ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] See through B's trick (chanbaek)

    ลำดับตอนที่ #20 : - CH 15.2 : hurt -

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.51K
      25
      13 เม.ย. 59

     
    ch15.2



    Cause you and I, we were born to die

    พวกเราล้วนเกิดมาเพื่อตายกันทั้งนั้น

    .
    .
    .
    .

     

     

                “นาย...ใส่เสื้อผิดด้าน

     

                คำพูดจากชานยอลทำให้ผมเลิกคิ้วก่อนจะก้มมองตัวเอง ให้ตายเถอะ น่าอายเป็นบ้า ผมใส่เสื้อแบบที่เอาข้างหน้าไปไว้ข้างหลัง ถึงว่าทำไมรู้สึกรั้งๆที่คอ...

     

                สารภาพว่ารู้สึกเสียหน้านิดหน่อยที่แสดงด้านเฟอะฟะออกไปให้ชานยอลเห็น แต่เป็นเพราะความไม่สบายใจและเรื่องของจงอินที่ทำให้ผมเบลอไป ผมว่ามันเป็นเรื่องที่เราล้วนเป็นกันทั้งนั้น มึนๆงงๆแล้วก็เฟอะฟะโดยไม่รู้ตัว

     

                ผมถอดเสื้อของตัวเองออกโดยไม่ได้นึกเลยว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นผู้ชายที่กำลังรู้สึกอย่างไรต่อผม

     

                แต่ว่าผมกับชานยอลต่างก็เป็นผู้ชาย เรามีอะไรที่เหมือนๆกันและผมไม่เห็นเหตุผลที่ต้องมาเขินอายด้วยเรื่องพวกนี้เลย ยังไงซะชานยอลก็คงไม่คิดอะไรกับร่างกายของผมนอกไปจากการล้อเลียนเรื่องพุงหรอก

     

                แต่สายตาแพรวพราวที่ถูกส่งมาจากชานยอลก็ทำให้ผมต้องคิดใหม่ ถึงเขาจะไม่แสดงอารมณ์ออกทางสีหน้า แต่แววตาของเขามันบอกทุกอย่างและนั่นเองที่ทำให้ผมรู้สึกร้อนที่แก้มอย่างห้ามไม่อยู่

     

                การคิดเรื่องลามกมันคงเป็นปกติของมนุษย์เพศชายไม่เว้นแม้กระทั่งปาร์คชานยอล ให้ตายเถอะ นี่เขาจะมองหัวนมผมทำไมนักหนา!

     

                ชานยอลยืนมองผมเปลี่ยนเสื้อเงียบๆ ระหว่างนั้นผมก็นึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อครู่เพื่อจะได้ไม่ต้องสนใจกับสายตาลามกนั่น คงเป็นเพราะความอ่อนล้าหรือความสงสัยที่สะสมมานานประกอบกับเรื่องที่พบในวันนี้ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีนัก ผมจึงระบายมันออกไปเป็นคำพูด แม้จะเป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของสิ่งที่คิดแต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น มีสิ่งเดียวที่ทำให้ผมเกิดความข้องใจก็คือประโยคที่ชานยอลได้บอกเอาไว้

     

                อีกไม่นานผมจะไม่ต้องรู้สึกแบบนี้งั้นเหรอ?

     

                ผมไม่เคยถามถึงเหตุผลในการกระทำของชานยอลเพราะผมรู้ดีว่าถ้าชานยอลอยากให้ผมรู้เขาจะเป็นฝ่ายเปิดปากออกมาเอง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมจึงไม่ถามว่าเพราะอะไรเขาถึงโผล่เข้าไปช่วยแทมินทั้งๆที่จงอินซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สตาสก็อยู่ตรงนั้น แล้วผมก็จะไม่ถามว่าเขาไปอาบน้ำที่ไหนมา เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่จึงไม่ใช่สไตล์ของเขาเลย

     

                ผมสังเกตทุกอย่างเกี่ยวกับปาร์คชานยอล ความคิดและความสงสัยทั้งหมดอัดแน่นอยู่ในหัวแต่ผมก็ไม่เคยแสดงออกจนกระทั่งวันนี้

     

                ผมคิดมาตลอดว่าตัวตนของชานยอลนอกเหนือจากการเป็นไนท์แมร์นั้นเขาเป็นใครกันแน่ เขาอาจจะเป็นลูกของนักการเมืองซักคน คนค้าอาวุธหรือเป็นแค่คนธรรรมดาที่มีฝีมือในเรื่องการชกต่อย

     

                ชานยอลบอกผมราวกับมั่นใจว่าความสงสัยนี้จะได้รับคำตอบ ซึ่งหากมันเป็นเช่นนั้นจริงเรื่องราวระหว่างเราต่อจากนี้ไปก็จะเปลี่ยนแปลง

     

    ผมพร้อมฟังในสิ่งที่ชานยอลจะเล่าถึงตัวตนของเขา ผมพร้อมฟังเสมอในทุกๆคำพูด แต่สิ่งที่ผมอยากจะขอจากชานยอลมีเพียงแค่ข้อเดียวเท่านั้น...คืออย่าโกหกผม

     

                เพราะการโกหกมันไม่เคยส่งผลดีต่อใคร ทั้งตัวผมและชานยอลเอง

     

                ตอนนั้นเองที่เสียงข้อความจากโทรศัพท์ดังขึ้นพร้อมกับที่ผมใส่เสื้อเสร็จพอดี บางทีอาจจะเป็นคิมจงอินที่ส่งข้อความมาหา เขาคงมีเรื่องอยากจะบอกผมเช่นว่าไม่ต้องไปหาเขาแล้วหรือไม่ก็เขาอาจจะต่อยกับเซฮุนตัวยั่วโมโหไปแล้วซักหมัดสองหมัด

     

                ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์โดยที่ชานยอลยังคงมองผมไม่ละสายตา ทำไมเขาไม่ไปกินจาจังมยอนที่ผมซื้อมาเผื่อล่ะหรือไม่ก็ควรจะเลิกมองผมได้แล้วเพราะสายตาของเขามันทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก

     

                ดวงตาสีน้ำตาลของชานยอลเป็นดวงตาคู่ที่สวยมากในความคิดของผม แต่เชื่อผมเถอะว่าในตอนนี้ความสวยงามนั้นถูกกลบไปหมดด้วยคำว่าลามก นี่ถ้าเขาจับผมกินได้เขาคงทำไปแล้วล่ะมั้ง

     

                ผมกดอ่านข้อความและเป็นจงอินที่ส่งมาให้ดังที่คาดไว้ แต่เนื้อความที่ผมได้อ่านกลับทำให้รู้สึกเหมือนว่าหัวใจของผมถูกเหวี่ยงลงมาจากยอดเขาสูง

     

                ช็อค...อาจจะเป็นคำที่อธิบายความรู้สึกของผมได้ดีที่สุดในเวลานี้

     

                นอกจากตัวอักษรแล้วยังมีรูปภาพแนบมาด้วยกันถึงสองรูป รูปแรกเป็นรูปสถานที่ที่หนึ่งที่ผมรู้จักเป็นอย่างดีเพราะเคยไปทำภารกิจจับกุมการซื้อขายยาเสพติดที่นั่น แต่สิ่งที่ทำให้ผมทั้งโกรธและตกใจคือรูปที่สอง

     

                ความว้าวุ่นใจส่งผลให้ผมยืนนิ่งจนกระทั่งชานยอลจับสังเกตได้ เขาเดินเข้ามาหา ผมจึงพยายามปั้นสีหน้าให้เป็นปกติก่อนที่จะควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่นแล้วเอ่ยปากออกไป

     

                “จงอินส่งข้อความมาน่ะ ฉันคงต้องไปแล้ว

     

                เหมือนว่าชานยอลต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายเขาก็ทำเพียงแค่พยักหน้าและไม่ได้ซักถามอะไร ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีแล้วเพราะถ้าเขาต้องการคำตอบจากผมในตอนนี้ เขาคงรู้แน่นอนว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น

     

    ผมทำเป็นเดินไปใส่รองเท้าจนกระทั่งชานยอลหายลับเข้าไปในครัว ตอนนั้นเองที่เป็นโอกาสให้ผมรีบกลับมาที่ลิ้นชักซึ่งเป็นที่บรรจุปืนของผมเอาไว้ แม้ว่าผมจะเป็นเจ้าหน้าที่แต่การพกปืนร่อนไปร่อนมาในที่สาธารณะก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาตเพราะผมไม่ใช่ตำรวจ การที่จะใช้ปืนได้ก็มีเพียงแค่ในภารกิจเท่านั้น ผมไขกุญแจที่ล็อคอยู่อย่างเบามือก่อนจะหยิบปืนในลิ้นชักออกมาด้วยความว่องไว ผมหันมองไปยังครัวเพราะกลัวว่าจะถูกชานยอลจับได้และนับเป็นความโชคดีที่ชานยอลไม่ได้สังเกตว่าผมกำลังทำอะไร ผมจึงรีบออกจากบ้านไปก่อนที่เขาจะรู้ การปิดโทรศัพท์คือสิ่งที่ผมทำหลังจากออกจากบ้านมาแล้ว อย่างน้อยชานยอลก็จะติดตามผมจาก GPS ไม่ได้

     

                และผมได้แต่ภาวนาต่อพระผู้เป็นเจ้า ขอให้วันนี้พระองค์ทรงอยู่ข้างๆผม ขอให้พระองค์ทรงอย่าได้ใจร้ายกับผมเหมือนดังที่ผ่านมาได้โปรด

     

               

     

    อาจจะเป็นเพราะฝนที่ตกไปเมื่อเช้า ท้องฟ้าในเวลานี้จึงโล่งโปร่งและมีแสงแดดอ่อนๆที่ส่องกระทบลงมา มันทำให้ผมรู้สึกอุ่นกาย 

     

    แต่ในใจของผมกลับร้อนรุ่มดังมีกองเพลิงสุมอยู่ในนั้น 

     

    ถึงแม้ท้องฟ้าข้างนอกจะสดใสแต่ภายในนี้ก็ยังคงไว้เพียงแค่ความอึมครึม เศษซากของลังกระดาษ ความรกร้างและน้ำที่ขังอยู่บนพื้นทำให้ผมรู้สึกอึดอัด แน่นอนว่าคงไม่มีใครคิดที่จะเข้ามาในโกดังร้างๆแห่งนี้ นอกซะจากคนจรจัดผู้ต้องการที่พักพิงชั่วคราว หมาซักตัวที่ต้องการที่หลบฝนรวมถึงคนร้ายค้ายาเสพติดที่เคยทำการแลกเปลี่ยนสินค้ากันที่นี่ซึ่งพวกเราเคยทำการบุกเข้าจับกุมมาแล้ว 

     

    ดูคล้ายว่าจากบานประตูสู่จุดมุ่งหมายจะยาวไกลเหลือเกินทั้งๆที่ในความเป็นจริงมันก็แค่ห้าสิบเมตร แต่ละก้าวนั้นช่างหนักอึ้งแต่เทียบไม่ได้กับความหนักในใจของผม คำถามมากมายที่ผมคาดเดาคำตอบไม่ได้กระเด้งกระดอนอยู่ภายในหัว 

     

    [ฉันคิดว่าแกฉลาดพอที่จะมาคนเดียวใช่ไหมแบคฮยอน?]

     

                ข้อความที่ส่งมาจากคิมจงอินทำให้ผมแปลกใจไม่น้อยแต่ทันทีที่เห็นรูปภาพที่ถูกแนบมาด้วยก็ทำให้ผมสั่นไปทั้งใจ

     

                นอกจากรูปภาพของสถานที่แล้วอีกรูปหนึ่งก็คือ...ภาพของคิมจงอิน  ผมคงจะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้าใบหน้าและร่างกายของเขาไม่เต็มไปด้วยบาดแผล จงอินดูสะบักสะบอมและไม่ได้สติ ผมไม่เคยเห็นเพื่อนรักเจ็บหนักขนาดนี้มาก่อน ความร้อนใจและความเป็นห่วงพุ่งขึ้นสูงจนผมไม่อาจอยู่เฉยและนั่นจึงเป็นสาเหตุให้ผมต้องมาที่นี่

     

                ทั้งๆที่จงอินควรจะอยู่โรงพยาบาลกับโอเซฮุนไม่ใช่หรือ แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ในสภาพนี้ได้

     

                ผมคิดว่าคนที่ทำเรื่องแบบนี้คงมีไม่กี่กลุ่ม กลุ่มแรกคือผู้ต้องหาที่พ้นความผิดแล้วต้องการจะแก้แค้นพวกเราและกลุ่มที่สองคือพวกไนท์แมร์

     

                ผมเดินมาจนถึงส่วนที่ลึกที่สุดของโกดัง ความเงียบและความมืดที่สวนทางกับบรรยากาศข้างนอกเป็นตัวกดดันให้มือของผมที่กำเข้าหากันแน่นชื้นไปด้วยเหงื่อ ตอนนั้นเองที่ผมเห็นเงาของคนสองคนอยู่ห่างไม่ไกลและเพียงแค่ผมวิ่งเพื่อเข้าไปหาคนพวกนั้น ไฟภายในโกดังก็สว่างขึ้นมาราวกับรู้จังหวะ

     

                ผมหยุดฝีเท้าเมื่อมาถึงที่หมาย บุคคลสองคนตรงหน้าที่ใส่หน้ากากสีขาวก็ทำให้ผมรู้ว่าคือไนท์แมร์ดังที่สันนิษฐานไว้

     

                ทำไมพวกมันถึงได้กัดเราไม่ปล่อยแบบนี้นะ?

     

     

                คนตัวผอมเดินเข้ามาหาผมก่อนเป็นคนแรก เป็นเพราะเขาใส่รองเท้าสเก็ตจึงเข้ามาถึงตัวผมภายในเวลาสั้นๆ ผ้าพันแผลที่แขนทำให้รู้ว่าหมอนี่คือคนที่ถูกผมหักแขนไปเมื่อคราวก่อน เดาว่ากระดูกคงจะสมานกันได้ไม่นาน ผมจำชื่อที่พวกมันเคยหลุดปากเรียกได้อย่างขึ้นใจซึ่งชื่อของหมอนี่ก็คือแจบอม เขาไถรองเท้าสเก็ตเดินวนรอบตัวผมเป็นการกวนประสาทส่วนตัวผมเองทำเพียงแค่ยืนนิ่งๆเป็นการหยั่งเชิง

     

                “มาเร็วเหมือนที่ฉันต้องการเลยนะ

     

                คนตัวสูงที่ยืนมองผมเป็นคนเอ่ยขึ้น ผมจำได้ว่าหมอนี่คือคนที่ทำร้ายผมมากที่สุดในคราวที่แล้ว เขาสูงพอๆกับหัวหน้าอี้ฝานแต่มีกล้ามเนื้อมากกว่า การที่เขายืนนิ่งๆแบบนี้มันดูกวนประสาทมากกว่าแจบอมเสียอีก

     

                นับว่าเป็นการพบกันกับไนท์แมร์ที่ผมได้สังเกตรูปพรรณสัณฐานของพวกมันได้อย่างชัดเจน ผมจดจำรายละเอียดร่างกายของพวกมันอย่างเงียบๆเพราะถ้าผมได้ออกไปจากที่นี่เมื่อไหร่การสังเกตนี้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน

     

                “จงอินอยู่ไหน?”  ผมถามแต่กลับได้เพียงแค่เสียงหัวเราะที่ฟังแล้วหงุดหงิดตอบกลับมา “ฉันถามว่าคิมจงอินอยู่ที่ไหน!”

     

                ผมตะโกนอย่างเหลืออดแต่ก็ได้รับเพียงแค่เสียงหัวเราะที่ทำให้เส้นประสาทเต้นตุบๆ ทั้งๆที่ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใบหน้าที่แท้จริงของพวกมันเป็นยังไงแต่ผมก็รู้สึกเกลียดสองคนนี้ไปเสียแล้ว

     

                “อย่าเพิ่งหงุดหงิดสิคุณเจ้าหน้าที่คนเก่ง วันนี้เรายังต้องอยู่ด้วยกันอีกนานนะ

     

                 แจบอมพูดข้างหูผมก่อนที่เขาจะไถรองเท้าสเก็ตไปที่บานประตูเหล็กซึ่งอยู่ไม่ไกล ทั้งท่าทางและการพูดของทั้งสองคนทำให้ผมอยากจะพุ่งตัวเข้าไปถีบพวกแม่งให้หงาย แต่ที่ทำได้ก็เป็นเพียงแค่การสงบอารมณ์เท่านั้น 

     

                 “ยังไม่ทันที่จะเอ่ยคำทักทายแต่มาถามถึงคนอื่นก่อนแบบนี้ มันเสียมารยาทนะว่าไหม?” คนตัวสูงที่ผมไม่รู้จักชื่อเอ่ยออกมาเรียบๆ ผมกำหมัดแน่นอย่างเหลืออด ทำไมพวกมันต้องกวนตีนขนาดนี้วะ

     

                 ผมกระตุกยิ้มให้คนตรงหน้า เดาไม่ได้ว่าหมอนี่ทำสีหน้าแบบไหนเพราะมันใส่หน้ากากเอาไว้ แต่ถ้าให้เดามันคงแปลกใจไม่น้อยที่อยู่ๆผมก็ยิ้มให้แบบนี้

     

     

                “อยากได้คำทักทายเหรอ? ได้สิ

     

                “…”

     

                “FUCK YOU”

     

                “หึ” ทั้งแจบอมและคนตัวสูงหัวเราะในลำคอเกือบจะพร้อมกันก่อนที่ไอ้สูงจะเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน “เข้าใจแล้วว่าทำไมบอสถึงไม่ให้ฆ่าแกซักที เพราะแกมันน่าสนุกแบบนี้นี่เอง

     

                “จงอินอยู่ไหน?” ผมเมินกับถ้อยคำยั่วโมโหแม้ว่าตอนนี้อารมณ์ของผมเกือบจะถึงจุดเดือดแล้วก็ตาม

     

                “เห้ยอูบินเอามันออกมาเลยเถอะ ฉันอยากเห็นเรื่องสนุกๆแล้วว่ะ

     

                แจบอมตะโกนมาจากหน้าประตูเหล็กและเป็นตอนนั้นเองที่ผมได้รู้ชื่อของไอ้ตัวสูงนี่ อูบินอย่างนั้นสินะ

     

                อูบินหันขวับไปทางคนที่ยืนอยู่หน้าประตู เดาว่าเขาคงไม่พอใจที่แจบอมเอ่ยชื่อของตัวเองออกมาแบบนี้ แต่ผมพอจะรู้ว่าหมอนั่นอาจจะเอาคืนที่ครั้งหนึ่งอูบินก็เคยหลุดปากเรียกชื่อของแจบอมเหมือนกัน

     

                เหอะ มิตรภาพของไนท์แมร์ น่าซึ้งใจซะเหลือเกิน

     

                แต่จะว่าไปแล้วอูบินคนนี้ก็มีโครงสร้างร่างกายและน้ำเสียงที่คล้ายกับคิมอูบิน ผู้สื่อข่าวช่องกีฬาที่ผมเคยเห็นบ่อยๆทางโทรทัศน์ ไม่สิ ผมคิดว่าไม่ใช่แค่คล้ายคลึงแต่มันคือคนๆเดียวกัน...

     

                การสังเกตและความจำของผมประมวลผมและเชื่อมโยงกันจนได้คำตอบ ผมมั่นใจว่าคนตรงหน้าคือคิมอูบิน คนเดียวกับที่เป็นผู้สื่อข่าว ผมกระตุกยิ้มเพียงครู่เพื่อเมื่อได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของไนท์แมร์ได้หนึ่งคนแล้ว

     

                ถ้าผมออกไปจากที่นี่เมื่อไหร่ ผมสาบานว่าผมจะเป็นคนจับเขาด้วยตัวเอง

     

    อูบินพยักหน้าส่งๆเป็นการตอบรับก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดโดยฝีมือของคนตัวผอม แจบอมกระชากร่างของใครบางคนออกมาจากห้องแล้วทิ้งร่างนั้นลงบนพื้นอย่างไม่ใยดี

     

                และภาพที่ทำให้ผมอยากกระโดดถีบหน้าพวกมันให้หงายก็คือภาพที่คิมจงอินถูกทิ้งลงบนพื้น เขาไม่ได้ถูกมัดแต่กลับมีบาดแผลมากมายดังเช่นที่เห็นในรูป ผมรู้ว่าจงอินมีฝีมือที่เรียกได้ว่าไม่ธรรมดา ซึ่งแสดงว่ามีเพียงสองทางเท่านั้นที่ทำให้เขามาอยู่ในสภาพแบบนี้ หนึ่งคือพวกไนท์แมร์มีฝีมือมากเกินไปและสองคือจงอินไม่ยอมตอบโต้พวกมันกลับ

     

                แต่จากการที่ผมเคยปะทะกับพวกไนท์แมร์มาก่อน ผมยอมรับว่าพวกมันมีฝึมือแต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะทำให้จงอินบาดเจ็บได้มากขนาดนี้นั่นแสดงว่ามีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นคือเพื่อนรักของผมจะยอมเจ็บตัวซะเอง

     

                “พวกแกทำอะไรเพื่อนฉันวะ!” ผมถลาจะเข้าไปหาคิมจงอินแต่อูบินกลับผลักผมเต็มแรงจนผมไถลไปกับพื้น

     

                “ฉันจะเล่าเรื่องตลกให้แกฟังหนึ่งเรื่อง” คิมอูบินพูดช้าๆ ผมค่อยๆลุกขึ้นยืน ให้ตายเถอะ ข้อศอกของผมถลอกจนเลือดซิบ ผมมองไปยังเพื่อนรักที่ปรือตามองอย่างเหนื่อยอ่อนอยู่บนพื้นและเพียงไม่นานแจบอมก็เข้าไปกระชากจงอินให้ลุกขึ้นแล้วล็อคคอของเขาไว้

     

                ทำไมพวกมันต้องทำกับเพื่อนผมขนาดนี้ด้วยวะ!

     

                “ฉันรู้เบอร์ของจงอินเพราะหนึ่งในพวกแกให้มันมา ต้องบอกว่าหนึ่งในสตาสสิถึงจะถูก อ้อ แกอาจจะสงสัยนะแบคฮยอนว่ามันคือใครแต่เสียใจอย่างสุดซึ้งที่ฉันคงบอกแกไม่ได้” 

     

                  “…” 

     

                  “แล้วฉันก็แค่โทรไปบอกเพื่อนแกว่ามีไนท์แมร์อยู่ในสตาสและถ้าไม่อยากให้น้องชายมันตายก็ให้รีบมาที่นี่ มันยอมให้พวกเราซ้อมจนหมดสภาพเพื่อแลกชีวิตกับน้องชายงี่เง่าของมัน แกคิดว่าเพื่อนแก่โง่ไหม?”

     

                  เลว ผมเอ่ยสั้นๆพยายามข่มความโกรธไว้บนมือที่กำเข้าหากันแน่น พวกมันทำได้ยังไง จิตใจทำด้วยอะไรถึงได้ทำร้ายเพื่อนผมขนาดนี้ ผมก้าวเท้าจะเข้าไปหาจงอินอีกครั้งแต่แจบอมที่ปล่อยคอออกจากเพื่อนรักกลับชักปืนออกมาจ่อหน้าผมเป็นการห้าม

     

                จากคำบอกเล่าของคิมอูบินประกอบคำพูดของเอสที่บอกว่ามีหนอนบ่อนไส้อยู่ในสตาสทำให้ข้อสงสัยของหัวหน้าอี้ฝานได้รับการยืนยันแล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง มีไนท์แมร์อยู่ในพวกเราและผมไม่สงสัยเลยว่าทำไมพวกมันถึงนัดผมมาที่นี่ได้ เพราะสตาสเคยมาทำการจับกุมที่นี่และหนอนบ่อนไส้คนนั้นก็คงจะบอกไนท์แมร์ให้รับรู้ด้วย

     

                มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง หน่วยที่ผมทั้งรักและคิดว่าแสนมีเกียรติกลับมีคนชั่วแฝงตัวอยู่อย่างนั้นหรือ?

     

    อันที่จริงคนที่มีธุระกับแกไม่ใช่พวกฉันสองคนหรอกนะ” อูบินว่าก่อนจะปรายตามองไปยังระเบียงเหล็กซึ่งอยู่บนชั้นสอง 

     

    “…” 

     

    บอสยืนมองแกมานานแล้วล่ะ

     

                ตอนนั้นเองที่เสียงฝีเท้ากระทบกับขั้นบันไดเหล็กเป็นตัวเรียกให้ผมหันไปมอง ร่างสูงของใครบางคนเดินลงมาจากชั้นสองอย่างไม่รีบร้อน เสียงฝีเท้าที่ก้าวลงมาแต่ละขั้นเหมือนตัวกระตุ้นให้สมองของผมทำงานอย่างหนักจนรู้สึกปวดหัว ความเครียดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเพียงแค่เขาเดินลงมาจนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า สรรพนามที่อูบินเอ่ยถึงชายผู้นี้ทำให้ผมรู้ว่าเขาคือใคร

     

                เอส...

     

                เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอกับเอสในรูปแบบที่ไม่ใช่เพียงแค่เสียง ความตื่นเต้นและความตระหนกแล่นไปทั่วทั้งร่างจนเหงื่อไหลจากขมับลงสู่สันกราม ผมจ้องเอสไม่วางตาไม่ต่างจากเขาที่มองผมอยู่เช่นกัน

     

                เอสสวมชุดดำทั้งชุด รวมทั้งใส่ถุงมือและหน้ากาก ผมพยายามสังเกตรายละเอียดของเขาแล้วแต่เสื้อคอเต่าและกางเกงขายาวทำให้ผมไม่รู้ว่าเขามีสีผิวอะไรหรือมีตำหนิใดบนร่างกาย นับได้ว่าเขาฉลาดมากที่รู้ว่าควรจะเตรียมตัวอย่างไรในการพบกับผม นั่นทำให้ผมสังเกตได้แค่ว่าเอสสูงมากกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตร มีไหล่กว้าง ผมสีดำ แล้วก็ร่างกายสมส่วน 

     

                 มันเป็นการเผชิญหน้าครั้งแรกระหว่างเรา ระหว่างผม...กับเอส 

     

                ดีใจที่ได้เจอนะ แบคฮยอน เสียงแปร่งๆนั่นทำให้ผมขมวดคิ้ว เอสยังคงใช้เครื่องปลอมแปลงเสียง เขาใส่หูฟังไว้ข้างหนึ่งซึ่งนั่นคงเชื่อมต่อกับเครื่องดัดเสียงที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง 

     

                “ไปตายซะ

     

                ผมพูดเสียงเรียบแต่กลับเรียกเสียงหัวเราะดังลั่นจากเอส เขาขำราวกับได้ฟังเรื่องน่าตลกนักหนาและถ้าให้ผมบรรยายถึงความกวนประสาทของเอส ผมคงบอกได้เลยว่าต่อให้เอาโอเซฮุนมาซักสิบคนก็คงสู้ไม่ได้กับเอสเพียงคนเดียว

     

                “ฉันพยายามไล่จับแกแทบตายแต่แกก็หนีไปได้ทุกครั้ง แต่แค่ฉันเอาคิมจงอินมาเป็นตัวล่อก็เรียกแกออกมาจากรังได้แล้ว ว้าว ช่างเป็นมิตรภาพที่น่าประทับใจ

     

                ผมกำหมัดแน่นพยายามอย่างหนักที่จะไม่พุ่งเข้าไปต่อยหน้าเอสในตอนนี้ ปืนจากแจบอมยังคงจ่อมาทางผม ผมไม่ควรวู่วาม ผลีผลามเหมือนกับแบคฮยอนในอดีตเพราะความปลอดภัยของจงอินขึ้นอยู่กับผม นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ผมทำได้แค่หายใจเข้าลึกเป็นการข่มอารมณ์

     

                “...แบคฮยอน หนีไปซะ” เสียงแหบพร่าของจงอินดึงสติของผมเอาไว้ เขาดูอ่อนแรงจนผมรู้สึกเจ็บตามไปด้วยและเป็นอีกครั้งที่ผมพยายามจะเข้าไปหาจงอินแต่ก็ถูกอูบินกันเอาไว้ก่อน

     

                “ปล่อยให้เพื่อนได้เจอกันจะเป็นอะไรไปล่ะอูบิน” เป็นเพราะคำสั่งจากเอสอูบินจึงยอมหลีกทางให้อย่างไม่เต็มใจนักรวมทั้งแจบอมที่ยอมลดปืนในมือลงด้วย

     

                “จงอินมึงอดทนอีกนิดนะ กูจะพามึงออกไปเอง” ผมพูดกับจงอินก่อนจะเอาหัวของเขาวางไว้บนตัก สภาพเพื่อนรักดูแย่มาก ทั้งบาดแผลบนใบหน้า คราบเลือดที่จมูกและริมฝีปาก มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บไปทั้งใจและอยากจะเอาคืนให้สาสม

     

                 “มึง...ไปจากที่นี่ซะ

     

                “มึงฟังกูจงอิน มึงอดทนอีกนิดเดียวแล้วกูจะพามึงออกไป

     

                “ไม่มีประโยชน์แล้วแบค กูเห็นหน้าของมันแล้ว มัน...ไม่ปล่อยกูไปแน่

     

                “มึงว่าไงนะ--- โอ๊ยย!!

     

                 แรงกระชากที่หัวทำให้ผมร้องด้วยความเจ็บ อูบินเดินเข้ามากระชากผมให้ออกจากจงอินก่อนจะโยนผมกลับไปที่เดิม

     

                แบค เอสคือ...อั่ก !!!” จงอินพยายามจะพูดกับผมแต่แจบอมที่ยืนอยู่ใกล้ๆเตะเข้าที่ท้องเต็มแรงจนเขาตัวงอ ผมพยายามจะวิ่งเข้าไปหาเพื่อนแต่เอสกลับคว้าแขนของผมเอาไว้แล้วบีบมันแน่นจนผมนิ่วหน้า จงอินยังพยายามเปล่งเสียงออกมาอีกและผมเองก็พยายามฟังน้ำเสียงแหบพร่านั้นอย่างเต็มที่ "แบคฮยอน....มึงไม่ควรอยู่ที่นี่ มึง...

     

                “ทำให้มันเงียบซะเอสหันไปสั่งก่อนที่ทั้งอูบินและแจบอมจะกระหน่ำเตะจงอินจนร่างของเขาเคลื่อนไหวไปตามแรง  ผมแหกปากร้องให้พวกมันหยุดแต่เอสกลับบีบแขนผมแรงขึ้นแล้วเอ่ยปาก “แกรู้อะไรไหมแบคฮยอน หน่วยสตาสมันจะทำให้ชีวิตของแกพัง ถ้ายังรักชีวิตของตัวเองก็ออกมาจากที่นั่นซะ

     

                “ปล่อยจงอินซะ ก่อนที่ฉันจะฆ่าแกตรงนี้” ผมกัดฟันพูดอย่างข่มอารมณ์ก่อนที่จะคลำปืนที่เหน็บไว้ตรงบั้นเอว ผมไม่สนว่าเขาพยายามจะพูดอะไร สิ่งที่ผมรู้สึกตอนนี้มีแค่ความโมโหเท่านั้น

     

                “ปล่อยน่ะปล่อยแน่ แต่มันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อยซี่” เอสพูดก่อนจะส่งสัญญาณให้ไนท์แมร์ทั้งสองหยุดทำร้ายจงอิน ผมเห็นเพื่อนของผมนอนตัวงอด้วยความเจ็บปวด เพียงแค่นั้นน้ำตาผมก็แทบไหลลงมาเพราะความเป็นห่วง แต่ไม่ ผมจะไม่ยอมแสดงความอ่อนแอต่อหน้าไอ้เลวพวกนี้แน่

     

                “แกต้องการอะไร?”   

      

                “ฉันมีตัวเลือกให้แกหนึ่งข้อ แค่เล่นเกมกับฉัน ถ้าแกชนะ ฉันจะปล่อยเพื่อนแกไป และแน่นอนว่าฉันจะไม่ยุ่งกับพวกแกอีก จะเลิกป่วน เลิกสร้างความวุ่นวาย พวกฉันจะหายไปในกลีบเมฆแล้วปล่อยให้ไนท์แมร์เป็นแค่ชื่ออาญชากรกระจอกๆ

     

                “…”

     

               “แต่ถ้าแพ้ แกต้องลาออกจากสตาสแล้วก็บอกลาเพื่อนแกซะ

     

                ผมสบตากับจงอินที่นอนหายใจอย่างอ่อนแรง เขาพยายามส่ายหน้าให้ผมปฏิเสธการเล่นเกมนี้ แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วจะให้ผมยอมแพ้มันอย่างนั้นเหรอ

     

                “เกมอะไร?”

     

                “แข่งประกอบปืน ชนะฉันให้ได้ภายใน15 วิ ง่ายๆใช่ไหมล่ะ?”

     

                “ไม่ แบคฮยอน มึงอย่าเล่น!” จงอินตะโกนและพยายามลุกขึ้นเพื่อเข้ามาหาผม และแน่นอนว่าทุกอย่างไม่เคยเป็นดังหวังเพราะอูบินเข้ามาล็อคคอจงอินแล้วเอามีดจี้คอเขาไว้

     

                “ตกลงว่าไง จะยอมเล่นไหม?” เอสถามย้ำ จงอินยังคงส่ายหน้าเป็นการให้ผมปฏิเสธ ถ้าชนะผมก็ยังไม่อาจแน่ใจได้ในคำพูดของเอส เขาจะยอมหายไปอย่างนั้นเหรอ สัจจะของโจรจะเชื่อถือได้มากแค่ไหน แต่ถ้าผมแพ้แน่นอนว่าเขาไม่เอาจงอินไว้แน่ ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องที่เอสจะยอมหายไปเพราะผมคงไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้น ยังไงผมก็ต้องลากพวกมันไปรับโทษให้ได้ แต่สิ่งที่ผมกังวลในตอนนี้คือชีวิตของจงอินต่างหาก ในระหว่างที่ผมกำลังตัดสินใจอยู่นั้นเองเอสก็หันไปสบตากับอูบินเป็นการให้สัญญาณบางอย่าง

     

    อูบินจับมือของจงอินชูขึ้นข้างหนึ่งเหมือนเป็นการตรึงสายตาให้ผมมองว่าเขาจะทำอะไรต่อไป และวินาทีต่อมาที่มีดปลายแหลมถูกส่งไปกรีดที่ข้อมือของจงอินก็ทำให้ผมแทบสติแตก 

     

    อ๊ากกก!!” 

     

    จงอิน!!” ผมร้องลั่น ทำท่าจะวิ่งเข้าไปเอาเรื่องแต่คำพูดของเอสก็เหมือนเป็นสิ่งเรียกสติของผมเอาไว้ 

     

    ตอนนี้เพื่อนแกมีเวลาชีวิตเหลืออีกไม่ถึงสิบนาที ตัดสินใจได้รึยังว่าจะเล่นเกมนี้กับฉันไหม?”

     

    ผมชักปืนออกมาเป็นคำตอบ แจบอมลากโต๊ะแถวนั้นมาวางคั่นระหว่างเรา ผมจ้องหน้าเอสด้วยความโกรธแค้น ที่เขาทำมันเป็นการบีบบังคับให้ผมยอมเล่นเกมนี้ ผมรู้ว่าเอสร้ายกาจ เจ้าเล่ห์และเป็นโรคจิตแต่ผมไม่คิดเลยว่าแม่งจะโหดร้ายได้ขนาดนี้ 

     

     ผมไม่รู้ว่ามีดที่กรีดข้อมือของจงอินไปนั้นมันถูกเส้นเลือดใหญ่รึเปล่า เพราะถ้าถูกเส้นเลือดใหญ่เขามีเวลาอีกไม่นานก่อนที่จะเข้าสู่สภาวะช็อค แต่ถ้าไม่ถูกเส้นเลือดใหญ่รอยแผลนั้นก็จะกลายเป็นรอยแผลเป็นในอนาคต

     

    แบคฮยอนฟังกู ออกไปจากที่นี่...” 

     

    มึงเชื่อใจกูจงอิน กูต้องชนะพวกมันให้ได้

     

                    ผมบอกเพื่อนรักก่อนจะสบตากันอย่างสื่อความหมาย จงอินถูกอูบินล็อคคอไว้ดังเดิม เขายังคงส่ายหน้าเหมือนไม่เห็นด้วยกับการกระทำของผมในครั้งนี้ ผมตั้งสมาธิก่อนที่จะรีบถอดส่วนประกอบของปืนออกมาวางไว้บนโต๊ะซึ่งเอสก็ทำแบบเดียวกัน

     

                เราถอดส่วนประกอบปืนออกมาทั้งหมดซึ่งได้แก่ แม็กกาซีนที่ใส่กระสุน โครงปืน สไลด์ปืน ลำกล้อง สลักปืนและสปริง

     

                ผมกับเอสทิ้งกระสุนจากแม็กกาซีนลงพื้นทีละลูกๆและเหลือไว้เพียงแค่หนึ่งนัด

     

                “จำได้ใช่ไหม แกต้องชนะฉันภายใน15วิเท่านั้น

     

                เอสพูดย้ำ ผมหลับตาลงเป็นการตั้งสติ อะดรีนาลีนแล่นไปทั้งร่างจนผมรู้สึกหัวใจเต้นแรงเพราะความกดดัน ผมเป่าปากหนึ่งครั้งก่อนที่จะลืมตาขึ้นช้าๆเป็นการส่งสัญญาณให้เอสรู้ ว่าผมพร้อมสำหรับเกมนี้แล้ว

     

                เกมที่เดิมพันด้วยชีวิตของคิมจงอินและหน้าที่ของผม

     

                “1”

     

                เสียงนับจากแจบอมทำให้ผมตัวเกร็งไปชั่วครู่ ความอึดอัด กดดันและตื่นเต้นตีรวนในอกจนผมรู้สึกคล้ายว่ามีของชิ้นใหญ่กดทับอยู่บนบ่า แต่เพื่อคิมจงอิน เพื่อชีวิตของเพื่อนผมต้องตั้งสติให้ได้มากกว่านี้

     

               “2” เอสยังคงยืนนิ่งๆ ใบหน้าใต้หน้ากากของเขาเป็นยังไงไม่อาจรับรู้ได้ แต่ราวกับว่าเขากำลังจ้องผมไม่วางตา

     

                เริ่ม!”

     

                สิ้นสัญญาณผมกับเอสต่างนำสปริงเข้ามาใส่ในโครงปืนพร้อมกัน  ผมไม่มีแม้แต่เวลาที่จะควบคุมมือไม่ให้สั่นด้วยซ้ำ จงอินร้องลั่นออกมาหนึ่งครั้งเพราะแจบอมเดินไปกดบาดแผลที่ข้อมือของเขาเขาอย่างแรง แม่งเอ๊ย มันตั้งใจทำลายสมาธิผมชัดๆ!

     

                “แบคฮยอน...

     

                เสียงเรียกแผ่วเบาของจงอินเป็นตัวกระตุ้นให้ผมฮึกเหิม ผมนำสไลด์ปืนเข้ามาต่อก่อนจะตามด้วยลำกล้องอย่างว่องไว เอสเองก็เร็วไม่แพ้กัน เราสูสีกันในทุกๆส่วนประกอบอย่างน่าตกใจ ก่อนที่ผมจะรีบนำแม็กกาซีนซึ่งเป็นอย่างสุดท้ายประกอบเข้าไปในตัวปืน

     

                หลังจากนั้นปืนในมือผมก็ถูกจ่อไปที่ใบหน้าของเอส

     

                ผมชนะ

     

                เอสชะงักมือที่กำลังจะใส่แม็กกาซีน ยอมรับว่าเขาเองก็มีฝีมือไม่แพ้กัน เขาว่องไวและรู้ดีว่าการประกอบปืนนั้นมีวิธีอย่างไร เขาร้ายกาจสมกับการเป็นหัวหน้าของอาชญาก

     

                “โว้ว แกชนะ” เอสบอกผมก่อนจะวางปืนในมือลง ผมชนะนั่นหมายความว่าเขาจะต้องปล่อยจงอินและยอมทำตามที่สัญญา ตอนนี้สีหน้าของจงอินซีดเผือดจนผมคิดว่าเขาไม่น่าจะทนได้นานไปกว่านี้ ตอนนั้นเองที่เอสดูนาฬิกาข้อมือของตัวเองก่อนจะเงยหน้ามองผม

     

               “แต่แกเกินเวลามา 2 วิ เสียใจด้วยนะแบคฮยอน แกแพ้แล้ว

     

                คำพูดของเอสเป็นดังเพชฌฆาตที่ทำการสังหารนักโทษ...

     

                ดั่งเป็นภาพช้าเมื่อปลายแหลมของมีดในมือของอูบินกรีดผ่านลำคอของจงอินไป สีหน้าของคิมจงอินเจ็บปวดจนผมไม่อาจประเมินได้ว่าเขาเจ็บแค่ไหน ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ผมกับเพื่อนรักยังคงสบตากันจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายที่ร่างของเขาทรุดลงไปกับพื้น

     

              ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าภาพสุดท้ายในชีวิตของคิมจงอินจะเป็นภาพเลือดที่สาดกระเซ็นออกมาจากลำคอเหมือนกับที่พ่อของผมเคยให้ไว้

              เวลาชีวิตของแต่ละคนไม่เคยเท่ากัน ผมเพิ่งประจักษ์ประโยคนี้ก็ต่อเมื่อเห็นร่างเพื่อนรักที่นอนแน่นิ่งพร้อมกับเลือดที่ไหลทะลักออกมาจากลำคอ

     

              ผมนิ่งไปเหมือนคนไร้วิญญาณ ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว มันไม่มีแม้แต่คำลาหรือสัญญาณใดว่าคิมจงอินจะจบชีวิตลงแบบนี้

     

              “ไอ้เหี้ยยย!!!!”

     

                หลังจากความสงบนิ่ง แรงระเบิดของอารมณ์ก็ทำให้ผมพ่นคำหยาบก่อนจะพยายามลั่นไก แต่เอสไวกว่า เขายกขายาวๆนั่นขึ้นมาเตะที่ข้อมือของผมจนปืนกระเด็นลงไปบนพื้น ตอนนี้ผมเหมือนคนขาดสติ ผมโกรธและอยากจะฆ่าพวกมันให้หมด ผมอยากกราดยิงพวกมัน ผมอยากฆ่ามันตอนนี้เลย!!

     

                “ลาออกจากสตาสซะแบคฮยอน แกต้องทำตามสัญญาด้วย” ผมวิ่งเข้าไปหวังถีบเอสให้กระเด็น แต่เขาเบี่ยงตัวหลบ ผมรู้สึกขัดใจทุกสิ่งรอบตัวจนอยากจะเข้าไปบีบคอมันให้ตายตามจงอินไป ผมวาดหมัดออกไปและครั้งนี้โดนสีข้างของเอสอย่างแรง

     

                ผลั่วะ!!

     

                มึงต้องการอะไรกันแน่วะ!!”

     

                ผมตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ทั้งๆที่ไม่อยากจะแสดงน้ำตาให้พวกมันเห็น แต่แรงโทสะและความเสียใจกลับทำให้มันไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผม เพื่อนรักในชีวิตเพียงคนเดียวของผม

     

                คิมจงอิน...ตายแล้ว

     

                “ฉันบอกแกไปแล้วไงว่าอยากให้แกออกจากสตาสซะ

     

                “ฝันไปเถอะ กูจะจับพวกมึงด้วยตัวเองให้ได้ กูสาบาน!!”

     

                “งั้นก็รอดูคนตายเพิ่มได้เลย

     

                ผมปล่อยหมัดออกไปอีกครั้ง ทั้งน้ำตาและความโมโหทำให้ผมต่อยผิดๆถูกๆ เอสไม่ตอบโต้กลับแม้แต่หมัดเดียว เขาทำเพียงแค่เบี่ยงตัวหลบไปเรื่อยๆเท่านั้น อูบินและแจบอมยืนมองสถานการณ์อยู่ข้างๆ เดาว่าถ้าเอสต้องการความช่วยเหลือเมื่อไหร่ สองคนนี้ก็คงจะเข้ามารุมผมแน่นอน

     

                เหอะ จะรออะไรอยู่ล่ะ เข้ามาพร้อมกันเลยสิ จะฆ่าผมตามจงอินไปเลยก็ได้!

     

                “ความจริงฉันก็ไม่ได้อยากจะฆ่ามันหรอกนะ แต่น่าเสียดายที่มันดันเห็นหน้าฉันซะก่อน

     

                ผมไม่สนใจกับคำพูดของเอส ไม่ว่ามันจะอยากฆ่าจงอินหรือไม่ แต่ชีวิตเพื่อนของผมที่เสียไปมันก็ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้แล้ว มึงจะพูดมากทำไมวะ ก็ฆ่ากูให้จบๆไปเลยสิแม่งเอ๊ย!

     

                ผมไล่ทำร้ายเอสจนกระทั่งความเหนื่อยเริ่มเข้ามาเล่นงาน พวกมันคงรอจังหวะนี้มานานแล้วเพราะเมื่อผมเริ่มหมดแรงทั้งอูบินและแจบอมก็เข้ามาหาผมทันที

     

                ผลั่ก !!

     

                แรงเตะที่ท้องทำให้ผมรู้สึกจุกล้มลง ผมพยายามจะลุกขึ้นแต่ฝ่าเท้าหนักๆของคิมอูบินก็เตะตวัดขาจนผมล้มลงไปอีกครั้ง คราวนี้แรงเตะและถีบก็กระหน่ำลงมาที่ร่างของผมเหมือนห่ากระสุน ผมโดนถีบที่ใบหน้าจนรู้สึกชาไปทั้งแถบ รับรู้เลยว่าตอนนี้คิ้วคงแตกไปแล้วและไม่แน่ว่าจมูกก็อาจจะหักด้วยเพราะเลือดของผมไหลออกมามากเกินปกติ

     

              “อั่ก...!!”

     

                ผมไม่รู้ว่าเป็นเท้าของแจบอมหรืออูบินที่เตะเข้าที่ซี่โครงจนมันรู้สึกร้าว อาการหายใจติดขัดเริ่มเกิดขึ้นเมื่อผมถูกทำร้ายจนเริ่มขาดสติ ตาของผมปิดไปข้างหนึ่ง ให้ตาย นอกจากจมูกที่หักแล้วซี่โครงของผมคงไม่ได้หักไปด้วยใช่ไหม

     

                แต่ความเจ็บของผมในตอนนี้คงเทียบไปไม่ได้กับความเจ็บของเพื่อนรัก น้องชายของเขายังนอนอยู่ในโรงพยาบาลแท้ๆ แล้วทำไม...ทำไมพวกเราจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เหตุใดการอ้อนวอนต่อพระเจ้าของผมจึงไม่เคยเป็นผลเลยซักครั้ง อย่างน้อยถ้าพระเจ้าจะทรงเกลียดผมก็ขอให้เล่นตลกกับผมคนเดียวก็พอแล้ว ทำไมต้องทำร้ายชีวิตของจงอินแบบนั้นด้วย ทำไม...

     

                “พอ

     

                เพียงแค่ประโยคสั้นๆที่เปล่งออกมาจากเอสก็หยุดฝีเท้าทั้งสองไว้ได้ในทันทีผมหายใจรวยรินมองหน้าซึ่งประดับไปด้วยหน้ากากของพวกมันทั้งสาม ผมโกรธจนทั้งร่างสั่นระริก ผมโกรธตัวเองที่ช่วยจงอินไว้ไม่ได้ โกรธตัวเองที่ไม่แข็งแรงมากกว่านี้และสุดท้ายผมเกลียดไนท์แมร์ทั้งหมดที่ทำเรื่องหยาบช้าจนเกินกว่าจะให้อภัย

     

               ตอนนั้นเองที่เอสย่อตัวลงมาหาก่อนจะจับแขนของผมเอาไว้ อูบินส่งอะไรบางอย่างให้เขา ผมหรี่ตามองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรู้ว่ามันคือ...เข็มฉีดยา

     

               ผมรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายก่อนจะข่วนเข้าที่กกหูของเอสเต็มแรงเพราะมันเป็นผิวเนื้อส่วนเดียวที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อผ้า ผมรู้ว่ามันแรงพอที่จะทำให้เกิดรอยแผลและมีเลือดซิบได้ และเลือดของเอสที่ติดอยู่ในซอกเล็บของผมก็จะเป็นหลักฐานชั้นดีในการสืบสวนหาตัวตนของเอส 

     

                ขอเพียงแค่ให้ผมได้ออกไปจากที่นี่ก่อน...ผมขอเพียงเท่านี้ 

     

               “โถ่เว้ย!!” เอสสบถก่อนที่อูบินจะเตะเข้าที่ชายโครงของผมอีกครั้งแต่เอสรีบทำมือเป็นเชิงห้าม เขาเช็ดเลือดตรงรอยข่วนลวกๆก่อนจะนั่งลงข้างผมตามเดิม “แกคงรู้ใช่ไหมแบคฮยอน ว่าเฮโรอีนน่ะได้ชื่อว่าเป็นราชาของยาเสพติด แค่ครั้งเดียวก็ทำให้ติดได้แล้ว

     

                เพียงเสี้ยววินาทีที่ผมรู้สึกเจ็บแปลบเพราะปลายเข็มแทงเข้ามาในผิวเนื้อ สารบางอย่างแล่นเข้าสู่กระแสเลือดโดยที่ผมทำได้เพียงแค่นอนหมดแรงเท่านั้น ผมรู้สึกเจ็บทั้งกายและใจจนเกินกว่าที่จะพูดสาปแช่งไนท์แมร์ออกมาในเวลานี้

     

                เฮโรอีนอย่างนั้นเหรอ? ผมถูกฉีดเฮโรอีนอย่างนั้นเหรอ?

     

                ออกจากสตาสซะ ถ้าไม่อยากเจอกับอะไรที่เลวร้ายไปกว่านี้

     

                สติของผมลดลงทีละน้อยสวนทางกับความเกลียดชังและความโกรธแค้นที่พุ่งขึ้นสูง เสียงของเอสคือสิ่งสุดท้ายในโสตประสาท มันเหมือนเป็นคำสั่ง คำข่มขู่ เสียงนั้นประทับลงในความจำก่อนที่สติของผมจะดับวูบไป...

     

           

     

                “บอสจะให้พวกเราทำอะไรต่อดีครับ?” แจบอมเอ่ยถามผู้เป็นนายหลังจากที่แบคฮยอนหมดสติ เขารู้ว่าตอนนี้เอสคงจะกังวลไม่น้อยเพราะไนท์แมร์อย่างจองอึนจีและอีแทมินถูกจับกุมได้แล้ว

     

                “แจ้งตำรวจซะ

     

                “ครับ?” ไนท์แมร์ทั้งสองคิดว่าเอสอาจสั่งให้พวกเขาเก็บซากของจงอินและแบคฮยอนซะ แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้พวกเขาขมวดคิ้วอย่างห้ามไม่อยู่

     

                “ให้พวกมันมาเก็บซากกันเอาเอง” ตอนนั้นเองที่รอยยิ้มร้ายถูกจุดชึ้นภายใต้หน้ากากสีขาว “ฉันมั่นใจว่าไอ้ชานยอลต้องมาที่นี่ ให้มันมาเห็นความร้ายกาจของเรา ในเมื่อมันคิดที่จะเล่นไม่ซื่อก็ถึงคราวที่ฉันจะตอบโต้กลับไปบ้าง

     

                เพียงแค่นึกไปถึงปาร์ค ชานยอล หนึ่งในไนท์แมร์ที่เขาเคยไว้ใจและชื่นชอบในฝีมือก็ทำให้เอสโกรธจนเส้นเลือดตรงขมับปูดโปน หากชานยอลคิดว่าจะหลอกเขาได้ ขอให้รู้ไว้ว่าเขาไม่ได้โง่อย่างที่พวกมันคิด

     

                “หมดหน้าที่แล้วก็แยกย้ายกันไปซะ

     

                อูบินรับโทรศัพท์ที่เอสเตรียมไว้ก่อนจะเดินออกไปจากโกดังแล้วกดโทรแจ้งตำรวจตามคำสั่ง แจบอมไถรองเท้าสเก็ตตามอูบินออกไปทิ้งไว้เพียงแค่ผู้เป็นนายที่ยังคงนั่งอยู่ใกล้กับร่างของแบคฮยอนเท่านั้น เมื่ออยู่เพียงลำพังฝ่ามือใหญ่ของเอสจึงลูบใบหน้าของแบคฮยอนอย่างแผ่วเบา ยิ่งเห็นรอยแผลของคนตรงหน้าหัวใจของเอสก็ยิ่งเจ็บปวดมากกว่าคนตัวเล็กซะอีก ถ้าเขาเลือกได้ เขาก็ไม่อยากทำเช่นนี้เลย

     

                เอสไม่ได้อยากทำร้ายแบคฮยอนแบบนี้เลย

     

                ภายใต้หน้ากากที่ปกปิดใบหน้าของผู้เป็นเจ้าของ เอสกำลังมองดูแบคฮยอนด้วยสายตารักใคร่ มันเป็นความรักที่เคล้าไปด้วยความเจ็บปวดและความไม่สมหวัง ที่เขาทำไปทั้งหมดก็เพื่อตัวของแบคฮยอนทั้งนั้น ยิ่งแบคฮยอนเกลียดเขามากเท่าไหร่ กลัวเขามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลให้แบคฮยอนอยากออกจากสตาสมากขึ้นเท่านั้น

     

                เขาไม่ได้โกหกที่ว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่าจงอิน ใช่ เขาไม่มีความคิดที่จะฆ่าเพื่อนรักของคนตัวเล็กเลย แต่เป็นเพราะคิมจงอินได้เห็นใบหน้าของเขาแล้วและเขายอมไม่ได้ที่จะให้แบคฮยอนรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นใคร 

     

                มันเป็นเพราะตัวตนที่แท้จริงของเอสก็ไม่ได้อยู่ไกลตัวของแบคฮยอนเลยแม้แต่น้อย ถ้าแบคฮยอนรู้ความจริง เอสไม่อยากจะคิดเลยว่าแบคฮยอนจะโกรธหรือเกลียดเขามากแค่ไหน 

     

                เขาอยากให้แบคฮยอนเกลียดเขาภายใต้ชื่อของเอส ไม่ใช่เกลียดเขาที่ตัวตนที่แท้จริง 

     

    เอสลูบบาดแผลของคนตัวเล็กอย่างเบามือ ดวงตาเรียวที่เขาชอบมอง จมูกรั้นที่เขาคิดว่าน่ารักกว่าใคร ไหนจะแก้มยุ้ยๆที่ตอนนี้เปรอะไปด้วยเลือดมันทำให้เขารู้สึกผิดจนหน่วงไปทั้งหัวใจ 

     

    แก้มที่เขาเคยสัมผัสกลับต้องมาเปื้อนเลือดเพราะเขา...เพราะเขาแท้ๆ 

     

    ตอนนั้นเองที่เอสหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันเป็นแค่วัตถุสี่เหลี่ยมที่ดูไม่น่าสนใจอะไรนัก แต่ก็เพราะสิ่งนี้ที่ทำให้เขาได้รู้ความจริงและเลิกโง่เสียที 

     

    ต้องขอบคุณพี่ที่บันทึกเสียงของตัวเองกับชานยอลเอาไว้นะ ผมถึงได้รู้ว่าไอ้ชานยอลมันคิดทรยศกับผมยังไงบ้าง

     

    หน้ากากสีขาวค่อยๆถูกปลดออกจากใบหน้าทีละน้อยก่อนจะเผยให้เห็นดวงตาเฉี่ยวคมดังที่แบคฮยอนเคยชื่นชมว่ามันสุดแสนน่ามอง น้ำตาที่เอสเคยคิดว่าหมดไปแล้วกลับไหลมาอีกครั้ง ทั้งๆที่เขาตั้งใจจะให้สายฝนในแต่ละวันร้องไห้แทนเขา แต่ความเจ็บในใจก็ยังส่งผลให้ร้องไห้ออกมาอย่างไม่เหลือคราบความร้ายกาจ

    น่าเสียดายที่แบคฮยอนไม่มีโอกาสได้รับรู้

     

    ไม่มีโอกาสได้เห็นว่าใบหน้าที่แท้จริงของเอสเป็นอย่างไร

     

                “ผมไม่ได้อยากทำร้ายพี่เลยนะพี่แบคฮยอน แต่ไอ้อันตรายที่รอพี่อยู่ในสตาสนะ น่ากลัวกว่าสิ่งที่ผมทำลงไปในวันนี้ซะอีก

     

                และชื่อจริงของเอสก็เป็นชื่อที่สุดแสนคุ้นหู เพราะแบคฮยอนเองก็เคยเอ่ยชื่อนี้ด้วยริมฝีปากของตัวเองมาแล้วตั้งแต่วัยเยาว์

     

                หวงจื่อเทา...

     

             คือชื่อจริงของหัวหน้ากลุ่มอาชญากร มันคือชื่อจริงของเอส

     

                มันเป็นชื่อจริงที่จะสร้างความเจ็บปวดให้แก่แบคฮยอนอย่างแสนสาหัสและเป็นเพราะเทารู้ถึงความจริงนี้ดี เขาจึงต้องปิดบังตัวตนเอาไว้เช่นนี้

     

                แน่นอนว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเขาไปที่บ้านของแบคฮยอนแต่มันก็เป็นแค่การนำแคนดี้ไปไว้ที่นั่นแล้วจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าจากฮู้ดสีน้ำเงินเป็นสีดำทั้งชุดก็เท่านั้น

     

                เทาไม่ได้โกหกที่เขายอมปล่อยแบคฮยอนให้รักกับคนที่แบคฮยอนเลือก แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธว่าเขายังคงต้องการความรักจากแบคฮยอนและเขายอมไม่ได้หากแบคฮยอนจะต้องตกอยู่ในอันตราย

     

                หากให้บรรยายถึงความเสียใจของเด็กหนุ่มในวันที่ได้รู้ว่าแบคฮยอนเป็นสตาส เทาคงไม่สามารถบอกถึงความเสียใจของตัวเองได้ เขารู้แค่ว่าตอนนั้นมันชาไปทั้งหัวใจและเขาก็ร้องไห้ราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้

     

                แต่นี่มันเป็นเส้นทางชีวิตที่เด็กหนุ่มเลือก เขาพยายามจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้แบคฮยอนออกจากเส้นทางที่แสนอันตรายนี้ เขาตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าแบคฮยอนยอมออกจากสตาสเมื่อไหร่เขาก็จะหยุดการเป็นไนท์แมร์เช่นกัน

        

            การริเริ่มก่อตั้งไนท์แมร์เกิดขึ้นจากความคิดของเด็กหนุ่มผู้ที่ผ่านโลกมาอย่างกระท่อนกระแท่น สิ่งที่เทาคิดว่าดีได้ทำร้ายคนไปแล้วมากมาย แต่กระนั้นสิ่งที่หวงจื่อเทาสนใจมากที่สุดก็ยังคงเป็นบยอน แบคฮยอนแต่เพียงผู้เดียว

     

                เทารู้ดีว่าคนที่อันตรายกว่าเขานั้นอยู่ในสตาส ไนท์แมร์คนที่คอยช่วยเหลือให้พวกเขาหลบหนีได้ทุกครั้ง คอยส่งข้อมูลสำคัญให้เขาตลอดนั้นอยู่ในสตาส

                และมันกำลังวางแผนทำอะไรบางอย่างกับแบคฮยอน ซึ่งเขายอมไม่ได้ที่จะให้เกิดเรื่องแบบนั้น

     

              พี่ต้องเอาใจช่วยให้ผมชนะมัน’ ให้ได้นะ

     

              เด็กหนุ่มจุมพิตหน้าผากของพี่ชายตัวเล็กอย่างแผ่วเบาก่อนจะผละออกไปทิ้งไว้เพียงแค่คำขอโทษที่กระซิบชิดใบหูขาว น้ำตามากมายหยดลงบนใบหน้าของแบคฮยอนราวกับสายฝนที่ตกลงมาเมื่อเช้านี้

     

               “ผมขอโทษนะพี่แบคฮยอน ผมขอโทษ...

     

                แบคฮยอนอาจคิดว่าวันนี้คือวันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต แต่พระเจ้าทรงอยากจะกล่าวคำแสดงความเสียใจ

     

                เพราะนี่ยังไม่ใช่วันที่เลวร้ายที่สุดหรอกนะแบคฮยอน

     

                ชีวิตของเขายังต้องพบเจอกับอะไรที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้เสียอีก

     

     

    TBC

    มีใครทายถูกบ้างงง (เพียบจ้า) เหตุผลของเทาจะได้รู้มากกว่านี้อีกแน่ๆ แล้วคนที่ร้ายกว่าเทาก็มีแน่ๆ แล้วคนโกหกก็มีแน่ๆเหมือนกัน ถ้ามีคนผิดหวังกับการเฉลยตัวตนของเอสเราต้องขออภัยด้วยนะคะ แต่เราอยากให้ทุกคนได้เข้าใจแบคฮยอน คนที่ไม่รู้อะไรเลย

    กลับไปมองที่ชื่อตอน hurt เนอะ  แต่เรา hiw ไหนๆก็มี kodhit แล้ว ก็น่าจะมี kodhiw ด้วย

    Up : 08/07/2015 #ficsee2b

               

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    © themy  butter
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×