ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My wife ขอโทษที คนนี้เมียกู [END]

    ลำดับตอนที่ #22 : .....My wife.....{22}

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.02K
      14
      25 เม.ย. 56

     


    .....My wife..... {22}

    [Nein]

                “อือ.....” อะไรเนี่ย ความรู้สึกปวดเมื่อยแบบนี้น่ะ ผมตอนนี้ที่เริ่มจะรู้สึกตัวจากการหลับ เริ่มลืมตาขึ้น พร้อมกับหลากหลายความรู้สึก แต่ทว่าสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าผมกลับไม่ใช่น้องหมีของผม แต่กลายเป็นแผ่นอกแน่นของใครบางคนแทน พร้อมกับอ้อมแขนที่โอบกอดผมไว้

    “เรื่องจริงหรอวะเนี่ย” ผมพึมพำเบาๆกับตัวเอง ก่อนจะพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น ทำไมมันลำบากงี้วะ ผมดันแขนของไอ้เซนท์ออก แล้วลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองไปที่มันอย่างเคืองๆ

    “ไอ้เด็กบ้า บอกว่าอย่าเยอะก็ไม่ฟังกันเลย” ผมบ่นใส่ไอ้คนที่กำลังนอนหลับสบายอย่างไม่รับรู้อะไร ให้มันได้อย่างนี้สิ สบายเหลือเกินนะมึง และในขณะที่ผมจะลุกจากเตียงนั้นเอง

    “จะรีบไปไหน” ไอ้เซนท์เองครับ มันตื่นแล้วล่ะ และตอนนี้กำลังคว้าเอวผมอยู่ๆ ก่อนที่มันจะดึงตัวเองขึ้นมานั่งกอดผม อย่าคิดนะครับว่าพวกผมใส่เสื้อผ้ากันอยู่ ไม่เลยสักนิด กว่าไอ้เซนท์มันจะพอก็เล่นเอาผมหมดแรงไปแล้ว แค่ไม่ถึงขึ้นไม่สบายเพราะเปลือยอยู่ก็ดีแล้วครับ

    “ก็บอกแล้วไงว่ามีงานน่ะ” ผมบอกไอ้เซนท์ครับ  ซึ่งตอนนี้มันกำลังเอาคางเกยอยู่ที่ไหล่ผม พร้อมกับจมูกที่ตอนนี้กำลังคลอเคลียอยู่ที่ต้นคออย่างเอาแต่ใจ อะไรของมึงเนี่ย

    “ไปไหวหรือไง” มันถามผมเสียงเบาครับ แต่ฟังดูแล้วมันตั้งใจจะล้อผมชัดๆ

    “ไม่ไหวก็ต้องไป นัดไว้แล้วนี่” ไอ้เซนท์ถอนหายใจออกมาเหมือนไม่สบอารมณ์ครับ อ้อมกอดของไอ้เซนท์รัดแน่นขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่มันจะขโมยหอมแก้มผมอย่างเร็ว

    “อ๊ะ... ทำอะไรมึงเนี่ย” ผมลูบแก้มตัวเองเบาๆ

    “ทำไมต้องโวยวายด้วยอ่ะ ดีกันแล้วไม่ใช่หรือไง” ไอ้เซนท์พูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ

    “ไม่เกี่ยวกันโว้ย เรื่องนั้นก็เรื่องนั้นสิ ไม่ใช่ว่าต้องยอมทุกเรื่องสักหน่อย”  ผมแกะมือไอ้เซนท์ออกจากตัวเองแล้วลุกยืน ผมคว้าเสื้อผ้าของตัวเองมาใส่แบบลวกๆ

    “น่ะ ไม่เห็นต้องกลับไปเลย อาบนี่ก็ได้นี่” ไอ้เซนท์พูดแล้วมองผมอย่างคาดหวัง

    “ไม่มีทางหรอกว่ะ ขืนกูอาบที่นี่แม่งไม่ได้ไปไหนกันพอดี” ผมรู้นะว่ามันหวังอะไรอยู่น่ะแล้วมันเรื่องอะไรที่คนอย่างจะต้องไปทำตามที่มันต้องการด้วย ไม่ใช่เรื่องสักหน่อย

    “ทำไม พูดเหมือนกูมันไว้ใจไม่ได้งั้นแหละ” ไอ้คนที่นั่งบนเตียงเถียงขึ้นิย่างไม่พอใจ

    “เออ ก็มันไว้ใจไม่ได้จริงๆ น่ะสิ แม่ง พูดอะไรแล้วเคยฟังกันบ้างหรือไง” ผมสวนกลับมันไปทันทีเลยครับ ส่วนไอ้เซนท์ก็ทำหน้างอนทันทีที่ได้ยินที่ผมตอบ

    “อะไรเนี่ย ไหนบอกว่าชอบกูไง ทำไมไม่เห็นตามใจกูบ้างอ่ะ”

    “ไม่ต้องเอาเรื่องนี้มาอ้างเลยนะมึง แล้วไงอ่ะ ก็แค่ชอบ ไม่ได้บอกว่าจะคบด้วยสักหน่อย แฟนก็ไม่ใช่ ทำไมต้องตามใจด้วย” ผมตอกกลับเป็นชุดเลยครับ แม่ง พูดจริงๆ นี่ผมงอนจริงนะเนี่ย ตอนนี้กลายเป็นว่ามีแค่ฝ่ายผมเท่านั้นเองที่บอกชอบมันอ่ะ ในขณะที่มันไม่พูดอะไรเลย

    “เฮ้ย ได้ไงอ่ะ ได้กันขนาดนี้แล้วยังจะมาพูดเรื่องแฟนอะไรอีก นี่กูผัวมึงเลยนะเว้ย”

    “อ่าวเฮ้ย!! ทำไรมึงเนี่ย!!!” ผมคว้าหมอนแล้วขว้างไปที่ไอ้เซนท์อย่างแรง จนมันโวย

    “ปากหาเรื่องเองนี่มึง พูดให้ดีๆนะเว้ย ผัวเมียเชี่ยไร ไอ้สัส ก็แค่นอนด้วยกันแค่นี้เอง”

    “เฮ้ย!!!  เดี๋ยวดิ เล่นอะไรมึงเนี่ย!!!”  กลายเป็นผมที่ต้องโวยออกมาบ้างครับ ก็ไอ้เซนท์มันเล่นไม่พูดอะไรเลย แล้วจับผมเหวี่ยงลงเตียงเลยซะอย่างนั้นอ่ะ จะทำอะไรอีกเนี่ย

    “ปากแบบนี้แหละ หาเรื่องของจริงเลยมึง สงสัยเมื่อคืนไม่พอ แบบนี้มันต้องย้ำ!” พูดจบไอ้เซนท์ก็จูบผมทันทีเลยอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว ลิ้นร้อนกระหวัดเกี่ยวอย่างอ่อนโยนนากจะต้านทาน มือของผมวางอยู่บนอกแกร่งเปลือยเปล่าอย่างอ่อนแรง ก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะถอนออกไปอย่างช้าๆ สายตาของอีกคนที่มองลงมาทำเอาใบหน้าผมถึงกับร้อนเลยทีเดียว

    “ว่าไง หรือต้องให้ทำมากกว่านี้” ไอ้เซนท์พูดแล้วทาบตัวลงกอดผมไว้ทั้งตัว

    “อื้อ มันหนักนะเว้ย อย่าทับดิ” ผมพูดเรื่องอื่นอย่างเลี่ยงๆ พร้อมหับหน้าไปด้านข้างแทน

    “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย ถามว่าแค่นี้ชัดเจนพอยัง” ไอ้เซนท์ดันตัวเองลุกขึ้นถาม

    “ไม่รู้ มึงมันไว้ใจไม่ได้ การกระทำของมึงนั่นแหละที่มันไม่ชัดเจน”

    “ไหงงั้นอ่ะเฮ้ย ที่ผ่านมาก็น่าจะรู้แล้วดิ ว่ากูคิดกับมึงขนาดไหนอ่ะ แม้จะรู้ตัวช้า แต่กูก็ว่ากูทำได้ดีแล้วนะ” ไอ้เซนท์ลุกขึ้นนั่งแล้วพูดกับผมอย่างตัดพ้อ

    “ไม่ต้องมาทำเป็นงอนเลยมึง ที่กูไม่อยากจะเชื่อใจก็เพราะตัวมึงเองทั้งนั้นแหละ” ผมลุกขึ้นนั่งบ้างก็จะเริ่มเถียงไอ้เซนท์ครับ หึ่ย ผมไม่ยอมเป็นรองมันตลอดหรอกนะ

    “งั้นก็ว่ามาดิ ว่ากูมันไม่ดียังไง ทำไมถึงไม่เชื่อใจกันบ้าง”  มันเถียงผมกลับครับ

    “ไอ้เชี่ยนี่ ก็มึงนั่นแหละ ชอบหาเรื่องกูตลอดอ่ะ เคยดีกับกูบ้างไหมล่ะ แม่ง เวลากูนัดอะไรบ้างก็ไม่สนใจ เลี่ยงตลอด ทีกับสาวๆของมึง หรือกับไอ้โมสนี่แม่ง ดีด้วยชิบหายอ่ะ ทีกับกูอ่ะ ไม่จะจะดีด้วยบ้างเลย แบบนี้อ่ะนะที่บอกว่ามึงทำดีแล้ว” ผมพ่นออกมาเป็นชุดเลยครับ

    “อารมณ์เสียแต่เช้าเลย เพราะมึงเนี่ย” ผมพูดออกมาอย่างหัวเสียครับ บางทีมันก็ไม่สบอารมณ์นะ ก็มีแค่ผมที่ชอบมันอ่ะ แล้วมันก็รู้แล้วด้วย ผมเสียเปรียบมันเต็มๆเลยแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโง่ยังไงก็ไม่รู้อ่ะ แบบนี้ผมก็เหมือนพวกใจง่ายอ่ะดิ

      “ยิ้มทำเชี่ยไรมึง ประสาทแดกหรือไง” ผมหันไปด่าไอ้เซนท์ทันทีเลยครับ นอกจากมันไม่เถียง ไม่ตอบอะไรแล้ว ยังเสือกนั่งยิ้มอย่างเดียวอีก แบบนี้มันน่าโมโหไหมล่ะครับ

    “ทำไมขี้หึงงี้เนี่ย คุณภรรยา” โอ้โห ปากหรือนั่น ได้ทีผมเลยต่อยไปที่อกไอ้เซนท์เต็มแรงชิ แต่มันรับหมัดผมได้ซะงั้นอ่ะ เซ็งโว้ย ผมมองหน้าไอ้เซนท์ที่กำลังยิ้มทะเล้นอย่างเคืองๆ

    “โอ๊ะๆ รุนแรงแบบนี้ไม่ดีนะครับ พี่ไนน์” 

    “ไอ้สัส หุบปากไปเลยมึงอ่ะ หึงเชี่ยไร คนอย่างกูเนี่ยนะ ไม่มีทางว่ะ” ผมดึงมือตัวเองออกจากมือไอ้เซนท์ เบื่อจริงๆเลยเนี่ย คนแบบนี้อ่ะ เมื่อไรผมจะชนะมันได้สักทีนะ

    “ปากแข็งไปเถอะ ใครเชื่อแม่งก็โง่ละ” มันพูดออกมาอย่างกวนประสาท

    “เรื่องของมึง กูขี้เกียจเถียงด้วยละ” ผมลุกออกจากเตียงอย่างเซ็งๆ เบื่อมันจริงๆ

    “แหม แต่อยู่กันมาตั้งนาน เซนท์พึ่งรู้เหมือนกันนะว่าพี่ไนน์ น่ะ โรคจิต” มันพูดจบผมหันขวับทันทีเลย อีกแล้ว อ๊ากก ผมเบื่อปากหมาๆของมันจริงๆเลย ผมมองหาอาวุธ ก่อนจะเจอโทรศัพท์ของมันวางที่บนโต๊ะข้างเตียง ผมไม่รอช้าคว้ามาไว้ในมือทันทีเลยครับ

    “เฮ้ยๆ จะทำไรน่ะ หัวแตกเลยนะเว้ย นั่นน่ะ” มันโวยออกมาอย่างตกใจทันทีเลยครับ

    “เออ ได้งั้นก็ดี ขี้เกียจเจอเหมือนกัน” เอาจริงๆ นี่ผมงอนจริงนะเนี่ย ผมไม่รู้เลยว่ามันคิดอะไรอยู่ตอนนี้น่ะ แล้วจะให้ตอนนี้ผมสงบสติอารมรืตัวเองได้ง่ายๆยังไงล่ะ

    และในขณะนั้นเองเสียงเรียกเข้าที่คุ้นหูก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของเราสองคน ไม่ใช่ของผมแน่ๆล่ะผมรู้ เพราะตอนนี้ไอ้เครื่องที่มันสั่นอย่มันอยู่มือผมเนี่ยแหละ

    “เฮ้ย!! เดี๋ยวดิ  อย่านะดูนะเว้ย” ไอ้เซนท์ลนลานทันทีเลยครับที่เสียงเรียกเข้าดังขึ้น ถ้าจะว่าตามจริง ผมไม่เคยได้แตะต้องโทรศัพท์ของไอ้หมอนี่เลยนะ ผมกลัวแสลงตานั่ มันเคยเปิดรูปผู้หญิงหอมแก้มมันในเครื่องมันโชว์ผด้วยล่ะ จากนั้นมาผมเลยไม่คิดแตะต้องอีกเลย และเป็นมันด้วยนั่นแหละที่ไม่ยอมให้ผมยุ่ง แหม่ แบบนี้มันน่าสงสัยนะ

    “........”  ค้างเลย ทันทีที่ผมหันไปดูเท่านั้นแหละ ค้างเลยครับ

    “ซวยแล้วไง”  ไอ้เซนท์เอามือปิดหน้าทันทีเลยที่เห็นว่าผมหันไปดูแล้ว คนที่โทรเข้ามาคือไอ้วิคเตอร์ แต่ว่ารูปหน้าจอของมันนี่สิที่ทำผมค้างมากที่สุด ผมกดรับสายไอ้วิคเตอร์

    เฮ้ย แม่ง รับช้าว่ะมึงอ่ะ ทำไม นั่งเพ้อรูปพี่ไนน์ก่อนรับสายหรือไง

    ......   มึงว่าไงนะ ผมเงียบ ไม่ตอบสายไอ้วิคเตอร์ ปล่อยมันพล่ามต่อไป

    เงียบอีกนะมึง แล้วที่จะไปง้อพี่ไนน์อ่ะ ตกลงได้เรื่องยัง ไอ้ห่า ทิ้งกูเฉยเลยเมื่อวานอ่ะ

    ไงล่ะ แผนมีเมียเป็นตัวเป็นตนของมึงอ่ะ ตกลงได้แดกละยัง โอ้โห ปรี๊ดเลย

    ...... ไอ้วิคเตอร์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เพื่อนมันหน้าซีดแค่ไหน ทำไมน่ะหรอครับ ก็ผมเปิดลำโพงน่ะสิ ไอ้เซนท์ได้ยินด้วยทุกคำพูดเลยครับ

    อ่าว ทำไมเงียบล่ะมึง ตอบกูบ้างดิ

    เออ มึงโทรมาเพื่อคุยแค่นี้ใช่มะ ผมตอบมันไป เลยกลายเป็นไอ้วิคเตอร์ที่เงียบไปแทน

    เฮ้ยเดี๋ยว มึงเป็นใคร ไม่ใช่เสียงไอ้เซนท์นี่ มันย้อมถามผมครับ แหม่ พึ่งรู้ตัวหรอ

    พี่ไนน์เองครับ วิคเตอร์ เงียบกริบ ไอ้เซนท์ตอนนี้ดูท่าจะเตรียมโกยแล้วล่ะ

    ชะ...เอ่อ.....ขอโทษนะครับ ผมนึกได้ว่ามีธุระด่วนน่ะครับ ไปก่อนนะครับ เมื่อพอจะรู้ชะตากรรมของเพื่อน ไอ้วิคเตอร์รีบวางสายทันทีเลยครับ ส่วนผมตอนนี้หันมาที่ไอ้เซนท์แทน

    “แฮะๆ” รอยยิ้มแห้งๆของมันตอนนี้ เรียกได้ว่าสะใจผมเลยทีเดียวล่ะครับ หึหึ

    “เมื่อกี้บอกกโรคจิตใช่ไหม งั้นตอบกูดิ รูปนี้คืออะไร!” ผมตะโกนถามมันพร้อมยื่นรูปหน้าจอให้ดูครับ รูปที่ว่าน่ะหรอครับ เป็นรูปถ่ายผมกำลังนอนหลับอยู่พร้อมกับเห็นช่วงไหล่ที่เปลือยเปล่า ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่ามันไปแอบถ่ายผมตอนไหน ไม่น่าเลยพลาด ชิ แม้ผมจะแอบถ่ายมัน แต่รูปเรทแบบนี้ไม่มีนะครับ ผมไม่ได้โรคจิตอะไรขนาดนั้น

    “ก็...ก็มัน...” ไอ้เซนท์ทำท่าอึกอักเหมือนไม่อยากตอบ หรือไม่รู้จะตอบว่าอะไรดีก็ไม่รู้ แต่ก่อนที่จะซักไซ้มันไปมากกว่านี้ ผมดึงโทรศัพท์มาดูรูปหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะโยนทิ้งลงบนเตียงแล้วหันหลังให้ไอ้เซนท์อย่างเร็ว จนไอ้ตัวร้ายที่นั่งอยู่ก็ทำท่างงไปตามๆกัน

    ทำไม นั่งเพ้อรูปพี่ไนน์ก่อนรับสายหรือไง  คำพูดไอ้วิคเตอร์ตัวแบดังก้องในหูของผม เดี๋ยวนะ ถ้าไอ้เซนท์มีรูปผมแบบนี้ในมือถือ แถมตั้งเป็นรูปหน้าจอด้วย แบบนี้มัน ......

    “ปะ..เป็นอะไร ทำไมเงียบอ่ะ” ไอ้เซนท์ถามผมครับ แต่ตอนนี้ผมเรเมไม่รับรู้แล้ว ความคิดตอนนี้สับสนเต็มที่เลยครับ เฮ้ย ไม่เอาน่า ผมเข้าข้างตัวเองเกินไปหรือเปล่าเนี่ย

    “ปะ...เปล่า ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ” ผมหันกลับมาตอบไอ้เซนท์ ไอ้วายร้ายมองหน้าผมอย่างงงๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ตัวเอขึ้นมาดูแล้วมองหน้าผมสลับกันไปมา โอ้ย อย่ามาสงสัยอะไรตอนนี้ได้ไหม ผมไม่กล้ามองหน้ามันแล้วตอนนี้เนี่ย หน้าผมร้อนไปหมดแล้ว

    “แล้วทำไมต้องเสียงสั่นด้วย”  มันถามผม แต่สายตามันตอนนี้นี่ ไม่นะ มันเริ่มยิ้มอีกแล้ว

    “กะ...ก็กูบอกว่าไม่มีอะไรไงล่ะ อย่ามาเซ้าซี้นะเว้ย กูไปล่ะ” ผมพูดเสียงดังใส่มัน แล้วหันหลังเตรียมเดินออกจากห้อง ไม่นะ ก่อนที่มันจะคิดอะไรออก ผมต้องรีบหนีก่อนแล้ว

    “หึ ไม่ต้องหนีหรอก เป็นอย่างที่มึงคิดนั่นแหละ” เสียงไอ้เซนท์ที่พูดขึ้นอย่างรู้ทันทำเอาขาผมก้าวไม่ออกไปซะงั้น  ไม่สิ ไม่ ตั้งสติหน่อยสิไนน์ เมื่อกี้พึ่งอาละวาดใส่มันไปเองนะ ตั้งสติ

    “อะ.. อะไร กูยังไม่ได้คิดอะไรเลยสักหน่อย แล้ว หนีอะไร ทำไมกูต้องหนีด้วย” ผมหันไปเผชิญหน้ากับไอ้เซนท์ แต่ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ผมไม่กล้ามองหน้ามันเลยนะ ตอนนี้

    “ทำไม อยากให้มันเป็นแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมต้องหนีด้วย” ไอ้เซนท์ลุกออกจากเตียงก้าวเดินมาทางผมครับ ในขณะที่ผมก็ก้าวถอยหนีมัน ก้าวต่อก้าวเลยล่ะ

    “เฮ้ย ทำอะไรมึงเนี่ย ใส่เสื้อผ้าก่อนดิ” ผมก้มลงมองที่เท้ามันอย่างเดียวเลยครับ เฮ้ย ไอ้บ้านี่ ด้านเกินไปแล้ว อยู่ๆก็ลุกมาเดินโทงๆแบบนี้อ่ะนะ ถึงจะเป็นห้องนอนก็เถอะ เกินไปนะ

    “ช่างมันดิ แค่นี้เอง เมื่อคืนก็เห็นมาหมดละนี่” มันก้มลงมองดูตัวเอง ก่อนจะยิ้มๆ แล้วพูดล้อผม  เดี๋ยวดิ อย่าก้าวเข้ามาได้ไหม จะไม่มีที่ให้ถอยแล้วเนี่ย ถ้าจะถามว่าทำไมผมไม่วิ่งหนีน่ะหรอ บ้าหรอครับ อย่างมันอ่ะ ตามผมทันได้อยู่แล้ว อีกอย่างนะ ขืนวิ่งหนีตอนนี้ เผลอๆ ผมจะได้โดนมันกดแถมด้วยน่ะสิครับ ไม่เอาอ่ะ ผมจะไม่ทำในสิ่งที่มันได้เปรียบเด็ดขาด

    “หัดมียางอายหน่อยสิวะ” ผมจะทำยังกับได้นี่ดีเนี่ย จนปัญญาจริงๆเลย

    “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ตอบมาสิ ทำไมต้องหนีด้วย ลึกๆก็หวังอยู่ไม่ใช่หรือไง” การก้าวเดินอย่างช้าๆของมันยิ่งทำให้ผมกลัวนะ แบบนี้มันยิ่งทำอะไรไม่ถูกน่ะสิ

    “วะ..หวัง อะไร ไม่มีสักหน่อย” จากที่ตอนแรกยังเสียงดังอยู่ ตอนนี้เสียงผมเริ่มแผ่วเบาลงซะงั้น มันดูปุบปับไปนะ แบบนี้ผมก็ตั้งตัวไม่ทันกันพอดีสิ ขอเวลาทำใจหน่อยไม่ได้หรือไงฟะ

    “แล้วเมื่อกี้ใครล่ะ ที่บ่นน้อยใจงั้นงี้น่ะ” ไอ้เซนท์เดินเข้ามาประชิดตัวผมจนได้ มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นยันไว้กับกับแพง ส่วนอีกข้าง จับอยู่ที่แก้มผม ความเย็นของกำแพงที่สัมผัสกับแผ่นหลัง ทำเอาผมตัวแข็งทื่อ เวลาแบบนี้นี่มัน ผมจะทำยังไงดีเนี่ยกับสถานการณ์แบบนี้น่ะ

    “ปะ...เปล่า ไม่มีนี่ ใครบ่น ไม่มีสักหน่อย” ถ้าผมเป็นพิน็อดคิโอ ป่านนี้จมูกผมคงทิ่มหน้าไอ้เซนท์ไปแล้วแน่เลย เกิดมาผมไม่เคยโกหกใครมากเท่ากับอยู่กับไอ้เซนท์มาก่อนเลยนะ

    “ดะ....เดี๋ยว....อื้อ..” มือหนาจับใบหน้าผมให้หันมารับริมฝีปากที่ทาบทับลงมาอย่างเอาแต่ใจ ความอ่อนโยนถูกส่งผ่านทางปลายลิ้นอย่างไม่อาจขัดขืน  และก่อนที่มันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ สองมือของผม ดันอกไอ้เซนท์ให้ห่างออกจากตัว แต่ก็ต้องรีบปล่อยออกอย่างเร็ว เพราะทันทีที่มือสัมผัสถูกหน้าอกที่เปลือยเปล่านั่น มันก็ทำให้ใบหน้าร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไมได้

    ไอ้เซนท์ก้มตัวลงมาที่ข้างหูผมก่อนที่จะ

    “อ๊ะ ทำอะไรมึงเนี่ย” ผมอุทานออกมาทันทีที่ไอ้วายร้ายใช้ฟันกัดที่ใบหูผมเบาๆอย่างหยอกล้อ ไอร้อนจากร่างกายทำเอาผมถึงกับนิ่งค้างไม่กล้าขยับตัว มือข้างที่จับแก้มอยู่ก่อนหน้านี้ เปลี่ยนไปเป็นรั้งเอวผมให้เข้าหาตัว ในขณะที่อีกข้างเปลี่ยนมาโอบไหล่ผมแทน ระหว่างสองคนมีเพียงเสื้อที่ผมใส่อยู่กั้นไว้  ก่อนที่ไอ้เซนท์จะกระซิบบางอย่างกับผมอย่างแผ่วเบา

    “...คบ..กัน...นะ...”

    ประโยคแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ใบหน้าที่เริ่มร้อนฉ่า ทำให้ผมต้องซุกหน้าลงกับไหล่เปลือยเปล่าของไอ้เซนท์แทน จากที่เคยคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย กับเรื่องแบบนี้ แต่ในเวลานี้ มันกลับมาอยู่ตรงหน้าแล้วเสียอย่างนั้น ความเงียบที่เกิดขึ้น ทำเอาอีกคนเริ่มกลัว

    “ว่าไงครับ” น้ำเสียงที่คุ้นหู ถามย้ำอีกครั้ง เพราะผมยังคงเงียบ จะให้ผมตอบว่าอะไรดีล่ะ ในหัวผมตอนนี้มันว่างเปล่าไปแล้วนะ อ้อมกอดที่แน่นกว่าเดิม ยิ่งตอกย้ำว่าเจ้าของคำถามคาดหวังมากแค่ไหน แม้จะไม่พูด แต่ผมก็รู้สึกได้ เพราะเสียงหัวใจของอีกคน ก็เต้นแรงไม่แพ้กัน

    “เชื่อใจได้หรือไง” แล้วในที่สุด ผมก็หลุดคำพูดออกมา ลมถอนหายใจอุ่นที่รดต้นคอ ทำให้ไม่ต้องหันไปมอง ผมก็พอจะรู้ได้ว่าอีกคนในตอนนี้กำลังยิ้มกว้างดีใจมากแค่ไหน

    “ไม่เต็มร้อย แต่จะพยายาม” เสียงที่ตอบกลับมา ทำให้ผมยิ้มได้เช่นกัน

    “อืม” ไม่ต้องถึงกับดีที่สุดในตอนนี้  ในเวลานี้ผมว่าแค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว  ผมรู้อยู่แหละ ว่าก่อนหน้านี้ไอ้เซนท์เป็นยังไง ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงได้ในทันทีหรอก  ผมถึงบอกไง ว่าแค่นี้ผมก็พอใจแล้ว เพราะมันก็มากกว่าที่ผมเคยตั้งความหวังไว้มากเลยล่ะ

    “แล้ว....ตกลง..ว่า....” ไอ้เซนท์ถาม พร้อมกับคลายอ้อมกอดออก แล้วโอบเอวผมไว้แทน ในขณะที่มือผมตอนนี้ วางอยู่บนอกของไอ้เซนท์ซะอย่างนั้น ก็แน่สิครับ ถ้าไม่ดันไว้ พวกเราก็ตัวติดกันอีกสิครับ มีหวังคิดอะไรไม่ออกกันพอดี  ผมเงียบไปสักพัก ก่อนจะตอบออกไป

    “แล้วมันเลือกได้ไหมล่ะ.....อุ๊บ....อื้อ”  ทันทีที่พูดจบ ริมฝีปากหนาของอีกคนก็ประทับลงมาในทันที ร่างกายเริ่มอ่อนแรงเพราะความอ่อนโยนที่ได้รับ ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา เพราะครั้งนี้ สถานะของพวกผม มันเปลี่ยนไปแล้ว ผมไม่รู้ว่าจากนี้ผมจะเป็นยังไงต่อไป ผมจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่ในเวลานี้สิ่งเดียวที่ผมรู้คือผมมีความสุขมากกับที่เป็นอยู่ตอนนี้

    “อย่าคิดไปเองได้ไหม ไม่พูด ก็ไม่ได้แปลว่ากูไม่ชอบมึงซะหน่อย” ไอ้เซนท์ดึงผมเข้าไปกอดอีกครั้ง ก่อนจะพูดออกมา แต่แค่นั้นก็ทำเอาผมถึงกับต้องซุกลงกับไหล่กว้างทันที

    “แล้วที่ผ่านมาล่ะ หมายความว่าไง” ผมถามกลับไอ้เซนท์ด้วยความอยากรู้ ทั้งที่แม้จะไม่ได้คำตอบ ผมก็พอจะเดาได้ ว่าเหตุผลของมันคืออะไร

    “ก็เหมือนกันน่ะแหละ จะถามทำไมล่ะ” นั่นสินะ  เพราะความกลัว กลัวที่จะต้องสูญเสียความสัมพันธ์ไป เลยทำให้ต่างคน ต่างเลือกที่จะเก็บงำความรู้สึกไว่มากกว่าที่จะบอกออกมา

    “อย่ามาทำเป็นรู้ดีนะ” เฮ้อ ทำไงดีล่ะเนี่ย ผมไม่ใช่คนกล้ามั่นใจในตัวเองอะไรแบบมันสักหน่อยที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้สบายๆน่ะ ผมว่าแบบนี้มีหวังต้องหลบหน้าไปอีกสักพักแน่เลย

     

     [Victor]

    “ทำไมเป็นพี่ไนน์ไปได้วะ” ผมบ่นอุบใส่โทรศัพท์ที่ว่างเปล่า หลังจากการสนทนาสิ้นสุด ผมโทรหาไอ้เซนท์แท้ๆนะ แต่คนรับเป็นพี่ไนน์ซะงั้น สองคนนี้ทำอะไรกันอยู่เนี่ย

    เมื่อวานแทนที่ผมจะไปเที่ยวไหนต่อได้ ดันเจอไอ้ปีศาจพาสต้ามาขัดอารมณ์ซะงั้นอ่ะ ด้วยความเซ็งสุดขีดผมเลยไม่ไหนไปต่อ กลับบ้านมาเล่นเกมอย่างเดียวเลย เมื่อวานนี่ผมกลัวจริงๆนะ กลัวที่จะได้เจอหน้ามันอีกน่ะสิ จะตามรังควานกันไปอีกนานแค่ไหนนะ เซ็งชิบ

    ห้องนอนของผมเวลานี้มันไม่มีความลับสุดยอดแล้วล่ะ เพราะมันโดนผมกำจัดออกไปหมดแล้ว ป้องกันกรณีแบบไอ้เซนท์ไงครับ ขืนมีใครทะเล่อทะล่าเข้าห้องผมมาอีกมีหวังได้อายรอบสองอ่ะดิ แค่นี้ไอ้เซนท์คนเดียวมันก็ล้อผมซะอยากจะเลิกคบอยู่นี่แล้วครับ อีกอย่างนะ ขืนมีไว้สิ ไม่พ้นสายตาไอ้พาสต้าแน่ คราวที่แล้วก็เข้าห้องผมโดยไม่ได้รับอนุญาต ชิ

    “อ้าว วิคเตอร์ มาพอดีเลย มาทานข้าวก่อนมา แล้วก็พี่เราส่งของมาให้น่ะ” แม่ผมเองครับ ผมที่กำลังเดินลงบันไดมาถูกเสียงเรียกไว้  วันนี้ผมไม่ออกไปไหนแหละยกเว้นไอ้เซนท์จะโทรมาชวนนะ เมื่อกี้ที่โทรไป ผมว่ามันคงได้เคลียร์กับพี่ไนน์อีกยาวอ่ะ รอมันโทรกลับมาดีกว่า

    “ว่าไงนะครับ ใครส่งอะไรมา” ผมถามย้ำอีกครั้ง เมื่อกี้ได้ยินไม่ค่อยชัดแฮะ

    “จะใครอีก ก็ของพี่เรานั่นแหละ แล้วก็มีคนฝากของให้ลูกด้วยนะ เขาบอกแค่ว่าลูกรู้อยู่แล้วน่ะ” ของไอ้พี่ชายตัวแสบอีกแล้วหรอ พี่ชายผมเองครับมันไปเรียนต่างประเทศน่ะ  ชอบส่งของฝากมาตลอดเลย ทั้งที่ความจริงก็บอกไปแล้วนะ ว่าไม่อยากได้ ไม่รู้สิครับ ผมไม่ใช่พวกสนใจแฟชั่นเหมือนพี่ผมสักหน่อย รายนั้นที่ตัวพ่อเลยล่ะ เพลย์บอยตัวจริงเลยครับ มันน่ะ

    “ออ แล้วก็พี่เราบอกป๊ากับม๊าว่า ถ้าไม่มีอะไรเดือนหน้าคงจะกลับมา ก็เลยส่งของฝากมาก่อน บอกว่าขี้เกียจขนมาทีเดียวน่ะ” โอย ปีศาจอีกตัวจะกลับมาตามรังควานผมอีกแล้ว

    “กลับมาทำไมกัน น่ารำคาญ” แม่ผมได้แต่ยิ้มๆแล้วส่ายหัวครับ ก็เพราะรู้น่ะสิครับ ว่าผมไม่ถูกกับไอ้วินเนอร์น่ะ อ๊ะ วินเนอร์ ชื่อพี่ชายผมเองครับ ช่วยไม่ได้นี้ มันขี้แกล้งผมอ่ะ

    “เอาน่า พี่เรามันก็ไม่ได้กลับมานานแล้วนะ ไม่อยากโดนแกล้งก็อยู่ห่างๆมันไว้สิ”

    “ได้ที่ไหนล่ะป๊า ถึงอยู่ห่างแค่ไหนถ้ามันอยากแกล้ง ผมก็หนีไม่รอดอยู่ดีนั่นแหละ” เรื่องจริงเลยครับ ผมเคยทำนะ กลับบ้านดึก โดยหวังว่ามันจะนอนไปแล้วน่ะ ที่ไหนได้มันดักรอถีบผมเข้าห้องอยู่ต่างหาก ทำไงได้ล่ะครับ ห้องผมกับมันอยู่ตรงข้ามกันเลยนี่  แต่ก็ไม่แน่นะครับ ตอนนี้ผมตัวโตกว่าเดิมเยอะนะ หึ จะแกล้งผมง่ายๆได้เหมือนเดิมงั้นหรอ ไม่มีทางหรอก

    ผมนั่งลงทานข้าวก่อนอย่างว่าง่ายครับ เอาน่าครับ โอกาสแบบนี้ใช่ว่าจะเกิดบ่อยสักหน่อย ทำไมน่ะหรอครับ ก็ถ้าผมไม่ตื่นสาย ก็ออกบ้านก่อนนั่นแหละครับ แหะๆ

    ตัวผมที่เก็บจานเสร็จเดินเข้ามาที่ห้องรับแขกอย่างงงๆ เพราะดูเหมือนของมันจะมากกว่าปกตินะครับ มีทั้งกล่องที่ดูเหมือนจะเป็นพัสดุ และกล่องธรรมดาๆ ที่คงไม่ใช่ของไอ้วินเนอร์แน่ๆ แล้วจะเป็นของใครล่ะเนี่ย แต่ที่แน่นอนที่สุดคือไม่ใช่ของไอ้เซนท์ล้านเปอร์เซ็น

    “เฮ้ย!! เดี๋ยวนะ” ผมอุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะมัวแต่สังเกตกล่อง เลยไม่ทันได้เห็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่นั่งยิ้มแป้นอย่างอารมณ์ดี แต่ที่แน่ๆ อารมณ์ผมตอนนี้ไม่ได้ดีกับมันด้วยแน่ๆ

    “ของใครวะ!!!” มันส่งมาถึงผมแน่นอน แต่ใครล่ะที่ส่งมันมา ก็นี่มัน .... สุดยอดความลับผมเลยนี่!! ก็แน่สิครับ จะให้ผมไปเที่ยวบอกใครต่อใครหรอ ว่าหนุ่มแบดบอยแบบผม เคยคลั่งของน่ารักๆมาก่อนน่ะ ไม่มีทาง!! ก็แล้วมันแปลกตรงไหนล่ะครับ ก็ผมชอบของผมนี่ ผมทำใจยากนะ ตอนที่ต้องทิ้งมันไปน่ะ ทำไมใครๆชอบบอกว่ามันไม่เข้ากับผมกันนะ ไอ้วินเนอร์ก็ด้วย

    “เชี่ยแล้ว!! แม่ง ใครส่งมึงมาเนี่ย” ผมหันไปถามไอ้ตุ๊กตาทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์ แต่ตอนนี้คนมันเครียดนี่ครับ จะให้ทำไงล่ะ ฝีมือไอ้วินเนอร์ ไม่มีทางหรอกครับ ไอ้บ้านั่นนะ พูดตรงๆเลย ของที่ผมอยากได้มันไม่เคยซื้อให้เลยเหอะ แต่ไอ้ของที่ผมไม่อยากได้อ่ะ มาเต็มเลย แล้วนี่แม่ผมบอกว่าผมรู้อยู่แล้ว เฮ้อ ไม่มีทางอ่ะ โอเคถ้าของไอ้เซนท์หรือของเพื่อนผม ผมอาจจะรู้อยู่ แน่ถ้าเป็นความลับส่วนตัวแบบนี้ ไม่มีทางอ่ะ คนที่ผมรู้จักไม่มีใครมันบ้าส่งมาหรอก เพราะมันไม่รู้กัน อีกอย่าง มันเปลืองไปไหม ถ้าจะส่งมาแกล้งกันแค่นี้น่ะ

    ไม่มีการ์ดอะไรที่ตอบคำถามผมได้ทั้งสิ้น ทางเดียวเท่านั้น คือต้องเปิดกล่องล่ะ ผมนั่งลงที่โซฟาอย่างร้อนใจ ก่อนจะแกะกล่องทุกกล่องออกอย่างลวกๆ ของข้างใน เหมือนเดิมอ่ะครับ เครื่องสำอาง น้ำหอม ขนม ตลอดอ่ะ บอกกี่ครั้งแล้วว่ากูไม่อยากได้เว้ย ไอ้พี่บ้า และทันใดนั้นจดหมายแผ่นหนึ่งก็ร่วงออกมาจากกล่องพัสดุที่ผมแกะ สองมือผมรีบคว้ามาเปิดอ่านอย่างเร็ว

    ว่าไงจ๊ะที่รัก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ยังสด ยังซิง เหมือนเดิมไหมจ๊ะ หรือโดนใครทลายไปแล้ว  ไม่นะ!!! ที่รักเป็นของพี่คนเดียว พี่ไม่ยอมนะ  ใครก็พรากที่รักไปจากพี่คนนี้ไม่ได้ T^T   พี่คิดถึงที่รักสุดเลย เร็วๆนี้จะกลับไปหานะจ๊ะ พี่จะกลับไปทวงความเป็นเจ้าของที่รักเอง พี่จะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรที่รักแน่นอน ดูแลตัวเอง(และความสดซิง)ดีๆนะจ๊ะ หวงนะ >o<

    รักนะเด็กโง่ จุ๊บๆ >3< จากพี่ชายที่แสนดีประเสริฐเลิศล้ำที่สุดในจักรวาล <WiNNeR>

    แควก!!!

    “เขียนส้นตีนอะไรมึงมาห๊ะ!! ไอ้พี่เวร” จดหมายนรกนั่นถูกผมฉีกกระชากเป็นชิ้นๆทันทีที่อ่านจบ ส่งมาแต่ละครั้งไม่มีสาระอะไรเลยสักนิด แล้วจะส่งมาทำแป๊ะอะไรมันวะ ชิ แต่ว่านั่น ก็ทำให้ผมรู้ว่าตุ๊กตาตัวนี้ไม่ใช่ฝีมือมันสั่งการแน่นอน ไม่งั้นมันคงจะเขียนล้อผมส่งท้ายมาแล้วแน่

    “ไม่ใช่ฝีมือไอ้วินเนอร์ ไม่ใช่ไอ้เซนท์ แล้วมันจะเหลือใครอีกวะ” อยู่ๆ ในสมองผมก็คิดชื่อๆหนึ่งออกมาได้  ไม่สิ ไม่มีทาง ไม่ว่าจะสืบประวัติผมมาแค่ไหน แต่ไม่มีทางจะรู้เรื่องนี้แน่นอน บอกแล้วไงครับ มีแค่ไอ้วินเนอร์กับไอ้เซนท์ที่รู้ เพื่อนตอน ม.ต้นหรอ ไม่มีทางครับ เพราะอะไรน่ะหรอ ก็เพราะเวลาที่พวกนั้นมาบ้านผม ข้าวของน่ารักๆอะไรทั้งหลาย จะถูกเอาไปโยนกองไว้ที่ห้องไอ้วินเนอร์น่ะสิ แต่มันก็ไม่ว่าอะไรผมน่ะ นั่นคงเป็นข้อดีของมันล่ะมั้งครับ เห็นเป็นแบบนั้น แต่มันก็ไม่เคยแฉความลับผมเลยนะ จะมีก็แต่ใส่ร้ายผมน่ะสิ นั่นแหละที่น่าโมโห

    “ถ้าไม่ใช่ คำตอบสุดท้าย อยู่ที่มึงแล้วนะ” กล่องเดียวที่ไม่ใช่พัสดุ ถูกเขียนด้านหน้ากล่องด้วยชื่อผม ผมว่าแบบนี้มันน่าสงสัยเกินไปนะ ไม่มีสัญญาณอะไรเลยว่ามันจะถูกส่งมา 

    “เกมเนี่ยนะ” ใช่แล้วครับ แผ่นเกมทั้งนั้นเลย ในกล่องน่ะ เกมออกใหม่หมดเลยซะด้วย ผมคงจะเชื่อว่าพวกเพื่อนผมส่งมา ถ้ามันไม่มีไอ้ตุ๊กตานี่มาด้วยน่ะ และเมื่อหยิบแผ่นออกจนหมด ผมก็เจอกับจดหมายลึกลับจริงๆด้วย นี่สิครับ คำตอบของไอ้ตุ๊กตาหมีตัวนั้น

    เป็นไงบ้าง หวังว่าจะที่รักจะถูกใจนะ สงสัยอยู่แน่เลยว่ารู้ได้ยังไงใช่ไหม ถ้าถึงเวลาที่รักก็จะรู้เองนะครับ เหมือนที่เคยบอกไง ไม่งอนนะครับ โอ๋เอ๋ แต่ตอนนี้บอกไม่ได้จริงๆ  แต่ถ้าที่รักทิ้งน้องหมีไปก่อนก็ไม่บอกเหมือนกันนะ ตอนนี้คิดถึงที่รักที่สุดเลย อยากหอม อยากจูบ อยากกอด อยากกด  ที่รักจัง ช่วยไม่ได้นี่นา ก็ที่รักอยากน่ารักเองนี่ ใครมันจะไปอดใจไหวกันล่ะ

    อยากจูบที่รักจัง  ; สามีสุดหล่อ<Pasta>  ปล.ที่รักน่ะหวานที่สุดแล้วครับ จริงๆนะ

              แควก!!!!

    “เชี่ย!! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย!!!” ไม่สิ ไม่จริงหรอก เรื่องแบบนี้น่ะ... มัน...ไม่มีทาง!!!


    **********************************************************

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับผม


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×