ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พาร์ตรีไดส์ : ดิน น้ำ ฟ้า และเรา

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 : HAPPY BIRTHDAY

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 163
      0
      13 มิ.ย. 49

    1    :    HAPPY  BIRTHDAY

     

                    ระวัง!  หลีกไป………..”

                    เสียงตะโกนอย่างตื่นตระหนก  ทำให้เด็กหนุ่ม ซึ่งกำลังนอนหนุนแขนตนเอง เหม่อมองท้องฟ้าอันสดใส ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่งแทบจะทันที  วินาทีนั้น เขาก็รู้สึกได้ว่ามีแรงลมปะทะวูบผ่านตัวไป

                    นี่กะจะฆ่ากันเลยเหรอ  แซนด์  เด็กหนุ่มตะโกนถามออกไป  เมื่อเห็นว่าสาเหตุของแรงลมนั่นคือ  เด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง กำลังฉุดรั้งไม่ให้เกวียนบรรทุกไม้ขนาดไม่ใหญ่นัก ซึ่งบรรทุกไม้ฟืนมาจนเกือบเต็ม ไม่ให้ไถลลงเนินไป

                    เฮ้ย!  อย่ามัวแต่พูดมากน่า ไม่คิดจะมาช่วยกันเลยหรือไง มาช่วยกันหน่อยเร็วซิ   เสียงตะโกนตอบกลับมายังเจือด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนกไม่หาย เขาเลยรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปช่วยฉุดเกวียนให้ชะลอความเร็ว ไม่ให้ไถลลงจากเนินเขา  จนกระทั่งมันหยุดนิ่งบนที่ราบช่วงหนึ่งของเนินเขาลูกย่อม ๆ แห่งนี้

                    โอ๊ย! ….เกือบไปแล้วเฮ้อเหนื่อยชะมัด  เสียงพูดตะกุกตะกัก ปนเสียงหอบเอ่ยออกมา  ขอบใจน่ะ  เจย์  ที่มาช่วยอ่ะ

                    ไม่เป็นไรหรอก  ว่าแต่นายเหอะ  เล่นอะไรพิเรนทร์ ๆ อีกละ 

                      จะบ้าเหรอ ! “    เสียงตอบกลับเกือบจะทันที ที่เด็กหนุ่มเจย์พูดจบ    นายเห็นชั้นกำลังเล่นอะไรสนุก ๆ จนต้องมายืนเป็นหมาหอบแดดอยู่อย่างนี้เหรอ

                    โธ่!  อย่าโมโหน่า แซนด์   เจย์ยังคงพูดต่อไปอย่างอารมณ์ดี   คนที่น่าจะอารมณ์เสียน่ะ  น่าจะเป็นชั้นมากกว่านะ  เกวียนนายเกือบจะทับหัวชั้นไปแล้วนะ   โชคดีที่ยังหลบทัน

                    แล้วใครใช้ให้นายมานอนเอ้อระเหยอยู่บนนี้หล่ะ  แซนด์ตอบกลับด้วยเสียงที่เป็นปกติ

                    นายกำลังทำให้บรรยากาศในการพักผ่อนวันนี้ของชั้นเสียหมดเลย   น่าเสียดายชะมัด  นายดูซิวันนี้ท้องฟ้าสวยจะตายไป  เป็นวันแรกในรอบสัปดาห์เลยน่ะเนี่ย ที่ท้องฟ้าไม่มืดครึ้ม  ฝนไม่ตก

                    ชั้นไม่มีเวลามานั่งซึมซับบรรยากาศแบบนายหรอก  เด็กหนุ่มเจ้าของนัยต์ตาสีเขียวมรกต  ซึ่งขุ่นมัวเมื่ออยู่ในอาการที่หงุดหงิดเช่นนี้ ยังคงยืนหายใจหนัก ๆ  แสดงอาการเหนื่อยจากการที่ต้องออกแรงเมื่อสักครู่     เหนื่อยจะแย่  ร้อนก็ร้อน  เฮ้อ!  ชั้นต้องแพ้ยัยนั่นอีกแน่ ๆ เลย  
    บ้าชะมัด  ….”

                    แล้วเที่ยวนี้ นายไปท้าแข่งอะไรกับน้องอีกล่ะ  เจย์ยังคงถามต่อด้วยน้ำเสียงและสีหน้าราบเรียบ  อย่างเห็นเป็นเรื่องปกติ

                      ก็ .. ก็..  ไม่มีอะไรหรอก เรื่องไร้สาระน่ะ  นายอย่าสนใจเลย  แซนด์รีบตัดบท  แล้วตกลงนายมาทำอะไรอยู่บนนี้ล่ะ

                    ก็บอกแล้วไง  ว่าขึ้นมาพักผ่อน  ชมวิว  บรรยากาศดีอย่างนี้  มัวอยู่แต่ในบ้านเสียดายตายเลย   เจย์ตอบคำถามขณะที่แหงนหน้ามองท้องฟ้า  พร้อมกับยิ้มสดใส  นั่นก็ทำให้เด็กหนุ่มผู้นี้ ดูน่ามองยิ่งขึ้นไปอีก

                    แซนด์ มองเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า  ถึงเค้าจะเป็นรุ่นพี่ แต่ก็อายุมากกว่าแซนด์แค่ปีเดียว  ทั้งสองจึงสนิทกันเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน  ทั้งคู่ชอบไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ  และมักจะได้รับคำชมอยู่บ่อย ๆ ว่า เป็นเด็กหนุ่มที่น่าตาดีทั้งคู่  เจย์เป็นเจ้าของร่างสูงโปร่ง  ตาสีน้ำตาลเข้มรับกับผมสีดำขลับ  คิ้ว  จมูก  ปาก ช่างประกอบกันอย่างลงตัวบนใบหน้าที่คมเข้มนั้น  ส่วนแซนด์ ถึงจะไม่สูงเท่าเจย์  แต่ก็ไม่ได้เตี้ยไปกว่ากันสักเท่าไหร่  แต่ด้วยผมสีม่วงอ่อน ๆ และนัตย์ตาสีเขียวมรกต  ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ แซนด์ดูแตกต่างจากเด็ก ๆ รุ่นราวคราวเดียวกันในหมู่บ้าน

                    เฮ้  ว่าไง   เสียงเจย์ดังขึ้น   ทำให้แซนด์สะดุ้ง หลุดจากภวังค์

                    หา  นายว่าอะไรนะ

                    ชั้นถามนายว่า  นายจะกลับบ้านเลยหรือเปล่า  ชั้นจะได้ช่วยนายเข็นเกวียนลงเขาไปไง

                    อืม  ก็ดีซิ  มีนายช่วยอีกแรง จะได้ไม่ไถลวืดไปแบบเมื่อกี้นี้อีก

                    ว่าแล้วทั้งคู่ก็เริ่มออกแรงเข็นเกวียนบรรทุกไม้ฟืนลงเขาไปตามทางที่ขรุขระอย่างทุลักทุเล    โดยจุดหมายปลายทางอยู่ที่กระท่อมขนาดย่อม ๆ  ที่ตีนเขา

                    จะว่าไปแล้ว  นายก็ไม่ได้ไปเที่ยวที่บ้านชั้นนานแล้วนะเนี่ย  แม่ยังบ่นถึงนายอยู่เลย  แซนด์พูดพลาง ขณะที่ต้องก้มหัวหลบกิ่งไม้ที่ยื่นออกมาจากข้างทาง

                    ก็ช่วงนี้ ฝกตกทุกวันเลย  นายก็เห็น  อย่างที่ชั้นบอกไง วันนี้อากาศดีจริง ๆ เลย  เจย์ตอบพลางทำท่าสูดอากาศหายใจฟอดใหญ่  นี่ถามจริงเหอะ  ทำไมนายถึงคิดกลับบ้านทางนี้ล่ะ  ทางดี ๆ มี ไม่ยอมใช้  นายก็รู้ทางสายนี้ ธรรมดาแล้วไม่มีใครเค้าใช้แล้วนะ  มันทั้งรก ทั้งขรุขระขนาดนี้

                    ชั้นคิดว่าทางนี้น่าจะกลับบ้านได้เร็วกว่าทางข้ามแม่น้ำในหมู่บ้าน  ก็เลยจะลองดู  ไม่นึกว่ามันจะชันขนาดนี้

                    แล้วผลที่ออกมา ดันช้ากว่าเก่า แถมเกือบทำชั้นซวยไปด้วย  คิดแบบนี้ซิน๊าถึงได้มีเรื่องปวดหัวแทบทุกวัน

                    อย่ามัวบ่นเลยน่า  นายน่ะรู้ตัวมั๊ย ทำตัวเป็นคนแก่ขึ้นทุกวันแล้ว  รีบ ๆ เข็นเข้าเถอะ จะได้ถึงบ้านเร็ว ๆ วันนี้แม่ทำขนมไว้ด้วยนะ

                    จริงเหรอ  ลาภปากอีกแล้ว  กำลังคิดถึงขนมฝีมือคุณป้าอยู่พอดี  โชคดีจริง ๆ เล้ย…..”

                    เอ้า..  ก็รีบ ๆ  เข้าสิ เจย์ วิ่งเร็ว  นึกถึงขนมเข้าไว้  ขนม…..ขนม….ขนม…..”  แซนด์เร่ง พร้อมกับเข็นเกวียนวิ่งเร็วขึ้น

     

    **********************************

     

                    มายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะลูก

                    คอยพี่ค่ะแม่  น่าจะถึงได้แล้ว ไม่รู้มัวแต่ไปเถลไถลที่ไหน  สงสัยรู้ตัวว่าแพ้ เลยไม่กล้ากลับมา  สมน้ำหน้า 

                    จริง ๆ เลย  พี่น้องคู่นี้  คราวนี้แข่งอะไรกันอีกล่ะ  หืม…” 

                    ก็แข่งกันว่า  ใครจะกลับถึงบ้านก่อนค่ะ

                    อ้าว!  พี่เค้าไปตัดไม้ที่ด้านโน้นของป่าไม่ใช่เหรอ ทางก็ต้องไกลกว่าลูกที่ไปตักน้ำที่แม่น้ำอยู่แล้ว  ยังไง ๆ พี่เค้าก็ต้องแพ้หนูอยู่ดี  ทำไมถึงรับคำท้ากันล่ะ

                    อ๋อ..  ก็หนูต่อให้นี่คะ  หนูขนน้ำ 2  เที่ยว ให้พี่ขนไม้ฟืนแค่เที่ยวเดียว  อันที่จริงหนูเสียเปรียบกว่าด้วยนะคะเนี่ย  ยังเสร็จก่อนพี่เค้าเลย  กลับมาคราวนี้จะทำโทษอะไรคนที่แพ้ดีน๊า….  แม่ช่วยหนูคิดหน่อยซิคะ  นะคะแม่  นะคะ

                    ไม่ต้องมาอ้อนแม่หรอก  ไม่ยุ่งด้วยแล้ว  พี่น้องคู่นี้ มีเรื่องกันได้ทุกวี่ทุกวัน  หนูน่ะจะคอยพี่ก็เข้ามาคอยในบ้านดีกว่า มาเร็ว อย่ามัวยืนตากแดดอยู่ เดี๋ยวไม่สบาย  พานีย์เข้ามาด้วยนะ

                    ค่ะ  แม่      ไป นีย์ เข้าบ้าน   เด็กสาวตอบแม่  พร้อมกับหันไปลากสุนัขตัวใหญ่  สีดำเป็นมันที่กำลังจ้องมองมาเหมือนกับรู้ว่าแม่พูดให้พามันเข้าบ้านไปด้วย

     

    ***********************

                    โฮ่ง…..โฮ่ง…..”

                    แม่คะ  เสียงนีย์ สงสัยพี่จะกลับมาแล้ว หนูไปดูนะคะ  เด็กสาวร่างโปร่งบาง พูดจบพร้อมกับรีบวิ่งออกจากห้องครัวไปในทันที

                    ว่าไง คนขี้แพ้  กลับมาแล้วเหรอ  อ้าว…..”  เสียงเด็กสาวชะงักไป  เมื่อเห็นคนตรงหน้า

                    หวัดดี ซายน์   เจย์ทัก

                    พี่เจย์ มาไงอ่ะ  นึกว่าแซนด์ซะอีก

                    ซายน์  เสียงแม่ดุมาจากในครัว

                    ค่ะแม่    พี่แซนด์ก็ได้  ซายน์ตอบกลับเบา ๆ  แล้วหันหน้ากลับมาทางเจย์ด้วยสีหน้าเบื่อ ๆ

                    อยู่นี่   เสียงแซนด์ตะโกนมาจากด้านข้างของบ้าน  เอาไม้ฟืนไปเก็บมา

                    ทำไมช้าอย่างนี้หล่ะ  เค้ากลับมาตั้งนานแล้วนะ   ซายน์รีบเยาะทันทีที่เห็นหน้าแซนด์ พร้อมด้วยท่าทางยืนกอดอก ยิ้มมุมปาก ซึ่งเป็นท่าที่ซายน์คิดว่าคงจะกวนอารมณ์แซนด์ได้ดีที่สุด

                    สวัสดีครับ คุณป้า  เจย์รีบเดินเข้าไปทักแม่ของซายน์และแซนด์ทันทีเมื่อเห็นท่านเดินออกมาจากห้องครัว  พร้อมกับยกถาดใส่ขนมออกมาด้วย

                    อ้าว  เจย์  ไม่ได้เจอซะตั้งนาน..  พอดีเลย มา มาทานขนมด้วยกัน

                    ขอบคุณครับ  เจย์ตอบ พร้อมกับรีบเข้าไปช่วยถือถาดใส่ขนมไปวางไว้บนโต๊ะ

                    เอ้า  ….  สองคนนั่น จะเถียงกันอีกนานมั๊ย  แม่พูดพลางหันไปถามแซนด์กับซายน์ ที่กำลังยืนเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายที่ประตูบ้าน

                    แม่คะ  ก็พี่เค้าไม่ยอมรับว่าแพ้นี่คะ  บอกว่าครั้งนี้ให้ถือเป็นโมฆะ เพราะพี่เค้าไปเจอพี่เจย์ระหว่างทาง เลยแวะคุยกัน ทำให้กลับมาช้า 
    ขี้โกงชะมัดเลย   ซายน์พูดด้วยน้ำเสียงงอน ๆ  แล้วเดินมานั่งที่โต๊ะ เอื้อมมือหยิบขนมเข้าปากทันที

                    นี่นายโกงน้อง โดยเอาชั้นเป็นข้ออ้างเหรอ   เจย์แอบกระซิบกับแซนด์ ขณะที่แซนด์เดินมานั่งข้าง ๆ พร้อมกับหยิบขนมเข้าปาก

                    นายอย่าเสียงดังซิ  ดีนะที่ชั้นหัวไว คิดข้อแก้ตัวนี้ได้สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อกี้นี้เอง รอดตัวไป ไม่งั้นโดนยัยนั่นหาวิธีแปลก ๆ มาทำโทษอีก
    แน่ ๆ   แซนด์กระซิบกลับพร้อมกับเคี้ยวขนมไปด้วย

                    คุณป้า ไม่มาทานขนมด้วยกันเหรอครับ  เจย์หันกลับไปทักแม่ของเพื่อน เมื่อเห็นว่าท่านนั่งเหม่อลอยมองมาโต๊ะ ด้วยสีหน้าเศร้า ๆ

                    ไม่ล่ะจ๊ะ  ตามสบายน่ะ  ลูก ๆ ทานกันเถอะ  พูดจบ  นางก็หันกลับไปมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ด้วยสีหน้าเศร้า ๆ ตามเคย

     

    **************************************

     

                    เอาอาหารให้นีย์  แล้วเหรอลูก  แม่เอ่ยถาม ขณะที่แซนด์กำลังล้างมือ เพื่อจะเตรียมตัวรับประทานอาหารเช้าพร้อมกัน

                    ครับแม่  วันนี้นีย์ไม่รู้เป็นอะไรฮ่ะ  วิ่งไปวิ่งมา ไม่ยอมให้จับเลย  กว่าจะจับตัวไปผูกกับที่ได้ เล่นเอาเหนื่อยแทบแย่  แซนด์ตอบขณะเดินมานั่งที่โต๊ะ

                    อย่าโกรธนีย์เลยน่ะลูก  มันอยู่กับเรามานานแล้ว  ต่อไปนีย์อาจจะช่วยลูก ๆ  ได้มาก  โดยที่ลูกนึกไม่ถึงเลยก็ได้

                    ช่วยอะไรคะแม่  ซายน์ถามพลางเริ่มต้นกันแซนด์วิชในมือ

                    เอาเถอะ  อย่าถามเลย รีบ ๆ ทานอาหารเช้ากันเร็วเข้า  กลับจากโรงเรียนวันนี้แม่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับลูก ๆ ด้วยนะ

                    แซนด์กับซายน์มองหน้ากันอย่าง งง ๆ  กับพฤติกรรมของแม่ในวันนี้  แม่ดูเลื่อนลอย และมีสีหน้าที่ดูวิตกกังวล อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  ทั้งคู่จึงรีบกินแซนด์วิชในจานของตนเอง  และดื่มนมจนหมดแก้ว          

                    ตอนเย็น เมื่อทั้งคู่กลับจากโรงเรียนในหมู่บ้าน หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็เดินออกมาตามหาแม่ซึ่งไม่อยู่ในบ้าน  จนกระทั่งพบแม่นั่งอยู่บนตอไม้ ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาเป็นบริเวณกว้าง นีย์นอนหมอบอยู่แทบเท้า  แม่เหม่อมองไปในทุ่งหญ้าเบื้องหน้า  ซายน์เพิ่งจะเห็นว่ามองแม่จากมุมนี้ แม่ดูบอบบาง และดูแก่ลงไปมาก  วันนี้แม่ดูแปลก ๆ ไปจริง ๆ  แม่ดูห่อเหี่ยว   ไร้ชีวิตชีวา  และดูเศร้าหมอง ท้อแท้ สิ้นหวัง

                    แม่คะ   ซายน์เรียกแม่เบา ๆ ขณะเดินเข้าไปใกล้แม่ ก้มลงกอดแม่ไว้ เหมือนจะปลอบประโลม 

                    นั่งลงสิ  ทั้งสองคน  แม่มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย  แม่อยากให้ทั้งคู่ตั้งใจฟังสิ่งที่แม่จะพูดนี้ให้ดี เข้าใจมั๊ย  แม่พูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่นเช่นเคย

                    ค่ะ   ครับ  ทั้งคู่ตอบออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

                    วันพรุ่งนี้ ลูก ๆ  ก็จะมีอายุครบ  15  ปีกันแล้วซินะ

                    เออ….ใช่  จริง  ๆ ด้วย พรุ่งนี้วันเกิดพวกเรานี่นา  ลืมซะสนิทเลยเน๊อะซายน์  แซนด์ตะโกนทะลุกลางปล้องขึ้นมา  แต่ก็รีบเงียบเสียงลงทันที เมื่อเห็นสายตาของแม่ที่มองปรามมา

                    อายุ  15  กันแล้วซินะ  เวลาช่างผ่านไปเร็วจริง ๆ   แม่เหม่อมองไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นเบาๆ  อย่างไม่ได้มีเจตนาจะพูดกับแซนด์และซายน์  

                    แม่คะ  ซายน์เรียกแม่เบา ๆ  ด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ  เมื่อเห็นแม่พูดไปพร้อม ๆ กับน้ำตาที่คลอหน่วย

                    มันเร็วจริง ๆ  แม่ยังไม่ทันจะคิดเลยว่าจะเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ลูกฟังอย่างไร  ลูก ๆ ถึงจะเข้าใจในสิ่งที่แม่จะเล่าให้ฟัง แม่จะเริ่มต้นตรงไหนดีนะ  แม่มัวแต่คิดว่ายังมีเวลา แล้วค่อย ๆ อธิบายให้ลูกฟังไปเรื่อย ๆ  แต่เผลอแป๊บเดียว ก็ถึงวันพรุ่งนี้แล้ว  มันเร็วจริงๆ

                    แม่กำลังจะบอกอะไรกับเราน่ะ  เธอรู้เรื่องรึเปล่าซายน์  แซนด์กระซิบถามซายน์อย่าง งง ๆ  ทั้ง ๆ ที่สายตายังคงจ้องไปที่แม่ ซึ่งตอนนี้นั่งเหม่อมองออกไปแสนไกล  ซายน์ได้แต่ส่ายหัวไปมา โดยที่ตายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าของแม่ตรงหน้า

                    แม่จำได้ว่าเมื่อตอนเล็ก ๆ ลูก ๆ เคยสงสัยและถามแม่เสมอว่าทำไมเราถึงไม่ไปอยู่ในหมู่บ้านเหมือนคนอื่น ๆ  ทำไมชาวบ้านถึงชอบมองลูกแปลก ๆ ทำไมแม่ไม่เคยเข้าไปในหมู่บ้านเลย  แต่แม่ก็ไม่เคยตอบคำถามเหล่านั้น บอกแต่ว่าสักวันหนึ่งลูก ๆ จะรู้เอง  แม่ยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

                    อุโมงค์กินคน   อยู่ ๆ แม่ก็พูดโพล่งขึ้นมา

                    ค๊ะ  อะ..อะไรครับ   ทั้งซายน์และแซนด์สะดุ้งโหยง พร้อมกับปล่อยเสียงออกมา

                    อุโมงค์ที่อยู่หลังป่าด้านโน้น  ที่ชาวบ้านเรียกกันว่าอุโมงค์กินคน  ลูก ๆ รู้จักใช่มั๊ย ลูกรู้มั๊ยทำไมชาวบ้านจึงเรียกมันว่าอุโมงค์กินคน  แม่เงียบไปอึดใจ เมื่อเห็นว่าเด็ก  ๆ ต่างนั่งนิ่งจ้องมองมายังตนเป็นตาเดียว โดยไม่เอ่ยปากอะไรออกมา   จึงเริ่มต้นพูดต่อโดยสายตายังทอดมองออกไปแสนไกล

                    นั่นเป็นเพราะไม่ว่าใครที่เข้าไปในอุโมงค์นั่นแล้ว  ไม่เคยจะกลับออกมา  ชาวบ้านกลัวอุโมงค์นั่นมาก ว่ากันว่าเป็นที่อยู่ของปีศาจที่ต้องกินคนเป็นอาหาร

                    พ่อด้วยใช่มั๊ยค่ะแม่  พ่อก็หายไปในอุโมงค์นั่น  อยู่ ๆ ซายน์ก็พูดขึ้นมา

                    แม่ชะงักคำพูดที่กำลังจะพูดต่อ  ตวัดสายตากลับมามองหน้าซายน์ที่กำลังจ้องมองมา และเมื่อเบนสายตาไปมองอีกคนหนึ่งก็เห็นแซนด์กำลังจ้องมองแบบรอคอยคำตอบเช่นกัน

                    จ๊ะ  ลูก  แม่ตอบพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มลงมา   ฟังแม่ดี ๆ น่ะลูก  ทุก ๆ อย่างมันเริ่มจากแม่ไม่ใช่คนที่นี่  แม่จากอุโมงค์นั่นแม่พูดพร้อม ๆ กับหันหน้ามองไปทางชายป่า ซึ่งลึกเข้าไปคือที่ตั้งของอุโมงค์นั่น  อุโมงค์ที่ชาวบ้านขนานนามให้ว่า อุโมงค์กินคน

                    พ่อมาเจอแม่สลบอยู่หน้าอุโมงค์ แล้วพ่อก็พาแม่กลับมาอยู่ในหมู่บ้าน แต่พอชาวบ้านรู้ว่าพ่อเจอแม่ที่ไหน  ทุก ๆ คนก็รังเกียจแม่ พากันว่าแม่คือปีศาจ จะนำภัยพิบัติมาสู่หมู่บ้าน ไม่มีใครต้อนรับแม่ พากันขับไล่  พ่อจึงต้องพาแม่มาสร้างบ้านอยู่กันที่นี่  นี่คือสาเหตุต่าง ๆ ที่ลูกเฝ้าถามกันมาตลอด

                    แม่  คือว่า….   แล้วแม่คือใครครับ  แซนด์ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาหวิว  แทบจะเป็นเสียงกระซิบ

                    ต่อมาไม่นาน  แม่ก็ตั้งท้อง  แม่ยังคงเล่าต่อ โดยมีสายตาอับอบอุ่น แต่ดูปวดร้าวจ้องมองมายังทั้ง  2  คน ซึ่งตอนนี้มีแต่สีหน้าที่ดู
    งุนงงปรากฏอยู่บนใบหน้า  แต่ตอนแม่ใกล้จะคลอด  แม่ก็ไม่รู้ว่าแม่เป็นอะไร แม่เหมือนคนไม่สบายมาก  มีไข้สูง และมักจะเพ้อแต่ว่าจะกลับบ้าน   จนทำให้พ่อพลอยเป็นกังวลไปด้วย  พ่อพยายามหาวิธีรักษาแม่ทุกทางแต่ไม่สำเร็จ   อาการแม่หนักมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งพ่อทนไม่ไหวกลัวว่าจะเสียทั้งแม่และลูกไป  พ่อจึงตัดสินใจเข้าไปในอุโมงค์  เพราะคิดว่าน่าจะมีอะไรในอุโมงค์ หรือมีวิธีใดที่จะรักษาแม่ได้  แต่นับตั้งแต่นั้น พ่อก็ไม่กลับมาอีกเลย  ถ้าแม่มีแรงมากพอ แม่จะห้ามพ่อ  ห้ามไม่ให้พ่อเข้าไปที่นั่น  แม่กล่าวจบพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

                    แล้วเกิดอะไรขึ้นค่ะ แม่หายได้ยังไง  แล้ว   แล้วตกลง แม่เป็นใครค่ะ  เสียงซายน์ถามขึ้น

                    จนกระทั่งวันหนึ่ง  แม่คิดว่าคงเป็นวันที่แม่ต้องตายแน่แล้ว  แม่เจ็บปวดไปทั่วร่าง  รู้สึกเหมือนตัวแม่จะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ  และแล้วแม่ก็คลอดลูกทั้ง  2  ออกมา  และนั่นก็ทำให้อาการทุกอย่างของแม่หายเป็นปกติ  แม่ไม่รู้ว่าทำไม  เกิดอะไรขึ้นกับแม่  แต่แม่คิดว่าคงเป็นเพราะที่นี่  ในโลกนี้    ทำให้แม่มีอาการผิดปกติตอนจะคลอด   เมื่อคลอดลูกแล้วแม่จึงกลับเป็นปกติ เหมือนไม่ได้เป็นอะไรเลย  แต่แม่ห้ามพ่อทัน  พ่อก็คงไม่จากเราไป   เสียงแม่เริ่มสะอื้น

                    แม่ค่ะ …. “   แม่ครับ….”   ทั้ง  2  ลุกขึ้นเดินเข้าไปกอดแม่พร้อม ๆ กัน

                    พ่อเป็นมนุษย์ธรรมดา  พ่อจึงไม่ได้กลับออกมา  แม่ก็ไม่รู้ว่าพ่อเข้าไปที่นั่นแล้ว พ่อจะเป็นอย่างไรบ้าง  เพราะฉะนั้น หนูทั้ง  2  เป็นเสมือนตัวแทนความรักที่พ่อมีให้แม่เสมอมา  เพราะไม่ว่าแม่จะเป็นใครมาจากไหน  พ่อก็ไม่เคยคิดจะถามแม่เลย  พ่อมีแต่ความรักให้แม่ตลอดจนกระทั่งวันสุดท้ายที่พ่อจากไป  พ่อก็จากไปเพราะความรักที่พ่อมีให้กับแม่    แม่รักหนูทั้ง  2  มากนะลูก  แม่กล่าวต่อพร้อมกับลูบหัวแซนด์และซายน์ไปด้วย

                    แม่ครับ  ผมมีเรื่องจะถามหน่อยได้มั๊ยครับ  แซนด์ถามขึ้น และเมื่อเห็นว่าแม่มองกลับมาเหมือนจะรอฟังอยู่  แซนด์ก็ถามต่อว่า  แล้วตกลงแม่มาจากไหนครับ ในอุโมงค์นั่นมีอะไรกันแน่

                    อุโมงค์นั่นเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างโลกนี้กับโลกที่แม่มา  โลกนั้นชื่อว่า   พาร์ตรีไดส์ 

                    พาร์ตรีไดส์   ทั้งคู่ประสานเสียงออกมาพร้อม ๆ กัน แบบงง ๆ

                    ใช่จ๊ะ  พาร์ตรีไดส์  และแม่คิดว่าลูก ๆ คงจะได้รู้จักมันเร็ว ๆ นี้ 

                    ทำไมค่ะแม่  แม่จะพาเราไปที่นั่นเหรอค่ะ  ซายน์ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

                    มันขึ้นอยู่กับลูกจ๊ะ  อยู่ที่การตัดสินใจของลูกทั้ง  2  ว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไป หรืออยากจะรู้จัก พาร์ตรีไดส์  แม่ตอบด้วยสายตาเลื่อนลอย

                    แล้วทำไม แม่ไม่พาพวกเราไปตั้งแต่ที่พ่อหายไปละครับ  ที่จริงแม่ไม่ต้องทนอยู่ที่นี่ให้คนในหมู่บ้านทำอย่างนี้กับแม่  เรากลับไปอยู่บ้านของแม่กันก็ได้ เน๊อะซายน์  แซนด์ถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น อย่างเห็นเป็นเรื่องสนุกที่จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ

                    ไม่ได้หรอกลูก  มันยังไม่ถึงเวลา  พาร์ตรีไดส์ ไม่ใช่สถานที่ ที่ใครอยากจะมา หรืออยากจะไปตามใจชอบได้  ทุกอย่างมีข้อกำหนดและแม่ก็คิดว่านี่คงถึงเวลาของลูก ๆ แล้ว  ซายน์ เข้ามาใกล้ ๆ แม่ซิลูก   แม่พูดพลางก้มลงหยิบของที่อยู่ในกล่องเล็ก ๆ ข้าง ๆ ตัว

                    ของขวัญวันเกิด ปีที่  15  ของลูกจ๊ะ ลูกต้องสวมมันไว้ตลอดเวลาน่ะ ห้ามถอดมันออกจากตัวเด็ดขาด  แม่พูดพลางสวมสร้อยสีเงินเส้นเล็ก ๆ ให้ซายน์

                    ขอบคุณค่ะแม่  ซายน์ก้มดูสร้อยที่อยู่บนคอตนเอง  เป็นสร้อยที่สวยมาก ซายน์ได้แต่นึกในใจ  สวยจนบอกไม่ถูก ซายน์รู้เพียงแต่ว่าชอบมันมาก  มันเป็นสร้อยสีเงินเส้นเล็ก ๆ ดูบอบบาง เหมือนกับจะขาดได้ง่าย ๆ  มันส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับ  ซายน์จับจี้ที่ห้อยอยู่กับสร้อยขึ้นมาดู  มันเป็นคริสตันใสสีม่วงอ่อน ๆ  รูปแมลงปอกางปีก    แต่ที่สะดุดตาที่สุดคือส่วนหางของแมลงปอ กลับกลายเป็นโลหะสีเงิน ซึ่งเป็นสี่เหลี่ยมมีปุ่มแหลมที่ไม่เท่ากันยื่นออกมา  3  ปุ่ม

                    แซนด์  นี่ของลูกจ๊ะ  เสียงแม่ดังขึ้น เรียกให้ซานย์เงยหน้าขึ้นมองภาพตรงหน้า  แม่กำลังสวมสร้อยข้อมือให้แซนด์  มันเป็นสร้อยแบบเดียวกันกับที่ซานย์ได้  แต่มีขนาดใหญ่กว่า สร้อยข้อมือของแซนด์เมื่อนำตะขอมาเกี่ยวกันแล้วจะกลายเป็นรูปแมลงปอเหมือนของซายน์เพียงแต่มีลักษณะที่เล็กกว่า และไม่มีปุ่มโลหะที่เงินที่หาง

                    ขอบคุณครับแม่  แซนด์ตอบขณะที่ตายังจ้องมองที่อยู่สร้องข้อมือของตนเอง

                    ลูกทั้ง  2   คน ต้องดูแลกันดี ๆ น่ะ  อย่าทิ้งกัน  รักกันมาก ๆ แซนด์ เป็นพี่ต้องดูแลน้องด้วยน่ะลูก  แม่รักลูกทั้ง  2  คนมากน่ะ  แม่พูดเป็นครั้งสุดท้าย 

     

    **************************************

     

                    ซายน์   ตื่นเร็ว  วันนี้วันเกิดเรานะ  ไปดูดีกว่าว่าแม่เตรียมอะไรให้เรากินบ้าง   เร็ว    ซิ  เสียงแซนด์ตะโกนปลุกแต่เช้า

                    โห   พี่แซนด์ ไม่ค่อยบ้าเห่อเลยนะ  ปกตินอนตื่นซะสาย  วันนี้ทำไมเป็นฝ่ายมาปลุกได้ล่ะเนี่ย   ซายน์งัวเงียตอบ แต่ก็ลุกขึ้นเก็บที่นอนให้เป็นระเบียบ เหมือนเช่นที่ทำทุกวัน

                    แหม วันนี้วันพิเศษทั้งที  ก็ต้องมีอะไรพิเศษ ๆ หน่อย  เร็ว ๆ เข้าสิ ยายอืดอาด  ไม่งั้นไม่รอแล้วน่ะ เดี๋ยวถ้าออกไปก่อนเจออะไรอร่อย ๆ จะกินให้หมด ไม่เหลือให้เลย  แซนด์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง

                    รอด้วย  แป๊บเดียว  นะ  

     

    **************

                    แม่คะ   แม่ครับ   ทั้งคู่ประสานเสียงเรียกแม่ เมื่อเห็นว่าในห้องครัวไม่มีใครอยู่

                    แม่หายไปไหนล่ะเนี่ย  หรือจะเซอร์ไพส์อะไรเรารึเปล่าน๊า  เสียงแซนด์ดูตื่นเต้นกับเรื่องแปลกของวันนี้

                    ไม่น่าจะใช่น่ะพี่แซนด์  ตามปกติแล้วป่านนี้แม่ต้องอยู่ในครัวแล้วนี่น่า  แยกกันหาแม่ดีกว่านะ  พี่ไปดูข้างนอกล่ะกัน  เดี๋ยวซายน์จะเข้าไปดูแม่ที่ห้อง  เผื่อว่าแม่จะไม่สบาย  ซายน์พูดด้วยสีหน้าวิตก 

                    อืม  ก็ได้  แซนด์ตอบ  แล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปตามทางที่ตกลงกันไว้

                   

                    แม่…..   แม่คะ  

     

    **********************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×