ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga: HyperStar Trooper

    ลำดับตอนที่ #78 : ตอนที่ 28 ศึกดวลเดือด ไทรเวเซอร์ปะทะเอฟซีตรอน โฉมหน้าที่แท้จริงที่คาดไม่ถึง และการเสียสละอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง พาร์ทสาม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 18
      0
      22 ก.ค. 63

              "พวกเธอมั่นใจมากเลยสิน่ะ ว่าชนะพวกเราแล้ว ทุกอย่างจะจบลงไปได้น่ะ" กาโกรินบอก "ในเมื่อ.....พวกเราสามารถเอาชนะพวกเธอได้เป็นหนที่สองกันน่ะ"
              พีวิลบอก "หนที่สองนะหรือ นายพลกาโกริน มันหมายความว่ายังไงกันละ"
              "พีท มาสวาร์ทาร์ เนคมาดูซัม" สเตฟอร์ดกล่าว โดยพาพวกเข้ามาสมทบกันแล้ว
              "นึกว่าพวกนายจะไม่มากันเสียแล้วนะเนี้ย" เนคมาดูซัมกล่าวอย่างโล่งใจขึ้นมา
              "โอ้ว ดูเหมือนว่างวดนี้พวกเธอทั้งสามโชคดีมากเลยน่า ที่มีพวกพ้องมาช่วยไว้ได้ แม้ว่าคราวที่แล้ว พวกเขาจะมาช้าไปเลยก็ตามน่ะ หึๆๆๆๆ" กาโกรินกล่าว
              ฟิเกซบอก "คราวที่แล้วนะหรือ นายกำลังจะบอกอะไรเรามิทราบเลยละ"
              "เบลซาร์ท ดูเหมือนว่าเราไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรกันแล้วละ" กาโกรินกล่าว
              เบลซาร์ทพยักหน้า "พีวิล นายบอกว่า แม้ฉันจะเป็นอัศวินที่แข็งแกร่งมากที่สุด แต่ก็เป็นผู้อ่อนแอมากที่สุดเลยนั้น ฉันยอมรับว่า นั้นเป็นความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลยก็ตาม" แล้วก็ลุกขึ้นยืนมา "แต่เกรงว่าชัยชนะที่นายได้จากฉันไปนั้น มันแค่ด้านหน้าเท่านั้นเองแหละ" แล้วก็ชูแขนขวาขึ้น
              "นายกำลังทำอะไรกันน่ะ เบล...." ซอลดอชกล่าวไม่จบก็ "อึก" ตัวชะงักลงอย่างจังๆ พร้อมกับเลือดไหลออกปาก โดยก้มลงมาเห็น "ดะ ดาบอะไรกันเนี้ย" คมดาบสีดำที่แทงทะลุหลังมาที่หน้าอก
              "ดาบสีดำเล่มนั้น....เบลซาร์ท อย่าบอกน่ะ ว่านาย...." พีวิลเห็นดาบที่แทงใส่ซอลดอชจึงเข้าใจได้ทุกอย่าง
              "นายเดาเก่งแล้วละ เบรซซิ่งฟิสท์พีวิล เมื่อก่อน ฉันคืออัศวินเกราะเงินเบลซาร์ท ยอดนักรบที่ชาญฉลาดมากที่สุดที่แม่ทัพแก่โอลดาธภาคภูมิใจอย่างมาก และเป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการณ์ของกองกำลังเอฟซีตรอนในเวลานี้" เบลซาร์ทบอก และเดินมาจับด้ามดาบข้างหลังซอลดอชพร้อมกับ "ครืนนนนนนนน" ออร่าสีดำปกคลุมร่างเกราะของเบลซาร์ท ซึ่งเปลี่ยนทรงเกราะสีเงิน ให้กลายเป็นเกราะสีดำทมิฬ พร้อมกับสวมหมวกเอาไว้ "แต่โฉมหน้าที่แท้จริงของฉันคือ อัศวินดาบจักรกลทมิฬ มาโดวเวลเดอร์นี้แหละ"
              ซอลดอชบอก "ทำไมละ เบลซาร์ท นายไม่น่าทำร้ายฉันไปได้เลยนิ"
              "เกรงว่านายกับพวกหมดประโยชน์กันไปแล้ว นับตั้งแต่ นายแพ้ดาบมือหนึ่งลงไปหมดรูปแล้วละ" เบลซาร์ทในคราบของอัศวินทมิฬกล่าว "ดังนั้น ฉันขอพลังอันโฉดชั่วที่อยู่ในร่างของนายและดาบของนายมาเลยแล้วกัน" แล้วก็กำดาบ "แว้งงงงงงงงง แว้งงงงงง แฟ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ร่างของซอลดอชเปล่งออร่าสีเลือด เช่นเดียวกับเศษดาบและตัวดาบที่เหลือ พุ่งเข้าไปในร่างของเบลซาร์ท ในขณะที่ออร่าสีเลือดในตัวของซอลดอชนั้น แปรเปลี่ยนเป็นสีดำ และไหลเข้าตัวเบลซาร์ทอย่างรวดเร็ว จนซอลดอชมีสภาพเหมือนมัมมี่อย่างรวดเร็ว
              "ไอ้สาร...เลว..... แกไม่ได้ ตาย...ดิ...." ซอลดอชกล่าว แต่เขาไร้ซึ่งพลังและเรี่ยวแรงในตัวแล้ว เบลซาร์ทเลย "ฉืบบบบบ หวือออออ ฟู้วววว" ดึงดาบออกจากร่างซอลดอชที่ล้มลงและสลายกลายเป็นฝุ่นไปในทันที
              "เดียวก่อนน่ะ ถ้าเบลซาร์ทเป็นมาโดวเวลเดอร์แล้ว....อย่าบอกน่ะ ว่านายเองก็คงจะ...." พีวิลบอก
              กาโกรินแสยะยิ้มแล้วก็ "กึกๆๆๆๆๆๆๆๆ ครืดดดด" หลังโก่งปูดออกอย่างต่อเนื่อง จากนั้นร่างแคระเล็กก็ยืดสูงจนเป็นร่างบุรุษผิวสีขาวซีด "ครี้งงงง ครี้งงงง ครี้งงงงง" พร้อมกับชุดเกราะสีสนิมหุ้มตามตัวและปิดใบหน้าขึ้นมา "หึๆๆๆๆๆๆ ฮา รู้สึกดีจังเลยนะเนี้ย ฮะๆๆๆๆๆๆๆ" กาโกรินในร่างที่แท้จริงเผยตัวขึ้นมา
              "แก....แกคือ...." เนคมาดูซัมกล่าวอย่างโกรธแค้น โดยเอ่ยชื่อพร้อมกับทุกๆคนไปว่า "กาเบลแบนเยอร์!!!!!!!"
              มาสวาร์ทาร์บอก "นี้แก ปลอมตัวเป็นนายพลกาโกรินมาแต่แรกเลยหรือ"
              "ตกใจมากละสิน่ะ เหล่าเมนซิกส์ทีนของกองกำลังไทรเวเซอร์ ที่ได้เห็นโฉมหน้าของฉันแล้วก็มาโดวเวลเดอร์เลยน่ะ" กาเบลแบนเยอร์บอก "แม้ว่าพวกแกจะแสดงพลังให้พวกเราได้เห็นกันแล้ว น่าเสียดายจริงๆ ที่พวกแกแส่หาเรื่องตายเป็นรอบที่สองเลยน่ะ"
              สเปียริทบอก "ถ้าเช่นนั้น แกทั้งสองก็คงไปที่โลก เพื่อตามหาเทรแซท เพื่อนเก่าของนายว่ายังอยู่ที่โลกเลยสิน่ะ"
              "ถูกต้องแล้วละ สเปียริท หากแต่....เทรแซทหนีออกจากผนึกสเตซิสไปตั้งนานแล้ว และเราจะไปหาเทรแซทกันนี้แหละ" เบลซาร์ทกล่าว โดยปิดเฟสการ์ดเพื่อกลายเป็นมาโดวเวลเดอร์
              พีวิลบอก "แต่ฉันไม่เข้าใจน่ะ นายอ้างว่ากาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์ฆ่าชาวอาณานิคมและทหารบนดาวฮาแซงค์-2 ไปแล้วมิใช่หรือ ทำไมนายถึง....."
              "เพื่อที่จะกำจัดศัตรูผู้รุกรานอย่างพวกโจรสลัดในเขตอวกาศภาคกลางที่มาถล่มอาณานิคมบนดาวฮาแซงค์-2 ให้สิ้นซากไปนั้น ฉันเลือกที่จะสังเวยทุกๆคน เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังอันกล้าแกร่งของดาบที่สหายกาเบลแบนเยอร์มอบให้ และเอามาใช้บดขยี้พวกโจรสลัดเฮงซวยทั้งหลายให้ราบคาบไป แน่นอน ว่าฉันได้กลายเป็นยอดนักรบที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าที่โอลดาธสอนไว้ตั้งหลายเท่าด้วยกัน" เบลซาร์ทบอก "หากแต่ การปะทะกับนายทั้งสามในครั้งแรก พวกนายแข็งแกร่งเกินไป ฉันกับกาเบลแบนเยอร์เลยหลอกพวกนายให้ไปที่โลก แล้วส่งพวกเทรซซัคเคิ้ลลงไปขัดขวางแผนการของพวกนายลง เพื่อที่จะให้พวกนายปฏิบัติการณ์ล้มเหลวจนถูกพวกมนุษย์ฆ่าตายไปเสียเอง"
              โฟรซ่ากล่าว "แต่พวกเราก็โต้ตอบการลอบกัดของมิสตี้ไปได้ จนแผนการของนายพังไม่เป็นท่าเลยสิน่ะ"
              "แม้กระทั่งหลอกใช้การ์ดเชสเตอร์ให้มาขัดขวางฉันก็ด้วยละสิ" คลอเวฟบอก
              ฟิเกซกล่าว "รวมถึงเรื่องที่พวกนายหลอกเฟอร์กินซ์ให้เป็นผู้ตรวจการณ์ เพื่อหาจังหวะส่งคนมาเล่นงานพวกเรา บีบให้เฟอร์กินซ์สละชีพ จนสร้างข้ออ้างให้สส.คัลลาร์ดหาเรื่องปลดพวกเราและกองทัพบนดาวดวงนี้ทั้งหมด เพื่อที่นายจะได้ส่งกองทัพโคลนไปถล่มพวกเราซ้ำและยึดดาวดวงนี้ไว้เลยสิน่ะ"
              "ใช่ หากแต่ แผนการที่ไอ้โง่วอลเดนสไตน์คิดขึ้นเพื่อใช้กองรบบนเกาะเอฟซีตรอนแห่งนี้ แก้แค้นพวกนายที่เข้ามาขัดขวางแผนการทรยศสองแผ่นดินของมันจนพังไม่เป็นท่านั้น ฉันกลับมองว่า กองรบโคลนนิ่งที่ไร้ประสิทธิภาพทุกแบบนี้ ไม่มีทางเอาชนะพวกนายทั้งหมดได้แน่นอน" กาเบลแบนเยอร์บอก "แต่ถ้าไม่เพราะว่าแหล่งพลังงานบนเกาะนี้มีมากพอที่จะช่วยให้เราหนีไปหาเทรแซทได้ละก็ ฉันคงส่งเกาะนี้ไปถล่มพวกแกพร้อมกับเมืองสั่วๆไปนานแล้วละ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "ถ้าให้เดาน่ะ นายคิดจะใช้เกาะนี้ทำลายพวกเรา เหมือนที่นายใช้สถานีตรวจการณ์ถล่มแมนิเกโทรโปลิสเลยละสิ"
              "ถูกต้อง และตอนนี้ ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้วละ" เบลซาร์ทบอก
              ไม่ทันไรก็ "หวอออ หวอออ หวอออ หวอออ หวอออ หวอออ" สัญญาณเตือนดังขึ้น "อันตราย เตาพลังงานเซจเจนเกิดการแปรปรวนอย่างรุนแรง ไม่สามารถควบคุมพลังงานลงได้ การระเบิดอันรุนแรงจะเกิดขึ้นในอีก 15 นาทีถัดจากนี้"
              คลอเวฟสบถ "แก....แกลงมือเร่งเตาพลังงานให้ระเบิดตัวเองกันไว้แล้วหรือวะ"
              "ที่จริง ฉันเซตให้มันระเบิดได้ในทันทีอยู่แล้ว แต่ต้องขอบใจพลังงานของพวกนายทั้งหมดนี้ ที่ช่วยทำให้เรื่องมันง่ายขึ้นนี้แหละ" กาเบลแบนเยอร์บอก "มิสตี้ การ์ดเชสเตอร์ แล้วก็เดโบรม พวกนายหมดประโยชน์ไปแล้ว จงตายไปพร้อมกับพวกไทรเวเซอร์เสียเหอะ"
              เดโบรมได้ฟังก็ลุกขึ้นมา "เฮ้ยยยยย" นำดาบที่เหลือครึ่งซีกพุ่งเข้าใส่เบลซาร์ท "หน้าโง่สิ้นดี" เบลซาร์ทกล่าวแล้วก็ "ฉึกกกกกก" แทงดาบเข้ากลางหน้าอกไปเต็มๆ
              "เดโบรม" เนคมาดูซัมตะโกนลั่น โดยตอนนี้ตนกลับคืนร่าง เช่นเดียวกับพีวิลและมาสวาร์ทาร์ เดโบรมกางแขนทั้งสองข้างเป็นการห้ามไว้
              "เนคเกอร์ ฝากบอกเมลกวินด้วย ว่าฉันขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป แล้วก็.....แก้แค้นให้ฉันด้วยแล้วกัน" จากนั้นก็ "ว้ากกกกก" เดโบรมใช้ปืนกลกราดยิงใส่เบลซาร์ทในระยะเผาขน แต่เกราะสีดำกลับไม่เป็นอะไร แล้วก็ "ฮึยยยย" จับดาบฟันใส่เดโบรมจากภายในจนเป็นรอยกากบาทขึ้นมา แล้วดึงดาบออก "อือออ อ้ากกกกก" เดโบรมร้องลั่นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนแล้วล้มลง "ตรูมมมม" ร่างแหลกระเบิดไปในทันที กาเบลแบนเยอร์เลยเดินเข้าประตูมิติที่อยู่ในห้อง เช่นเดียวกับเบลซาร์ทหรือมาโดวเวลเดอร์ ที่เดินเข้าไปด้วย
              "อย่าหนีสิวะ ไอ้เวร" คลอเวฟสบถ แล้ววิ่งไล่ตามมาโดวเวลเดอร์
              แต่... "ครืดดด ตรึงงงง" ประตูปิดลง มาโดวเวลเดอร์ได้เดินเข้าประตูมิติไป จากนั้นประตูมิติก็ปิดช่องทางต่างมิติลงในทันที พวกไทรเวเซอร์เลยต้องลงไปที่ห้องควบคุม ซึ่งเหลือเพียง 10 นาทีด้วยกัน "ไม่ได้น่ะ เราไม่สามารถปิดเตาปฏิกรณ์ลงได้จากในห้องควบคุมเลยน่ะ" มิสตี้กล่าว

              "ว่าแต่ เราทำลายเตาพลังงานกันเลยมั้ยละ" เจเนลกล่าว
              เนคมาดูซัมส่ายหน้า "ไม่ได้หรอก แกนกลางเซจเจนที่ถูกกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาระเบิดขึ้นมา ถ้ามีการกระทบกระทั่งไม่ว่าจากวัตถุของแข็งหรือพลังงานอย่างอื่น มันจะระเบิดขึ้นในชั่วพริบตา และกวาดทุกอย่างในรัศมี 15 กิโลเมตรหรือมากกว่านั้นให้หายไปได้น่ะ"
              "แล้วถ้าเราสร้างสนามพลังปกคลุมเตาพลังงาน เพื่อกักการระเบิดไม่ให้ขยายตัวกันละคะ" แอนเดรียแนะนำ
              มิสตี้บอก "ถ้าเป็นระบบฉุกเฉินละก็ เกรงว่าระบบนั้นมันถูกทำลายไปนานแล้ว กาเบลแบนเยอร์คงไม่ยอมให้เราขวางแผนการนี้ได้หรอก"
              "บ้าชะมัด พวกเราทุกตนล้วนไม่มีพลังเหลือพอที่จะต้านการระเบิดไปได้เลยน่ะ" คลอเวฟบอก
              ไม่ทันไร การ์ดเชสเตอร์เดินออกจากห้องไป "การ์ดเชสเตอร์ อย่าได้แม้จะคิดนะเฟ้ย"
              การ์ดเชสเตอร์บอก "มีแต่พลังการปกป้องเท่านั้น ที่จะหยุดการระเบิดของเตาพลังงานนี้ลงได้นะ คลอเวฟ ดังนั้น นายรีบพาทุกๆคนหนีไปซะ"
              "ฉันไม่ยอมให้นายตายไปได้หรอก ในเมื่อนายควรจะกลับไปรับโทษจากพวกพี่แพนแทคกันได้เลยน่ะ" คลอเวฟกล่าว
              การ์ดเชสเตอร์ส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่า "คลอเวฟ ฉันตัดสินใจผิดไปแล้ว ตอนนี้ฉันกลายเป็นผู้ทรยศไปแล้ว แม้ฉันจะกลับไป ถ้าไม่ถูกจองจำด้วยการจับหย่อนลงก้นท้องทะเลในดาวดวงที่สี่ ก็ต้องตายสถานเดียว ดังนั้น มีแต่ทางนี้ ที่จะไถ่โทษในสิ่งที่ฉันทำลงไปได้ อย่างน้อยก็เพื่อช่วยปกป้องพวกนายให้รอดไปได้น่ะ"
              "การ์ดเชสเตอร์....." คลอเวฟบอก
              การ์ดเชสเตอร์ตบไหล่คลอเวฟพร้อมกับบอกว่า "อย่าเสียใจไปเลย คลอเวฟ ฉันอาจจะตายไปก็จริง แต่ ฉันจะอยู่ในความทรงจำของนาย ของพี่แพนแทค ของพี่เกลดีน ของพี่อิงก็อต แล้วก็ของทุกๆคน เหมือนที่ไพล์มเทคและเมอริด้าแล้วก็พี่น้องที่ตายไปนั้น อยู่เคียงข้างนายเสมอมานี้แหละ" แล้วก็บอก "พีวิล มาสวาร์ทาร์ แล้วก็สหายไทรเวเซอร์ ดูแลคลอเวฟให้ด้วยแล้วกัน"
              "เข้าใจแล้วละ การ์ดเชสเตอร์" พีวิลบอก แล้วพยักหน้าให้จายด์ "หมับบบบ" จับตัวคลอเวฟขึ้นแล้ววิ่งออกไปก่อน
              จากนั้นก็ "มิสตี้ นี้เธอคิดจะทำอะไรน่ะ" สเปียริทกล่าว
              "ฉันขอโทษด้วยนะ ฉันไม่สามารถกลับไปหาทุกๆคนกันได้แล้ว เพราะฉันตัดสินใจผิดจนทำให้พวกพ้องไซเฟรอนต้องพลอยรับเคราะห์ไปด้วย" มิสตี้กล่าว "อีกอย่าง การ์ดเชสเตอร์ในตอนนี้ไม่มีทางสยบการระเบิดไปได้แน่ๆ หากไม่มีพลังไซเฟรอนอันแรงกล้าในตัวของฉันอยู่เลยน่ะ"
              โฟรซ่าบอก "เธอคิดที่จะใช้ความตาย เพื่อไถ่โทษในสิ่งที่เธอทำอย่างงั้นละสิ"
              "พวกเธอโชคดีมาก ที่มีคนรอบข้างที่ให้โอกาสหนที่สองให้พวกเธอแก้ตัวจนทำให้พวกเธอ เป็นยอดนักรบของกองกำลังหัวหอกที่เก่งกาจที่สุดในเวลานี้ แต่กับฉัน ผู้ซึ่งเลือกทางผิดด้วยการปิดบังเรื่องที่ฉันรู้ว่า กาเบลแบนเยอร์ปลอมเป็นกาโกรินไว้ และใช้แรงแค้นที่ฉันสูญเสียพวกพ้องให้เป็นแรงผลักดันให้ฉันต่อสู้กับพวกเธอได้นั้น ถ้าฉันไม่ถูกขังคุกก็ต้องถูกประหารอย่างแน่นอน" มิสตี้กล่าว "แต่ถ้าฉันตาย เพื่อไถ่โทษในสิ่งที่พวกพี่ชายก่อไว้ได้ ฉันก็ไม่เสียใจแล้วละ"
              แอนเดรียบอก "แต่คุณน่าจะเลือกทางอื่นได้เลยนิ"
              "แอนเดรีย ไม่มีประโยชน์หรอก มิสตี้รู้ดีว่าถึงเธอรอดไปได้ เธอก็ต้องถูกทหารซัลคาเลี่ยนประหารทิ้ง ในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดในการก่อปฏิวัติและช่วยเหลือกาโกรินให้หลบหนีไปได้น่ะ" โฟรซ่ากล่าว แอนเดรียได้ฟังก็ยอมรับ
              มิสตี้กล่าว "พวกเธอแต่ละตน รวมถึงเพื่อนพ้องทั้งหลายนั้น เป็นยอดนักสู้ที่ฉันภูมิใจไม่น้อย แม้ฉันจะเลือกเป็นฝ่ายตรงข้ามเลยก็ตาม ถ้าชาติหน้ามีจริง ฉันอยากจะเกิดมาเป็นยอดนักสู้ฝ่ายธรรมะกันอย่างแท้จริงแล้วละ" จากนั้นมิสตี้ก็วิ่งไป
              "ในเมื่อเรื่องมันเป็นเช่นนี้ พวกเรารีบออกไปจากนี้เลยดีกว่า" เนคมาดูซัมกล่าว แล้วทั้งหมดก็รีบวิ่งออกจากฐานไป
              พีวิลบอก "ผบ.บัลโต้ ส่งทีมมาช่วยพาพวกเราออกจากเกาะที"
              "ฉันส่งเฟรด นิค มิลด์ และวิลด้ามารับพวกนายแล้ววะ" บัลโต้บอก โดยตอนนี้ นาเดียและมาริบินมาเอาเพริแกรมออกจากเกาะไป "แฟ้ววววว แฟ้ววววว แฟ้วววววววว" เซนครีโทรนฟอลคอนพร้อมคอสมิคไฟต์เตอร์แล่นลงจอด แพนเซสเซนไนน์ แอสโทรเกเซอร์บินเข้ามา "โท้ววววววว" จายด์กระโดดโดยพาคลอเวฟขึ้นบนฝ่ามือข้างซ้าย เช่นเดียวกับไซโคลเนียที่บินมาอยู่บนฝ่ามือขวา เนคมาดูซัม มาสวาร์ทาร์ พีวิล โฟรซ่าและสเตฟอร์ดรีบโดดขึ้นบนบ่าแอสโทรเกเซอร์ พวกแอนเดรียรีบเข้าไปในคอสมิคไฟต์เตอร์ ซึ่งนิคขับพาออกไป ในขณะที่ห้องเตาพลังงานนั้น
              "นึกแล้วว่าเธอคงไม่คิดหนีเลยสิน่ะ" การ์ดเชสเตอร์บอก เมื่อเห็นมิสตี้ที่เรืองแสงขึ้นมา

              "คิดว่ามีแต่นายเลยหรือ ที่จะปกป้องทุกๆคนไว้ ในเมื่อฉันอยากจะปกป้องดาวดวงนี้จากการกระทำของกาเบลแบนเยอร์เลยน่ะ" มิสตี้บอก "และฉันจะไม่ไปไหน จนกว่าจะแน่ใจว่าเตาพลังงานจะไม่ระเบิดเป่าเกาะนี้พร้อมกับกองรบสหพันธมิตรฯเลยน่ะ"
              การ์ดเชสเตอร์บอก "ดูท่าว่าเราสองตนต่างคิดเห็นเหมือนกันน่ะ ถ้าเช่นนั้น รีบลงมือกันเหอะ"
              "เหลืออีก 4 นาที เตาพลังงานจะระเบิด" คอมพิวเตอร์ในฐานดังขึ้น การ์ดเชสเตอร์เลยกำหมัดแล้วก็ "แว้งงงงงงง" สร้างโลห์พลังไฮโดรฟอสขนาดใหญ่ล้อมเตาพลังงานที่พร้อมจะระเบิดขึ้นมา "ย้า" มิสตี้เร่งพลังไซเฟรอนแล้วก็ "แชดดดดดดดด แว้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ยิงลำแสงให้วนรอบเตาพลังงาน พร้อมกับมัดโลห์พลังงานไฮโดรฟอสให้ติดแนบกับเตาพลังงานไว้ "กึง กึงง กึงงง กึงงงงงง กึ้ง" แต่แกนเซจเจนเปล่งแสงอย่างรวดเร็วจนแตกร้าวกันแล้ว
              "ปฏิกิริยาเกิดเร็วกว่าคอมพิวเตอร์เสียแล้วนะเนี้ย" มิสตี้บอก
              การ์ดเชสเตอร์กล่าว "แต่พวกเราจะไม่ยอมให้มันทำลายทุกอย่าง แม้กระทั่งดาวดวงนี้ได้หรอก" แล้วก็ "ฮา" เร่งพลังให้กับโลห์ไฮโดรฟอสเปล่งแสงมากขึ้น มิสตี้เลยเร่งพลังตาม
              "แว้งๆๆๆๆๆๆ" เตาพลังงานเรืองแสงจ้ายิ่งขึ้น โดยที่แกนเซจเจนแตกร้าวและเปล่งแสงขึ้นมา
              "คลอเวฟ พี่อิงก็อต พี่แพนแทค พี่เกลดีน ทุกๆคน ลาก่อน" การ์ดเชสเตอร์กล่าวโดยแบมือเพื่อเร่งพลังให้กับโลห์ไว้ เช่นเดียวกับ
              "พี่ชาย คัลลิฟาร์ด หนูจะไปหาพี่และทุกๆคนแล้วละคะ" มิสตี้เร่งพลังเต็มที่เอาไว้ โดยที่เตาพลังงาน "แวบบบบบบ เปรี้ยงงงงง" เปล่งแสงกลบร่างมิสตี้และการ์ดเชสเตอร์ 
        "ครืนนนนน ตรูมมมมมม" พลังงานอันรุนแรงระเบิดพุ่งจากฐานทัพจนแหลกเป็นจุลกันหมด หากแต่พลังงานถูกบีบอัดให้กลายเป็นเสาพลังแสงขึ้นสู่ฟากฟ้ายามค่ำคืนให้สว่างจ้าราว 20 นาทีด้วยกัน
              "มิสตี้และการ์ดเชสเตอร์ต้านแรงระเบิดเอาไว้ได้แล้วละ" เนคมาดูซัมบอก โดยตอนนี้ไทรเวเซอร์ออกนอกเกาะมากันหมดแล้ว
              คลอเวฟกล่าว "ขอบใจมากน่ะ พี่น้อง นายช่วยปกป้องทุกๆคนเอาไว้จนวินาทีสุดท้าย กันอย่างแท้จริงเลยน่ะ" โดยที่กราดิเอเตอร์มารีนหลั่งน้ำตาด้วยความโศกเศร้าขึ้นมา
              "พวกไทรเวเซอร์รอดกันหมดแล้วละครับ" แฮรี่กล่าว
              บัลโต้พยักหน้า "สงสัยว่านี้คงจะจบเรื่องกันเสียทีแล้วสิน่ะ" แล้วก็แจ้งให้ "แจ้งให้พวกไทรเวเซอร์เก็บกู้บนเกาะของพวกเอฟซีตรอน เผื่อว่ากาโกรินจะเหลือบางอย่างเอาไว้ หากมันหลบหนีไปได้น่ะ"
              "เออ ทางเราขอทำพิธีส่งศพได้มั้ยละ เพราะเราเห็นคลอเวฟหนีมา แต่การ์ดเชสเตอร์ไม่มาด้วย" อิงก็อตกล่าว
              บัลโต้บอก "ย่อมได้อยู่แล้วละ เพราะศึกนี้ คลอเวฟเสียสิ่งสำคัญไปสองอย่างแล้วน่ะ"

              หลังจากนั้น เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเช้า กองเรือของบัลโต้และกองยานซัลคาล่าที่มาสมทบนั้นได้เก็บกู้ซากยุทโธปกรณ์ของพวกเอฟซีตรอน ขึ้นจากท้องทะเลกัน โดยที่กองเรือรบของพวกแอตแลนไทซ์ได้โผล่มาด้วย
              "รู้สึกสงสารลุงคลอเวฟเหลือเกินเลยน่า ที่ลุงต้องเสียเรือนอร์ติลุส แล้วก็เสียเพื่อนพี่น้องของเขาไปเลยน่ะ" ชาร์เครฟบอก
              น็อกกี้กล่าว "และนั้นคงเป็นเหตุผลที่กองเรือแอตแลนไทซ์ต้องลงมาที่ดาวดวงนี้ เพื่อมาจัดงานศพเลยสิน่ะ"
              "แต่ไม่คิดเลยว่า ลุงคลอเวฟจะดูแลเรือเป็นอย่างดี จนเรือพุ่งเข้าไปจัดการกับฝ่ายตรงข้ามเพื่อช่วยพวกเราไว้น่ะ" นาเดียบอก
              มาริกล่าว "แม้นี้จะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่นั้นบ่งบอกได้ว่า คุณคลอเวฟดูแลเรือนอร์ติลุสมาตลอด 4 ปีเต็ม แม้จะต้องไปยืมเงินพวกท่านพี่โฟรซ่ามาเลยก็ตาม เรื่องที่เรือนอร์ติลุสเป็นยิ่งกว่าเรือรบลำแรกของกองกำลังไทรเวเซอร์ก็คงเป็นจริงสิน่ะ"
              "ตอนนี้ พวกพี่ใหญ่เองก็เข้าร่วมในงานนี้ด้วย เพราะว่าเป้าหมายของพี่ใหญ่เองก็ตายไปด้วยเรื่องที่คาดไม่ถึงเลยน่ะ" เนคกี้บอก
              ฟูลออเรสบอก "เดียวคุณเนคมาดูซัมกลับมา เราก็ค่อยทราบเรื่องเองแหละน่า"
              "แต่ตอนนี้เราคงต้องรอให้งานศพเลิกเท่านั้นแหละ เราถึงจะเข้าไปที่เกาะได้ ตามที่หัวหน้าแคร์เรี่ยนแจ้งไว้น่ะ" นิคบอก
              ฟลาแน็กซ์บอก "เพราะว่ากองเรือแอตแลนไทซ์ของแอดมิรอลลอร์ดแพนทานิคซ์นั้น เหนือกว่าของผบ.บัลโต้อย่างมากเลยน่ะ"

              "ตรึง ตรึง ตรึง ตรึง ตรึง" คลอเวฟแบกร่างของการ์ดเชสเตอร์ที่ดำเป็นตอตะโกและไร้ชีวิตเดินผ่านพวกแอตแลนไทซ์อยู่สองข้างทาง โดยพวกเขาก้มโค้งลงแสดงความเคารพต่อการจากไปของการ์ดเชสเตอร์ ซึ่งสคาเลนก็ร่วมในขบวนด้วย จนคลอเวฟพาการ์ดเชสเตอร์มาเจอกับ....
              "ไม่คิดเลยว่า จะเลือกเสียสละชีวิตตนจนวินาทีสุดท้ายเลยน่ะ" เกลดีนมองร่างการ์ดเชสเตอร์ไว้ คลอเวฟเลยวางร่างพี่น้องของตนลงบนแท่น เพื่อให้แอตแลนไทซ์เฮอคูลอนทั้งสี่พาการ์ดเชสเตอร์ไป "การ์ดเชสเตอร์ คือพี่น้องของเรา เขาอุทิศตนให้กับการปกป้องพี่น้องทั้งแนวหลังและแนวหน้า และเสียสละตนเพื่อปกป้องรักษาชีวิตรุ่นน้องทั้งหลายไว้ แม้เขาจะยึดติดกับคำสาบานไว้จนต้องขัดคำสั่งของเรา ที่อยากจะให้โอกาสหนที่สองในการรบเมื่อมหาสงครามของแรซัลก้าเกิดขึ้น ส่งผลให้เขาเกือบตายไปเลยก็ตาม บัดนี้เขาได้จากไปอย่างสงบแล้ว ด้วยการเสียสละตนโดยมีความเป็นห่วงเป็นใยของพวกเธอทุกๆคนทั้งหมดเป็นแรงผลักดันให้เขาต้องทำเช่นนี้ ในฐานะรุ่นพี่ของน้องชายผู้องอาจนี้ ขอให้พวกเธอทุกๆตนจงจดจำเขาในฐานะยอดนักรบผู้ปกป้องตลอดไป" โดยที่คลอเวฟยืนนิ่ง เช่นเดียวกับพวกพ้องไทรเวเซอร์ที่มาร่วมในฐานะสหายร่วมรบ โดยมีเบติสและวิลด้ามาร่วมในงานด้วย จากนั้น พวกแอตแลนไทซ์ก็พาการ์ดเชสเตอร์ขึ้นเรือแกรนเลี่ยนไป จนงานศพยุติลง คลอเวฟยังยืนมองดูท้องทะเล โดยในตอนนี้ กองเรือแอตแลนไทซ์ได้กู้ซากเรือนอร์ติลุสขึ้นมาแล้ว
              "ถ้าคิดจะมาสมน้ำหน้าผมละก็ เชิญได้เลย ไอ้คุณพี่" คลอเวฟกล่าว เมื่อเห็นแพนทานิคซ์เดินเข้ามา
              "ฉันรู้อยู่แล้ว ว่านายเจ็บปวดมากแค่ไหนน่ะ ไอ้น้อง แม้ว่านายพยายามจะปกป้องสิ่งสำคัญมากแค่ไหน สักวันมันก็ต้องมีวันต้องพังทลายอยู่ดีนี้แหละ" แพนทานิคซ์บอก
              คลอเวฟบอก "พี่จะบอกว่า ถ้าไม่เพราะผม นอร์ติลุสและการ์ดเชสเตอร์คงไม่ต้องจบสิ้นลงสิน่ะ"
              "เปล่าเลย คลอเวฟ ที่จริง ฉันควรจะขอบใจนายเสียด้วยซ้ำน่ะ" แพนทานิคซ์กล่าว "ฉันรู้อยู่ ว่านายไม่อยากจะเสียเรือของนายที่ได้มาด้วยความตั้งใจของนายเองไป ซึ่งต่อให้ฉันวางแผนมายังไง นายก็ไม่ยอมเสียเรือไปอยู่แล้ว ฉันเลยให้สคาเลนกับพวกคริมสันเบลด จับตาดูพฤติกรรมของนายจากอีกฝั่งหนึ่ง แม้เธอจะไม่เห็นนายอยู่ในอุโมงค์หลังหุบเขา ที่นายซ่อนเรือที่นายบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดี ด้วยเงินที่นายยืมพวกพ้องของนายและเกลดีนไปเลยก็ตาม ทั้งฉันและเกลดีนก็รู้อยู่ดีนี้แหละ ว่านายยังดูแลเรือลำเดิมของนายอยู่น่ะ"
              คลอเวฟบอก "พี่ก็เลยให้ยัยบ้านั้นมาเฝ้าจับตาดูผมมาตลอด 3-4 ปี เพราะกลัวว่าผมจะเอาเรือไปซ่อนที่อื่นละสิ"
              "แต่จากที่ฉันทราบมานั้น บ่งบอกได้เลยว่า นายไม่คิดจะเปลี่ยนที่ซ่อนใหม่ แต่อยากจะอยู่ซ่อมแซมเรือนอร์ติลุสของนายต่อไป จนกว่ามันจะพร้อมออกแล่นสู่ท้องทะเลกันได้ แม้ว่านายจะดูแลมันดีมาก จนมันตอบแทนบุญคุณด้วยการเสียสละตนเอง ช่วยเหลือนายกับพวกจากเงื้อมมือของพวกเอฟซีตรอนไปได้น่ะ" แพนทานิคซ์บอก "ส่วนเรื่องการ์ดเชสเตอร์นั้น ฉันก็ขอบใจนายด้วยที่ช่วยเหลือหมอนี้ไว้"
              คลอเวฟบอก "ช่วยนะหรือ ในเมื่อผมไม่สามารถห้ามมันไม่ให้ไปตายได้เนี้ยน่ะ"

              "นายน่าจะรู้ดีน่ะ ว่าการ์ดเชสเตอร์อยู่กับเอฟซีตรอนที่วางแผนยึดอำนาจประธานาธิบดีและยึดดาวดวงนี้ แต่ประสบกับความล้มเหลว ส่งผลให้เอฟซีตรอนกลายเป็นอาชญากรสงคราม ซึ่งนั้นหมายถึง การ์ดเชสเตอร์ได้กลายเป็นผู้ทรยศไปแล้ว และถ้าหมอนี้รอด ฉันไม่มีทางเลือก นอกจากต้องประหารทิ้งในฐานะผู้ทรยศอยู่ดี" แพนทานิคซ์กล่าว "แต่นายหยุดยั้งการ์ดเชสเตอร์ไว้ได้ จนทำให้เขาตัดสินใจไถ่โทษในสิ่งที่ตัวเองมีส่วนร่วมในการก่อกบฎนี้แม้จะผิวเพิ่นขึ้น ซึ่งการเสียสละของการ์ดเชสเตอร์นั้น ได้เปลี่ยนจากผู้ทรยศมาเป็นผู้เสียสละตนไปโดยปริยายเลยน่ะ"
              คลอเวฟบอก "หมอนั้นเลือกที่อยากจะตายมาตั้งแต่ต้นแล้วละ ไอ้คุณพี่ แม้ว่าไซมาเทนจะฆ่าการ์ดเชสเตอร์ไม่ได้เลยก็ตามน่ะ"
              "แม้ว่านายจะเป็นรุ่นน้องที่ทำตัวงี่เง่า อวดเก่งอวดดี ก่อเรื่องสร้างปัญหามาให้เรื่อยๆเลยก็ตาม ถ้าไม่เพราะว่านายยังจดจำความเจ็บปวดที่นายสังหารพี่น้องบนโลก เพื่อปลดปล่อยพวกเขาจากการชักใยของเกซเฟลิคได้อยู่ ฉันคงกระทืบนายไปนานสองนานแล้วละ" แพนทานิคซ์กล่าว "อีกอย่าง ถ้าไม่เห็นแก่ฉัน เกลดีน อิงก็อต หรือแม้กระทั่งพวกพ้องไทรเวเซอร์ นายก็ควรเห็นแก่การเสียสละของการ์ดเชสเตอร์กันบ้าง และถ้าการ์ดเชสเตอร์ยังไม่ตายจริง เขาก็คงเป็นห่วงนายแน่ๆเลยละ"
              คลอเวฟยิ้มขึ้นมา "หมอนั้นห่วงคนอื่นมากกว่าตนเองอย่างงี้แหละ ไอ้คุณพี่ แม้จะรู้สึกหมั้นไส้ แต่ถ้าไม่เพราะว่าการ์ดเชสเตอร์ ผมคงไม่ยืนทำซ่าแบบนี้หรอกน่ะ"
              "แต่ตอนนี้ ฉันอยากจะให้นายกลับไปช่วยพวกพ้องของนายกันต่อ เพราะว่านายยังติดค้างพวกเราไว้เยอะมาก ซึ่งนายคงชดใช้ได้ไม่หมดกันแน่นอน" แพนทานิคซ์กล่าว "ถ้าไม่เพราะว่านายยังมีความเป็นห่วงเป็นใยต่อเรือนอร์ติลุส หรือนึกถึงพวกพ้องที่เสียชีวิตเพราะนายแล้วละก็ ปานนี้นายคงกลายเป็นเกซเฟลิคตัวใหม่ไปนานแล้วละ"
              คลอเวฟพยักหน้า แล้วก็ส่งดาบวิคตอเรียสเซเบอร์ให้กับแพนทานิคซ์ "ผมไม่อยากจะเก็บดาบนี้ไว้ เพราะผมไม่คู่ควรที่จะถือดาบของพี่น้องของผมเอง ดังนั้น พี่ช่วยส่งมอบดาบเล่มนี้ ให้กับรุ่นน้องที่คู่ควรที่จะใช้มันเพื่อปกป้องทุกๆคนแล้วกันน่ะ"
              "ย่อมได้อยู่แล้วละ ไอ้น้อง" แพนทานิคซ์รับดาบของการ์ดเชสเตอร์ไว้ จากนั้นก็หันหลังไป "ส่วนเรื่องศพอดีตมนุษย์ที่พวกเอฟซีตรอนนำมา ซึ่งมีข้อมูลความทรงจำของพวกพ้องบนโลกอยู่นั้น ฉันจะจัดการส่งพวกเขาไปสู่สุคติให้เองแล้วกัน"
              คลอเวฟพยักหน้า "ขอให้โชคดีนะ ไอ้คุณพี่แพนแทค" แล้วแอดมิรอลลอร์ดก็เดินกลับขึ้นเรือแกรนเลี่ยน ซึ่งก็นำกองเรือดำหายลงมหาสมุทรไป
              "คลอเวฟ ทุกอย่างโอเคใช่มั้ยละ" พีวิลกล่าว โดยพาพวกพ้องมาหา
              คลอเวฟพยักหน้า "แม้จะเสียดายที่นอร์ติลุสเหลือเพียงซาก ให้พวกไอ้คุณพี่นำไปแยกชิ้นส่วนเพื่อสร้างแผ่นเกราะให้กับเรือลำใหม่ แต่นอร์ติลุสคงได้แล่นอยู่ในท้องทะเลแห่งจักรวาลนี้กันแล้วละ" แล้วก็กล่าวไปว่า "แต่ตอนนี้ ฉันคงไม่มีเวลามานั่งเสียใจกันหรอกน่ะ เพราะ....ถึงแม้เอฟซีตรอนจะจบเห่ แต่ตัวการที่แท้จริงนั้น....มันลอยนวลไปได้น่ะ"
              "กาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์อาจจะหนีไปได้ แต่สักวันหนึ่ง พวกเราจะตามหาทั้งคู่และเทรแซทให้เจอจนได้แหละน่า คลอเวฟ" สเตฟอร์ดกล่าว
               เนคมาดูซัมบอก "สำคัญในตอนนี้คือ ตรวจสอบหรือหาบางอย่างที่เป็นเบาะแสชี้นำไปยังที่ซ่อน และที่กบดานของกาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์กันดีกว่าน่ะ" ทั้งหมดพยักหน้า แล้วกองกำลังไทรเวเซอร์และพวกกองกำลังหลังฉาก ก็ช่วยกองทหารของบัลโต้และทหารซัลคาเลี่ยนตรวจสอบทั่วเกาะกันเป็นเวลา 2 ชั่วโมง

              "นี้มันเฮงซวยมากๆเลยน่ะ กาโกรินคือกาเบลแบนเยอร์ เบลซาร์ทคือมาโดวเวลเดอร์ แถมทั้งคู่อยู่ใกล้กับพวกเรามาตลอด โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยน่ะ" บัลโต้บอกอย่างเจ็บใจไม่น้อย "นอกเหนือจากมิสตี้และการ์ดเชสเตอร์ รวมถึงเดโบรมที่สละชีพเพื่อขัดขวางแผนการใช้เกาะทำลายพวกเรานั้น แล้วก็ทรูปสตรัคเทเซอร์ที่แหลกไปก่อนเป็นรายแรกนั้น แล้วที่เหลือละ"
              พีวิลบอก "เดรฟมัสค์และฟูมดาห์ไคท์ตายไปแล้ว หากแต่เวมท็อคซินที่เป็นลูกๆของฟูมดาห์ไคท์นั้น ไม่อยู่ในเกาะนี้และดาวดวงนี้ด้วยนะครับ"
              "พีวิลว่ามาเป็นเช่นนี้หรือวะ แอบไบออส" บัลโต้ถาม
              แอบไบออสยืนยัน "ครับ ฟูมดาห์ไคท์กลัวว่ากาเบลแบนเยอร์ในคราบของกาโกรินจะควบคุมลูกๆของมัน มันเลยหาเรื่องส่งพวกลูกๆไปอยู่ดาวดวงอื่น ซึ่งคาดว่าคงจะใช้ประตูมิติที่อยู่ในห้องสั่งการของกาโกรินพาหนีไปอย่างแน่นอน" แล้วก็ส่งภาพถ่ายแคปซูลที่ตนได้ถ่ายเอาไว้ "แม้ว่าแคปซูลทุกอันจะพังเสียหายจนร่องรอยดีเอ็นเอจะถูกทำลายไปหมดแล้วก็ตาม ผมคิดว่าฟูมดาห์ไคท์คงจะสร้างลูกๆด้วยแคปซูลสร้างมนุษย์โคลนนิ่งแน่นอนนะครับ"
              "แล้วซอลดอชละ มาสวาร์ทาร์" บัลโต้ถาม
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "โทชิอิ จาบากิ ถูกเบลซาร์ทหรือมาโดวเวลเดอร์สูบพลังจากดาบอังเซนคิที่ผมทำลายทิ้ง จนสิ้นชีพไปแล้วละครับ ผบ.บัลโต้"
              "หากแต่ ทางเราเก็บกู้ซากของทรูปสตรัคเทเซอร์ไว้ได้ และเราได้ตรวจสอบร่างเผื่อว่ามันจะรู้แผนการของกาเบลแบนเยอร์กันบ้างนะครับ" เนคมาดูซัมบอก
              บัลโต้ถาม "แล้วพวกนายได้อะไรกันบ้างละ"
              ".....คือว่า...." พีวิลกล่าว โดยเล่าช่วงที่พวกเขานำซากทรูปสตรัคเทเซอร์มาไว้ในห้องคอมพิวเตอร์ในยานแรคแทซ
              "ไม่คิดเลยว่าจอมวางแผนหัวไบร์ทผู้นี้จะเป็นหุ่นเอไอเลยนะ" แจ็สบอก โดยจัดการเชื่อมสายเคเบิ้ลเข้าที่หัวทรูปสตรัคเทเซอร์ ซึ่งแหว่งไหม้เสียหายตามแขนขาพังกุดและดำไหม้ไปด้วย
              เฟรดบอก "นั้นก็ยังดีกว่าเป็นแมนิเกเตอร์แบบมนุษย์หรือมนุษย์เทียมกันนี้แหละ อย่างน้อยเราพอจะหาข้อมูลความจำกันได้นะครับ"
              "ว่าแต่ คุณจะรีสตาร์ทหมอนั้นกลับมายังไงละคะ คุณลิเนียร์ตี้" นาเดียบอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "หลังจากที่พวกเธอต่อสายพลังงานเข้าแผงวงจร ฉันจะให้แอมเบอร์เชื่อมต่อเข้าไป เพื่อรวบรวมข้อมูลที่อาจจะยังเหลืออยู่ในชิปหรือแผงวงจรที่ยังไม่เสียหายกันไว้น่ะ" จากนั้นก็ "แกร็ก วึ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" กดสวิตซ์สตาร์ทเครื่องจ่ายพลังงานเข้าสายไฟเชื่อมต่อแผงวงจรของทรูปสตรัคเทเซอร์ จนดวงตาที่ปิดอยู่ เปิดออกและเรืองแสงขึ้นมา "ลงมือได้เลย แอมเบอร์" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              "รับทราบแล้วคะ" แอมเบอร์กล่าวโดยส่งสายเคเบิ้ลเชื่อมต่อกับแผงวงจร "ตี้ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" จากนั้นก็ปรากฎวินโดว์แสดงผลข้อมูลที่เชื่อมต่อ แต่กระจัดกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก แอมเบอร์เลยขยับมือกดบนวินโดว์ต่างๆ เพื่อจัดเรียงข้อมูลให้เป็นหมวดหมู่ "เออ ฉันตรวจสอบเจอข้อมูลความจำที่คาดว่าน่าจะเป็นของทรูปสตรัคเทเซอร์เลยนะคะ" แอมเบอร์บอก
              คลอเวฟกล่าว "ดี งั้นเปิดออกมาเดียวนี้เลย"

              "ปี้บๆๆๆ" แอมเบอร์กดปุ่มบนแผงสีเขียว จนตาของทรูปสตรัคเทเซอร์ "แว้งงงง" ฉายภาพหัวหุ่นโฮโลแกรมออกมา "พวกคุณมีอะไรกันหรือครับ" หัวหุ่นโฮโลแกรมกล่าว
              คลอเวฟบอก "โอเคเลย ไอ้ทรูปสตรัคเทเซอร์ ตอนนี้ พวกเราอยากรู้ว่า ไอ้กาโกรินหรือกาเบลแบนเยอร์ วางแผนหลบหนีไปไหนกันมิทราบวะ"
              "เออ ทรูปสตรัคเทเซอร์ กาโกริน กาเบลแบนเยอร์ ผมไม่รู้จักชื่อที่คุณทราบมาเลยละครับ" หัวหุ่นโฮโลแกรมกล่าว
              แด็กซ์บอก "เออ มันคงไม่ได้แสร้งทำเป็นโง่ แล้วมาหลอกด่าเราในภายหลังกันใช่มั้ยละครับ"
              "แสร้งโง่ แกล้งทำ ด่าพวกคุณว่าโง่ ผมไม่มีลักษณะอุปนิสัยดังกล่าวตามที่คุณว่ามาเลยนะครับ" หัวหุ่นโฮโลแกรมบอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "เออ แอมเบอร์ ช่วยคุยกับทรูปสตรัคเทเซอร์กันหน่อยได้มั้ยละ"
              "เพราะที่เราเห็นนั้น คือระบบเอไอที่อยู่ในตัวทรูปสตรัคเทเซอร์เลยสิคะ" นาเดียบอก
              แอมเบอร์พยักหน้า และถาม "ว่าแต่ คุณรู้จักแผนการคุมกองรบเพื่อกดดันการบุกด้วยกองเรือกันหรือเปล่า"
              "ไม่รู้จัก ผมไม่รู้จักแผนการที่เป็นข้อมูลทางทหาร ซึ่งเป็นข้อมูลที่อยู่นอกเหนือความสามารถที่ผมถูกโปรแกรมขึ้นมาแต่แรก แม้ผมจะสามารถรวบรวมข้อมูล เพื่อการวิเคราะห์ คำนวณ คาดคะเนถึงผลลัพธ์ อิงจากสถานการณ์ปัจจุบัน ที่เป็นตัวแปรของความเคลื่อนไหวกันได้ก็ตาม แต่ผมไม่ได้ถูกออกแบบให้ทำแบบที่คุณเอ่ยถึงแต่อย่างใดเลย" เอไอกล่าว
              ลิเนียร์ตี้บอก "แล้วคุณถูกออกแบบให้ทำอะไรกันละคะ ช่วยแสดงให้พวกเรารู้หน่อยน่ะ"
              "อัลชีเลี่ยน 4.56 5.33 +2.30 นิเคบิ 1.24 0.55 -7.4 เพนดิแนนซ์ เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ปีอวกาศที่ 4102 1,542.87 วงเล็บเปิด บวก 1.40 เขียว วงเล็บปิด วันที่ 16 ต.ค. ปีอวกาศที่ 4102 1,517.44 วงเล็บเปิด ลบ 2.77 แดง วงเล็บปิด" เอไอกล่าว
              คลอเวฟบอก "เออ อัลชีเลี่ยน นิเคบิ เออ มีแต่ตัวเลขแล้วก็มีลบมีบวกมีแดงมีเขียวแบบนี้ เอาที่มันเข้าใจหน่อยได้มั้ยละ"
              "เดียวก่อนนะ ตัวเลขที่ว่ามานั้น มันเป็นแถวตัวเลขที่วิ่งอยู่ใต้จอในรายการข่าวมิใช่หรือครับ" เฟรดบอก
              น็อกกี้บอก "ไอ้แถวล่างสุดนั้นนะหรือ อัลชีเลี่ยน นิเคบิ เพนดิแนนซ์นั้น ชื่อเหมือนบริษัทอะไรสักอย่างหรือไงนี้แหละ"
              "บริษัทนะหรือ เออ นี้คุณคงไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อ...." ลิเนียร์ตี้กล่าว

              หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็กลับมายังห้องบัญชาการในยานแรคแทซ "ทรูปสตรัคเทเซอร์ เป็นเอไอวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์นะหรือ ตลกแล้วมั่งละ" บัลโต้กล่าวอย่างไม่เชื่อ
              "ลิเนียร์ตี้แจ้งมาไม่ผิดแน่ละครับ เพราะเอไอตัวนั้นพูดชื่อบริษัท รวมไปถึงข้อมูลการซื้อขายที่มีขึ้นและลงได้ แม้จะบอกได้พอสังเขปเลยนะครับ" เนคมาดูซัมยืนยัน
              พีวิลกล่าว "และเกรงว่า เอไอนั้น จะเป็นเหมือนลิเนียร์ตี้ที่ถูกเควโทรดิมัสใส่ความจำทับซ้อนไว้ เพราะว่าเอไอนั้นไม่รู้เรื่องที่ถูกกาเบลแบนเยอร์สั่งการให้ออกรบหรือก่อเรื่องกันเลยนะครับ"
              "หมายถึง ไอ้เอไอวิเคราะห์ตลาดหุ้นนั้น ถูกใส่ข้อมูลความจำของคนอื่นทับไว้เลยสิน่ะ" บัลโต้บอก แล้วก็กดปุ่มติดต่อไปหา "เดลิค ว่าแต่ นายช่วยหาข้อมูลคดีเรื่องเอไอถูกขโมยได้มั้ยละ โดยเฉพาะเอไอที่วิเคราะห์ตลาดหุ้นได้น่ะ"
              เดลิคติดต่อกลับมา "ผบ.ไม่พูดถึง ผมเกือบจะลืมแจ้งเรื่องนี้ให้รับทราบกัน ในช่วงที่ผมตรวจสอบคดีคนมาสมัครงานแล้วหายตัวไปในช่วงสองสามปีนี้ละครับ"
              "งั้นรายงานเรื่องคดีนั้นได้มั้ยละ เดลิค" บัลโต้บอก
              เดลิคพยักหน้าแล้วก็ตรวจสอบฐานข้อมูล "ได้ครับ คือทางกรมตำรวจเรดเมลแกนได้รับแจ้งความจากโปรแกรมเมอร์ที่ชื่อมิสเตอร์โบรคโต้ เซนเดรน แมนิแฟคเตอร์จากดาวดิฟเครดิค-6 เขาเดินทางมาที่นี้ พร้อมกับโปรแกรมเอไอสำหรับวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์ของทางสมาพันธ์อวกาศ ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อเสนอขายให้กับบริษัทตลาดหุ้นในดาวของเรา โดยรวมไปถึงบริษัทริธฟอนโซ่เซคิวไรท์กันด้วย ซึ่งมันควรจะถูกวางขายและถูกใช้งานในบริษัทตลาดหุ้นกันแล้ว แต่ทว่า...."
              "แต่ทว่าอะไรกันละครับ ผู้การเดลิค" พีวิลบอก
              เดลิคกล่าว "......วันถัดมา ห้องพักของมร.โบรคโต้ในอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งถูกงัดและรื้อค้น คอมพิวเตอร์และเครื่องมือเก็บข้อมูลเอไอถูกขโมยหายไป มร.โบรคโต้เลยไปแจ้งความกับสถานีตำรวจใกล้เคียง ซึ่งการสืบสวนตามหาโปรแกรมเอไอวิเคราะห์ตลาดหุ้นนั้น เป็นไปอย่างยากลำบากมากๆ เพราะเอไอของมร.โบรคโต้มิได้ใส่โปรแกรมติดตามในกรณีที่มันถูกขโมยหรือสูญหายไป กว่าจะตามหาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เจอก็ใช้เวลาราวครึ่งปี แต่ที่พวกเขาพบนั้น คือเครื่องคอมเปล่า ไม่มีโปรแกรมเอไออยู่ในนั้น รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้สร้างเองก็สูญหายไป โดยเฉพาะ แผงวงจรเอไอแบบที่สามารถใส่ในตัวหุ่นแอนดรอยได้นะครับ"
              "แล้วกรมตำรวจหาตัวคนร้ายเจอหรือเปล่าละ" บัลโต้ถาม
              เดลิคส่ายหน้า "หัวขโมยนั้นอำพรางใบหน้าและหลบกล้องวงจรปิดที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุได้ดีไม่ว่า สิ่งที่ถูกขโมยไปนั้นคือโปรแกรมเอไอ ซึ่งตัวคนร้ายสามารถโหลดข้อมูลจากคอมเข้าใส่ในไดร์ฟพกพาได้ หรือแม้กระทั่งโหลดใส่สมองกลของหุ่นแอนดรอยตัวอื่นได้ บวกกับว่าเอไอไม่มีโปรแกรมติดตามอยู่ คดีเลยมาถึงทางตัน ส่วนมร.โบรคโต้นั้น ต้องเริ่มจากศูนย์ใหม่ โดยใช้แอพรวบรวมเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์มาสร้างเอไอตัวใหม่ขึ้นมา ซึ่งทางเราชดเชยด้วยเงินจำนวนหนึ่งให้เขาตั้งตัว และส่งเขาไปทำงานที่บริษัทในเครือริธฟอนโซ่กันแล้วละครับ"
              "แล้วคดีนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ละ" เนคมาดูซัมถาม
              เดลิคตอบ "คดีเกิดเมื่อ เดือนกุมภาพันธ์เมื่อสองปีก่อนนะครับ" และหันมาถาม "ว่าแต่ พวกคุณพูดถึงเอไอที่หายไปนั้น แสดงว่าพวกคุณเจอแล้วละสิครับ"
              "เราเจอแล้ว หากแต่....เรามีหนึ่งปัญหาตามมา เอไอตัวนั้น ถูกกาโกรินหรือกาเบลแบนเยอร์ส่งคนมาขโมยแล้วเอาไปใส่ในหุ่นแอนดรอย แล้วใส่ข้อมูลความจำทับไว้จนกลายเป็นทรูปสตรัคเทเซอร์กันนี้แหละ" บัลโต้บอก
              เดลิคบอก "เอไอถูกใช้เป็นตัวก่ออาชญากรรมระดับปฏิวัติเช่นนี้ สงสัยว่ามร.โบรคโต้คงไม่ปลื้มกับเรื่องที่เกิดขึ้นกันแล้ว เพราะเอไอตัวนั้นจะต้องถูกเก็บอยู่ในห้องเก็บหลักฐานของอาชญากรในกองบัญชาการพิทักษ์ดวงดาวแล้วละครับ"

              "พอดีเลยนะ เดลิค นายเช็คข้อมูลของนายทหารชาวซัลคาเลี่ยนจะได้มั้ยละ เพราะฉันต้องการรู้ว่ากาเบลแบนเยอร์ใช้ข้อมูลความจำของใครมาใส่ทับเอไอวิเคราะห์หุ้นน่ะ" บัลโต้บอก
              เดลิคถาม "พอจะระบุอุปนิสัยของทรูปสตรัคเทเซอร์แบบคร่าวๆได้มั้ยละครับ"
              "เป็นจอมวางแผน ฉลาดเป็นกรด มองทุกคนว่าโง่ ปากดี และไม่เก่งในการต่อสู้ในแนวหน้า แต่เก่งในการสั่งการในที่กำบังด้วยน่ะ" บัลโต้กล่าวตามที่ได้ยินมา
              เนคมาดูซัมบอก "และข้อมูลนั้น เป็นของนายทหารซัลคาเลี่ยนที่ตายในการรบที่โฟรเดริม-4 กันด้วย ตรงนี้ช่วยจำกัดวงให้แคบลงได้มั้ยละ"
              "เพราะว่าการรบในครั้งนั้น ผู้เสียชีวิตส่วนมากคือพวกไม่ให้ความร่วมมือเลยสิครับ" เดลิคกล่าวแล้วนำตัวเลือกคีย์ลงไป เพื่อรวบรวมรายชื่อที่เป็นไปได้ออกมา จนพบกับ "ได้แล้วละครับ ร้อยเอกสแทมเทเดอร์ แฟรดอท จากกองรบภาคพื้นที่ 37 เจ้าหน้าที่ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ ผ่านการศึกษาจากโรงเรียนทหารด้วยเกรดเฉลี่ย 5.00 เป็นรุ่นน้องของคุณเบติสและคุณวิลด้าราว 8 รุ่น เข้ารับราชการในกองทัพ โดยทำงานอยู่ในกองรบที่ 37 แต่ถูกสั่งย้าย เนื่องจากว่ามีพฤติกรรมชอบดูถูกเพื่อนร่วมงานว่าเป็นพวกโง่ สมองกลวง เคยถูกผู้บังคับบัญชาตำหนิและลงโทษ แต่ยังไม่หลาบจำแถมยังด่าผู้บังคับบัญชาแบบแรงๆ จนถูกสั่งย้ายไปอยู่กองรบอื่นราว 10 กว่าครั้งด้วยกัน และมาลงเอยที่กองรบที่ 16 ของนายพลวอลเลนซ์ในฐานะเจ้าหน้าที่ฝ่ายวางแผนระดับ 2 กันนะครับ"
              พีวิลบอก "แสดงว่าสแทมเทเดอร์คงไม่เลิกนิสัยเสียแบบนั้นเลยสิน่ะ"
              "แล้วมันถูกส่งไปรบในโฟรเดริม-4 กันหรือเปล่าละ" บัลโต้ถาม
              เดลิคบอก "ครับ ในช่วงหนึ่งอาทิตย์แรกนั้น สแทมเทเดอร์สั่งการหน่วยรบของเขารับมือกับการบุกของพวกเฮซเทิร์ซได้ราว 6 ครั้ง แม้ว่าเขายังคงนิสัยดูถูกผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาว่าเป็นพวกโง่จนเกือบมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเลยก็ตาม แถมยังปฏิเสธความช่วยเหลือจากกองรบครีซีแทนกันถึง 3 ครั้ง จน....หน่วยของเขาถูกพวกเฮซเทิร์ซดักซุ้มโจมตีจนลูกทีมเกือบตาย ส่วนตัวเขาเสียชีวิตลงจากการถูกเสียบด้วยหอกไปหลายแผลเข้าจุดสำคัญ ซึ่งก่อนตาย เขาได้รับการบันทึกข้อมูลคลื่นสมองและความทรงจำของเขา โดยให้นายพลวอลเลนซ์เป็นผู้เก็บรักษาข้อมูลนี้ไว้ด้วยนะครับ"
              "แสดงว่า สแทมเทเดอร์คงเป็นนายทหารที่ชาญฉลาดมากพอที่จะเป็นผู้ช่วยเหลือนายพลวอลเลนซ์และวอลเดนสไตน์ ในแผนการทรยศต่อแรซัลก้าและพวกเราแน่นอนน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ถ้าไม่ติดตรงนิสัยมองคนอื่นว่าโง่ และยังปากดีเช่นนี้ คงไม่น่าตายก่อนแล้วละมั่ง" แล้วก็บอก "หากแต่สแทมเทเดอร์คงไม่รู้หรอกน่ะ ว่านายพลวอลเลนซ์ตายไปแล้ว และถูกกาเบลแบนเยอร์หลอกใช้เป็นแค่หมากตัวหนึ่งก็เท่านั้นเอง"
              "และถึงมันรอดชีวิตไปได้ คนปากดีและอวดฉลาดอย่างมัน คงไม่น่าอยู่ในแผนการของวอลเลนซ์ได้ยาวนานหรอก น่าจะถูกส่งไปให้พวกริดโอยิงทิ้งกันซะมากกว่าน่ะ" บัลโต้คาดเดา "แล้วข้อมูลความจำนั้นคงจะถูกทำลายไปแล้วละสิ"
              พีวิลบอก "ครับ และนั้นคงจะเป็นวิธีลบร่องรอยของกาเบลแบนเยอร์ที่แหยบคายมากๆ เพราะมันคงรู้ว่าเราต้องหาข้อมูลจากสมุนที่ดูฉลาดมากที่สุดกันแน่นอนนะครับ"

              "แล้วนายเช็คคฤหาสน์ของกาโกรินนิ เจออะไรที่นอกเหนือจากเบอร์ติดต่อที่สส.คัลลาร์ดโทรเข้ามาบ้างหรือเปล่าละ"  บัลโต้ถาม
              เดลิคตอบ "เออ ทางเราเจอ ศพของนายพลกาโกรินตัวจริง ซึ่งมีสภาพเหมือนมัมมี่ คาดว่าน่าจะตายมาราวๆ 2-3 ปีตามข้อมูลการผ่าชันสูตรศพเบื้องต้นกันแล้ว หากแต่ สภาพศพเหมือนถูกคืนสภาพให้เหมือนมีชีวิตตามปกติเพียงชั่วขณะหนึ่งนะครับ"
              "นั้นเป็นหลักฐานที่ชี้นำถึงแผนการก่อเรื่องของกาเบลแบนเยอร์ในครั้งแรกๆกันได้แล้วละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "และพวกเรามีหลักฐานพร้อมสรุปแผนการของกาเบลแบนเยอร์กันแล้วด้วยละครับ"
              "เกรงว่างานนี้เราคงต้องไปรายงานผลให้จอมพลแฮซกริฟรับทราบแล้วละ สงสัยว่างานนี้คงไม่เข้าท่าอย่างแรงแล้ววะ" บัลโต้บอก
              แอบไบออสถาม "ว่าแต่ ทาลดีสกับพวกสโทรเพธไม่อยู่เลยหรือ"
              "เธอกับพวกเดินทางกลับไปพร้อมกับแพนทานิคซ์แล้วละ" บัลโต้บอกโดยส่งข้อความของทาลดีสมาให้
              "ดูเหมือนว่าพวกนายจะจัดการกับอาครีม่าลงได้ แต่ไม่สามารถหยุดพวกเวมท็อกซินที่เหลือรอดไปได้เลยสิน่ะ ตอนนี้ นายแม่รัคชูมี่ฝากฉันมาบอกพวกนายไว้ ว่าต่อให้พวกนายถูกศัตรูที่ฉลาดมากที่สุดและมากด้วยเล่ห์เหลี่ยมเยอะแถมอันตรายมากแค่ไหนก็ตาม อย่าท้อถอยเป็นอันขาด และค่อยๆแก้ทุกปัญหาอย่างชาญฉลาดและรอบคอบกันมากกว่านี้ เพราะแมนิเกเตอร์เหล่านั้น ถึงรอดไปได้ยาว ก็คงไม่รอดพ้นผลกรรมที่ได้ก่อไว้อย่างแน่นอน" ทาลดีสกล่าว "ที่สำคัญ พวกนายยังไม่พร้อม ที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูตัวเอ้ที่มีความร้ายกาจอย่างยิ่งยวดและอันตรายอย่างแรงกล้ากันในตอนนี้ แต่ฉันและพวกเรา หวังว่าพวกนายจะสามารถหาหนทางรับมือกับปัญหาเหล่านั้นลงได้ พร้อมกับนำความยุติธรรมกลับมากันได้อีกครั้งแน่นอน และขอให้พวกนายโชคดีแล้วกัน" จากนั้นข้อความของเธอก็จบลง
              "แม้ว่าเราจะปฏิบัติภารกิจเพียงแค่ครึ่งเดียว แต่เรามั่นใจว่าสักวันเราต้องเจอตัวพวกกาเบลแบนเยอร์ลงได้แน่นอน" พีวิลกล่าว
              บัลโต้บอก "ถ้าเช่นนั้น ฉันจะแจ้งเบื้องบนให้เข้าประชุม เพื่อรับฟังผลการปฏิบัติการณ์เลยแล้วกันน่ะ"
    ต่อพาร์ทสุดท้ายเลย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×