คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : - intro -
intro
ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ครั้งแรกที่เราสบตากันนั้น
มันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่จุดจบของเรื่องราวทั้งหมด
…..
มันเป็นอีกวันที่ผมฝันร้าย
ผมถูกปลุกขึ้นมากลางดึกด้วยเสียงฟ้าร้อง แรงสั่นและเสียงดังก้องทำให้ผมนอนขดตัวอยู่บนเตียง ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามองสายฝนที่ตกกระหน่ำอยู่นอกหน้าต่างนั่น ทุกๆครั้งที่ฟ้าร้องมันไม่ได้นำมาแค่สายฝน แต่มันนำสิ่งที่ผมเรียกว่าฝันร้ายมาด้วย
เมื่อก่อนผมไม่เคยกลัวเสียงฟ้าร้อง จนกระทั่งวันที่พวกมันคร่าชีวิตพ่อแม่ของผมไป เหมือนกับว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ภาพคราบเลือดที่กระจายอยู่บนผนัง เสียงกรีดร้องของแม่ที่ดังแข่งกับเสียงฟ้า เสียงคมมีดที่แทงทะลุผ่านผิวเนื้อซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาพเลือดของพ่อที่สาดกระเซ็นออกมาจากลำคอ ทุกอย่างยังคงเด่นชัดอยู่ในจิตสำนึกของผม
ในตอนนั้นผมยังไร้เดียงสานัก ผมโทษว่าเสียงฟ้าคำรามที่น่ากลัวนั่นเป็นคนพรากพ่อและแม่ไป แต่เมื่อผมโตพอ ความจริงอันน่าเจ็บปวดก็ได้ทำร้ายผมให้ตายทั้งเป็น
ความจริงที่ว่าพ่อ…เป็นคนฆ่าแม่ หลังจากนั้นใบมีดที่พรากลมหายใจของแม่ไปก็ถูกพ่อใช้มันปาดลำคอของตัวเอง
เปรี้ยง!!!
เสียงฟ้าคำรามลั่นพร้อมๆกับหัวใจของผมที่ปวดหนึบ ภาพในคืนนั้นฉายชัดอีกครั้งในมโนสำนึก ราวกับแม่ได้มากรีดร้องชิดใบหูของผม เลือดของพ่อสาดเข้าใบหน้าจนได้กลิ่นคาว ร่างกายของผมสั่นเทา ความกลัวถาโถมเล่นงานจนแทบทนไม่ไหว ในวินาทีนั้นผมรีบกำสร้อยที่ใส่อยู่ไว้แน่น มันเป็นสร้อยรูปแม่กุญแจที่ผมได้รับมาเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน เหมือนว่ามันคือเพื่อนเพียงคนเดียวที่คอยจูงมือผมออกมาจากฝันร้าย คอยปลอบประโลมยามผมกลัว
ผมต่อสู้กับฝันร้ายอยู่นานจนกระทั่งสติกลับมาหาทีละน้อยพร้อมๆกับเสียงฟ้าร้องที่หายไป เหลือทิ้งไว้เพียงแค่ร่องรอยของสายฝนและผมที่ยังคงนอนกำสร้อยไว้แน่น เสียงลมหายใจหอบถี่ดังสะท้อนอยู่ในห้องที่มืดมิด ราวกับผมทรมานตัวเองด้วยการวิ่งหลายกิโลเมตร ทั้งที่ความจริงแล้วผมนอนทรมานอยู่บนเตียงเช่นทุกครั้ง
เหมือนผมตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในขณะที่ฝันร้ายเข้าเล่นงาน แต่กลับถูกทำให้ฟื้นด้วยสร้อยเพียงเส้นเดียว …
.....
เช้านี้อากาศเปียกชื้นทำเอาผมที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนรู้สึกอยากจะหลับซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปข้างหน้า กลับเป็นตัวกระตุ้นให้ผมตาสว่าง
“อย่างที่พวกคุณคงรู้ดี ว่าทีมอื่นต้องการที่จะทำภารกิจนี้มากแค่ไหน แต่พวกเรา…ทีมเอ คือทีมที่ได้รับโอกาสให้ปฏิบัติภารกิจนี้”
เสียงทุ้มน่าเกรงขามของผู้ชายตรงหน้าสะกดให้พวกเรายืนนิ่งและตั้งใจฟัง เขาเป็นผู้ชายเชื้อสายจีนที่สูงกว่าผมสักครึ่งฟุตได้ ‘หัวหน้าอี้ฝาน’ คือชื่อที่ทุกคนพร้อมใจกันเรียกเขา เขาเริ่มเดิน เอามือไพล่หลังและมองหน้าพวกเราที่ยืนเข้าแถวหน้ากระดานทีละคน ท่าทางเหล่านั้นดูน่าเกรงขามจนทำให้พวกเรายืนนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง
“ดังนั้น…” หัวหน้าอี้ฝานพูดต่อหลังจากที่การส่งความกดดันมายังพวกเราประสบความสำเร็จ
“สิ่งที่พวกคุณควรทำคือทำตามแผนและเชื่อฟังคำสั่งของผม”
ผมแอบเบ้ปากกับคำพูดวางอำนาจเหล่านั้น แน่นอนว่าเขาไม่เห็นหรอกว่าผมกำลังแสดงสีหน้าแบบไหนอยู่ และแม้ว่าเขาจะเห็นผมก็ไม่ได้เกรงกลัวกับบทลงโทษที่เขาจะสั่งผมอยู่ดี
“โดยเฉพาะคุณ แบคฮยอน!” เขาหันขวับมาชี้หน้าผม ทำเอาผมสะดุ้งจนเพื่อนร่วมทีมที่ยืนอยู่ข้างๆสะดุ้งตามไปด้วย ผมเห็นหัวหน้าอี้ฝานกระตุกปากอมยิ้มแต่เพียงแค่กะพริบตาเขาก็ปั้นหน้าให้เคร่งขรึมได้ตามเดิม
“คุณคงรู้นะว่าเป้าหมายของเราคราวนี้ไม่ใช่พวกกระจอก คุณจะผลีผลามอย่างที่ผ่านมาไม่ได้ เข้าใจใช่ไหม?”
“ค--ครับ” แล้วทำไมผมต้องพูดไม่เต็มเสียงด้วยวะ! เฮ้! คุณอย่าเพิ่งคิดล่ะว่าผมกำลังกลัวหัวหน้าอี้ฝาน ผมก็แค่ตั้งตัวไม่ทันที่จู่ๆเขาก็หันมาโจมตีผมแบบนี้ต่างหาก
“และนี่คือเป้าหมายของเรา” หัวหน้าอี้ฝานเลิกสนใจผมแล้วหันไปทางโปรเจคเตอร์ที่ฉายภาพผู้ชายคนหนึ่ง “สายลับของพวก Nightmare ที่ขโมยข้อมูลรัฐบาลไปได้ภายในระยะเวลาไม่ถึงสองปี ฝีมือแยบยล ร้ายกาจและยากต่อการจับตัว แต่ตอนนี้มันโผล่มาหาเราถึงที่แล้ว”
“ปาร์ค ชานยอล..!” คิม ฮโยยอน เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
เธอเป็นสาวเลือดร้อน ผลีผลามและวู่วามไม่ต่างจากผม เธอคงตื่นเต้นกับภารกิจนี้มากจนถึงกับร้องชื่อของเป้าหมายออกมา
ปาร์ค ชานยอล …นั่นล่ะ เป้าหมายของเรา
“เรามีเวลาหนึ่งชั่วโมงในการจับกุมเป้าหมาย ทำตามแผนที่วางไว้ เชื่อฟังคำสั่งของผม และห้ามลืมกฎของทีมเราเด็ดขาด” หัวหน้าอี้ฝานเพิ่มความจริงจังของประโยคด้วยสายตาที่คมเหมือนเหยี่ยวของเขา “ข้อแรก ห้ามตายและข้อสองเชื่อใจกัน เอาล่ะ เริ่มภารกิจได้!”
พวกเราทุกคนต่างแยกย้ายกันไปหยิบปืนที่เก็บไว้ในคลังอาวุธ คิม จงอิน เดินมาคว้าคอผมก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่
“คราวนี้ภารกิจสำคัญนะเว้ย อย่าทำให้หัวหน้าอี้ฝานเป็นห่วงล่ะเด็กดื้อ~”
“ส้นตีน”
ผมด่ามันเสียหนึ่งทีหลังจากที่จงอินล้อเลียนชื่อที่หัวหน้าอี้ฝานใช้เรียกผมบ่อยๆเมื่อครั้งที่เรามีความสัมพันธ์ที่พิเศษมากกว่าหัวหน้าและลูกน้อง
คุณเข้าใจไม่ผิดหรอก ผมกับหัวหน้าอี้ฝานเราเคยรักกันในเชิงพิศวาส แต่ก็แค่ ‘เคย ’ล่ะนะ ในตอนนี้อย่าว่าแต่พิศวาสเลย ผมน่ะหมั่นไส้เขาจะตายไป
ไอ้จงอินทำหน้าทะเล้นพลางเช็คปืนในมือ ตามจริงแล้วเราต่างรีบแข่งกับเวลาแต่มันก็ยังมีหน้ามากวนประสาทผมได้
“จะทำอะไรก็คิดให้มากๆนะมึง
ปาร์คชานยอลแม่งไม่ได้โผล่มาให้จับง่ายๆนะเว้ย”
“เออ กูรู้” ผมตอบส่งๆก่อนจะคว้าปืนคู่ใจออกมาจากตู้กระจก “มึงคอยดูฝีมือของกูแล้วกัน รับรองเลยว่ากูเนี่ยแหละจะเป็นคนจับหมอนั่นด้วยตัวเอง”
จงอินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจกับคำพูดของผมมากนัก พวกเราทีมเอต่างวิ่งออกจากห้องทีละคนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจ หัวหน้าอี้ฝานลอบมองผมครู่หนึ่งก่อนที่จะผละออกจากห้องไป แน่นอน ผมรู้ว่าเขามองผม แต่ผมเลือกที่จะไม่ใส่ใจ
ผมลูบสร้อยรูปแม่กุญแจที่คอเป็นการให้กำลังใจตัวเองก่อนทำภารกิจเหมือนทุกครั้ง มันเป็นสร้อยที่มีคนๆหนึ่งได้ให้ไว้เมื่อครั้งที่ผมยังเด็กนักจนเกินกว่าที่จะจำได้ ภาพของผู้ให้สร้อยเส้นนี้มันช่างเลือนลาง แต่น่าแปลกที่ผมกลับไม่เคยลบสัมผัสอบอุ่นที่เขาเคยมอบไว้ให้ผมได้เลย
ในขณะที่กำลังจะก้าวออกจากห้อง ความรู้สึกบางอย่างทำให้ผมหันกลับไปมองยังโปรเจคเตอร์ที่ยังคงฉายภาพค้างไว้
ใบหน้าคมประกอบกับดวงตาสีน้ำตาลของคนในภาพดึงดูดให้ผมถูกตรึงอยู่กับที่ มันเหมือนว่าเขาได้มายืนอยู่ตรงหน้า แม้จะเป็นเพียงภาพถ่ายแต่ผมกลับเห็นแววตาท้าทายในดวงตาคู่นั้น ผมยิ้มมุมปากราวกับว่าเจอเรื่องที่น่าสนุกที่สุดในชีวิต
“เราได้เจอกันแน่”
โดยที่ผมไม่เคยรู้เลยว่าชื่อที่เอ่ยออกไปในวันนี้
“ปาร์ค ชานยอล…”
จะเป็นชื่อที่สลักลึกลงไปในหัวใจของผมได้อย่างยากที่จะลบออก
TBC
ใจเย็นๆมันก็แค่อินโทร คอมเม้นท์เป็นกำลังใจน้าา
#ficsee2b @BlackQ238
up:09/09/2014
ความคิดเห็น