ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOT 2JAE - jeabeom x youngjae

    ลำดับตอนที่ #24 : Backside - 5/5 [END] 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.15K
      23
      3 ก.ค. 57




    BACKSIDE - part 5/5 END







     

     

     

    เดินไปถึงไหนวะเนี่ย.. 

     

    เวลาหลับนอนของผมต้องสละมาเพื่อเดินตามหาเด็กบางคนมันช่างไร้เหตุผลเสียจริง แต่ก็นะ.. มันคือความรับผิดชอบของผม 

     

    อย่างน้อย ในเมื่อผมทำเจ้าตัวร้องไห้ขี้มูกโป่งออกไปแบบนั้น ผมก็น่าจะรับผิดชอบสักหน่อย หนำซ้ำผมยังไม่ได้บอกมาร์คเลยว่าแฟนมันเดินหนีออกจากห้องไปเอาดื้อๆ 

     

    และกว่าผมจะรู้ตัวว่าควรจะตามหายองแจก็ปาไปชั่วโมงกว่าๆ ป่านนี้เดินไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย เบอร์โทรศัพท์ก็ไม่รู้ 

     

    เอ้ะ.. 

    ทำไมไม่ขอเบอร์จากมาร์คละวะ.

     

    เห้ยไม่ได้ดิ ขืนบอกไอ่มาร์คโดนมันด่าตาย 

     

    ผมเดินไปเดินมาอยู่ซักพพักก็ไม่รู้จากไปทางไหน หาแถวๆรอบคอนโดก็ไม่เจอ ให้หาไกลกว่านี้ทั้งคืนคงไม่เจอแน่ ผมต้องหาวิธีที่ฉลาดกว่าการเดินตามหาโง่ๆ 

     

    หรือผมจะต้องเสี่ยงโทรหาไอ่มาร์คจริงๆ แล้วจะโดนมันสับไหม.. 

    กดมือถือเข้าๆออกๆไม่กล้าตัดสินใจซักที ไม่เคยคิดว่าสักวันจะจะต้องโทรไปสารภาพเรื่องแปลกๆแบบนี้กับมันเลย  ผมตัดสินใจเดินมาปักหลักคิดหาคำดีๆอยู่หน้ามินิมาทใต้คอมโดเหมือนเดิม 

     

    ‘มาร์คกูเผลอเถื่อนกับแฟนมึงไป ร้องไห้ขี้มูกโป่งออกห้องไปแล้ววะ’

    อืมม.. ไม่ดีๆ 

     

    ‘มาร์ค.. ยองแจหายตัวไป อยู่ๆก็หายจากห้องกูไปเลย’

    คงบาปหนักมากแน่ๆโกหกขนาดนี้ 

     

    ว่าแล้วก็เมื่อยครับ เดินไปเดินมาจนปวดขาไปหมด พาร่างเน่าๆของตัวเองไปที่ม้านั่งใกล้ๆหวังจะบรรเทาความปวดเมื่อได้ หรือผมแก่เหมือนอย่างที่ยองแจว่าจริงๆ

     

    กึกก.. 

     

    เห้ยย.. 

    เสียงเหมือนของแข็งอะไรบางอย่างกระทบกัน น่าจะอยู่ไม่ไกลจากที่ผมอยู่ และคงอยู่แถวๆมินิมาท.. ผมค่อยๆย่องๆไปบริเวณอีกฝั่ง มันค่อนข้างมืดแต่ตรงนั้นมีม้านั่งอยู่ เหมือนจะเห็นเงาตะคุ่มๆด้วยแหะ

     

    กึก..!

    ผมสะดุ้งโหย่งเพราะเสียงดังขึ้นเมื่อผมเข้าใกล้ 

    ผีป่ะวะ..

     

    พยายามใจดีสู้เสือขยับเข้าไปดูอีกนิด และก็เจอกับ.. 

     

    “ยองแจ..”

    เจ้าเด็กอ้วนเด้งตัวขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ สายตาตื่นๆจ้องมองมาทางผม.. อย่าบอกนะว่านั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ออกมาแล้วน่ะ.. เมื่อกี้คงเป็นเสียงของหัวกลมๆนั้นกระแทกกับเสาเพราะหลับ 

     

    “นายอยู่ตรงนี้นานแล้วหรอ?” 

    ยองแจไม่ตอบอะไรแต่กลับทำท่าจะเดินหนีผมเลยคว้าข้อมือเล็กนั้นเอาไว้ก่อน ดวงตาเรียวตะหวัดมองอย่างเคืองๆ 

     

    “ไปไหนก็ไม่ได้ยังจะดื้อออกมาคนเดียวอีกนะ”

    “..ปล่อยผมนะ!”

     

    “แล้วไง แล้วนายก็จะนอนอยู่ตรงถึงจนเช้ารึไง”

    “….”

     

    “ไปขึ้นห้อง”

    “ไม่เอา!”

    ยองแจพยายามดึงข้อมือตัวเองออก มีหรอที่ผมจะยอม ผมเพิ่มแรงขึ้นยิ่งทำให้คนตัวเล็กก้มหน้าก้มตาจะขืนตัวออกจากผมท่าเดียว

     

    “จะปล่อยให้ยุงหามไปกินรึไง”

    “ปล่อยยย!!”

    ผมไม่สนใจเสียงแว้ดๆนั้นออกแรงฉุดกระฉากลากถูกให้อีกคนเดิมตามมา ถึงแม้มันจะทุลักทุเลมากก็ตาม ยองแจทั้งทุบทั้งตีฟาดตามตัวผมไม่ยั้ง 

     

    “เจ็บนะ! ไอ่เด็กบ้าเอ้ยย!”

    “ใครกันแน่ที่บ้าห้ะ!! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้!!!”

     

    เท่านั้นแหละครับ.. คนมองยังกับมีรถชนก็ยองแจเล่นเสียงดังขนาดนี่ ผมเลยจับอีกคนอุ้มขึ้นพาดไหล่ทันที 

     

    อั๊กก..!!

    หนักโว้ยยยยย

     

    “อ๋าา~! ทำอะไรห๊าา ปล่อยยๆๆๆ!!”

    เจ้าตัวดิ้นพล่านทั้งแขนทั้งขาอยู่ไม่นิ่งไปหมด ยองแจตัวเล็กกว่าผมก็จริง แต่ดิ้นแบบนี้มีสิทธิตกลงไปหัวฟาดได้เหมือนกัน 

     

    “เดี๋ยวจับทุ่มเลยนิ! หยุดโวยวายสักที!”

    ผมแกล้งขยับให้หัวคนตัวเล็กให้เลื่อนลงไปด้านหลังมากขึ้น เจ้าตัวผวาคว้าแขนผมเอาไว้แทบไม่ทัน ได้ทีก็ก้าวฉับๆเข้าคอนโด คนมองตามกันเป็นแถว

     

    ยองแจยังดิ้นเหมือนเดิมแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนมากคงกลัวตก แต่พอผมเดินเข้าไปในลิฟต์เท่านั้นแหละ กำปั้นเล็กรัวทุบเข้าที่หลังจนมันระบมไปหมด

     

    “ผมไม่อยู่แล้ว! ปล่อยผมม! ฮยองบ้ารึไงห้ะ!!”

    “แล้วจะนอนข้างถนนรึไง โอ้ยยย! หยุดทุบซักที!!”

     

    “ไม่ๆๆ! นี่แหนะ!!”

     

    อ๊ากกก ชีวิตผมไม่เคยเจอเด็กที่ไหนน่าปวดหัวได้ขนาดนี้เลย กว่าลิฟต์จะเคลื่อนตัวมาถึงชั้น 7 หลังผมก็แทบฟัง ไม่สิ.. ไม่ใช่แค่หลังหูผมด้วย 

     

    ทันทีทีลิฟต์เปิดออก การจะหยิบเอาคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกงตัวเองก็ดูลำบากซะเหลือเกินในเมื่อมันอยู่ในกระเป๋าข้างที่มีตัวยองแจดิ้นไปดิ้นมาอยู่ 

     

    เอาไงดีวะ.. 

    จะปล่อยยองแจลงก็กลัวจะวิ่งหนีไปซะก่อน

     

    อืม.. ผมตัดสินใจวางคนตัวเล็กลงแต่.. รั้งเอวบางๆนั้นเข้ามาติดกับตัวโดยใช้มีอีกข้างล็อคเอาไว้

     

    “หะ..เห้ย ฮยองทะ..ทำไรอะ!! ปล่อยนะ!!” 

    ยองแจดูอึ้งๆที่โดนผมกอดแบบนี้ ใบหน้าหวานเกยอยู่บนไหล่ หนำซ้ำกลิ่นหอมๆจากกร่างบางยังทำเอาผมแทบตัวเองคุมไม่อยู่

     

    ไม่ๆ คิดอะไรอยู่วะแจบอม หยิบคีย์การ์ด! หยิบคีร์การ์ดดิ!! ยองแจก็แค่ตัวหอมตัวนิ่ม จะไปสนทำไมวะ ผมพยายามดึงสติกลับมาที่ประตูห้อง ล้วงมือข้างที่ว่างหยิบคีย์การ์ดออกมาเปิดประตูด้วยความรวดเร็ว

     

    “ผมไม่อยู่!! ฮยองพูดไม่รู้เรื่องรึไง!!!”

    “นี่อยากตื่นมาแล้วโดนคนเก็บขยะเก็บไปใช่ไหม! เข้าไป!”

     

    ความยากมันอยู่ตรงนี้แหละครับ เมื่อขาถึงพื้นยองแจก็พยายามยื้อตัวเอาไว้ แต่ครั้งนี้ผมจะไม่ออมแรงให้หรอกจัดการอุ้มคนตรงหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วสาวเท้าเข้าไปด้านในทันที 

     

    ยองแจที่กึ่งยืนกึ่งโดนอุ้มคว้าต้นคอผมเอาไว้เป็นที่ยึดแล้วก็ลงไม้ลงมือใส่ผมอีกครั้ง

     

    “ดิ้นมากเดี๋ยวปล้ำนะเว้ย!!”

     

    กึก.. 

    ได้ผลแหะ.. 

     

    คนตัวเล็กนิ่ง.. นิ่งจนน่าแปลกใจ.. 

    ยองแจกำคอเสื้อผมแน่นปล่อยให้ผมกอดอยู่อย่างนั้น ไม่ขยับ ไม่พูด ไม่โวยวาย.. 

     

    “ยองแจ..”

    ผมลองเชิงเรียกเบาๆพลางดันคนตัวเล็กออกเล็กน้อยเพื่อที่จะได้มองหน้าอีกคนได้ถนัด

     

    “เป็นอะไร..”

    จับไหล่เล็กทั้งสองข้างออก บังคับให้ยืนตรงหน้าจะได้คุยกันรู้เรื่อง แต่เจ้าตัวกลับก้มหน้าไม่ไหวติ่ง ก่อนที่ผมจะรู้สึกได้ถึงหยดน้ำใสๆหยดเล็กๆ ร่างเผาะลงมาตามใบหน้าเรียว 

     

    ร้องไห้.. 

     

    “หะ..เห้ย..กลัวหรอ..”

    เพราะร่างเล็กสั่นน้อยเหมือนๆลูกแมวที่พยายามจะหาทางหนี ยองแจกลัวผมทำมิดีมิร้ายจนสั่นขนาดนี้เลยหรอ?

     

    “ฮึก..”

     

    ชิบ.. ผมทำยองแจร้องไห้อีกแล้ว.. ตอนนี้ผมอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าแค่ขู่เล่นๆแล้วจะกลัวๆจริงๆ รู้ตัวอีกทีผมก็ดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดซะแล้ว.. 

     

    สัมผัสความชื้นได้จากเสื้อ ยองแจซุกหน้าร้องไห้เหมือนเด็กๆ 

     

    ไม่รู้ว่าร้องเพราะกลัวอย่างเดียวหรือร้องเรื่องอื่นด้วย..

    ผมยกมือขึ้นลูบหัวกลมอย่างเบามือ เส้นผมเส้นเล็กไล้ผ่านฝ่ามือผมไปช้าๆ กระชับกอดแน่นขึ้นเพื่อเป็นการย้ำบอกว่าผมจะไม่ทำอะไรอีกพร้อมคำพูด 

     

    “ฉันไม่ทำหรอกน่า..”

    “……”

     

    “ถ้ารู้ว่าจะร้องขนาดนี้ก็ไม่แกล้งตั้งแต่แรกแล้ว”

    “…ฮึก..”

     

     

    “หยุดร้องตัวเล็ก ขอโทษ..”

     

    .

    .

    .

     

     

    “อะ..กินซะ”

    อาหารจานด่วนฝีมือกากๆของอิมแจบอมถูกวางไว้ตรงหน้าคนตัวเล็ก ยองแจชายตามองเล็กน้อยพร้อมกับทำสีหน้าเหมือนไม่ไว้ใจมัน เอาเถอะครับ ชีวิตชายโสดอย่างผมก็ทำได้แค่นี้ 

     

    “ไม่ตายหรอก กินไปเถอะยังไม่ได้กินอะไรไม่ใช่รึไง”

    ยองแจส่ายหน้า.. 

     

    ดวงตาเรียวจ้องมองฝ่ามือตัวเองนิ่งๆ พอร้องไห้จนพอใจแล้วเจ้าตัวก็เอาแต่เงียบจนผมอึดอัด 

     

    “อยากไปหาไอ่มาร์คไหม..”

    บอกตรงๆ ผมรู้สึกผิดที่ทำยองแจซึมแบบนี้ ผมว่ายองแจควรกลับไปหาไอ่มาร์ค อยู่กับผมคงไม่ได้ทำให้ยองแจสบายใจขึ้นมา 

     

    “ผมอยากกลับไปหามาร์คฮยอง..”

    น้ำเสียงแบบนั้นทำผมใจกระตุกวูบ สายตาที่ดูไม่มีความสุขมัน.. มันทำให้ผมนึกสมเพศตัวเอง

     

    ผมทำยองแจแย่ขนาดนี้เลยหรอวะ.. 

     

    “อืม.. เดี๋ยวโทรบอกมันให้..”

     

    ปล่อยให้ยองแจนั่งอยู่กับตัวเอง ส่วนผมเดินออกมาโทรศัพท์ข้างนอกระเบียง กดเบอร์โทรออกหาเพื่อนสนิทพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ 

     

    ‘มีอะไรแจบอม?’

    “มึง..มารับยองแจกลับไปหน่อย”

     

    ‘..ยอมกลับแล้วหรอ’

    “อือ”

     

    ‘ทำยังไงว่ะ..’

    “ทำร้องไห้วะ..”

     

    ‘…..’

    “…..”

     

    ‘อืม..เดี๋ยวกูไป’

     

    จบประโยคคนในสายก็วางไป ไม่รู้มันจะโกรธผมรึเปล่า แต่เอาเถอะ ผมก็ไม่รู้จะโกหกมันยังไง หันมามองในห้องยองแจนั่งกอดเข่าดูทีวีเหมือนวันก่อนๆ แต่สายตาของเจ้าตัว ดูก็รู้ว่าไม่ได้สนใจเรื่องราวในทีวีแม้แต่น้อย 

     

    เช้าวันใหม่ผมก็คงเริ่มต้นขึ้นโดยที่ทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มียองแจ จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้แปลกอะไรมาก แค่รู้สึกโหว่งๆ ละมั้ง.. 

     

    จู่ๆก็ใจหาย.. ถ้ายองแจจะไปจริงๆ.. 

    ทำไมจู่ๆก็มาจู่ๆก็ไปแบบนี้วะ 

     

    ไอ่เด็กแสบ.. 

     

     

    ผมเดินกลับเข้ามาในห้อง ร่างเล็กกำลังเอนหัวหนุนหมอนบนโซฟา คงจะง่วงบวกกับเมื่อกี้ใช่พลังโวยวายไปซะเยอะเชียวอาจจะเหนื่อย แต่พอยองแจเห็นผมเดินเข้ามาก็เด้งตัวนั่งเหมือนเดิม 

     

    “ง่วงก็นอนสิ”

    ผมพูดออกไป แต่ยองแจก็สายหัวพลางจ้องมองทีวีอีกครั้งทั้งๆที่ตาปรือจนแทบจะปิด เห็นแบบนั้นผมเลยปล่อยให้ยองแจอยู่คนเดียว 

     

    ผมเข้าไปนั่งเล่นคอมในห้องรอเวลาไอ่มาร์คมารับ เปิดเพลงดูนู้นดูนี่ไปเรื่อยเปื่อย แต่ทว่าในหัวสมองผมไม่ได้มีสติอยู่กับหน้าจอคอมเท่าไร ในใจก็เอาแต่คิดว่าทำยองแจมีเรื่องอะไรให้คิดมาก หรือแม้แต่ว่ายองแจจะเกลียดผมไปแล้วรึยัง ที่คิดหนักก็คงจะเป็นอย่างหลังละะมั้ง..

     

    ไม่คิดว่ายองแจจะกลัวขนาดนี้ อีกอย่างเรื่องพ่อของยองแจผมไม่ทันได้ถามอะไรจากไอ่มาร์คมาก ผมเอาแต่คั้นเอาคำตอบจากยองแจโดยไม่คิดว่ายองแจอยากจะเล่าให้คนอย่างผมฟังรึเปล่า

     

    แล้วผมมาสำนึกผิดตอนนี้จะทันอะไรวะเนี่ย.. 

     

    ตอนนี้จะหลับไปยังนะ..

     

    ว่าแล้วก็เดินออกไปดูซักหน่อย ผมค่อยๆแง้มประตูออกให้เบาที่สุดเผื่อว่าถ้ายองแจหลับจะได้ไม่สะดุ้งตื่น และก็เป็นอย่างที่คิด ยองแจหลับตาพริ้มนอนอยู่บนโซฟา ในมือกำรีโมทไว้หลวมๆ อากาศเย็นแบบนี้มานอนไม่ห่มผ้าเดี๋ยวก็ได้หนาวตาย 

     

    ผมเดินไปหยิบผ้าห่มออกมาให้ แต่ผิวขาวๆนั้นทำให้ผมชะงักมือไว้อย่างนั้น พอหลับแบบนี้ไม่มีพิษมีภัยก็น่ารักดี ความจริงปกติก็น่ารักอยู่แหละ แต่พอยองแจนิ่งทำให้ผมได้สังเกตรายละเอียดบนใบหน้าได้นานขึ้น 

     

    นานพอที่ผมเริ่มรู้สึกหลงไหลในผิวขาวๆเหมือนเด็กของยองแจ นานพอที่ผมเริ่มไม่อยากละสายตาไปจากเรียวปากสีหวาน นานพอที่คนตรงหน้าดึงดูดผมให้ก้มลงไปประกบจูบ.. 

     

    เสียงเล็กครางอือออกมาเบาๆเหมือนมีคนมากวนใจเวลานอนแต่ก็ยังไม่ตื่น ย่อตัวลงข้างโซฟาเท้าแขนข้างหนึ่งไว้บนพนักพิงเพื่อไม่ให้น้ำหนักตัวเองกดทับลงบนตัวยองแจมากเกินไป ใช้ริมฝีปากตัวเองบดคลึงเข้าหารสชาติหวานๆอย่างเอาใจ เละเล็มกลีบปากล่างช้าๆก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปแตะสัมผัสกับลิ้นเล็ก

     

    ลิ้นหยุ่นๆนอนแน่นิ่งให้ผมคลอเคลียได้อย่างง่ายดาย ไม่มีท่าทีขัดขืนเหมือนเมื่อยามเจ้าตัวตื่น และผมก็เริ่มเอาแต่ใจมากขึ้นโดยการขยับตัวเข้าไปคร่อมร่างเล็กเอาไว้ 

     

    และจังหวะนั้น.. ยองแจก็กลับรู้สึกตัวขึ้นมาดื้อๆ..

    ดวงตาเรียวค่อยๆขยับเปิดออก มือเล็กตรงเข้ามาขยุ้มไหล่ผมอัตโนมัต 

     

    “อะ..อื้ออ..”

    ยองแจเหมือนจะยังตั้งสติไม่ได้ และตอนนี้สำนึกรับผิดชอบชั่วดีของผมก็ตะเลิดเปิดเปิงไปหมดแล้ว ผมดันท้ายทอยอีกคนให้เข้ามารับจูบผมได้ง่ายขึ้น มือเล็กขยุ้มคอเสื้อผมเบาๆก่อนจะออกแรงทุบ เหมือนพยายามจะพูด 

     

    ผมเปิดปากออกเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ถอนจูบออก แค่แตะปากไว้กับปากยองแจเอาไว้เบาๆ

     

    “หายใจ..ไม่ออก”

    “นายโกรธฉันไหม..”

     

    และสมองส่วนไหนของผมก็ไม่รู้ที่ส่งการให้ถามออกไปแบบโง่ๆ ไม่มีบทนำไม่มีเกริ่นอะไรทั้งนั้น ยองแจช้อนมองผมด้วยสายตาเคืองๆในขณะที่ยังหอบอยู่น้อยๆ

     

    “โกรธ…”

    “ขอโทษได้ไหม..”

     

    “… ไม่ ”

     

     

     

     

     

     

     

     

    —————————

     

     

     

    หนึ่งอาทิตย์ต่อมา..

     

     

    “ยองแจโกโก้ร้อนหนึ่งที่นะจ้ะ”

    “ครับผม”

     

    ผมตอบรับออเดอร์มาจากพี่มินก่อนจะหันมาทำออเดอร์อยู่ในเคาท์เตอร์หน้าร้าน ช่วงนี้ลูกค้าเยอะเป็นบ้า พี่มินก็วุ่นวายอยู่กับการเสริฟออเดอร์ให้ถูกโต๊ะ ผมเลยต้องเร่งมืออยู่คนเดียว 

     

    “น้องครับพี่ขอเหมือนเดิมหนึ่งที่ครับ”

    เสียงหุ้นหูดังขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าคนคนั้นคือลูกค้าประจำ 

     

    “อ้าว.. จินยองฮยอง”

    ผมฉีกยิ้มหวานส่งให้พลางนึกว่าเหมือนเดิมของจินยองฮยองคืออะไร เอาจริงๆผมลืมไปลืมด้วยซ้ำเพราะไม่ได้เข้าร้านเกือบหนึ่งอาทิตย์กลับมาอีกทีความจำผมก็หายไปหมดแล้ว 

     

    “ไง หายหน้าหายตาไปนาน ยังจำของฮยองได้อยู่ไหมเนี่ย”

    “แหะๆ..ก็..”

     

    “ลืมใช่ไหมละ ขอชีสเค้กกับน้ำเปล่าก็พอ”

    “อ้ออ ได้ครับ ผมขอโทษน้าฮยอง ช่วงนี้สมองผมเลอะเลือนมากเลย”

    อ้อนครับอ้อน ในเมื่อทำผิดแล้วต้องอ้อนเข้าไว้ จินยองฮยองยกมือขึ้นลูบหัวผมอย่างเอ็นดู

     

    “รู้น่า โต๊ะในนะยองแจ”

    “คร้าบบ”

     

    ว่าแล้วผมก็ก้มหน้าก้มตาทำออเดอร์ต่อก่อนจะเรียกให้พี่มินเอาไปเสริฟ อืมม..ชีสเค้กกับน้ำเปล่าๆ ใช่ๆ ผมเคลียพื้นที่บนเคาท์เตอร์อีกครั้งเพิ่อยกชีสเค้กปอนด์โตมาตัดแบ่ง เห็นไหมครับว่ามันยุ่งขนาดไหน เค้กยังไม่ได้ตัดแบ่งเลยให้ตายเถอะ 

     

    “คนเก่งครับ ขออเมริกาโน่ร้อนให้คนหล่อคนนี้ได้ไหมครับ”

    ถ้อยคำที่ฟังดูหลงตัวเองเรียกผมให้ละสายตาออกจากเค้ก ใบหน้าหล่อเหลาคุ้นตายืนฉีกยิ้มกว้างอยู่ 

     

    “มาร์คฮยอง~!!”

    ผมแทบจะตะเกียดตะกายออกจากเคาท์เตอร์ไปกอดคนตรงหน้าให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ทำไม่ได้ นานๆทีจะว่างจากงานมาหานี่น่า 

     

    “ฮ่าๆๆ ใจเย็นๆ วันนี้ซื้อขนมมาฝากด้วยนะ”

    พี่ชายแสนรักของผมยื่นถุงขนมอวดเหมือนเห็นผมเป็นเด็ก แต่ถามว่าผมดีใจไหมตอบเลยว่ามาก 

     

    “ขอบคุณครับ~!” 

    “เออใช่.. มีคนถามถึง มันอยากรู้ว่ายองแจเป็นไงบ้าง”

    ร่างโปร่งตรงหน้าถามออกมาด้วยท่าทางสบายๆ เท้าแขนวางไว้บนเคาท์เตอร์พร้อมทั้งมองหน้าผม แต่เพราะไอ่คนถามถึงที่มาร์คฮยองว่ามันทำให้ผมแทบจะหุบยิ้มไม่ทัน 

     

    “…หรอครับ”

    “มันมัวแต่ถามฮยองว่า ยองแจเป็นไงบ้างๆๆอยู่นั้นแหละ”

     

    “แล้ววันนี้ไม่มีงานหรอ  ปกติงานชุมยิ่งกว่ายุง” ผมเลือกที่จะตัดบทแทนที่จะรับฟังบทสนทนาจากใครบางคน และมาร์คฮยองก็คงรู้ว่าผมไม่พอใจเจ้าตัวเลยเปลี่ยนมาตอบคำถามผมแทน

    “ก็แวะมาหาเด็กแถวนี้แปปหนึ่งไง เหนื่อยไหม เหนื่อยจะกลับไปพักก่อนก็ได้นะ” 

     

    “ไม่หรอกครับ สนุกดีออก มาร์คฮยองไปนั่รอนะเดี๋ยวผมไปหา”

    “อื้ออ”

    และลูกค้าคนสำคัญก็เดินออกไป ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าจะไปนั่งโต้ะไหน ผมรีบจัดการเค้กของจินยองฮยองให้เสร็จแล้วทำกาแฟร้อนทันที จะได้เอาไปเสริฟรวดเดียวเลย 

     

    “ขอโทษครับ อาา..ผมขอเอสเปรสโซ่ร้อนแก้วหนึ่งครับ”

    นั้นไง เคาท์เตอร์ไม่เคยแห้งจริงๆ ผมเงยหน้าเพื่อยิ้มต้อนรับก่อน ในขณะที่มือแทบจะพันกันอยู่แล้ว 

     

    แต่ทว่า..ลูกค้าคนใหม่ทำเอาผมชะงัก 

    แจบอมฮยอง.. 

     

    “…..”

    ร่างสูงยืนนื่งพร้อมกับยิ้มอกมาจางๆ ส่วนผมนิ่งเหมือนโดนสาป..

    เกือบหนึ่งอาทิตย์เต็มที่ผมไม่ได้พูดกับเขาแม้แต่ประโยค แต่เห็นหน้าทุกวัน.. 

     

    ภาพสุดท้ายที่ยังคงติดอยู่ในหัวสมองคือภาพของแจบอมฮยองกำลังคร่ำครวญไม่ให้ผมไป เขาไม่ได้พูด.. แต่มันแสดงออกมาจากสายตาที่ใช้มองผม

     

    ความจริงผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ เพราะหลังจากจูบนั้นมาร์คฮยองก็เขามา ผมลุกขึ้นเดินไปหามาร์คฮยอง และไม่มีซักคำพูดเดียวจากอีกคนที่จะรั้งผมไว้ 

     

    “มินนูน่าคร้าบบ มารับออเดอร์หน่อยฮะ~!”

    ผมเบี่ยงตัวไปชงอเมริกาโน่ร้อนอยู่ที่มุมเคาท์เตอร์ ไม่แสดงท่าทีสนใจหรืออะไรเป็นพิเศษ ผมแค่ทำเหมือนว่าแจบอมฮยองเป็นลูกค้าทั่วๆไปที่เราไม่ได้รู้จักกัน 

     

    “อ่าว แจบอมมาอีกแล้ว วันนี้รับอะไรดีจ้ะ”

    พี่มินเดินเข้ามาพลางออกปากทักทายอย่างออกรส อย่างที่พี่มินว่าแหละครับ.. มาอีกแล้ว.. แจบอมฮยองมานั่งอยู่ที่ร้านแทบทุกวันวันละหลายๆชั่วโมงแต่ก็ไม่ทำอะไร.. สงสัยคงว่างงาน..

     

    “เหมือนเดินแหละครับ เอสเปรสโซ่ร้อน”

    “อ๋อได้จ้า อยากให้ใครชงให้เป็นพิเศษไหมเอ่ย~”

    สาวตัวเล็กข้างตัวผมเข้ามากระแซะผมเล่น แต่ผมไม่สนุกด้วยหรอกนะ 

     

    “ผมไม่ว่างนะ ฝากเคาท์เตอร์ด้วยละกันนะครับ” 

    “โถ่ ยองแจอ่า..” 

     

    ผมจัดการอเมริกาโน่ร้อนเสร็จก็รีบหุนหันออกจากเคาท์เตอร์ไปโต๊ะในสุดทันที ไม่อยากเห็นหน้าใครบางคน..

    แล้วทำไมใจต้องเต้นแรงอีกแล้ววะ..

     

    ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่ผมเห็นหน้าแจบอมฮยองแล้วต้องรู้สึกแปลกๆ มันพาลให้ไปคิดถึงสัมผัสที่ถูกมอบให้..

     

    “ยองแจ!!”

     

    กึก.. 

    อยู่ๆก็มีเสียงเรียกชื่อผมตะโกนลั่นร้าน ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมาจากคู่สนทนาของตัวเองมองมาที่ผม ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเสียงใคร ผมจำเสียงได้.. แจบอมฮยอง..

     

    มาร์คฮยองที่นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านในมองหน้าผมนิ่งๆก่อนจะยกยิ้มออกมา เหมือนจะเดาสถานการณ์ออก

     

    “ฉันมาง้อหลายวันแล้วนะ เมื่อไรจะยอมคุยกันซักที!!”

    ผมไม่สนใจ เดินตรงดิ่งไปหามาร์คฮยองกับจินยองฮยองที่นั่งอยู่คู่กันทันที 

     

    “อเมริกาโน่กับชีสเค้กได้แล้วนะฮยอง”

    วางแก้วกาแฟและจานเค้กลง แต่สายตาของฮยองทั้งสองก็ทำเอาคิ้วผมกระตุกยิกๆ ทำไมต้องมองด้วยสายตาล้อเลียนขนาดนั้นนะ..!

     

    “ยองแจจ!! หายโกรธฉันได้รึยัง!!!”

    ไอ่ลุงแก่บ้านั้นก็ไม่เลิกตะโกนสักที! ไม่อายชาวบ้านรึไงห้ะ!

     

    “คนเขามาง้อถึงที่.. ก็ใจอ่อนได้แล้วม้าง..”

    จินยองฮยองแซวผมเบาๆก่อนจะตักเค้กขึ้นมากินด้วยท่าทางสบายๆ 

     

    “ไอ่เจบีมันไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครเลยรู้ไหม  มันติสจะตายไม่ตามง้อใครหรอก..”

    สมทบด้วยมาร์คฮยอง.. สาบานว่าถ้าทั้งคู่ไม่ใช่พี่ชายผม ผมเตะออกร้านไปแล้ว 

     

    คนหนึ่งก็พี่ชายที่ผมรักที่สุด อีกคนก็แฟนพี่ชาย ผมทำอะไรไม่ได้เลยสินะ ฮึ้ย..ทำไมทั้งคู่ต้องเข้าข้างไอ่ลุงแก่นั้นด้วย.. 

     

    “ผมไม่นั่งคุยด้วยแล้ว ไปทำงานดีกว่า ชิ..”

     

    “ยองแจอาาา!!! คืนดีกันเถอะนะ!!!”

     

    ยัง.. ยังไม่หยุดอีก 

    จะ ทน ไม่ ไหว แล้ว นะ..!!

     

    “ถ้าจะตะโกนแบบนี้ ออกไปนอกร้านเลยนะ!! ออกไปตะโกนข้างถนนเลยไป!!”

    ผมตะหวาดกลับ แต่แจบอมฮยองกับฉีกยิ้มกว้างออกมาเหมือนดีใจ ประสาทแล้ว!! 

     

    “กว่าจะยอมพูดด้วยนะยองแจ”

    “ไม่ต้องมาพูดเลย! คิดว่าจะมาตะโกนป่าวๆในร้านคนอื่นได้รึไงกัน!!”

     

    “ก็ได้ ถ้ามันจะทำให้นายพอใจ” 

     

    ไอ่ลุงแก่ยังคงยิ้มไม่เลิก สาวเท้าออกจากร้านไปหยุดยืนอยู่หน้าร้าน ผมและทุกคนในร้านเฝ้ามองการกระทำนั้นอยู่ห่างๆ และแล้วคนตัวโตก็เริ่ม.. 

     

    ตะโกนอีกครั้ง..

     

    “ยองงงงแจจจอาาาาาา~!!! คืนนนดีกันนนนะะะะะ~~~!!!!!”

     

     

    !!!!!!

    บ้า.. บ้าไปแล้ว หมอนั้นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!

     

    แล้วผมไปทะเลาะหรือโกรธตอนไหนกัน แค่ไม่ยอมพูดด้วยเท่านั้นเอง ผมรีบพาร่างอันแสนจะน่าอับอายกลับไปที่เคาท์เตอร์ พี่มินยืนยิ้มเตรียมแซวผมมาแต่ไกล 

     

    “ยองแจอ่า.. อิจฉาจัง ถ้าในชีวิตฉันมีผู้ชายมาง้อแบบนี้นะ รักตายเลย” 

    “ไม่ต้องเลย พี่เป็นคนอนุญาตให้ตาแก่นั้นตะโกนในร้านใช่ไหม!”

     

    “ก้แหม่.. แจบอมน่าสงสารออก”

     

    น่าสงสารอะไรกัน ไม่เห็นมีความน่าสงสารอยู่ซักนิด 

     

     

    “ยองแจจจจจ!!!! ฉันขออโทษษษษษ!!!”

    โอ้ยใครก็ได้ไปบอกให้เจ้าตัวเลิกบ้าแบบนั้นซักที เสียงตะโกนดังลั่นยังคงไม่หายไปไหน ผมแทบจะมุดลงใต้โต้ะแล้วหายตัวไปให้รู้แล้วรู้รอด  

     

    “ฮั่นแหน่ หน้าแดงอะยองแจ~”

    “นะ..หน้าแดงอะไร!”

     

    ผมหน้าแดงหรอ.. 

     

    “คิกคิก” 

    พี่มินหัวเราะแล้วทำท่าเขินยกใหญ่ แค่นั้นไม่พอ คนในร้านก็พากันมองมาทางผมที ทางแจบอมฮยองทีแล้วทำท่าหัวเราะคิกคักไปทั่ว ผมกำลังเป็นประเด็นทอร์กออฟเดอะทาวเลยสินะ.. 

     

    ฮึ้ยย ไอ่ฮยองบ้า!!!

     

    ผมตัดสินใจพุ่งตัวออกไปหาคนนอกร้านที่ยังเอาแต่ตะโกนไร้สาระอยู่เรื่อยๆก่อนจะกระชากไหล่หนาให้หันมาคุยกัน

     

    “หยุดตะโกนเดี๋ยวนี้นะ!!!”

    แจบอมฮยองหันมาตามแรงแล้วยิ้มกว้างตามสเตป เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้จริงๆ

     

    “หายโกรธได้รึยังละ”

    “ผมโกรธฮยองตอนไหน กลับไปเลยนะ!”

     

    “เนี่ยนะไม่โกรธ ไล่กันกลับแบบนี้มันโกรธชัดๆ”

    “แล้วฮยองต้องการอะไร”

     

    “นายไม่พูดกับฉันอะ นายเมินฉัน”

    “แล้วเราจำเป็นต้องคุยกันหรอ..”

     

    “ฉันทนไม่ได้หรอกนะ..”

    “……”

     

    “พอนายไปฉันก็เป็นบ้าแทบตาย ทำงานก็ทำไม่ได้ พอมาหานายก็ไม่คุยกับฉันอีก”

    “…ฮยองไล่ผมให้กลับบ้านเองนะตอนนั้น”

     

    “ก็แค่ให้กลับบ้านไปเคลียเรื่องไอ่มาร์คฉันไม่อยากเห็นนายเศร้านี่..แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามาร์คไม่ได้เป็นแฟนนาย”

    “แล้วไง..”

     

    “ฉันเลยมาง้อนี่ไง นายทำฉันไว้แสบมากนะ”

    “ผมทำอะไร”

     

    “นายทำให้ฉันหลง.. แล้วจู่ก็จะทำเมินกันแบบนี้ได้ไง..”

    แจบอมฮยองจับไหล่ผมเอาไว้หลวมๆ สายตาคมมองจ้องเข้ามาจนต้องเบี่ยงสายตาหนี

     

    “ไม่เมินก็ได้ กลับบ้านฮยองไปได้แล้ว”

    “อย่าไล่ฉันเลยนะยองแจ”

    ทำไมดื้อแบบนี้นะ คนแก่ประสาอะไร.. ผมถอนหายใจทิ้งก่อนจะดันคนตรงหน้าออกช้าๆ

     

    “ไม่ไล่ก็ได้ แต่ผมไม่ลืมหรอกนะว่าฮยองทำอะไรไว้กับผมบ้าง เข้าไปข้างในได้แล้ว จะกินไหมกาแฟอะ จะชงให้”

     

     

     

    ———————

     

     

     

     

     

    “เอสเปรสโซ่ร้อนได้แล้วจ้าแจบอม”

    “อาา.. แล้วยองแจละครับ?”

     

    “อ๋อ..อยู่หลังร้านแหนะ”

     

    สรุปว่ายองแจหายโกรธผมจรองๆรึเปล่าเนี่ย อุส่าแบกหน้ามาขนาดนนี้ ทำไมคนเสริฟกาแฟไม่ใช่ยองแจเล่า แจบอมเสียใจ 

     

    บอกตรงๆกกว่าผมจะรวบรวมความกล้าและสติมาทำเรื่องหน้าอายในวันนี้ใช้เวลาหลายวันนะครับพูดเลย ทุกอย่างมันเกิดมาจากวันแรกที่ผมต้องอยู่คนเดียว ความรู้สึกแปลกๆเกาะกินอย่างบอกไม่พูด พอไม่เห็นคนตัวเล็กๆขาวๆนั่งดูทีวีอยู่ก็เริ่มแย่ ยิ่งไปกว่านั้นพอเวลาผ่านไปผมก็เอาแต่คิดถึงคนตัวเล็กไม่หยุด 

     

    พอถามไอ่มาร์คมันก็บอกว่ายองแจสบายดี อ้ออ.. ตอนที่มันเข้ามาเจอผมจูบยองแจอยู่มันค่อนข้างช็อคนะครับ แต่มันก็ไม่ได้ว่าอะไร หลังจากนั้นหนึ่งวันมันก็โทรมาถามว่าผมชอบยองแจรึเปล่า 

     

    เท่านั้นแหละครับ ผมถึงรู้ตัว.. 

     

    มันเคลียเรื่องทุกอย่างที่สงสัยให้ผมฟังทั้งหมด ทั้งเรื่องพ่อของยองแจและความสัมพันธ์ระหว่างมันกับยองแจ สาเหตุที่ยองแจดื้อในตอนนั้นเพราะ พ่อของยองแจเสียชีวิตกระทันหันด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว ยองแจไม่อยากอยู่บ้านเพื่อตอบคำถามซ้ำๆถึงสาเหตุการเสียชีวิต ยองแจไม่อยากอยู่เพื่อให้ญาติๆถ่ายรูปเขาคู่กับโลงศพขอพ่อตัวเอง.. ยองแจไม่อยากมีรูปคู่กับพ่อในสภาพนี้แม้แต่รูปเดียว มาร์คต้องขึ้นมาทำหน้าที่แทนพ่อของยองแจในทุกๆทาง นี่คือสาเหตุที่ทำให้ยองแจติดไอ่มาร์คมาก 

     

    ได้ยินแบบนั้นผมยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ กระวนกระวายอยากจะขอโทษยองแจซักล้านครั้ง แต่พอมาหาที่ร้านยองแจกลับเมินผม ผมทำขนาดนี้แล้วยองแจจะไม่ยอมญาตดีกับผมจริงๆหรอเนี่ย 

     

    “ไม่ต้องห่วงนะ เจ้าเด็กนั้นน่ะเดี๋ยวก็หายงอน” 

    เสียงใสๆโผล่งขึ้นเมื่อเห็นผมทำหน้าหง่อย

     

    “รู้ได้ไง?”

    “ก็ตอนที่หมอนั้นเดินกลับเข้ามาน่ะสิ ฉันเห็นนะว่ายองแจแอบยิ้ม”

     

    “จริงหรอ!!”

    “จริงดิ แถมยังหน้าแดงสุดๆไปเลย ง้ออีกหน่อยเดี๋ยวก็หายนะ”

     

    “ฮ่าๆ ครับ”

     

    ยองแจยิ้ม.. ไม่คิดว่าผมจะได้ยินคำนี้แหะ.. 

    ยิ้มเพราะผมหรอเนี่ย

     

    ยองแจ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ไล่นายไปไหนแล้วนะ.. 

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    —————————

    จบบบบบบ แบบกากกก 55555

    ขอ talk นิดหนึ่ง 

    จะบอกว่าเรื่องนี้เปลี่ยนสำนวนแต่งมันเลยดูแปลกในความคิดเค้านะ 

    จะเล่าจะสื่อสารอะไรก็ไม่ค่อยสะดวก555 เอาเป็นว่าการใช้สำนวนแบบนี้แต่งไม่โอเค

    กลับไปเขียนแบบเดิมดีกว่า 555555 ส่วนเรื่องพ่อของยองแจ 

    เอาจริงๆไม่รู้จะแทรกไว้ตรงไหนเลย ถ้า 6 ตอนจบคงจะแทรกได้อยู่

    เอาเป็นว่า let’s go ละกันเนาะ 5555 ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องทดลอง

    การเปลี่ยนสำนวนของไรท์แล้วกันนะ ผลออกมาไม่โอเค กลับไปเขียนเหมือนเดิม 

    ฮาาาาาา

     

    แล้วก็ demon eyes ไปนั่งรอกันได้เลยนะ วันสองวันนี้แหละจะลงตอนแรกให้ >< 555 

     

     

     

     

     

    themy  butter

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×