ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My wife ขอโทษที คนนี้เมียกู [END]

    ลำดับตอนที่ #19 : .....My wife.....{19}

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.99K
      16
      19 มี.ค. 56


    .....My wife..... {19}

    [Victor]

              หลังจากวันนั้นที่ไอ้พาสต้ามาหาผมที่บ้านแล้วบอกว่าจะไม่ได้เจอกันไปสักพัก ดูท่าว่าจะจริงนะ เพราะตอนนี้ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ผมไม่เจอจริงๆ เรียกได้ว่าทุกที่เลยล่ะ จนน่าสงสัยเลยเชียว แต่แบบนี้มันก็ดีแฮะ ไม่อยากเจออยู่เหมือนกัน

    “อะไรเนี่ย นั่งเหม่อตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะมึงอ่ะ” ไอ้เซนท์ที่นั่งอยู่ข้างๆกันถามขึ้น

    “ป่าวเหอะ ไม่มีอะไรหรอก กูแค่คิดอะไรเพลินๆแค่นั้นล่ะ ว่าแต่มึงเหอะ ทำหน้าบูดงี้ แม่งไปเจออะไรมาล่ะ” แม้ว่าเป็นปกติของมันก็เถอะที่จะนั่งทำหน้าไม่สบอารมณ์แบบนี้ทั้งวันน่ะ แต่ว่าวันนี้ดูเหมือนจะเยอะไปนะ ก็เล่นกวนยังไงก็ไม่ตอบเลยนี่สิ

    “แล้วมึงคิดว่าอย่างกูจะมีเรื่องอะไรได้อีกล่ะ”

    “ทะเลาะกับพี่ไนน์อีกแล้วอ่ะดิ” คนอย่างไอ้เซนท์จะมีปัญหาก็อยู่เรื่องเดียวเนี่ยแหละ คนใช้ชีวิตสนุกไปวันๆแบบมันน่ะ  ไม่มีทางจะมาเครียดเรื่องเรียนหรอกน่า

    “กูไม่รู้แม่ง กูไม่เจอหน้ามันมาสองวันแล้วเนี่ย” โอ๊ะ หรือรอบนี้พี่ไนน์เอาจริงแฮะ

    “โดนเขาหลบหน้ามึงก็เลยมานั่งหน้าบูดอยู่โรงเรียนเนี่ยนะ”

    ไอ้หน้าบูดอะไรไม่เท่าไร แต่ไอ้นี่เล่นอารมรณ์เสียพาลไปทั่วด้วยนี่สิ เรียกได้ว่าเวลานี้ถ้าไม่ใช่ผมนี่อย่าไปกวนมันเลยเถอะ เดี๋ยวจะได้เจ็บตัวเปล่าๆ

    “มึงคิดว่าไอ้ไนน์มันทำแบบนั้นหรอ”

    “แหงสิวะ คนข้างบ้านบ้าอะไรจะไม่เจอหน้ากันมาสองสามวัน รถพี่ไนน์ยังอยู่ไหมล่ะ”

    “กูไม่รู้ กูเห็นแค่รถมันตอนดึกแค่นั้นแหละ แต่เช้ามาแม่งหายไปเร็วสัส”

    “มึงไม่ไปดักรอล่ะ” ผมถามไปงั้นแหละ คนอย่างไอ้เซนท์ เรื่องแค่นี้มันคิดออกอยู่แล้ว

    “ดักแล้วไงวะ กว่ามันจะกลับก็แม่งดึกสัสอ่ะ กูก็เกรงใจบ้านไอ้ไนน์เหมือนกันนะเว้ย”

    “เหอะ ก็ไปรอที่คณะเลยสิวะ” ไอ้เซนท์จะว่าไปมันก็เป็นคนที่เข้าใจยากนะ คนที่มันเกรงใจบนโลกนี้มีไม่กี่คนหรอก ครอบครัวมัน ครอบครัวผม แล้วก็ครอบครัวพี่ไนน์แค่นั้นแหละ แต่ยกเว้นตัวพี่ไนน์นะ ไม่เลยล่ะ ผมไปบ้านมันทีไร ต้องเห็นมันทะเลาะกับพี่ไนน์ตลอดเลยสิน่า

    “ไปแล้วไอ้ห่า ไม่เจอเลย ถามเพื่อนแม่งก็บอกไม่รู้หมดเลยอ่ะ กูว่าพวกมันรู้ว่ะ แต่ไอ้ไนน์สั่งไว้มากกว่า ถามพี่โมส แม่งยังไม่รู้เลย” อยู่กับมาตั้งหลายปี ทำให้ผมรู้ว่าความทรมานที่สุดของมันคือการไม่ได้เจอพี่ไนน์เนี่ยแหละ แม้จะรู้ว่าเจอหน้ากันทีไรต้องทะเลาะกันตลอดเลยก็ตามทีเถอะ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าสองคนนี้เป็นอะไรกันแน่

    “นี่ กูถามจริงเหอะไอ้เซนท์ มึงคิดกับพี่ไนน์ยังไงกันแน่วะ”

    “ห๊ะ มาถามอะไรของมึงเนี่ย” ไอ้เซนท์ทำท่าบ่ายเบี่ยง

    “ไม่ต้องหลบเลยไอ้เวรนี่ ตอบมาเดี๋ยวนี้เลยมึง”

    “กูไม่รู้เว้ย ต่อให้มึงอยากรู้แค่ไหนกูก็ตอบมึงไม่ได้หรอก ตัวกูเองกูยังไมรู้เลย”

    “อ่าวไอ้นี่ แล้วแบบนี้จะได้เรื่องไหมเนี่ย สัส กูก็นึกว่ามึงมั่นใจแล้วไอ้ห่า”  ก็ดูที่มันทำแต่ละอย่างสิครับ ใครที่ไหนมาเห็นก็ต้องนึกว่ามันชอบพี่ไนน์ทั้งนั้นแหละ  แต่ตัวมันเองเป็นแบบนี้เนี่ยนะ เฮ้ย แล้วแบบนี้เพื่อนผมมันจะไปรอดไหมเนี่ย

    “โห ไอ้เวรนี่ พูดเหมือนมึงรู้งั้นแหละ” นั่นถามผมกลับอีก ไอ้นี่

    “รู้สิวะ หมาไหนแม่งดูไม่ออกก็ควายเต็มทีแล้ว ไอ้สัส เล่นกันท่าพี่ไนน์ขนาดนั้น ชอบพี่เขา มึงก็ยอบรับมาเหอะ” ถ้าไม่ใช่ว่ามันนั่งหน้าซึมนี่ พ่อจะโบกแถมให้

    “ชอบงั้นหรอ ไมรู้เว้ย ชีวิตนี้กูเคยมีแฟนเหมือนมึงที่ไหนล่ะ”

    ที่ไอ้เซนท์พูดมันก็เรื่องจริงแหละครับ เหตุผลที่ผมไม่จริงจังกับใคร ก็เพราะผมเคยโดนทิ้งมาก่อน มันก็แค่นั้นแหละ หลังจากนั้นมา ผมก็ไม่เคยสนใจใครอีกเลยจริงๆจังๆ แต่ไอ้เซนท์นี่ รู้สึกว่ามันไม่เคยจะมีแฟนแบบจริงจังมาก่อนเลยจริงๆนะ ที่ผ่านมาก็แค่...รักสนุก

    “ไอ้เชี่ยนี่โง่อีกละ งั้นกูถามมึงดิ ที่มึงหวงพี่ไนน์นี่เพราะอะไร”

    ไอ้เซนท์มองผมตาขวางเลยที่โดนด่า เหอะ ไม่กลัวเว้ย ทำไมผมถึงรู้ว่ามันหวงน่ะหรอ ก็วันแรกที่พวกผมเจอพี่ไนน์น่ะสิ มีคนหนึ่งในกลุ่ม บอกพี่ไนน์น่ารักดี น่าสนใจ แค่นั้นแหละ ไอ้เซนท์แม่งจ้องอย่างกับจะไปฆ่าล้างโคตรซะงั้นอ่ะ เล่นเอาไอ้คนนั้นหน้าซีดไปเลย

    “ก็กูบอกไม่รู้ไง ไอ้นี่ก็ กูแค่ไม่ชอบเห็นมันอยู่กับคนอื่นแค่นั้นแหละ”

    “ถึงบอกไงว่ามึงโง่ ไอ้เชี่ยเอ๊ย แค่นั้นแม่งก็ชัดแล้วว่ามึงชอบพี่เขาอ่ะ” ไอ้เซนท์มันไม่เคยพูดตรงๆหรอกครับว่า มันชอบน่ะ แต่ความอยากได้พี่ไนน์เป็นของตัวเองนี่ โห แสดงออกชัดเจนอ่ะ นี่ผมนึกว่ามันรู้จักตัวเองดีแล้วซะอีกนะ แค่ทำไมเป็นงี้ไปได้เนี่ย

    “ด่ากูอีกละไอ้นี่”

    “ก็สมควรจะด่าไหมล่ะ ไอ้เวร ก็เพราะโง่อย่างงี้ไง มึงเลยหาแฟนไม่ได้สักทีน่ะ”

    “กูแค่ไม่อยากยึดติดเฉยๆเหอะ คนอย่างกูเนี่ยนะ จะชอบไอ้ไนน์อ่ะ ปัญญาอ่อนละ”

    “เออ งั้นก็เรื่องของมึง ไม่เจอมึงกวนแบบนี้กูว่าคนอย่างพี่ไนน์ หน้าหวานซะแบบนั้น กูว่าเดี๋ยวคงหาแฟนได้สักคนเองล่ะ”

    “เฮ้ยเชี่ย!! ไม่เอาเว้ย กูไม่ให้!!!!” ไอ้เซนท์ตะโกนลั่น เล่นคนคนรอบๆหันมามองเลย ไอ้สัส ทำอย่างกับอยู่ในที่ลับงั้นแหละ ไอ้ควายนี่ก็

    “เสียงดังพ่องมึงสิ ทำไม มึงไม่ให้อะไร อย่างมึงทำเชี่ยอะไรได้กูถามจริง”

    “อย่างน้อยกูก็.......”

    “ก็อะไร มึงตอบไม่ได้หรอกไอ้สัส ยอมรับว่ามึงชอบพี่ไนน์ซะ แล้วก็เผด็จศึกแม่งเลย” ไอ้เซนท์จ้องหน้าผมเหวอเลย ไอ้ห่านี่ทำหน้าโง่อีกละ โอ้ยย ปวดหัวโว้ย ปกติละเก่งเหลือเกิน แม่ง เจอพี่ไนน์งอนหนักเข้าหน่อยถึงกับเขวเลยนะ ไอ้ห่านี่

    “ไม่ต้องมาทำหน้าเลยมึง ไม่ทำมึงก็ปล่อยพี่ไนน์ไป อยากเป็นอิสระนักก็อยู่ไปดิ กูว่าพี่ไนน์น่าจะดีใจด้วยซ้ำที่มึงเลิกยุ่งกับพี่เขาได้แล้วน่ะ”

    “โห พูดแบบนี้ฆ่ากูเลยเหอะ ไอ้สัส ให้กูไปฉุดไอ้ไนน์ยังง่ายกว่าให้กูยอมปล่อยมันอีก”

    “แล้วมึงจะเอาไงเนี่ย บอกให้เลิกก็ไม่เลิก บอกให้ลุยก็ไม่ลุย แล้วก็มานั่งทำหน้าญาติเสียอยู่ข้างกูเนี่ยนะ” ผมว่าพี่ไนน์คงมีแผนอะไรสักอย่างแน่ๆล่ะ  เพราะยังไงก็ต้องเจอแน่ๆอ่ะ ผมรู้เรื่องที่พี่ไนน์มาติวให้ไอ้นี่น่า แต่มันก็คงะรู้อยู่แหละว่าเจอหลบหน้าไปแบบนี้นี่มีปัญหาแน่ๆ

    “นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกนี่หว่า ทำไมเป็นเดือดเป็นร้อนนักหนาวะ”

    “ก็ไอ้ไนน์มัน.....” ไอ้เซนท์เงียบ  โอ๊ะ ผมว่างานนี้เรื่องใหญ่แหงๆอ่ะ

    “ทำไม พี่ไนน์ทำอะไร”   

    “มันบอก มันจะไม่เจอกูนอกเวลาอีกแล้ว” เสียงเศร้าของไอ้เซนท์ ทำเอาผมหัวเราะลั่นเลยจนมันด่าผมมาทางสายตานั่นแหละ ผมถึงหยุดอ่ะ เหอๆ ว่าแล้วไง งานนี้มีเฮอ่ะ

    “แล้วรอบนี้พี่ไนน์ก็เอาจริง ฮะฮะ นี่กูจะสงสารหรือสมน้ำหน้าดีวะเนี่ย” ผมตบหลังไอ้เซนท์อย่างปลอบใจ เอาไงดีอ่ะ มันก็เพื่อนผมคนหนึ่งนะ แต่งานนี้ผมว่าผมเชียร์พี่ไนน์ดีกว่า

    “ไอ้สัส นี่กูเพื่อนมึงนะ”

    “แล้วไงอ่ะ มึงทำตัวเองนี่หว่า ใครจะไปช่วยอะไรมึงได้”

    “เออๆ หัวเราะเข้าไป อย่าให้กูได้เล่นเรื่องของมึงบ้างน่ะ” ไอ้เซนท์ขู่ผม

    “เรื่องอะไร เสียใจว่ะ คนอย่างกูไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องกลัว”

    “เรื่องไอ้พาสต้าไงล่ะ” เฮือก!! ไอ้เวรนี่ เล่นงี้เลยหรอ แม้ตอนนี้ไอ้พาสจะไม่มาวนเวียนข้างๆผมก็เถอะ แต่ผมว่ามันคงกลับมาสักวันเนี่ยแหละ แต่ผมว่าผมปิดไอ้เซนท์ได้น่า

    “เหอะ กะ..กูไม่กลัวหรอกว่ะ มึงอยากรู้ไปก็แค่นั้น กูไม่บอกมึงซะอย่าง”

    “แน่ใจนะ หึ กูคืนดีกับไอ้ไนน์ได้เมื่อไร มึงไม่รอดแน่”  

    “พี่ไนน์เกี่ยวอะไร พี่ไนน์ก็ไม่ใช่จะรู้เรื่องว่ะ” ไอ้เซนท์ยิ้ม นี่ผมพลาดอะไรไปหรือเปล่า

    “มึงลืมแล้วหรือไง ว่าไอ้พาสของมึงอ่ะ เด็กไอ้ไนน์มัน” อ่าวเฮ้ย!!! เชี่ยแล้วไง ผมลืมไปได้ไงเนี่ย โอ้ย ผมเปลี่ยนใจแล้ว  ผมจะขัดขวางไอ้เซนท์  ไม่มีทาง มันต้องไม่คืนดีกับพี่ไนน์

    “ไอ้สัส ถ้ามึงกล้าทำนะ กูจะแช่งให้พี่ไนน์โกรธมึงไปจนตายเลย”

    “หึ ฝันไปเหอะ กูตัดสินใจได้ละ” ไอ้เซนท์พูด ห๊ะ! ตัดสินใจ อะไร เมื่อไร

    “ตัดสินใจอะไรมึง มึงได้ทันคิดอะไรด้วยเนี่ย” ผมพูดอย่างงงๆ คิดอะไรเร็วชะมัดไอ้นี่

    “กูว่านะมีเมียเป็นตัวเป็นตน ก็ยังดีกว่าต้องทนเห็นมันอยู่กับคนอื่นว่ะ”

    “ไอ้ยะ เจ๋งว่ะเพื่อนกู ตกลงว่างานนี้มึงจะลุย” ไอ้เซนท์ยิ้มให้ผมก่อนจะตอบ

    “อย่าโง่ดิไอ้สัส ไม่ลุยกูก็อดแดกสิวะ”  ชะ ไอ้เวรนี่ด่าผมคืนซะงั้น 

     

    เพราะไอ้เซนท์เพื่อนรักมัวแต่ไปคิดแผนง้อพี่ไนน์ วันนี้ผมเลยไอ้มาเที่ยวคนเดียวอีกแล้ว เนี่ย หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมผมไม่อยู่บ้านบ้าง เที่ยวอยู่ได้ ก็จะอยู่บ้านทำไมล่ะครับ มันมีอะไรให้ทำซะที่ไหน ออกมาเดินเที่ยวแบบนี้สนุกกว่าเยอะเลย อีกอย่างนะครับ หึหึ อาหารตาเยอะกว่าเยอะ ความจริงผมว่าจะชวนแฟร์ออกมาด้วยนะ แต่ว่าเธอไม่ว่างซะงั้นอ่ะ ชิ  คนหล่อเซ็งเลย มันเป็นครั้งแรกในช่วงนี้เลยนะที่ผมรู้สึกอิสระแบบนี้น่ะ หลังจากต้องเผชิญกับไอ้ตัววายร้ายแบบไอ้พาสนั่นน่ะ อะไรจะจองเวรผมไปขนาดนั้น แถมไอ้คำพูดกำกวมพวกนั้นอีก

    และในขณะที่ผมเดินดูของไปเพลินๆนั้น ก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งดังขึ้น ซึ่งคุ้นหูผมมากเลยล่ะ ทั้งเสียงที่พูดอยู่แล้วชื่อที่เสียงนั้นพูดออกมา

    “พี่พาส แฟร์อยากกินไอติมอ่ะ”  เสียงอ้อนของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังผม

    “นี่ ยัยตัวแสบ แค่ไอ้ที่ซื้อๆนี่ก็ผลาญเงินพี่ไปเยอะแล้วนะ” แม้กระทั่งเสียงผู้ชายที่ดูเหมือนจะมากับผู้หญิงคนนั้นด้วยทำไมผมรู้สึกเหมือนเคยได้ยินมาก่อนเลยล่ะ

    “ไม่ต้องเลยนะพี่พาส นานๆจะออกมาด้วยกันทั้งที วันๆเอาแต่ไปขลุกอยู่กับนายวิคเตอร์นั่นอ่ะ แฟร์หึงนะ” กึก!! ประโยคนั่นทำให้ผมหยุดเดินทันที ผมเริ่มรู้สึกถึงอะไรแปลกๆแล้วล่ะ

    “ทำเป็นงอน เดี๋ยวเหอะ นี่อุตส่าห์แอบพามาแล้วนะ ถ้าวิคเตอร์มาเจอ....” ตึก! เสียงที่กำลังพูดหายเงียบไปทันที พร้อมกับดวงตาที่เบิกกกว้างขึ้นอย่างตกใจ พร้อมกับผู้หญิงข้างๆที่เงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วทำท่าเดียวกันเลย ทำไมสองคนนี้ทำแบบนี้น่ะหรอ ก็เพราะผมมั่นใจแล้วน่ะสิ ว่าเป็นใคร เลยหันไปมองให้ชัดๆสักที แล้วก็เดาไม่ผิดจริงๆด้วย หึ เซ็งชะมัด

    “วะ..วิคเตอร์” เป็นแฟร์ที่พูดออกมาก่อน พร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนๆ ผิดกับผมที่ส่งยิ้มกว้างไปให้ โดยเป็นรอยยิ้มที่ดูก็รู้ว่าแสร้งเต็มที ทำไมผมต้องมาเจอไอ้เรื่องแบบนี้ด้วยเนี่ย

    “ทำไม ถ้ากูเจอแล้วมันจะทำไม” ความรู้สึกมากมายโหมกระหน่ำเข้ามาในจิตใจ ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่อก ลมหายใจที่เริ่มติดขัด 

    อีกแล้ว อาการแบบนี้อีกแล้ว ไม่อยากเจอเลยให้ตายสิ สิ่งที่เรียกว่าความผิดหวัง น่ะ

    “วิคเตอร์ คือ....” พาสต้าเป็นฝ่ายออกเสียงมาบ้าง ท่ามกลางความเงียบของเราทั้งสามคน ตอนนี้ผมไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่ผมรู้สึกอยู่ตอนนี้มันเป็นเพราะใครกันแน่ เพราะภาพของคนทั้งสอง มันเหมือนจะทำให้ผมพูดไม่ออกเลยทันทีที่เห็น  ผมถอนหายใจแล้วหันหน้าไปทางอื่น

    “บังเอิญจัง ที่มาเจอกันเนี่ย” ผมสุดลมหายใจเข้าแล้วหันกลับมาพูดกับทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม แต่คนฟังทั้งคู่ตอนนี้คงไม่ยิ้มไปกับผมด้วยหรอก

    “คนหนึ่งบอกว่าช่วงนี้ไม่ว่าง อีกคนก็บอกมีธุระ น่าแปลกใจที่มันเป็นธุระเดียวกันแฮะ” ผมพูดไปแล้วเริ่มหัวเราะ ตั้งแต่แฟนเก่าทิ้งผมไป จากครั้งนั้น ผมไม่เคยเป็นฝ่ายถูกทิ้งเลยนะ ครั้งนี้คงจะเป็นครั้งที่สองสินะ แม้ผมจะเปลี่ยนแฟนบ่อยแต่ผมก็จริงจังกับทุกคนนะ ใช่จะไม่ดูแลเลยสักหน่อย มาเจอเข้าแบบนี้มันก็ทำให้เซ็งได้เหมือนกันนะ

    “หึ ทำไมมันเซ็งแบบนี้วะ” ผมพึมพำกับตัวเองแต่ก็ตั้งใจให้ดังพอให้อีกสองคนได้ยิน

    “วิคเตอร์ คือเรื่องนี้มัน.....” ผมไม่รอให้ไอ้พาสพูดจบ ก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนทันที

    “กูไม่อยากฟัง วันนี้กูไม่มีอารมณ์” คำพูดของผมทำเอาไอ้พาสหน้าเสียไปเลยทันที

    “เที่ยวให้สนุกนะ กูกลับก่อนล่ะ” ผมบอกกับทั้งสองคนแล้วเดินผ่านทั้งสองคนไป แต่ก็มีมือหนาของไอ้พาสต้ามาจับมือผมไว้ก่อน  ผมก้มลงมองที่มือตัวเองก่อนจะมองหน้าคนจับ

    “ปล่อย” เสียงสั่งเบาๆแต่มีน้ำหนักมาก พูดกับไอ้พาส แต่อีกคนดูเหมือนจะไม่สนใจ

    “ไม่ คุยกันก่อนวิคเตอร์”

    “กูไม่มีเรื่องอะไรจะคุย หึ ให้ผู้หญิงเขารอแบบนั้นมันไม่ดีนะ”

    “ช่างแม่งดิ” โห ไอ้เวรนี่ พาเขามาเที่ยวด้วยแล้วก็ไม่ดูแล ช่างแม่งเลยหรอ

    “ก็กูบอกว่าไม่มีอะไรคุยด้วยไงล่ะไอ้สัส!! มึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึงดิ!!” เสียงที่ดังขึ้นทำเอาหน้าไอ้พาสต้าเหมือนเริ่มๆจะไปพอใจเท่าไร แล้วไงอ่ะ ผมไม่สนหรอก

    “ยัยแฟร์เป็นน้องสาวกู พอใจไหม กูแค่ออกมาเที่ยวกับน้องสาวตัวเองก็แค่นั้น” ห๊ะ!! คำพูดของไอ้พาสทำเอาผมต้องหันไปมองแฟร์ ซึ่งแฟร์ก็พยักหน้าตอบกลับมา นี่มันอะไรกันเนี่ย ทำไมอยู่ๆสองคนนี้ไปเป็นพี่น้องกันซะงั้นอ่ะ แล้วทำไมต่างคนต่างไม่มีใครเคยบอกผมเลยล่ะ ไม่รู้ล่ะ แม้จะพูดมาแบบนั้น แต่ความรู้สึกที่โดนหักหลังแบบนี้มันก็ไม่หายง่ายๆหรอกนะ

    “เออ แล้วไงล่ะ มึงจะออกมากับใครมันเกี่ยวอะไรกู ปล่อยกูได้แล้ว กูจะกลับ” ใช่ มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมสักหน่อย ทำไมไอ้นี่มันต้องมาดึงมือผมไว้ด้วยเนี่ย จากความรู้สึกสับสนตอนนี้กลายมาเป็นรู้สึกแย่ที่ถูกหักหลังแทน ตอนนี้ยิ่งอยู่ตรงนี้ยิ่งไม่เข้าใจใหญ่เลย

    “โหย หน้ามึงนี่เข้าใจมากเลยเนาะ ข้องใจเชี่ยไรอีกเนี่ย กูพูดแค่นี้ยังไม่เข้าใจอีกหรอ” “วิคเตอร์ นี่นายเข้าใจผิดจริงๆนะ ฉันกับพี่พาสเป็นพี่น้องกันจริงๆ” แฟร์พยายามอธิบาย

    “เออ กูรู้แล้ว แค่นี้ใช่ไหม งั้นก็ปล่อยกูได้แล้ว” ผมบอกกับไอ้พาส

    “แต่หน้ามึงนี่ไม่ได้บอกเลยว่าเข้าใจอ่ะ กูว่าต้องคุยกันหน่อยแล้วว่ะ” ได้พาสถอนหายใจก่อนจะมามองหน้าผมแล้วพูด อะไรของมึงอีกเนี่ย คุยเชี่ยไรอีกล่ะ

    “แฟร์ เรียกยัยพิซซ่ามารับละกัน พี่มีเรื่องต้องไปจัดการก่อน” ไอ้พาสหันไปบอกแฟร์

    “ก็ได้ แต่พี่พาสต้องกลับบ้านนะ ไม่งั้นพี่พิซซ่ารู้เรื่องนี้แหงเลย” แฟร์พูดกับไอ้พาสแล้วเดินมาเอาถุงของออกจากมือของไอ้พาสอีกข้างที่ไม่ได้จับมือผมอยู่ โธ่เว้ย ทำไมมือไอ้บ้านี่มันเหนียวแบบนี้นี้ บีบโคตรแน่นเลย ตอนนี้ผมกำลังพยายามใช้มืออีกข้างช่วยแกะออก แต่ไอ้พาสก็หันมาส่งสายตาดุมาให้ เหอะ กูไม่รอให้มึงลากกูไปไหนต่อไหนหรอกเว้ย

    “อืม แล้วห้ามบอกยัยพิซซ่าก่อนพี่กลับเด็ดขาดเลยนะเราน่ะ”

    “รู้แล้วน่า” แฟร์รับคำไอ้พาสก่อนจะเดินหลบฉากออกไป เหลือไว้แต่ผมกับมัน

    “เอ้า ทีนี้บอกมา เป็นอะไรของมึงเนี่ย ก็กูบอกไปแล้วไงว่ากูกับยัยแฟร์แค่น้องสาว” แล้วมันพยายามอธิบายทำไมเนี่ย ทำแบบนี้มันดูเหมือนผมกำลังหึงมันเลยนะ มันใช่ที่ไหนล่ะ

    “ก็กูบอกว่ารู้แล้วไง มึงจะมาอะไรอีกล่ะ”

    “ไอ้เด็กปากแข็ง หน้ามึงนี่บอกอยู่ชัดๆอ่ะว่าโกรธกู แล้วยังจะมาบอกว่าเข้าใจอีก”

    “อย่ามาพูดมั่วๆนะเว้ย กูเนี่ยนะโกรธมึงเรื่องนี้น่ะ กูจะโกรธมึงก็เพราะรำคาญที่มึงทำตัวงี่เง่าแบบนี้มากกว่า กูกับมึงไม่ได้เป็นไรกัน ทำไมมึงต้องมาดึงกูไว้แบบนี้ด้วยวะ” ผมพูดอย่างไม่พอใจ พูดให้มันดีๆหน่อย ถ้าจะโกรธผมควรจะโกรธแฟร์ที่ไม่บอกมากกว่า ไม่ใช่กับไอ้หมอนี่ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผมเลยแม้แต่น้อย จริงไหมครับ ผมโกรธเรื่องแฟร์มากกว่าเยอะ

    “เออ เดี๋ยวก็รู้ว่าที่มึงเป็นแบบนี้เพราะอะไรกันแน่” พูดจบไอ้พาสไม่รอช้า ลากผมออกจากที่ตรงนี้ทันที ไอ้เชี่ยนี่มันจะทำอะไรของมันอีกเนี่ย ผมเบื่อกับการกระทำของมันเต็มทนละนะ คิดจะลากผมไปไหนมาไหนตามใจชอบตลอดเวลาเลยหรือไง

     

    [Pasta]

     ตอนนี้ผมกำลังฉุดกระชากไอ้เด็กดื้อที่ดันมาเจอผมตอนช็อตเด็ดอยู่ ไอ้นี่ก็โวยวายเต็มที่เลย ผมว่ามันไม่น่าจะเป็นเด็กที่โง่เกินไปนะ ผมบอกว่าผมกับยัยแฟร์เป็นแค่พี่น้องกันแล้วทำไมมันยังทำหน้าโกรธผมแบบนั้นอยู่ล่ะ จะบอกว่าโกรธยัยแฟร์งั้นหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมมันมาก้าวร้าวใส่ผมแบบนี้ล่ะ แถมสายตาดื้อรั้นนั่นอีกนะ

    “ปล่อยกูสิวะ ไอ้เชี่ยนี่ !!” เสียงไอ้วิคเตอร์โวยวาย

    “ปล่อยก็โง่ดิ ขืนไม่คุยกันวันนี้กูว่าไม่รู้เรื่องกันไปอีกนานอ่ะ”

    “ก็มันใช่เรื่องของกูไหมล่ะ มึงจะมาลากกูทำไมเนี่ย โธ่เว้ย!” ไอ้นี่ก็โวยวายจริง ทำตัวอย่างกับไม่เคยเจองั้นแหละ มันน่าจะรู้ตัวบ้างแล้วสิ ว่ายิ่งดื้อยิ่งเจอดีน่ะ

    “อยู่เฉยๆสิวะ มึงอยากเจ็บตัวก่อนหรือไง” ผมหันไปบอกมัน แต่ไอ้วิคเตอร์ไม่มีทีท่าลดละเลยแม้แต่น้อย แต่ผมไม่สนใจ แล้วดินต่อ โชคดีที่เจอกันตอนที่ผมกำลังจะกลับพอดีเลยอยู่ไม่ไกลที่จอดรถ ผมลากไอ้ตัวแสบออกมาจนพ้นจากสายตาคน แล้วเลือกที่ลับตาในที่จอดรถ ก่อนจะดึงวิคเตอร์ไปติดกำแพงแล้วใช้แขนกั้นทางหนีไว้เบ็ดเสร็จ

    “เอ้า ทีนี้พูดมา เป็นเชี่ยไรอีก ทำหน้าให้มันเข้าใจเหมือนที่พูดหน่อย”   

    “ก็บอกว่ากูไม่ได้เป็นอะไรไงล่ะ มึงจะอะไรนักหนาวะ” ไอ้วิดเตอร์ทำท่าไม่พอใจ

    “หึหึ เชื่อก็โง่แล้วดิ ทำหน้าไม่พอใจซะขนาดนั้น อ๊ะ หรือว่า....” ผมพูดเว้นช่วงไว้แล้วยิ้มให้คนตัวเล็กกว่า ไม่แน่นะ มันอาจจะเป็นแบนี้ก็ได้

    “หรือว่าอะไร พูดให้มันดีๆนะ”

    “หรือว่า หึงกู” ฮะฮะ ผมพูดแค่นี้ไอ้วิคเตอร์ทำหน้าเหวอเลยซะงั้น แบบนี้ก็แปลว่าใช่ล่ะสิ

    “พูดชุ่ยๆ ไอ้เชี่ยนี่ อย่างกูเนี่ยนะ จะหึง เหอะ แค่หน้ามึงกูยังไม่อยากจะเจอเลยด้วยซ้ำ”

    “งั้นทำไมทำหน้าไม่พอใจกูแบบนั้นล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะหึง เป็นเพราอะไร ตอบกูมาดิ” ไอ้วิคเตอร์เงียบ หึ พูดไม่ออกล่ะสิ ก็มันเล่นแสดงออก ว่าไม่พอใจตั้งแต่ตอนแรกที่เห็นผมกับยัยแฟร์เลยนี่ แม้ผมจะบอกไปแล้ว แต่มันก็ยังทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจอยู่ดีนี่ มันจะมีคนปกติที่ไหน   ทำหน้าบูด พูดเสียงต่ำคุยกับคนอื่นแบบนั้นน่ะ นอกเสียจากว่าไม่พอใจน่ะ

    “ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ อย่ามาพูดเองเออเองได้ไหม”

    “ถ้าไม่ใช่ งั้นหรือว่าไม่พอใจที่กูไม่พามึงมาเที่ยวบ้าง” ผมพูดต่อแต่ไอ้วิคเตอร์ทำหน้าเหวอกว่าเดิมอีก เหอะ ปฏิเสธไปเถอะ ผมว่ามันต้องใช่สักอย่างเนี่ยแหละ แต่มันไม่ยอมรับตัวเองมากกว่า แต่ก็นั่นแหละ คนอย่างมันมียอมรับเรื่องแบบนี้เองได้ที่ไหนล่ะ

    “เข้าข้างตัวเองตลอดมึงอ่ะ กูแม่งไม่สิ้นคิดถึงขนาดนั้นหรอกว่ะ ถ้าจะให้มาคิดถึงเรื่องมึงนี่กูว่าโง่อ่ะ เสียเวลาเปล่าๆ” ไอ้วิคเตอร์ตอบ มั่นใจจริงนะ ไอ้เด็กน้อย

    “หึ ปากแข็งดีนักนะ จูบสักทีดีไหม” พูดแค่นี้แต่ไอ้วิคเตอร์เม้มปากแน่นเลย น่ารักแฮะ

    “กลัวทำเชี่ยไร โดนกูจูบไปตั้งไม่รู้กี่รอบแท้ๆ ยังจะทำอย่างกับไม่เคยงั้นแหละ”

    “แล้วมันจำเป็นไหมที่กูต้องยอมโดนทุกรอบน่ะ” เมื่อกี้ยังกลัวอยู่เลย ตอนนี้เถียงซะละ

    “เบื่อจริงๆกับคนไม่ยอมรับความจริงน่ะ นี่ขนาดกูมากับน้องนะ แม่งยังหึงได้ไม่เข้าท่า” ความจริงเรื่องของผมกับยัยแฟร์มีมากกว่านั้นเยอะ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกมัน เอาไว้ก่อนละกัน เพราะข้อตกลงของผมกับยัยนั่นยังไม่สมบูรณ์

    “หยุดพูดว่ากูหึงมึงได้แล้ว กูบอกแล้วไงว่ามันไม่มีทาง ที่สำคัญ กูเกลียดมึง เข้าใจไหม”

    “ไม่เข้าใจว่ะ” สงสัยคงต้องใช้ไม้เด็ดแล้วล่ะ ถ้าไอ้เด็กนี่ยังไม่ยอมรับตัวเองแบบนี้นะ

    “มึงบอกว่ามึงไม่ได้โกรธกูใช่ไหม”

    “เออสิ  มึงอ่ะแหละมั่ว” ชะ ถ้าท่าทางมั่นใจเหมือนปากพูดนี่ก็จะปล่อยไปละนะ แต่มันไม่ใช่น่ะสิ ทำท่าทางอย่างกับคนมีความลับแบบนี้น่ะ เห็นแบบนี้แล้วน่าแกล้งชะมัด

    “ได้ งั้นมาพิสูจน์กันว่ามึงพูดจริง” ผมจับมือไอ้วิคเตอร์แล้วเดินนำไป

    “เฮ้ย เดี๋ยวดิ พิสูจน์เชี่ยไรล่ะ แล้วนี่จะลากกูไปไหนอีก”

    “ถ้ามึงแน่ใจว่าไม่มีอะไรจริงๆ ต้องกล้าเดินกับกูดิ ถ้าไม่ได้งอนจริง ไปเที่ยวด้วยกันแค่นี้ไม่เห็นจะเป็นไรเลยจริงไหม” อีกแล้ว ไอ้เด็กนี่ทำหน้าเหวออีกแล้ว จะตกใจอะไรนักหนา  วันนี้หลายรอบละนะ ผมคิดว่าตัวเองจะอดทนได้มากพอไม่ไปหาไอ้เด็กนี่ละนะ เพราะยัยแฟร์ขอ(ขู่)ไว้น่ะ แต่เล่นมาทำตัวน่ารัก(?)แบบนี้ต่อหน้าเลย สงสัยคงไม่ปล่อยกลับง่ายๆแล้วล่ะ

    “ไอ้สัสกูไม่ไป กูเกลียดมึง เชี่ยย ปล่อยนะเว้ย!!” โวยวายอีกละ โวยวายอะไรนักหนาวะ ถ้าไม่ติดว่าที่นี่มีกล้องนี่จะจับจูบจริงๆด้วย ขืนจูบไปผมได้โดนข้อหาอนาจารในที่สาธารณะน่ะสิ

    “พูดมาก เดินตามมาเงียบๆก็พอแล้ว ขืนพูดมากอีกกูพาไปเที่ยวที่คอนโดกูแน่” หึหึ แม้ผมอยากให้มันโวยวายต่อก็ตามทีเถอะ แต่พอพูดจบได้วิคเตอร์ก็เงียบกริบในทันทีเลย

    “เออ ทำตัวให้น่ารักหน่อย ถ้าคิดว่าตัวเองพูดจริงแม่งจะกลัวอะไรล่ะ” พอบอกมันน่ารักนี่จ้องผมตาแทบถลน แต่ด่าไมได้ เดี๋ยวผมพาไปเที่ยวที่อื่นจริงแล้วตัวมันเองนั่นแหละจะซวย ผมลากไอ้ตัวเล็กเจ้าปัญหากลับเข้าห้างไป เดี๋ยวก็รู้กัน ว่าใครกันแน่ที่โกหกน่ะ

     

    [Mozz]

    หลังจากวันที่เจอกับนายนั่น ผมก็รู้สึกระแวงตลอดเลย แม้ผมจะรู้อยู่หรอกว่า นายกราฟอยู่ใกล้ตัว เพราะผมเห็นนายนั่นอยู่กับพี่ไนน์ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเจอกันเร็วขนาดนี้ ตั้งตัวไม่ทันเลยจริงๆ ทั้งกลัวก็กลัว ห่วงพี่ไนน์ก็ห่วง แต่ผมว่าคนอย่างพี่ไนน์ไม่น่าจะหลงกลนายกราฟง่ายๆหรอก  ไหนจะเซนท์อีก แม้ทั้งสองคนจะดูแลตัวเองได้ แต่คนอย่างกราฟน่ะ ผมรู้จักดี รู้จักดีด้วย นายนั่นถ้าจะทำอะไรสักอย่างน่ะ นายนั่นต้องทำได้แน่ และไม่มีคำว่าพลาดด้วย

    “ไม่มีสมาธิเลย ให้ตายสิ” ผมที่นั่งอยู่กับโต๊ะในหอพักของตัวเอง ที่ๆน่าจะปลอดภัย แต่ทำไมยังรู้สึกไม่ดีอยู่เนี่ย จะอ่านหนังสือแค่นี้ก็ยังไม่ได้เลย ที่ไม่อยู่บ้าน เพราะรู้ว่านายนั่นต้องตามเจอแน่ๆ หลังจากเลิกกันผมเลือกที่จะอยู่หอมากกว่า ยกเว้นวันหยุดที่รู้ว่านายนั่นต้องอยู่กับครอบครัวเหมือนกันนั่นแหละถึงจะกลับบ้าน จนกว่าจะแน่ใจว่าจะถูกเลิกตามหรือจนกว่าจะเรียนจบ ก็ต้องอยู่หอแบบนี้ไปก่อนละนะ

    เสียงกริ่งที่หน้าประตูเรียกความสนใจผมออกจากหนังสือตรงหน้า ผมเดินไป ก่อนจะมองลอดตาแมวออกไปเพื่อความแน่ใจ เผื่อเป็นเพื่อนผมมาแกล้งให้ผมตกใจจะได้รู้ทันไง

    “อ่าว แล้วใครมากดละเนี่ย” เมื่อไม่เห็นว่ามีใคร ผมพึมพำกับตัวเองอย่างงงแล้วเปิดออกไปดูเพื่อให้แน่ใจ  แต่ก็กลับเจอกับร่างสูงของใครบางคนยืนอยู่ คนที่ทำผมตกใจจนนิ่งค้าง

    “หึ ใช่จริงๆด้วย กว่าจะหาเจอได้นะ” ไม่จริงน่า ทำไมเขาหาผมเจอได้ล่ะ

    “กะ...กราฟ”


    **********************************************************

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับผม


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×