ปราชญ์หญิงพลิกแผ่นดิน
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ผู้แต่ง : violavela
My.iD :
https://my.dek-d.com/violavela/writer/
ตอนที่ 19 : ลุกฮือ
ลุกฮือ
หลังจากปิดชายแดนติดต่อกับฉู่ เว่ยก็เริ่มแผนซื้อคนในราชสำนักของฉู่ให้สนับสนุนการเพิ่มภาษีในแคว้น ถึงอ๋องฉู่จะไม่อยากทำแต่เพื่อหาเบี้ยเลี้ยงมาบำรุงกองทหารเพื่อกันการต่อต้านในกองทัพจึงไม่อาจขัดได้ ทั้งยังปิดปังความเป็นจริงที่รายงานเข้าไปเมืองหลวงทำให้เกิดการเก็บภาษีขึ้นอีกในฤดูฝน ซึ่งต้องเริ่มมีการเพาะปลูกแต่ไม่อาจหาเมล็ดพันธุ์ได้ ชาวบ้านจึงเกิดความไม่พอใจมากขึ้น เว่ยสบโอกาสก็ส่งคนเข้าไปในแคว้นฉู่เพื่อยุยงปลุกปั่น เริ่มต้นมีการต่อต้านราชสำนักฉู่ของผู้คนจากชายแดนค่อยๆลามเข้าไปยังเมืองชั้นใน ฉู่ต้องยกทหารเข้าปราบปรามทำให้ชาวบ้านยิ่งไม่พอใจสุดท้ายลุกฮือขึ้นมาก่อการ เว่ยก็ลอบส่งเงินทุนสนับสนุนแกนนำที่ก่อกบฏของแคว้นฉู่สุดท้ายแม้แต่ทหารก็ยังมาเข้ากับกลุ่มกบฏ ส่วนทางเหนือทู่เจียก็ลุกคืบเข้ามาหนักขึ้นโดยเว่ยสัญญาจะแบ่งครึ่งหนึ่งให้กับทู่เจียปกครอง
ระหว่างสร้างความวุ่นวายให้ฉู่ เว่ยก็เร่งปรับปรุงการปกครองในแคว้นเทียนเฉาเดิม ส่วนแคว้นฉินก็ให้ขุนนางเก่าปกครอง เพียงแต่ไม่มีอำนาจทางการทหาร ซึ่งขุนนางเก่าฉินก็ยินดีถึงแม้อำนาจและตำแหน่งจะลดลง แต่ผลประโยชน์นั้นได้มากกว่าตอนที่ยังเป็นแคว้นฉินซะอีก ด้วยการนี้ขุนนางในฉี อั๋น ฉู่ จึงเข้ากับทางเว่ยมากขึ้นจากการเห็นตัวอย่างในฉิน แม้แต่แคว้นหยวนก็เริ่มมีผู้เอนเอียงลักลอบติดต่อกับเว่ย
"คุณหนูอยู่นิ่งๆสิ เจ้าค่ะ "ไห่ถัง
"ก็ข้า จั๊กกะจี้นี้ แทนที่จะพากันไปดูแลร้าน กลับพากันมาจับข้าอาบน้ำนี้นะ"เหมยฮวา
" คุณหนูไม่รู้อะไร นายท่านสั่งปิดทุกร้านเพื่อเลี้ยงฉลองให้กับคุณหนูนะเจ้าค่ะ"ฉู่ฉู่
"แต่ไม่เห็นจะต้องทำยิ่งใหญ่อะไรเลยนี้ เปลืองเปล่าๆ สู้เอาเงินจัดเลี้ยงไปซื้อของแจกจ่ายคนยากไร้ซะยังดีกว่า"เหมยฮวา
"ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ งานฉลองครบสิบห้าปีของคุณหนูตระกูลหลี่ทำเล็กๆได้ซะที่ไหนกันล่ะเจ้าค่ะ"ฉู่ฉู่
"ใช่เจ้าค่ะ งานของตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองชิงไห่ เผลอๆอาจมีชื่อระดับต้นๆของแคว้นจะน้อยหน้าใครได้อย่างไรกันล่ะเจ้าค่ะ เสร็จแล้ว"ไห่ถัง
"มาเจ้าค่ะ เช็ดตัวก่อน จะได้แต่งตัวด้วยชุดใหม่"ฉู่ฉู่
ตอนนี้ข้าก็มาอยู่ที่นี้ได้สิบห้าปีแล้วซินะ ภาพสะท้อนที่อยู่บนแผ่นทองเหลืองเป็นสิ่งยืนยันได้อย่างชัดแจ้ง ว่าข้าได้กลายมาเป็นใครอีกคนหนึ่งที่ชื่อว่า เหมยฮวา ถึงแม้ว่าข้าจะทำใจยอมรับความจริงได้แล้ว แต่ก็มีบ้างที่หวนนึกถึงวันต่างๆในภพก่อน ถ้าไม่มีความทรงจำของภพที่แล้วก็คงดี จะได้ไม่ต้องมีเรื่องให้นึกถึง
"เสร็จแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูของข้าสวยยิ่งนัก"ฉู่ฉู่
"พวกเจ้าไม่ต้องมายกยอข้าหรอก ฮิๆ"เหมยฮวา
"ก็คุณหนู สวยจริงๆนี้เจ้าค่ะ ชายหนุ่มคนไหนได้มาเห็นจะต้องตกตะลึ่งอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ"ไห่ถัง
"แล้วยังไง สำหรับข้าเรื่องพวกนี้ไม่เคยอยู่ในหัวซักนิด"เหมยฮวา
"ไม่ได้นะเจ้าค่ะ คุณหนู ตอนนี้ต้องคิดไว้บ้างนะเจ้าค่ะ"ไห่ถัง
"ใช่เจ้าค่ะ ข้าได้ข่าวว่าไม่เพียงแค่ในเมืองชิงไห่แม้แต่ตระกูลในเมืองอื่น ต่างก็อยากได้คุณหนูของข้าไปเป็นสะใภ้กันทั้งนั้น"ฉู่ฉู่
"ฉู่ฉู่พูดถูกเจ้าค่ะ ก็มีแต่พวกขี้อิจฉาเท่านั้นล่ะที่มะ......"ไห่ถังกำลังจะพูดต่อแต่ต้องหยุดเพราะโดนฉู่ฉู่สะกิด
"พูดมาเถอะ ข้าอยากฟัง"เหมยฮวาเริ่มหันมาสนใจ
"เอ่ออ"ไห่ถัง
"ไม่ต้องกลัวว่าข้าจะโกรธหรอก พูดมาเถอะ พวกเจ้าก็รู้ว่าข้าไม่เคยเป็นคนที่ไม่มีเหตุผล"เหมยฮวา
"ก็มาว่า สตรีดีงามที่ไหนจะมาทำตัวแบบคุณหนู สตรีที่ดีต้องอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย พอแต่งไปจะได้ไม่ข่มสามี"ไห่ถังพูดทั้งๆที่ก้มหน้า
"ไห่ถัง เจ้านะเจ้า"ฉู่ฉู่
"ฮ่าๆ เรื่องแค่นี้เอง ก็ดีสิ ถ้าแต่งแล้วต้องทำตัวแบบที่ว่าข้าก็ไม่แต่ง ฮ่าๆ"เหมยฮวาหัวเราะร่วน
"โถ่ คุณหนูก็"ฉู่ฉู่
"เอาเถอะ อยู่แบบนี้ก็ดี ข้าชอบซะอีก เอาล่ะพวกเจ้าก็ไปฉลองกับคนข้างนอกเถอะ ข้าอยู่คนเดียวได้"เหมยฮวา
"จะ....เจ้าค่ะ ข้าของตัวก่อนเจ้าค่ะ"ฉู่ฉู่กำลังจะพูดแต่โดนเหมยฮวาจ้องมองจนกลืนคำลงคอก่อนที่พากันเดินออกไปกับไห่ถังแล้วปิดประตู
พิธีฉลองอายุครบสิบห้าปีของที่นี้ก็ไม่มีอะไรมาก สิ่งที่ต้องทำก็คือตื่นขึ้นมาก็อาบน้ำชำระร่างกายในถังน้ำโรยด้วยกลีบดอกไม้ ห้าอย่าง สวมเสื้อผ้าที่ตัดเย็บใหม่ หลังจากนั้นก็กินอาหารที่เป็นมงคลและสุรา วันนั้นทั้งวันห้ามออกไปไหนอยู่แต่ในห้องจนถึงเช้าวันใหม่ก็เป็นอันจบพิธีการเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ คนเจ้าของงานต้องอยู่แต่ในห้อง คนอื่นกลับฉลองกัน มันน่าจะเรียกว่างานฉลองของญาติพี่น้องซะมากกว่า
ห้องทรงอักษรของอ๋องแคว้นหยวน
"พวกเราจะทำเช่นไรดี ท่านเซี่ยง ถ้าฉู่จบสิ้น ต่อไปคงเป็นแคว้นเราแล้ว"ชายวัยห้าสิบกล่าวขึ้นหรือก็คืออ๋องหยวนนั่นเอง
"เห้อ....ข้าน้อยก็จนปัญญายิ่งนักแต่ด้วยกำลังทหารของเรา คงทำได้แค่ป้องกันตัวเอง"หลินเซี่ยง เสนาบดี
"พวกที่คัดค้านการยกทัพไปช่วยเทียนเฉา คงเต้นแร้งเต้นกาแล้วซินะตอนนี้"อ๋องหยวน
"พวกโง่เขลาเบาปัญญาพวกนั้น ก็ช่างไม่รู้อะไรเลย คิดแค่จะเสพสุขจนไฟไหม้หลังบ้านค่อยมาสำนึก"หลินเซี่ยง
"แล้วสถานะการณ์เป็นเช่นไรบ้าง"อ๋องหยวน
"ทางเหนือทู่เจียหยุดการรุกคืบแล้ว เพราะสภาพภูมิประเทศไม่เหมาะกับการใช้ทัพม้า แต่ก็กดดันจนราชสำนักฉู่แทบหายใจไม่ออก แต่เห็นว่าเว่ยได้ยกทัพโดยแม่ทัพเฒ่าเมิ่งอ้าวนำกำลังทหารสิบหมื่นที่เป็นกองผสมกับทหารเก่าฉินโดยเรือรบที่ฉินสร้างไว้ผ่านแม่น้ำฮวงโหทวนกระแสน้ำขึ้นไป คาดว่าไม่น่าเกินเดือนครึ่งคงถึงแคว้นฉู่ แต่ที่น่าสงสัยคงจะเป็นแม่ทัพเฉินเยี่ยที่นำทัพจำนวนสิบสองหมื่นโดยให้ทหารเก่าเทียนเฉาเป็นทัพหน้าเดินทางๆบกผ่านฉี ฮั่น เพื่อจ่อประชิดชายแดนฮั่นฉู่ ทางด้านนี้คาดว่าคงจะถึงในสามเดือน"หลินเซี่ยง
"ท่านคิดว่าเว่ยจะคิดไม่ซื่อกับฉี ฮั่นรึ"อ๋องหยวน
"ข้าน้อยคิดว่าเป็นไปได้ยิ่ง แต่คิดจะสู้กับสามแคว้นพร้อมๆกันคงจะเป็นไปได้ยาก ไหนจะกลัวว่าทางเราจะเข้าร่วมด้วย นอกซะจาก.."หลินเซี่ยง
"นอกซะจากมีคนในแคว้นแปรพักต์ใช่รึไม่ ท่านเซี่ยง"อ๋องหยวน
"พะยะค่ะ"หลินเซี่ยง
"ในแคว้นเราคงจะมีแล้วซินะ คนที่ไปเข้ากับเว่ย"อ๋องหยวน
"ขะ..ข้าน้อย....."หลินเซี่ยง
"ถ้าลำบากใจก็ไม่ต้องพูดก็ได้ ท่านเซี่ยง แล้วหลินซือล่ะ เห็นว่ากลับมาหลายเดือนแล้วมิใช่เหรอ ทำไมข้าถึงไม่เห็นเลย"อ๋องหยวน
"เหอะเจ้าลูกคนนี้ของข้าน้อย พอกลับมาจากชิงไห่ ก็ไม่รู้ว่าไปที่ไหนบ้านช่องไม่ยอมกลับ ข้าน้อยจนปัญญากับเจ้าลูกคนเล็กคนนี้จริงๆ"หลินเซี่ยง
"ฮ่าๆ ไว้ว่างๆข้าจะพระราชทานสมรสให้ดีหรือไม่ จะได้อยู่ติดบ้านให้ท่านชื่นใจ"อ๋องหยวนพูดยิ้มๆเพราะเห็นหลินซือมาตั้งแต่เล็กด้วยนิสัยชอบอิสระท่องเที่ยวไปทั่ว แต่รู้สึกสิบกว่าปีมานี้ไปแต่ชิงไห่
"เอ่อ พูดถึงชิงไห่ ทำให้ข้าน้อยนึกถึงเรื่องของ ปราชญ์พิศดารแห่งชิงไห่ขึ้นมาได้ ไม่ทราบท่านอ๋องพอได้ยินหรือไม่พะยะค่ะ"หลินเซี่ยง
"ได้ยินมาเล็กน้อย รู้แต่ว่าเป็นคนในตระกูลพ่อค้าแซ่หลี่ ถ้าท่านไม่พูดขึ้นมาข้าก็แทบจะลืมเลือน เพราะมัวแต่ยุ่งกับเรื่องของเว่ย"อ๋องหยวน
"ข้าน้อยก็ลืมเลือนไปเช่นกัน ได้ยินว่าทำสิ่งที่เรียกว่ากระดาษขึ้นมา ข้าน้อยก็อยากเห็นซักครั้งจริงๆ แต่จนใจ ไม่มีเวลาปลีกตัวไปขอพบซะที แล้วเมื่อไม่กี่เดือนก่อนก็คิดทำด้ายที่ทำจากขนแกะขึ้นมาอีก ข้าน้อยนับถือสติปัญญาคนนี้ยิ่งนัก จะถามเจ้าลูกที่ไม่ได้เรื่องก็ไม่ได้ "หลินเซี่ยง
"พูดถึงกระดาษ ข้าได้เห็นมันมาแล้ว เจ้าเมืองเติ้งใช้มันในการเขียนรายงานมา เจ้าไปหยิบกระดาษรายงานของเจ้าเมืองเติ้งมาให้เสนาบดีเซี่ยงดูทีซิ"อ๋องหยวนหันไปสั่งขันทีหายไปซักพักก็กลับมาพร้อมกับยื่นให้กับหลินเซี่ยง
"นี้ขอรับ ท่านเสนาเซี่ยง"ขันที
"โอ้ บางเบายิ่งนัก ถึงจะไม่เท่าผืนผ้าที่ใช้เขียน แต่ก็จัดเก็บง่ายเหมือนกัน"หลินเซี่ยง
"ได้ยินมาว่าทำจากเปลือกไม้ ส่วนขั้นตอนนั้นเป็นเช่นไรข้าก็ไม่รู้ ถึงช่วงนี้จะมีแต่เรื่องร้ายๆเข้ามา แต่แคว้นหยวนเราก็นับว่ามีเรื่องดีๆเกิดขึ้นมาเหมือนกัน ท่านว่าจริงไหม"อ๋องหยวน
"พะยะค่ะ ไม่ทราบว่าปราชญ์พิศดาร จะเป็นคนเช่นใดกัน เห้ออ...เสียดายๆยิ่งนัก ถ้าบ้านเมืองอยู่ในภาวะปกติ แคว้นหยวนเรามีคนเช่นนี้อยู่ คงจะทำให้แคว้นหยวนเราเจริญรุ่งเรืองเป็นแน่"หลินเซี่ยง
"ฮืม แต่ว่าก็แปลก ไม่เห็นเจ้าเมืองเติ้ง พูดอะไรเกี่ยวกับคนผู้นี้เลย ในรายงานก็ไม่มีกล่าวถึง"อ๋องหยวน
"เป็นเช่นนั้นหรือพะยะค่ะ ขึ้นชื่อว่าปราชญ์ส่วนมากมักจะไม่ข้องแวะกับเรื่องทางโลก ยิ่งเกี่ยวกับการเมืองการปกครองคงจะหลีกลี้ให้ไกลห่าง ข้าน้อยคิดว่าคงเป็นเช่นนี้มากกว่า "หลินเซี่ยง
"คงเป็นดั่งท่านว่า เอาล่ะ วันนี้คงพอแค่นี้ก่อน"อ๋องหยวน
"เอ่อ ส่วนเรื่องปราชญ์พิศดารท่านนี้ ไว้ข้าน้อยหาตัวหลินซือเจอจะลองสอบถามดู เผื่อดึงตัวมาช่วยงานราชสำนักได้ ข้าน้อยขอทูลลาพะยะค่ะ"หลินเซี่ยง
"ฮืม ไปเถอะ"อ๋องหยวน
"พะยะค่ะ"หลินเซี่ยง
ผั๊วะๆๆ ปึ๊ก!
ย้ากก!ผลั๊กก! แกร่กก!
"อาเช่อปา เจ้าจะพังหุ่นซ้อมจนหมดหรืออย่างไร"จายาตู
"แหะๆ ขอโทษด้วยพี่จายาตู ตั้งแต่คุณหนูทำสนับป้องกันมือเท้ามาให้เลยเผลอตัว"อาเช่อปายิ้มรับแบบเจื่อนๆเพราะเพิ่งทำเสาที่ใช้ปักหุ่นไม้หักไปรอบที่สอง
"ฮิๆ ใช้ดีใช่มั้ยล่ะพวกท่าน เวลาชกก็ไม่เจ็บมือเหมือนเดิม"เหมยฮวา
"คารวะคุณหนู"ทุกคนในสนามซ้อมทั้งหมดยี่สิบสองคนพอเห็นเหมยฮวามาก็คำนับอย่างพร้อมเพรียง
"ตามสบายๆ วันนี้ข้ามีเสื้อเกราะแบบใหม่มาให้พวกท่านได้ลองกัน"เหมยฮวา
"มีของเล่นใหม่ให้พวกข้าอีกแล้วเหรอ น้องเหมยฮวา"จายาตู
"ใช่ นี้คือเสื้อเกราะจากหวาย ที่ข้าอุตส่าห์จ่ายไปมากโขเพื่อค่าขนส่งมาจากทางใต้ของเทียนเฉา"เหมยฮวา
"คุณหนูขอรับ หวายมันจะกันพวกอาวุธได้เหรอขอรับ"หย่งเป่า
"เจ้าอย่าดูถูก มันเชียวล่ะ ท่านอาไจ่เต๋อช่วยนำหวายที่ข้าสานมาให้ข้าหน่อยค่ะ"เหมยฮวา
"ขอรับคุณหนู"ไจ่เต๋อรับคำแล้วเดินไปหยิบหวายที่สานกันเป็นแผ่นมา
"ถือไว้ ท่านอาไจ่เต๋อ หย่งเป่าเจ้าลองฟันดาบลงไปให้เต็มแรงดูซิ"เหมยฮวา
หย่งเป่าก้มลงไปหยิบดาบก่อนที่ฟาดลงไปเต็มแรง
'ปึง'
ทุกคนที่เห็นถึงกับอ้าปากค้างเพราะแทนที่ดาบจะฟันหวายขาดเป็นสองท่อน กลับกลายเป็นว่าฟันเข้านิดเดียว แล้วดาบก็เด้งกลับเกือบถูกหน้าของหย่งเป่า ด้วยว่าหวายมีความยืดหยุ่นและเหนียว
"เป็นเช่นไร ยอดเยี่ยมไปเลยใช่ไหม ต้นทุนถ้าเทียบกับเกราะหนักของทหารนับว่าถูกแสนถูก แต่ที่ข้าออกแบบมีหวายสองชั้นประกบกัน ตรงกลางมีแผ่นเหล็กใส่ไว้เพื่อให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น"เหมยฮวา
"ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ขอรับคุณหนู"หลงอินหนึ่งในคนที่ฝึกคนคุ้มกันกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น
แนวคิดใช้หวายมาทำเกราะเกิดจาก เหมยฮวานึกถึงเรื่องสามก๊กที่ขงเบ้งนำทหารไปรบกับทางใต้ของจีนแต่จำไม่ได้แล้วที่ไหนรู้แต่ว่ามีช้างด้วย ทหารของขงเบ้งฟันทหารของฝ่ายนั้นแทบไม่เข้า เพราะเกราะทำด้วยหวาย เหมือนจะแพ้ถึงสองรอบสุดท้ายเลยใช้แผนล่อหลอกแล้วเอาไฟเผาทั้งกองทัพเลยชนะ จะว่าไปแล้วเพราะเหล็กที่ใช้ยังไม่ใช่เหล็กกล้าแบบภพก่อนของเหมยฮวา จึงไม่คมและแข็งพอที่จะฟันเข้า ส่วนรองเท้าก็เสริมแผ่นเหล็กแบบรองเท้าคอมแบทเข้าไป เพิ่มสนับแข้งที่ทำจากเหล็กตีจนได้รูปรับกับหน้าแข้ง แขนก็เหมือนกัน กับทำถุงมือหนังเปลือยปลายนิ้วเพื่อให้จับถนัดและเพิ่มแผ่นเหล็กป้องกันนิ้ว
"สามารถใช้จริงและซ้อมได้เพราะด้านในบุผ้าหนาพอควร ต่อให้เสียหายก็แค่ถอดแผ่นหวายทิ้งแล้วเอาแผ่นหวายอันใหม่มาใส่ประกบแทน"เหมยฮวา
"อย่างนั้นเวลาซ้อมต่อสู้ก็ไม่ต้องออมแรงแล้วสิ ช่างดียิ่งนักขอรับคุณหนู"ตู้ลาคาน
"พวกเจ้าเตรียมตัวเอาไว้ได้เลย ฮ่าๆ"อาเช่อปา
"ข้าคนหนึ่งล่ะที่ไม่จับคู่ซ้อมกับเจ้า อาเช่อปา"เข่อเจียง คำพูดนี้เรียกเสียงหัวเราะได้ในทันที เพราะต่างก็รู้กันว่า อาเช่อปา นั้นแรงเยอะขนาดไหน
"คุณหนูทำให้พวกเราเหมือนกับจะให้พวกเราไปเป็นทหารเลย ฮ่าๆ"หลงอิน
"ข้าก็แค่อยากทำสิ่งที่จะทำให้พวกเจ้าปลอดภัยมากที่สุดเท่านั้นเอง ถึงมันจะเป็นแค่งานคุ้มกันก็เถอะ"เหมยฮวา
"คุ...คุณหนู"ไจ่เต๋อตอนแรกจะหัวเราะแต่พอเหมยฮวาพูดจบก็รู้สึกตื้นตันขึ้นมาทันที ว่าคุณหนูห่วงความปลอดภัยของพวกเขายิ่งนักคนอื่นๆก็ไม่ต่างกัน
"ฮิๆ ไม่ต้องทำหน้าเคร่งขรึมขนาดนั้นก็ได้ ซ้อมกันต่อเถอะ ข้าไม่กวนแล้ว"เหมยฮวา
"ขอรับ"เสียงตอบรับดังกระหึ่ม
หลังจากหลินเซี่ยงกลับมาจากเข้าพบอ๋องหยวน ก็ตรงกลับจวนในทันที ตั้งแต่ได้เห็นกระดาษ ก็อยากรู้เรื่องของปราชญ์พิศดารแห่งชิงไห่ยิ่งนัก ที่เป็นเช่นนี้เพราะจะให้คนในจวนออกตามหาหลินซือ ที่เรียกให้กลับมาจากชิงไห่ก็เพื่อจะให้ช่วยกันคิดอ่านเรื่องภายในแคว้น เจ้าตัวกลับหายหน้าไปในวันที่กลับมาจึงโมโหเลยไม่ได้ตามหา ขณะเดินพ้นประตูจวนเข้าไป พ่อบ้านก็วิ่งมารายงานว่าหลินซือกลับมาแล้ว
"เหอะ ถ้ารู้ว่าแค่คิดจะตามหาเจ้าๆก็โผล่มา ข้าคงจะคิดตามหานานแล้ว"หลินเซี่ยง
"ฮ่าๆท่านพ่ออย่าได้โมโห ที่ข้าหายไปเพราะอยากได้ที่สงบๆเพื่อใช้ความคิด"หลินซือ
"คงจะคิดทำอะไรที่ไร้สาระอีกตามเคย เจ้าก็น่าจะรู้ว่าที่ข้าเรียกเจ้ากลับมาเพราะอะไร"หลินเซี่ยง
"เพราะข้ารู้ ว่าท่านพ่อจะให้ข้าทำอะไรนะซิ ข้าถึงได้ไปเตรียมตัว แต่จะว่าไปไม่ว่าแผนอะไรก็นับว่าเกิดขึ้นได้ยากนักในตอนนี้ มีแค่รอรับศึกเท่านั้น ข้าพูดถูกหรือไม่ท่านพ่อ"หลินซือ
"เจ้ารู้ขนาดนี้แล้วยังจะหายตัวไปอีก เพราะในพี่น้องทั้งหมดเจ้านับว่าฉลาดหลักแหลมที่สุด แล้วใยไม่มาช่วยข้าคิดอ่านวางแผนเล่า"หลินเซี่ยง
"ข้าขออภัยด้วยท่านพ่อ เพราะการต้องรับศึกกับเว่ยข้าจึงต้องหายตัวไป เชิญท่านพ่อดูสิ่งนี้ก่อนแล้วค่อยด่าว่าข้าก็ยังไม่สาย"หลินซือกล่าวจบก็หยิบยื่นให้
"หือ กระดาษที่เย็บเป็นเล่ม ตำราพิชัยยุทธซุนวู นี้มันอะไรกัน"หลินเซี่ยง
"ก็ตำราการสงครามตามชื่อ ท่านก็รู้ว่าข้าเป็นเพียงบัณฑิต การรบก็พอรู้บ้าง หลังจากได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก็ทำให้ข้ารู้ตัวว่าข้าไม่รู้อะไรเลย ทำให้ข้าต้องไปหาที่สงบๆเพื่อศึกษามันดูเพื่อให้เข้าใจ"หลินซือ
"มันก็จริง หืม กลยุทธ์ช่างยอดเยี่ยมนัก"หลินเซี่ยง
"ใช่แล้วขอรับท่านพ่อ กลยุทธ์ยอดเยี่ยม คำอธิบายให้เข้าใจก็ยอดเยี่ยม แต่ขนาดนี้บางกลยุทธ์ก็ตีความให้เข้าใจไม่ได้ ขนาดศึกษาตั้งหลายเดือนนับว่าล้มเหลวยิ่งนัก"หลินซือ
"แล้วเจ้าไปได้หนังสือเล่มนี้มาอย่างไร"หลินเซี่ยง
"ท่านพ่ออย่าได้หัวเราะเยาะข้าละ ถ้าข้าจะบอกว่าลูกศิษย์ข้าให้มา"หลินซือ
"ลูกศิษย์คนไหน คนที่อยู่ที่ชิงไห่นั้นรึ"หลินเซี่ยงพูดด้วยสีหน้างุนงง
"ใช่แล้วท่านพ่อ แล้วเมื่อครู่ท่านคิดจะตามหาข้าทำไม หรือมีเรื่องด่วน"หลินซือ
"ใช่แล้วๆข้าอยากจะสอบถามเจ้าว่า รู้จักปราชญ์พิศดารแห่งชิงไห่หรือไม่"หลินเซี่ยง
"ฮ่าๆ ข้าฟังชื่อนี้ทีไรก็อดขำไม่ได้ทุกที คนก็ช่างเข้าใจตั้งชื่อให้"หลินซือ
"เหอะ มีเรื่องใดน่าขำ"หลินเซี่ยง
"ถ้าท่านพ่อรู้ ก็คงไม่แคล้วจะเป็นอย่างข้า"หลินซือ
"แปลว่าเจ้ารู้ว่าเป็นใคร"หลินเซี่ยงพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"ก็คือคนที่ให้ตำรานี้มา"หลินซือ
"ฮ่าๆ เจ้าคงล้อข้าเล่นแล้ว ลูกศิษย์เจ้าจะเป็นไปได้อย่างไร"หลินเซี่ยง
"นางก็คือคนที่ทำฝายกั้นน้ำ ทำกระดาษ ตอนนี้ก็น่าจะอายุได้สิบห้าปีแล้ว"หลินซือ
"ห๊า เป็นเด็กผู้หญิง ที่อายุเพิ่งจะสิบห้าปี อย่างนั้นรึ"หลินเซี่ยงแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง
"ถ้าข้าไม่เจอนางมาตั้งแต่เล็กๆข้าก็คงไม่เชื่ออย่างท่านพ่อ ตอนสี่ขวบนางก็วิเคราะห์สถานะการณ์ของเว่ยกับเทียนเฉาได้แล้ว เพียงแค่นางได้ยินที่ข้ากับพ่อของนางคุยกัน นางก็ถามออกมาว่า ทำไมหกแคว้นถึงไม่ช่วยกันรบกับเว่ยที่มีทหารที่เก่งกาจถ้าปล่อยให้เว่ยได้เทียนเฉาไปทุกแคว้นคงล่มสลายถ้าเว่ยบุกตี ซึ่งข้าก็คิดดั่งเช่นนาง แต่ข้าก็รู้ในความจริงที่ว่าหกแคว้นคงไม่มีทางร่วมมือกันอย่างแน่นอน ท่านพ่อก็รู้อยู่เต็มอกเหมือนกันกับข้าว่าเพราะอะไร"หลินซือ
"เพียงแค่สี่ขวบก็วิเคราะห์ได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก เห้ออ...สวรรค์ทำไมต้องกลั่นแกล้งแคว้นหยวนขนาดนี้ ทำไมต้องให้เกิดมาเป็นหญิงด้วยแล้วยังให้เกิดในช่วงนี้ของแคว้นอีก"หลินเซี่ยง
"ข้าก็เคยคิดจะชักชวนนางมาด้วย แต่นางเป็นเพียงแค่เด็กสาวคนหนึ่ง ถ้าต้องให้นางมาคิดอ่านเรื่องการรบราฆ่าฟันก็คงจะใจร้ายกับนางมากแล้ว ไหนนางจะเป็นลูกศิษย์ที่ข้าเอ็นดูยิ่งนัก ข้าไม่อยากให้มือของนางต้องแปดเปื้อนเลือดแม้เพียงนิดเดียว"หลินซือทำสีหน้าจริงจังขึ้นมาตอนเอ่ยคำนี้
"เอาเถอะ หวังว่าทุกอย่างมันจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จะว่าไปข้าก็อยากพบหน้านางดูซักครั้ง อย่างน้อยก็เป็นลูกศิษย์ของเจ้า"หลินเซี่ยง
" ท่านพ่อต้องชอบใจนางแน่นอน แต่ละอย่างที่นางคิดและพูดช่างเฉลียวฉลาดยิ่งนัก"หลินซือ
"ฮ่าๆ เจ้านี้ช่างเห่อลูกศิษย์คนนี้ซะจริงๆ ข้าว่าเจ้าน่าจะเป็นศิษย์มากกว่า นอกจากความคิดจะน่าทึ่ง ไหนจะตำรานี้อีก คงไม่ต้องให้ข้าพูด"หลินเซี่ยง
"เหอะ แบบนี้เรียกว่าถนัดคนละอย่างมากกว่า"หลินซือ
หลังจากแคว้นเว่ยประกาศเปลี่ยนไปใช้คำว่า ต้าเว่ย(เว่ยยิ่งใหญ่) อ๋องเว่ยไท่เหลี่ยน เพื่อให้เหนือกว่าอ๋องอีกสี่แคว้นก็เปลี่ยนเป็น เว่ยไท่หวงตี้(ฮ่องเต้) ก่อนที่จะยกทัพเรือสิบหมื่นเข้าไปในแคว้นฉู่ ทัพทหารราบสิบสองหมื่นไปตรึงกำลังที่ชายแดนของแคว้นฮั่นฉู่ ถึงจะมีการสู้รบแต่ทหารส่วนใหญ่ของฉู่แทบไม่มีกำลังใจในการรบเพราะถูกบีบคั้นทางเหนือทู่เจีย ตะวันออกทัพเว่ยสิบหมื่น ทิศใต้ทัพเว่ยสิบสองหมื่น ไหนจะเกิดการก่อกบฏจากคนในแคว้น จึงแพ้จนถอยร่นถึงเมืองหลวง เว่ยก็ใช้แผนเดิมที่ใช้กับเมืองหลวงฉางอันของเทียนเฉาล้อมกัก ทางฉู่ก็รู้ถึงบทเรียนในครั้งนั้นก็ยอมจำนน หลังจากยอมแพ้เว่ยก็จับเชื้อพระวงศ์ของฉู่และคนที่แข็งข้อทั้งหมดมาประหารสิ้น ก่อนจะทำแบบเดียวกับฉิน ให้ตำแหน่งแก่คนของฉู่ที่มีผลงานมาปกครอง ส่วนทางแคว้นฮั่นแทบไม่ต้องสู้รบเพราะมีการยึดอำนาจเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยคนที่ทางเว่ยให้การสนับสนุน แคว้นฉีตัดสินใจสู้แต่ก็สายไป ไหนจะด้วยกำลังที่น้อยกว่าสามเท่าตัวก็แพ้ให้แก่ต้าเว่ย
สองปีกว่าล่มล้างสี่แคว้นนับว่าทหารเว่ยที่เก่งกาจกับความอุดมสมบูรณ์ของเทียนเฉาช่างมีพลังอำนาจยิ่งนัก แม้ฉี ฮั่น ฉู่ สามแคว้นยังมิอาจต้านทาน ตอนนี้แคว้นหยวนเพิ่งส่งกำลังทหารไปตรึงที่ชายแดน ยังไม่ทันเรียกระดมพลจากชาวบ้านมาเพิ่มก็ได้รับข่าวล่มสลายของทั้งสามแคว้นแล้ว หยวนคงได้แต่เตรียมพร้อมให้ถึงที่สุด ระหว่างที่ต้าเว่ยกำลังจัดระเบียบต่างๆให้เข้าที่ ถ้าสำเร็จเมื่อไหร่แคว้นหยวนคงนองไปด้วยเลือด
"รายงานฝ่าบาท มีข่าวจากฟูหลิง ว่าด่านชายแดนที่ซีจ้างถูกเผ่าซ่งหนูโจมตีแตก ส่วนเมียนหยางก็ถูกมองโกลเข้ามาปล้นสะดมพะยะค่ะ"ทหารองครักษ์เข้ามารายงาน
"เจ้าว่าอย่างไรนะ บัดซบ ไท่ยี่มัวทำอะไรอยู่ถึงปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้"เว่ยไท่หวงตี้
"ฝ่าบาทโปรดอย่าทรงกริ้ว"เฟิงหัว
"จะให้ข้านิ่งเฉยอย่างนั้นรึ พวกเจ้าก็เห็นอยู่ ว่าพวกมันคิดจะทำอะไร ฉวยโอกาสที่ต้าเว่ยเรายังไม่สงบ ยกทัพมาโจมตี"เว่ยไท่หวงตี้
"พวกทู่เจียเลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ กระหม่อมคิดว่าคนที่คิดแผนนี้ อาจจะเป็นแคว้นหยวนก็ได้พะยะค่ะฝ่าบาท"เกาเว่ย
"ลองว่ามาเกาเว่ย"เว่ยไท่หวงตี้
"หยวนกับทู่เจียมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน อาจเป็นคนชี้แนะให้กับทู่เจีย ร่วมมือกับมองโกลและซ่งหนู เพราะตอนนี้ครึ่งหนึ่งของฉู่เดิมเรายกให้ทางทู่เจียทำให้มีกำลังคนและกลุ่มที่แข็งข้อกับต้าเว่ยเข้าร่วม ช่วยชดเชยความเสียเปรียบในด้านภูมิศาสตร์ของทัพม้าทู่เจีย รวมทั้งภายใต้การจับมือกันที่มองโกลต้องการปล้นชิง ซ่งหนูต้องการพื้นที่ด้านตะวันตก เมื่อผลประโยชน์ลงตัว และต้าเว่ยเรายังไม่นิ่งพอ จึงรีบฉกฉวยโอกาสนี้เข้ามาโจมตีเราทันที"เกาเว่ย
"นับว่าเราชะล่าใจ กับสามกลุ่มนี้ไปแล้วจริงๆ แคว้นหยวนช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก"เว่ยไท่หวงตี้
"ใช่แล้วพะยะค่ะฝ่าบาท ซ่งหนูปกติเงียบสงบมานานเพราะถูกทัพที่ชายแดนสะกดข่ม จู่ๆก็บุกโจมตีเมืองซีจ้างจนแตก ถ้าไม่ได้รับเสบียงกับอาวุธที่เพียงพอคงไม่กล้า แต่ว่าหยวนห่างไกลกับซ่งหนูเหนือกับใต้ ทำไมถึงลำเลียงสิ่งเหล่านี้ไปให้โดยที่ต้าเว่ยเราไม่รู้ได้ล่ะ"เฟิงหัว
"คงจะโทษอะไรไม่ได้ ด้วยที่ต้าเว่ยเรารบชนะมาตลอด จนเกิดชะล่าใจ ลืมเลือนว่าทู่เจียอาจหักหลังต้าเว่ยเราได้ทุกเมื่อ คงเป็นทู่เจียที่ให้สิ่งเหล่านี้แก่ซ่งหนู และมองโกล ส่วนหยวนก็เพียงมอบเสบียงและอาวุธให้แก่ทู่เจีย"เกาเว่ย
"อย่างนั้นพวกท่านมีความคิดเห็นเป็นเช่นไร ตะวันตกมีซ่งหนูกับมองโกล เหนือมีทู่เจีย ตะวันออกมีหยวน ควรจะเริ่มจากที่ไหนก่อน"เว่ยไท่หวงตี้
"กระหม่อมคิดว่าควรเริ่มที่มองโกลก่อนพะยะค่ะ เพราะมองโกลเพียงต้องการทรัพย์สิน ถ้าทางต้าเว่ยมอบสิ่งเหล่านี้ให้มากจนพอใจ มองโกลคงจะยอมกลับขึ้นเหนือพะยะค่ะ"เกาเว่ย
"ไม่มีทาง! พวกมันคิดว่าเป็นตัวอะไรที่จะให้ ข้าที่เป็นถึงหวงตี้ยอมก้มหัวให้"เว่ยไท่หวงตี้พูดออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
พอสิ้นรับสั่ง เกาเว่ยก็ถึงกับตะลึงงันในใจก็รับรู้ทันที เปลี่ยนไปแล้ว อำนาจทำให้คนเราได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ก่อนจะรู้ตัวรีบคุกเข่าลง
"กระหม่อมสมควรตายๆ"เกาเว่ย
"เหอะ!...เรียกประชุมเหล่าขุนนางและแม่ทัพด่วน"เว่ยไท่หวงตี้แค่นเสียงออกมารับสั่งกับขันทีข้างกาย
"พะยะค่ะ เรียกประชุมเหล่าขุนนางและแม่ทัพนายกอง"ขันทีรับคำ ก่อนจะเดินออกไปตะโกนบอกคนที่อยู่ด้านนอกแล้วเสียงตอบรับก็ดังเป็นทอดๆจนถึงกองข่าวสารที่ใช้ไปแจ้งข่าวแก่ทุกคน
ตอนนี้หลงเหลือแค่เกาเว่ยกับเฟิงหัว เว่ยไท่หวงตี้ได้จากไปแล้วเพื่อเตรียมตัวประชุมที่ท้องพระโรง
"เปลี่ยนไปแล้วๆ"เกาเว่ยเสียงพึมพำดังออกมาซ้ำๆ
"เห้ออ....ท่านทำดีที่สุดแล้ว มิต้องโทษตัวเองหรอก ท่านเกาเว่ย"เฟิงหัวเข้ามาบีบที่บ่าเกาเว่ยก่อนเอ่ยคำปลอบใจ
"ข้าช่างผิดต่อท่านพ่อยิ่งนัก ความทุ่มเทนับสิบปีที่ทำมาให้กับเว่ย ข้ากลับไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นขนาดอยู่ข้างกายฝ่าบาทมาตลอด เพราะข้าใจร้อนเร่งแผนการพอเห็นว่าเป็นไปได้ ลืมคำนึงถึงเรื่องนี้ว่า การได้รับชัยชนะอย่างง่ายดายจะมีผลร้ายเช่นนี้"เกาเว่ยกล่าวออกมาอย่างเซื่องซึม
"ไปเถอะ คนอื่นๆคงมาพร้อมที่ท้องพระโรงกันแล้ว"เฟิงหัว
เกาเว่ยพยักหน้าก่อนเดินตามไป เรื่องนี้นับว่าหนักหนายิ่ง การที่เว่ยเอาชนะเทียนเฉาเพราะความอ่อนแอในราชสำนักของเทียนเฉาและผู้คนอยู่สุขสบายจนเคยตัว ฉินไม่ถนัดการรบด้วยทหารราบส่วนเว่ยด้วยที่ชนะเทียนเฉามาจึงฮึกเหิมยิ่งนักประกอบกับเข้าสู่ฤดูหนาวทหารเว่ยที่อยู่ในดินแดนที่แห้งแล้งและหนาวเหน็บจึงคุ้นชินการรบท่ามกลางอากาศแบบนั้นพอแม่น้ำเป็นน้ำแข็งฉินก็ไม่มีมีอะไร ที่จะได้เปรียบ ฉู่เพราะใช้แผนยืมมือมองโกลกับทู่เจียแล้วให้แคว้นข้างเคียงปิดด่านทุกด่านกดดันและส่งคนไปบ่อนทำลายภายในจนแตกแยก ฮั่นมีแม่ทัพที่คุมกำลังมากสุดแปรพักต์ก่อการล่มล้าง ฉีด้วยที่เป็นแคว้นเล็กขุนนางยอมเข้ากับเว่ย ถึงจะฮึดสู้แต่ก็ไม่อาจทำอย่างไรได้
แต่ในครั้งนี้กลับต่างกันซ่งหนูที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด แต่ด้วยทรัพยากรที่จำกัด จึงพอสะกดข่มไว้ได้ แต่กระนั้นเว่ยก็ไม่เคยยกทัพออกไปทำลายได้ ด้วยชนเผ่าเร่ร่อนต่างก็มีจุดเด่นที่ทัพม้า ทหารแต่ละคนต่างมีฝีมือการขับขี่ม้าอย่างยอดเยี่ยมยิ่งทุกคน ส่งทหารราบออกไปในทุ่งโล่งก็ไม่ต่างจากส่งเนื้อเข้าปากเสือ ส่งทัพม้าไปม้าฝีเท้าก็สู้ไม่ได้และทหารยังขับขี่ม้าได้พลิกแพลงไม่เท่าอีก ทำให้เว่ยได้แต่ตั้งรับในด่านหรือบางครั้งเว่ยจะตีตลบหลังแต่ก็ทำไม่ได้ พอจวนตัวพวกซ่งหนูก็ใช้ความได้เปรียบเรื่องความเร็วกระจัดกระจายตัวหนีหายไป นี้ถึงกับบุกเข้ามาตีด่านซีจ้างแตก นับว่ามีความพร้อมทุกด้าน
มองโกลก็ไม่ต่างกัน กลับจัดการยากนัก เพราะเมื่อมาปล้นเสร็จก็แยกย้ายไม่ยอมปะทะ ต้าเว่ยจะทำเช่นไรได้ ปล่อยให้ก่อกวนต่อไปอาจกระตุ้นให้คนในแคว้นเว่ยเดิมไม่พอใจจนสร้างความวุ่นวายภายในขึ้น นั่นก็ไม่ดีนี้ก็ไม่ได้ ส่วนทู่เจียอาจดันให้ถอยร่นไปได้ แต่เพราะมีคนที่ไม่พอใจต้าเว่ยเข้าร่วมมีจุดมุ่งหมายชัดเจนในการสู้รบกับต้าเว่ย คนกลุ่มนี้ตึงมือมากสุด แล้วยังมาชดเชยข้อเสียของทัพม้าทู่เจีย ต่อให้จัดการได้ต้าเว่ยคงต้องเสียหายอย่างหนัก สบโอกาสให้แคว้นหยวนพอดี ถึงตอนนี้หยวนจะไม่ทำอะไร เพราะด้วยกำลังทหารไม่อาจเทียบได้ปล่อยให้ต้าเว่ยถูกตัดกำลังเรื่อยๆไม่นานคงจะมาโจมตีต้าเว่ย ไหนพวกที่ยอมเข้ากับต้าเว่ยคงมีแข็งข้อบ้าง
สนุกดีจ้า
อัพต่อเร็วๆนะ
เรื่องนี้สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปเน้ออ
ไม่ช้าต้องเข้าสู่วังวงของการเมืองเเน่ๆ ต่อไปฉายา ปราชญ์ คงไม่ใช่แค่ฉายา
อ่านๆไป ถึงรู้ว่า อ้อ!! หวงตี้ (ฮ่องเต้) โผล่ออกมาแล้ว
ที่เหลือ เว่ย ก็กำหราบไปทีละดินแดนสินะ พอกำหราบหมดก็จะสร้างกำแพงเมืองจีน(??) เฮ้ย ไม่ใช่ๆ
อ่านแล้วรู้สึกว่าเนื้อเรื่องค่อนข้างมีที่มาที่ไป มีมูลเหตุของเรื่อง ที่จริงนางเอกเป็นนักคิดนักประดิษบ์ก็ว่าได้ รู้สึกว่านางเอกไม่ได้เก่งคนเดียว คนที่แวดล้อมนางเอกหรือคนที่เป็นแขนขาให้นางเอกก็เก่งแล้วก็เป็นตัวส่งเสริมความเก่งให้นางเอกด้วย ทำให้รู้สึกถึงความกลมกลืนกัน
แต่มีบางส่วนในส่วนของสงคราม น้ำหนักของ ฮ่องเต้ของแค้วนเว่ยยังไม่โหดพอ ในส่วนรายละเอียดของแม่ทัพเมิ่งด้วยหรืออาจจะเพราะการเล่าเรื่องที่คล้ายกับเป็นเรื่องย่อมั้ง รีดเดอร์เลยไม่ได้รู้สึกถึงน้ำหนักของตัวละครเท่าไหร่ ออ รวมทั้งขันทีด้วย เพราะตอนที่ขันทีพูดแค่ว่า "เปลี่ยนไปแล้วๆ" จากประโยคที่ฮ่องเต้พูดมาประโยคเดียว ที่ว่าไม่ยอมก้มหัวให้พวกมงโกลน่ะ
และในส่วนของอ๋องแค้วนหยวนด้วย ยังไม่มีการบรรยายลักษณะอุปนิสัย และหน้าตา หรืออายุให้รีดเดอร์มองเห็นเลย ทำให้ยังมองไม่เห็นถึงภาพลักษณ์ของตัวละครนี้ชัดเจน
ทั้งหมดที่เขียนถึงรีดเดอร์ บางทีอาจเพราะยังไม่เข้าใจเนื้อหาโดยรวมของไรเตอร์ก็ได้ ยังไงก็ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไรเตอร์ด้วยนะ และ หวังว่าไรเตอร์จะไม่หมดกำลังใจในการเขียน เพราะเท่าที่รีดเดอร์อ่านนิยายแนวนี้มา ก็มีเพียงเรื่องนี้แหละ ที่รีดเดอร์ตั้งหน้าตั้งตารออ่านอย่างใจจดใจจ่อ