สวัสดีครับ เป็นยังไงกันบ้าง ชีวิตเฟรชชี่หรือชีวิตม.ปลาย แตกต่างกันมากไหม สำหรับวอร์มคิดว่าต่างกันมากพอสมควรเลย เราต้องรับผิดชอบตัวเองให้มากๆ การอ่านหนังสือวันก่อนสอบแบบม.ปลายนั้นมันไม่ทันเสียแล้ว อยากบอกน้องๆม.ปลายเลยว่าให้ขยันอ่านเยอะๆ เพราะเวลาเข้ามหาวิทยาลัยเราจะได้อ่านกันแบบจัดเต็มเลย เพราะเราจะได้เป็นนักศึกษา ที่ต้องกลับมาศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
จนถึงวันนี้ ตอนนี้ น้องบางคนอาจจะยังไม่เข้าใจ ยังไม่มีกำลังใจ ยังไม่มีเป้าหมาย จึงไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม อ่านแล้วก็หลับ อ่านได้พักเดียวเอง ซึ่งวันนี้มีพี่สิ่งดีดีอยากมาเล่าให้ฟัง เป็นสิ่งที่ได้อ่านมาจากหนังสืออ่านนอกเวลาของวิชาภาษาไทย ชื่อหนังสือว่า เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด ของคุณคิมรันโด ที่พี่สรุปมานี้เป็นหนึ่งใน 42 ตอนของหนังสือเล่มนี้ ซึ่งคิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับน้องทุกคน ให้ค้นพบเป้าหมาย และมีกำลังใจมุ่งมั่นฝ่าฟันจนถึงวันที่ฝันเป็นจริง
"
วัยรุ่นที่จะสอบเข้ามหาลัยแบ่งเ ป็น 2 กลุ่ม
1. กลุ่มลูกธนู
มีเป้าหมายชัดเจน ขยันมุ่งมั่น ส่วนใหญ่เป็นเด็กเรียนดี แม้กลางวันเรียนอย่างหนักแต่กลา งคืนก็ขยันอ่านหนังสืออย่างขมัก เขม่น การมีแผนทำให้เขาสบายใจ ส่วนผลลัพธ์จะเป็นจริงได้ทั้งหม ดหรือไม่เขาถือเป็นสิ่งที่ต้องจ ัดการทีหลัง ระหว่างเตรียมการพวกเขาจะตั้งคำ ถามกับตัวเองเสมอว่า เส้นทางใดที่จะทำให้ตัวเองไปถึง ได้เร็วที่สุดและดีที่สุด
2. กลุ่มเรือกระดาษ
จะตรงข้ามกับกลุ่มแรก พวกเขาไม่เคยมีเป้าหมายแน่นอน เพราะมีหลายความฝัน ชอบคิดและถามว่า ควรเรียนอะไรดี งานอะไรดีที่สุด ไม่ใช่ว่าคนกลุ่มนี้ไม่มีความคิ ดเป็นของตัวเอง แต่อาจหวาดหวั่นกับอนาคตข้างหน้ าจนวางแผนต่อไปไม่ถูก จึงไม่รู้ว่าจะอ่านไปเพื่ออะไร มีความคิดมากมาย วิสัยทัศน์ต่ออนาคตจึงเปลี่ยนไป ได้ไม่สิ้นสุด ปัญหาของกลุ่มนี้คือความโลเล ขณะที่เพื่อนๆมีเป้าหมายชัดเจน แต่กลับต้องมานั่งกังวลว่ากำลัง ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉยๆอยุ่หรือ เปล่า แต่อย่างน้อยก็ไม่วู่วามแบบกลุ่ มแรก
การให้คำปรึกษาคนกลุ่มหลังนั้นน ่าลำบากใจมาก จึงต้องถามพวกเขาว่า จงเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาของคุณ ให้ฟังหน่อย จากนั้นให้คำตอบในสิ่งที่พวกเขา อยากได้ยิน แววตาที่ได้ยินคำตอบนี้อาจเป็นป ระกาย เพราะได้ทบทวนความคิดตัวเองให้ร อบคอบอีกครั้ง
หลุมพรางของคนกลุ่มแรกคือ การวางแผนรัดกุมเกินไป ถ้าผิดหวังจะเจ็บหนัก ส่วนกลุ่มหลังต้องระวังเรื่องคว ามเฉื่อยชา เพราะมันอันตรายที่สุด
เมื่อเวลาผ่านไปความขี้เกียจจะซ ึมเข้าสู่ชีวิตจนติดเป็นนิสัย ความท้อใจเกาะกุมจนเกิดความคิดท ี่ว่า "ทำไปก็ไม่ได้อยู่ดี" ท้ายที่สุดเป้าหมายก็ค่อยๆจางหา ยไป
การตั้งเป้าหมายในวันนี้ อาทิตย์นี้ หรือเดือนนี้ ไม่ใช่สิ่งจำเป็น แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือการลง มือทำงานให้สำเร็จทีละเล็กทีละน ้อย"
"จงทบทวนตัวเองอยู่เสมอ และเติมไฟฝันให้ชีวิตอย่าได้ขาด เพราะคำตอบนั้นไม่อาจหาได้จากที ่ไหน นอกจากนัยน์ตาของตัวคุณเอง"
จะตรงข้ามกับกลุ่มแรก พวกเขาไม่เคยมีเป้าหมายแน่นอน เพราะมีหลายความฝัน ชอบคิดและถามว่า ควรเรียนอะไรดี งานอะไรดีที่สุด ไม่ใช่ว่าคนกลุ่มนี้ไม่มีความคิ
การให้คำปรึกษาคนกลุ่มหลังนั้นน
หลุมพรางของคนกลุ่มแรกคือ การวางแผนรัดกุมเกินไป ถ้าผิดหวังจะเจ็บหนัก ส่วนกลุ่มหลังต้องระวังเรื่องคว
เมื่อเวลาผ่านไปความขี้เกียจจะซ
การตั้งเป้าหมายในวันนี้ อาทิตย์นี้ หรือเดือนนี้ ไม่ใช่สิ่งจำเป็น แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือการลง
"จงทบทวนตัวเองอยู่เสมอ และเติมไฟฝันให้ชีวิตอย่าได้ขาด
ความคิดเห็น
อ่านแล้วได้กำลังใจเพิ่มขึ้นด้วย
น่าจะให้เครดิตหนังสือหน่อยนะ