ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "..Insecure.." WangZiyi x CaiXukun จื่อคุน

    ลำดับตอนที่ #4 : Episode 3 : Counting on

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.32K
      161
      3 เม.ย. 61

    Insecure #สวี่คุนเป็นโอเมก้า

    Ep.3 Counting on


    .


    .



     

         ช่ายสวี่คุนอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน เขากินอาหารแบบไม่นับมื้อและเข้านอนอย่างไม่ดูนาฬิกา  แม้ว่าอายุตามบัตรประชาชนของเขาจะกำลังก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้วก็ตาม  แต่การฝึกซ้อมในรายการIdol Producer ทำให้เด็กหนุ่มวัยกำลังกินกำลังนอนคนหนึ่งมีชีวิตที่แปลกไปอย่างเห็นได้ชัด นอกจากความเหนื่อยล้าที่ทำให้หมดแรงจนไม่อยากจะทำอะไรในทุกๆวันแล้ว ช่ายสวี่คุนยังได้นอนมากสุดแค่สี่ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งนับว่าดึงค่าเฉลี่ยต่อการเข้าฝึกหนึ่งรอบขึ้นมาเป็นสามชั่วโมงได้อย่างน่ามหัศจรรย์ใจแล้ว เพราะแบบนั้นพอถึงช่วงพักที่ทางรายการปล่อยให้เด็กฝึกทั้งหลายกลับไปพักผ่อนตามอัธยาศัยเป็นเวลาสองถึงสามวัน สิ่งที่สวี่คุนมั่นหมายจะทำจึงมีแค่นอนให้เหมือนตายแล้วตื่นขึ้นมาซัดทุกอย่างที่ขวางหน้าก่อนจะทิ้งตัวลงไปใหม่อีกรอบ

     

    นอน-กิน-นอน-กิน วนไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงเวลาเข้าค่ายฝึกอีกครั้ง

    แต่บางที

    เขาก็เผลอทำบางอย่างมากเกินไป

     

     

    07.47


    นั่นคือเวลาที่เห็นได้จากหน้าจอโทรศัพท์มือถือหลังจากที่รถประจำทางที่เขานั่งเป็นประจำเคลื่อนตัวออกไปไกลแล้ว สวี่คุนยืนเตะฝุ่นอยู่หน้าป้ายรถประจำทางใกล้ที่พักอย่างไม่สบอารมณ์ สองนาทีที่เสียไปแลกมาด้วยการที่เขาต้องนั่งรอรถอีกราวครึ่งชั่วโมง ไม่อย่างนั้นก็คงต้องหาทางไปค่ายฝึกวิธีอื่น และมันน่าโมโหเป็นที่สุดเมื่อคิดได้ว่าสิ่งที่ทำให้เขาสายกว่าปกติไปครึ่งชั่วโมงเศษๆ คือการที่เขาเผลอหลับเพลินจนไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก

     

    ให้ตาย

    อยากสบถออกมาดังๆแต่เกรงใจคุณป้าที่กำลังเปิดร้านขายของชำอยู่ใกล้ๆ

     

    เอาเข้าจริงแปดโมงก็ไม่ใช่ช่วงเวลาอันตรายนักสำหรับการเข้าไปเซ็นชื่อกลับเข้าหอ ในเมื่อตารางที่ได้รับแจกระบุไว้ชัดเจนว่าให้ทุกคนมารวมกันตอนสิบโมงครึ่ง จึงไม่ใช่ความจำเป็นอะไรที่จะต้องเร่งรีบขนาดนั้น หากสิ่งที่ทำให้อันดับหนึ่งของรายการในขณะนี้ร้อนเป็นไฟและนึกโกรธตัวเองซ้ำไปซ้ำมาขณะเดินไปยังสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุดก็คือ

    ร้านของทอดหน้าทางเข้าค่ายฝึก

    ร้านคุณลุงใจดีที่จะแน่นขนัดไปด้วยเด็กฝึกรวมถึงลูกค้าในละแวกนั้นตั้งแต่เก้าโมงเป็นต้นไป สวี่คุนไม่อยากไปนั่งเบียดเสียดอยู่ในร้านเล็กๆนั่น แม้ว่ารสชาติของทอดจะอร่อยจนแทบจะบินได้เลยก็ตาม สรุปก็คือวันนี้ช่ายสวี่คุนชวดของทอดร้านโปรด แถมยังต้องนั่งรถไฟใต้ดินไปอีกสถานีเพื่อต่อรถเมล์อีกสายแทนการเดินทางตามปกติ แน่นอนว่ากินเวลามากกว่า ทั้งยังเปลืองเงินกว่าด้วย ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดกว่าเก่า

     

    ตี๊ด

     

    บัตรรถไฟฟ้าที่เขาถือแนบลงกับประตูทางเข้า เสียงสัญญาณดังขึ้นหนึ่งครั้งก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะเดินเข้าไปตามทางที่ตั้งใจไว้ เสียงซุบซิบของหญิงสาวกลุ่มหนึ่งดังขึ้นเมื่อเขาขึ้นมาบนขบวนรถไฟ หญิงสาวร่างอวบชี้นิ้วมายังชายหนุ่มขณะมืออีกข้างป้องปากกระซิบ เพื่อนๆของหล่อนดูสนอกสนใจและพยายามจะเลื่อนที่นั่งมาใกล้ๆ ท่าทางสงสัยในตัวตนของเขาทำให้ช่ายสวี่คุนรู้สึกไม่ปลอดภัยนัก จริงอยู่ที่เขารักแฟนๆของเขามาก แต่บางทีเวลาส่วนตัวก็เป็นสิ่งที่สวี่คุนต้องการไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเวลาที่กำลังหงุดหงิดอยู่แบบนี้ เขาไม่มีอารมณ์มาหยอกล้อแฟนๆได้อย่างเคยหรอก

    มือเรียวยกขึ้นกระชับผ้าปิดปากตัวเองก่อนจะแสร้งหลับตาพิงศีรษะบนผนังรถไฟ ทำเป็นว่ากำลังงีบหลับทั้งที่ยังผึ่งหูฟังบทสนทนานั้นอย่างตั้งใจ

    จะใช่หรือเปล่า

    ไม่รู้สิ แต่ตอนเขาขึ้นมาเมื่อกี้เหมือนคุนคุนมากๆเลย

    ลองเข้าไปใกล้ๆไหม

    บ้าหรอ ไม่ใช่ขึ้นมาก็ไปรบกวนเขาน่ะสิ

    สวี่คุนอยากบอกสุภาพสตรีคนนั้นว่าขอบคุณอีกฝ่ายเหลือเกิน แม้จะแอบคิดว่าต่อให้เป็นช่ายสวี่คุนตัวจริงก็คงจะเป็นการรบกวนไม่แพ้กัน

    แต่ว่า…”

     

     สถานีต่อไป สถานี

     

    ถึงแล้วๆ ไปกันเถอะ

    เสียดายจัง

     

    หลังสิ้นเสียงประกาศ รองเท้าส้นสูงที่อยู่ใกล้ตัวเขาในทีแรกก็เดินห่างออกไป ก่อนโบกี้ที่เขานั่งจะเงียบลงเมื่อประตูรถไฟใต้ดินปิดสนิ สวี่คุนแอบลืมตาขึ้นมาเช็คสถานการณ์ก่อนข้างหนึ่ง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างกลับเข้าสู่สถานการณ์สงบสุขชายหนุ่มจึงลืมตาขึ้นเต็มตา เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกกับตัวเองว่าอย่างน้อยวันนี้ก็ไม่เลวร้ายไปเสียทีเดียว ก็ยังนับได้ว่ามีโชคอยู่บ้างล่ะนะ

     

     

    สวี่คุนลงรถไฟที่สถานีที่สองถัดจากนั้น เพราะเป็นเวลาแปดโมงกว่าแล้ว ท้องถนนที่เคยเต็มไปด้วยการจราจลและประชากรที่เดินทางอย่างเร่งรีบในช่วงเจ็ดโมงกว่าก็ดูจะสงบลงเล็กน้อย แม้ปริมาณผู้คนจะยังมากอยู่ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าเดินคล่องกว่าที่เขาคิดไว้ สวี่คุนเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ สายตามองตามร้านอาหารข้างทางที่เปิดอยู่อย่างสนใจ แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าตัวควรจะรอไปหาอะไรง่ายๆทานที่ร้านสะดวกซื้อแถวๆค่ายฝึกดีหรือเปล่า

    โจ๊กปาท่องโก๋ก็น่าสนใจ

    ติ่มซำตอนเช้าก็ดูดี

    แต่คนเยอะเกินไป ในช่วงเวลาแบบนี้สวี่คุนไม่สบายใจจะไปเบียดเสียดกับกลุ่มคนปริมาณขนาดนั้นมากนัก

     

    คุนคุน

    เสียงทุ้มที่คุนเคยทำให้คนที่ยืนเหม่ออยู่หน้าร้านซาลาเปาหันขวับ หวังจื่ออี้ในเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์พอดีตัวยืนอยู่ที่ร้านขายกาแฟร้านข้างๆ ความบังเอิญที่น่าประหลาดใจทำให้สวี่คุนยิ้มร่า ชายหนุ่มเดินตรงไปหาคนอายุมากกว่าที่กำลังเอื้อมมือออกไปรับแก้วอเมริกาโน่เย็นมาถือไว้ก่อนจะส่งธนบัตรที่เหน็บไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ยื่นให้คนขาย สวี่คุนมองเมนูที่เขียนอยู่บนกระดานดำหน้าร้านอย่างชั่งใจ บางทีเขาอาจจะหาอะไรรองท้องสักหน่อยก่อนไปหาอะไรหนักๆกินที่ค่ายฝึก

    สั่งสิ เดี๋ยวเลี้ยง

    รวยนักเหรอ

    เลี้ยงได้ก็แล้วกัน

    สวี่คุนยอมรับว่าเผลอหัวใจเต้นแรงกับประโยคก่อนหน้า เขาโทษว่ามันเป็นผลของความรู้สึกดีเวลามีใครสักคนมาเอาใจ ถึงจะรู้ว่าตัวเองเผลอหน้าแดงนิดหน่อยแต่คงไม่แปลกอะไรสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้รับการเอาใจใส่เช่นเขา จื่ออี้รับแก้วชานมไข่มุกที่เขาเพิ่งสั่งไปแทน ร่างสูงหยิบเงินทอนบางส่วนซึ่งได้รับมาเมื่อครู่ส่งให้กับหญิงสาวที่ยิ้มทั้งแก้มแดงปลั่ง ก่อนจะยื่นแก้วเครื่องดื่มขนาดใหญ่มาให้

    “ขอบคุณนะ”

    “ไม่เป็นไร ได้ดิบได้ดีแล้วอย่าลืมกันก็พอ”

    ช่ายสวี่คุนอดจะรู้สึกตลกกับการทวงบุญคุณผ่านแก้วชานมไข่มุกของอีกฝ่ายไม่ได้ ชานมรสไม่หวานไม่เข้มจนเกินไปไหลผ่านลิ้นลงคอ ตามด้วยกลิ่นชาไหม้ห้อมฟุ้งและสัมผัสหนุบหนับในปาก ชานมในมืออร่อยอย่างที่ไม่ได้คาดหวังเอาไว้แต่แรก ทำให้กระเพาะอาหารที่เริ่มจะบีบตัวประท้วงมาสักพักพออกพอใจและคลายตัวลงบ้าง สวี่คุนเดินตามรองเท้าสีเทาดำของคนข้างหน้าไปเรื่อยพลางดูดไข่มุกขึ้นมาเคี้ยวโดยไม่ทันได้มองทาง รู้ตัวอีกทีจื่ออี้ก็พาเขามายืนอยู่หน้าป้ายรถประจำทางที่มีคนวัยทำงานยืนรอรถอยู่บ้างประปราย

    “ปกติไม่เคยเห็นมาแถวนี้”

    “วันนี้ตื่นสาย ตกรถเลยต้องมาทางนี้ อดร้านคุณลุงใจดีหน้าค่ายเลย”

    จื่ออี้จิบกาแฟเย็นในมือตัวเองเล็กน้อยพอให้รสขมซ่านในปากก่อนจะหันมาแสดงสีหน้าแปลกใจระคนไม่เข้าใจให้คนอ่อนวัยกว่าที่กำลังพยายามดูดไข่มุกที่กองเป็นกระจุกอยู่ที่ก้นแก้ว

    “ทำไมล่ะ นี่เพิ่งจะ. . . อืม แปดโมงสี่สิบ”

    “กว่าจะถึงก็เกือบสิบโมง แวะกินตอนนั้นคงกลายเป็นปลาซาดีนในซอสมะเขือเทศ”

    “ก็ว่าไปนั่น แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง”

    “ยัง ไว้แวะซื้อที่ร้านสะดวกซื้อแถวนั้น รถมาโน่นแล้ว ขึ้นสิ”

    จื่ออี้ที่กำลังจะเอ็ดคนที่อดข้าวมาตั้งแต่เช้าจำต้องปิดปากเงียบเมื่อรถคันที่ต้องการมาจอดเทียบป้าย มือใหญ่กว่ากึ่งดึงกึ่งจูงอีกคนให้มานั่งตรงแถวเกือบหลังสุดที่ยังว่างอยู่ แม้จะจับผ่านผ้าฝ้ายเนื้อหนาแต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงไออุ่นๆที่แผ่มาจากผิวกายของอีกฝ่าย จื่ออี้ไม่อยากฟันธงว่าสวี่คุนกำลังป่วยหรือเปล่า ตราบใดที่สภาพร่างกายภายนอกของอีกฝ่ายโอเค และเจ้าตัวไม่มีทีท่าว่าจะไม่ไหว เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีสิทธิ์ไปยุ่มย่าม รถประจำทางเคลื่อนตัวออกจากป้ายหลังจอดเทียบอยู่ไม่นานนัก วันนี้รถค่อนข้างว่างเฉกเช่นเดียวกับท้องถนนที่ไม่ได้แน่นขนัดไปด้วยรถราเหมือนเมื่อตอนบ่ายวันเสาร์ คนเพราะวันนี้เป็นวันอังคาร ไม่ใช่วันที่ผู้คนจะใช้รถใช้ถนนเดินทางกันในช่วงสายเท่าใดนัก จื่ออี้มองฟ้ามองถนนที่ทอดไปสู่ปลายทางคือสถานที่ฝึกของพวกเขาได้พักใหญ่ หันมาหาคนข้างตัวอีกทีคนข้างกายก็หลับคอพับไปเสียแล้ว

    ดูสมเป็นเด็กอายุสิบเก้ายี่สิบขึ้นหน่อย

    จื่ออี้มองคนที่เอาหัวตัวเองไปโขกกระจกรถซ้ำไปซ้ำมาแล้วก็สงสาร ครั้นจะให้อุตริโยกหัวอีกฝ่ายมานอนซบอยู่ที่บ่าก็ดูจะไม่ควรเท่าไหร่ เมื่อสวี่คุนตื่นมาคงจะรู้สึกไม่ดีนักหากอยู่ในท่าแบบนั้น หลังคิดวนไปมาหลายตลบสุดท้ายหวังจื่ออี้ก็เลือกจะหยิบเสื้อคลุมของตัวเองที่ถือมาตั้งแต่เช้าขึ้นมาพับเป็นหมอนแล้วสอดเข้าไประหว่างศีรษะของสวี่คุนกับกระจกรถ ไม่แน่ใจว่าก้อนผ้าจะช่วยอีกฝ่ายได้มากแค่ไหน แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็สบายใจได้ว่าช่ายสวี่คุนจะไม่หัวกระแทกจนความจำเสื่อมแน่นอน

    .

    พอเดินทางมาถึงหน้าค่ายฝึกอย่างแรกหลังกล่าวขอบคุณคนที่เสียสละเสื้อคลุมตัวเองมาให้ใช้ต่างหมอนแล้ว ช่ายสวี่คุนก็รีบพุ่งตัวเข้าไปในร้านสะดวกซื้อเหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ จื่ออี้เดินตามเข้าไปบ้างหลังจากทักทายเพื่อนๆที่เดินขวักไขว่ไปมาเพราะใกล้ถึงเวลารวมตัว เขาเลือกแซนวิชมาห่อหนึ่งกับเครื่องดื่มชูกำลังหนึ่งขวดจากตู้แช่ จากนั้นก็เดินวนไปมาอีกสองรอบเพื่อรอคนที่กำลังตัดสินใจเลือก(โกย)อาหารทำการหยิบขนมโน่นนี่จนเสร็จสิ้น จื่ออี้ยื่นบัตรเงินสดให้พนักงานแทนเงินสดจริงๆที่ดูท่าว่าจะไม่พอจ่ายค่าอาหารของคนสองคน สวี่คุนทำหน้ามุ่ยเมื่อเห็นว่าตัวเองโดนเลี้ยงอีกแล้ว ก็ถูกที่ว่ากินฟรีมันดีแต่ก็แอบรู้สึกเกรงใจอีกฝ่ายไม่น้อยที่ตัวเองทำตัวเหมือนเด็กที่ต้องคอยให้จื่ออี้ตามดูแล

    “กินให้หมดก็แล้วกัน”

    จื่ออี้พูดแค่นั้นก็เดินตัวปลิวเข้าตึกไปไม่รอคนที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าประตูอัตโนมัติ สวี่คุนไม่ว่าอะไรหากนั่นแทนข้อแลกเปลี่ยนของจื่ออี้ ตราบใดที่เขายังยัดทุกอย่างลงท้องเหมือนมีหลุมดำเป็นของตัวเองแล้วล่ะก็กินของในถุงให้หมดแค่นี้แค่วันเดียวก็น่าจะเกินพอ สวี่คุนเดินเข้าตึกพร้อมๆกับเหล่าเด็กๆจากเยฮวา เขาหยิบขนมให้จัสตินที่มองถุงร้านสะดวกซื้อตาละห้อยแล้วเดินไปเข้าแถวแสกนลายนิ้วมือรายงานตัวเข้าสู่หอพัก

    มองผ่านประตูกระจกเข้าไปคือเด็กฝึกหลายสิบคนที่เปลี่ยนจากชุดไปรเวทเหมือนกันกับคนด้านนอกไปเป็นชุดวอร์มตามสีที่ถูกกำหนด การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้งและสวี่คุนรู้ดีว่ามันจะไม่มีวันง่ายดายอย่างที่ฝัน

    .

    .

    ให้เด็กฝึกที่เป็นเซนเตอร์ของเรามีสิทธิ์เลือกทีมก่อน

    .

    .

    ช่ายสวี่คุนมองแผ่นป้ายที่เขียนชื่อเพลงที่จะถูกใช้ในการแข่งขันรอบทีมแบทเทิลให้เต็มตาอีกครั้ง ตัวอย่างเพลงที่ได้ฟังเมื่อครู่ทำให้เขาตัดสินใจง่ายขึ้น ถึงอย่างนั้นก็คิดว่าตัวเองควรพิจารณาให้ถ้วนถี่เสียก่อน แต่ไม่ว่าจะมองอีกกี่ครั้ง ทำนองแปลกแต่ติดหูของเพลงPPAPก็ยังดึงดูดเขาได้มากกว่าเพลงไหน ในจินตนาการของช่ายสวี่คุนมันคงจะเท่แน่ๆถ้าได้ทำเพลงแบบนั้นออกมาให้คนได้ตื่นตาตื่นใจ ในตอนสุดท้ายเขาจึงเลือกเดินไปยังแผ่นป้ายเพลงPPAPตามความคิดแรกที่แวบขึ้นมาในหัว

    เบื้องหน้าของเขาคือเด็กฝึกร่วมร้อยชีวิตยืนเรียงรายกันอยู่ แต่ละกลุ่มถูกจัดแบ่งตามสีเสื้อที่ตนสวมใส่ บ่งบอกสถานะและความสามารถที่แสดงออกมาในภารกิจแรกของแต่ละคน สวี่คุนอยากชนะและเขาเชื่อว่าทุกคนในที่นี้คิดแบบเดียวกัน เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่เขาคิดถึงเมื่อกระหายอยากที่จะชนะก็คืออาวุธที่ร้ายกาจพอจะคว้าชัยเหนือคู่แข่ง

    “คนแรกที่ผมจะเลือกคือ หวังจื่ออี้”

    ไม่มีข้อโต้แย้ง เขาพอใจอย่างที่สุด

    จื่ออี้เดินมาสวมกอดเขาพร้อมกล่าวขอบคุณ ระยะห่างที่ใกล้กว่าทุกครั้งทำให้รู้สึกได้ว่าเราสนิทกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนแค่ไหน จื่ออี้เดินไปยืนอยู่ข้างหลังเขา กระซิบเบาๆพอให้ได้ยินกันเพียงสองคนในขณะที่เขาเอ่ยชื่อสมาชิกคนที่สาม

    “โจวเยี่ยนเฉิน”

    “ขอบคุณนะ”

    เยี่ยนเฉินผู้สวมเสื้อสีน้ำเงินแบบเดียวกับจื่ออี้เดินเข้ามาด้วยสีหน้าแปลกใจไม่น้อย เพื่อนๆเด็กฝึกต่างก็โห่ร้องและปรบมือให้กับคนที่ถูกเลือกแม้จุดโฟกัสจะผิดแผกจากความเป็นจริงจนกลายเป็นการเรียกเสียงหัวเราะก็ตาม เขายิ้มให้สมาชิกคนใหม่ก่อนจะกระซิบตอบคนที่เอ่ยคำขอบคุณกับเขาเมื่อครู่

    .

    “ค่าชานมไข่มุกก็แล้วกัน”

    .

    .

    “คุณพระคุณเจ้าช่วย”

    เยี่ยนเฉินอุทานเบาๆหลังทุกคนในทีมที่เขาเลือกมาดูวิดีโอสำหรับฝึกซ้อมร่วมกัน โจวรุ่ยที่มีสติ๊กเกอร์กัปตันแปะอยู่มีท่าทีลำบากใจไม่น้อยกับท่าเต้นและทำนองเพลงแสนน่ารักขัดกันกับเพลงที่ได้ยินในตอนแรก สวี่คุนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกขณะหันไปมองหน้าจื่ออี้ที่กำลังทำหน้าลำบากใจไม่แพ้กัน นึกอยากจะซื้อกาแฟเย็นแทนคำขอโทษให้อีกฝ่ายสักสามแก้วแต่ก็ทำได้เพียงส่งสายตาขอโทษขอโพยให้คนที่โดนดึงมาลำบากด้วยกัน

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า”

    จื่ออี้พูดแบบนั้นได้ยังไงทั้งที่ตัวเองยังแก้คิ้วที่ขมวดเป็นปมไม่ได้ ถึงอย่างนั้นฝ่ามือที่ลูบอยู่บนแผ่นหลังก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง

    หรือเปล่านะ

    ความรู้สึกร้อนผะผ่าวแผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย สวี่คุนเหลือบตามองจื่ออี้ที่ขมวดคิ้วมากกว่าเดิม ก่อนจะเบียดตัวเข้าหาโจวรุ่ย  ความเงียบที่ดูจะอึดอัดกว่าปกติดำเนินไปพักหนึ่ง ก่อนเจิ้งถิงที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันเดินมานั่งแทรกกลางระหว่างเขากับอัลฟ่าที่กำลังทำหน้าเครียด จื่ออี้คำรามต่ำ หน้าตาไม่พอใจกว่าเดิม เป็นอันรู้กันว่าสถานการณ์ไม่ปกติอย่างที่เขาคิด เจิ้งถิงที่มีอายุมากกว่าเขาถึงสองปีแต่ดูอ่อนเยาว์กว่าวัยปลอบใจทุกคนเรื่องเพลงภารกิจก่อนจะหัวเราะเสียงใสคล้ายพยายามจะทำให้บรรยากาศดีขึ้น สัญลักษณ์โอเมก้าที่ดูคล้ายตัวดับเบิ้ลยูหวัดๆที่หลังหูของอีกฝ่ายเห็นได้ชัดจากมุมนี้

    “ฉันว่าแยกย้ายกันพักสักแปปหนึ่งดีกว่า”

    โจวรุ่ยใช้สิทธิ์การเป็นกัปตันทีมประกาศให้ทุกคนพักผ่อน หากแต่สายตาที่มองมายังเยี่ยนเฉินและจื่ออี้กับหมายความมากกว่านั้น จะว่าไล่ก็ไม่เชิง มันคล้ายจะเป็นแววตาที่บอกเป็นนัยๆว่าเหล่าโอเมก้าสามคนในห้องกำลังต้องการเวลาส่วนตัว เยี่ยนเฉินสะกิดจื่ออี้ที่ยังดูหัวเสียระคนสับสนให้ลุกขึ้นเดินออกไปด้วยกัน ชายที่สวมแว่นตาทรงแฟชันหันมาพูดกับสมาชิกอัลฟ่าอีกคนของทีมด้วยเสียงตื่นเต้น

    “ฉันพูดว่าคุณพระคุณเจ้าช่วยอีกรอบได้ไหม”

     จื่ออี้ก็อยากจะพูดคำนั้นออกมาบ้างเหมือนกัน

    .

    “อยู่ใกล้อัลฟ่ามากๆมันไม่ดีนะ”

    โจวรุ่ยเริ่มเปิดประเด็นหลังจากที่ตัวเองเปิดสมุดบันทึกที่สวี่คุนยื่นให้จนครบทุกแผ่นแล้ว ชายร่างเล็กยื่นสมุดให้เจิ้งถิงที่กำลังนั่งดูสมุดของตัวเองหน้าเครียดอยู่เหมือนกัน

    “ยังไม่ยี่สิบก็ปกติแล้วล่ะที่ไม่ฮีท แต่ใกล้แล้วนะ รู้ตัวใช่ไหม ภายในปีนี้แน่ๆนายควรจะระวังตัวไว้”

    “แต่จื่ออี้ไว้ใจได้”

    “ฉันรู้ จริงอยู่ที่มีเขาทำให้นายปลอดภัยจากอัลฟ่าตัวอื่น แต่มันก็กระตุ้นสัญชาตญาณของนายเองด้วย”

    สวี่คุนเม้มปากแน่น ไม่พอใจนักเมื่อตนถูกบอกเป็นนัยให้เลิกตัวติดกับอัลฟ่าที่เปรียบได้กับเพื่อนสนิทที่สุดเพียงคนเดียวในการแข่งขัน และเพราะอารมณ์ยังไม่นิ่งจากฤทธิ์ฮอร์โมนทำให้เขาเผลอแสดงสีหน้าข่มขู่โจวรุ่ยไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ร้อนถึงเจิ้งถิงที่ต้องมาปลอบให้ใจเย็นลง โดยปกติโอเมก้าจะฮีทได้อย่างสมบูรณ์เมื่อมีอายุอย่างน้อยยี่สิบปี และรอบการฮีทของโอเมก้าแต่ละคนแตกต่างกันไปตั้งแต่เดือนละครั้งไปจนถึงสามถึงสี่เดือนครั้ง ทรมานพอๆกับประจำเดือนของผู้หญิงในความคิดของสวี่คุน ส่วนอัลฟ่าเองก็มีภาวะอาการติดสัดที่คล้ายคลึงกันแต่ถูกเรียกว่ารัท โดยปกติอัลฟ่าจะถูกกระตุ้นได้ง่ายเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับโอเมก้าที่กำลังจะฮีทหรือฮีทอยู่ แต่นั่นไม่ใช่คำนิยามของคำว่ารัทตามแบบที่หนังสือสุขศึกษาหมายถึง อาการรัทที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้เองแม้ไม่มีโอเมก้าและมีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นหากมีปัจจัยในส่วนของโอเมก้าร่วมด้วย ทั้งนี้อัลฟ่าจะรัทเพียงปีละสองถึงสามครั้ง อันเป็นความถี่ที่น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของการฮีทของโอเมก้าพอสมควร ทั้งนี้ก็เพื่อควบคุมประชากรไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป

    จริงอยู่ที่ช่ายสวี่คุนซึ่งยังอายุไม่ครบยี่สิบปี เพราะฉะนั้นอาการฮีทอย่างจริงจังเขายังไม่เคยได้สัมผัส แต่ทุกๆสามเดือนสวี่คุนจะมีอาการตัวร้อนผ่าว ส่งกลิ่นหอมตามธรรมชาติออกมามากกว่าปกติ สติและสัมผัสที่รับได้จะมึนชา บางครั้งรู้สึกคล้ายกึ่งตื่นกึ่งฝัน อาการที่คล้ายกับการฮีทแต่ไม่รุนแรงเท่าเพราะไม่มีอาการกำหนัดทางเพศที่ชัดเจนไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้สืบพันธุ์ ทว่าเป็นกลไกที่เกิดขึ้นเพื่อให้โอเมก้าได้เตรียมตัวและเพื่อให้อัลฟ่าได้รู้ว่าโอเมก้าแต่ละคนกำลังจะพรั่งพร้อมสำหรับการเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว

    “ช่วงนี้อยู่กับฉันไปก่อนนะสวี่คุน”

    โจวรุ่ยลูบกลุ่มผมสีอ่อนกว่าเฉดธรรมชาติไปโขด้วยความเอ็นดู ชายหนุ่มที่สูงเกินหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรซุกหน้าลงกับเข่าที่ชันขึ้น มือทั้งสองกำแน่นอย่างอึดอัดใจ อาการที่รุนแรงขึ้นจากทุกครั้งทำให้เขาครั่นเนื้อครั่นตัวและรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแออย่างน่าเกลียด

     

    ไม่ชอบตอนนี้เลย...

     

    “จื่ออี้ให้นายยืมเสื้อได้ไหม ใส่เสื้อเขาไว้อย่างน้อยกลิ่นนั่นก็ช่วยกันพวกอัลฟ่าโรคจิต”

    สวี่คุนไม่ตอบ เขาเพียงซุกหน้านิ่งค้าง หวังให้ทุกอย่างดีขึ้นเพียงดีดนิ้ว แต่ตัวเองย่อมรู้ดีว่าอาการนี้จะใช้เวลาราวๆสองถึงสามวันจึงจะทุเลา ที่ห่วงที่สุดคือการซ้อมการแสดงที่อาจเกิดปัญหา และเหมือนเจิ้งถิงจะได้ยินความคิดของเขา เจ้าตัวจึงเอ่ยเบาๆขณะลูบมือบนไหล่ให้คลายกังวล

    “ช่วงนี้ก็ซ้อมแยกกันไปก่อน ดีขึ้นค่อยรวมดีไหม”

    สวี่คุนพยักหน้าหงึกแต่ก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา เขาไม่ชอบเวลาตัวเองอ่อนแอ ยิ่งท่าทางไม่ประสาที่หลบเลี่ยงไม่ได้ของตนเขาก็ยิ่งเกลียด แต่สิ่งที่แย่ที่สุดในนาทีนี้ก็คือ

     

    “ห่างกับจื่ออี้สักวันสองวันนะ เดี๋ยวฉันไปคุยให้”

     

    สวี่คุนครางหงิง หวังเหลือเกินว่าจะไม่มีใครได้ยิน ฮอร์โมนที่ไม่ปกติทำให้เขารู้สึกเศร้า เขาต้องอยู่คนเดียวอีกแล้วทั้งๆที่กำลังรู้สึกไม่ดีเอามากๆแท้ ทำไมกันนะ ทั้งๆที่ถ้าเป็นจื่ออี้. . . มันจะไม่มีวันที่รู้สึกแย่ได้แบบนี้หรอก



    TBC.

    -------------------------------------------------------------------------------

    อ่ะน่ะ น้องไม่ได้ฮีทค่ะ แค่เหมือนจะฮีท เลยกินยากดไม่ได้ เพราะจะมีปัญหาในอนาคตค่ะ

    สงสารเขานะคะ อย่างงี้ต้องส่งพี่จื่ออี้ไป(โดยโจวรุ่ยตบ)


    ตอนนี้แปลกๆยังไงไม่รู้ ไม่รู้ว่าเรื่องเดินไหม เอาเป็นว่าช้าแต่ชัวร์ละกันเนาะ5555


    หวังว่าจะชอบกันนะคะ แม้นี่จะมาดึกมากก็ตาม คอมเม้นให้กำลังใจ ติชมได้แต่อย่าให้ถึงกับหน้าสั่นพันริกเตอร์เลยนะคะ

    ขอบคุณทุกๆคอมเม้นค่ะ น่ารักกันมากๆปาใจใส่ ส่วนคนที่ทวิตในแท็กก็น่ารักมากกกกกกเหมือนกันค่ะ

    เลิฟทุกคนเบย


    ฝากติด #สวี่คุนเป็นโอเมก้า ด้วยจ้า ฟิคไม่อัพก็ปารูป ปาคลิปที่เข้ากันกับความอัลฟ่าโอเมก้านี้ก็ได้ค่ะ ชอบเสพ555


    ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งค่ะ คราวหน้าเจอกันวันอาทิตย์นะคะ คิสสส

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×