ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My wife ขอโทษที คนนี้เมียกู [END]

    ลำดับตอนที่ #35 : .....My wife.....{35}

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.66K
      6
      25 มิ.ย. 57

    .....My wife..... {35}

    [Saint]

              วันนี้เรียกได้ว่าผมมาโรงเรียนเช้าแบบผิดปกติเลยทีเดียวล่ะ คือเข้าจนถึงขนาดเพื่อนกลุ่มผมยังไม่มีใครมาเลยจริงๆอ่ะ ทำเอาหลายคนในห้องที่มาเช้าเป็นปกติมองมาที่ผมแปลกๆ

    “วันนี้กูว่า ไม่หิมะตกก็ แมวที่นักการเลี้ยงแปลงร่างเป็นสิงโตว่ะ” เสียงใครแซวว่ะ

    “ว่าแต่กู มึงไม่ต่างกันป่ะ” ผมจะไม่โต้มันกลับเลยนะ ถ้าคนที่แซวผมเมื่อกี้ไม่ใช่ไอ้วิคเตอร์น่ะ ไม่ต่างกันเลยที่เปรียบเทียบมาน่ะ สำหรับการมาโรงเรียนเช้าของมัน

    “ไม่เหมือนกันว่ะ ไอ้วินเนอร์ยึดรถกูไปอีกแล้ว เลยต้องมากับป๊ากูเนี่ย” ไอ้วิคเตอร์ทำหน้าเซ็งอารมณ์แบบมากจริงๆ ทำไงได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงไม่ขัดใจพี่มันเลย

    “แล้วตอนเย็นอ่ะ” ผมถามกลับ เพราะเวลาเลิกงานของป๊ามันคือไม่แน่นอน

    “มันมารับ ไม่ก็กูกลับเอง ถ้ากูจะไปที่อื่นอ่ะนะ” สีหน้ามันเฉยมากที่ตอบผม แบบนี้สงสัยว่ามันคงไม่ไปที่อื่นหรอกมั้ง หรือมันมีอะไรอยู่ในใจกันแน่

    “แต่กูว่าแปลก มึงมาเองก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องรีบมาเลย” ผมถามมันอย่างสงสัย ไอ้วิคเตอร์มองหน้าผม ก่อนจะถอนหายใจ ก่อนจะมองซ้ายขวา เพื่อให้แน่ใจว่ามีแค่มันกับผมสองคน

    “กูไม่อยากอยู่คนเดียว” อาการแบบนี้ถ้าเป็นเวลาอื่นผมอาจจะถามมันซ้ำนะว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นงั้น แต่มันไม่ใชเวลานี้แน่นอน เวลาทีผมเองก็รู้สึกแบบเดียวกับมัน

    “รุ่นน้องไอ้ไนน์??” ข้อมูลเท่าที่ผมพอจะรู้ก็มีแค่นั้นจริงๆ แต่เหมือนผมจะเดาถูก ไอ้วิคเตอร์ถอยหายใจอีกแล้ว เฮ้ยๆ อาการหนักนะเนี่ย ปกติมันไม่เป็นแบบนี้เลยนะ

    “กูไม่รู้” คำตอบแบบนี้ อาการแบบนี้คือใช่เลย ไม่อยากบอกเลยว่าเคยเป็นเหมือนกัน

    “แต่กูว่ากูรู้” ไอ้วิคเตอร์มองหน้าผมแบบไม่ค่อยไว้ใจ สงสัยใช่ไหมล่ะว่ากูรู้อะไร

    “เหมือนตอนกูไม่อยากยอมรับตัวเองว่ากูชอบไอ้ไนน์” ไอ้วิคเตอร์ถึงกับค้างไปเลยทีเดียว หึหึ อ่านง่ายเกินไปแล้วมึงอ่ะ แม้จะเห็นผมเจ้าชู้ไปทั่วทั้งกับผู้ชายผู้หญิง แต่บอกตรงๆเลยว่ากรณีผู้ชายคือหลังจากที่ผมรู้ตัวแล้วว่าชอบไอ้ไนน์ แต่ไม่ว่ากี่คนๆ ก็ไม่มีใครเลยที่ผมจะรู้สึกเหมือนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับไอ้ไนน์ แต่ผมว่าของไอ้วิคเตอร์น่าจะต่างกันนะ ของมันคือเป็นมาแต่แรกเลยล่ะ ผู้ชายก็ได้ผู้หญิงก็ไม่เกี่ยงเนี่ย แล้วสิ่งที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ได้ก็คือ

    “ทำไม ยอมรับตัวเองไม่ได้ว่าจะมีผัวเป็นตัวเป็นตนหรือไง” คำพูดนั้นทำเอามันส่งสายตาอาฆาตให้ผมเลยในทันที หึหึ อ่อนเกินไปป่ะวะเพื่อนกูเนี่ย

    “นี่กูแค่เดานะ มึงยังเป็นขนาดนี้เลยเนี่ยนะ” อาการมันฟ้องชัดๆเลยนะเว้ย ไอ้คุณเพื่อน

    “พูดมากว่ะมึงเนี่ย เสือกเรื่องกูนี่เรื่องตัวเองเคลียร์ได้แล้วหรือไง” ผมไม่ตอบแต่ยิ้มให้มัน

    “หึหึ ยิ้มแบบนี้แสดงว่ายังไม่เคลียร์แบบจริงจัง” น่ะ ดูมันพูดดิ ใครที่หาว่าผมรู้ทันมันคนเดียวนะครับ ไม่จริงเลยสักนิด ไอ้วิคเตอร์เองก็รู้ทันผมไม่ต่างจากที่ผมรู้ทันมันหรอก

    “ไม่นานหรอกว่ะ”   ตอบไปแบบนั้นแต่รอยยิ้มผมเองค่อยๆหายไปซะงั้น

    “ให้มันจริงเถอะ คำว่าไม่นานของมึงกับพี่ไนน์นี่มันก็คือคำว่านานของคนทั่วไปนั่นแหละ” ที่มันพูดคือจริงอ่ะ เวลามีเรื่องอะไรขึ้นมานี่กว่าผมจะง้อไอ้ไนน์ได้นี่โคตรนานอ่ะ บางทีไอ้วิคเตอร์ที่รู้เรื่องยังจะเบื่อด้วยเลย คือต่างคนต่างก็เล่นตัวไง เลยไม่ยอมคุยกันดีๆสักที

    “ปากมึงนี่....ถ้าไม่ใช่เพื่อนกูนะ” มีแค่เสียงหัวเราะเบาๆของไอ้วิคเตอร์ที่ตอบกลับมา ก่อนที่เราจะได้คุยอะไรกันต่อก็ต้องหยุดไป เพราะคนอื่นๆในกลุ่มเริ่มมากันแล้ว เรื่องบางเรื่องก็มีผมรู้กับไอ้วิคเตอร์แค่สองคนนะ คนอื่นๆไม่รู้เรื่องด้วยหรอก ทำไงได้ แต่ละคนนี่ผมไม่อยากบอกเลยว่าก็ต่างมีความลับพอๆกันนั่นแหละ ในเมื่อพวกมันไม่พูด เรื่องอะไรผมต้องพูดก่อนล่ะ

    “มีอะไรกันวะสองคนนี้ มาเช้าผิดปกติ” ไอ้ภีมเอ่ยทักคนแรกเลยครับ ส่วนไอ้วุธนี่เงียบ นี่ก็ปกติของมันแล้วล่ะ เป็นคนที่ไม่ต้องหวังไปล้วงความลับมันนะ โคตรยาก ผมบอกเลย

    “ป๊ากูมาส่ง ไอ้วินเนอร์เอารถกูไป” คำตอบเดิมจากไอ้วิคเตอร์ ไอ้ภีมพยักหน้ารับรู้ก่อนมองมาทางผม ไอ้นี่นี่คือมันจะอยากรู้เรื่อองะไรขนาดนั้นเนี่ย

    “กูมีธุระนิดหน่อย” ผมยังไม่ได้บอกสินะว่าทำไมผมถึงมาเช้า ไอ้วิคเตอร์มันไม่ถามผมหรอก เพราะมันคงคิดว่าเดี๋ยวมันก็คงรู้ได้เอง แถมอารมณ์แบบนัน้มันคงไม่อยากสนใจหรอก ไอ้ภีมยังทำหน้าสงสัย แต่ไม่ทันที่จะตอบมันเพิ่ม จุดประสงค์หนึ่งของผมในเช้านี้ก็เดินมาพอดี

    “หึ ก็เข้าใจนะว่าใจร้อน แต่มันไม่ง่ายงั้นหรอกว่ะ” นั่นเป็นประโยคแรกที่ไอ้คีย์พูดกับผม

    “หมายความว่าไง” ผมไม่สนว่าคนอื่นจะทำหน้างงยังไง แต่ที่แน่ๆ ไอ้คีย์มันรู้อะไรงั้นหรอ

    “กูบอกแล้ว มันไม่มาให้มึงจับตัวง่ายๆหรอก ไม่ต้องถามต่อ รอดูไป” นั่นคือคำตอบของไอ้คีย์ แต่เหมือนว่าผมไม่ต้องอธิบายอะไรมาก บางคนในกลุ่มผมก็พอจะจับใจความได้

    “มึงมีอะไรกับไอ้ฟอร์สหรือวะ” ไอ้วิคเตอร์ถามผมครับ แต่สายตามันนี่คือมันไม่ใช่คำถาม แต่เหมือนเป็นการต้องการคำยืนยันมากกว่า ไอ้ห่านี่ หัวไวจริงๆ

    “เดาออกด้วยหรือวะ” ผมพูดตอบกลับไอ้วิคเตอร์ มันพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเงียบไป

    “เฮ้ย อะไรของพวกมึงเนี่ย  อย่ารู้กันไม่กี่คนสิวะ” ไอ้ภีมเริ่มโวยแล้วครับ ไอ้นี่ก็เสือกจริง

    “ทะเลาะกันนิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก ขอเวลาพวกกูเคลียร์กับมันก่อน ไม่นานหรอก” ไอ้คีย์เป็นคนตอบครับ แล้วก็ไม่มีใครถามอะไรต่อ เรื่องทะเลาะกันในกลุ่มไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไรอยู่แล้ว โดยเฉพาะถ้ามีไอ้คีย์กับไอ้ฟอร์สมาเกี่ยวนะ คือกรณีที่มีสองคนนี้ชื่อว่าทะเลาะกันนะ บ่อยจนพวกผมเองไม่อยากถามเหตุผลแล้วล่ะ แล้วหารที่จะมีคนอื่นหลุดไปเกี่ยวด้วยนี่ยิ่งไม่แปลกเลย ก่อนหน้านี่ผมก็สงสัยนะว่าทะเลาะอะไรกันนักหนา แต่ตอนนี้ผมรู้เหตุผลแล้วล่ะ คนแสดงออกไม่เป็นแบบไอ้คีย์ ไม่แปลกใจเลยที่มันจะกลายเป็นการทะเลาะกันน่ะ

    “อีกแล้วหรอวะ เออ รีบๆเคลียร์กันล่ะมึง” แค่นั้นแหละครับ สำหรับคนอื่นๆ ถ้าเป็นเรื่องของไอ้คีย์กับไอ้ฟอร์ส แต่จะยกเว้นก็ไอ้วิคเตอร์เท่านั้นที่มองหน้าผมแล้วส่ายหัวเบาๆ

    “บางทีมึงก็น่าจะใจเย็นหน่อยนะ” ไอ้วุธพูดครับ แต่ไม่ใช่กับผมนะ มันตบบ่าไอ้คีย์แล้วยบอก เฮ้ย มันรู้เรื่องอะไรบ้างเนี่ย เห็นเงียบๆแบบนี้น่ะ ไอ้คีย์ได้แค่ยิ้มตอบกลับไปแค่นั้น แต่ผมยังงงกับคำพูดของไอ้คีย์อยู่ แต่ไม่นานนักผมก้ได้คำตอบครับ เพราะกว่าที่ไอ้คนผมที่ผมต้องการจะเจอตัวจะมาโรงเรียนมา ก็คือเวลาเข้าแถวแล้ว มันเอ่ยทักคนอื่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่คือมันไม่มองหน้าผมเลยสักนิด หึหึ ตั้งใจที่จะเมินหรือไม่ก็ไม่กล้ามองกันแน่ หลบหน้ากันจริงๆด้วยสินะ ตอนเข้าแถวก็ยืนซะไกลเลย  พอมาในห้องไม่ต้องพูดถึงครับ ที่นั่งมันไกลจากผมอยู่แล้ว แต่พอจะเดินเข้าไปหา ก็เจอสายตาของไอ้คีย์ที่นั่งข้างไอ้ฟอร์สหยุดผมไว้ซะงั้น

    รอก่อน คุยกันแล้วนี่

    ข้อความสั้นๆ ถูกส่งเข้ามาในเครื่องผม จากเบอร์ของไอ้คีย์ ผมมองไปที่มันอย่างไม่ค่อยเข้าใจ แต่มันก็ไม่ตอบอะไรผมกลับมา นอกจากสายตานิ่งๆที่จ้องกลับมาเท่านั้น ถ้าถามว่าทำไมไอ้ฟอร์สถึงนั่งกับไอ้คีย์ได้หรือครับ ไม่ต้องสงสัย โดนบังคับนั่นแหละครับ จนมันเองก็ปล่อยเลยตามเลย คงไม่อยากหาเรื่องทะเลาะกับไอ้คีย์อีกนั่นแหละ แต่เหมือนวันนี้จะเป็นสิ่งที่ช่วยเหลือมันได้อย่างดีเลยล่ะ เพราะไอ้คีย์เล่นทำตัวติดไอ้ฟอร์สแบบไม่ห่างเลย ความจริงก็ปกตินะ แต่มันไม่ปกติตรงที่มันยังมีเรื่องค้างคากับผมเนี่ยแหละ แต่ผมแอบเห็นไอ้ฟอร์สทำท่าทางไม่พอใจเหมือนกันที่เป็นแบบนี้ แต่ไม่รู้มันคุยอะไรกัน ไอ้ฟอร์สถึงได้ยอมมัน

    “มึงดูใจเย็นจังนะ” ไอ้วิคเตอร์พูดถามผมทันทีที่เลิกพักเช้า

    “แล้วจะให้ทำไงวะ กูใจร้อนไปมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ต่อให้ไอ้ฟอร์สหายไปจากโลกมันก็ไม่มีผลอะไรหรอก กูแค่อยากคุยกับมันให้รู้เรื่องเฉยๆ”

    “แล้วถ้ามันไม่จบล่ะ เอาตรงๆกูเดามันไม่ออกจริงๆ  กูไม่รู้นะว่ามันทำอะไรไปบ้าง แต่ถ้าไม่นับไอ้วุธกับไอ้คีย์ มันก็ปิดบังตัวเองได้เก่งคนหนึ่งเลยล่ะ” ไม่แปลกหรอกครับที่ไอ้วิคเตอร์จะพูดแบบนี้ เพราะผมก็คิดไม่ถึงเหมือนกันกับสิ่งที่มันทำลงไปน่ะ ท่าทางของมันไม่ใช่คนแบบนั้นเลยสักนิด ความร้ายกาจที่แฝงไว้ในตัวมันน่ะ  ใครจะไปรู้ว่ามีอยู่มากแค่ไหน

    “แล้วมึงไม่เข้าไปเคลียร์ให้จบๆเลยวะ” ไอ้วิคเตอร์ถามผม แต่ผมกลับมองมันอย่างประหลาดใจ นี่มันแกล้งถามเฉยๆหรือมันไม่รู้จริงๆเนี่ยว่าทำไมผมถึงไม่ไปคุยสักทีน่ะ

    “หึ มึงไปกันได้คีย์ให้กูไหมล่ะ” พอผมตอบไปไอ้วิคเตอร์ชะงักค้างเลย เหมือนพึ่งนึกได้ว่าตัวเองลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง ไอ้คีย์เล่นตามแจอยู่แบบนั้นจะให้ผมเข้าไปหาได้ไงล่ะ

    “เห่ย จะให้กูไปตายหรอวะ” เออ พึ่งรู้หรือไง เรื่องไอ้ฟอร์สเราอาจจะไม่รู้ แต่เรื่องว่าน่ากลัวของไอ้คีย์นี่ รู้กันดีครับ อย่าไปหาเรื่องมันเชียวล่ะ แม้ตัวจะพอๆกันแต่เรี่ยวแรงและทักษะนี่คนละเรื่องเลย ไหนจะอารมรณ์หลากหลายที่เดาไม่ได้ของมันอีก จะเป็นรองก็แค่ไอ้วุธอ่ะ ถ้าเอาจริงๆนะ ผมกับไอ้วิคเตอร์อย่าพูดถึง ไปขัดใจมันก็ไม่ต่างกับไปหาที่ตายหรอก

    “ก็แค่นั้นแหละ กูถึงต้องใจเย็นแบบนี้ไง มันบอกให้กูรอก่อน” แค่นั้นแหละครับ ถือเป็นอันจบคำถาม สงสัยผมต้องรอจนกว่าจะเลิกเรียนนู่นแหละ ถึงจะได้เคลียร์ปัญหานี้สักทีน่ะ แล้วก็เป็นไปตามคาด จนถึงเวลาเลิกเรียนผมเข้าใกล้ไอ้ฟอร์สไม่ได้เลยจริงๆ จนกระทั่ง

    รอไป อย่าไปไหน

    เฮ้ย นี่มันอะไรของมันเนี่ย จะบอกว่าให้ผมนั่งรอไปเรื่อยๆเนี่ยนะ

    “วันนี้ไม่มีใครไปไหนใช่ป่ะ งั้นแยกย้ายนะ” ไอ้นันท์เอ่ยถามครับ ซึ่งพอไม่มีใครตอบกลับแบบนี้ก็แปลว่าตามนั้น เพราะวันนี้ทั้งผมทั้งไอ้วิคเตอร์คือไม่อยู่ในอารมร์ไปไหนเลยจริงๆ ก็เหมือนรู้ๆกันแหละครับ ขาดพวกผมไปนี่ก็คือส่วนใหญ่แล้วล่ะ ผม ไอ้วิคเตอร์ ไอ้คีย์ ไอ้ฟอร์ส เหมือนไอ้วุธก้ไม่ตอบอะไร ก็คงตามนั้นแหละครับ วันนี้ขอบายละกัน

    “งั้นพวกกูไปนะ” พวกผมพยักหน้ารับรู้กับสิ่งที่ไอ้อาร์พูดกลับมา  ระหว่างนั้นพวกที่ทำเวรห้องก็ทำไป  พวกผมก็ลุกแล้วหลบไปอยู่นอกห้องกัน แต่ก็ยังไม่มองหน้ากันอยู่ดี ผมพอจะเข้าใจไอ้คีย์แล้วล่ะ คงจะรอให้คนกลับหมดก่อนแล้วค่อยคุยกันที่นี่แหละ

    “กูอยากอยู่นะ แต่ว่าไอ้วินเนอร์แม่งมันคงทิ้งกูไว้แน่ๆอ่ะ ไปก่อนนะเว้ย” ไอ้วิคเตอร์ตบบ่าผม ก่อนจะขอตัวไป ผมว่าไอ้คีย์ต้องเคลียร์ทางแล้วแน่เลย เพราะวันนี้ไอ้ณุ หัวหน้าห้องไม่คุมทำเวร คือพวกมันก็ทำอ่ะนะ แต่ก็ไม่เนี๊ยบเท่าตอนไอ้ณุอยู่คุม ปกติไอ้ณุมันอยู่ทำด้วยไง คนเลยเกรงใจทำจนไอ้ณุจะเลิกทำอ่ะ แต่พอมันไม่อยู่คือ รีบทำๆกันแล้วก็กลับไป ไม่นานนักคนก็หายไปกันหมด เหลือแต่พวกผมแบบจริงๆ ไอ้ฟอร์สโดนไอ้คีย์ลากเข้าไปก่อน ผมเดินตามไปเข้าไปเงียบๆก่อนจะปิดประตู แต่ก็ต้องแปลกใจที่เจอไอ้วุธยังนั่งสบายๆอยู่ในห้อง

    “เคลียร์กันไปเถอะ ไม่ต้องสนใจกู” ไอ้วุธออกปากมาก่อนเลยครับ เหมือนรู้นะว่าพวกผมคิดอะไรอยู่ ผมะลสายตาจากมันก่อจะหันไปหาไอ้ตัวปัญหาที่ตอนนี้มีไอ้คีย์ยืนอยู่ข้างๆ

    “ถ้าไม่ได้เรื่องเรียกกูละกัน” มันพูดก่อนจะเดินมาตบบ่าผมแล้วเดินออกจาห้องไป

    “งั้นกูก็ควรจะออกไปสินะ” ไอ้วุธพูดขึ้นมาคนเดียวก่อนจะออกห้องไปอีกคนเหลืออยู่แต่ไอ้ฟอร์สที่ตอนนี้นั่งสบายๆอยู่บนโต๊ะ กับผมที่ยืนอยู่แค่สองคน

    “เข้าใจคิดดีนี่ ให้ไอ้คีย์ช่วยเลยหรอวะ” นี่เป็นคำพูดแรกที่มันพูดออกมา ถ้าเป็นวันแรกที่มันทำเรื่อง ผมคงไม่มาพูดแบบนี้หรอก คงต่อยคว่ำไปแล้วล่ะ แต่พอมาวันนี้ผมว่าถ้าผมต่อยมันจริงๆ แล้วมันยิ่งแค้นผมล่ะ ปัญหามันต้องไม่จบแน่นอน เป็นไอ้ไนน์ก็คงทำแบบเดียวกัน

    “มึงทำไปเพื่ออะไร กูถามจริงๆ” คำถามกวนประสาทของมันนั่นน่ะ ผมไม่สนหรอก

    “กูคิดว่ามึงรู้นะ แล้วจะถามเพื่อะไรวะ” มันหันมามองหน้าผมแบบไม่มีความกลัวๆใด อ้าวไอ้นี่ ที่มันหลบหน้าผมมาทั้งวันนี่มันแกล้งทำงั้นหรอ ผมจ้องหน้ามันอย่างเอาเรื่อง

    “อย่ากวนตีน กูไม่มีอารมณ์เล่นกับมึงนะ” แม้จะบอกตัวเองว่าระงับอารมณ์ แต่ผมว่ามันก็อาจจะไม่แน่เสมอไปหรอกนะ ยิ่งเวลามาเจอหน้าคนที่สร้างปัญหาให้ผมตรงๆแบบนี้แล้ว

    “ไม่ได้กวน กูก็แค่พูดตามความจริง” นั่นคือคำตอบของมันงั้นหรอ แล้วยังบอกไม่ได้กวน

    “หึ แล้วไงวะ คิดว่าพอกูเลิกกับไอ้ไนน์แล้วมึงจะมีโอกาสบ้างงั้นหรือไง” ไอ้ฟอร์สหันหน้าหนีผมทันทีที่ได้ยินที่ผมพูด มันหยุดทุกการกระทำแล้วเงียบไป

     

    [Victor]

    ผมอยากอยู่ต่อเป็นเพื่อนไอ้เซนท์นะ แต่นั่นคือหมายถึงผมต้องหาทางกลับบ้านเองแน่ๆ ดังนั้นผมไม่สร้างความลำบากให้กับตัวเองเพียงเพื่ออยากจะเสือกเรื่องของไอ้เซนท์หรอก

    “ไงมึง นึกว่าจะหายตัวไปแล้วซะอีก” นี่คือคำพูดแรกที่มันเอ่ยทักผมทันทีที่ผมเข้ามานั่งในรถครับ ก็ไม่แปลกอ่ะนะที่มันจะพูดกับผมแบบนี้ แต่แม่งอย่าพูดถึงได้ป่ะ

    “พูดให้มันได้อะไรวะ” เรื่องนี้ผมไม่ขอเถียงละกัน ผมผิดเองแหละที่หาเรื่องใส่ตัว

    “ให้มึงคิดได้ไง จะได้รีบๆคิดให้ออกสักทีว่าตัวเองต้องการอะไร” ผมมองหน้าไอ้วินเนอร์อย่างต้องการคำตอบ มันอยากจะสื่ออะไรผมกันแน่ ทำไมต้องพูดแบบนี้ด้วย

    “คิดไม่ออกก็เรื่องของมึง เพื่อนกูมันไม่ตายหรอก แค่โดนมึงทิ้งเนี่ย”

    “เงียบไปเลยได้ป่ะ ถ้ามึงจะขุดเรื่องมันขึ้นมาพูดน่ะ เออ เพื่อนมึงมันไม่ตาย งั้นก็ไม่ต้องพูดถึงมันดิ” ยิ่งมันพูดผมยิ่งรู้สึกจุกอกอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับดดนทุบเข้าอย่างจังเลย

    “ไอ้ต้ามันไม่ตาย แต่คนที่จะตายคือน้องกูเนี่ยแหละ” เจอแบบนี้ไปผมถึงกับพูดต่อไม่ได้เลย พอไอ้วินเนอร์ไม่เห็นผมพูดอะไรต่อ มันเลยขับรถออกไปอย่างสบายๆ

    “ออ มันฝากบอกว่าไม่ต้องโทรไปหามันนะ ช่วงนี้มันไม่ว่าง ไม่ต้องพยายามด้วย”

    “หึ ไม่ว่างหรือตั้งใจที่จะไม่รับกันแน่” ผมพูดพึมพำกับตัวเองนะ แต่ก็ไม่รอดอยู่ดี

    “พูดงี้แสดงว่าโทรไปแล้ว” ขอไม่เถียง แต่มันก็คือความจริง หลังจากเกิดเรื่องนั้นมาผมลองโทรหามันหลายรอบมาก ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนอยู่ๆก็อยากโทรหามัน อยากเจอมันขึ้นมาซะงั้น แต่ไม่ว่าจะยังไงมันก็ไม่รับเลย บางทีก็กดตัดสายไปเลย ผมโทรติดนะ แต่มันก็ไม่รับ แม้แต่กับแฟร์เองก็ยังบอกผมไม่ได้เลยว่ามันอยู่ที่ไหนยังไง เหมือนมันจะก้าวนำผมทุกอย่างเลย

    “เชื่อละยัง ว่าคนที่จะตายคือมึงนั่นแหละ ตายเพราะความงี่เง่า” เออ ด่ากูเข้าไปเถอะ กูขอไม่เถียงมึงสักเรื่องแล้วกัน ทำเป็นรู้ดี แต่ว่านะ บางทีอาจจะเป็นมึงที่พูดถูกก็ได้นะ 

    “อย่าพูดอะไรมากได้ไหววะ กูรู้ว่าตัวเองรู้สึกแย่แค่ไหนตอนนี้ แต่กับเพื่อนมึง กูตอบตัวเองไม่ได้ว่ะ กูไม่เคยเป็นนี่ มึงจะให้กูทำไงวะ กูไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลยนะเว้ย” ผมระบายความอัดอั้นออกมาให้มันได้รู้บ้าง ในเวลาแบบนี้ แม้มันจะขี้แกล้งผมมากแค่ไหน แต่ไอ้วินเนอร์มันก็คือที่พึ่งเดียวของผมในเวลานี้ มันเป็นคนเดียวที่จะอยู่ข้างผมได้จริงๆ

    “ถ้ายังไม่รู้ใจตัวเองแบบนี้ มึงก็จุกอกตายเพราะความรู้สึกที่มึงบอกว่าไม่รู้ไปซะเถอะ มึงอ่ะรู้ตัวตลอดเวลาแหละ ว่าคนที่มึงต้องการคือใคร แต่เพราะทิฐิของมึงเองที่ไม่ยอมรับนั่นแหละคือสิ่งที่ผิดพลาด ยอมรับซะเถอะว่ามึงก็ชอบมัน รีบๆไปง้อมันซะ มันใจแข็งกว่าที่มึงคิด กูบอกเลย กูขอเถอะ อย่าพลาดเพราะความโง่ของตัวเองเลย มึงก็เคยเห็นสภาพกูแล้วนี่” ภาพของวินเนอร์ก่อนที่มันจะไปเรียนต่อลอยเข้ามาในหัวผมทันที เป็นครั้งที่ที่ผมเห็นพี่ชายตัวเองหมดสภาพ ไม่มีความเป็นไอ้วินเนอร์ขี้แกล้ง ไม่มีเค้าของความบ้าของมันเลย  ผมรู้แต่ว่ามันอกหัก รายละเอียดมากกว่านั้นผมก็ไม่รู้มาก แต่คือมันแย่มากจริงๆ

    “กูขอโทษ” ผมว่าสภาพมันแบบนั้น มันเองก็คงไม่อยากคิดถึงเหมือนกันนั่นแหละ

    “ช่างมันเถอะ มันผ่านมาแล้ว ขอแค่มึงไม่พลาดเหมือนกูก็พอแล้ว”

    “กูขอเวลาอีกนิดเถอะ” อีกนิดของผมนี่มันนานเท่าไรกันนะ อยากถามตัวเองเหมือนกัน

    “ใจมันอ่ะรอมึงตลอด แต่ความเหนื่อยของก็มากขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน กูบอกเลย” ไม่ต้องบอกผมก็พอจะรู้ แค่ที่มันไม่ยอมรับสายผมทุกวันนี้ก็พิสูจน์ได้แล้ว ไม่แน่ว่าถ้าอีกนิดของผมนานเกินไป มันอาจจะหายไปจากชีวิตผมเลยจริงก็ได้ ผมควรจะทำไงดีเนี่ย

     

    [Saint]

    “หึ กูว่าเรื่องแค่นี้คนอย่างมึงน่าจะคิดออกนะ” ผมพูดหลังจากที่เห็นมันเงียบไปนานพอควร อย่าหาว่าผมใจร้ายเลยเถอะ การที่ไม่ยอมเคลียร์อะไรให้กระจ่างผมว่าร้ายกว่ามาก

    “ต่อให้กูคิดได้แล้วไงวะ” ไอ้ฟอร์สหันกลับมามองหน้าผม พร้อมกับแววตาเศร้าๆ อารมณ์ไหนของมันอีกวะเนี่ย เมื่อกี้มันยังกวนประสาทผมอยู่เลยนะ

    “ถ้าพี่ไนน์ไปคบกับคนอื่น มึงจะทำไง” อยู่ไอ้ฟอร์สก็ถามคำถามขึ้นมา มาไม้ไหนของมัน

    “มึงถามแบบนี้ทำไม มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้” คิดจะเปลี่ยนเรื่องงั้นหรอ แต่ทว่าพอมองหน้าไอ้ฟอร์สแล้วก็รู้สึกได้เลยว่ามันจริงจังกับคำถาม และมันก็ต้องการคำตอบที่ชัดเจนด้วย

    “หึ ถ้าเป็นงั้นจริงจะให้กูทำไงได้ ในเมื่อมันเลือกกู ยังไงๆมันก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” ใช่แล้วล่ะ ถ้าวันใดวันหนึ่งไอ้ไนน์ไม่ได้เลือกผมขึ้นมา ผมจะไปทำอะไรได้ล่ะ

    “ไม่เอาคำตอบสวยหรูที่มันทำไม่ได้จริง กูต้องการคำตอบจากใจมึงจริงๆ” ผมที่กำลังจะโต้กลับก็ต้องหยุดคำจากคำพูดมัน ถ้าในความเป็นจริงงั้นหรอ ผมจะเป็นยังไงกันนะ ถ้าไอ้ไนน์ไม่ได้เลือกผมจริงๆ ผมจะทนได้จริงๆอย่างนั้นหรือ ผมยอมที่จะให้มันเกิดขึ้นได้จริงหรือ

    “...” อยู่ๆระหว่างผมกับไอ้ฟอร์สก็เกิดความเงียบขึ้น ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง

    “กูคง...ทนไม่ได้ว่ะ” พอผมพูดจบอยู่ๆไอ้ฟอร์สก็หัวเราะขึ้นมาซะงั้น

    “มีอะไรน่าหัวเราะนักหนาวะ มันก็เป็นเรื่องจริงอยู่แล้วนี่” แต่ว่านะ เหมือนผมจะพอรู้แล้วล่ะว่าไอ้ฟอร์สต้องการที่จะสื่ออะไร มันกำลังจะบอกว่าสิ่งที่มันทำไม่ผิดงั้นหรอ

    “แล้วในเมื่อมึงทนไม่ได้ จากนั้นมึงจะทำไงต่อ” นั่นไง ผมว่าแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่มันเล่นถามคำถามแบบนี้  พยายามจะทำให้ผมรู้สึกว่าสิ่งที่มันทำ ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือไง

    “แต่กูไม่ทำในแบบที่มึงทำแน่นอนล่ะ” วิธีงี่เง่าแบบนั้นน่ะ ใครจะไปบ้าทำกัน

    “ต่อให้ไม่ใช่แบบที่กูทำ แต่กูว่าก็คงไม่ต่างกัน ไม่แน่ว่าสิ่งที่มึงคิดจะทำอาจจะเลวร้ายกว่าที่กูทำลงไปก็ได้” ถ้าเป็นผม ไม่แน่ว่าผมอาจจะทำถึงขนาด...ไม่สิ ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรือ กับคนแบบไอ้ไนน์น่ะ ผมจะทำร้ายมันถึงขนาดนั้นได้ยังไงกัน แต่อะไรๆมันก็ไม่แน่นอนเสมอไป

    “หึหึ คนที่พยายามเพื่อความต้องการของตัวเองน่ะ เมื่อถึงคราวจนจริงๆ ความผิดถูกมันก็อาจจะไม่มีอยู่ในหัวเลยก็ได้ เพียงแต่เห็นว่ามีหวัง แม้จะน้อยนิด แต่มันก็มากพอที่จะเสี่ยง” สิ่งที่มันพูดมา แม้จะเป็นผมเองผมก็คิดว่ามันถูก แต่ว่าบางทีคนเราก็ต้องรู้ขอบเขตสิวะ

    “แต่ว่ามึงก็รู้อยู่ว่าต่อให้ทำยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้ แล้วมันจะเรียกว่ามีหวังได้ยังไง” คำว่าความหวังของมัน ผมไม่รู้นะว่ามันจำกัดความว่ายังไง แต่สำหรับเรื่องนี้ไม่มีให้มันหรอก

    “เออ กูรู้ แล้วไงวะ รู้แล้วกูก็ต้องยอมรับ...งั้นหรอ” น้ำเสียงที่เจ็บปวดนั่นทำเอาผมไปไม่ถูกเลยเหมือนกัน ภายในจิตใจของมันกำลังเป็นยังไงผมไม่มีทางรู้ แต่มันคงไม่มีความสุขแน่ๆ

    “ไอ้ฟอร์ส” ผมเรียกชื่อมันด้วยเสียงแผ่วเบา เผื่อว่าจะช่วยให้มันสงบลงได้บ้าง

    “กูต้องยอมรับใช่ไหมว่ายังไงมึงก็เลือกพี่ไนน์อ่ะ” ในเวลานี้ผมควรจะพูดว่ายังไงดี เพราะต่อให้มันเลวร้ายแค่ไหน ยังไงมันก็เป็นเพื่อนผม มันก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่ข้างผมมาตลอด

    “เรื่องแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้หรือเปล่าวะ” ถ้ามันบังคับกันได้ ผมคงไม่ปล่อยให้เรื่องของผมกับไอ้ไนน์ยืดยาวมาถึงตอนนี้หรอก คงสารภาพความรู้ไปตั้งแต่วันที่รู้ตัวแล้วล่ะ

    “ทำไมวะ ทำไมต้องเป็นพี่ไนน์” ไอ้ฟอร์สถ้าหน้าพูด เหมือนมันจะบ่นกับตัวเองนะ แต่เนื้อหาที่พูดนี่คือยังไงก็ถามผมป่ะ ทำไมงั้นหรอ แล้วจะตอบว่าไงดี

     “ก่อนหน้านั้นมึงคบกับผู้หญิงกูยังพอทำใจได้ว่ามึงไม่ได้ชอบผู้ชาย ยังไงกูก็ไม่มีหวัง แต่หลังจากนั้นอยู่ๆมึงก็เริ่มสนใจผู้ชาย กูก็เริ่มมีความหวังมาบ้าง แต่แล้วคืออะไร ทำไมมึงถึงต้องไปจบที่พี่ไนน์วะ เพราอะไร??” แต่ก่อนที่ผมจะตอบมัน อยู่ๆไอ้ฟอร์สก็ระบายออกมาก่อน

    “กูไม่รู้ ความรู้สึกคนมันอธิบายเป็นเหตุผลไม่ได้ทั้งหมดหรอกว่ะ” ถ้าความรู้สึกของผู้คนตั้งอยู่บนเหตุผลได้ ทำตามเหตุผลได้ โลกนี้ก็คงไม่มีคนที่ผิดหวังจากควารักแล้วล่ะ

    “เพราะกูไม่ได้เจอมึงทุกวันงั้นหรอ เพราะกูไม่ได้ไปบ้านมึงบ่อยงั้นหรอวะ”

    “มันไม่เกี่ยวว่ะ กูก็ไม่ได้เจอไอ้ไนน์ทุกวัน มันก็ไม่ได้มาบ้านกูบ่อยนี่ ถ้ามึงคิดว่าแบบนั้นทำให้คนรักกันได้ มึงคิดผิดแล้วล่ะ อีกอย่างกูก็พึ่งรู้เรื่องของมึงนี่” ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันชอบผม ไม่แน่ถ้าผมรู้ก่อนหน้านี้ผมอาจจะลองหันมามองมันก็ได้นะ บางทีถ้าผมไม่เจอไอ้ไนน์...

    “ก็มีแค่มึงกับไอ้วิคเตอร์เท่านั้นแหละที่ไม่รู้อ่ะ คนอื่นก็ดูออกกันหมด เพราะในสายตามึงมีแต่พี่ไนน์ไง มึงถึงไม่เคยมองเห็นความรู้สึกคนอื่นเลยน่ะ” น้ำเสียงที่เริ่มสั่นทำให้ผมพูดไม่ออก

    “แต่มึงเป็นเพื่อนกูป่ะวะ ใครจะไปคิดอะไรขนาดนั้น” ไม่ใช่ทุกคนสักหน่อยที่จะมาจับผิดเพื่อนตัวเองน่ะ โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้น่ะ ถ้าไม่ได้สังเกตเห็นง่ายจริงๆ

     “เพื่อน! ทำไมวะ แล้วคนเป็นเพื่อนมันพัฒนามากกว่านั้นไม่ได้หรือไง ทีมึงกับพี่ไนน์ยังเริ่มที่พี่น้องข้างบ้านเลย” ผมว่ามันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะ ยิ่งพูดต่อก็เหมือนยิ่งดึงเกม

    “ต่อให้มึงพยายามยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้ มึงเข้าใจไหม กูขอเถอะ มึงอย่าเป็นแบบนี้เลยได้ไหม ในเมื่อเรื่องของมึงกับกูคือยังไงก็เป็นแค่เพื่อน มึงก็อย่าพยายามเลยว่ะ ทำไมมึงไม่ลองมองคนอื่นบ้างวะ อาจจะมีคนที่ดีสำหรับมึงจริงๆก็ได้” ผมว่าไอ้ฟอร์สเองก็น่าจะรู้ตัวเรื่องไอ้คีย์ แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้คีย์ไปทำแบบไหนกันมันถึงจับไอ้ฟอร์สไม่อยู่สักทีเนี่ย    

    “มึงพึ่งบอกเองว่าความรู้สึกมันบังคับไม่ได้ แล้วมึงจะพูดให้กูไปหาคนอื่นเพื่ออะไรวะ โดยเฉพาะกับเพื่อน คนที่มึงเองก็ยังไม่สนใจน่ะ” จริงด้วย มันรู้เรื่องไอ้คีย์ อะไรของมันวะเนี่ย

    “ก็เพราะกูไม่ได้รักมึงนอกจากแบบเพื่อนไง ต่อให้มึงไล่ตามกูไปมันก็ไม่มีประโยชน์ ถ้ามึงคิดว่ามึงจะเปลี่ยนใจกูได้ แล้วทำไมมึงไม่ลองเปลี่ยนใจตัวเองเพื่อตัวเองบ้างวะ เป็นแบบนี้มึงก็ไม่มีความสุขเปล่าๆ กูอาจจะโกรธในสิ่งที่มึงทำ แต่ในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง กูก็พยายามที่จะเข้าใจมึงนะเว้ย หยุดไล่ตามกูสักทีเถอะ ไอ้ฟอร์ส” ผมไม่รู้นะว่าคำพูดของผมจะสื่อไปถึงมันได้ไหม แต่ผมก็พยายามที่สุดแล้ว อยู่ที่ว่ามันจะคิดได้หรือเปล่าก็แค่นั้น

    “แล้วถ้ากูบอกว่าไม่ล่ะ” ผมไม่รู้เหมือนกันนะว่ามันพูดจริงหรือแกล้งพูด ใบหน้าที่หันมามองผมพร้อมด้วยรอยยิ้มนั้น มันจะเป็นของจริงหรือแฝงนัยไว้กันแน่นะ

    “ถ้ามึงไม่หยุดก็คงต้องใจร้ายบ้างแล้วนะ กูรักเพื่อนมากก็จริง แต่กูก็ต้องปกป้องหัวใจตัวเองเหมือนกัน มึงทำแบบนี้ก็ไม่ตางจากมึงทำลายชีวิตกูหรอ” ถ้าในเมื่อมันเลือกที่จะไม่ยุดจริงๆ ผมก็คงไม่มีทางเลือก ไอ้ไนน์คือคนที่ผมรัก ผมก็ต้องปกป้องมันอย่างถึงที่สุด

    “ไอ้เซนท์” เหมือนมันคงรับไม่ได้เหมือนกันที่ผมยอมรับตรงๆว่าไอ้ไนน์คือหัวใจของผม

    “อย่าให้ปัญหามันต้องมีไปมากกว่านี้เลย กูขอเถอะ ถ้ามึงอยากเป็นเพื่อนกูอยู่ อยากเจอกูอยู่ สำคัญที่สุด มึงอย่าทำร้ายตัวเองและคนที่รักมึงด้วยการทำแบบนี้เลยว่ะ กูหวังว่ามึงจะคิดได้นะ” ผมขี้เกียจพูดต่อแล้ว ผมหันหลังเดินจากมันมาโดยที่ไม่ได้สนจ่ามันอยาจะพูดอะไรต่อหรือไม่ เพราะผมถือว่าผมทำได้แค่นี้ คือที่สุดที่ผมควรจะทำแล้ว

    “ได้เรื่องไหม” ไอ้คีย์ที่อยู่หน้าห้องถามผมครับ ตอนนี้หน้าห้องมีไอ้คีย์ กับไอ้วุธที่นั่งอยู่กับใครที่ผมไม่รู้จัก แต่น่าจะเป็นรุ่นน้อง หือ นี่มีเรื่องอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกล่ะเนี่ย แต่ช่างมันเถอะ

    “ถ้ามันคิดได้นะ” ไอ้คีย์ถอนหายใจออกมา ก่อนจะตบบ่าผมแล้วเดินเข้าไปในห้อง เหลือแค่ผมกับไอ้วุธกับน้องอีกคนที่ยังดูงงๆอยู่  แต่เหมือนน้องคนนั้นพึ่งจะสังเกตเห็นผม

    “หวัดดีครับพี่” ผมรับไหว้น้องเขาก่อนผมมองไปที่ไอ้วุธอย่างเป็นคำถาม แต่มันไม่ตอบอะไรผมพลางดึงน้องคนนั้นให้ลุกขึ้น ไอ้วุธเดินมาวางมือบนไหล่ผมก่อนจะพูด

    “ไม่ต้องคิดมาก มึงทำดีที่สุดแล้ว สักวันมันก็คิดได้เองแหละ” สิ่งที่ผมทำลงไปในวันนี้มันจะมีประโยชน์จริงๆหรือ ผมจะปกป้องความรักของผมได้จริงใช่ไหม กูทำถูกแล้วใช่ไหมวะ...ไนน์


    **********************************************************

     
    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับผม


    แปะเฟสได้ละครัช พึ่งจะทำเป็น ไม่เกี่ยวกับ ver.  5555 ขำตัวเองอ่ะ งี่เง่าตั้งนาน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×