากๆ เพราะทหารส่วนมากนั้นถ้าไม่ตาย ก็ต้องพิกลพิการ เสียสติและไปอยู่ในสถานบำบัดจิตถาวรเลยน่ะ"
              "พวกเราได้เห็นตัวอย่างที่ไม่ดีอย่างพวกแพททริคไปแล้ว พวกเราจะไม่ทำแบบนั้นซ้ำอีก เพราะเราไม่อยากจะทำให้ใครตายเพียงเพื่อให้พวกเขาได้เป็นวีรบุรุษกันอีกต่อไปแล้วนะ" แอนเดรียบอก
              พีวิลกล่าว "มิใช่ว่าพวกเราไม่อยากให้ใครเป็นทหาร แต่เราต้องดูความเหมาะสมด้วย ซึ่งพวกวัยรุ่นส่วนมาก ไม่ว่าชาวซัลคาเลี่ยนก็ดี มาจากระบบดาวอื่นก็ดี หรือเป็นเทรอมก็ดี ล้วนมีความต้องการแตกต่างกันไปเลยน่ะ"
              "แปลว่า พวกคุณเองมีตัวอย่างทื่ไม่ดีเป็นแบบอย่าง และมีประสบการณ์อยู่ภาคสนามมาตลอดเลยสิครับ ถึงแยกแยะได้ว่ากลุ่มไหนเหมาะสมกลุ่มไหนไม่เหมาะเลยน่ะ" เฟอร์กินซ์กล่าว "ผมคิดว่าพวกคุณเป็นพวกใจยักษ์และเห็นแก่ตัวมากจนปิดโอกาสไม่ให้ทุกๆคนอยากทำตามความฝันเลยน่ะ"
              เจเนลบอก "ถึงเราไม่ได้ทำตามในสิ่งที่เราฝันใฝ่ไว้ อย่างน้อย ก็คงมีสักวันที่เราได้ในสิ่งที่เราฝันไว้ได้นี้แหละ"
              "ถ้าพ่อผมเป็นอย่างที่พวกคุณพูดมา ผมจะรู้สึกดีใจไม่น้อยบ้างนะครับ" เฟอร์กินซ์บอก "ตอนนี้ผมจะเขียนรายงานการปฏิบัติการณ์ของพวกคุณไว้นะครับ" แล้วก็เดินออกไป
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "ดูเหมือนว่า ผู้ตรวจการณ์ของเราจะดีใจไม่น้อย เหมือนเราตอบคำถามของเขาได้ถูกทุกข้อเลยสิน่ะ"

              "อย่างน้อย ป้าก็น่าจะเลิกระแวงผู้ตรวจการณ์กันบ้างนะครับ" เจเนลบอก
              วิลด้าส่ายหน้า "ฉันยังวางใจในตัวผู้ตรวจการณ์เฟอร์กินซ์กันไม่สนิทใจหรอกน่ะ เจเนล แม้ฉันไม่รู้ว่ามันเพราะอะไรที่ทำให้ฉันไม่ไว้ใจเลยก็ตามน่ะ"
              "ยิ่งในตอนนี้ เกซิคเองมีเทรแซทอยู่ด้วยนั้น เรารู้ว่าเทรแซทเป็นแมนิเกเตอร์ยังไง ตรงนี้แหละ ที่น่ากังวลยิ่งกว่าน่ะ" เบติสกล่าว
              ไซโคลเนียบอก "แล้วทำไม เราไม่ออกไปตามหาตัวเทรแซทเสียเลยละ อย่างน้อย เอาให้เรามั่นใจได้เลยน่ะ"
              "นั้นไม่ดีหรอก ไซโคลเนีย ถ้าเธอออกไปตรวจตราหาตามพื้นที่โดยรอบหุบเขามรณะ แล้วเกิดมีสมุนของเกซิคดักซุ่มขึ้นมาละ" สเตฟอร์ดบอก
              พลัสเชอริทบอก "เกซิคคงใช้โฮโลแกรมของเทรแซทเป็นตัวล่อหลอกให้พวกเราที่เข้าไปตรวจสอบติดกับ แล้วใช้พวกเราที่ถูกจับมาเป็นตัวประกันนั้น ยิ่งทำให้พวกเราเสียเปรียบตั้ง 80 เปอร์เซนต์เลยน่ะ"
              "แต่เกซิคก็รู้ดีมิใช่หรือ ว่าเทรแซทมีระเบิดอนุภาคที่สามารถเป่าโลกให้กระจุยได้ในคราวเดียว แถมมันก็เป็นตัวอันตรายชนิดที่โอเวอร์เดสไม่ให้มันออกไปไหนได้ เกิดมันหลุดออกมาแล้วมันย้อนกลับมาตัดหัวเกซิคขึ้นมาละ...." แอบไบออสบอก
              คลอเวฟแบมือเบรคไว้ "แล้วถ้าเกิดว่า ไอ้เทรแซทที่ถูกกักขังนิ มันไม่อยู่ในกรงขึ้นมา และมันไม่ได้อยู่ที่โลกนี้ หรือดวงจันทร์ หรือดาวเคราะห์ในระบบสุริยะกัน แถมยังใช้โฮโลแกรมหลอกเกซิคมาตลอด 24 ปีกันละ"
              "คลอเวฟพูดมาก็ตรงประเด็นน่ะ เพราะเทรแซทเองก็เป็นคนร้ายที่เกือบจะสังหารมหาประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในช่วง 20 ปีก่อนที่โอเวอร์เดสจะกลับมาที่โลกเป็นหนที่สองกัน อีกทั้งทั่วโลกเองก็มองแมนิเกเตอร์เป็นตัวอันตรายกันด้วย เทรแซทคงไม่โง่พอที่จะเดินบนถนนให้คนมองเห็นได้หรอกน่ะ" จายด์กล่าว
              พีวิลบอก "ยิ่งในตอนนี้เครื่องฉายโฮโลแกรมเองสามารถสร้างภาพที่ระบบกล้องไม่สามารถตรวจจับ หรือแยกแยะได้ว่านี้เป็นตัวจริงหรือโฮโลแกรม และโอเวอร์เดสเองคงใช้เซจเจนคอร์เป็นแหล่งพลังงานให้กับเครื่องฉายโฮโลแกรมกัน โดยให้พลังงานได้ราว 20-30 ปีกันด้วยละก็ เทรแซทก็คงใช้ทริคบางอย่างหลุดออกจากการปิดผนึกและเปิดเครื่องฉายโฮโลแกรมหลอกเกซิคได้แน่ๆน่ะ"

              "ตี้ดๆๆๆๆๆๆๆ" ไม่ทันไร ก็มีเสียงดังขึ้นมา
              แอมเบอร์บอก "นายพลบราวน์เดคติดต่อเข้ามาหาพวกเราแล้วละคะ"
              จิลกล่าว "หวังว่า เครเมลคงไม่ก่อเรื่องหลังจากที่ทางนั้นแยกเธอออกจากเทอเรลเครชของเยลโลว์ไลน์กันบ้างน่ะ"
              "เดียวก็รู้เองละน่า จิล" โฟรซ่าบอก เนคมาดูซัมเลยรับสาย โฮโลแกรมของบราวน์เดคและไวโอเลฟจึงโผล่มา
              "นี้เป็นอีกภารกิจที่พวกเธอจัดการกับกองรบของฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่ลงไปได้แล้ว แม้นั้นจะทำให้ทีมช่างต้องรีบมาซ่อมแซมระบบขับเคลื่อนกลางอากาศเลยก็ตาม อย่างน้อย พวกเธอช่วยลบซากฐานทัพที่สร้างความหวาดกลัวไปได้น่ะ" บราวน์เดคบอก
              "และฝังศพผีร้ายที่เป็นลูกหลานของต้นเหตุเฮงซวยที่พยายามจะก่อสงครามขึ้นมาได้อย่างถาวรแล้วละคะ" โฟรซ่าบอก
              แอนเดรียบอก "แล้วพวกคุณจะให้พวกเราคุ้มกันการประชุมที่แทแรเซียเลยสิคะ"
              "เกรงว่าเราต้องทำเช่นนั้นแหละ เพียงแต่ เรามีนิวเมนอยด์และแคสท์นอยด์ที่ยินดีเข้าร่วมในกลุ่มกันด้วยน่ะ" ไวโอเลฟบอก
              บราวน์เดคบอก "เพียงแต่ แม้พวกเธอจัดการกับพวกโซลูนาสตี้ของเกฟสตัลท์เบิร์ทลงได้ เกรย์เบียสและเอคมัลกับพวก ก็ลอยนวลไปได้อยู่น่ะ"
              "ว่าแต่ พวกคุณแจ้งกับนายพลวิลเลี่ยมและนายพลฟอสเตอร์ให้ติดตามหาแล้วหรือยังละครับ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              ไวโอเลฟส่ายหน้า "แซนลี่และทหารประจำสถานีวงโคจรตรวจสอบจากนอกโลกแล้ว พวกเขาพบกับยานรบของเอคมัลและกองยานของเกรย์เบียสหนีไปยังทางเหนือคาบสมุทรอินโดจีน แล้วหายไปจากจอเรดาห์ภายในเวลา 5 นาทีถัดมา โดยที่กองรบฝั่งเอเชียใหญ่มาไม่ทันการณ์เลยน่ะ"
              "แล้วมีตรวจเช็คไปที่ดวงจันทร์และดาวเคราะห์ทั้งแปดดวงแล้วหรือยังละคะ" วิลด้าบอก
              บราวน์เดคบอก "พวกเขาแจ้งไปแล้ว แต่กลับไม่เจอยานของเอคมัลและเกรย์เบียสปรากฎที่ดวงจันทร์หรือดาวดวงไหนเลย แม้กระทั่งดาวพลูโตที่อยู่ไกลมากด้วย บ่งชี้ได้เลยว่า เกรย์เบียสและเอคมัล พาพวกหลบหนีออกจากระบบสุริยะไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"
              "ถ้าให้เดานะคะ ทั้งคู่เห็นเกซิคไร้ประโยชน์แล้ว เลยรีบเผ่นหนีไปจากโลกและระบบสุริยะเลยสิคะ" โฟรซ่าบอก
              บราวน์เดคพยักหน้า "ฉันได้แจ้งให้จอมพลชาลตันรับทราบไว้แล้ว ว่าเกรย์เบียสและเอคมัลได้หลบหนีออกจากระบบสุริยะเพื่อเข้าสู่เขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์อวกาศ ซึ่งฉันหวังว่าพวกเขาคงจะโต้ตอบการบุกันไว้ได้น่ะ"
              "หวังว่าท่านนายพลคงจะแจ้งข้อมูลของกองรบที่เอคมัลและเกรย์เบียสนำมาให้ดีด้วยน่ะ" แอบไบออสบอก
              ไวโอเลฟพยักหน้า "พูดถึงเรื่องกองรบของเกรย์เบียสแล้วนิ ทางเราได้รับข้อมูลจากกองทัพอเมริกาใต้ที่กู้ศพของพวกฟัสซีเดียสมาแล้ว ซึ่งสิ่งที่พวกเขาค้นพบมานั้นไม่ดีเอาเสียเลยน่ะ"
              "คงไม่ได้เจอแค่ศพไร้สมองแต่ยัดคอมพิวเตอร์เข้าไปแทนละสิ" คลอเวฟบอก
              บราวน์เดคกล่าว "ฟัสซีเดียสและแกนนำทั้งเจ็ดนั้น มีแถบบาร์โค้ดรหัสโคลนนิ่งไว้ตามตัว ซึ่งร่างกายของพวกเขานั้นถูกเชื่อมต่อกับระบบควบคุมหุ่นไว้ และไม่ได้มีแค่ตัวเดียว แต่คงมีเป็นร้อยรายด้วยกันน่ะ" แล้วก็นำข้อมูลบาร์โค้ดที่ได้จากต้นแขนของฟัสซีเดียส ซึ่งผ่านการสแกนมาเป็นตัวเลข 008/150
              "ถ้าให้เดาอีกน่ะ ร่างโคลนที่เหลือนั้น คงถูกแปรสภาพเป็นทหารไบโอแน่นอน" แอบไบออสบอก
              ไวโอเลฟกล่าว "รวมถึงการดัดแปลงเป็นไซบอร์คด้วย หากร่างโคลนมีสภาพเสียหายไม่ว่าจะเป็นเช่นไรก็ตาม เพราะเอคมัลเก่งในเรื่องการจับคนมาดัดแปลงเป็นไซบอร์คกันไม่น้อย รวมไปถึงเรื่องการสร้างแหล่งพลังงานที่เป็นอันตรายนั้น ผลงานการโคลนนิ่งพวกฟัสซีเดียสคงต้องอันตรายมากแน่นอน"
              "ซึ่งนั้นเป็นเรื่องเกินการควบคุมของพวกผบ.ฮาซาเดนหรือกองรบสมาพันธ์อวกาศจะรับได้แน่ๆน่ะ" ฟิเกซกล่าว
              บราวน์เดคบอก "และถ้าการประชุมไม่เกิดขึ้น พวกเราจะไม่มีสิทธิ์ที่จะออกไปตามล่าพวกเกรย์เบียสกันได้แน่นอนน่ะ รวมไปถึงเรื่องที่แทแรนเซียและชาวโลกจะเดินทางสู่เขตอวกาศของกลุ่มพันธมิตรมนุษย์กันด้วย"
              "แปลว่า การประชุมที่แทแรนเซียนั้น มิใช่แค่หารือระหว่างโลกกับดาวทั้งแปดกันอย่างเดียว แต่หมายถึงการประกาศเรื่องการเดินทางสู่อวกาศกันอย่างแท้จริงให้ชาวโลกรับรู้เลยสิคะ" แอนเดรียบอก
              ไวโอเลฟกล่าว "ว่ากันตามจริงแล้ว ชาวโลกอย่างพวกเรา ควรจะไปจากโลกนี้และไปหาเฮนรี่ ไนท์และกลุ่มพันธมิตรมนุษย์ในอวกาศกันตั้ง 23 ปีกันแล้ว ถ้าไม่เพราะเกฟสตัลท์เบิร์ทสถาปนาสหพันธ์โลกใหม่จนสร้างกรงมากีดขวางทางกันไว้ และทำให้พวกเธอต้องดั้นด้นกลับมาที่โลกด้วยน่ะ"
              "ดังนั้น พวกเราจึงหวังว่าการประชุมครั้งนี้คงจะสำเร็จไปได้ด้วยดีบ้างน่ะ" บราวน์เดคบอก "และหวังว่า พวกเธอคงจะอยู่ช่วยพวกเราคุ้มกันการประชุมในคราวนี้ด้วย"
              เนคมาดูซัมบอก "วางใจได้เลยครับ นายพลบราวน์เดค เพราะอย่างน้อย พอเสร็จจากเรื่องนี้ พวกเราจะได้ไปจัดการกับเกซิคและพวกกันเสียทีน่ะ"
              "แต่พวกเธอก็รู้กันใช่มั้ย ว่าต่อให้พวกเธอหยุดยั้งเกฟสตัลท์เบิร์ทลงไปได้ มวลมนุษยชาติบนโลกส่วนมากก็ยังเห็นพวกเธอเป็นต้นเหตุที่ก่อเรื่องทุกอย่างไว้น่ะ" บราวน์เดคกล่าว
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "พวกเราทราบดีครับ ท่านนายพลบราวน์เดค ว่าการกลับมาของพวกเรา ได้สร้างเหตุผลให้ชาวโลกคิดอยากจะออกเดินทางสู่อวกาศ เพื่อที่จะไปหาเรื่องกับพวกเราให้ได้ โดยไม่สนใจว่าพวกเราเป็นส่วนหนึ่งของสมาพันธ์อวกาศกันไปแล้วน่ะ"
              "แม้ว่าพวกเขาไม่ยอมรับในความจริงที่ว่า พวกเรามาเพื่อช่วยมิให้มวลมนุษยชาติบนโลกสูญสิ้นเพียงเพราะความแค้นบ้าๆของเกซิคเลยก็ตาม อย่างน้อย เราได้ทำในสิ่งที่พวกเราควรทำไว้นะครับ" พีวิลบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ถ้าไม่เพราะมีมนุษย์อย่างพวกท่านและพวกราชินีมากาเล็ตคอยช่วยเหลือ ปานนี้ พวกเราถูกพวกมนุษย์ที่เห็นแก่ตัวและเห็นแก่ได้ฆ่าตายไปนานแล้ว ที่จริง พวกเราควรจะขอบคุณพวกคุณเสียด้วยซ้ำนะ"
              "แต่ตอนนี้ ทางเราคงต้องจอดเติมเชื้อเพลิงที่ฐานทัพที่ฮอคไกโดกันแล้ว เพราะเราต้องเดินทางต่ออีกเพื่อมุ่งหน้าไปแทแรนเซียแล้วน่ะ" ไวโอเลฟบอก
              บราวน์เดคกล่าว "เราจะอยู่ซ่อมบำรุงที่นั้นราว 2-3 วันก่อนมุ่งหน้าไปยังแทแรนเซียไว้น่ะ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะยานเทอร่าอาร์คนั้นพึ่งจะถูกนำมาใช้งานเลยสิครับ" สเตฟอร์ดบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ทางเราจะช่วยซ่อมแซมยานให้อีกแรงนะครับ"

              "ยังงอนอยู่ละสิน่ะ เครเมล" เรดดิลบอก โดยตอนนี้เครเมลอยู่ในห้องพยาบาลอยู่
              "ถ้าพวกพี่ๆให้หนูออกจากห้องพยาบาลที่มีคุณป้าเสื้อโค้ทขาวดูอยู่ได้ละก็ หนูคงช่วยพวกคุณลุงและคุณป้าไปนานแล้วละคะ"
              "ลูกก็ได้เห็นผ่านหน้าจอในห้องแล้วมิใช่หรือ ว่าการต่อสู้จริงนั้นมันหนักหนาและอันตรายมากกว่าที่ลูกคิดไว้เลยน่ะ" วาเนลลี่บอก
              เทลลีนกล่าว "ที่สำคัญน่ะ เครเมล หนูบินได้หรือเปล่าละ"
              "เออ ยังไม่ได้เลยนะคะ แต่อย่างน้อยแค่หนูพยายามซะ หนูก็บินได้อยู่แล้วละ" เครเมลบอก
              บลูดัสท์กล่าว "ขอให้เป็นเช่นนั้นบ้างนะ เครเมล แต่มันต้องอาศัยการฝึกฝนกันสักหน่อย ซึ่งก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยน่ะ"
              "งั้นหรือคะ แต่หนูเองก็จะพยายามฝึกฝนเพื่อที่หนูจะได้ช่วยเหลือพวกพี่ๆ และพวกคุณลุงคุณป้าทั้งหลายด้วยละคะ" เครเมลกล่าว
              เบรซเซ่บอก "ขอให้เป็นจริงบ้างเถอะน่ะ เครเมล"
              "ถ้าเช่นนั้น หนูขอไปเยี่ยมเมมทรีสก่อนนะคะ" เครเมลกล่าวโดยออกไปพร้อมกับเยลโลว์ไลน์
              ซอนแนคเลยหันมาถาม "ดร.ไวท์ไลน์ ผลการตรวจสอบร่างกายของเครเมลและเมมทรีสนั้น เป็นยังไงละครับ"
              "เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้เลยน่ะ ทั้งเครเมลและเมมทรีสนั้น มีอัตราพลังโปรตอนในตัวอยู่ในระดับที่สูงมาก เทียบเท่ากับแคสท์นอยด์ระดับเอสเลยน่ะ" ไวท์ไลน์กล่าว
              บลูดัสท์บอก "แคสท์นอยด์ระดับเอสนิ นั้นมันระดับที่สามารถต่อสู้ได้มิใช่หรือ คุณวาเนลลี่ ว่าแต่ คุณหรือสามีของคุณคงจะไม่ได้เป็นไทป์สู้รบกันละสิครับ"
              "จริงๆแล้ว ก่อนที่ฉันจะมีเครเมลนั้น ฉันเคยอยู่ในกองทัพมาก่อน เพียงแต่อยู่ในหน่วยสนับสนุนเท่านั้นเอง ส่วนสามีของฉันนั้น เขาเป็นนักรบที่มีความเก่งกาจและมีพลังโปรตอนสูงมาก โดยเขาออกจากบ้านไปอยู่บนดวงจันทร์ และเสียชีวิตไปเมื่อ 4 ปีก่อนนะคะ" วาเนลลี่บอก
              เรดดิลกล่าว "ถ้าเป็นเช่นนั้น ฉันพอจะเช็คได้คะ เพราะในกองรบของโซลราฟและลูสนาร์คนั้น มีพวกแคสท์นอยด์และนิวเมนอยด์ส่วนหนึ่งรวมอยู่ด้วยนะคะ"
              "แสดงว่า ที่เอคมัลลักพาตัวพวกดิวแรมไปนิ คงไม่ได้แค่เป็นการลักพาตัวแบบสุ่มอย่างเดียวแล้วนะ" เชรฟเช่กล่าว
              เอฟเซนโต้บอก "เอคมัลลักพาตัวพวกแคสท์นอยด์เด็กไป เพราะรู้อยู่แล้ว ว่าแคสท์นอยด์เด็กในเวลานี้ มีพลังโปรตอนในระดับที่สูงเทียบเท่าหรือมากกว่ารุ่นผู้ใหญ่ด้วยกัน ซึ่งแคสท์นอยด์เด็กนั้น อาจถูกผู้ใหญ่ไม่ดีอย่างเอคมัลเสี้ยมสอนไปในทางที่ไม่ดีและชั่วร้ายได้ง่ายแน่นอนน่ะ"
              "ดีที่เราได้ตัวเมมทรีสมา แม้นั้นจะทำให้หัวหน้าจูดิธระแวง เนื่องจากว่าเมมทรีสเคยเป็นลูกน้องของเอคมัลมาก่อนน่ะ" บลูดัสท์บอก
              วาเนลลี่บอก "อย่างน้อย นั้นขึ้นกับพวกคุณทั้งหลายแล้ว ที่จะช่วยเหลือเครเมลกันได้นะคะ"
              "ฉันอาจจะระแวงไปมาก แต่ไม่มากเกินควรตามที่บลูดัสท์ว่าไว้หรอกน่ะ" จูดิธกล่าว โดยตอนนี้เธออยู่ในห้องคอมพิวเตอร์ ซึ่งทาริก้าสังเกตุการณ์ในห้องพยาบาลอยู่
              ทาริก้าบอก "นั้นบ่งบอกได้เลยว่า ทั้งเรดดิลและบลูดัสท์รู้นิสัยของเธอเป็นอย่างดีแล้วสิน่ะ"
              "เรื่องที่ฉันรู้ว่าเมมทรีสเคยเป็นลูกน้องของเอคมัลนั้น ฉันรู้ ว่าแคสท์นอยด์ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ หากโดนเอคมัลควบคุมขึ้นมา ย่อมหมายถึงเราเอาอันตรายมาใกล้ตัวไว้อยู่น่ะ" จูดิธบอก "หากแต่เรื่องที่เครเมลรวมร่างกับเทอเรลเครชของเยลโลว์ไลน์แล้วออกไปสู้กับพวกศัตรูนั้น คืออีกเหตุผลที่ฉันต้องคิดแผนเพื่อกันไม่ให้เครเมลถูกเอคมัลและลูกสมุนลักพาตัวไปได้อีก และการปล่อยให้เด็กหลุดเข้ามาในสนามรบนั้น ก็ถือเป็นการผิดกฎกองทัพไปด้วยน่ะ"
              ทาริก้าบอก "เธอเลยต้องปกป้องเครเมลและเมมทรีสไม่ให้ถูกปองร้าย โดยที่เธอต้องกลายเป็นป้าโหดใจร้ายเลยละสิ"
              "พอเลย ทาริก้า ว่าแต่ เธอวิเคราะห์ข้อมูลภายในหัวแคสท์นอยด์ที่เก็บกู้มาได้หรือยังละ" จูดิธพูดเปลี่ยนเรื่องโดยทันที
              ทาริก้ากล่าว "เกรงว่า พวกที่เอคมัลส่งมานั้น คงไม่ได้รับรู้ข้อมูลที่สำคัญๆ อย่างแผนการหลบหนีออกจากโลก และการไปกบดานที่ดาวดวงไหนสักแห่งที่อยู่ห่างไกลจากระบบสุริยะอย่างมาก ซึ่งนั้นก็ตรงกับข้อมูลรายงานที่เรดดิลและบลูดัสท์เขียนไว้ ว่านอกจากเอคมัลจะฉลาดในเรื่องเปลี่ยนคนเป็นไซบอร์ค แต่ยังฉลาดในเรื่องเอาตัวรอดอีกด้วย"
              "เช่นเดียวกันกับเกรย์เบียสด้วยนิ ถ้าเรายังอยู่ที่โลกต่อ เกรย์เบียสและเอคมัลคงได้สร้างกองทัพที่ยิ่งใหญ่มาหาเรื่องพวกเราได้แน่นอน" จูดิธกล่าว "เพียงแต่ เกฟสตัลท์เบิร์ทในเวลานี้ คงจะจนตรอกสุดๆแล้วละ"
              ทาริก้าบอก "แน่ละ เพราะว่ากองรบที่สี่และสุดท้ายนั้น สิ้นสูญไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"
              และเป็นเช่นนั้นจริงๆเสียด้วย เพราะตอนนี้ "เจ็บใจนัก ไอ้แดนเจอรอท แกไม่เพียงคิดคดทรยศต่อฉันกันอย่างเดียว แต่แก ปากโป้งบอกเกรย์เบียสและเอคมัลให้รับรู้ถึงที่ตั้งของประตูมิติกันเช่นนี้ ดีที่แกตายไปซะได้น่ะ" เกซิคสบถขึ้นมาอย่างเจ็บแค้นไม่น้อย "แต่ ฉันยังไม่แพ้พวกแกง่ายๆหรอก ไอ้พวกไทรเวเซอร์ ฉันจะใช้ไพ่ตายใบสุดท้ายนี้ ในเมื่อฉันไม่สามารถครอบครองโลกได้ นึกหรือ ว่าฉันจะให้พวกแกกอบกู้โลกและเหล่ามนุษยชาติหน้าโง่กันได้น่ะ ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" โดยตอนนี้ตนหยิบกุญแจออกมาแล้ว
              ในเวลาเดียวกันกับที่ครองคอร์ด "ถึงเวลาของฉันแล้วละสิน่ะ หึๆๆๆๆๆ" ที่กล่าวอย่างใจเย็นขึ้นมา

              ช่วงสุดท้ายของการปฏิบัติการณ์บนโลกมาถึงแล้ว โปรดติดตามในตอนต่อไป กับตอนที่ 26 แผนปฏิบัติการณ์บนโลกสิ้นสุด จุดเริ่มของปัญหาที่ใหญ่ยิ่งของไทรเวเซอร์
    ตอนหน้า ครองคอร์ดท้าสู้กับพวกไทรเวเซอร์ ก่อนที่จะให้ข้อมูลที่ตั้งของเกซิค ซึ่งเตรียมกองรบเพื่อถล่มแทแรนเซีย ที่กำลังจัดการประชุมระหว่างโลกและสหพันธ์นพเคราะห์กัน เพียงแต่ พวกไทรเวเซอร์กำลังจะเจอกับดักสองชั้นที่คาดไม่ถึงขึ้นมา
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×