คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : - most nights I pray for you to come home -
ในบรรดาวลีจากภาพยนตร์ที่เคยดูมาเป็นร้อย
ๆ เรื่อง ชานยอลจำประโยคนี้ได้อย่างขึ้นใจ อันที่จริงแล้ว เขาไม่ได้รู้สึกชอบหรือคิดว่าประโยคนี้ซาบซึ้งขนาดนั้นหรอก
แต่เป็นเพราะมันตรงกับชีวิตของเขามาก
มากจนถึงขนาดที่ว่าผ่านมาแล้วกว่าหกปีประโยคนี้ก็ยังกระเด้งกระดอนอยู่ในซอกของความทรงจำ
“ที่นี่เริ่มจะหนาวแล้ว
อยากกลับเกาหลีจังเลย”
เสียงหงอย ๆ ของชายหนุ่มบอกกับชานยอลแบบนั้น
สเว็ตเตอร์สีเหลืองอ่อนที่เจ้าตัวสวมใส่ทำให้ชานยอลนึกถึงลูกเจี๊ยบขนปุยที่ตัวสั่นในฤดูหนาว
แม้คนตัวเล็กจะบอกว่าอยากกลับมายังประเทศบ้านเกิด
แต่ชานยอลรู้ดีว่านัยยะที่แท้จริงนั้นคืออะไร
ชานยอลรู้ว่าแบคฮยอนคิดถึงเขา
เช่นเดียวกับที่เขาก็คิดถึงแบคฮยอน
“ตอนนี้เกาหลีก็หนาว
ถึงนายกลับมามันก็ไม่อุ่นขึ้นหรอก”
ดวงตาเรียวตวัดมองเขาผ่านโปรแกรมสไกป์
แบคฮยอนทำปากขมุบขมิบ ชานยอลเห็นริมฝีปากเล็ก ๆ นั่นเบะลงจนน่าหมั่นเขี้ยว สาบานได้เลยว่าถ้าอยู่ใกล้กันในตอนนี้ชานยอลคงจับคนน่ารักฟัดจนช้ำไปแล้ว
“แต่นายก็รู้นี่”
แบคฮยอนพูดเสียงแผ่วอย่างประหม่าแต่มันช่างชัดเจนระหว่างพวกเขาทั้งสอง
“ว่าที่นี่ไม่มีกอดอุ่น ๆ ของนาย”
แผ่นหลังของชานยอลแนบชิดไปกับพนักพิงของเก้าอี้เพื่อดูเด็กดื้อของเขาที่เขินจนแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อแต่ก็ยังอยากจะพูดสิ่งที่คิดไว้
เหมือนกับเด็กน้อยที่รู้ว่าถ้ากินทอฟฟี่แล้วฟันจะผุแต่ก็ขอให้ได้กิน
“ถึงที่เกาหลีจะหนาว
แต่ถ้า...แต่ถ้าเรากอดกันมันก็จะอุ่นนะ”
แบคฮยอนหันหน้าหนีกล้องทันทีหลังจากพูดจบ
เขาก็แค่หลบสายตาชานยอล แบคฮยอนรู้ดีว่าคนตัวสูงจะต้องมองเขาด้วยสายตาแพรวพราวที่เต็มไปด้วยความเจ้าชู้ซึ่งนั่นจะทำให้เขาเขินกว่าที่เป็นอยู่
แต่คนตัวเล็กไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ตนพูดออกไปนั้นได้ทำให้เกิดแผ่นดินไหวระดับร้ายแรงที่สุดในหัวใจของชานยอล
และรอยยิ้มที่หลุดออกมาจากริมฝีปากน่ารักนั่นก็คืออาฟเตอร์ช็อค
ปาร์คชานยอลโดนน็อคเอาท์กลางอากาศไปแล้ว
ด้วยเหตุผลนี้ ประโยคจากภาพยนตร์ข้างต้นจึงเข้ากับชีวิตของคนตัวสูงยิ่งกว่าอะไร
ช่วงที่คบกันแรก ๆ ชานยอลคิดว่าเขาเป็นผู้นำและเป็นผู้ครอบครองแบคฮยอน
แต่หลังจากเวลาผ่านไปกลับกลายเป็นเขาที่ถูกคนตัวเล็กครอบครองไปทั้งร่างกายและหัวใจ
ชานยอลยอมรับว่าเขาน่ะรักแบคฮยอนแบบที่เรียกได้ว่าหัวปักหัวปำ รักแบบถอนตัวไม่ขึ้น
สิ่งที่คุณครอบครอง
จะย้อนกลับมาครอบครองคุณ
แบคฮยอนทำให้ชานยอลเข้าใจอย่างสุดซึ้งเลยล่ะ
“ใครสอนให้พูดจาเลี่ยน
ๆ แบบนี้หือ?”
เมื่อคนตัวสูงถามร่างเล็กจึงหันกลับมามองกล้องอีกครั้ง
เสียงของชานยอลทุ้มเป็นเอกลักษณ์ แบคฮยอนน่ะชอบเสียงของชานยอลมากกว่าเพลงของบรูโน่
มาร์สซะอีก
“ก็ฉันคิดถึงนายนี่นา”
และเสียงของแบคฮยอนเองก็เป็นสิ่งที่ชานยอลชอบฟังมากกว่ากีตาร์ตัวโปรดเช่นกัน
“อีกสามวันนายก็จะกลับมาแล้วนี่
อดทนหน่อย”
“ถ้าฉันไปถึงแล้วนายจะทำสปาเกตตี้ให้ฉันกินใช่ไหม?”
“แน่นอนครับ” ดวงตาเรียวเป็นประกายวิบวับเมื่อได้ยินดังนั้น
สปาเกตตี้ของชานยอลน่ะอร่อยที่สุดในโลกเลยนะ!
“แล้ว…แล้วนายจะไม่ใส่มะเขือเทศใช่ไหม”
“ครับ ไม่ใส่”
“แล้วเราก็จะนั่งดู about
time ด้วยกันเนอะ”
ดวงตาเรียวเล็ก สันจมูกโด่งกับแก้มยุ้ย ๆ นั่นมันน่าฟัดเป็นบ้า แถมยังดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะย้อมสีผมใหม่อีกด้วย
แบคฮยอนน่ะน่ารักจนชานยอลแทบคลั่ง แต่เขาไม่เคยชมให้คนตัวเล็กได้ใจหรอก ถ้าให้พูดกันตามตรงแล้วล่ะก็
นิสัยของแบคฮยอนไม่ได้มีอะไรที่เหมือนกับหญิงสาวเลย แต่คงเป็นเพราะหางตาตก ๆ นั่นล่ะมั้งที่ทำให้ชานยอลเอ็นดูแบคฮยอนมากขนาดนี้
“นายจะได้ทำทุกอย่างที่อยากทำเลย”
“ฮื่อ…อยากให้สามวันนี้ผ่านไปเร็ว ๆ จัง”
เสียงงุ้งงิ้งทำให้คนตัวสูงระบายยิ้มบางเบา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่แบคฮยอนก็ยังน่ารักเสมอ
นั่นเองที่ทำให้เขานึกถึงวันแรกที่ได้พบกัน
ชานยอลจำได้ดีว่าวันนั้นเขาเกือบต่อยแบคฮยอนที่ทำน้ำแดงหกใส่เสื้อนักเรียนตัวใหม่ของเขา
แบคฮยอนขอโทษเขาไม่หยุด
แต่แน่นอนว่าคนใจร้อนอย่างปาร์คชานยอลยังคงโวยวายอย่างไม่ลืมหูลืมตาสุดท้าย
แบคฮยอนที่ยอมอ่อนข้อให้มาโดยตลอดจึงถามเขากลับด้วยสีหน้าเนือย ๆ
ราวกับไม่ทุกข์ร้อนกับอารมณ์ขุ่นมัวของคนตัวสูง
‘ก็ขอโทษแล้ว จะเอาอะไรอีกวะ?’
มันเป็นประโยคที่กวนประสาทจนน่ากระทืบในความคิดของชานยอล
หลังจากวันนั้นเขาจึงพยายามหาเรื่องแกล้งแบคฮยอนทุกครั้งที่มีโอกาสให้สมกับความหมั่นไส้ที่มีต่อคนตัวเล็กนั่น
แต่ทุกคนก็ต้องประหลาดใจเมื่อพวกเขาตกลงคบกันในวันปิดเทอมของม.ต้นปีสุดท้าย
ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขารักกันตอนไหนหรือใครเป็นฝ่ายตกหลุมรักใครก่อน
ชานยอลและแบคฮยอนเองก็ไม่เคยต้องการที่จะเฉลยข้อสงสัยเหล่านั้น
เมื่อจบม.ปลายแบคฮยอนตัดสินใจไปเรียนต่อด้านศิลปะที่ฝรั่งเศส
ส่วนชานยอลเลือกเรียนสถาปัตย์ต่อที่โซล เขาไม่เคยห้ามที่คนตัวเล็กจะจากเขาไปไกลถึงคนละฟากทวีป
แม้ความคิดถึงและความเหงาจะเกาะกินจิตวิญญาณเขาในทุกวันก็ตาม
แต่ชานยอลเชื่อ เชื่อว่าความรักที่แท้จริงมันจะไม่ทำลายความฝันของกันและกัน
“ฉันจะกลับไปให้ทันวันเกิดนายนะชานยอล
ฉันจะได้ให้ของขวัญนายเป็นคนแรก”
เสียงใสบอกชานยอลพร้อมกับกระชับผ้าพันคอสีขาว
กำหนดการณ์กลับเกาหลีของแบคฮยอนคือวันที่ 26 พฤศจิกายน และชานยอลเองก็จำไฟลท์บินของแบคฮยอนได้ขึ้นใจ
“สัญญาแล้วนะ”
“อื้อ สัญญาเลย” คนตัวเล็กยิ้มกว้างเป็นเครื่องยืนยันก่อนจะอ้าปากหาวโดยไม่ปิดปาก
ไม่แคร์ว่าชานยอลจะเห็นไปถึงที่ครอบฟันของเขา “ฉันจะไปนอนแล้วนะ
แล้วก็สามวันนี้คงยุ่งอยู่กับการเก็บของอ่ะ เราคงไม่ได้คุยกันแน่ๆ”
ตาของแบคฮยอนปรือมากแล้วในขณะที่พูดประโยคนี้
เวลาที่ฝรั่งเศสช้ากว่าที่เกาหลีถึงแปดชั่วโมง ชานยอลเข้าใจดีหากว่าแบคฮยอนจะง่วงระหว่างที่คุยกับเขา
“ไปนอนเถอะ
ไว้เจอกันนะ”
“ครับ แล้วเจอกัน J”
แบคฮยอนโบกมือลาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะออฟไลน์
สิ่งที่ชานยอลทำในตอนนี้ก็เพียงแค่นับเวลาถอยหลังเท่านั้น
ชานยอลไม่เคยเสียดายเวลาสี่ปีที่ไม่ได้เจอกัน
เพราะนับแต่นี้ต่อไปพวกเขาจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งชีวิต
ชานยอลตั้งใจไว้แล้วว่าเมื่อคนตัวเล็กมาถึงเขาจะขอแบคฮยอนแต่งงาน
………
26 พฤศจิกายน 08:22 น.
แบคฮยอนจะมาถึงสนามบินอินชอนในเวลาสิบโมง
เมื่อคืนนี้ชานยอลตื่นเต้นจนนอนแทบไม่หลับแถมยังตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดีเลยด้วยซ้ำ
คนตัวสูงวางแผนไว้ว่าจะไปซื้อวัตถุดิบทำสปาเกตตี้และพาแบคฮยอนไปเช่าหนังมาดูด้วยกัน
แต่บางทีเขาน่าจะให้แบคฮยอนนอนพักผ่อนก่อนสิ อ่า เขานี่มันตื่นเต้นเกินไปแล้ว
ชานยอลดื่มกาแฟกับขนมปังปิ้งเป็นอาหารเช้าก่อนจะปิดโทรทัศน์ที่กำลังฉายเพลงของเกิร์ลกรุ๊ปหน้าใหม่
บางทีเขาน่าจะอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปสนามบินเสียตั้งแต่ตอนนี้
ถึงแม้ว่าจะเหลือเวลาอีกกว่าสองชั่วโมงก็ตาม
คนตัวสูงใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่แบคฮยอนเคยซื้อให้ในวันเกิดอายุครบสิบแปดปี
ชานยอลเคยใส่มันไม่กี่ครั้งด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวมันจะเก่า แบคฮยอนต้องแปลกใจแน่ ๆ ที่เขาใส่เสื้อตัวนี้ไปรับเจ้าตัวที่สนามบิน
แค่นึกถึงใบหน้าน่ารักก็ยิ่งทำให้เขาอยากเจอคนตัวเล็กเสียเดี๋ยวนี้
ในกระเป๋ากางเกงของชานยอลวันนี้ไม่ได้ว่างเปล่าแต่กลับบรรจุแหวนวงสวยที่ถูกเก็บไว้ในกล่องอย่างดี
ชานยอลหลงรักนิ้วเรียวสวยของแบคฮยอน และเขามั่นใจว่าแหวนของเขาเหมาะกับนิ้วของคนตัวเล็กที่สุดแล้ว
ระหว่างที่ชานยอลเดินลงมาจากบันได
ในตอนนั้นเองที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาเดาว่าต้องเป็นคนตัวเล็กที่โทรมาส่งเสียงใส
ๆ ถามเขาว่าออกจากบ้านหรือยัง แต่ผิดคาด ไม่ใช่แบคฮยอนแต่เป็นลู่หาน
เพื่อนสนิทของเขาแทน
“ไง”
[มึงอยู่ไหน?!] ลู่หานตะคอกถามจนชานยอลต้องละให้โทรศัพท์ออกจากใบหู มันไม่ใช่การตะคอกที่โกรธเกรี้ยวแต่เป็นการร้อนใจเสียมากกว่า
“อยู่บ้าน มึงมีอะไร?”
[เดี๋ยวกูไปหา
มึงรอแป๊บนะ]
“เดี๋ยวไอ้ลู่
มึงจะมาหากูทำไม วันนี้กูไม่ว่าง มึงก็รู้”
[ชานยอลมึง…]
“กูไม่อยากให้แบคฮยอนรอนาน
มึงค่อยมาวันหลังละกัน”
[ไอ้ชาน
มึงเปิดทีวีอยู่เปล่าวะ] เสียงของลู่หานอ่อนลง นั่นยิ่งทำให้คิ้วเข้มของชานยอลขมวดเข้าหากันอย่างใคร่สงสัย
“เปล่า”
[ชิบหาย…]
“มีไรวะ”
[มึง…ไปเปิด]
คำสั่งของลู่หานทำให้ชานยอลแปลกใจมากยิ่งขึ้น
เขาก้มดูนาฬิกาข้อมือ ยังพอเวลาอีกมากก่อนที่จะไปรับคนรัก ชานยอลถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเปิดโทรทัศน์
มันมีอะไรน่าสนใจพองั้นหรือ เพื่อนรักของเขาจึงได้โทรศัพท์มาขนาดนี้ ตอนนั้นเองที่ภาพบนจอปรากฏขึ้น มันไม่ได้ฉายรายการเพลงอย่างก่อนหน้าแต่กลับถูกแทนที่ด้วยข่าวด่วน
“เมื่อเวลา 08:40
น. เครื่องบินโบอิ้ง 221 RE-H3 เที่ยวบิน AR19 ของสายการบินโคเรียฟรานซ์แอร์ไลน์
ได้เกิดอุบัติเหตุเครื่องตกหลังจากเกิดเหตุขัดข้อง หลังการตรวจสอบไม่พบผู้รอดชีวิต
ในขณะนี้ทางการได้…”
เหมือนมีเสียงหวีดแหลมเกิดขึ้นในแก้วหูของชานยอล
คล้ายว่าถูกมือที่มองไม่เห็นเหวี่ยงเขาไปกระแทกกับผนังจนเสียศูนย์ ชานยอลไม่สนใจว่าผู้ประกาศข่าวพูดอะไรหลังจากนั้น
ไม่สนใจแม้แต่เสียงของลู่หานที่ตะโกนอยู่ข้างหูว่าจะมาหาเขา
ไฟลท์ที่ชานยอลจำได้ขึ้นใจ
จำได้แม้กระทั่งตัวเลขทุกตัวของชื่อเครื่อง มันต้องเป็นเที่ยวบินที่พาแบคฮยอนกลับมาหาเขาไม่ใช่เหรอ
แล้วทำไม...
ไม่พบผู้รอดชีวิต
เขาไม่อยากเชื่อว่าทุกอย่างคือเรื่องจริง
ในหัวใจของชานยอลชาหนึบไปทุกส่วน
เขายังคงยืนนิ่งเหมือนกับว่าเท้าได้ถูกตรึงติดไว้กับพื้น
แต่ภายหลังจากความสงบนิ่ง
คลื่นยักษ์ก็ถาโถมซัดทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลอง
ความโศกเศร้าครอบงำจนชานยอลขาดสติ
เขาปาโทรศัพท์ในมือทิ้ง ขายาวถีบทีวีจนหล่นจากชั้นวาง เขากรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดกัดกินหัวใจจนยากที่จะรับมือไหว
ชานยอลปัดของทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะหรือแม้แต่กรอบรูปของแบคฮยอนก็ถูกเขาเขวี้ยงจนแตกกระจาย
เหมือนไม่ใช่เพียงแค่กรอบรูปที่แตกละเอียด
แต่หัวใจของชานยอลก็เช่นกัน
เขาเหมือนคนบ้าคลั่งที่ทำลายข้าวของ เป็นดังพายุเฮอร์ริเคนที่พร้อมจะทำลายล้างทุกอย่าง
ในตอนนั้นเองที่น้ำตาหยดแรกไหลออกมากระทบผิวแก้ม
แต่ชานยอลไม่ได้สนใจจะปาดมันออกเสียด้วยซ้ำ
เขาหยิบรูปแบคฮยอนที่แตกกระจายด้วยฝีมือของตัวเองขึ้นมากอดไว้แนบอก ชานยอลทรุดลงกับพื้นราวกับขายาวนั้นไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
“ทำไม…”
ภายในใจของชานยอลนั้น
เขากำลังกล่าวโทษต่อพระเจ้าว่าทำไมถึงได้พรากคนที่เขารักไป
เหตุใดพระองค์จึงไร้ซึ่งเมตตา ทั้ง ๆ ที่อีกไม่ถึงสองชั่วโมงพวกเขาจะได้เจอกันแล้วแต่พระองค์ก็ทำลายทุกความสุข
ชานยอลรู้สึกถึงกล่องสี่เหลี่ยมในกระเป๋ากางเกงที่มาสัมผัสกับต้นขา
เขาหยิบมันออกมาก่อนจะขว้างมันลงพื้นอย่างไม่ใยดี
แบคฮยอนตายแล้ว
“ทำไม…ทำไมมมมมมม!!!!!”
พร้อมกับชานยอลที่เหมือนตายทั้งเป็น
……
00:00 น.
27 พฤศจิกายน
วันเกิดครบรอบยี่สิบสามปีของชานยอล
‘ฉันจะกลับไปให้ทันวันเกิดนายนะชานยอล
ฉันจะได้ให้ของขวัญนายเป็นคนแรก’
‘สัญญาแล้วนะ’
‘อื้อ สัญญาเลย’
สัญญาที่แบคฮยอนให้ไว้ฝังอยู่ในหัวใจของชานยอล
คนตัวเล็กบอกว่าจะเป็นคนแรกที่นำของขวัญมาให้ แต่แบคฮยอนก็ผิดสัญญา
‘ครับ แล้วเจอกัน J’
แบคฮยอนบอกว่าเราจะได้เจอกัน
แต่คนตัวเล็กก็ผิดคำพูด
ชานยอลขดตัวนอนร้องไห้ข้างโซฟาสีน้ำตาลซึ่งเป็นสีโปรดของแบคฮยอน
เขาไล่ลู่หานที่มาหาด้วยความเป็นห่วงให้กลับไป
ชานยอลไม่แม้แต่จะปิดประตูบ้านที่ลู่หานเปิดทิ้งไว้
เขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะลืมตาด้วยซ้ำ
“ชานยอล...”
เสียงใสที่เขาจำได้ดีดังขึ้นจากหน้าประตู
ชานยอลเบิกตาโพลง แบคฮยอนยิ้มให้เขาก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาหา
“มานั่งทำอะไรตรงนี้?”
“นาย…นายยังไม่ตาย” นอกเหนือจากความงุนงงคือความดีใจ
ชานยอลปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะคุกเข่าแล้วจับไหล่ของแบคฮยอนทั้งสองข้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
แบคฮยอนยิ้มขำพลางจับมือใหญ่มากอบกุมไว้
“ลุกขึ้นมาเถอะชานยอล
ฉันมีของขวัญจะให้นายด้วยนะ”
ชานยอลลุกขึ้นพร้อมกับคนตัวเล็ก
แบคฮยอนสวมแหวนเงินเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขาก่อนจะจุมพิตลงบนฝ่ามือ เขาจับตามองทุกความเคลื่อนไหวของคนตัวเล็ก
รอยยิ้มที่ชานยอลตกหลุมรักประดับอยู่บนใบหน้าจิ้มลิ้ม แบคฮยอนสบตาราวกับต้องการบอกทุกความรู้สึกในใจ
ในวินาทีนั้นเองที่คนตัวเล็กเขย่งปลายเท้าเพื่อมอบสัมผัสอบอุ่นที่ริมฝีปาก ความสุขทำให้ชานยอลตระหนักได้ว่าแบคฮยอนยังไม่ตาย
แบคฮยอนกลับมาหาเขา และพวกเขาจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปด้วยกัน
และวันเกิดของชานยอลในปีนี้
แบคฮยอนก็ยังคงอยู่เคียงข้างเขา
27 พฤศจิกายน 16:50
น.
ชานยอลลืมตาขึ้นมาพร้อมอาการเจ็บคอและคัดจมูกคล้ายจะเป็นหวัด
มือใหญ่ส่งไปควานหาคนตัวเล็กข้างกายแต่มันกลับว่างเปล่า ดวงตากลมโตลืมขึ้นก่อนจะมองไปรอบ
ๆ เขาจำได้ว่าเมื่อคืนนี้เขาพร่ำบอกรักแบคฮยอนและนอนกอดไว้ทั้งคืน
แต่ชานยอลกลับพบว่าเขายังคงอยู่ที่ข้างโซฟาและมีรูปแบคฮยอนที่เขากอดไว้แนบอกไม่ต่างจากเมื่อวานสักนิด
คนตัวสูงลุกขึ้นรวดเร็วจนอาการปวดหัวเข้าเล่นงานแต่เขาไม่สนใจ
ชานยอลเดินตามหาคนรักจนทั่วแต่ไม่พบ เขาพยายามนึกจนคิ้วเข้มขมวดเป็นปมแน่น ก้มดูนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองแต่มันกลับไร้ซึ่งแหวนที่สมควรจะอยู่
ไม่มีแหวน ไม่มีแบคฮยอน ไม่มีของขวัญ
มีเพียงตัวเขาที่ยังคงโง่งมอยู่แบบนั้น
เขาก็แค่ฝันไป แบคฮยอนไม่ได้กลับมา
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตากลมโตอีกครั้งเมื่อความจริงกระจ่าง
ในวินาทีนั้นเองที่ชานยอลคิดว่าเขาควรทำอะไรสักอย่าง
อะไรก็ได้ที่จะทำให้เขาได้พบกับแบคฮยอน
ชานยอลหยิบกระปุกยานอนหลับที่เขาเก็บไว้ออกมาจากตู้ยา
เม็ดยามากกว่ายี่สิบเม็ดอยู่ในมือใหญ่และอีกไม่กี่วินาทีมันก็จะเข้าไปอยู่ในร่างกายของเขา
รอฉันอีกนิดนะที่รัก
ฉันจะไปหานายแล้ว
โครม!!!
เสียงโครมครามจากหน้าประตูทำให้ชานยอลสะดุ้งจนยาหล่นจากมือ
เขาถอนหายใจแรง ๆ อย่างหัวเสียที่ถูกขัดจังหวะ บางทีอาจจะเป็นแมวของคุณลุงคิมบ้านข้าง
ๆ ที่ชอบมาทำลายข้าวของบ้านเขา วันนี้ล่ะเขาจะจัดการมันให้สิ้นซาก
แต่เมื่อเขาเดินมาจนถึงหน้าประตู
มันกลับไม่ใช่แมว ไม่ใช่อะไรอย่างที่เขาจินตนาการเอาไว้
“ชานยอล…”
เสียงใส ๆ ของคนตรงหน้าเอ่ยเรียกแผ่วเบา
ชานยอลแค่นหัวเราะอย่างสมเพชตัวเอง นี่เขาคงใกล้บ้าไปแล้วจริง ๆ ถึงได้เห็นภาพหลอนของแบคฮยอนสองครั้งภายในวันเดียว
แถมภาพหลอนครั้งนี้ยังใส่เสื้อแขนยาวสีน้ำเงินที่เขาเคยซื้อให้เสียด้วย แต่แน่นอนว่าเขาจะไม่หลงกลมโนภาพเหล่านี้อีกแล้ว
ชานยอลเดินเข้าไปใกล้ร่างเล็กก่อนจะลูบหัวด้วยความทะนุถนอม
“รอฉันหน่อยนะแบคฮยอน
ฉันกำลังจะไปหานายแล้ว”
“หาอะไร?
ฉันก็มาแล้วนี่ไง แล้วทำไมบ้านรกแบบนี้?”
แบคฮยอนจับข้อมือใหญ่ให้ออกจากศีรษะ
ดวงตาเรียวคู่นั้นเต็มไปด้วยความสงสัย สัมผัสอุ่นตรงข้อมือทำให้ชานยอลชะงัก เขาจ้องมองคนตัวเล็กนิ่งจนแบคฮยอนเริ่มหวั่นใจ
“โกรธที่ฉันมาช้าเหรอ
ขอโทษ...”
“…”
“ยังไม่มีใครให้ของขวัญตัดหน้าฉันใช่ไหม?”
“…”
“ชานยอลโกรธฉันเหรอ…”
น้ำเสียงหงอย ๆ บวกกับหางตาตก ๆ นั่นทำให้ชานยอลนิ่งมากกว่าเดิม
สมองของเขากำลังประมวลผลว่านี่คือเรื่องจริงหาใช่ความฝัน
“…”
“คือเมื่อวานฉันตกเครื่องแล้วก็ทำโทรศัพท์หายตอนที่จะไปสนามบินอีก
กว่าจะจัดการเรื่องเที่ยวบินใหม่ได้มันก็เลยช้าแบบนี้อ่ะ
แล้วฉันก็อยากเซอร์ไพรส์นายด้วยเลยไม่ได้บอกให้นายไปรับ”
“…”
“ย่าห์…พูดอะไรบ้างเซ่”
ไร้ซึ่งคำพูดชานยอลดึงร่างเล็กเข้าไปกอดจนคนตัวเล็กแทบจมหายไปในอก
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตากลมโตอีกครั้ง ความสุขและความโล่งใจเอ่อล้นจนเขาไม่อาจเก็บไว้ได้
“เห้ย ร้องไห้ทำไมเนี่ย?”
แบคฮยอนถามอย่างตกใจเมื่อคนเห็นน้ำตาของคนรัก
“ดีใจ…ดีใจที่นายกลับมา”
“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะ เป็นคนขี้แยตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ”
มือเล็กเช็ดน้ำตาให้คนตัวสูงพร้อมกับยิ้มขำ
เขาไม่คิดมาก่อนว่าชานยอลจะดีใจขนาดนี้ แบคฮยอนผละออกจากอ้อมแขนของชานยอลก่อนจะหยิบกล่องของขวัญให้คนตัวสูง
“สุขสันต์วันเกิดนะคนเก่งของฉัน
มีความสุขมาก ๆ ล่ะ แล้วก็รักฉันให้มาก ๆ ด้วย”
“นี่คำอวยพรเหรอหือ?”
“ใช่!”
ชานยอลขำออกมาน้อย ๆ เมื่อคนตัวเล็กยิ้มจนตาหยีเพื่อยืนยันคำพูดของตน
แบคฮยอนพยักหน้าเร็ว ๆ เป็นเชิงสั่งให้ชานยอลแกะห่อของขวัญในมือ
คนตัวสูงทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะพบว่าข้างในนั้นบรรจุสร้อยคอที่มีจี้สลักตัว CB ไว้ด้วยกัน
“ฉันรู้ว่านายไม่ชอบใส่
แต่เราไม่ได้เจอหน้ากันตั้งเกือบสี่ปีนะ เพราะฉะนั้นนายต้องตามใจฉัน”
คนตัวเล็กหยิบสร้อยออกจากมือหนาก่อนจะเขย่งเพื่อใส่สร้อยให้ชานยอล
กลิ่นกายหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของแบคฮยอนที่ชานยอลโหยหามาตลอดลอยเข้าจมูกเหมือนเป็นเครื่องยืนยันว่าแบคฮยอนอยู่ตรงหน้าเขาจริง
ๆ แบคฮยอนยืนอยู่ตรงนี้และยึดครองพื้นที่ทุกตารางนิ้วในหัวใจของเขา
แบคฮยอนกลับไปยืนตามเดิมเมื่อใส่สร้อยให้คนรักเรียบร้อย
ชานยอลมองตามทุกการกระทำของคนตัวเล็กที่ส่งยิ้มอ่อนหวานให้เขา
วินาทีนั้นเองที่เหมือนกับว่าชานยอลจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“แป๊บนะ”
ชานยอลเดินไปทั่วชั้นล่างแหวกตามเศษซากข้าวของที่พังกระจายจากฝีมือของเขาท่ามกลางสายตางุนงงของแบคฮยอน
ไม่นานคนตัวสูงก็หยิบเอากล่องเล็ก ๆ จากพื้นมาถือไว้ในมือ
เขากุมมือเล็กเอาไว้
เคยมีคนบอกว่าขนาดมือของพวกเขานั้นเหมาะสมกันจนน่าอิจฉา แต่ชานยอลคิดว่าคนเหล่านั้นคิดผิด
เพราะพวกเขาไม่ได้เหมาะสมกันเพียงแค่ขนาดมือ
แต่เหมาะสมกันทุกสัดส่วนไม่เว้นแม้กระทั่งปลายเส้นผม
“แต่งงานกับฉันนะ
แบคฮยอน”
แบคฮยอนอ้าปากค้างไปแล้วตอนที่เขาเอ่ยปากแบบนั้น
ราวกับเกิดแผ่นดินไหวระดับร้ายแรงที่สุดในหัวใจของชานยอลเมื่อแบคฮยอนเอ่ยเสียงใส ๆ
ออกมา
“อื้อ”
และรอยยิ้มของแบคฮยอนนั้นก็เป็นดังอาฟเตอร์ช็อค
เขาบรรจงสวมแหวนลงไปที่นิ้วเรียวก่อนจะมอบจุมพิตประทับลงไปที่หลังมือนุ่ม
การสบตาของทั้งสองเป็นเหมือนขั้วแม่เหล็กที่ดึงดูดเข้าหากันจนกระทั่งริมฝีปากของพวกเขาแนบสนิทและมอบสัมผัสอันแสนหวานให้ซึ่งกันและกัน
“ฉันรักนาย”
“ฉันก็รักนาย”
พวกเขารักกันนั่นคือข้อเท็จจริง
“แต่ก่อนอื่นไปเก็บบ้านเลยชานยอล
แล้วอธิบายด้วยว่าเป็นบ้าอะไรข้าวของถึงพังแบบนี้”
“ได้เลยครับ”
แค่มีกันและกันพวกเขาก็พอใจ
ชานยอลกำลังวางแผนว่าในอีกสี่สิบปีข้างหน้า เขาก็จะยังคงลืมตาขึ้นมาเพื่อบอกรักแบคฮยอนอีกอยู่ดี
เพราะบยอนแบคฮยอน คือของขวัญที่พิเศษที่สุดสำหรับปาร์คชานยอล
END
สุขสันต์วันเกิดนะชานยอล ♡
นี่คือชอร์ทฟิคเรื่องแรกของเราค่ะ ภาษาและเนื้อเรื่องอาจจะยังไม่ดีนัก
แต่เราจะพยายามพัฒนานะคะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ
Up:
27/11/2014 #fellascb
ความคิดเห็น