ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My wife ขอโทษที คนนี้เมียกู [END]

    ลำดับตอนที่ #16 : .....My wife.....{16}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.97K
      19
      14 เม.ย. 55

    .....My wife.....{16}


    [Saint]

    เช้าวันหยุดที่น่าจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขสำหรับใครหลายๆคน แต่สำหรับผมนี่คงไม่ใช่แล้วล่ะตอนนี้ เพราะแทนที่ผมจะได้นอนอย่างมีความสุขเหมือนทุกที กลับต้องมาเจอเรื่องให้คิดมากเสียอย่างนั้น มันอาจจะไม่มีปัญหาเลยถ้าผมไม่เจอนัดชนกันแบบนี้น่ะ คนหนึ่งนัดก่อน แต่อีกคนกลับรวบรัดเอาเอง และไม่เป็นไรถ้าไอ้คนหลังมันไม่ใช่ไอ้ไนน์ แล้วผมจะทำอย่างไรล่ะทีนี้ พี่โมสนี่กิ๊กอันดับหนึ่งผมตอนนี้เลยนะ ส่วนไอ้ไนน์นี่ (ว่าที่)เมีย

    “ใครมาวะ” ระหว่างที่กำลังนั่งคิดอยู่ดีๆ ก็มีเสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น แม้ว่าพอจะเดาได้อยู่หรอกว่าเป็นใครที่มาในเวลาเช้าสุดๆแบบนี้น่ะ

    “โหย ไอ้สัส กว่าจะมาเปิดนะมึง จะแดกไหมข้าวเช้าอ่ะ” ว่าแล้วเชียว ไอ้ไนน์เอาข้าวเช้ามาส่ง แม่ไอ้พี่ไนน์มักจะทำอาหารเผื่อผมเสมอเวลาที่พ่อแม่ผมไม่อยู่บ้านน่ะครับ แล้วให้มันเอามาส่งให้ ก็เป็นโชคดีของผมไป แถมเวลาที่ไม่มีของพอที่จะทำกินเองก็ไปกินที่บ้านนั้นก็ได้ ไมก็อย่างที่เป็นบ่อยที่สุดก็คือ ให้ไอ้พี่ไนน์มาทำให้ไงล่ะ ขืนไม่ยอมมา ผมก็ขอคุณน้าให้ช่วยพูดก็ได้ ความจริงแค่ทำอาหารผมก็ทำได้นะ แต่ก็อย่างว่าแหละ ให้ไอ้พี่ไนน์มาทำให้สบายกว่าเยอะ

    “เออ มาแล้วๆ กดทำเชี่ยไรเยอะ รอหน่อยดิวะ”

    “อ่าว ไอ้นี่ พูดงี้เอากลับดีไหม” ไอ้ไนน์พูดขู่ผม แต่เรื่องอะไรผมจะกลัวล่ะ

    “คุณน้าทำให้กูว่ะ มึงก็แค่คนส่งของ” ผมพูดแล้วฉวยเอาปิ่นโตที่มันถือมาถือไว้เอง ถ้าเป็นคุณน้าทำนี่กับข้าวเพียบ แต่พอไอ้ไนน์ทำให้ผมทีไรนี่ส่วนมากก็อาหารจานเดียวอ่ะ พอผมถามมันก็บอกขี้เกียจซะงั้น บางทีก็มีแอบน้อยใจนะ แม่ง เป็นพี่ประสาอะไรวะ ทำให้น้องไม่ได้

    “ปากแบบนี้มันน่าเอามาให้ไหมน่ะ” มันถึงกับบ่นอุบเลยที่โดนผมย้อนเข้าให้

    “ช่างมึงดิ แล้วนี่จะเข้ามาไหม ไม่เข้าจะกูจะไปแล้ว” ผมพูดแกล้งเมินมัน

    “ไม่จำเป็น ยังไงเดี๋ยวมึงก็เจอกูอยู่ดี” คราวนี้เป็นผมที่ถึงกับสะดุดเลยทีเดียว นี่มันไปเอาความมั่นใจมาจากไหนนักหนาเนี่ยว่าผมจะยอมทำตามคำพูดรวบรัดเอาเองของมันน่ะ

    “แน่ใจได้ไงว่ากูจะไปกับมึง”

    “ว่าไงนะ” ไอ้ไนน์ทำเสียงเข้มทันทีเลยที่ผมพูดออกไป

    “ก็จริงนี่ อยู่ๆมึงก็พูดเอาเองเงี้ย ทำไมกูต้องไปด้วย”

    “อ่าว ไอ้เชี่ยนี่ กวนกูละ เมื่อวานมึงรับปากเองว่าจะไป พูดแบบนี้สมองเสื่อมแล้วหรือไง” มันเบะปากอย่างไม่พอใจ แล้วพูดเตือนความจำผม 

    “มึงพูดเองเออเองทั้งนั้น กูไม่ได้พูดสักคำว่ารับปาก” ผมค้านไอ้ไนน์เสียงแข็ง

    “ก็ได้ ไม่ไปก็ไม่ไป กูไปกับคนอื่นก็ได้” เสียงถอนหายใจกับน้ำเสียงที่อ่อนลงทำให้ผมระแวง มันจะมาไม้ไหนอีกวะ ปกติมันไม่ยอมผมง่ายๆแบบนี้นี่ ถ้าคิดว่าผมเอาแต่ใจละก็นะ ไอ้ไนน์นี่ยิ่งกว่าผมอีก เอาแต่ใจตัวเองที่สุด แต่พอผมขอ(กอด)นิดขอ(จูบ)หน่อย ทำเป็นโวยวาย

    “เดี๋ยว! ไปกับใคร” ผมรีบรั้งแขนเล็กที่กำลังจะเดินไปให้หันกลับมา

    “เอ้า ในเมื่อชวนมึงๆไม่ไป กูก็ไปกับคนอื่นไง” ไม่รู้ผมรู้สึกไปเองหรือเปล่า เหมือนว่าช่วงหลังมานี้ไอ้ไนน์เหมือนจะแข็งกร้าวขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย  ยิ่งหลังจากวันนั้นของเราด้วยแล้วนะ อีกอย่าง ผมยังหาคำตอบไม่ได้เลยว่าทำไมไอ้ไนน์ถึงยอมนอนกับผม แถมยังทำตัวเป็นปกติได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย มันมีอะไรที่ผมยังไม่รู้เกี่ยวกับมันอีกเนี่ย

    “กับใคร” ผมถามมันเสียงแข็ง

    “ไม่รู้ ไอ้กราฟมั้ง” ไอ้ไนน์พูดชื่อนี้ออกมาอย่างไม่เกรงใจ ผมว่าแล้วว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ นี่ไง มันกำลังยั่วโมโหผมอยู่ไง แต่ถึงจะรู้ว่ามันตั้งใจ มันก็ยังได้ผลกับผมอยู่ดีสิน่า

    “ไม่ต้องเลยนะ! ทำไมต้องเป็นมันด้วย”

    “แล้วมึงยุ่งอะไรด้วย ก็แค่ ....” ไอ้ไนน์เว้นวรรคไปเล็กน้อย มองผมด้วยสายตาท้าทาย

    “แค่อะไร” ผมดึงแขนมันเขามาหาตัวแล้วพูดด้วยเสียงต่ำ ถ้ามันพูดแมวๆ ผมว่าเดี๋ยวได้มีพายุลงแน่ๆละ  อย่าคิดว่าเป็นมึงแล้วกูจะไม่กล้าทำอะไรนะ

    “น้องข้างบ้าน” กึก!! สิ้นสุดคำพูด อารมณ์ที่ของผมสะกดเมื่อครู่ไว้ก็แตกออกทันที

    “สงสัยต้องคุยกัยยาว” ผมพูดกับมันด้วยเสียงต่ำอย่างหมดความอดทน  

    “โอ้ย!! ไอ้เซนท์ กูเจ็บนะ ปล่อย”  ไอ้ไนน์พยายามแกะมือผมที่จับแขนมันอยู่ เพราะตอนนี้แรงบีบของผมทำให้มันถึงกับหน้าเสีย และดูเหมือนมันคงไม่จบง่ายๆ ผมลากไอ้ไนน์เข้าไปในบ้านอย่างไม่สนใจเสียงร้องทักท้วงอะไรของมัน ผมวางปิ่นโตบนโต๊ะใกล้ตัว ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับอีกคน ไอ้ไนน์กุมข้อมือทันทีที่มันถูกปล่อยออก รอยแดงที่แอบเห็นได้ทำผมใจเสีย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะสายตาของไอ้ไนน์ที่มองมาอย่างโกรธๆ แต่ผมก็รีบพูดออกไปก่อน

    “พูดแบบนี้อยากโดนตีหรือไง น้องข้างบ้านงั้นหรอ ไอ้สัส กูผัวมึงเลยนะ เสียตัวแม่งไม่พออยากเจ็บตัวแถมด้วยหรือไง” ผมจ้องหน้าไอ้ไนน์อย่างเอาเรื่อง

    “อะไรของมึงไอ้เซนท์ อย่ามาทำตัวงี่เง่านะ” แต่มันก็จ้องผมอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน

    “ใครกันแน่ที่งี่เง่า จะกวนโมโหกันก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยดิวะ” ตอนพูดชื่อไอ้กราฟมานี่ยังพอทนนะ แต่พอมาบอกว่าเป็นน้องข้างบ้านแบบนี้กูยอมไม่ได้ว่ะ เสียศักดิ์ศรีกูหมด

    “ขอบเขตเชี่ยไรมึงอีกล่ะ กูพูดงี้มีปัญหาอะไรนักหรือไง” นั่น ท้าทายกูอีกแล้วนะ

    “ไอ้ไนน์!!!” ผมเรียกชื่อไอ้พี่บ้านี่เสียงดัง ความจริงผมก็ไม่อยากขึ้นเสียงกับไอ้ไนน์หรอกนะ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเลือกแล้ว ไม่อย่างนั้นเรื่องมันไม่จบง่ายๆแน่

    “อะไรมึง!! ทำไม กูบอกว่ามึงก็แค่น้องข้างบ้าน แล้วมันไม่จริงตรงไหน”

    “มันจะมากไปแล้วนะเว้ย!  มึงน่ะ...” ไม่ทันได้พูดไอ้ไนน์ก็สวนขึ้นมาก่อน

    “หึ ถ้าจะบอกว่ากูเป็นเมียมึงน่ะ กูบอกตรงนี้เลยว่ากูไม่ใช่”

    “ไอ้เชี่ยนี่กวนกูละ เสียตัวละแม่งยังจะทำปากเก่งอีกนะ”

    “แล้วไงล่ะ พูดอย่างกับว่ามันมีความหมายอะไรนักหนาน่ะ หึ ก็แค่นอนกับมึงแล้วจะทำไม มึงไม่ได้นอนกับกูคนเดียวสักหน่อย แล้วแน่ใจได้ไงว่ามึงจะเป็นคนเดียวของกู”  

    ผมถึงกับอึ้งค้างเลยครับ คนอย่างไอ้ไนน์เนี่ยนะจะกล้าพูดแบบนี้ออกมา มันต้องมีอะไรแปลกไปแน่ๆ ผมเลือกถามมันออกไปอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “มึงว่าไงนะ”

    “กูบอกว่าคนอย่างมึงไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับกูหรอก หูตึงหรือไง ไอ้สัส” คราวนี้ถึงกับชะงักค้างไปเลย ประโยคคำพูดที่เสียดแทงของมันเล่นเอาผมเงียบสักพัก ก่อนจะพูด

    “อะ..ไอ้ไนน์! เป็นเชี่ยไรของมึงเนี่ย นี่มันคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วนะ” เสียงของผมแผ่วลง เพราะไม่อย่างนั้นคงถึงขั้นรุนแรงเลยล่ะ อารมณ์ของเราสองคนเวลานี้ไม่ใช่เรื่องดีเลยที่จะมาฟาดฟันใส่กันแบบนี้ ความจริงผมน่าจะโกรธกับสิ่งที่มันพูดมากกว่านะ แต่ทำไมมันทำผมจ๋อยสนิทไปเลยเสียอย่างนั้น จะบอกว่าผมเป็นคนผิดหรือไงกันล่ะ

    “ก็มึงก็ไม่ได้ตั้งใจจะคุยตั้งแต่แรกอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงล่ะ” น้ำเสียงประชดประชันที่ไม่ยอมแพ้ของไอ้ไนน์ ทำเอาผมใจอ่อน ผมอยากเคลียร์เรื่องสถานะตัวเองสำหรับมันก่อนนะ

    “มึงหมายความว่าไง นี่มึงโกรธอะไรกูอีกล่ะเนี่ย” 

    มันไม่ตอบผมแต่ถามคืนผมแทน “ถามมาได้นะ แล้วทีเมื่อกี้มึงไม่พอใจเรื่องอะไรกู  ถึงลากกูเข้ามานี่น่ะ ”   แต่มันช่างเป็นคำถามที่ไม่สบอารมณ์ผมสักเท่าไร

    “นี่ไม่รู้ตัวจริงๆหรอว่ากูไม่พอใจเรื่องอะไร”

    “แล้วไง ต่อให้กูรู้แล้วยังไง มึงจะทำอะไรได้ เหตุผลแค่นี้มึงทำเป็นเรื่องใหญ่โต ไร้สาระเกินไปว่ะ” ผมกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วหันหน้าหนีไอ้คนตรงหน้าเพื่อข่มใจ ไม่อย่างนั้นคงได้มีการลงไม้ลงมือกันแน่ๆ เพราะคำตอบที่ไม่เข้าหูของไอ้พี่ข้างบ้านตัวดีนี่แหละ

    ผมหันกลับจ้องหน้าไอ้ไนน์อีกครั้ง “มึงจะบอกว่าการทวงสิทธิ์ของกูมันไร้สาระงั้นหรอ”

    “แล้วจะให้พูดว่าไง จะให้บอกว่าขอโทษ กูจะไม่บอกว่ามึงเป็นน้องข้างบ้านอีกแล้ว อย่างงั้น  กูต้องยอมรับว่ากูเป็นของมึงแล้ว หรือไง ถึงจะพอใจน่ะ”

    “ไม่ต้องมาประชด!!” ผมขึ้นเสียงเพื่อหยุดไอ้ไนน์ แต่เหมือนว่าจะไม่ได้ผลอะไรเลย

     “เออ กูประชด แล้วมึงจะทำไม!!” มันก็ขึ้นเสียงใส่ผมอย่างไม่ยอมแพ้ โอย นี่มันจะเหวี่ยงอะไรนักหนา ผมพูดอะไรไปมันเล่นไม่ฟังกันเลยแบบนี้ผมว่ามันก็เกินไปนะ

    “โอย เสียงดังทำเชี่ยไรมึงเนี่ย”

    “ก็แล้วใครล่ะที่มันเริ่มก่อนน่ะ” เฮ้ย! กูพูดปุ๊ปมึงก็สวนปั๊ปเลยเนี่ยนะ ผมถึงกับกุมขมับทันทีเลย เชี่ย แค่เรื่องนิดเดียวทำไมมันลามไปขนาดนี้เนี่ย เช้านี้มันซวยอะไรนักหนาวะ

    “เออๆ กูยอมแพ้ ตกลงไหม เลิกทะเลาะได้แล้ว กูปวดหัว” ผมบอกมันไป

    “หึ มึงคิดว่ากูต้องยอมมึงตลอดเลยหรือไง ไม่เข้าข้างตัวเองเกินไปหน่อยหรอวะ” แต่ไม่วายไอ้ไนน์ยังเหน็บผมแถมมาได้อีก แต่ผมไม่อารมณ์ที่จะต่อความกับมันต่อแล้ว

    “เออ กูผิดเอง เลิกพูดๆ  กูไม่ร้องสิทธิ์เชี่ยไรแล้ว แม่ง” ถ้ากูรู้ว่ามึงจะมาเหวี่ยงขนาดนี้กูก็ไม่ทำหรอกว่ะ เมื่อวานมันก็ดีๆอยู่นี่ แหย่อะไรก็ไม่เห็นว่า ทำไมมาวันนี้เป็นงี้ไปได้วะ

    “หึหึ สิทธิ์ของมึงไม่มีตั้งแต่แรกแล้ว ไอ้น้องข้างบ้าน”

    “เออๆ ไม่ต้องย้ำก็ได้ครับ ไอ้คุณพี่ไนน์เมียกูที่อยู่ข้างบ้าน”

    “ไอ้เซนท์!!” นั่นไง ขึ้นเสียงอีกแล้ว แม่ง ไปกินรังแตนที่ไหนมาวะ ดุชิบหาย

    “นี่กูถามจริงเหอะ มึงไปเก็บกดอะไรมาหนักหนา เมื่อวานแม่งยังดีๆอยู่เลย”

    “ก็เพราะมึงไม่ใช่หรอ ที่อารมณ์เสียเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะ”

    “แล้วมันน่าไหมล่ะ มึงกับกูไม่ใช่จะรู้จักกันแบบธรรมดาทั่วไปสักหน่อย มาเรียกแบบนั้นใครบ้างไม่โกรธ” ผมพูดออกไปตามที่คิด  แม้จะเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวไปหน่อยก็ตามที

    “ถ้างั้นแล้ว สำหรับมึง กูเป็นอะไรกันแน่” สิ้นสุดประโยคของไอ้ไนน์ ทุกอย่างเงียบกริบ ไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นเลยแม้แต่น้อย ถึงขนาดเข็มตกสักเล่มก็คงได้ยิน เพราะในขณะที่มันก็กำลังเงียบเพื่อรอคำตอบอย่างแน่วแน่ แต่ตัวผมกลับคิดหาคำตอบไม่เจอไปเสียอย่างนั้น

    “ทำไมไม่ตอบ” ไอ้ไนน์เร่งผม สายตาคมที่มองมานั้น ดูราวกับคาดหวังอะไรสักอย่าง ที่ผมไม่รู้ว่าคืออะไร นี่มันต้องการคำตอบแบบไหนจากผมกันแน่เนี่ย

    “มะ..เม.” ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกไป ไอ้ไนน์ก็สวนขึ้นมาก่อน

    “อย่าพูดถ้ามึงไม่ได้คิดงั้นจริงๆ” คำตอบของผมถูกกลืนลงคอทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

    ”เซนท์” มันเรียกชื่อผมเสียงแผ่วจนผมใจหาย

    “กะ...กูไม่รู้” นั่นคือคำตอบของผมที่พูดออกไป ที่ผมคิกว่ามันดีที่สุดแล้วในเวลานี้ ไอ้ไนน์ขึ้นยิ้มที่มุมปาก หัวเราะออกมาเสียงแข็ง ก่อนจะเบือนหน้าหนีหลบสายตาผม 

    “กูว่าแล้วว่ามึงต้องพูดแบบนี้” เสียงไอ้ไนน์ฟังดูสั่นๆ เหมือนกับว่าความมั่นใจของมันที่เมื่อกี้ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม ม็มได้พังทลายลงไปอย่างรวดเร็ว  ไอ้ไนน์ตอนนี้ทำไมดูไม่มั่นคงแบบนี้นะ

    “พี่ไนน์” ผมเรียกชื่อคนตรงหน้าแล้วพยายามเดินเข้าไปหา

    “ไม่ต้องเรียก หุบปากไปเลยมึง!” แต่มันกลับถอยหนีผมเสียอย่างนั้น

    “เป็นอะไรของมึงเนี่ย วันนี้มึงดูแปลกๆไปนะ” ไม่ให้กูเรียกพี่ ก็กูมึงเนี่ยแหละ

     “กูก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว มึงต่างหากที่ไม่สนใจกูเอง!” ไอ้ไนน์เหวี่ยงใส่ผม

    “เฮ้ย!! หมายความว่าไง กูเนี่ยนะไม่สนใจมึง  เอาอะไรมาพูดวะ” มีครั้งไหนบ้างที่ผมไม่คิดถึงมันเนี่ย มาบอกว่าผมไม่สนใจมันที่เกินไปหน่อยมั้ง แต่ก่อนที่ผมจะได้พูด มันก็ชิงพูดก่อน

    “แล้วมีครั้งไหนบ้างที่มึงแสดงออกว่าใส่ใจกูจริงๆน่ะ”  

    “เฮ้ย มาถามแบบนี้ใครมันจะไปตอบได้กันวะ” ใครมันจะไปจำได้ล่ะวะ กูอยู่กับมึงนี่ก็แม่งเป็นเรื่องปกติไปแล้ว จะให้มันมีอะไรมากกว่านี้อีกล่ะ

    “เห็นไหม เพราะมึงไม่เคยคิดที่จะทำน่ะสิ ใส่ใจเชี่ยไรมึงเรื่องแบบนี้ยังต้องคิดอีก”

    “ไอ้ไนน์ อะไรของมึงเนี่ย ง้องแง้งอะไรอีกล่ะ” ไอ้ไนน์เงียบไปสักพักหลังจากที่ผมพูด แล้วมองผมด้วยสายตาผิดหวัง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าแล้วพูด

    “หึ ฟังไว้นะเซนท์ แค่กูยอมนอนกับมึง ไม่ใช่ว่ากูจะยอมมึงทุกอย่างตามไปด้วย คนอย่างกูก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันว่ะ” ไอ้ไนน์พูดมาเล่นเอาผมค้างไปเลย มาโหมดไหนอีกวะเนี่ย

    “มึงหมายความว่ายังไง” คำพูดแปลกๆนั่น ทำให้กลายเป็นผมที่ต้องงงค้างต่อเนื่อง

    “ตอนนี้มึงไม่ต้องรู้หรอก ถ้าแค่นี้มึงคิดเองไม่ได้ก็เรื่องของมึง” และยิ่งงงเข้าไปอีก เมื่อมันเลือกที่จะบอกปัดทุกอย่างแล้วหันหลังเตรียมเดินออกไป

    “เฮ้ย เดี๋ยว!!” ผมคว้าแขนมันไว้ก่อนที่มันจะก้าวเดิน

    “มีอะไร” ไอ้ไนน์ตอบกลับมาอย่างเย็นชา โดยไม่หันมามองหน้าผมเลยสักนิด

    “จะรีบไปไหน คุยกันให้รู้เรื่องก่อนดิวะ นี่กูงงกับมึงแล้วนะ เป็นอะไรก็บอกตรงดิ หรือไม่พอใจที่กูอารมณ์เสียใส่มึงก่อน” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมคนตรงหน้าที่ยืนหันหลังให้ผมอยู่

    “นั่นมันแค่ส่วนหนึ่ง อยากรู้มึงก็คิดเอาเอง ตอนนี้กูเหนื่อยที่จะคุยกับมึงแล้ว”

    “เหนื่อยเชี่ยไรอีกล่ะ มึงก็พูดมาดิวะ ว่าเป็นอะไร หรือไม่พอใจเรื่องที่กูไม่ยอมไปเที่ยวเป็นเพื่อนมึง” พอพูดจบไอ้ไนน์หันหน้ากลับมาหาผม ด้วยแววตาที่รำคาญเต็มทน

    “กูไม่มีอะไรจะบอกมึง เข้า-ใจ-ไหม” มันพูดเน้นเสียงสามพยางค์สุดท้ายอย่างชัดเจนก่อนจะสะบัดแขนจนมือผมหลุดออกแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ ปล่อยให้ผมยืนงงอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้มันเดินออกไป ในขณะที่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเวลาแบบนี้ควรทำอย่างไร แต่นีๆแน่ๆ ผมควรจะหล่อยให้ไอ้ไนน์สงบสติอารมณ์อยู่คนเดียวจะดีกว่า ขืนไปกวนก็ได้โดนเชือดสิ

    อะไรของมึงวะเนี่ย นี่กูไปทำอะไรไม่ถูกใจมึงอีกล่ะ บอกก็ไม่บอก ไอ้พี่ขี้งอนเอ้ย!!

     

    [Nein]

    “โธ่เว้ย!!” ผมสบถออกมาเสียงดังพร้อมขว้างโทรศัพท์ลงบนเตียงอย่างหัวเสีย แล้วทิ้งตัวนอนลง หลังจากที่เดินออกจากบ้านไอ้เซนท์มาผมด็หยิมมันขึ้นมาดูตลอดพร้อมกับหวังเล็กๆ แต่ว่ากลับไม่มีข้อความ  ไม่มีการโทรมา หรือแม้แต่เดินตามาง้อ อะๆไรทั้งสิ้นทั้งๆที่อุตส่าห์พูดไปตั้งขนาดนั้นแล้วแท้ๆ และผมคงไม่อารมณ์เสียมากขนาดนี้ถ้าประโยคสุดท้ายของมันไม่ยอมรับออกมาเต็มปากว่ามันไม่ยอมไปตามนัดที่ผมบอกไว้ ทั้งๆที่มันบอกว่ามันใส่ใจผมเนี่ยนะ

    ครับ พี่โมส   ก็ว่างอยู่นะครับ ทำไมหรอ  ได้ครับ ผมก็เบื่อๆเหมือนกัน ครับผมประโยคที่ผมแอบไปได้ยินตอนไปบ้านมันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวผม แม้จะไม่รู้ว่าอีกคนพูดอะไรยบ้าง แต่ที่แน่ๆ เป็นการนัดเดทแน่นอน นั่นเป็นที่มาว่าทำไมผมถึงเกิดนึกอยากแกล้งไปนัดไอ้บ้าเซนท์ แต่แทนที่มันจะตอบรับทันที มันกลับพูดอ้อมค้อมเหมือนจะเลี่ยงไปเสียอย่างนั้น

    “ทีกับไอ้โมสนี่ครับผมทันทีเลยนะ ไอ้เด็กเวร” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเรื่องแค่นี้มันกลับทำให้ผมอารมณ์เสียได้ถึงขนาดนี้ ยิ่งตอนที่ไอ้เซนท์ไม่พอใจที่ผมเรียกมันว่าน้องข้างบ้านแล้วคิดจะมาทวงสิทธิ์ในตัวผมนั่นอีก ยิ่งทำให้เรื่องร้ายเข้าไปใหญ่เลย

    “ปากก็บอกกูเป็นเมีย แล้วกิ๊กบ้านมึงสำคัญกว่าเมียหรอ ไอ้เชี่ยเซนท์” แม้จะรู้ว่าไอ้โมสคือคนล่าสุดของมัน และเป็นกิ๊กคนที่มันถนอมที่สุดเสียด้วย แต่มันก็อดน้อยใจไม่ได้นะ นี่สรุปผมโง่ที่ยอมนอนกับมันใช่ไหม ในขณะที่ไอ้โมสไม่ต้องเสียเชี่ยไรเลย กลับสำคัญกว่าผมซะงั้น อย่าเข้าใจผิดว่าผมไปเผลอชอบมันเข้าล่ะ ทีกับมันยังชอบอ้างเป็นเจ้าของตัวผมได้ แล้วทำไมผมจะทำบ้างไม่ได้ แม้จะแค่สัมพันธ์ในคืนเดียว แต่มันเรื่องอะไรที่ผมจะต้องยอมมันไปหมดน่ะ

    “คอยดูก็แล้วกัน กูจะทำให้มึงคลั่งยิ่งกว่าที่กูเป็นตอนนี้อีก” ผมว่าก่อนออกมาผมทิ้งระเบิดไว้ที่มันลูกโตเลยนะ ปล่อยดราม่าใส่เต็มพิกัด เผื่อมันจะคิดอะไรมาได้บ้าง แต่ก็ไม่เสียอย่างนั้น นี่เป็นเพราะผมโง่เองที่นึกว่าหลังจากวันนั้นแล้วมันจะเกรงใจผมบ้าง หรือเพราะมันโง่ที่คิดไม่ทันว่าผมต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ ชิ ไอ้เด็กขี้อ้อนคืนนั้นหายไปไหนแล้ววะ เหลืออยู่แต่ไอ้เซนท์คนเดิม สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพราะมันแกล้งทำงั้นหรือ นี่ผมผิดเองใช่ไหม

    “หึ พลาดจนได้สิน่า ไอ้โง่ไนน์” ผมพึมพำด่าตัวเองเบาๆ เรื่องบางเรื่องสงสัยมันคงต้องได้เป็นความลับไปตลอดกาลเสียแล้ว มันคงไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไปในเวลานี้ ยิ่งคิดถึงมันยิ่งฟุ้งซ่านเข้าไปใหญ่ พอๆ จะไปคิดถึงอะไรมันมาก กับแค่เด็กข้างบ้านคนเหนึ่งเท่านั้นเอง

     

    เสียงรถจากข้างบ้านเรียกความสนใจจากผมที่กำลังนั่งดูรายการทีวีไปอย่างเบื่อๆ วันหยุดแบบนี้แม้จะดีที่ได้พัก (วันนี้ไม่มีวิชาเรียน สบายเลย) แต่มันก็ดันไม่รู้จำทำอะไรเสียอย่างนั้น  พอเดินออกมาก็เห็นรถไอ้เซนท์แล่นออกจากบ้านมันไป ในเวลาแบบนี้ โดยไม่ต้องให้ใครมากบอก ผมก็รู้อยู่แล้วล่ะว่ามันไปไหน

    “ไอ้โมส” ผมพึมพำชื่อรุ่นน้องออกมา ชื่อที่เป็นเป้าหมายของรถคันนั้น

    “อยากเล่นเกมนี้มากหรือไง ไอ้เซนท์ ได้ เดี๋ยวกูเล่นด้วยก็ได้ แล้วมึงจะได้รู้ความรู้สึกกูซะบ้าง” ผมรู้ว่าไอ้เซนท์มันไม่ได้รู้เรื่องไรด้วยเลย เกมอะไรเนี่ย แต่ก็นะ  มันก็แค่ การที่ผมจะทำตัวแบบมันบ้างจะเป็นไรไปล่ะ ในเมื่อมันยังทำได้เลย

    เดาไม่ถูกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา แต่จะลองเสี่ยงดูสักครั้งจะเป็นไร

    ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วไล่เบอร์ของคนที่ผมไม่อยากเมมไว้เลยสักนิด แต่ว่าก็มีอยู่ในเครื่องอยู่ดี(พอเป็นชื่อมันก็ไม่รับไง) ถ้าไอ้เซนท์เจอผมมันคงหัวเสียพิลึก

    ครับผม พี่ไนน์เสียงปลายสายตอบรับอย่างร่าเริง ฟังจากเสียงแล้วมันว่างมากแหงๆ

    กราฟ คือ วันนี้ว่างไหมผมถามมันออกไปด้วยน้ำเสียงเกรงใจ

    อืม ว่างถึงตอนเย็นๆครับมันตอบผม

    งั้น พี่อยากไปเดินเล่นอ่ะกราฟไปเป็นเพื่อนพี่ได้ไหม

    เฮ้ๆ พี่ไนน์ พี่ไม่สบายเปล่าเนี่ย ครั้งที่แล้วยังไล่ผมไปไกลๆอยู่เลย มันแปลกๆอยู่นะชะ ไอ้เด็กเวรนี่ มึงไม่ต้องมาฉลาดเอาตอนนี้ได้ไหม กูบอกให้ทำอะไรก็ทำพอแล้ว

    ก็ครั้งที่แล้วพี่รีบนี่ นายก็กวนพี่อยู่ได้ถ้าไอ้เซนท์ได้ยินมันคงหาว่าผมบ้าแน่ๆอ่ะ ก็เล่นพูดเพราะตั้งขนาดนี้นี่ เอาน่าๆ การจะขอร้องใครสักคนมันก็ต้องพูดเพราะไว้ก่อนนี่ จริงไหมล่ะ

    ผมไว้ใจพี่ได้ไหมเนี่ยเอ่อ กูมากกว่ามั้งที่ต้องถามคำถามนั้นอ่ะ มึงจะจีบกูไม่ใช่หรอ กูชวนมึงไปเที่ยวก็ต้องดีใจหน่อยสิ ถามซอกแซกอยู่ได้

    ทำไม คิดว่าพี่จะทำอะไรนายหรือไงผมถามมันออกไปแบบกวนๆ

    เปล่า ผมแค่คิดว่าพี่จะมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ถึงได้มาชวนผมแบบนี้น่ะ 

    สงสัยอะไรนักหนาวะ  ผมพูดกับตัวเองในใจ

    ไอ้นี่ ถามมากอยู่ได้ ตกลงจะไปไม่ไปผมเริ่มรำคาญแล้วนะ ขี้เกียจเถียงกับมันแล้ว

    โอ๊ะโอ อย่าพึ่งโกรธสิครับ ตกลงครับ ไปครับไป

    ก็แค่นั้นแหละ  เจอกันที่ห้างนะผมบอกสถานที่มันไป 

    เดี๋ยวครับพี่ไนน์ จะไปตอนนี้เลยเนี่ยนะปลายสายถามกลับมาอย่างสงสัย

    เอ้า ก็ถ้าไม่ไปตอนนี้แล้วพี่จะโทรมาถามนายทำไมล่ะ ทำไมหรอ ติดอะไรหรือเปล่า

    เปล่าครับ แค่เตรียมตัวไม่ทันนิดหน่อย ไปได้ครับผม  

    อืมๆ แล้วพี่จะรอนะ

    ครับผม  ผมวางสายจากไอ้กราฟแล้วลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ นี่ผมเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าตอนนี้ผมกำลังอะไรอยู่กันนะ อะไรคือสิ่งที่ผมต้องการในตอนนี้

     

    ไอ้กราฟมาตรงเวลา ต้องเรียกได้ว่ามาพร้อมกันเลยจะดีกว่า เพราะทันทีที่ผมถึง มันก็กำลังเดินมาพอดี พอมาดูดีๆแล้ว ทำไมโลกนี้ไม่ยุติธรรมแบบนี้เนี่ย ทำไมคนรอบตัวมีแต่พวกดูดีทั้งนั้นเลยอ่ะ แล้วผมล่ะ แม้จะไม่ได้แย่ก็เถอะ แต่มันดูไม่เป็นผู้ชายเอาซะเลย เกิดมาทั้งทีดันหน้าหวานไปซะงั้น ไอ้เซนท์แม้จะ ม.6 แต่มันก็ดูแท่ในแบบผู้ชายเถื่อนๆหน่อย ในขณะที่ไอ้พาสไม่ต้องพูดถึง เจ้าชายตัวจริงเลยมันอ่ะ พอมาไอ้กราฟ ดันดูดีแบบผู้ชายขี้เล่นไปเสียอย่างนั้นทั้งๆ ที่มันโคตรจะกวนเลย ทำไมไม่หน่าตาเจ้าเล่ห์วะ  แต่ก็ยังดีนะ ผมยังมีไอ้โมสกับไอ้วิคเตอร์(ที่มันไม่เคยยอมรับว่าตัวเองน่ารัก) เป็นเพื่อน(น้อง) ร่วมชะตากรรมอันน่าเศร้านี้(ตรงไหน??)

    “มาเร็วดีนี่” ผมทักมันออกไป ทั้งๆที่เห็นๆอยู่ว่ามาพร้อมกัน

    “ครับผม พี่ไนน์อุตส่าห์ชวนทั้งที ถ้าผมมาช้าก็แย่สิครับ” ไอ้กราฟตอบผมพร้อมรอยยิ้มกว้าง เฮ้ยๆ หุบยิ้มไปเลยนะ มันชักจะดูดีเกินหน้าเกินตาไปละ เห็นใจกูหน่อยดิ

    “เออๆ ปากหวานจริงนะนายน่ะ ไปกันได้แล้ว” พูดดีแบนี้น่ากลัวชะมัด ผมคิดในใจ

    “โหย พี่ไนน์ เลิกเรียกผมว่านายเหอะ มันดูไม่เป็นพี่เลยอ่ะ แบบนี้ผมระแวงนะ”

    “เอ้า ไอ้นี่ คนเขาพูดดีด้วยดันไม่ชอบ เออ ตามใจมึงละกัน” ดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเรอะ

    “แบบนี้ค่อยสมเป็นพี่ไนน์หน่อย หน้าหวานแต่ปากหมาเนี่ย” มันพูดกับผมพร้อมรอยยิ้ม(อีกแล้ว) นี่มันจะแจกยิ้มทั้งวันเลยหรือไง ครั้งที่แล้วก็แบบนี้เลย ยิ้มอยู่ได้ เอ๊ะ!! เดี๋ยวนะ

    “ไอ้กราฟ นี่มึงว่ากูปากหมาหรอ!” กว่าจะแย่งมันทัน ไอ้กราฟก็หัวเราะนำไปแล้ว

    “เปล่านี่ครับ ฮะฮะ แต่ว่านะ พี่ไนน์แบบนี้น่ารักดีออก” ไอ้นี่ท่าจะประสาทกลับ

    “โรคจิตหรือเปล่ามึงเนี่ย” ชอบให้คนอื่นพูดจาหยาบๆเนี่ยนะ แถมยังมาบอกว่า น่ารักอีก เอ่อ มึงสมควรเช็คสมองได้ละนะ ผมว่ายืนอยู่กับมันต่อต้องเสียทีมันอีกแหงๆ

    “หยุดหัวเราะแล้วไปกันได้แล้ว” ผมค้อนใส่มันอย่างตั้งใจ เมื่อเห็นว่ามันไม่ยอมหุบยิ้มบ้าๆนั่นซักที นี่ผมคิดถูกหรือเปล่าเนี่ยที่เอาไอ้นี่มาเป็นตัวช่วยภารกิจครั้งนี้น่ะ

    “ก็ได้ครับๆ ไม่ล้อแล้วๆ เชิญพี่ไนน์เลยครับ” มันพูดแบบนั้นจริงแต่สายตามันนี่ชวนให้น่ากระโดดเตะจริงๆเลย  ผมเลือกที่จะเมินไอ้กราฟแล้วเดินนำมันไปทันที

    เกมที่หนึ่ง เริ่มได้ !!!

        

    แม้ในใจไนน์จะคิดแบบนั้น  แต่ทว่าเกมที่หนึ่ง(ของไนน์)อาจจะจบลงเร็วกว่าที่คิด โดยที่ไม่รู้ตัว คนสองคนที่พึ่งเดินผ่านไปนั้น ถูกจับจ้องโดยใครบางคนที่ยืนอยู่ในร้านหนังสือแถวนั้น มือข้างที่ไม่ได้หยิบหนังสืออยู่กำลังกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว พร้อมสายตาที่เย็นชาที่มองออกไปนอกร้าน จนคนที่มาด้วยสงสัย  “เซนท์ เป็นอะไรไปหรอ ไม่สบายหรือเปล่า”

    เหมือนจะรู้ตัว ร่างสูงคลายมือออกแล้วหันมายิ้มให้ คนถามแล้วตอบ “เปล่าครับ ไม่มีอะไร” แต่ทว่าในใจกลับกำลังเดือดพล่านเพราะใบหน้าของคนที่พึ่งผ่านสายตาไป   

    ไอ้ไนน์   

                                                     

    **********************************************************

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับผม


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×